ตอนที่ 3 : เบาหน่อยมินโฮ ตอนที่3
#เบาหน่อยมินโฮ ตอนที่3
MINHO'S PART
แสงไฟส่องสลัวไม่ค่อยทั่วถึง เป็นเอกลักษณ์
เสื้อกั๊กทับบนเชิ้ตสีขาว โบว์หูกระต่ายสีดำที่สายของมันซ่อนอยู่ใต้ปก
...ร้าน และเครื่องแบบของลูกน้องในบาร์ดาร่าที่เห็นประจำ เบื้องหน้าคือเก้าอี้ที่กำลังถูกขยับจัดเข้ากับโต๊ะโดยพวกพี่พนักงาน อีกไม่กี่ชั่วโมงสถานบันเทิง แหล่งเที่ยวกลางคืนย่านนี้จะถึงเวลาเปิดทำการ
ก้นแก้วน้ำเปล่าละลาย เลอะเป็นวงบนพื้นกระจกของโต๊ะเตี้ย โต๊ะชุดนี้กว้างเพียงสองคนนั่ง ตั้งใกล้ประตูเข้าออก ผมและดาร่าคุยกันมาสักพักหนึ่ง อีกประเดี๋ยวก็ต้องกลับ เธอไม่ชอบให้ผมเข้ามานัก มันคือแหล่งอโคจร อีกทั้งตัวเลขอายุที่น้อยเกินกว่าจะบรรลุนิติภาวะ ทว่าการโดนปฏิเสธความรู้สึกพร้อมกับประโยคที่ผมไม่อาจเข้าใจนั้นกลายเป็นแรงถีบ ผมอยู่ไม่ติดอะพาร์ตเมนต์เลยหลังจากวันนั้น
“หื้ม? ดูแล? นี่เจ้เคยพูดด้วยเหรอ?” เธออยู่เก้าอี้ตรงข้าม ในชุดเดรสกระโปรงบานสีเดียวกับกลีบดอกจัสมิน เธอเพิ่งจะเปลี่ยนท่านั่งไขว่ห้าง ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง กระพริบตาปริบ ๆ เอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย
“ใช่!” ผมยืนยันถึงคำพูดที่เธอเคยฝากไว้
“เอ่อ~..” ดาร่าเหลือบตามองขึ้นบน หัวคิ้วเธอขมวดย่น ปลายนิ้วกระจุ๋มกระจิ๋มเคาะเบา ๆ ที่ปลายคางแหลม เธอครุ่นคิดต่อสักครู่ “อ๋อ!!” ก่อนจะวกสายตามาจับจ้องผม
ผมกระตือรือร้นเลยทีเดียว ยืดหลังตรงและตั้งตารอฟัง แม้ว่าวันนี้จะดูขี้แพ้ไปสักหน่อย แต่ทนไม่ไหวแล้วหากต้องค้างคาใจเรื่องพี่ซึงยุน
“....”
“ไม่มีอะไรมินโฮยา” มือสวยโบกปัดไปมา “พี่แค่เห็นซึงยุนมันเศร้า มันเลิกกับแฟนน่ะ”
..หากเป็นเพียงชั่ววูบเดียวเท่านั้นเองที่ผมรู้สึกมีชีวิตชีวา..
“....”
“...ตอนเลิกกันแรก ๆ เห็นก็ยิ้มแย้มแจ่มใสดี แต่พักหลังมันดูไม่มีความสุข เก็บตัว มาเมาที่บาร์บ่อย พี่เป็นห่วงเลยสั่งให้มินโฮช่วยดูแลกัน มันแบบ ..จะว่าไงดี เหมือนคนซึมเศร้าเข้าทุกวัน อาจจะลืมไอ้เวรนั่นไม่ได้มั้ง” พี่สาวหัวเราะเคล้าไปกับคำพูด คล้ายว่ามันเป็นเรื่องน่าขำหนักหนา
“....”
ผิดกัน ความรู้สึกของคนฟังมันสวนทางขนัด เหมือนตัวของผมจะลีบเล็กลงอย่างไร้สาเหตุ ก้อนเนื้อในหน้าอกซ้ายกระตุกแรงก่อนจะทิ้งความปวดหน่วงเอาไว้ทั่วร่างกาย
#เบาหน่อยมินโฮ
ฮบ : งั้นสรุป สกปรก เปื้อน คือ?
ข้ออ้างมั้ง:
ฮบ: คิดงั้นหรอ? ไม่เห็นจำเป็นต้องว่าตัวเองให้ดูแย่
จว: เขาคงหมายถึงเคยผ่านมือคนอื่นมากแล้วงี้ปะ อย่าด่านะ
ไอ้เลว จีวอน ;( :
ฮบ: ถ้างั้น ..มึงแคร์ไหมมินโฮ
อะไร? เรื่อง?:
จว:ที่พี่เขาไม่เวอร์จิ้น
ไม่:
ฮบ: เจ๋ง งั้นก็ลองดูใหม่ดิ จนกว่าเค้าจะรับความรู้สึก ไม่เห็นเสียหาย
ฮบ: ถ้าชอบจริง ๆ ก็เลิกนอยด์ กลับไปคุยกับพี่เขาเหอะ
จว: เออ อันนี้ไหว้ ไม่คุยมาสองสามวันสภาพมึงไม่ได้ละ
จว: เดี๋ยวประสาทแดกตายก่อนจะมีแฟนน่ารักนะจ้ะ
แล้วถ้ามันไม่ใช่ข้ออ้างล่ะ? :
… :
จว: เอ้า ไอ้หอก อะไรของมึง คิดเยอะหลายตลบ
ฮบ: รู้ชื่อแฟนเก่ามั้ยอะ? จะลองให้คนของป๊าช่วยดูให้ เผื่อปัญหามาจากมัน
อิม แจบอม ฝากด้วย ฮันบินนา :
จว: มีเป็นพันเลยมั้งชื่อนี้
ฮบ: กูหาให้เพื่อนกูได้ก็แล้วกัน :P
จว: อย่าเก๋ามากน้องชาย เปิดประตูห้องให้พี่ซิ ถึงละ <3
จีวอน กูเกลียด “<3 ” ของมึงมาก lol :
……
แชทกลุ่มทำให้ยิ้มได้บ้าง ฮันบินเป็นความหวังริบหรี่สำหรับวัน ถ้าทบทวนอย่างจริงจังเกี่ยวกับเรื่องที่ดาร่าคาดเดา มันดูจะยังไม่เข้าเค้ากับคำที่ซึงยุนใช้ปฏิเสธ
ผมอยู่เบาะแถวสุดท้ายริมหน้าต่างรถ ทอดสายดูวิวเมืองพร่ามั่วด้วยสายฝนพรำ แม้จะพริบพราวสวยแต่ส่วนตัวผมว่ามันชวนเหงา เปล่าเปลี่ยวและเคว้งคว้าง ผมเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋ากางเกงยีนพอดีกับช่วงที่รถโดยสารเลี้ยวเข้าถนนเส้นที่ตั้งของอะพาร์ตเม้นต์ เพียงแค่เห็นตึกสูงนั่นลิบ ๆ ผมก็พ่นลมหายใจทิ้งรดกระจก
กล่องลิฟต์เคลื่อนขึ้นเรื่อย ๆ ผมชักประหม่า เหงื่อซึมทั้งที่ตอนลงรถมาอากาศเย็นเยียบ ในหัวเอาแต่คิดว่าถ้าเจอหน้าซึงยุนควรแสดงออกเช่นไร อย่างเดิมดีไหม ไม่คุยกันแล้วหนีหายเข้าห้องนอนไป
แต่อย่างจีวอนบ่น แค่สองสามวันผมก็แย่ ผมอยากคุยกับเขามาก เคยชินอย่างขาดไม่ได้ อยากมองรอยยิ้มสวย ๆ แม้มันยังเป็นข้อครหาถึงความจริงใจในการมอบให้ผมก็ตามที
สองเท้าก้าวเฉื่อยตามทางเดินของชั้น ก่อนจะหยุดหน้าประตูห้อง ผมลดฮู้ดดี้สีดำบนหัวลง ก้มหน้าหลับตาเพื่อสงบอารมณ์ว้าวุ่น ริมปากเม้นแน่น ถ่ายถอนลมหายใจหนักอีกหนึ่งครั้งก่อนที่ผมจะกดรหัสประตูและรูดการ์ดให้มือ ตี๊ด! …ระบบไฟฟ้าส่งเสียงแทนคำอนุญาตให้เข้าไปด้านใน
ไฟหน้าชั้นวางรองเท้าเปิดอัตโนมัติ ผมยันมือกับชั้นวางกันเซล้ม ยกเท้าถอดผ้าใบทีละข้าง ทุลักทุเลตัวก็เอียงซ้ายเอียงขวา
ก๊อบ แก๊บ ก๊อบ แก๊บ ~
มีเสียงจากภายในตัวบ้าน ยังไม่ทันจะเดินไปพ้นบริเวณเจ้าของห้องก็เดินเลี้ยวมาจากฝั่งห้องครัวพร้อมกับถุงขยะสีดำหนึ่งใบ เขาชะงัดยืนนิ่งจ้องมา ผมเองก็เช่นกัน
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนยังใสแจ๋ว แต่เปลือกตาเขาดูบวมเหมือนคนร้องไห้ ผมหวังว่านั่นจะไม่ได้เกิดขึ้นเพราะผมนะ
ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเบา ๆ ก็คลาย ผมก็เผลอเม้มปากตัวเองตาม เขาสวมสเวตเตอร์กันหนาว แต่เหงื่อเม็ดน้อยกลับซึมตามใบหน้าและเหนือริมฝีปาก
“โทรไปหาแต่เห็นไม่รับสาย มีกับข้าวเหลือบนโต๊ะอาหาร พี่กินแล้ว ขอโทษที่ไม่ได้รอนะ นายกลับดึกน่ะ” พี่เขาว่าจบก็เตรียมจะเดินเลี่ยงไปหาประตูด้านหลังผม สีหน้าสลดหงอย ๆ แบบนั้นทำหัวใจผมปวดหนึบหนับ มันวูบโหวงในช่องท้อง ไม่ค่อยดีเลย
ผมขยับตัวขวางไว้ ประชิดร่างเขา จับมือแดง ๆ ของเขา “ช่วย” แล้วปลดถุงขยะมาถือเอง
ทว่าคำเดียวจากผม สีหน้าซึงยุนก็เปลี่ยนไป เขาค่อย ๆ คลี่ยิ้ม ก่อนจะกลายเป็นรอยยิ้มฉีกกว้างโชว์ฟัน ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันเล็กน้อยทำให้ใบหน้ากลมนั้นคล้ายว่าช้อนมองกันอย่างไรอย่างนั้น
ผมเคยบอกไปหรือยังนะ ว่าผมแพ้สายตาเขา
แบบว่า... ไม่สามารถทนสบตานาน ๆ ผมเสียอาการรีบเบี่ยงหันหนี ไม่รู้ว่าจะถอยออกจากประตูหรือทำอย่างไรต่อดี
..เสียงหวานหัวเราะคิกชวนให้เซสายตามองเขาใหม่..
“ไร?” ถามโทนเสียงเข้มขรึม
“หายงอนแล้วหรอ? ไอ้เด็กบ้า”
“ใคร?” ผมทำไขสือ ถดคอถอยหลังนิดหน่อย
“นายแหละ” เขาดี๊ด๊า เคาะปลายนิ้วชี้ลงบนสันจมูกผม เหมือนจะคาดโทษกัน
โอ่ย...ตายเลย ผมอั้นยิ้มหน้าอ้วนไปหมดแล้วมั้ง
“ผม..”
“...”
“อยากไปทิ้งขยะละ หนัก”
หันหน้ากลับไปทางประตูอีกหน สวมสลีปเปอร์แถวนั้นลวก ๆ พี่ซึงยุนก็เอื้อมแขนมาหมุนลูกบิดให้ ผมเกร็งตอนมือบอบบางอีกข้างลูบแผ่วอยู่กลางแผ่นหลัง เราออกมายืนข้างกัน ก่อนจะออกเดินพี่เขาก็ยกแขนพาดบ่าของผมเหมือนที่ทำประจำ
“เฮ้อ~ โล่งใจ คิดถึงมินโฮเด็กพูดมากชะมัด” เขาเอียงศีรษะถูกต้นแขนอ้อน
ผมกระชับถุงดำในมือข้างที่ห่างจากเขา รู้สึกได้ว่าเรี่ยวแรงเริ่มจะกลับมาเยอะดั่งเก่า ไม่วายหลุดหัวเราะออกมาอย่างสิ้นมาด
“เกิดมาไม่เคยได้ยินใครบอกผมพูดมากเลยสักคน พี่เพี้ยนแล้ว”
“งั้นมั้ง ฮะฮ่า~” พี่เขายังเอียงหัวซบไหล่ผมไม่ห่าง มือของแขนข้างที่พาดอยู่กระชับกอดตัวผมจนร่างกายเราเกยกันไปเกยกันมา
“ผมขอโทษ ...ผมก็คิดถึง”
ผมเอียงศีรษะถูกับศีรษะของเขาจนหัวซึงยุนฟู เก็บอาการไม่ไหวเวลาใกล้ชิด ตระหนักมาตลอดว่าแค่เพียงความผูกพันธุ์ไม่น่าจะทำให้ผมเป็นหนักเท่านี้ ยกเว้นแต่ว่ามันจะมีความรู้สึกดี ๆ ซ่อนอยู่มากเกินอธิบาย
อาจจะเรียกด้วยคำนิยามง่ายๆว่า‘ชอบ’ พี่เขาแล้วมั้ง
#เบาหน่อยมินโฮ
Rrrrrrr…--
Missed call / 02:04 AM
Rrrrrrrr –
Missed call / 02:05 AM
เวลาวิกาลที่ไม่ควรมีสายเรียกเข้า ด้วยความง่วงจัดบวกกับฤทธิ์ของเบียร์หลายกระป๋องที่กินเล่นกับพี่ซึงยุนก่อนแยกย้ายเข้านอนผมเลยไม่สนใจเปิดตามองจอโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างหมอน เพียงแค่กดตัดสายแก้รำคาญ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก~
แต่แล้วหูของผมก็ได้ยินเสียง ผมลุกนั่งพิงเตียงพยายามรวบรวมสติกลัวว่าจะละเมอฝัน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก~
ตาสว่างไม่ต่างจากสร่างเมา เสียงเคาะไม่ได้มาจากประตูหลัก แต่มาจากประตูแฝดที่เชื่อมสองห้องไว้คู่กัน เร็วเท่าความคิด ผมสะบัดผ้าห่มออกจากตัว หัวใจเต้นโครมครามเพราะเป็นห่วงคนอีกฟากทั้งที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไร เท้าก้าวเหยียบพื้นได้ก็รีบจ้ำไปยังประตูข้างชุดทีวี
ใช้กุญแจที่แขวนอยู่ข้างกำแพงไข้ เปิดพรวดก็เห็นพี่ซึงยุนยืนกอดผ้าห่มรออยู่แล้ว
“เป็นไร!! เป็นไรไหมครับ?”
ผมจับต้นแขนเขาทั้งสองข้างแล้วพลิกร่างน้อยซ้ายทีขวาทีเพื่อสำรวจดู ใจสั่นมาก ตื่นตระหนก ประตูบานนี้มีข้อตกลงคือไม่ให้เปิดใช้
“เปล่า ฝันไม่ดีเฉย ๆ ” เสียงเขาดูเหนื่อย ๆ
และทั้งที่อุ้มผ้าห่มผืนโตแต่ก็ทิ้งหัวเข้ามาซุกซบหน้าอกผมทั้งอย่างนั้น ไม่มีเวลาให้ขวยเขินหรือเก็บอาการ แขนทั้งสองข้างยกโอบล้อมร่างเขาแทนการปลอมขวัญ ผมอิงศีรษะแนบบนกลุ่มผมหอมฟุ้งหวังว่าเขาจะรู้สึกอุ่นใจ
“ตกใจหมดเลยครับ” ผมพูด
“พี่โทรหามินโฮตัดสาย พี่เลยเคาะประตู ขอโทษที่ปลุกนะ” เสียงเขาอู้อี้
...น่ารักชิบหาย...
“ไม่เป็นไร” ผมตอบพร้อมรอยยิ้ม
ซึงยุนขยับตัวนิดหน่อยก่อนที่ผมจะคลายแรงกอดให้เขา แต่ไม่ใช่ปล่อย ผมเพียงลดมือต่ำลงมากอดรอบเอว ผ้าห่มเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ตัวเราทิ้งระยะ
“มินโฮไปนอนเป็นเพื่อนหน่อยดิ ได้ไหม คืนนึง”
...หูย อ้อนปะเนี่ย ไหนห้ามผมคิดเยอะ มาทำอย่างนี้ใครเขาจะคิดน้อยได้กัน.. เขาทำผมยิ้มไม่หยุดหย่อน ผมกลั้วขำก่อนจะพูดแซว
“ฮะฮะ~ ให้พูดใหม่ หอบผ้าหอบผ่อนมาตรงนี้ ก็ต้องมานอนห้องผมแล้วไหม?”
“แล้ว ...นอนด้วยได้หรอ?”
ซึงยุนทิ่มปลายค้างลงมาปักที่หน้าอก ใบหน้าขาวหมวยแหงนขึ้นมองกันแล้วส่งยิ้มหวาน แพขนตาขยับขึ้นลงเชื่องช้า เขายังคงมีอาการเมานั่นแหละผมว่า
“ก็ก้าวข้ามมาซิครับ ประตูบานนี้ผมเปิดให้แล้วไง” ผมพูดเสียงทุ้มนุ่มเพราะเอ็นดู ถ้าพี่เขาเข้าใจรูปประโยคเขาจะรู้ว่ามันมีความหมาย
“....”
ซึงยุนนิ่งงันอยู่คาอกชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะกลับไปยืนตรง ผมก็ผละแขนออกจากร่างกายเขา หัวใจเริ่มตีจังหวะถี่เพราะลุ้นว่าเขาจะปฏิเสธการเชื้อเชิญครั้งนี้ไหม เราสบตาก่อนจะหลุบมองต่ำที่ปลายเท้าพร้อมกัน
ไม่มีอะไรกั้นเราไว้แล้วในคืนใหม่คืนนี้ มีเพียงแค่ธรณีประตูเตี้ย ๆ
“มาสิ” ผมเรียกหา พยักหน้าให้เขาคล้อยตาม
มือแดง ๆ ข้างหนึ่งละจากผ้านวมที่กอดอุ้ม ยื่นมาแตะข้างแก้มซ้ายของผม
“ใช่นายเปิดมันแล้ว เก่งจัง”
นั่นถือเป็นความนัยที่ตอบกลับมาอย่างดีเลยไม่ใช่หรือ?
ผมจับมือข้างนั้นออกจากแก้มเเล้วกุมเอาไว้ ก่อนจะแทรกนิ้วระหว่างข้อนิ้วของเขาเพื่อประสาน ผมก้าวถอยหนึ่งก้าว เพื่อดึงให้ซึงยุนก้าวตาม
จนถึงเตียง ผมปล่อยเขานั่งลง ซึงยุนตั้งผ้าห่มของตัวเองไว้ที่พื้นพรม และกระเถิบตัวเข้าไปในผ้าห่มของผม
ผมขึ้นเตียงบ้าง เราอยู่ใต้ผ้าห่มสีเทาผืนนี้ด้วยกัน ต่างทิ้งหัวลงบนหมอนนิ่ม นอนตะแคงหันเข้าหาเพราะยังไม่มีใครละสายตาจากกันได้
แก้วตาแสนสวยที่ผมหลง ไรผมตามกรอบหน้าโครงงาม ผมลูบเส้นผมปกหน้าผากของเขาอย่างนุ่มนวล เขาหลับตาพริ้มคล้ายยิมยอมให้กล่อมนอน
สุดท้ายก็ไม่มีใครต้านแรงดึงดูดได้ ผมพาดแขนข้างหนึ่งวางบนสะโพกเขาแล้วกระชับร่างของเราให้แนบสนิท ศีรษะของซึงยุนจึงซุกเคียงอกผมอีกครั้งด้วยความจำนน แขนอีกข้างผมสอดเข้าใต้ท้ายทอยขาว ให้เขาได้หนุนไปพร้อมกับหมอน
“ฝันดีครับ” ผมอวยพร เเละไม่คิดจะล่วงเกินเขาไปมากกว่านี้ ผมพอใจเเล้ว
ซึงยุนพยักหน้า “ช่วยดักฝันพวกร้ายนั้นให้พี่นะ มินโฮยา”
“ครับ” ผมรับปากสั้น ๆ
ในเช้าอีกวันที่แสงแดดส่องผ่านม่าน ตอนที่ลืมตาตื่นมามีเขาอยู่ในอ้อมกอด ผมแยกแทบไม่ออกว่ากลายเป็นผมเองที่ฝันดีอยู่หรือเปล่า แก้มนวลเนียนของคนที่หลับปุ๋ยนั่นไม่ใช่ปุยเมฆหรอกใช่ไหม เปลือกตาสีมุขแบบนั้นไม่ใช่สายรุ้งกินน้ำได้อย่างไร แล้วทำไมริมฝีปากที่เผยอหายใจถึงอิ่มฉ่ำคล้ายผลลูกพีชได้ขนาดนั้น
#เบาหน่อยมินโฮ
บ้านจั่วหลังคามุงสามเหลี่ยม สองชั้น มีสวนและรั้วเตี้ยน่ารัก หลังบ้านก็ยังเป็นสวนหย่อมและลานหญ้าเผื่อตั้งเตาบาร์บีคิวหรือใช้ตั้งโต๊ะเวลาดาร่าพาเพื่อน ๆ มาปาร์ตี้
“ชอบไหมมินโฮ” เฮียซึงฮุนถาม
“สวยดี” ผมตอบ
เรากำลังเดินขึ้นบันไดเพื่อไปดูห้องนอนชั้นบน มีห้องนอนสองห้อง ระเบียงทั้งด้านหน้าเเละท้ายของตัวบ้านยื่นออกไปเป็นนอกชาน สามารถเปิดรับลมได้ ตรงกลางยังเป็นโถงกว้าง ๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไร ผมกับเฮียเรายืนอยู่ตรงนั้น กำลังมองดูรอบตัว
“พรุ่งนี้ มะรืนนี้ก็ย้ายเข้าอยู่ได้แล้วล่ะ เจ้กับเฮียอาจจะมานอนเป็นเพื่อนบ้างแต่คงไม่บ่อยนะ”
“ครับ”
“ไปดูห้องนอนตัวเองสิ นั่นของนาย” ร่างโปรงในชุดสูทสีสันสดใสชี้นิ้วไปที่ห้องหนึ่ง
ผมโค้งหัวลงและเดินไปยังห้องนั้น ของของผมที่ก่อนหน้านี้ดาร่าขนไปเก็บไว้ที่บ้านเฮียถูกนำกลับมาจัดเข้ามุมเข้าชั้นจนเนี๊ยบ
โต๊ะหนังสือ โต๊ะคอมพ์ที่ปลายเตียง ตู้เสื้อผ้า ตู้เก็บของสะสมและตำเรียนของปีเก่า ๆ ก็อยู่ครบ ผมเดินไปเปิดดูห้องน้ำ และกลับออกมาทิ้งตัวบนที่นอน
ก็นิ่มดีแต่ผมรู้สึกว่ามันแคบไปหน่อย
“เฮีย เฮียครับ มานี่หน่อยดิ”ผมตะโกนเรียก
ซึงฮุนโผล่เข้ามาในห้อง แกชอบเท้าสะเอวเป็นอาแปะ “ไรเหรอ?”
“เตียงเปลี่ยนได้เปล่า?”
“ใหญ่ไปเหรอ ปกตินอนเตียงเดี่ยวใช่ไหม เปลี่ยนได้ เงินเยอะแยะ ฮะฮะ~”
“เอาเตียงใหญ่” ผมบอก
เฮียซึงฮุนเลิกคิ้ว ตีสีหน้างุนงง
“มีสาว ๆ รึเปล่าเนี่ย มาแปลกว่ะ?”
“มั่ว เผื่อพี่ยุนมาค้างครับ เอาเตียงใหญ่แบบที่อะพาร์ตเม้นต์”
“อ๋อ ก็ให้มันนอนห้องข้าง ๆ ก็ได้ คงไม่มาชนกันกับเจ้แกหรอกมั้ง”
“ผมของเตียงใหญ่ ๆ ตามนั้นแหละ”
ยืนยันเสียงแข็ง ก่อนที่เราจะลงจากบ้านและขับรถออกมา วันนี้วันครอบครัว เจ้กับเฮียจะพาไปกินข้าว ซึ่งพี่สาวผมเธอทำเล็บรออยู่ที่ห้างแล้ว
วันนี้ซึงยุนก็คงไม่กลับบ้าน เขาบอกว่ามีธุระอีกแล้ว นี่เขาปิดเครื่องด้วย ผมหยิบโทรศัพท์มาเตรียมจะพิมพ์ข้อความเเชททิ้งไว้
‘พี่ซึงยุน ดาร่าทำบ้านให้เสร็จแล้วครับ ผมสั่งเตียงใหญ่ ๆ เผื่อวันไหนพี่ฝันร้า..’
Rrrrrrrrrrr..
จอมือถือเปลี่ยนหน้าจอกะทันหัน มันขึ้นเบอร์คนที่โทรเข้ามาผมไม่ได้รีบจะส่งข้อความ เลยกดรับสายเพื่อนก่อน
“ฮันบินว่า?” ผมรับ
“อิม แจบอม!! ..อิม แจบอม!! ใช่ไหม?” เสียงปลายสายดูร้อนรน ฮันบินอ่านง่าย ถ้ามันพูดซ้ำแปลว่ามันสติแตก
“ใช่” ผมใจหวิวและเริ่มเครียด เพลงฟังสบายในรถเฮียไม่ช่วงให้ผมรู้สึกผ่อนคลายอีกต่อไป
“อยู่ไหน มานี่!! มานี่เดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวนี้!! ไม่ต้องบอกใคร มานี่!!”
“ฮันบิน!!” ผมเค้นเสียงไม่ใช่เพราะอยากดุ แต่สติหลุดเพราะมันดูรนเกิดเหตุ
“โรงแรมป๊าใหญ่ มาเลยนะ!!! เข้าใจไหม!! ...ลุงการ์ดถ่วงเวลาเปิดห้องหมายเลข474ให้ผมหน่อย ...เออ!! นานที่สุดเท่าที่จะทำได้อะลุง นี่เป็นคำสั่ง!!! ...มินโฮแค่นี้นะ รีบมาหน่อย เขาอยู่นี่ๆ”
ติ๊ด—
มือผมยังค้างอยู่ข้างหู หายใจแรงเพราะหัวใจกำลังเต้นระรัว มีช่วงที่สลับคุยทั้งกับผมและคนอารักขาเสียงดังให้แซด ผมมือเท้าเย็นเฉียบ เหงื่อเต็มหลัง กลัวและใจเสียสุดขีดกับคำว่า ‘เขาอยู่นี่’ ..ผมกลัว กลัวจะเป็นพี่ซึงยุนของผม กลัวจะเป็นเรื่องไม่ดี ผมไม่ได้เตรียมใจรับอะไรมาเลยนี่
#เบาหน่อยมินโฮ
เดือนละตอนก็จริงแต่มาแล้วนะ 55555 เข้มข้นขึ้นอีกนิดแล้วจะเป็นยังไงต่อไปฝากติดตามกันด้วยน้า ขอบคุณทุกๆสตรีมทุกคอมเม้นต์เลยนะคะ เหนี่ยวแน่นมากทั้งแท็กแล้วก็ในฟิก เราก็มีแรงเขียน ฮึ้บมาก ๆ เลย เดือนนี้ปิดเทอม อาจจะลงมากกว่าหนึ่งแน่นอนค่ะ มาติดตามความพี่ยุนกับน้องมินโฮไปด้วยกันนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เกิดอะไรขึ้นกับซึงยูนมินโฮจะตามไปช่วยทันไหม
อิม แจบอม ฮู อาร์ ยูว??
มิโนวิ่งสิวิ่งงงง😭😭😭
..
ตอนต้นๆนี่คงต้องเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็นเบาหน่อยซึงยูน อ้อนขนาดนี้มินโฮคือไปไหนไม่รอดแล้ว> #14
อะไรยังไง อิมแจบอม!! มิโนไปช่วยยูนที