ตอนที่ 5 : 2 0 6 M I L E S | Chapter4

2 0 6 M I L E S
Chapter_4
ติ้ง!
เสียงเตือนของลิฟท์ดังขึ้น จีมินเหลือบไปมองหมายเลขชั้น 28 คือตัวเลขที่ปรากฏอยู่บนจอ เขาอยากจะผละตัวออกจากอ้อมแขนของลีชิน แต่ทว่าแรงที่มีอยู่กลับน้อยนิดจนไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นได้ ที่ทำได้ตอนนี้คือการตามน้ำไปให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาไม่ได้ขัดขืนอะไร
ทำให้อีกฝ่ายตายใจนั่นแหละคือหนทางรอดของเขา
ไม่ใช่ว่าจีมินไม่รู้ว่าชินกำลังจะทำอะไร แต่เขารู้ว่าถ้าขัดขืนไปก็เปล่าประโยชน์ บนนั้นมีแต่คนของชินเต็มไปหมด ซึ่งดูๆแล้วคนพวกนั้นก็คงไม่มีทางจะช่วยเขาแน่ๆ เพราะฉะนั้นการอยู่ด้วยกันแค่สองคนเขายังมีหนทางรอดมากกว่า
ถ้าสิ่งที่เขาคิดมันไม่ผิดล่ะก็นะ...
ประตูห้องถูกเปิดออกโดยฝีมือของลีชิน อีกฝ่ายพาจีมินเข้าไปในห้องก่อนจะจัดการปิดประตูให้เรียบร้อย
“อึก”
จีมินกัดปากตัวเองแน่นหลังจากที่โดนอีกฝ่ายผลักลงบนเตียงอย่างแรง กระดุมเสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่ถูกปลดออกทีละเม็ดก่อนที่อีกฝ่ายจะกดจูบลงบนซอกคอของเขา อยากจะขัดขืน แต่กลับไม่มีแรงเลยสักนิด จีมินกัดริมฝีปากตัวเองแรงๆให้พอมีสติ
ไม่รู้ว่าจงชินใส่อะไรลงไปในไวน์บ้าง อาจจะมีอย่างอื่นนอกเหนือจากเหล้า...
จีมินยิ้มเยาะให้กับความโง่ของตัวเอง จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าเขาดื่มเหล้ากับไวน์ในเวลาไล่เลี่ยกันไม่ได้ และถ้าจะมีก็คงมีแค่คนในครอบครัวที่รู้
คนพวกนั้นจงใจเป็นแบบนี้สินะ
ขยะแขยง...
คือความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นหลังจากที่อีกฝ่ายส่งลิ้นออกไม่ไล้เลียบนลำคอ จีมินพยายามกวาดสายตาไปรอบห้องเพื่อหาทางรอด แต่ก็ไม่มีอะไรพอที่จะทำให้เป็นแบบนั้นได้เลย
หรือเขาควรจะยอมให้มันจบๆไป เพราะถึงยังไงหลังจากวันนี้ไป ถ้าไม่ใช่ลีชิน เขาก็คงจะโดนส่งไปหาคนอื่นอีกอยู่ดี เขาควรจะทำยังไงดีนะ
หนีจากลีชินให้ได้แล้วไปเจอกับคนอื่นอีก หรือจะยอมให้มันเกิดขึ้นแล้วให้มันจบลงที่ตรงนี้...
ทว่ายังไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น สัมผัสรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้จีมินต้องนิ่วหน้า มือหนาที่เค้นคลึงอยู่ตรงบั้นท้ายกับริมฝีปากที่ดูดดึงลำคอขาวจนเป็นรอยแดงเต็มไปหมด สัมผัสอันจาบจ้วงและการกระทำที่รุนแรงทำให้ในใจเกิดความหวาดกลัว ...มันต่างจากสิ่งที่เคยได้รับ
“อึก ปล่อย...”
มือเล็กพยายามดันตัวอีกฝ่ายให้ออกห่าง จีมินกัดปากตัวเองจนเลือดไหลเพื่อพยุงสติที่แทบจะไม่เหลือของตัวเองไว้
เขาทำไม่ได้ มันขยะแขยงจนอยากจะกรีดร้องให้สุดเสียง ไม่เหมือนกันเลยสักนิด ไม่เหมือนกับสิ่งที่คนๆเคยทำให้
...เขาทำไม่ได้ มีอะไรกับคนอื่นนอกจากผู้ชายคนนั้นไม่ได้
“บ้าเอ้ย อยู่นิ่งๆสิวะ” ลีชินจีบมือเล็กๆที่พยายามดันตัวเขาออกเอาไว้ มันไม่ได้รุนแรงแต่ก็น่ารำคาญอยู่ไม่น้อย
จะขัดขืนให้ได้อะไรขึ้นมาล่ะ เพราะสุดท้ายแล้วที่บ้านของเด็กคนนี้ก็คงจับเจ้าตัวใส่พยานมาให้เขาอยู่ดี ข้อตกลงที่รู้กันแค่ไม่กี่คนนั่น ยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าบ้านของพัคจีมินต้องการเงิน และครอบครัวของเขาช่วยได้
จริงๆแล้วเขามีคู่ดูตัวอีกมากมายที่ดูดีกว่าเด็กคนนี้ แต่จะทำยังไงได้ล่ะในเมื่อพ่อของเขาดันชอบเด็กนี่ซะได้ หน้าตาดี การศึกษาดี ทำงานเก่ง ถึงจะเป็นแค่ลูกบุญธรรม เป็นแค่เด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง แต่คุณสมบัติกลับดีกว่าพวกลูกคุณหญิงคุณนายที่เขาเคยเจอมา
เพราะแบบนั้นแหละ พ่อเขาถึงได้ชอบเด็กนี้นักหนา
แต่พ่อชอบ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะชอบด้วย เรื่องที่ย้ำนักย้ำหนามาว่าให้ดูแลดีๆเขาก็ไม่คิดจะทำ มันจะต่างอะไรกับคนอื่นๆล่ะ สุดท้ายแล้วก็ที่มาก็เพราะต้องการเงินของครอบครัวเขาอยู่ดี
เพราะงั้นแค่เรื่องพวกนี้จะเป็นไรไป
“ดี อยู่นิ่งๆแบบนั้นแหละดี” ลีชินคลายมือที่จับข้อมือของอีกคนเอาไว้ออกเพราะเห็นว่าจีมินคงหมดแรงที่จะต่อต้านแล้ว มือหนาเริ่มลูบไล้ไปบนเรือนร่างของจีมินอีกครั้ง
ทั้งริมฝีปากที่กำลังดูดเม้มบนลำคอ ทั้งแรงเค้นจากฝ่ามือที่กำลังลากไล้ไปทั่วทำเอาคนที่กำลังนอนนิ่งรู้สึกขยะแขยง จีมินเม้มปากแน่น มือเริ่มปัดป่ายไปทั่วเพื่อหาสิ่งของที่พอจะทำให้ตัวเองรอดพ้นจากสถานการณ์นี้
เขาละความสนใจจากลีชินแล้วเริ่มมองหาของที่อยู่รอบๆตัว ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าเขาสมยอมและไม่คิดที่จะขัดขืนอะไรอีก แต่ยิ่งพยายามมองหาเท่าไหร่ความหวังเขาก็ยิ่งริบหรี่ลงเท่านั้น ในเมื่อห้องนี้ไม่มีอะไรที่พอจะหามาเป็นอาวุธได้เลยสักชิ้น
จีมินสะดุ้งน้อยๆตอนที่มือของอีกฝ่ายพยายามที่จะปลดเข็มขัดของเขา ทว่าความหวังที่เคยริบหรี่เริ่มทอแสงขึ้นเรื่อยๆเมื่อคิดได้ว่ายังมีของสิ่งหนึ่งที่พกติดตัวอยู่ตลอดเวลา จีมินเริ่มขยับหลังจากที่พบว่าเรี่ยวแรงที่เคยหดหายเริ่มกลับมา เขาปล่อยให้ลีชินจัดการกับเข็มขัดต่อไปโดยไม่ได้เอ่ยห้าม คนตัวเล็กดันตัวเองขึ้นจากเตียงก่อนจะจัดการเอามือคล้องคอแล้วดึงอีกฝ่ายเข้ามาจูบ ลีชินดูเหมือนจะชะงักไปเมื่อโดนโต้กลับด้วยการจูบ ไม่ทันได้สงสัยอะไรก็โดนบดเบียดริมฝีปากเข้ามาอีกครั้ง
มือเล็กที่คล้องคอลีชินอยู่ค่อยๆเลื่อนออกทีละน้อย ค่อยเป็นค่อยไปจนอีกฝ่ายไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าคนที่กำลังมอบจูบแสนหวานให้กำลังคิดจะพยศ จีมินเลื่อนมือลงไปควานหาสิ่งที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบมันขึ้นมากำไว้แน่น
ในใจภาวนาให้สิ่งที่อยู่ในมือแข็งพอที่จะทุบหัวอีกฝ่ายให้แตกได้ ถ้าไม่แตกก็ขอให้อีกฝ่ายมึนจนลุกขึ้นมาวิ่งตามเขาไม่ทันก็พอ เขาไม่ได้อยากทำร้ายร่างกายลีชิน แต่จะให้คุยต่อรองก็คงคุยกันไม่รู้เรื่อง ในเมื่อเจตนาของอีกฝ่ายจัดเจนอยู่แล้วว่าต้องการอะไร
จีมินกำของที่อยู่ในมือแน่น รอจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอเพราะกำลังมัวเมากับร่างกายของเขาก่อนจะผลักออกอย่างแรงแล้วฟาดสิ่งที่อยู่ในมือใส่ ไม่ได้สนใจว่ามันจะโดนส่วนไหนของหัว แต่ขอให้โดนก็พอ
“โอ้ย!!”
และคงเป็นโชคดีของเขาที่โทรศัพท์เดี๋ยวนี้ใช้วัสดุอย่างดีในการประกอบตัวเครื่อง ทำให้มันทนทานพอที่จะกลายเป็นอาวุธได้ ลีชินนอนกุมหัวตัวเองอยู่บนเตียงในขณะที่จีมินพยายามจะลุกออกจากเตียง ทว่ายังไม่ทันจะพ้นเตียงข้อเท้าเล็กก็ถูกคว้าไว้ก่อนจะถูกลากกลับไป
“อึก ปล่อย!” เท้าเล็กๆพยายามดิ้นรนหาทางรอด เขาใช้เท้ายันไปทั่วไม่สนว่ามันจะโดนส่วนไหนของลีชิน
“ชอบความรุนแรงเหรอ ได้!”
“อั้ก!” คนตัวเล็กนอนคุดคู้อยู่กับพื้นเพราะแรงกระแทก ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวก็โดนกระชากจนตัวลอย ก่อนจะโดนอีกฝ่ายผลักลงไปบนเตียงอย่างแรง
“จะเล่นตัวให้ได้อะไรขึ้นมา หรืออยากอัพค่าตัว?” ลีชินเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือที่วางลงไปบนลำคอของจีมิน ลงน้ำหนักจนมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ลุกขึ้นมาพยศให้เขาเจ็บตัวอีก
“ปล่อย!” จีมินร้องเสียงดัง เงยหน้าขึ้นมองลีชินที่กำลังบีบคอเขาอยู่ ไม่สิ...ต้องเรียกว่าพยายามกดให้เขาอยู่นิ่งๆมากกว่า เพราะแรงที่ส่งมาไม่ได้มากถึงขนาดที่จะทำให้เขาหายใจไม่ออก จีมินพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ พลางมองหน้าอีกฝ่ายให้ชัด ตรงขมับด้านซ้ายของลีชินมีรอยแตกจากการที่เขาฟาดโทรศัพท์มือถือใส่ เมื่อเห็นแบบนั้นคนตัวเล็กก็พยายามดิ้นให้หลุด เขามั่นใจว่าลีชินไม่กล้าบีบคอเขาแรงๆเพราะกลัวเขาจะเป็นอะไรไปจริงๆ
และนั่นก็ส่งผลดีกับเขา จีมินพยายามใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ปัดแขนของลีชินออกก่อนจะใช้เล็บจิกลงบนแขนของลีชินอย่างแรง อีกฝ่ายสะบัดแขนออกแทบจะทันทีเมื่อโดนเล็บของจีมินจิกเข้าจนมีเลือดซิบ
“แม่งเอ้ย!” ลีชินสบถก่อนจะเอามือลูบแขนตัวเองไปมา จีมินมองภาพตรงหน้าก่อนจะตัดสินใจขยับตัวลุกขึ้นแล้วเอาหัวตัวเองโขกทับรอยแผลเดิมของลีชินอย่างแรงแล้วเอาโทรศัพท์เครื่องเดิมทุบย้ำตรงรอยแผลจนอีกฝ่ายร้องโอดครวญ
“อ๊ากกกกก”
“แฮ่ก ฮึก...”
จีมินรีบขยับลงจากเตียงก่อนจะรีบวิ่งไปเปิดประตูแล้ววิ่งออกไป ไม่สนใจแม้กระทั่งกระเป๋าหรือแม้แต่รองเท้าที่ยังวางนิ่งอยู่ในห้อง คนตัวเล็กตัดสินใจที่จะวิ่งลงบันใดแทนการใช้ลิฟท์ ความรีบร้อนทำให้เผลอก้าวพลาดจนกลิ้งตกบันใดไปหลายขั้น
“ฮึก” มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะจัดการกับเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยของตัวเองให้เข้าที่ จีมินมั่นใจว่าลีชินคงไม่เสี่ยงที่จะลงมาตามเขา เพราะถ้าเจอกับแขกท่านอื่นในโรงแรมเข้า คงไม่แคล้วจะเป็นเรื่อง
ระยะทางจากชั้น 28 ถึงชั้น 1 ไม่ใช่ระยะทางน้อยๆ จีมินพาตัวเองออกมาจากโรงแรมโดยที่ไม่สนสายตาของคนที่มองมาและไม่ขอความช่วยเหลือจากใครทั้งสิ้น เขาตัดสินใจก้าวขึ้นแท็กซี่ที่มาส่งแขกของทางโรงแรมพอดีก่อนจะบอกจุดหมายปลายทางให้กับคนขับ
คุณลุงคนขับแท็กซี่ปลายตามองเขาเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร จีมินกลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะปล่อยเขาทิ้งกลางทางเพราะสภาพของเขาตอนนี้ไม่น่าดูเท่าไหร่ เสื้อเชิ้ตสีขาวยับยู่ยี่ไปหมด พอๆกับเท้าที่ปราศจากรองเท้า
โชคดีแค่ไหนที่เขามีโทรศัพท์ติดตัวมาด้วย จีมินสูดหายใจก่อนจะตั้งสติแล้วเริ่มกดโทรศัพท์โทรหาคนไม่กี่คนที่เขาคิดว่าไว้ใจได้ มือเล็กพยายามเลื่อนหาเบอร์โทรของเพื่อนสนิทแม้ว่ามือจะสั่นมากขนาดไหนก็ตาม
จีมินเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์จนไปเจอชื่อของ ‘คิมแทฮยอง’ ก่อนจะกดโทรออกอย่างเร็ว ทว่าเสียงปลายสายที่ตอบกลับมาทำคนตัวเล็กแทบจะร้องไห้
‘ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลข...’
เขาลืมไปได้ยังไงว่าเพื่อนคนนี้เพิ่งจะเดินทางไปทำธุระที่ต่างประเทศเมื่อสองวันก่อน... จีมินถอนหายใจออกมาก่อนจะเลื่อนขึ้นไปที่เบอร์โทรของใครอีกคน
เขาอยากจะกดโทร แต่ถ้าโทรไปก็คงไม่แคล้วจะเป็นเรื่อง ‘จองโฮซอก’ พี่ชายคนสนิทของเขา หลานชายคนเดียวของคุณนายพัค โฮซอกไม่เคยเห็นด้วยกับเรื่องนี้ คนๆนั้นคัดค้านเรื่องการดูตัวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร นั่นหมายความว่าถ้าเขาโทรหาอีกฝ่าย คนที่จะเดือนร้อนคงไม่พ้นคุณนายพัค
จีมินก้มหน้าลงซุกกับเข่า เขาไปหาแทฮยองไม่ได้แล้ว เท่ากับว่าวันนี้เขาไม่มีที่ให้ไปแล้ว จะให้กลับบ้านเขาคงไม่ทำ ยิ่งให้ไปเปิดห้องในโรงแรมอยู่คนเดียวก็ยิ่งไม่กล้า พอคิดได้แบบนั้นก็ตัดสินใจเงยหน้าขึ้น วันนี้เขาคงต้องขอไปพักบ้านเพื่อนสักคน แม้จะไม่สนิทเท่าแทฮยองก็ตาม ...แต่พอคิดดูดีๆแล้วเขาก็ไม่มีเพื่อนคนไหนที่จะสนิทพอที่จะไปรบกวนในยามวิกาลแบบนี้ได้
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเว้นระยะกับเพื่อนทุกคนเสมอ นั่นเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย และตอนนี้มันก็กำลังแสดงผลในด้านข้อเสียออกมา
คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพราะดูเหมือนว่าตัวเลือกเดียวที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้คือจองโฮซอก มือเล็กเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ไปที่รายชื่อผู้ติดต่อ ทว่าก่อนที่จะกดโทรออกหาโฮซอกสายตาดันไปสะดุดกับรายชื่อที่อยู่ถัดจากนั้น
เขาจำได้ว่าไม่เคยมีเบอร์ของคนๆนี้ เขาจำได้ว่าไม่เคยแลกช่องทางการติดต่อกับคนๆนี้ เขาจำได้ว่าตัวเองไม่เคยบันทึกรายชื่อของคนๆนี้เอาไว้ในโทรศัพท์
แล้วทำไม... ชื่อของ ‘จอนจองกุก’ ถึงได้ปรากฏอยู่ตรงนี้
จีมินกดเข้าไปดูข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้แล้วพบว่ามันเป็นเบอร์โทรศัพท์มือถือ กดเข้ากดออกอยู่หลายครั้ง แต่ก็ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำยังไงดี จะโทรหาโฮซอกแต่ก็กลัวว่าจะเป็นเรื่อง แต่จะให้โทรไปหาผู้ชายคนนั้นก็ดูจะแปลกไปสักหน่อย
เขาไม่ได้มีธุระอะไรกับจอนจองกุก และไม่กล้าที่จะโทรไปรบกวนเวลาของอีกฝ่ายด้วย แค่คู่นอนข้ามคืนครั้นจะให้โทรไปหาแล้วบอกว่าคืนนี้ขอไปพักด้วยสักคืนได้ไหมก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำ สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจเอ่ยปากรบกวนคุณลุงคนขับแท็กซี่ให้ลงไปซื้อรองเท้าให้สักคู่ โดยโอนเงินให้คุณลุงผ่านทางโทรศัพท์
ท้ายที่สุดแล้วก็ตัดสินใจที่จะโทรหาโฮซอก แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสาย จีมินยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วพบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะห้าทุ่มแล้ว และนี่ก็เป็นช่วงที่โฮซอกปั่นงาน เพราะงั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่อีกฝ่ายจะมัวแต่วุ่นกับงานจนไม่ได้สนใจโทรศัพท์
ระหว่างที่รอคุณลุงลงไปซื้อรองเท้าก็ลองเลื่อนหารายชื่อในโทรศัพท์ดูไปด้วยแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอใครที่พอจะพึ่งพาในเวลาแบบนี้ได้เลยสักคน จีมินเงยหน้าขึ้นมองรอบๆตัว เขาไม่รู้ว่าลีชินจะตามมาไหม ในโรงแรงอีกฝ่ายคงไม่กล้า แต่ออกมาข้างนอกแล้วนั่นก็อีกเรื่อง จีมินกดค้นหาโรงแรมไปเรื่อย แม้จะรู้ว่ายังไงก็ไม่สามารถเข้าพักได้เพราะเขาไม่มีเอกสารยืนยันตัวตน พวกโรงแรมที่เข้าพักโดยไม่ใช้เอกสารก็ไม่ปลอดภัยมากพอ
ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คุณลุงคนขับแท็กซี่เปิดประตูเข้ามาพอดี อีกฝ่ายส่งเงินทอนมาให้แต่จีมินไม่รับไว้แล้วยืนยันว่าจะให้มันเป็นสินน้ำใจที่คุณลุงเป็นธุระลงไปซื้อรองเท้ามาให้เขา คนตัวเล็กบอกจุดหมายปลายทางที่ใหม่ที่ต้องการจะเดินทางไป
ล็อบบี้โรงแรมพอจะเป็นที่พักพิงของเขาในคืนนี้ได้ไหมนะ คิดแล้วก็ได้แต่หวังว่าโรงแรมห้าดาวแบบนั้นจะไม่โยนเขาออกมาเพราะสภาพที่เป็นอยู่ของเขาตอนนี้ก็ใช่ว่าจะดี
จีมินลงจากแท็กซี่หลังจากที่มาถึงจุดหมาย มีโรงแรมมากมายให้เลือก แต่เขากลับเลือกที่นี่เพราะรู้สึกอุ่นใจมากกว่า แม้มันจะเป็นแค่ความรู้สึกลึกๆก็ตาม
อันดับแรกเขาลองเข้าไปติดต่อเรื่องห้องพัก แล้วก็เป็นไปตามที่คาดไว้เพราะที่นี่ไม่รับแขกที่ไม่มีเอกสารยืนยันตัวตน เพราะงั้นตอนนี้เขาเลยต้องเดินคอตกมานั่งจมปุกอยู่ที่โซฟารับรองแขกที่ทางโรงแรมจัดไว้
นั่งไปสักพักก็มีพนักงานเดินมาถามชื่อก่อนจะเดินกลับออกไป จีมินตอบคำถามไปตามจริง และไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะถามไปทำไม เพราะตอนนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าที่จะคิดอะไร คนตัวเล็กซบหน้าลงกับผ่ามือ ปิดกั้นสิ่งต่างๆรอบตัวจนกระทั่งได้ยินเสียงคนทัก
“ขอโทษนะครับ”
จีมินเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งยองๆอยู่ตรงหน้า ผู้ชายตัวขาว ผมขาว ใส่เสื้อยืดสีขาว ขาวไปหมดเว้นก็แต่กางเกงกับรองเท้าที่เป็นสีดำ จีมินขยับตัวหนีเล็กน้อยก่อนจะมองไปรอบๆ
“คุณจีมินใช่ไหมครับ”
“ครับ...” จีมินตอบรับเสียงเบา จะว่าหวาดระแวงก็คงใช่ เพราะตอนนี้เขาพร้อมที่จะวิ่งหนีตลอดเวลาแม้ว่าร่างกายแทบจะถึงขีดจำกัดแล้วก็ตาม
“มินยุนกิครับ เป็นเลขาของคุณจองกุก” อีกฝ่ายเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ แต่ก็ดูอบอุ่นจนทำให้คนที่สร้างกำแพงป้องกันตัวเองเริ่มผ่อนคลายลง
“บอสให้พาคุณขึ้นไปรอที่ห้องครับ”
“ละ...แล้ว คุณจองกุกล่ะครับ”
“บอสมีแขกครับ”
“ผมรอตรงนี้ก็ได้ครับ”
“ขึ้นไปข้างบนเถอะครับ จะได้ทำแผลด้วย” ยุนกิว่าพร้อมรอยยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือไปหาคนตรงหน้า ตอนนี้คนตรงหน้าเขาเหมือนตุ๊กตากระเบื้องที่พร้อมจะแตกร้าวได้ตลอดเวลาหากไม่รักษาไว้ให้ดี
“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ที่นี่ไม่มีใครทำร้ายคุณได้ทั้งนั้น”
จีมินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วก็ยอมยื่นมือออกไปหามือที่รออยู่ พอลุกขึ้นยืนแล้วถึงได้รู้ว่าขนาดตัวของเขากับคุณเลขาไม่ได้ห่างกันมาก แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขากลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูพึ่งพาได้มากกว่าเขา จีมินปล่อยให้คุณเลขาเดินจูงมือไปที่ลิฟท์
“เขารู้ได้ยังไงเหรอครับ ว่าผมอยู่ที่นี่”
“เรื่องนั้นรอถามบอสเองดีกว่าครับ” จีมินพยักหน้าเบาๆ ไม่อยากเซ้าซี้หาคำตอบ รอไม่นานนักคุณเลขาตัวขาวก็พาเขามาถึงห้อง อีกฝ่ายเปิดประตูห้องให้เขาเข้ามาก่อนจะขอตัวกลับออกไปพร้อมกับทิ้งท้ายไว้ว่า
‘เดี๋ยวจะมีคุณหมอมาทำแผลให้นะครับ’
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โอ้ยยยย ลุ้นสุด ดีที่ออกมาได้