ตอนที่ 4 : เบาหน่อยมินโฮ ตอนที่4
#เบาหน่อยมินโฮ ตอนที่4
[ “ วันนี้ผมต้องการคุณ แล้วจะไปรับที่เดิมนะ อ้อ! เด็กคนนั้น ผมตามดูอยู่ เหม็นหน้ามันชะมัด ผมดูออกว่ามันชอบคุณ และผมบอกคุณตั้งแต่เรายังคบกันแล้วไง ว่าผมเท่านั้นที่รักคุณได้ อย่าตุกติกซึงยุนนา ผมไม่อยากทำร้ายคุณนะ แล้วคุณก็คงไม่อยากให้ผมทำร้ายเด็ก หรือส่งอะไร ๆ ให้คุณแม่ของคุณดูด้วยหรอกใช่ไหม หื้ม~ ที่รัก ? ] ”
“บ้าน้ำลายหรือไง พูดจาน่ารำคาญ”
น้ำเสียงเยือกเย็นที่ส่งกลับไปยังคู่สนทนาไม่ได้บ่งบอกว่าภายในจิตใจของซึงยุนไม่หวาดผวาหวั่นเกรงต่อคำขู่ เขากลัวและโกรธจนเนื้อตัวสั่น เรื่องแม่ของเขา เรื่องมินโฮ ทำให้เขาจำเป็นต้องซ่อนอาการบอบช้ำ โศกเศร้า ไม่ให้ไอ้สารเลวเอาไว้ใช้ต่อรองเพิ่มความชั่วช้าของมันได้ เพื่อปกป้องคนที่เขารัก ปกป้องเด็กหนุ่มที่เขานับญาติเสมือนน้องชาย
[“ผมแค่อยากบอกให้เข้าใจชัด ๆ ”]
คนตอบกลับเค้นเสียงขำเย้ยหยันเคล้ากับประโยค สะอกสะใจที่ซึงยุนไม่มีปัญญาต่อกร ด้วยข้อต่อรองของมันเหนือชั้นกว่ามาก
“ผมจะไป อย่ามายุ่งกับมินโฮน้องชายผม”
ซึงยุนมองไม่เห็นหนทางที่จะหลุดพ้น เขาจำทน ตอบตกลงแม้จะต้องไปเผชิญกับนรก ความบาป และหยาบโลนของแฟนเก่า
[“อยากให้หยุดตามมันด้วยหรือเปล่าล่ะ ? ”]
“นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการที่สุด อย่า! ยุ่ง! กับคนรอบตัวผม”
[“งั้นค้างคืนกับผม สองคืน ปรนเปรอผม ผมต้องการแค่นั้น แล้วจะปล่อยไอ้ไก่อ่อนนั้นไป”]
“ตกลง”
ในเมื่อเสียไปแล้วหลายหน และไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้ ซึงยุนตอบออกไปแบบคนไร้ซึ่งความคิด อนึ่ง เขาอาจจะไร้หัวใจไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้ ใครจะรู้
[“โอ ผมรักความเด็ดเดี่ยวของคุณจัง ซึงยุนอา นั่นทำให้ผมเลิกรักคุณไม่ได้”] มันยังคงหัวเราะเย้าพึ่งพอใจ คนใจวิปริต โรคจิตดี ๆ นี่เอง
“ผมรังเกียจคุณมากขึ้นทุกวัน แจบอม แค่อยากบอกให้เข้าใจชัด ๆ ” พูดไปยังขนแขนลุกซู่ ขยะแขยงอยู่เสียเต็มประดา
[ “เหอะ~ ปากเก่งดี แต่รู้อะไรไหม ผมไม่แคร์ ..ถ้าคุณกลับมาคบกับผมผมคงไม่ต้องทำแบบนี้หรอก” ]
“เหมือนสมองคุณจะมีแต่ขยะเน่า ๆ นะ ผมบอกแล้วไงว่าผมเกลียดคุณ” กดตัดสายทันทีเมื่อได้จิกกัด แม้มันจะไม่ส่งผลต่อความด้านทนของแจบอมเลยก็ตาม
ลมหายใจอุ่นถ่ายถอนออกมาเฮือกหนึ่ง ซึงยุนนั่งนิ่งอยู่บนเตียง ขัดสมาธิในท่าเดิม มีผ้าห่มสีเทาคลุมตักไว้หมิ่นเหม่ ช่วงบ่าไหล่ที่เล็กอยู่แล้วห่อลีบเนื่องจากความขมุกขมัวของห้วงอารมณ์ ดวงตาเรียวรีเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างระเบียงที่เจ้าของห้องเปิดม่านทิ้งไว้ เขาเห็นท้องฟ้าสวยงาม สะอาดสะอ้านไร้เมฆฝน กระนั้นเอง มุมปากสีหวานจึงกระตุกยิ้มเยาะเรือนร่างของตนที่ถูกแต่งแต้มจากมลทิน ผิดกันสิ้นเชิง
จนรู้สึกถึงแรงทิ้งตัวจนฟูกลูกใหญ่ยวบ กลิ่นสบู่หอมฟุ้งแสดงให้รู้ว่าอีกฝ่ายซ้อนตัวอยู่ด้านหลัง ฉับพลันที่หนุ่มน้อยกำหนดพื้นที่เหลือให้เขาอยู่เพียงในระหว่างขาของเจ้าตัว วงแขนแข็งแรงที่เขาได้ครอบครองเอาไว้เมื่อคืนก็ค่อย ๆ สอดแทรกขนาบรัดรอบเอว มินโฮทิ้งปลายคางคมบนบ่าของเขา อ้อนออดน่าเอ็นดู
แม้จะโดนพรากรอยยิ้ม ความสุข และเสียงหัวเราะเป็นเวลาหลายเดือนหลายหน แต่เขากลับได้รับทุกอย่างคืนโดยเด็กผู้ชายซื่อ ๆ ไร้มารยา คนที่เขาไม่เคยคาดฝัน
ใบหน้าหวานสนองคืน เอียงซบเข้าคลอเคลียกับศีรษะชื้นน้ำด้วยความกันเองนัยหนึ่งคืออุ่นใจเวลามีมินโฮอยู่เคียงคู่ จังหวะชีวิตที่พลิกผันทำให้แต่ละวันแสนโหดร้าย แต่เมื่อเขาได้อยู่กับน้อง ทุกอย่างที่ถาโถมก็ทำร้ายเขาได้น้อยลง
“เมื่อคืนฝันอะไรเหรอครับ พี่ซึงยุน”
เสียงแหบทุ้มทรงเสน่ห์ก้องอยู่เคียงใบหูที่แดงระเรื่อ มินโฮเห็นอย่างนั้นก็แอบแก้มร้อนตามอย่างไม่มีเหตุผล โชคดีของเขาที่ซึงยุนมองไม่เห็น ไม่งั้นคงอายม้วนเสียเชิงแย่
มือบางสัมผัสแตะลูบแผ่วเบาบนมือคู่ใหญ่ที่ประสานรัดบริเวณหน้าท้อง “ไม่รู้ ใครเขาจะจำความฝันตัวเองได้กันล่ะ พี่กรึ่ม ๆ ด้วยมั้ง นายก็ด้วย ไม่น่าให้กินเบียร์เลย ฮะฮะ~”
“หึ~ นั่นดิ” มินโฮเว้นช่วงเพราะกำลังยิ้มกว้าง ก่อนเขาจะพูด “วันนี้ผมจะออกไปกินข้าวกับดาร่าแล้วก็เฮีย ไปดูบ้านใหม่ด้วยครับ”
“เสร็จเร็วไปเนอะ” ซึงยุนรู้เรื่องนั้น เขาใจหายทีเดียว “ไหนพวกเขาบอกว่านายจะอยู่กับพี่อีกสักพักล่ะ”
“ช่างเถอะ ยังไงซะผมก็ป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ ๆ เออ...จะไม่คืนกุญแจห้องนะ ผมคงคิดถึงพี่ คงจะมาหาบ่อยแน่”
“พี่ก็เหมือนกัน มินโฮเก็บไว้ได้เลยนะ” เกิดรอยยิ้มวาดกว้างเฉกเช่นอีกคนที่ประคองแผ่นหลัง ใบหน้าขาวหมวยเอียงสุดทาง เพื่อให้ได้สบตากับคนน้อง
มินโฮผละใบหน้าขึ้นห่างจากบ่าของคนพี่เล็กน้อยเท่านั้น ในตอนแรกเขามองเพียงริมฝีปากอิ่มอวบเขาก็ยกยิ้มตามเป็นบ้าเป็นหลัง แต่เมื่อดวงตาสองคู่ขนาด มุมปากของเขาก็แคบลง ก่อนจะต้องเม้มแน่น คิ้วเข้มมุ่นเข้าหากันอย่างห้ามไม่ได้
เขาสังเกตเห็นว่าภายในแก้วตาสีอ่อนของพี่ชายนั่นคลอนไหว อยากจะเข้าข้างตัวเองเหมือนกันว่าเป็นเพราะเขากำลังจะย้าย แต่ดูอย่างไรมันก็ไม่ใช่ ซึงยุนเหมือนคนไม่พร้อมจะอยู่คนเดียวเพราะมีเรื่องที่ต้องแบกรับไว้ และบ่าเล็ก ๆ คู่นี้ดูจะรับเอาไว้ไม่ไหวอีกแล้ว
“ผมพูดอะไรตรง ๆ กับพี่ได้ไหม ? ”
“หื้ม?” ซึงยุนครางรับด้วยความแปลกใจ
“มีเรื่องอะไรครับ เล่ามาเถอะ อะไรที่ทำให้คิดตำหนิตัวเองแบบนั้น ผมไม่พูดมากพี่ก็รู้ ถ้าไม่อยากให้ใครทราบ ผมรับปากว่าจะรับฟังแล้วก็เงียบไว้” ถึงจะรู้อะไร ๆ มาจากที่ดาร่าเล่า แต่มินโฮก็ยังอยากฟังจากซึงยุนอยู่ดี
“ไม่มี”
“อย่างนั้นเหรอครับ?” มินโฮเลิกคิ้ว น้ำเสียงค่อนไปทางประชด
“ใช่”
“....”
โกหกกันดื้อ ๆ ยิ่งเสียงสั่นเหมือนพร้อมจะร้องไห้มินโฮก็ยิ่งเจ็บใจ เขาทำอะไรไม่ได้เลยหรือ เขาสำคัญไม่พอที่จะรู้เรื่องราวหรืออย่างไร
กระนั้นความสับสนและขุ่นเคืองก็กระจายหายไปง่ายดาย เพียงแค่ร่างบางขยับตัวดุกดิก พลิกเอาด้านข้างเข้าประชิด ศีรษะชี้ฟูของคนเพิ่งตื่นนอนไหลลงซบกับหน้าอกแกร่งดั่งต้องการไออุ่นแสนสุขเช่นยามค่ำคืนที่ผ่าน
“พี่แค่...อยากให้มินโฮอยู่ก่อน ไม่อยากให้ไปนี่ ตอนนี้ก็มีแค่นั้นแหละ น้องชาย”
“โธ่~” มินโฮกระชับกอดจนแน่นขนัด เอียงแก้มซบลงบนกลุ่มผมคนตัวเล็ก ทั้งที่ตอนแรกสับสน ไม่เชื่อความคิดตัวเอง แต่พอซึงยุนบอกว่ามันเป็นอย่างนั้น เขาก็ไม่คิดจะกังขาอีก “เดี๋ยวมาบ่อย ๆ จะมาให้เบื่อหน้าเลย”
“สัญญามาดิ” น้ำเสียงที่กระเส่าสั่นกลับมากระปรี้กระเปร่าเอาใจ
“ผมรับปากครับ” มินโฮไม่อยากให้สัญญาพร่ำเพรื่อ แต่เขาเป็นคนรักษาคำพูด และเขาหวังว่าซึงยุนจะรู้ดีว่านั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรจากคำมั่น
#เบาหน่อยมินโฮ
รถหรูสัญชาติยุโรปที่อยู่ในอีกเส้นของถนนกำลังจะเข้าโค้งเพื่อมารับเขา ซึงยุนมีสีหน้าเรียบเฉย เมื่อก่อนเขาอาจจะสะอื้นสะอื้นร้องไห้ออกมาด้วยความคับแค้น ด้วยความรวดร้าวและฝืนใจ แต่เดี๋ยวนี้เขาคงตายด้านเสียล่ะมั้ง
“เชิญครับ คุณซึงยุน”
เสียงแหลมเอ่ยทักทายเมื่อเขาเปิดประตูรถ ซึงยุนเมินทำเพียงขึ้นไปนั่ง รถวิ่งเข้าสู่เส้นทางหลักเพื่อไปยังโรงแรมที่ได้จับจองไว้เหมือนทุกคราว เขาไม่รู้และไม่มีความจำเป็นจะต้องรู้ ถึงที่ก็แค่เปลือยเปล่า สนองตัณหาตามที่ อิม แจบอม ต้องการ
ไม่แปลกหากว่าความรักระหว่างเขายังหลงเหลือ สัมพันธ์ทางกายที่เกิดจากความยินยอมนั้นเป็นไปตามธรรมชาติ ต่างไปก็เพียงแค่ เขาไม่ได้รักชายคนนี้อีกแล้ว และทุกครั้งมันจึงถูกเรียกในอีกชื่อว่า การข่มขืน
...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีทางหนี ไม่สามารถสู้ ปล่อยให้มันเอารัดเอาเปรียบจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตไร้ค่า รอสักวันหนึ่งที่กล้าพอจะปลิดชีวิตตัวเอง หลีกหนีความน่าอับอาย
“ผมต้องใช้ถุงยางกับคุณอีกเท่าไหร่นะ คุณผิวน้ำนม”
หลังจากห้องโดยสารเงียบพักใหญ่ เมื่อรถใกล้ถึงที่หมาย ร่างใหญ่ก็ส่งมือหยาบกระด้างละจากพวงมาลัยมาลูบไล้อยู่ที่ท้ายทอยของเขา ร่างบางสะบัดหน้าหนีมองหน้าต่างแต่ก็ถูกกระชากอยากแรงจนตัวโยก
ปลายจมูกแหลมกดจมที่ผิวแก้ม ริมฝีปากที่แนบมาขบกัดแก้มเขาอย่างหมาคันเขี้ยว ซึงยุนชักสีหน้าหงุดหงิด แต่ก็ปัดป้องไปมากกว่านี้ไม่ได้
“โอ๊ย~” เจ็บจนร้องออกมาเสียงหลง ร้าวรานยันก้อนเนื้อก้อนเล็กในหน้าอกซ้าย
“ครางหวานอย่างนี้สิดี เอาละ ถึงแล้วที่รัก”
แจมบอมพึมพำ ก่อนจะกดหอม ฟัดแก้มซึงยุนอีกทีอย่างไม่ผ่อนแรง แก้มขาวแดงก่ำเพราะโดนย่ำยี พอมันยอมปล่อยมือออกซึงยุนก็ถูแก้มซ้ำที่เก่าจนแดงเป็นป้าน ด้วยความที่เขาชังสัมผัสของมันยิ่งกว่าอะไร
รถเลี้ยวเขามาในโรงแรมขนาดใหญ่ จอดเทียบประตูกรอบทองก็มีเด็กรับรถมารอต้อนรับ ซึงยุนเดินอ้อมไปหาแจบอมเชื่องช้า จนวงแขนที่มีแต่กล้ามเนื้อนั้นคว้าเขาไปกอดรัดรอบคอ พาเขาเดินเข้ามาด้านใน โรงแรมแปลกตาแต่ไม่ชวนให้ติดใจ
หัวใจกระหน่ำเต้นแรงจนอกเจ็บคงเป็นเพราะต้านทานความคิดเมื่อนึกถึงภาพความน่าสะอิดสะเอียนในแต่ละครั้งไม่ไหว ไหนที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่กี่นาที่ข้างหน้า มือน้อย ๆ ชุ่มไปด้วยเหงื่อ แจบอมรุนแรงขึ้นในทุก ๆ ครั้ง จุดประสงค์คือต้องการจะบีบกันให้ยอมกลับมาคบหา ทว่าการกระทำเหล่านั้นมันกลับทำให้ซึงยุนขยาดเสียมากกว่า
โซฟารับรองเป็นที่ที่ร่างบางมานั่งรอ ห่อตัวจนลีบเล็กแทบจะจมหายไปกับพนักเพราะความกลัว ไม่นานแจบอมก็กลับมา ซึงยุนลุกยืน หลับตาครู่หนึ่งเตรียมใจ แต่แล้วเขากลับโดนฉุดให้นั่งลง แจบอมกำลังโมโหเป็นอย่างมาก
“โรงแรมเฮงซวย!!”
อาจจะมีปัญหาเรื่องห้องพัก ไม่เชิงว่าดีแต่ซึงยุนก็พอจะได้ยื้อเวลาสูญเสียอีกหน่อย หากเพียงแต่ว่าแฟนเก่าเขาหงุดหงิดมาก ไม่รู้ว่าขึ้นไปอยู่บนเตียงเขาจะเจอกับความหยาบกระด้างขนาดไหน
พวกเขาทั้งคู่นั่งอยู่ข้างกันอีกราวครึ่งชั่วโมง จนซึงยุนโดนกระชากแขนให้ลุกเดินตามไปที่เค้าเตอร์อีกครั้ง แจบอมโวยยกใหญ่กับพนักงาน ร่างบางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี แล้วขอบตาก็เขาก็เริ่มจะร้อนผ่าว เมื่อกุญแจห้องถูกยื่นมาจนได้
เมื่อก่อนอาจนึกถึงใบหน้าคุณแม่ หญิงสาวที่รักสุดหัวใจ แต่เมื่อโดนผลักเต็มแรงลงบนเตียง และร่างใหญ่ก็คร่อมทับ แหวกคอเสื้อฮู้ด ไซร้ปลายจมูก ขบกัดตามซอกคอและบ่าไหล่ของเขาอย่างหื่นกระหาย ภาพสุดท้ายที่แวบขึ้นมาก่อนที่น้ำตาจะกลิ่นลงบนข้างแก้ม มันคือภาพของมินโฮ เด็กหนุ่มที่มอบสัมผัสแผ่วเบาราวกับกลัวเขาจะชอกช้ำ คนเดียวในตอนนี้ที่เฝ้าเป็นห่วงกัน
แต่บางครั้งเครื่องดักฝันร้ายก็ไม่สามารถดักฝันที่ร้ายกาจที่สุดเอาไว้ได้ เขารู้สึกขอโทษ ซง มินโฮ จับใจ ที่เป็นพี่ชายที่ห่วย ไม่คู่ควรกับความรู้สึกดี ๆ ที่น้องมีให้เลยด้วยซ้ำ
ข้อมือโดนตรึงติดหมอน ไม่มีกาพูดพร่ำ มีแต่เสียงลมหายใจโสโครก ผิวเขาเจ็บจากจะโดนไรหนวดทื่อ ๆ แจบอมมันบาด ริมฝีปากโดนบดจูบอย่างรุนแรง มันงับริมฝีปากล่าง เขาร้องครวญ
“อื้อ~!!” ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ
สบโอกาสให้ปลายลิ้นช่ำชองสอดเข้ามาในโพรงปาก กวาดไปทั่วอย่างระราน และซึงยุนหนีไม่พ้นเลยต้องปล่อยให้มันพัวพันกันลิ้นของตนทั้งที่ไม่อยาก
แกนกายแข็งขื่นในกางเกงของมันดันเขากับส่วนอ่อนไหวกลางลำตัวของเขา ซึงยุนห้ามน้ำตาไม่ไหวเลยสะอื้นฮัก
“หึ~ ถ่ายเก็บไว้อีกคลิปเป็นไง หื้ม?” แต่กลับทำให้มันคะนอง
“ถุย!!”
เขาถมน้ำลายที่คลุ้งกลิ่นเลือดใส่ใบหน้าที่ห่างออกไปเพียงคืบ แจบอมเบี่ยงหลบนิดหน่อยเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว ไอ้โรคจิตเริ่มฉุน แววตาคมดุจ้องหน้าเขา รอยยิ้มมาดร้ายที่จุดขึ้นตรงมุมปากของมันทำหัวใจซึงยุนเกือบหยุดเต้นกลางคัน
เปลือกตาสีมุกค่อย ๆ ปิดสนิท รินน้ำตาที่คลอหน่วงให้ไหลย้อนลงมาตามหางตา เมื่อเสื้อฮู้ดของเขาโดนดึงออกจากทางหัวแล้วเหวี่ยงทิ้งลงพื้นพรมข้างเตียง ตามด้วยกระดุมกางเกงยีนที่ถูกปลด สองขาของซึงยุนถูกจับให้ชันตั้งรับ กางเกงถูกรูดออกจากเรียวขาพร้อมกับกางเกงชั้นใน
..เปลือยเปล่า และเช่นนั้นจึงไร้ซึ่งคุณค่า.. เขาไม่เปิดตามองอะไรอีก ขออยู่ในความืด
แจบอมผละไปยืนเข่า ถอดเสื้อผ้าทิ้งบ้าง ก่อนมันจะโถมตัวทับลงมาบนตัวซึงยุนอีกครั้ง แตะปลายลิ้นละเลงเลียข้างกรอบหน้า แล้วลากลงมายังปลายยอดออกของเขา มือกระด้างเค้นเนื้อหน้าอกจนแดงเป็นห้อริ้วเลือด
“ฮึก~” ได้แต่ร่ำไห้ ใบหน้าขาวแดงไปหมดแล้ว
“น่ารัก ไม่ดื้อนะคนดี”
แจบอมพูดออกมาด้วยเสียงพร่าแหบ กระหืดกระหอบก่อนจะก้มขมฟันบนหน้าท้องแบนราบ ค่อย ๆ ลดต่ำลงเรื่อยจนถึงท้องน้อยใต้สะดือ
ดวงตาคมปลาบเหลือบขึ้นมองซึงยุนก่อนจะกลับมามองอวัยวะตรงหน้าแล้วจุดยิ้ม แกนกายแท่งน้อยไม่มีทีท่าจะตื่นตัว คนกระทำนึกสนุก จับหมับแล้วออกแรงรูดรั้งถี่ระรัว
ไม่มีการขัดขืนจากร่างที่นอนให้ชำเรา เป็นไปตามที่แจบอมต้องการทุกสิ่งอย่าง กระนั้นแม้จะขยับขยายขนาดของส่วนนั้นได้สมใจแต่ไม่ใช่เพราะอยากจะมีรักด้วยกันอย่างแน่นอน เขารู้จักซึงยุนดีพอสมควร
ท้าทาย คือสิ่งที่เขาชื่นชอบ และปฏิเสธไม่ได้ว่า คัง ซึงยุน เป็นเรื่องท้าทายที่น่าขย้ำที่สุด
ปลุกปั่นสำเร็จก็กระชากดึงข้อมือซึงยุนให้ลุกขึ้น ร่างบางปลิวขึ้นตามแรงอย่างฝืนไม่ได้ แม้น้ำตาจะอาบแก้มแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับความปรานี
ร่างใหญ่ยืนเข่ากลางเตียง สูงกว่าร่างซึงยุนที่นั่งกึ่งพับเพียบ แกนกายลำโตถูกแอ่นแทบจะป้อนเข้าปาก มือหนาจิกหนังศีรษะของซึงยุนเพื่อล็อคตำแหน่ง แจอบมจ้องมองดวงตาของซึงยุนอย่าหมายมั่น
“อมเข้าไป” น้ำเสียงกดเข้ม หัวเราะเยาะคล้ายว่าบันเทิงใจเป็นอย่างมาก
“ฮึก~” ซึงยุนสะอื้นไหล่ยกจนน่าสงสาร
แต่ก็ยอมทำ ริมปากอิ่มอ้าออกเชื่องช้ารับแกนกายใหญ่เข้าไป มือทั้งสองข้างจิกผ้าปูที่นอนหวังระบายความเจ็บช้ำ
แท่งเอ็นลำใหญ่ครูดไปกับเพดานและกระพุ้งแก้มจนแสบ จังหวะที่กล้ำกลืนก็กระชันเข้าออกถี่ ๆ เพราะตัวแจบอมกระแทกใส่เข้าสู้ไม่ยั้ง เขาไม่ต่างอะไรกับเครื่องเล่นระบายความใคร่
“อุก แค่ก ๆ ” เขาไอโขลก จะสำรอกเพราะถูกดันเข้าไปลึก น้ำตาเจิ่งนอง อยากจะกลั่นใจตายเสียตรงนี้
“อ้า~ ยอดเยี่ยม”
ก่อนมันจะดึงตัวตนออกจากปากให้เขาได้หอบหายใจ ซึงยุนถูกจับให้นอนคว่ำลงบนที่นอน ตามด้วยมือใหญ่กดลงที่ช่วงต้นคอเขาก่อนที่ร่างเปลือยของมันจะแนบสนิทลงมา
“ครางดัง ๆ ผมชอบเสียงของคุณ”
เสียงกระซิบข้างหูทำเอาซึงยุนกัดปากกลั้นใจ เอาละ คงถึงเวลาแล้วและเขาก็อยากให้มันรีบจัดการและพ้น ๆ ไปเสีย
“ฮึก~ ..คุณ ช่วยใส่ถุงยางด้วย”
“ครับ ที่รัก”
นั่นอาจจะเป็นความเห็นใจเดียวที่แจบอมมี
แจบอมเอื้อมหยิบซองถุงยางจากที่โต๊ะหัวเตียงที่วางไว้ข้าง ๆ กับโทรศัพท์มือถือ เขาผงะจากแผ่นหลังขาวเนียนเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้นแล้วโถมตัวทับลงซ้ำใหม่
แกนกายลำพองถูไถอยู่กับก้นกลมเนื้อนิ่ม น้ำใสจากถุงยางอนามัยเลอะเทอะหน้าร่องหลืบของช่องทางรัก
มือหนึ่งจับแกนกายตัวเองกดที่จีบทางคับแคบอย่างไม่คิดจะรีรออะไรอีกแล้ว แจบอมต้องการปลดปล่อยความเสน่หา และรังแกซึงยุนจนกว่าเจ้าตัวจะกลับมาสยบแทบเท้า กลับมารักเขาดั่งเดิม
“อื้ออ!!” มือเล็กของคนที่นอนคว่ำจิกหมอนด้วยความเกร็ง เขากลัวด้วยว่าจะเจ็บเพราะทุกครั้งเขาเจ็บเหมือนร่างจะแตกออกเป็นเสี่ยง ซึ่งเขาไม่ได้รับการสนใจสักนิด
...ดวงตาเรียวปล่อยหยาดน้ำตาบนหมอนที่ฟุบอยู่
ปลายหัวอูมของท่อนแข็งขืนทิ่มเข้ามาได้นิดหน่อยแล้ว ...
ปัง ปัง ปัง ปัง!!!!
แต่แล้วท่อนเนื้อท่อนนั้นก็หลุดออกเพราะเสียงจากหน้าประตูห้อง ซึงยุนยังตกใจขวัญหนีตอนร่างด้านหลังสบถหยาบและถอยตัวห่างออกไป
ปัง ปัง ปัง ปัง!!!!
ดวงตาเรียวรีที่ยังมีน้ำตาเบิกโพลง ซึงยุนรีบลุกขึ้นนั่งพิงเตียงแม้สภาพยับเยิน เขาดึงผ้าห่มมาคลุมตัวจนมิดชิด ไม่ใช่การเคาะ แต่เหมือนว่าประตูห้องกำลังโดนทุบ
“อะไรหนักหนาวะ โรงแรมนี่มันแพงแต่น่ารำคาญชิบ ..คุณ!! อยู่นี่”
แจบอมตวาดอย่างหัวเสีย ก่อนจะลุกเดินคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำที่อยู่บนเสาแขวนหน้าประตูห้องนอนแล้วเดินออกไป
โครม!!
ซึงยุนผวาหนัก ไหล่เล็กสะท้านไหวเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงโครมหนึ่งกับเสียงของคนดังเซ็งแสขึ้นเรื่อย ๆ เขาเอาแต่นั่งจ้องประตูบานที่เปิดไว้อย่างไม่คาดสายตา
“ซึงยุน”
อะไรนะ หูแว่วหรือ? เสียงนั้น เหมือนเสียงมินโฮเวลาเรียกเขา
“พี่ครับ”
..มินโฮ?..
ไม่ต้องคิดใคร่ควรนานหนักหนา ร่างของเด็กหนุ่มที่เขานึกถึงแต่ไม่เคยอยากให้ปรากฏตัวกลับปรากฏขึ้นมาราวกับเรื่องปฏิหารย์ ร่างสูงพรวดพราดวิ่งหน้าตื่น ก่อนที่เท้าคู่นั้นจะชะงัดค้าง เช่นเดียวกับสายตาของเขาและน้องเองที่ประสาน
มินโฮยกมือป้องปากราวกับไม่อยากส่งเสียง และไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้เห็น เด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ สภาพของคนที่เขาเฝ้าดูแลทำเอากลั้นความอ่อนไหวเอาไว้ไม่อยู่ มินโฮปล่อยให้น้ำตาเม็ดโตที่ไม่เคยไหลหยดลงจากดวงตา
“พี่~” เสียงทุ้มเรียกสั่น ๆ เหมือนเห็นว่าอีกคนกำลังเจ็บช้ำเลยเจ็บร้าวตามกัน
“ฮื่อ~ มินโฮ” ซึงยุนก็ปล่อยโฮ ทั้งที่ไม่ควรทำ แต่ร่างกายของเขาดันสั่งแขนทั้งสองข้างให้ยื่นออกไปขอกอดจากน้อง
“ฮึก~” มินโฮปาดน้ำตาลวก ๆ บนใบหน้า แล้วรุดเดินเขาไปนั่งบนเตียงทันที ดึงตัวซึงยุนที่เปล่าเปลือยเขามากกกอด
พวกเขากำลังสับสน สาหัส แต่ยังคงเป็นสิ่งเดียวของกันและกัน ณ ตอนนี้ที่ต้องการจะโอบกอดไว้ ปกป้องและดูแล
พวกเขาซุกใบหน้าที่แดงก่ำอาบนองด้วยน้ำตาเอาไว้บนบ่าที่แลกกันซบ ซึงยุนตัวสั่นระริก แต่ไร้ซึงความกลัว มินโฮได้ปัดเป่าความชั่วออกไปไกลเขา
“ทำไม~ ฮื่ออ อึก~” คนน้องสะอื้นไหล่โยน ถามหาคำตอบพลางยิ่งกอดรัดร่างพี่ชายเอาไว้อย่างหวงแหน ไม่รู้ว่าที่เข้ามาเป็นการช่วยเหลือที่ทันท่วงทีหรือไม่
“พี่ ...โดนแบล็คเมล์ ฮึก~ ”
#เบาหน่อยมินโฮ
ฮันบินกลับเข้ามาในห้องของตนเองพร้อมกับพี่ชายตอนดึกมากแล้ว พวกเขาลดเสียงฝีเท้าจนเบาที่สุดเพราะไม่รู้ว่าสองคนที่กอดคอกันเล่าเรื่องทั้งหมดทั้งปวงพร้อมร้องไห้ในช่วงเย็นนอนหลับไปหรือยัง ฮันบินและจีวอนตัดสินใจให้ทั้งคู่พักที่ห้องของพวกเขาเพื่อรอฟังสถานการณ์
“นี่ แต่จริง ๆ เลยนะ กูอยู่กับมินโฮมาไม่เคยเห็นมันงอแงเลย ตอนเรียก ‘พี่ครับ ผมขอโทษที่ปกป้องไม่ได้’ ตอนมันรู้เรื่องน้ำมูกน้ำตาเต็มหน้าเลยเห็นปะ คงช็อคมาก ตอนนั้นกูจะร้องตาม ห่าเอ๊ย เจ็บ~” จีวอนพูดขึ้น แต่หรี่เสียงจนแหบแห้ง
“ฮะฮะ ~ เหมือนกัน ภาวนาให้คืนนี้ตามตัวไอ้เวรนั่นเจอทีเถอะ”
ฮันบินว่าพลางเปิดประตูห้องของมินโฮและซึงยุน เขาชะโงกหน้าเข้าไปเพียงเท่านั้นและเห็นแค่มินโฮนอนขดตัวหลับอยู่ในผ้าห่ม
“อ้าว..” ฮันบินปิดประตู หันกลับมาหาพี่ชายด้วยใบหน้างุนงง
จีวอนเลิกคิ้วเอียงคอสงสัย “ไรวะ?”
“ซึงยุนหาย”
“ชิบ...หาย”
แต่ไม่ทันจะได้คิดเป็นอื่นไกล เขาก็ได้ยินเสียงของพวกเครื่องแก้วจากทางห้องครัว ฮันบินและจีวอนเดินเลี้ยวไปทางห้องนั่งเล่นที่ติดกับห้องครัว ภาพที่เห็นคือพี่ซึงยุนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร พร้อมกับแก้วเหล้าตัดเหลี่ยม เปิดไฟไว้เพียงดวงเดียว
“มึงไปนอนจีวอน” ฮันบินเหลียวหลังกระซิบกับคนที่ยืนซ้อนดูซึงยุนอยู่ด้านหลัง นั่นหมายความว่าเขาจะคุยกับพี่ของมินโฮเอง
“พูดอะไรระวังด้วย บอกพี่เขาด้วยว่าพวกเราจัดการให้ได้แน่นอน” มือหนาส่งไปยีผมฮันบินแล้วเดินจากไปตามคำขอร้อง
ฮันบินเดินเข้าไปเงียบ ๆ ซึงยุนรู้ตัวตอนที่เขานั่งลงในเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ ไม่มีรอยยิ้ม เปลือกตาของคนน่ารักบวมตุ่ย มีเพียงขวดเหล้าที่ถูกดันมาให้เขาทั้งขวด ฮันบินหัวเราะร่า
“ทิ้งมินโฮมันมาได้ไง ตื่นมาเดี๋ยวแหกปากร้องไห้อีกนะ” ฮันบินพูดด้วยอยากจะช่วยให้ผ่อนคลายและสร้างเสียงหัวเราะ
ซึงยุนยิ้มบาง ๆ “หรือไม่ก็ตื่นมาแล้วหนีพี่ไป หึ~ สงสัยนิดหน่อย ขอถามได้ไหม?”
“ว่า?”
“ป๊าของนายกับจีวอนเป็นใคร?”
“ป๊าพี่จีวอนเป็นนักการเมือง ป๊าผมเป็นเจ้าของโรงแรมและรีสอร์ทที่ลงท้ายด้วยking”
ซึงยุนถึงกับนิ่งงัน ที่จริงเขาก็คิดว่าแจบอมก็มีอิทธิพลมากเท่าที่เคยเจอมาแล้ว มันเป็นลูกน้องของนายหน้าขายที่ดิน แต่ไม่ใช่ ตอนนี้เขาเจอคนที่เหนือกว่า ..ไม่สิ อีกระดับหนึ่งเลยต่างหาก
ต่างกับฮันบินที่ทิ้งหลังพิงเก้าอี้อย่างสบาย ๆ คนเด็กกว่าหัวเราะหึหะ ก่อนจะพูดต่อ “พี่เป็นไงบ้าง? ต้องพบจิตแพทย์นะหลังจากนี้ ผมจะหาให้คลินิกดี ๆ เรื่องไอ้แจบอมนั่นผมจะหาตัวมันให้เจอก่อนสว่าง จะจัดการตามที่พี่หรือมินโฮต้องการ ส่วนเรื่องคลิปที่โดนแอบถ่าย ผมให้ลูกน้องตรวจสอบอยู่ ถ้าถูกเผยแพร่เราจะตามลบ แต่ตอนนี้ที่คนของจีวอนรายงานมามีแค่ในมือถือที่เราเก็บมาได้จากในห้อง เรื่องนี้เป็นความลับ ผมไม่ได้บอกผู้ใหญ่หรือดาร่า หรือตำรวจ เชื่อได้ครับ”
“นี่..นาย..” ซึงยุนยังคงอึ้ง เด็กอายุเท่านี้แต่พูดจาเป็นเรื่องเป็นราว เขาดูถูกเด็กกลุ่มนี้มากเกินไป
“ไม่ต้องอายนะ มีแค่ลูกน้องคนนี้คนเดียวที่จัดการเรื่องคลิป”
“เปล่า ฉันไม่ได้..” ไม่ได้อ้ำอึ้งเพราะเรื่องนี้ แต่เพราะฮันบินนั่นแหละ
“งั้นช่างเถอะเนอะ ..นี่พี่ครับ ผมพอจะเข้าใจความรู้สึกของพี่อยู่นะ แต่อย่าตำหนิตัวเองหลังจากนี้เลย ผมเชื่อว่ามินโฮก็จะพูดอะไรทำนองนี้กับพี่ในวันที่มันตั้งสติได้เหมือนกัน พี่ไม่ได้แย่ ไอ้คนที่มันทำกับที่ต่างหากที่แย่ อย่าโทษตัวเองอีกเลยนะ”
“ขอบใจนะ ฮันบินนา” จากที่คิดว่าจะไม่ร้อง อยากเข้มแข็งเพราะเวลานี้มินโฮอ่อนแอมาก แต่กลับมานั่งน้ำตาคลอต่อหน้าฮันบินเสียได้ แก้วเหล้าในมือถูกกระดกกรึบเดียวเข้าปากจนหมดแก้ว
ฮันบินยกยิ้มอย่างนึกเห็นใจ เขานับถือใจพี่คนนี้ ถ้าเป็นเขาเขาคงจะร้องไห้ข้ามวันข้ามคืนไปแล้ว ฮันบินยิ้มหวานส่งให้แทนกำลังใจ และทันใดนั่นเองเขาก็นึกได้ว่าวางแผนอะไรกลับพี่ชายแฝดมาบนรถ
“เอ้อ นี่งานนี้งานใหญ่ ผมส่งลูกน้องออกไปหมดเกลี้ยงเลย ค่าจ้างแพงหน่อยนะ”
“ช่วยจัดการให้ได้ พี่ยินดีจ่าย หมดตัวก็ยอม ”ซึงยุนพยักหน้าหงึกหงัก เขาโอเค
“ค่าจ้างคือตอบรับคำขอของผมครับพี่” ฮันบินเปลี่ยนสีหน้าจากทีเล่นเป็นจริงจัง มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์แสนซน ก่อนขยับมาเท้าแขนวางคางบนโต๊ะ คิ้วทรงสวยยักขึ้นจึ้ก ๆ
“ต้องการอะไร?” อาจเพราะผ่านเรื่องเลวร้ายมานับครั้งไม่ถ้วน ซึงยุนไม่อยากไว้ใจคำพูดใคร เขาชักจะลังเล
“ช่วยรับความรู้สึกของมินโฮเพื่อนของผมหลังจากนี้ไว้พิจารณาด้วยครับ”
แต่แล้วเด็กหน้าสวยคนนี้ก็ทำเขาหลุดยิ้ม ซึงยุนส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ ทั้งสามคนดูจะรักกันเอาการ
“พี่...รับปาก”
ขอใช้คำเดียวกับมินโฮสักหน่อย เพราะตอนน้องชายพูดกับเขาดูเท่ดีไม่หยอก และแม้ไม่รู้ว่าวันข้างหน้ามินโฮจะยังบอกว่ารู้สึกดีกับคนอย่างเขาอยู่ไหม
#เบาหน่อยมินโฮ
ฝากคอมเม้นต์ ติดแท็กเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ <3
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ดีนะมินโฮ ฮันบิน จีวอนมาช่วยได้ทันเวลาไม่คิดเลยว่าซึงยูนต้องเผชิญเรื่องอะไรเลวร้ายแบบนี้ มินโฮต้องดูแลพี่เค้าดีๆนะ
น้ำตา ลูกเอ้ยยยย อยากดึงมาหอมหัว มินโฮช่วยพี่เขาด้วยลูก