Black Day , Black Guy {kai x sehun} - Black Day , Black Guy {kai x sehun} นิยาย Black Day , Black Guy {kai x sehun} : Dek-D.com - Writer

    Black Day , Black Guy {kai x sehun}

    ต้องทำตัวอย่างไร เมื่อมีของดำ มาวุ่นวายในวัน 'black day'

    ผู้เข้าชมรวม

    918

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    918

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    17
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ม.ค. 56 / 14:23 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      Title : BlackDay , Blackguy

      Couple : Kai x Sehun

      Author : wa-i_onne

       

       

       

       

       

      BlackDay , BlackGuy

       

       


      วัน Black Day คือ

      วันสำหรับเหล่าผู้ชายที่ชอกช้ำ อกหัก รักคุดจากการที่ไม่ได้ของขวัญในวันที่ 14 กพ. (Valentine Day)

      วันสำหรับเหล่าหญิงที่ไม่มีใครซื้อของขวัญคืนให้ในวันที่ 13 มีค. (White Day)

      วันสำหรับการตอกย้ำความชีช้ำกระหล่ำปลีที่ไม่มีใครใดเหลียวของชาวเกาหลี

      หรือพูดง่ายๆก็คือ วันที่ระลึกของคนครองโสดนั่นเอง

      ในวันนี้หนุ่มๆ และสาวๆ ช้ำรักเหล่านั้นก็จะมาใส่ชุดดำ ดื่มกาแฟดำ กินถั่วดำ ทานของดำ

      ทานยากิโซบะสไตร์เกาหลีที่เรียกว่าจาจังมยอน (짜장면 Jajangmyeon)

      (เครดิต http://ryuo-wizard.exteen.com/20100414/14-apr-black-day)

       

       

       

      วันนี้เป็นวันเสาร์...

      ทั้งที่สีประจำวันเสาร์ควรจะเป็นสีม่วง แต่เขากลับปวารณาวันนี้ให้เป็นวันสีดำ

      เพราะอะไรน่ะหรอ ...

      เพราะมันเป็นวันที่คนไร้คู่ ทั่วๆไป เขานิยมมากินไอ้อาหารที่รูปร่างเป็นเส้นสีดำๆนี่น่ะสิ

      แล้วทำไม โอเซฮุน คนนี้ต้องมานั่งกินมันด้วยเล่า !!!!

       

       

      ทั้งๆที่เมื่อวันวาเลนท์ไทน์ที่ผ่านมาก็มีทั้งสาวเล็ก สาวน้อย สาวใหญ่ และไม่ใช่สาวทั้งหลายทั้งแหล่มารุมล้อมให้ทั้งดอกไม้ ช็อคโกแลต และของขวัญต่างๆนานา แล้วทำไมพอผ่านมาอีกสองเดือนเหตุการณ์มันถึงได้เป็นแบบนี้ล่ะ(วะ)!

       

      ร่างโปร่งแลบลิ้นเลียปากไปมาอย่างใช้ความคิดระหว่างที่รอจาจังมยอนมาเสิร์ฟ แต่เพราะที่นั่งของร้านนั้นเป็นกระจกใส จึงทำให้พอมองเห็นด้านนอกได้ว่ามีใครเดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้ เจ้าของตัวขาวกับส่วนสูงที่ออกจะมากกว่าคนธรรมดาอยู่มากปล่อยแผ่นหลังให้แนบชิดกับพนักพิงอย่างเหนื่อยหน่าย พร้อมๆงึมงำบ่นอะไรไปเรื่อย แต่แล้วก็ต้องชะงัก

       

      ไอ้คนที่กำลังเดินมานั่น มันหน้าคุ้นๆอยู่นะ ...

       

      เพราะที่ที่นั่งอยู่นั้นสามารถเห็นคนเดินผ่านไปมาได้สะดวกตา โอเซฮุนจึงชอบที่จะมองการกระทำของคนที่อยู่ภายนอกร้านแล้วสังเกตไปด้วย มันก็สนุกดีนะกับการได้เห็นสีหน้าหลากหลายแบบ แต่วันนี้กลับไม่คิดว่าสนุก เพราะหลังจากสมองประมวลผลเสร็จแล้วว่าไอ้คนหน้าคุ้นเมื่อกี๊มันเป็นใคร เขาก็แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ยิ่งเห็นว่ามันกำลังเดินเข้ามาในร้านด้วยแล้ว ยิ่งอยากจะเอาเมนูมาปิดหน้าเหมือนในละคร เสียก็ตรงที่ว่า

       

      “อ้าว นั่นมันหนุ่มฮอตโอเซฮุนไม่ใช่หรอ”

       

      เสียงทุ้มแสนจะมีสเน่ห์ของอีกคนดังขึ้นทั้งๆที่เขายังไม่ได้ยืนมือออกไปหยิบจับอะไรด้วยซ้ำ เซฮุนอ้าปากค้างอย่างหมดคำจะพูด อยากจะทำเป็นไม่รู้จักแต่ไอ้ตัวดำนั่นก็เสือกเดินเข้ามานั่งด้วย แถมยังสั่งอาหารเสร็จสรรพ เขาเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลยเพราะหมดคำจะพูด

       

      “แม่งหน้าด้าน”

      “อะไร อยู่ๆก็ด่าเฉย”

      “มึงแม่งอยู่ๆก็นั่ง”

      “ก็มันไม่มีที่”

       

      ไม่มีที่พ่องงง? เขาเหลือบมองตั้งแต่ก่อนเข้าร้านแล้วว่ามันมีอีกเป็น 10 ที่ที่พอจะให้ไอ้ดำนี่ยัดตัวลงไปได้ แต่มันไม่ ถึงแม้เขาจะนั่งทำหน้าบูดอยู่ตลอดเวลาแต่มันก็ยังไม่สะทกสะท้าน โอเซฮุนกรอกตาไปมาเป็นรอบที่ร้อยกับพฤติกรรมอันไม่น่าไว้วางใจของ เพื่อนร่วมห้อง คนนี้ .. ใช่ ! มันเสือกเป็นเพื่อนร่วมห้อง ร่วมกลุ่ม และนั่งโต๊ะข้างๆกันเสียด้วย

       

      “ตอแหลสัส”

       

      ด่าเข้าให้อีกรอบแต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ คิมจงอินยังคงนั่งแคะขี้เล็บขี้ฟันไปเรื่อย จนกระทั่งอาหารของเขาที่สั่งไปนานแล้วมาเสิรฟนั่นแหละ มันถึงได้เหลือบตามามองอย่างสงสัยใคร่รู้ ร่างขาวแอบเห็นไอ้คนผิวสียกยิ้มเล็กน้อยแล้วทำหน้าล้อเลียน

       

      “โห โอเซฮน เหงาขนาดต้องมากินจาจังมยอนย้อมใจเลยหรอ”

       

      เขาแทบจะเอาตะเกียบแทงตามันให้รู้แล้วรู้รอดถ้าไม่ติดว่าการกระทำนั่นมันผิดกฎหมาย เซฮุนได้แต่ข่มใจนับหนึ่งถึงร้อยก่อนจะคีบเส้นและเครื่องเคียงกินพร้อมทั้งทำหน้าให้เฉยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ยังไม่ทันจะได้เอาอะไรเข้าปาก มือดำๆของไอ้คนหน้าด้านที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็หยุดทุกอย่างไว้เสียก่อน

       

      “รอด้วยดิ”

      “เรื่อง?”

       

      พูดพลางกระชากข้อมือตัวเองออกจากมือมันพลาง แต่ไม่รู้ทำไมไอ้คนผิวสีตรงหน้าถึงได้แรงเยอะนัก ดึงเท่าไรก็ไม่หลุด แถมจะทำสะบัดสะบิ้งมากก็กลัวจะดูแย่ โอเซฮุนเลยทำได้เพียงยอมแพ้แล้วนั่งรออาหารของคนตรงหน้าเท่านั้น

       

      “กูหิวแล้ว”

      “นึกยังไงมากินจาจังมยอน?”

       

      มันตอบเค้าด้วยคำถามกับสายตาจริงจัง ไอ้คนตัวดำจ้องหน้าเขาคาดคั้นจะเอาคำตอบเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญมากทั้งๆที่เมื่อครู่นี้มันถามแค่ว่าทำไมต้องหมี่ดำ เซฮุนได้แต่ตอบในใจว่า คงอยากกินอะไรดำดำเหมือนผิวมึงมั้ง ถามไม่เข้าเรื่อง

       

      “เปลี่ยว เหงา หรืออยากมีแฟน”

       

      เจ้าของผิวสีเข้มยังคงถามต่อแล้วใช้สายตาคมคู่เดิมกดดันเขา คนตัวขาวกรอกตาไปมาอย่างเอือมระอา สมองก็ได้แต่นึกคำตอบที่มันดูเข้าท่ากว่าไอ้ตัวเลือกพวกนั้น แต่ก็ไม่เจอ เพราะเขายังให้คำตอบตัวเองไม่ได้เลยว่าทำไมต้องมานั่งกินหมี่ดำหลังเลิกเรียนในวันแบล็กเดย์ ทั้งๆทีเขาก็ไม่ได้ใส่ใจมันมากสักเท่าไร

       

      อาจจะเป็นเพราะฉากบอกรักหวานแหววชวนอ้วกเมื่อเดือนก่อนกระมัง

       

      โอเซฮุนยังไม่ทันที่จะตอบคำถาม พนักงานเสิร์ฟสาวสุดจะโมเอ้ก็เดินเอาถ้วยบะหมี่ร้อนกรุ่นอีกถ้วยมาตั้งอยู่บนโต๊ะเขา คนมานั่งก่อนเพิ่งสังเกตว่าคนผิวเข้มเองก็สั่งอาหารเมนูเดียวกับเขา คิมจงอินยิ้มเท่ก่อนจะหยิบตะเกียบกับช้อนขึ้นมา แล้วลงมือโซ๊ยเส้นดำๆขยุกขยุยในชามของมันเข้าปากทันทีโดยไม่ส่งเสียงเรียกคนที่มันบอกให้รอสักคำ เซฮุนได้แต่เข่นเขี้ยวในใจ นึกคาดโทษไอ้คนนิสัยเสียไว้เยอะแยะก่อนจะลงมือทานบ้าง

       

      ไม่มีคำพูดใดใดออกมาจากปากทั้งคู่ ซึ่งปกติมันก็เป็นอย่างนี้จนชินแล้ว เพราะมันก็เป็นอย่างนี้เสมอเวลาทานอาหารกลางวัน ทั้งโต๊ะมีคน มีไอ้คนตัวเตี้ยพูดมากอยู่คนนึง กับไอ้คนตัวสูงที่เป็นลูกคู่ความพูดมากอีกคนนึง ส่วนเขาสองคนก็ได้แต่นั่งเคี้ยวข้าวหงุบหงับไม่สนใจฟ้าดิน ใช่ เซฮุนรู้ว่ามันเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว แต่มันก็น้อยครั้งนักที่เขาจะได้มานั่งทานอะไรกับไอ้ดำนี่สองคน

       

      โอเซฮุน กับ คิมจงอิน เป็นเพื่อนร่วมห้องกันมมาตั้งแต่ ม.ต้น และด้วยความที่เป็นเด็กสูง ที่นั่งด้านหลังจึงมักจะเป็นของเขาสองคนเสมอ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะสนิทกันเสมอไปหรอก แค่นั่งข้างกันตลอดหกปี แต่เซฮุนกลับรู้สึกว่าไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับอีกคนมากนัก รู้แค่ว่าเป็นคนที่น่าหมั่นไส้ตงิดๆ หน้าตากวนๆ และดูง่วงนอนตลอดเวลานั่นไม่ได้ลดเสน่ห์ของไอ้ดำนี่ลงไปเลย และแน่นอน เอกลักษณ์ของไอ้หมอนี่คือการที่ไม่ได้มีผิวขาวแบบไอดอล แต่กลับเป็นผิวสีน้ำผึ้งที่เขาเรียกติดปากมาตลอดว่าดำ กลับยิ่งทำให้มันดูหล่อโหดๆยังไงอย่างนั้น

       

      คิมจงอิน ในความคิดของ โอเซฮุน เป็นคนประหลาด

       

      ไอ้หมอนั่นชอบกวนเขา แน่ล่ะ เหมือนเป็นความสุขของมันไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะนั่งใกล้กันแต่เขาและมันก็ไม่ได้พูดอะไรกันมากนัก มีแต่ประโยคสั้นๆ ไม่ก็คำพูดเวลากวนโอ๊ยเท่านั้น คิมจงอิน เป็นคนที่เซฮุนไม่สามารถให้คำตอบในการกระทำหลายๆอย่างของหมอนั่น อีกทั้งยังไม่สามารถอธิบายการกระทำของตัวเองได้เหมือนกัน

       

      เขาเสพติดการมองหน้ามัน ...

       

      มันเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดตั้งแต่เกิดมาที่เซฮุนเคยรู้สึก ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร แต่พอรู้ตัวเองที เขาก็กลายเป็นคนชอบมองหน้าด้านข้างของไอ้บ้านี่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าจะต้องไม่ให้มันรู้ ดังนั้น ถึงแม้ว่าคิมจงอินจะนั่งอยู่ด้านหน้า โอเซฮุนก็ไม่สามารถเงยหน้าขึ้นไปมองได้เต็มตาหรอก

       

      “นี่ถามจริงๆนะ”

       

      จู่ๆมันก็พูดย้ำคำถามที่เซฮุนเกือบจะลืมไปแล้วของมันอีกรอบ เขาได้แต่ทำหน้าเบื่อหน่ายส่งไปให้ แต่แน่ล่ะ มีหรือที่มันจะรู้สึก อีกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับไอ้บ้านี่คือมันเป็นคนที่สุดแสนจะหน้าด้าน เพราะถึงแม้เขาจะแสดงอาการผลักไสไล่ส่งมันสักเท่าไร สุดท้ายไอ้บ้านี่ก็จะมาวนเวียนรอบตัวเขาอยู่ดี

       

      “ก็แค่อยากกิน”

      “งั้นเราะ”

      “ว่าแต่มึงเถอะ ไม่มีเดทหรือไง”

       

      คนถูกถามชะงักกึกไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสาวเส้นเข้าปากดังเดิม มันยังไม่คิดจะตอบคำถามเขา อาจจะมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับแฟนสาวของมันก็เป็นได้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เซฮุนอยากจะรู้เสียหน่อย ร่างแลบลิ้นเลียริมฝีปากอีกครั้งก่อนจะหันไปสนใจชามบะหมี่ด้านหน้า

       

      “ไม่มีหรอก จะให้ไปกับใครล่ะ” คนชอบตอบคำถามด้วยคำถามเลิกคิ้วข้างหนึ่งให้เจ้าของร่างขาวเป็นเชิงถามกลับ

      “จะรู้มึงไหม”

       

      ใช่ ทำไมเขาจะต้องไปรู้เรื่องส่วนตัวของมันด้วยเล่า ถึงข่าวการคบกันของคิมจงอินและดาวโรงเรียนลูกครึ่งคนสวยที่ชื่อแอนนานั่นจะโด่งดังไปทั่ว เขาก็แค่รู้มาว่าพี่เขาให้ช็อคโกแลตมันวันวาเลนไทน์ แล้วไอ้ดำนี่ก็เชื่อมสัมพันธ์ด้วยการซื่อของไปให้ในวันไวท์เดย์อีก 1เดือนต่อมา ตามธรรมเนียมเป๊ะๆ ก็เท่านั้นเอง

       

      “ฉันเลิกกับพี่แอนนาตั้งนานแล้วนะ”

       

      จู่ๆมันก็พูดขึ้นมาต่อจากความคิดของเซฮุนทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้ขอ ทำเอาคนตัวขาวแทบจะสำลักเส้นหมี่ดำ หาน้ำกินแทบไม่ทัน ดวงตาใสเหลือบมองคนตรงหน้าเป็นเชิงถาม แล้วจงอินก็พูดต่อ

       

      “คิดว่าคงยังไม่รู้”

      “ทำไมกูต้องรู้?”

      “อยากให้รู้ไง”

      “มึงมันประสาท!

       

      ด่าเข้าให้เป็นรอบที่เท่าไรของวันก็ไม่รู้ ปิดท้ายด้วยการกรอกตาไปมาบอกว่าเอือมระอาเต็มทน เส้นสีดำในชามพร่องลงไปมากแล้ว เซฮุนจึงแลบลิ้นเลียปากแล้วพักกินน้ำ ก่อนจะใช้สปีดสุดท้ายทานจนหมดชาม แล้วลุกขึ้นเดินไปจ่ายเงินโดยไม่บอกกล่าว ทิ้งให้อีกคนตะโกนไล่หลังอยู่อย่างนั้น

       

      “เฮ้ย โอเซฮุน รอด้วยดิ!!

       

       

       

       

       

       

       

      เซฮุนจ้ำอ้าวออกมาจากร้านไม่นาน ไอ้เงาดำดำนั่นก็รีบรุดวิ่งตามมาอย่างรวดเร็ว เขาแอบได้ยินมันบ่นกระปอดกระแปดเล็กน้อยแต่ก็ยังคงรักษาระยะการเดินเท้าอยู่ไม่ห่างเขา ไม่รู้ว่ามันจะตามไปถึงไหน เซฮุนเองก็ยังไม่ได้คิดว่าจะไปไหนต่อ ที่มาห้างสรรพสินค้านี่เพราะคิดอย่างเดียวว่าจะมากินจาจังมยอนร้านดัง

       

      “นี่มึงไม่มีอะไรทำจริงๆใช่ไหม”

       

      หันกลับไปถามมันด้วยความเอือมอีกครั้งเมื่อยังเห็นว่าไอ้คนสิ้นคิดนี่ไม่มีทีท่าจะไปไหน คิมจงอินพยักหน้าหงึกหงึก ก่อนจะอันเชิญตัวเองมาเดินข้างๆคนตัวขาวเมื่อเห็นว่าอีกคนพูดด้วย ไอ้ดำนี่มันก็ดูน่าสงสารนิดหน่อยนะ ถ้าเซฮุนไม่เหลือบไปเห็นแววตาระริกระรี้ดี๊ด๊าเสียเต็มประดาของมัน มันทำตัวเหมือนกำลังสนุก ... ทั้งๆที่เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นบ้า

       

      “จะไปไหน?”

       

      มันกวนตีน ไม่เคยตอบคำถามเขาให้ถูกต้องสักคำถาม แล้วยังเสือกมีหน้ามาถามกลับอีก โอเซฮุนเลือกที่จะไม่ตอบ แต่ขายาวก็มุ่งหน้าไปสู่จุดมุ่งหมายที่คิดไว้ในใจแล้ว ร้านชานมที่เขาชอบกิน ได้ข่าวว่ามาเปิดสาขาใหม่ที่นี่ คิดพลางแลบลิ้มเลียปากอย่างเคยชิน อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ แต่ไอ้คนข้างๆก็เสือกเอ่ยขัดดวงขึ้นมาก่อน

       

      “ไอ้หนูชานม จะไปกินชานมอีกแล้วหรอ”

      “สัส มึงแก่กว่ากูเท่าไรเชียวไอ้ดำ”

       

      คิมจงอินไม่ตอบ แต่ทำเพียงแค่ยกไหล่ขึ้นแล้วลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ คนตัวขาวเลยประเคนฝ่าเท้าใส่มันไปที มันร้องโอดโอยเหมือนเจ็บหนัก แต่เซฮุนรู้ว่ามันตอแหลไปอย่างนั้น เขาเคยเห็นไอ้บ้านี่ใช้มารยาออดอ้อนเด็กมันอยู่ออกบ่อย แล้วสุดท้ายพวกเธอทั้งหลายก็(เต็มใจ)ตกหลุมพรางนั้นไปเต็มๆ

       

      บางทีเขายังคิดเลยว่าเขาเองก็อาจจะตกหลุมพรางนั่นเข้าแล้ว

       

      เดินไปอีกไม่เท่าไรก็ถึงร้านชานมที่เซฮุนชอบ ตอนแรกไอ้ดำนั่นว่าจะรออยู่ข้างนอก แต่พอมันส่องในร้านเห็นเมนูที่สนใจปุ๊บ ก็สะบัดก้น(?)เดินเข้าร้านไปปั๊บ ให้มันได้อย่างนี้สิ

       

      ใช้เวลาไม่นานน้ำปั่นสองแก้วก็แผ่ความเย็นอยู่ในมือเซฮุนเสียแล้ว ใช่ สองแก้ว มีชานมไข่มุกแก้วโปรดแก้วนึง กับกาแฟขมๆของไอ้ดำนั่นอีกแล้ว โดยที่มันอาสาไปจ่ายเงินให้อย่างไม่มีเหตุผล เขาล่ะนึกสงสัยมานานแล้ว ว่าทั้งๆที่มันออกจะชอบกินกาแฟขนาดนั้น ทำไมถึงยังดูง่วงนอนตลอดเวลาอีก ? นี่ไม่ได้สังเกตหรือใส่ใจอะไรมันหรอกนะ แต่เพราะคิมจงอินบริโภคกาแฟทุกพักกลางวัน บ่อยพอพอกับที่เขากินชานม แต่พอขึ้นห้องคาบบ่ายปุ๊บ มันก็สามารถหลับได้อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

       

      คิมจงอินเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงออกมา ก่อนจะหยุดยืนข้างๆเขาแล้วเสยผมน้อยๆ มือขาวยื่นแก้วกาแฟปั่นให้มันก่อนจะเอ่ยขอบคุณเล็กน้อยที่เลี้ยง พลางคิดถึงจุดหมายต่อไป ว่าจะเป็นร้านรองเท้าหรือร้านหนังสือดี แต่ยังไม่ทันจะคิดออก แขนดำดำข้างที่ในมือไม่มีกาแฟปั่นอยู่ก็ถูกวางแหมะไว้บนคอ ก่อนเจ้าของมันจะเอ่ยปากพูด

       

      “ไปดูหนังกัน”

      “ห๊ะ?”

      “ไป.ดู.หนัง.กัน”

       

      มันไม่ได้ขยายความอะไรเพิ่มขึ้นจากประโยคชักชวนนั้น แต่ทำแค่พูดให้ช้าและชัดกว่าเดิม ซึ่งโอเซฮุนน่ะได้ยินตั้งแต่รอบแรกแล้ว แต่แค่ไม่เข้าใจ

       

      มันจะชวนเขาดูหนังหาพระแสงอะไรวะ

       

      “เรื่อง?”

      “สไปเดอร์แมนก็ได้ อยากดูไม่ใช่หรอ?”

      “ไม่ใช่ คิมจงอิน กูถามว่าเรื่องอะไรของกูที่ต้องไปกับมึงล่ะ ประสาท!

       

      คนตัวขาวมุดตัวออกมาจากวงแขนแข็งแรงที่คล้องคอเขาอยู่ ก่อนจะทำหน้ายู่ใส่ไอ้คนหน้าด้าน ลิ้นเล็กๆแลบเลียริมฝีปากตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คิมจงอินก็ยังคงไม่ตอบโต้อะไร ยังคงยืนยิ้มเผล่อยู่ที่เดิม ไม่มีคำตอบจากปากคนผิวเข้ม มีแต่รอยยิ้มกวนๆที่ไม่หายไปจากใบหน้า บ่งบอกว่าเจ้าตัวอารมณ์ดี

       

      ใช่ มันอารมณ์ดี ทั้งที่เขากำลังจะเป็นบ้าครั้งแล้วครั้งเล่า !

       

      “ก็ว่างไม่ใช่หรอ?”

      “เออ ว่าง แต่ไม่ว่างกับมึง”

      “ไปเหอะ หนังจะฉายแล้ว”

       

      ห๊ะ !!!

       

      เมื่อสักครู่นี่เขาแน่ใจนะว่าบอกมันว่าจะไม่ไปกับมัน ไอ้ดำนี่มันประสาทหูเจ๊งไปแล้วหรือไงวะ !!!

       

      คราวนี้คิมจงอินไม่พูดเปล่า แต่ดันเอาแขนล่ำๆที่ไม่รู้ว่าไปเล่นกล้ามมาตอนไหนตวัดรอบเอวเขาไว้ ออกแรงเพียงนิดเดียวโอเซฮุนก็ต้องเดินตามจังหวะเท้ามัน ลงอีหรอบเดิมอีกแล้ว เขาไม่ได้อยากไป แต่ก็ไม่อยากโวยวายให้มันดูสะดิ้ง ลงท้าย ไอ้หน้าด้านตัวดำที่มีชื่อว่าคิมจงอินก็พาเขามายืนหน้าโรงหนังจนได้ มันยื่นกระดาษแผ่นสีเหลี่ยมเล็กๆสองใบให้เซฮุนถือไว้ ก่อนที่ตัวเองจะเดินเท่ๆ(?)ไปซื่อป๊อบคอร์น ไม่ได้บอกให้รอ ไม่ได้บอกให้อยู่เฉยๆ คิมจงอินไม่ได้กลัวเขาหนีไปเลยสักนิด

       

      คนตัวขาวเม้มปากแดงๆก่อนจะแลบลิ้นเลียปากอย่าติดนิสัยอีกรอบ ก่อนจะก้มมองกระดาษในมือแล้วพบว่า มันเป็นตั๋วหนัง เขาได้คำตอบแล้วว่าทำไมมันถึงกล้าปล่อยให้เขายืนเฉยๆ เพราะไอ้ห่านั่นเสือกทิ้งตั๋วหนังไว้กับเขา ตั๋วหนังเรื่องที่มันพ่นชื่อเรื่องออกมาเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว

       

      มันไปซื้อมาตอนไหน ?

       

      โอเซฮุนเห็นแค่มันลากเขามาที่ชั้นโรงหนัง แล้วเดินตัวปลิวไปซื้อป๊อบคอร์น ยัดกระดาษสองใบที่เป็นตั๋วหนังให้ ทั้งๆที่ยังไม่ได้เดินไปซื้อสักนิด แล้วย้อนไปก่อนหน้านี้ มันก็อยู่กับเขามาเป็นชั่วโมง นี่ตกลงคิมจงอินมันจะเทเลพอร์ตได้จริงๆนะหรอ ?

       

      คนที่คิดอย่างงั้น คงประสาทกลับแล้วล่ะ !

       

      เจ้าของผิวสีคล้ำเดินกลับมาตรงที่เซฮุนยืนอยู่พร้อมด้วยขนมเต็มสองมือ มันพยักหน้าเป็นเชิงเรียกให้เขาเดินเข้าไปหา ก็อยากจะยืนอยู่ตรงนี้แกล้งมันต่ออ่ะนะ ถ้าไม่ติดว่าใบหน้าอ้อนตีนนั่งกำลังทำตาน่าสงสารเสียจนอดทำตามไม่ได้ แล้วโอเซฮุนแม่งก็โง่ตกหลุมพรางที่ไอ้ดำขุดไว้อีกครั้ง สุดท้าย เขาก็ได้เข้าไปดูหนังกับมันอยู่ดี

       

       

       

       

       

       

       

      หนังจบไปแล้ว ...

       

      ถ้าจะให้วิจารณ์ คนตัวขาวคนพูดได้คำเดียวว่าสนุก โอเซฮุนไม่ได้ชอบดูหนังกระทั่งว่าจะพรรณาได้เป็นฉากๆ เรื่องที่อยากดูส่วนมากก็เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่พูดถึงกัน และการันตีแล้วว่ามันจะสนุกจริงๆ เขาถึงจะยอมเสียเงินเข้าไปในห้องทึบสีดำขนาดใหญ่นั่น อีกทั้งเกล้าอี้นวมที่ดูเชิญชวนเหลือเกินก็อาจจะทำให้เขาผล็อยหลับไปได้

       

      แต่เพราะครั้งนี้เขาไม่ได้เป็นคนออกเงินค่าดูหนังนี่ เพราะไอ้ดำที่เอาแต่ลากเขาไปโน่นนี่โดยไม่สนใจคำโต้แย้งเลยทำตัวเป็นคนดีออกให้ทุกอย่างกระทั่งของทานเล่นในโรง เซฮุนเลยเลือกที่จะหยุดด่ามันไปพักใหญ่ๆ แต่ก็อย่าว่าอย่างนู้นอย่างนี้เลย กับอีแค่เลี้ยงหนังเพื่อนร่วมห้อง คงไม่ทำให้คุณชายตระกูลคิมขนหน้าแข้งร่วงหรอก

       

      ทั้งๆที่หนังจบไปแล้ว แต่ไอ้บ้านี่ก็ยังไม่หุบยิ้ม

       

      ทั้งที่เรื่องที่(มัน)เลือกจะดูไม่ใช่หนังรักหวานแหวว ออกจะเป็นแอคชั่น-ไซไฟเสียด้วยซ้ำ แต่มันก็ยังเอาแต่ยิ้ม ขนาดมองในที่มืดแล้วไม่สมควรจะเห็นหน้ามันเพราะมันดำ แต่เขาก็ยังเห็นรอยยิ้มประดับที่หน้ามันอยู่ตลอดเวลา

       

      “กูเดินอยู่กับคนบ้าหรือเปล่า?”

      “คนบ้าที่ไหนจะหล่อขนาดนี้หืม? โอเซฮุน”

       

      คนตัวขาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อได้รับคำตอบที่มาพร้อมกับเสียงหวานๆของมัน จู่ๆขนแขนมันก็พากันลุกซู่อย่างไม่มีสาเหตุ คงเพราะคิมจงอินอุตริมาหงมาหืมใส่ เขาละอยากจะโก่งคออ้วกเสียตรงนี้ถ้าไม่ติดว่านี่มันกลางโรงหนัง และเขาก็ไม่ได้หน้าด้านแบบอีกคนที่ถือวิสาสะดึงเอวเขาเข้าไปใกล้อีกแล้ว

       

      “ทำสันดานแล้วมึงอ่ะ”

       

      พูดพลางถองศอกใส่สีข้างไอ้คนหน้าด้านให้ร้องโอดโอย ก่อนที่จะเดินฉิวออกมาอย่างสะใจ ทิ้งให้ไอ้คนสำออยยืนกุมสีข้างตัวเองอยู่อย่างนั้น ขายาวก้าวฉับออกจากโรงหนัง แต่ยังไม่ทันจะพ้นบริเวณ สายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่ทำเอาเขาอยากจะหันหลังกลับแล้วเดินไปทางอื่น...แต่ดูท่าจะไม่ทันเสียแล้ว

       

      ร่างบางของใครบางคนที่เซฮุนเห็นกำลังเดินเข้ามาในระยะสายตา พอดีกับที่ไอ้ดำนั่นก้มหน้าก้มตาเดินตามหลังเขามาทันพอดี มันชนหลังเขาครั้งนึงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามอง แน่นอนว่ามันต้องเห็นในสิ่งที่เขาเห็น เพราะเขารู้สึกว่าคิมจงอินชะงักกึก ก่อนจะอึ้งไปพักใหญ่ ประจวบเหมาะกับที่คนสวยคนนั้นหันมาเห็นหน้ามัน(และเค้า)พอดี

       

      เจ้าหล่อนยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินเฉิดฉายเข้ามาใกล้ ข้างกายมีบุรุษปริศนาที่เขาไม่รู้จัก แต่เดาว่าไอ้ดำนี่คงรู้จักเป็นอย่างดีแน่ๆ เพราะมันรีบเอามือมาวางแปะตรงเอวเขาแล้วรั้งเข้ามาใกล้ทันที โอเซฮุนได้แต่เบิกตากว้าง ทำตัวไม่ถูกเมื่อผู้หญิงคนนั้นเดินมาถึง หล่อนยังคงยิ้ม ส่วนคิมจงอินก็ยังคงนิ่ง

       

      เหยด อย่ามาทำให้กูเป็นเหมือนคนที่มึงควงมาประชดเขาสิวะ ไอ้ห่านี่ !

       

      “ไง จงอิน มาเดทหรอ?”

      “แล้วแต่พี่จะคิดเถอะ”

       

      มันพูดเสียงแข็ง ไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ โอเซฮุนได้แต่อ้าปากแบบ งงๆ เหล่ตามองไอ้ดำที่ยืนข้างๆ กับสาวสวยตรงหน้าสลับกันไปมา เจ้าหล่อนยังคงยิ้ม นัยน์ตาพราวระยับเหมือนกำลังสนุกกับการได้ไล่ต้อนคิมจงอิน (หรือเขาอาจจะคิดไปเอง แต่แววตาเธอดูสนุกมากจริงๆ) คนตัวขาวพยายามทำตัวให้ลีบที่สุด จะพูดอะไรออกไปก็ไม่กล้า จะเดินออกจากสถานการณ์ประดักประเดิดนี่ก็ไม่ได้ เพราะติดมือดำๆรั้งเอวไว้อยู่ เลยได้แต่ยืนเกร็งอยู่ในบรรยากาศมาคุนั่น

       

      “ไม่เห็นแนะนำให้รู้จักบ้างเลย ไอ้เราก็คนคุ้นเคย ฮึฮึ” สาวเจ้าพูดแล้วหัวเราะคิก เซฮุนไม่มั่นใจว่าเธอพยายามจะเยาะเย้ยถากถาง หรือเห็นเป็นเรื่องสมควรขำกันแน่ แต่ที่รู้ๆคือ ไอ้ดำนี่ยังหน้าหงิกอยู่เหมือนเดิม

       

      “เรื่องสิ? พี่แอนนาน่ะรีบไปดูหนังเถอะ เดี๋ยวจะพลาดต้นเรื่องเสียเปล่าๆ ลาล่ะ”

       

      พอมันพูดจบก็ออกแรงรั้งเอวเขาให้เดินออกจากโซนโรงหนังไปกับมันทันที เซฮุนออกจะตกใจกับการสนทนาที่ดูแปลกๆนั่น แปลกทั้งพี่แอนนา ทั้งคิมจงอิน เพราะแทนที่สาวเจ้าจะโกรธที่โดนพูดห้วนๆใส่เหมือนฉีกหน้า เธอกลับหัวเราะคิกคัก แม้กระทั่งตอนที่เขาก้มหัวบอกลาก็ยังไม่เลิก ผู้หญิงคนนี้ก็แปลก

       

      ส่วนคิมจงอิน ตอนที่กำลังทำหน้าเซ็งเอาโล่อยู่ห่างไปจากเขาประมาณ1เมตร เพราะ หลังจากตั้งสติได้โอเซฮุนก็รีบผลักไอ้คนหน้าด้านที่วันนี้ถือวิสาสะแตะตัวเขาบ่อยเป็นพิเศษออกจากตัว แล้วกำชับว่าถ้าเข้าใกล้อีกจะต่อยให้คว่ำ มันเลยยอมเดินหงอยๆห่างเขาไปได้ แต่ไอ้ดำเจ้าเล่ห์นี่ยังไม่หมดลาย มันหว่านล้อมเขาจนเขาบอกให้มันไปส่งที่บ้านด้วยรถมันเองได้นั่นแหละ มันถึงยอมเลิกเล้าหรือ

       

      แต่ก็แปลกที่คิมจงอินไม่ได้มีท่าทีเสียใจอย่างที่เขาคิดว่าจะเป็นสักนิด

       

      เพราะพี่แอนนาเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาเคยเห็นคิมจงอินคิดจะจริงจังด้วยขนาดซื่อของขวัญวันไวท์เดย์ให้ แล้วก็คบกัน ตามที่รู้มา ไม่ใช่ว่าปกติไอ้ดำนี่จะไม่มีผู้หญิงเข้ามาหรอกนะ เรียกได้ว่ามีตลอดนั่นแหละ แต่มันแค่ไม่เคยเปิดตัว โอเค ที่เซฮุนรู้ก็เพราะมันนั่งข้างๆไง เขาไม่ได้สนใจมันเท่าไรจริงๆนะ

       

      การคบกับพี่แอนนาของมันดูจะเป็นพิธีรีตองที่สุดแล้วถ้าเทียบกับคนอื่น ขนาดแบคฮยอนกับชานยอล คู่หู คู่บ้า ที่ทะเลาะกันบ่อยๆยังมีความเห็นตรงกันในเรื่องนี้ เขาเลยนึกว่ามันจริงจังกับแฟนคนนี้มาก

       

      แต่ก็แปลก ที่การเจอกันครั้งนี้มันไม่ได้ดูเสียใจเท่าที่ควร

       

      อาจจะหน้าตึงที่พี่เขามาทัก แต่มันไม่ได้เศร้า เซฮุนแน่ใจอย่างไรว่ามันไม่ได้เศร้าน่ะหรอ ก็เพราะมันยังขยันที่จะกวนประสาทเขาทุกนาที แววตาไม่มีรอยเศร้า มีแต่แววสนุกสนานปนกับอยากรู้อยากเห็นเสียมากกว่า .. แต่บางทีเขาก็แอบคิดว่ามันอาจจะเศร้า แต่ไม่แสดงออกมาก็เป็นได้

       

       

       

       

       

       

      รถยุโรปคันหรูสีสะอาดตามกำลังเลี้ยวเข้าซอยที่ตัดจากถนนใหญ่โดยที่เขายังไม่ได้เอ่ยปากบอกมันสักคำ คนขับผู้ที่มีตำแหน่งเป็นเจ้าของรถยังคงผิวปากอย่างสบายอารมณ์ โอเซฮุนจำได้ว่าเขาไม่เคยบอกทางไปบ้านให้ใครรู้นอกจากบยอนแบคฮยอนไม่ใช่หรือไง ยิ่งกับไอ้ดำนี่ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะบ้านมันกับบ้านเขาอยู่คนละเส้นทางโดยสิ้นเชิง แถมระดับความสนิทที่แม้จะอยู่ในกลุ่มเดียวกัน แต่เขากลับยกให้มันเป็นคนที่ห่างเหินที่สุดก็ว่าได้

       

      มันไปรู้มาจากไหน ?

      ถามบยอนแบค ? ถามชานยอล (ประเด็นคือปาร์คชานยอลก็ไม่รู้) ?

      ไม่สิ ถึงมันจะถามแบคฮยอนมา แต่เขาก็ยังสงสัยว่า มันจะถามไปทำไม ?

       

      คิดไปคิดมาไม่นานรถคันสวยก็แล่นมาจนถึงประตูหน้าบ้านเขาแล้ว โอเซฮุนยกเรื่องทั้งหมดออกจากหัวสมองก่อนจะหันไปบอกลา แต่รู้สึกว่าไอ้คนขับมันเร็วกว่า เพราะจู่ๆมือใหญ่ก็เอื้อมมาจับข้อแขนเขาเอาไว้เสียแล้ว คนตัวขาวเหลือบมองการกระทำนั่นอย่างไม่เข้าใจนัก

       

      “มึงทำอะไร กูจะเข้าบ้านแล้วนะดำ”

       

      ไอ้คนถูกเรียกว่าดำทำเสียงจิ๊จ๊ะในปากอย่างขัดใจ ไม่รู้ว่ามันขัดใจสรรพนามใหม่(ที่เซฮุนเรียกในใจอยู่บ่อยๆ)หรือขัดใจคนตรงหน้าที่ดูอยากจะเข้าบ้านเสียเหลือเกิน คิมจงอินใช้สายตาคู่ที่หลายๆคนบอกว่ามองตรงๆไม่ได้จ้องเข้ามาในตาเขา แล้วจะให้โอเซฮุนทำยังไง หลบตาทำหน้าเอียงอาย ?

       

      ถึงเขาจะชอบมองหน้ามัน แต่ก็ไม่ได้เขินอายอะไรแบบที่แม่พวกนั้นชอบทำหรอกนะ !

       

      “จะจริงจังแล้วนะเว้ย โอเซฮุน”

      “จริงจังเหี้ยอะไรล่ะ?”

       

      คนตัวขาวนึกหวั่นใจกับคำพูดกับสายตาของไอ้บ้าที่ชื่อคิมจงอิน ตามันพราวระยับเหมือนที่เคยเป็น แต่ครั้งนี้เซฮุนไม่ได้รู้สึกว่ามันกำลังสนุกหรือสะใจ มือที่คว้าแขนเขาไว้เลื่อนมาจับที่มือขาว ไอ้ดำนั่นกัดปากแล้วส่งยิ้มแหยมาให้ เขารู้สึกได้ว่าคิมจงอินคนนั้นกำลังประหม่า

       

      “ทำไปตั้งหลายอย่าง นี่ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรอเซฮุน หื้ม?”

       

      สลัด อย่ามาหงมาหืมใส่ได้ไหมวะ !!!

       

      เซฮุนไม่รู้ว่าคิมจงอินพยายามจะทำอะไร แต่ที่รู้ๆคือมันกำลังจะสร้างสถานการณ์ที่เขาไม่ชินที่สุดขึ้นมา ในอกเริ่มรู้สึกหวามไหวกับสายตาที่ใครๆก็เตือน(หรือแม้กระทั่งตัวเองก็รู้)ว่ามันอันตราย ไอ้คนผิวคล้ำนั่นทำหน้าเหมือนกำลังขุดหลุมให้เขากระโดดเข้าไป โดยที่ไม่เอ่ยปากสักคำว่าทำไมต้องเขา ?

       

      “กูไม่รู้ กูรู้แค่ว่าวันนี้กูบังเอิญเจอมึงที่ร้านนั่น”

      “คิดว่าบ้านกูอยู่แถวนั้นหรือไง?”

       

      คนโดนถามกลับได้แต่เงียบเพราะรู้อยู่เต็มอกว่าบ้านมันไม่ได้อยู่แถวนั้น มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเฉียดมาใกล้ด้วยซ้ำเพราะแถวบ้านมันอยู่ใกล้ตัวเมืองกว่าบ้านเขา ปัญหาคือแล้วทำไมมันต้องมา

       

      “มะ..มึงคงอยากเปลี่ยนบรรยากาศมั้ง”

       

      คิมจงอินทำหน้าขัดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบ มือหนาที่กำลังจับมือเขาไว้แน่นออกแรงดึงเล็กน้อยให้ขยับไปทางด้านคนขับ ทำให้เซฮุนต้องขยับตัวตามนิดหน่อย แต่ที่เยอะคือไอ้ดำนั่นที่เสือกยื่นหน้ายื่นตาเข้ามาใกล้เกินจำเป็น จงอินหักคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะไล่ต้อนเขาต่อ

       

      “แค่เปลี่ยนบรรยากาศ ไม่ต้องเลี้ยงหนังก็ได้มั้ง”

      “เรียกว่ามึงลากกูไปดูหนังก็พอเถอะ คิมจงอิน”

       

      คนตัวขาวชักจะเริ่มฉุนๆกับคำถามยียวนกวนประสาทนั่น อะไรของมัน จู่ๆก็มาสร้างบรรยากาศน่าหวั่นไหว แล้วต้อนเขาให้จนมุมด้วยคำพูด แถวยังทำสีหน้าจริงจังเสียจนเขาอยากจะหลบตา แต่ก็ดันหลบไม่ได้ คิมจงอินแม่งกำลังเล่นตลกอะไรอยู่ ?

       

      “แต่ก็ควรรู้บ้างว่าทำไปเพื่ออะไร”

      “แล้วกูจะไปตรัสรู้ได้ยังไงล่ะวะว่ามึงทำไปเพื่ออะไร!

      “ก็เพื่อจะจีบมึงไง โอเซฮุน”

       

       

       

      ตึง!!!!

       

       

       

      เจ้าของชื่อโอเซฮุนรู้สึกเหมือนเส้นสมองตัวเองขาดผึง เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายจากไอ้ดำที่กำลังยิ้มตายิบหยีอยู่อีกเบาะนึง เขารีบสะบัดมือออกจากการเกาะกุม แล้วพยายามเปิดประตูให้เร็วที่สุด แต่โอเค...คงนึกออกว่าเกิดอะไรขึ้น คิมจงอินที่ไม่รู้ว่าเป็นคนหรือแมว ยื่นอีกมือนึงมาดึงตัวเขาเข้าไปใกล้มันเหมือนเคย แถมยังทำหน้าแบบที่เขารับมือได้ยากที่สุดในโลกใส่อีก เซฮุนเผลอเลียริมฝีปากเล็กน้อยในขณะที่หัวสมองยังคิดหาวิธีดีดีที่จะออกจากอ้อมแขนนี้ไปไม่ได้

       

      “ไม่ตลกจงอิน กูไม่ขำนะมุกนี้”

      “ก็ไม่ได้เล่นให้ขำเสียหน่อย”

       

      มันไม่ได้เล่นให้เขาขำ แต่ตัวมันกับหัวเราะชั่วร้ายอยู่ในลำคอ ไอ้ดำกัดปากเหมือนตอนที่เริ่มบทสนทนานี้ แต่คราวนี้กลับไม่มีแววประหม่าให้เห็น กลับมีแต่สายตาชวนหลงใหลที่มองมาอย่างโจ่งแจ้ง

       

      “ถ้าจะประชดพี่แอนนากูไม่ว่า แต่ต้องเป็นต่อหน้าพี่เขา ไม่ใช่ในรถนี่”

      “ไม่ได้ประชดพี่แอนนา ไม่ใช่เหตุผลนั้นเลย”

      “แล้วทำไมต้อ.....”

      “กูแค่ชอบมึง ชอบมานานแล้ว ก็เท่านั้น”

       

      คำตอบง่ายๆสบายๆของจงอินทำให้เขาต้องเงียบปากอีกครั้งทั้งที่ยังต่อประโยคของตัวเองไม่จบ สมองเขาเริ่มประมวลผลได้ช้าลงเรื่อยๆ เซฮุนรู้สึกได้ว่าหน้าตัวเองร้อนฉ่า หัวทุยๆก้มลงอัตโนมัติเมื่อเจ้าของเริ่มรู้สึกว่าไม่สามารถสู้หน้าอีกคนข้างหน้าได้ แต่เพราะทำอย่างนั้น ไอ้ดำมันเลยได้ใจ ก้มลงมาสูดความหอมจากหัวเขาไปได้1ครั้งถ้วน

       

      โอเซฮุนแม่งแทบจะเป็นบ้า !!!

       

       “คะ...คนปกติเขาบอกชอบกันวันนี้หรือไงวะ ประสาท!

      “แล้วมันต่างกันตรงไหนล่ะ?”

       

      มันพูดจบแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม บรรยากาศกำลังหวานแหววได้ที่ และโอเซฮุนก็กำลังหลงไปกับรอยยิ้มนั้นแหละใบหน้ามีเสน่ห์ของมันอีกครั้ง ไม่สิ .. ต้องบอกว่าเขาไม่เคยละลายตาออกจากหน้ามันได้ตั้งนานแล้ว แต่....

      .

      .

      .

      “กูรู้ว่ามึงก็ชอบกู อย่าลีลาน่าเซฮุนอา รีบบอกชอบกูกลับสิ เราจะได้คบกันสักที”

      .

      .

      .

      เท่านั้นแหละ บรรยากาศที่อุตส่าห์สร้างมาก็พังโครม พร้อมๆกับที่เซฮุนใช้ขายาวๆกับเท้าถนัดยันไอ้คนตัวดำไปติดกับอีกด้านของรถคันหรูทันที ไอ้บ้านั่นร้องโอดโอยไปตามเสต็ปแต่คราวนี้เขาแอบเห็นรอยยิ้มร้ายๆของมันแล้ว เซฮุนจะไม่ตกหลุมพรางไอ้บ้านี่อีก ไม่มีวัน !!

       

      “สันดาน คิมจงอิน มึงนี่มัน....ฮึ้ย!!!!

       

      จะด่ามันก็ด่าไม่ออก เซฮุนเลยควานหาบรรดาหมอนอิงทั้งหลายที่อยู่ในรถมาขว้างใส่เจ้าของเป็นการประทุษร้าย โดยคนโดนทำร้ายดูจะไม่ได้สะทกสกท้านอะไรนัก มือมันปัดป้องของนุ่มนิ่มทั้งหลายอยู่แป๊บ ก็เอื้อมมือมาคว้าแขนเขาแล้วดึงเข้าไปหาอีกแล้ว

       

      “ว่ายังไงล่ะเซฮุน”

      “แล้วเรื่องพี่แอนนา มึงตัดใจได้แล้ว?”

      “ต้องให้พูดกี่รอบว่าไม่เกี่ยวกับเจ๊นั่น โอเซฮุน มึงควรรู้ไว้ว่าไอ้เรื่องทั้งหมดนี้เป็นแผนของแม่นั่น แล้วถ้ามึงยังบ่ายเบี่ยงไม่รับรักกูอย่างงี้ รับรองพรุ่งนี้กูจะไปถล่มบ้านยัยเจ๊แอนนาแน่...โทษฐานทำให้กูเสียเวลาจีบมึง”

       

      ประโยคอธิบายยาวเหยียด เรียกเลือดให้ขึ้นมาสูบฉีดบนหน้าเซฮุนได้อีกครั้ง ร่างโปร่งกัดปากแก้ประหม่าก่อนจะทำใจเงยหน้าขึ้นมองตาอีกคน คิมจงอินที่ตอนนี้หักคิ้วลงเล็กน้อย กำลังทำแววตาเว้าวอนอย่างน่าสงสาร

       

      “นะเซฮุนอา”

      “เออ!” เขาตอบกระชากเสียงเพื่อลดความสั่นของเส้นเสียงตัวเอง เน้นคำตอบที่กะทัดรัดและได้ใจความที่สุด แต่ดูเหมือนคู่สนทนาจะไม่สนใจเท่าไรนัก

      “เออ อะไร?”

      “เออ !! กูชอบมึงไง ชัดมะ..อื้ออ”

       

      ยังไม่ทันพูดจบหรือได้ด่าอะไรต่อ ปากเล็กก็โดนประกบจูบเข้าเสียแล้ว คิมจงอินที่ไม่รู้ไปอดอยากจะไหนมากำลังดูดดุนความหอมหวานจากโพรงปากนุ่มไม่รู้เบื่อ จนรู้สึกว่าอีกคนแทบจะไม่เหลือลมหายใจนั่นแหละ ถึงได้ยอมปล่อย

       

      “น่ารักมากเลย แฟนจงอิน เข้าบ้านได้แล้ว”

       

      สรรพนามใหม่ล่าสุดจากไอ้ดำทำให้เซฮุนต้องจิ๊ปากใส่อย่างไม่สบอารมณ์ เออใช่สิ เค้นเอาคำตอบจากเขาแล้วก็ไล่เข้าบ้านเฉย คนตัวขาวแอบค้อนสายตาใส่เบาเบาแต่ไอ้คนโดนก็ยังคงผิวปากอย่างอารมณ์ดี

       

      โอเซฮุนเลิกสนใจไอ้บ้าที่ดูจะอารมณ์ดีเกินเหตุนั่นแล้วหันไปเก็บสัมภาระตัวเองเพื่อเตรียมตัวเข้าบ้าน แก้มขาวยังคงรู้สึกร้อนไม่หาย ริมฝีปากบางก็บวมเจ่อนิดๆจากการกระทำอุกอาจเมื่อครู่ ร่างโปร่งเปิดประตูแล้วก้าวขาออกไปข้างหนึ่งก่อนจะกันกลับมาบอกลาคนที่มาส่ง จงใจทิ้งระเบิดไว้ลูกใหญ่ก่อนจะวิ่งเข้าบ้านไป

       

      “เจอกันที่โรงเรียนวันจันทร์นะมึง”

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      แฟนเซฮุน

       

       

       

       

       

       

       

      END.

       

       

       

       

       

       

      {เก็บตก}

       

       

      “มึงรู้ได้ยังไงว่ากูจะไปกินหมี่ดำร้านนั้น”

      “บยอนแบคฮยอน”

      “แล้วเรื่องชานม..”

      “อันนั้นสังเกตเองก็รู้ไหม? แต่ตอนแรกก็บยอนแบคแหละนะ”

      “อย่าบอกนะว่าเรื่องที่ไปบ้านกูถูกก็มัน”

      “เออ ถ้าไม่ใช่บยอนแบคฮยอนแล้วจะเป็นใคร?”

      .

      .

      .

      .

      “ความจริงที่รู้ว่าเซฮุนชอบมอง ก็เพราะบยอนแบคเป็นคนบอกแหละนะ”

       

      จบประโยคนั้น โอเซฮุนก็ได้แต่คาดโทษไอ้หมาน้อยที่ชื่อแบคฮยอนอยู่ในใจ.

       

       

       

       

       

       

      TALK ;; คือ ตอนแรก ไม่เข้าใจว่าตัวเองเปิดเรื่องไปแล้ว 555555 เอามาลงเด็กดีแล้วกันนะคะ ฟิคเรื่องนี้เราเคยลงอยู่ในบอร์ดเอ็กโซ ใครเคยเข้าไปอาจจะเคยเห็น(หรอ?) ก็ สนองนี๊ดตัวเอง และอยากให้ทุกคนฟินไปพร้อมๆกัน เย้ ><


      อาจจะมึนๆงงๆไปบ้างนะ >< แต่ก็ตั้งใจแต่งที่สุดละค่ะ









      ขอบคุณธีมจาก

      :)  Shalunla

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×