ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อย่าลืมรัก

    ลำดับตอนที่ #2 : INTRO

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.54K
      38
      15 ธ.ค. 63

    INTRO

     

    ฉันเดินเหม่อลอยไปตามทางฟุตบาท ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บในช่วงต้นฤดูแห่งหิมะของเมืองโอซาก้า มือข้างหนึ่งซุกในเสื้อโอเวอร์โค้ตสีครีม อีกข้างหนึ่งถือโทรศัพท์พลางใช้นิ้วเลื่อนหน้าจอเพื่อไล่อ่านข้อความที่เดย์ส่งมา

    'ดาว....ทำไมใจร้ายกับผมแบบนี้'

    'ผมกำลังจะไปอังกฤษในอีกสองวันข้างหน้า ยอมทำตามที่ดาวต้องการแล้ว ออกมาเจอผมหน่อยได้ไหม หากเรื่องของเรามันยังพอมีความหมายสำหรับคุณ... ได้โปรด'

    ยิ่งอ่านน้ำตาก็ยิ่งไหล  ขาเดินทอดน่องไปตามเส้นทางอย่างไร้จุดหมาย กับเพลงซิงเกิ้ลใหม่ของวงชาร์มิ่ง พริซอนเนอร์ที่เปิดคลอดังก้องไปทั่วโสตประสาท พลันหยุดยืนมองอาร์ตแกลเลอรีที่เปี่ยมไปด้วยความทรงจำอย่างเหม่อลอย

     

    ฉันมันก็แค่เครื่องจักรที่ผุพัง 

     กลไกขับเคลื่อนพังทลาย พังทลาย...แตกสลาย

    ฉันมันก็แค่เครื่องจักรที่ผุพัง แม้ระบบอาจทำงาน ทว่าแสงไฟมันช่างริบหรี่และมืดมัว

    เธอคือลมหายใจสุดท้าย ที่จะทำให้กลไกลของฉัน กลับมาทำงานอีกครั้ง

    เธอคือพลังงานไฟฟ้านั้น ที่จะทำให้กลไกลของฉัน กลับมาทำงานอีกครั้ง

    ให้เธอใส่หัวใจ หรือจะเมินเฉยมันไป เพราะอย่างไร เครื่องจักรเก่านี้มันก็เป็นของเธอ

    ฉันขอถามเธอหน่อยได้ไหม คำว่า 'รัก' สำหรับเธอคืออะไร

    หรือมันเป็นเพียงแค่สิ่งที่ฉันละเมอเพ้อไป

     

    มันผิดที่ฉันเอง ผิดที่ฉันโง่เอง ฉันขอโทษกับสิ่งที่ฉันทำลงไป

    มันผิดที่ฉันเอง ผิดที่ฉันแย่เอง ผิดที่ฉันยังไม่โตพอที่จะเข้าใจ

    ขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป....ฉันผิดเอง

     

                เสียงกีตาร์เบสทุ้มอันหนักหน่วง ประกอบกับเสียงกีตาร์โซโล่เล่นทำนองแสนหวานปนเศร้าเข้ากับเสียงร้องทุ้มต่ำนั้น ดังก้องกังวาในหูของฉันซ้ำไปซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วน  มันทำให้ฉันนึกถึงอดีตอันแสนหวานชื่นที่ถูกแปรเปลี่ยนเป็นรสชาติสุดขมขื่นในภายหลัง   ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นที่อาร์ตแกลเลอรีแห่งนี้ ฉันยืนมองเหม่อพลางนำมือซุกลงไปในกระเป๋าเสื้อเพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย หากฉันย้อนอดีตกลับไปได้ ฉันคงเลือกที่จะไม่ไปเทศกาลดนตรีในวันนั้น หากฉันฉุกคิดได้สักนิดว่าผลจากการรักคนที่เขาอยู่สูงเกินเอื้อมมันเป็นเช่นไร หากฉันฉุกคิดได้สักนิดว่าวันหนึ่ง  ตัวของฉันจะตกลงไปในหลุมพรางรักที่ฉันขุดขึ้นแต่ปีนกลับออกมาไม่ได้ ฉันคงเลือกที่จะหายไปจากเขาเสียตั้งแต่วันนั้น ยิ่งคิดกลับยิ่งไม่เข้าใจความหมายของความรัก แท้จริงคืออะไร และเราควรได้รับอะไรกลับคืนจากการลงทุนในความรัก เราเสียสละ ยอมแลกความสุขมาด้วยความทุกข์ ความเจ็บปวด ทรมานใจ มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ นี่คือสิ่งที่ฉันกำลังสงสัย เราต้องลงทุนไปอีกมากเท่าไหร่จึงจะได้เห็นตัวเองใช้ชีวิตคู่อย่างผาสุก การหันหลังยกธงขาวยอมพ่ายแพ้ต่อความรักที่เป็นไปไม่ได้... มันถูกต้องแล้วใช่ไหม?

    หากฉันทำถูกต้องแล้วเหตุใดจึงยังคงรู้สึกเจ็บปวดเช่นนี้

    ----------------------------------------------------

     

    ผมก้าวเท้าลงจากรถตู้แสดงสีหน้าเคร่งเครียด พลางใช้นิ้วดันแว่นตากันแดดขึ้นเพื่อปกปิดใบหน้าและนัยน์ตาสีน้ำตาลอันเศร้าหมอง บรรยากาศโดยรอบทำให้ผมนึกถึงภาพในวันวาน ในอดีตเคยมีแฟนคลับสาวคนสำคัญคอยเฝ้าติดตามถ่ายรูปของผม เธอมักยืนหลบอยู่ตามมุมเสา และทุกครั้งที่ผมมองเห็นเธอ เธอจะหลบหน้าผมในทันที เมื่อก่อนผมไม่เคยเข้าใจว่าเธอชื่นชอบอะไรในตัวผมนัก เพราะถ้าเปรียบเทียบกับสมาชิกคนอื่นในวงชาร์มมิ่ง พริซอนเนอร์แล้ว ตัวผมนั้นถือได้ว่าเทียบไม่ติดแม้แต่ฝุ่น ด้วยดวงตาเฉี่ยวคมที่ดูดุดัน ผสมกับลักษณะการแสดงสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่สบอารมณ์แทบจะตลอดเวลานั้น จึงทำให้ผมแทบไม่มีแฟนคลับผู้หญิงมาติดตามเลย เห็นจะมีเพียงแต่หญิงสาวร่างสมส่วนผู้มีผมลอนยาวสลวยคนนี้ คอยมาตามดูแลเป็นห่วงเป็นใย จนผมยอมแพ้พ่ายแก่จิตวิญญาณที่น่ารักของเธอ

    ดาริณมีดวงตาสองชั้นกลมโต ขนตางอนหนาเป็นแพ แววตาสุกสกาวราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า จมูกโด่งรั้นเข้ากันกับริมฝีปากอิ่มสวยได้รูปประดับรอยยิ้มละมุนทำให้ผมรู้สึกใจละลายมาได้ตลอดเวลาที่ได้เห็นเธอ จนเมื่อต้นปีที่แล้ว ในวันที่วงของเรามีคิวขึ้นแสดงดนตรี ณ เทศกาลดนตรีแห่งหนึ่งในเมืองโอซาก้า ผมได้ตัดสินใจรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี เดินออกมาจากมุมลับที่เฝ้าติดตามชื่นชมเธออยู่บนโลกโซเชียลใบเล็กของผมมานานกว่าห้าปี หันหน้าเข้าสู้กับความรักดูสักตั้ง ทว่าเธอคงไม่เห็นคุณค่าของมัน จึงได้ยอมแพ้และเดินจากผมไปดื้อๆแบบนี้

    'ยื้อรักต่อไปก็คงไร้ประโยชน์'

    ผมเดินก้มหน้าก้มตา ปล่อยผมเส้นตรงสีน้ำตาลเข้มกระเซอะกระเซิงปรกหน้าปรกตา ท่ามกลางเสียงเชียร์จากกลุ่มแฟนคลับวัยรุ่นที่มาให้กำลังใจ บอดี้การ์ดต่างช่วยกันใช้มือป้องกันพวกเขาไม่ให้ขวางทางเดิน เมื่อทางสะดวกผมจึงรีบเดินจ้ำอ้าวตามซงโฮ ผู้จัดการวงไปต่อคิวเข้าเกทเตรียมขึ้นเครื่องบินในทันที ทว่าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดร้าวอยู่ในใจ จึงก้มมองพาสปอร์ตในมืออย่างเหม่อลอย เพราะมันคือเครื่องเตือนใจที่ทำให้ผมต้องตื่นขึ้นมาจากห้วงแห่งความฝันอันแสนหวานชื่น จนน้ำตาเริ่มเอ่อล้นคลอเบ้า พยายามอย่างหนักที่จะสะกดกลั้นมันเอาไว้ แต่ก็ทำไม่ค่อยได้ หากหัวใจเรายังคิดถึงใครแทบขาดใจอยู่แบบนี้ ทำอย่างไรสมองก็ควบคุมหัวใจไม่ได้เสียที

    เสียงโทรศัพท์สั่นจึงรีบหยิบขึ้นมาดู มันเป็นการแจ้งเตือนของโปรแกรมโซเชียลตัวหนึ่งที่ในอดีตเธอมักใช้เป็นช่องทางในการส่งเพลงให้ผมฟังทุกค่ำคืน น่าประหลาดใจที่มันปรากความเคลื่อนไหวของเธออีกครั้ง

    'Darinee พึ่งอัพเดทหลังจากที่ไม่ได้อัพเดทมานาน'

    ผมกดเข้าไปดูการแจ้งเตือนอย่างรู้สึกตื่นเต้น หลังจากที่ไม่ได้เห็นความเคลื่อนไหวในสื่อโซเชียลของเธอมานานนม จึงไม่รีรอที่จะอ่านข้อความของเธอท่ามกลางความชุลมุน ชุลเก ของผู้คนในสนามบินที่เดินสวนกันไปมาอย่างขวักไขว่นี้เลย

     

    เธอถามฉันว่าความรักของเราคืออะไร

    ความรักของเราเหมือนกุหลาบ

    สวยงามทว่าเต็มไปด้วยหนามพร้อมปักทิ่มแทงใจ

    ฉันรู้ว่าหนามนี้มันได้ทำร้ายเธออย่างไร้เยื่อใย

    ฉันรู้แล้วว่าฉันทำพลาดไป

    ฉันขอโทษ

     

    บทกวีที่มีเนื้อหาในเชิงโต้ตอบกับบทเพลงที่ผมโปรโมททางสื่อบันเทิง เธอคงรู้ว่าเพลงซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุดนั้นผมแต่งให้ใคร ขอบคุณฟากฟ้าเบื้องบนที่ทำให้เธอรับรู้และสัมผัสหัวใจของผมได้  หยดน้ำตาเริ่มรินไหลอาบแก้ม ผมลูบโทรศัพท์มือถืออย่างรู้สึกห่วงหาอาทร นึกย้อนถึงความสุขที่เรามีกันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ยิ่งนึกก็ยิ่งคิดถึง

     

                  'ดาริณ ....'

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×