ตอนที่ 7 : 2 0 6 M I L E S | Chapter6
2 0 6 M I L E S
Chapter_6
จองกุกก้มลงไปจูบหน้าผากของคนที่เพิ่งจะหลับไปเบาๆก่อนจะผละออก ร่างสูงของเจ้าของห้องหยัดตัวลุกขึ้นก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ หลังจากที่กล่อมให้จีมินหยุดร้องไห้ได้เขาก็จัดการพาอีกฝ่ายเข้ามานอนพักในห้องพร้อมกับบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเราจะคุยกันพรุ่งนี้หลังจากที่จีมินพักผ่อนเพียงพอแล้ว
เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วเขานั่งอยู่บนเตียงแล้วปล่อยมือข้างหนึ่งให้จีมินจับไว้ ส่วนอีกข้างก็ลูบหัวคนขวัญเสียเบาๆเป็นการปลอบ ทำซ้ำๆจนอีกฝ่ายเผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า
จองกุกจ้องมองคนที่นอนอยู่บนเตียงก่อนจะหลับตาลงแล้วพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เขาหมุนตัวเดินออกจากห้องนอนแล้วตรงไปที่ประตูห้อง กระชากมันเปิดออกอย่างแรงแต่ก็ต้องชะงักมือเมื่อกลัวว่าจะทำให้เกิดเสียงดังจนคนที่นอนหลับอยู่ในห้องสะดุ้งตื่น
เขาปิดประตูลงเบาๆก่อนจะเดินไปตามทางเรื่อยๆจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องของอดีตคุณหมอที่เพิ่งจะแยกกันเมื่อชั่วโมงก่อน เท้าที่ถูกห่อหุ้มด้วยรองเท้าหนังราคาแพงเตะเข้าที่ประตูห้องจนเกิดเสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ
ปัง!
จองกุกไม่ได้สนใจว่ามันจะก่อความรำคาญให้ใครไหม เพราะเขารู้ดีว่าบนชั้นนี้ไม่มีแขกเข้าพักและถึงจะมีห้องพักก็เก็บเสียงอย่างดีอยู่แล้ว
คนที่ข่มอารมณ์หงุดหงิดไว้ร่วมชั่วโมงยกมือขึ้นเสยผมที่ตกลงมาปรกหน้าอย่างแรงก่อนจะเตะเข้าที่ประตูห้องอีกรอบ แม้เสียงจะไม่ดังเท่ารอบแรกแต่เขาก็ได้ยินเสียงสบถแว่วออกมาจากในห้อง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังตะโกนด่าเขาอยู่แน่ๆ
“ใช้ตีนเคาะประตูหรือไงวะ” ซอกจินที่เปิดประตูออกมาเจอเพื่อนสนิทเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์
“หงุดหงิด” คนหงุดหงิดว่าแล้วดันตัวซอกจินที่ยืนขวางประตูอยู่ออกก่อนจะเดินเข้ามาในห้องทั้งๆที่ยังไม่ได้รับอนุญาต ซอกจินถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ก่อนจะปิดประตูแล้วเดินตามเพื่อนเข้ามา
“แล้วยังไง”
“กูหงุดหงิด”
“แล้วมาลงอะไรกับประตูห้องกูล่ะ”
“ก็มึงบอกอย่าใช้อารมณ์กับน้อง”
“อ่อ ก็เลยเอามาลงที่เพื่อนแทน” ซอกจินโยนกระป๋องเบียร์ให้เพื่อนก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา มองดูหน้าไอ้คนที่คบกันเป็นเพื่อนมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยก็ได้แต่นึกปลง ปลงกับตัวเองที่ต้องมาเป็นที่รองรับอารมณ์มันนี่แหละ
แต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะบางครั้งก็เป็นตัวเขาเองที่เอาอารมณ์หงุดหงิดจากงานไปลงกับมัน
“แล้วนี่ปล่อยน้องไว้คนเดียว?”
“หลับ เลยออกมาสงบสติอารมณ์”
“เดือดเลยสิ ตอนเห็นแผลบนตัวน่ะ”
“เออ แม่ง...”
ซอกจินลอบยิ้มอยู่ในใจยามที่มองปฏิกิริยาของเพื่อน ความจริงเขาก็พอจะรู้ตั้งแต่เห็นจองกุกกระวนกระวายอยู่กับเรื่องของเด็กคนนั้นแล้ว แต่ครั้งนั้นเจ้าตัวบอกว่าแค่ถูกใจเท่านั้น แต่ถ้ามองดูสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เขาบอกได้เลยว่าสิ่งที่จองกุกรู้สึกกับเด็กคนนั้นมันเกินเลยจากคำว่าถูกใจไปเยอะเลยล่ะ
“แล้วจะเอาไง”
“ไม่ไง เรื่องของเขาก็ให้เขาจัดการเอง”
“แน่ใจ?”
“อือ จริงๆก็พอจะรู้ แต่รอให้เขาพูดดีกว่า” มือหนายกกระป๋องเบียร์ขึ้นมาดื่มหลังจากที่เอ่ยจบ อันที่จริงเขาก็พอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจีมิน ไม่ใช่ว่าเขาเก่งจนมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นทะลุไปหมดทุกอย่าง แต่เป็นเพราะเลขาอย่างมินยุนกิที่ทำงานได้เร็วสมกับความไว้วางใจและเงินเดือนที่เขาจ่ายให้
เพราะฉะนั้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเขาพอจะรู้มาบ้างคร่าวๆ แม้จะไม่ได้ลงลึกแต่พอนำมาปะติดปะต่อกับเรื่องที่เคยรู้มาก็ดูเหมือนจะเข้ากันได้พอดิบพอดี
“แล้วถ้าน้องขอให้ช่วยล่ะ”
“ก็ถ้าเขาขอ”
“จะช่วย?”
“อือ”
“นี่ จองกุก” ซอกจินวางกระป่องเบียร์ที่พร่องไปเกือบครึ่งไว้บนโต๊ะแล้วเอ่ยเรียกเพื่อนเสียงเบา มุมปากยกยิ้มน้อยๆเหมือนอย่างที่เคยเป็นเวลามีเรื่องอะไรถูกใจ
“อะไร”
“ปกติมึงจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่นแบบนี้ เพราะความวุ่นวายจะตามมาแน่ๆ” อดีตคุณหมอว่าพร้อมกับสบตากับคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“มึงจะไม่ทิ้งงานมาเพราะคนอื่นแบบนี้”
“จะพูดอะไร”
“มึงจะไม่เก็บเรื่องของคนอื่นมาคิดจนหัวร้อนแบบนี้”
“ไม่ต้องอ้อมค้อมได้มั้ย”
“กำลังบอกมึงอยู่นี่ไง” ซอกจินว่าก่อนจะเอนหลังพิงกับพนักพิงของโซฟา มองหน้าคนที่เริ่มหัวเสียด้วยรอยยิ้ม เขาแค่อยากจะบอกอะไรบางอย่างกับจองกุก บางอย่างที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะฉุกคิดขึ้นมาบ้างไหม
“จิน”
“ถามตัวเองหน่อยจองกุก ถามใจตัวเองว่าตอนนี้น้องเป็นแค่คนที่มึงถูกใจที่จะมีเซ็กส์ด้วย หรือมันมากกว่านั้น” ซอกจินเอ่ยออกมาเสียงเรียบ แม้บนใบหน้าจะมีรอยยิ้มประดับอยู่ แต่เขาพูดมันออกไปด้วยความจริงจัง
“เพราะตอนนี้ในสายตากูน้องไม่ใช่คนอื่นสำหรับมึงแล้ว”
จองกุกชะงักไปตอนที่ได้ยินสิ่งที่ซอกจินต้องการจะบอก เขาใช้เวลาประมวลผมความคิดอยู่ไม่นานก็เลือกที่จะเอ่ยบางอย่างกับเพื่อน
“ไม่... ผิดแล้วจิน มึงคิดผิด”
“ยังไง”
“มันผิด...เพราะกูไม่เคยมองเขาเป็นคนอื่น”
ซอกจินฉีกยิ้มกว้างหลังจากที่ได้ฟังประโยคที่จองกุกเอ่ยออกมา คนที่เมื่ออาทิตย์ก่อนยังปากแข็งกับเขาทว่าวันนี้กลับกล้ายอมรับได้หน้าตาเฉย
“ยอมรับแล้วงั้นสิ”
จนถึงตอนนี้เขามั่นใจแล้ว ว่าพัคจีมินน่ะ ‘สำคัญ’
“อือ ยอม”
ครืดดด ครืดด~~
จองกุกงัวเงียตื่นเพราะเสียงสั่นของโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุด มันไม่ได้ดังถึงขั้นที่จะปลุกให้เจ้าของที่กำลังหลับใหลอยู่ตื่นขึ้นมารับ แต่เพราะเขาดันเป็นคนตื่นง่ายก็เลยตื่นมาดูโทรศัพท์ที่สั่นไม่หยุดมาเกือบจะห้านาทีแล้ว จองกุกลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินตรงไปหาโทรศัพท์ที่ถูกวางทิ้งไว้บนโซฟา
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วใช่ไหมนะ ที่เขาต้องตื่นขึ้นมาตอนเช้าเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ไม่ใช่ของตัวเองแบบนี้ มุมปากยกยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น จองกุกเดินไปหยิบโทรศัพท์เครื่องบางที่มีรอยแตกร้าวไปทั่วทั้งหน้าจอขึ้นมาดู ตอนแรกไม่คิดจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของจีมินโดยการรับโทรศัพท์แทน แต่เพราะมันสั่นไม่หยุดและเขาคิดว่าคนที่โทรมาคงไม่หยุดโทรแน่หากยังไม่มีคนรับสาย
และแน่นอนว่าเขายังไม่อยากปลุกคนที่กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียง เพราะเมื่อคืนตอนที่เขากลับมาที่ห้องหลังจากที่คุยกับซอกจินเสร็จ คนที่คิดว่าหลับไปแล้วกลับนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่บนเตียง กว่าจะกล่อมให้หลับไปอีกรอบได้ก็ใช้เวลาไปพอสมควร
จองกุกมองชื่อของคนที่กำลังโทรเข้ามา แม้หน้าจอโทรศัพท์จะแตกร้าวแต่ก็ไม่ได้มากพอที่จะทำให้อ่านตัวอักษรบนหน้าจอไม่ออก เขาไม่รู้ว่าคนที่โทรเข้ามาเป็นใคร แต่ดูจากชื่อแล้วคงจะเป็นผู้ชาย สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจที่จะกดรับ
“สวัสดีครับ” เขากรอกเสียงลงไปก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปคุยที่ระเบียงเพราะกลัวจะรบกวนคนที่นอนอยู่ อีกฝ่ายสบถออกมาเบาๆเพราะเขาดันไปพูดขัดตอนที่อีกฝ่ายกำลังจะเรียกชื่อเจ้าของโทรศัพท์ แอบได้ยินเสียงฮึดฮัดเบาๆก่อนที่จะเอ่ยกลับมา
“จีมินอยู่ไหน”
“เขาไม่สะดวกรับสายครับ”
“แล้วคุณเป็นใคร” จองกุกเอนหลังพิงกับราวระเบียงในตอนที่ปลายสายเอ่ยคำถามออกมา น้ำเสียงหงุดหงิดของอีกฝ่ายพาลทำให้เขาอารมณ์เสียไปด้วย
“มีอะไรจะฝากไว้ไหมครับ” เขาเลี่ยงที่จะตอบคำถามเพราะไม่อยากจะพูดอะไรให้มากความกับคนปลายสาย และเลือกที่จะเอ่ยคำถามออกไปแทน เสียงถอนหายใจที่ดังลอดออกมาทำให้จองกุกรู้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังโมโหน่าดู
“จอนจองกุก นั่นชื่อของคุณ ผมเดาถูกไหม?”
จองกุกชะงักไปเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้จักชื่อของเขา มือหนาวางลงบนราวระเบียงก่อนจะเคาะเบาๆ พิจารณาในความเป็นไปได้ที่ว่าทำไมคนๆนี้ถึงได้รู้จักเขา
“คุณเดาเก่ง”
“จีมินเคยเล่าเรื่องคุณให้ผมฟัง ...แต่ช่างหัวมันไปก่อน ตอนนี้ผมอยากรู้แค่ว่าจีมินอยู่ไหน”
“คิดว่าไงล่ะครับ”
“ผมแค่อยากรู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้อยากต่อล้อต่อเถียงกับคุณ”
“หวังว่าคงไม่ใช่คุณ”
“ถ้าคุณหมายถึงคนที่ทำให้เขาเจ็บ ผมสาบานได้ว่าไม่ใช่ผม”
จองกุกคุยกับปลายสายอีกประมาณห้านาทีก่อนที่จะวางสายไป หลังจากที่อีกฝ่ายยืนยันว่าไม่ใช่คนที่ทำให้จีมินตกอยู่ในสภาพแบบนี้เขาก็เริ่มที่จะเปิดใจแลกเปลี่ยนรายละเอียดและข้อมูลที่มีอยู่ตอนนี้
จนกระทั่งประโยคที่ว่า ‘ผมรู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่นี่เป็นเรื่องในครอบครัว’ อีกฝ่ายเอ่ยออกมาแบบนั้น เขาเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบแต่เพราะประโยคที่ตามมาทำให้อารมณ์เริ่มเย็นลง
‘ผมรู้จักคุณเพราะจีมินเล่าให้ฟัง แต่ไม่รู้หรอกนะว่าคุณจะสำคัญกับจีมินขนาดไหน และนี่เป็นเรื่องภายในของเรา แต่ถ้าคุณอยากรับรู้และเข้ามายุ่งเรื่องนี้ด้วยก็ไปคุยกับจีมินให้รู้เรื่องก่อนที่ผมจะไปถึง’
อีกฝ่ายบอกมาแบบนั้นก่อนจะสอบถามที่อยู่และวางสายไป ทำให้ตอนนี้เขาต้องเดินกลับเข้าห้องมาเพื่อปลุกคนตัวเล็กขึ้นมาคุยกันและเตรียมตัวเจอกับคนๆนั้น
คนที่เป็นคนสอนอะไรหลายๆอย่างให้พัคจีมิน เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าผู้ชายคนนั้นจะหน้าตาเป็นยังไง
“จีมิน ตื่นได้แล้วครับ” จองกุกเอ่ยเรียกคนที่นอนกอดผ้าห่มอยู่เบาๆ เอื้อมมือไปเกลี่ยผมที่ปรกหน้าปรกตาอีกฝ่ายอยู่ออกให้
ด้านคนหลับค่อยๆขยับตัวเพราะเสียงเรียกกับสัมผัสอุ่นๆที่ใบหน้า ภาพแรกที่เห็นหลังจากลืมตาตื่นคือความพร่ามัวก่อนจะค่อยๆฉายชัดจนทำให้เห็นว่าตอนนี้ตรงหน้าเขามีใครอีกคนส่งกำลังส่งยิ้มมาให้
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
จีมินยิ้มออกมาหลังจากที่ได้ยินคำทักทายของอีกคน มือเล็กยกขึ้นไปกุมมือของจองกุกที่วางอยู่บนใบหน้าของเขา
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
จีมินใช้เวลาในการอาบน้ำแต่งตัวประมาณยี่สิบนาที หลังจากที่เอ่ยคำทักทายตอนเช้าออกไปเขาก็โดนปลุกให้ไปอาบน้ำ เพราะจองกุกบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยและตอนนี้ก็กำลังมีคนเดินทางมาหา
มือเล็กติดกระดุมเม็ดสุดท้าย มองสภาพตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ รอยช้ำที่คอดูเหมือนจะชัดขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้เห็นชัดอะไรมากมายแต่มันก็น่ากลัวสำหรับเขา ข้อเท้าเองก็บวมขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับความปวดที่เพิ่มขึ้น
จีมินถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเดินออกไปหาจองกุกที่นั่งรออยู่บนโซฟา อีกฝ่ายขยับตัวลุกขึ้นไปหยิบอะไรสักอย่างแล้วปล่อยให้จีมินนั่งรอแทน ไม่นานนักจีมินก็ต้องสะดุ้งเพราะสัมผัสเย็นๆที่ข้อเท้า ถุงน้ำแข็งวางแปะอยู่ตรงที่เดิมที่เคยประคบเย็นอยู่เมือคืน
“ขอบคุณครับ” เอ่ยขอบคุณกับคนที่คอยดูแลทุกอย่างให้ เพราะตัวเขาเองลืมไปแล้วว่าคุณหมอสั่งให้ทำอะไรบ้าง
นึกแล้วก็ละอาย จะกี่ครั้งก็ดูเหมือนว่าเขาจะรบกวนเวลาของจองกุกเสมอ ไม่ว่าจะครั้งไหนก็พาแต่ความเดือดร้อนมาให้
“ขอฟังเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ไหมครับ”
“ขอเล่าแค่บางส่วนได้ไหมครับ” จีมินเอ่ยคำต่อรองทันทีที่ได้ยินคำถาม แม้จริงๆแล้วเขาจะไม่อยากเล่ามันออกมาสักเท่าไหร่ แต่จองกุกที่ให้ความช่วยเหลือเขาก็ควรจะได้รู้ เพราะฉะนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเล่ามันออกไปแค่บางส่วนเท่านั้น
“ได้ครับ”
คำบอกเล่าเริ่มขึ้นหลังจากที่จองกุกพยักหน้าตกลงกับคำขอของจีมิน คนตัวเล็กใช้เวลาอยู่เกือบสิบนาทีในการเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้จองกุกฟัง อีกฝ่ายทำแค่รับฟังโดยไม่ได้เอ่ยอะไรขัดขึ้นมา มือหนาเอื้อมมากุมมือเขาไว้ในตอนตอนที่เห็นว่ามันสั่นน้อยๆ
เป็นการกระทำที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาอย่างน่าประหลาด แต่กลับกันก็รู้สึกวูบโหวงในใจแปลกๆ
“ขอถามได้ไหมครับ” จองกุกเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่ได้รับฟังเรื่องราว จีมินเล่าแค่ว่าไปดูตัวมาและโดนอีกฝ่ายพยายามข่มขืน แต่ไม่ได้เอ่ยชื่อและบอกว่าใครที่เป็นคนทำ
“ครับ”
“โดนบังคับให้ไปหรือเปล่า”
“เปล่าครับ” จีมินส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป “ไม่ได้โดนบังคับแต่ก็ไม่ได้อยากไปครับ”
“ถ้างั้นมีเหตุผลอะไรที่ต้องไป”
“มันจำเป็นครับ” จีมินก้มหน้างุดเพราะเสียงดุๆของอีกฝ่าย กำมือเข้าหากันแน่นแม้ว่าจะมีมือของจองกุกคอยกุมอยู่
“ถามได้ไหมครับว่าทำไมถึงไม่ยอม” จองกุกเคลื่อนตัวลงไปนั่งบนพื้นพรมตรงหน้าจีมินแทน บอกตรงๆว่าเขาเองแอบแปลกใจอยู่ไม่น้อยในสิ่งที่จีมินเล่ามา เพราะไม่กี่อาทิตย์ก่อนหน้านั้นอีกฝ่ายเป็นคนเรียกร้องที่จะมีเซ็กส์กับเขา แต่กลับปฏิเสธที่จะมีเซ็กส์กับผู้ชายคนนั้น
แต่พอมองดูรอยตามตัวจีมิน เขาคิดว่าพอจะรู้ว่าทำไมมันถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากจะฟังจากปากของจีมินเองมากกว่า
“ผมไม่รู้...”
“ไม่รู้หรือไม่อยากบอกครับ”
จีมินเงียบไปหลังจากที่ได้ฟังคำถาม เหตุผลที่เขาหนีออกมาแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่มั่นใจนัก อาจจะเพราะมันไม่ใช่แบบที่เขาเคยคิดไว้ อาจจะเพราะความรุนแรงที่ได้รับมา หรืออาจจะเป็นเพราะคนที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้
“ไม่บอกได้ไหมครับ”
“แต่พี่อยากรู้ครับ”
คนโดนต้อนเบะปากงอแงเหมือนเด็ก แต่ก็น่าเอ็นดูสำหรับคนมอง จองกุกเลื่อนมืออีกข้างที่ว่างเว้นอยู่ไปกอบกุมมือน้อยๆของจีมินไว้จนมิด
“ช่วยพี่หาเหตุผลที่จะทำให้พี่อยู่ข้างๆหนูหน่อยได้ไหม”
จีมินเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า คำพูดที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาทำให้เขาอยากร้องไห้ มันเหมือนกับว่าจองกุกกำลังหาเหตุผลที่จะทำให้ตัวเองสามารถเข้ามาอยู่ในชีวิตเขาได้แบบที่ไม่ต้องคลางแคลงใจ
“พี่พูดขนาดนี้แล้ว รู้ตัวได้แล้วครับ”
...ว่าตัวเองน่ะสำคัญ
“เพราะคุณ... เพราะเขาไม่ใช่คุณ” จีมินไม่เข้าใจ แต่ก็เลือกที่จะเอ่ยออกไป เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ เขาแค่อยากจะลองมีเซ็กส์กับใครสักคนเพื่อที่จะได้ชินกับการดูตัวที่มีจุดประสงค์แอบแฝงแบบนี้ เขาแค่อยากจะเคยชินกับมัน
และใช่...จอนจองกุกทำให้เขาเคยชิน แค่คืนเดียวที่ทำให้เขาเคยชินกับความอบอุ่นและความใส่ใจที่อีกฝ่ายมอบให้
มันผิดไปหมด ผิดจากที่คิดไว้ ทุกอย่างคลาดเคลื่อนไปจากการคาดการณ์ของเขา เพราะเขาเองก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะรู้สึกกับคนที่เป็นแค่คู่นอนข้ามคืนได้มากขนาดนี้
ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ...
“ถ้ามันเป็นเพราะพี่ พี่จะถือว่าตัวเองมีส่วนร่วมกับมันนะ” จองกุกเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้จีมินเลือกที่จะพูดคำนั้นออกมาเขาก็อยากจะขอบคุณ
“เพราะงั้นพี่คงปล่อยผ่านเรื่องนี้ไม่ได้แล้วนะครับ”
ยังไม่ทันที่จีมินจะได้เอ่ยอะไรกลับไป เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาเสียก่อน จองกุกคลายมือที่กอบกุมมือน้อยๆของจีมินออกก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้น เขาส่งยิ้มน้อยๆให้จีมินก่อนจะเดินออกไปเปิดประตูห้องต้อนรับผู้มาใหม่
หลังจากที่ปลุกจีมินเสร็จเขาก็จัดการโทรหาพนักงานว่าถ้ามีคนมาขอพบก็ให้ขึ้นมาที่ห้องได้เลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาลงไปรับให้วุ่นวาย
มือหนาเอื้อมไปเปิดประตู คนที่อยู่ตรงหน้าต่างจากที่เขาคิดไปเยอะพอควร เสื้อฮู้ดสีแดงกับกางเกงยีนส์ขาสั้นขาดๆไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดว่าจะได้เห็นจากผู้ชายที่เป็นคนสอนเรื่องแบบนั้นให้จีมิน
ผิดจากที่คาดไปเยอะ ทั้งลักษณะท่าทาง การแต่งตัว รวมถึงใบหน้าที่ออกไปทางสวยหวานมากกว่าหล่อนั่นอีก
“คุณจะจ้องหน้าผมอีกนานไหม”
นี่สินะ ผู้ชายที่ชื่อ ‘จองโฮซอก’
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เพราะจองกุกจริงๆด้วยที่ทำให้จีมินมีอะไรกับใครไม่ได้อีก รับผิดชอบเลยพี่จองกุก อิอิ
อยากกอดน้องเลยน่ารักที่สุดลูกแม่
เรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้ว รอติดตามตอนต่อไปนะคะ