การเดินทางครั้งนี้ เป็นไปได้ว่าอาจจะมีเรื่องให้คิดอีกมากมายแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะนำมาใส่ใจ ถ้ามีเหตุอันตรายเกิดขึ้นก็แค่ส่งพวกนางกลับเท่านั้น
"นี่ ฟู่จิน เจ้าพอจะรู้จักสถานที่ลึกลับอะไรแบบนี้บ้างรึเปล่า"
"ข้าก็ไม่แน่ใจ มันก็นานมากแล้ว ข้ากลัวว่ามันจะไม่เหมือนเดิม แต่ถ้านายท่านอยากไป ข้าก็แนะนำเส้นทางได้"
"งั้นก็ดีเลย ขอเป็นที่ใกล้ๆก่อนละกันนะ"
"งั้นไปถ้ำที่อยู่ใจกลางป่าอสูรมายาก่อนก็แล้วกัน ข้าเคยไปหลบรักษาตัวอยู่ที่นั่นแต่ยังไม่เคยเดินสำรวจเลย"
"จริงรึ งั้นเจ้าบอกเส้นทางเลย"
อิงเป่ยเดินมุ่งไปยังเส้นทางที่เถียฟู่จินสื่อสารทางจิตกับตนเอง จนหยางซุยหลิงสงสัยจึงได้กล่าวถาม
"คุณชายพวกเรากำลังจะไปที่ใดกัน เจ้าค่ะ"
"ป่าอสูรมายา" เราจะไปสำรวจที่นั่นก่อน แล้วค่อยออกเดินทางต่อ"
นี่เป็นครั้งแรกที่หยางซุยหลิงจะได้สำรวจครั้งแรก ความตื่นเต้นพลัน แสดงออกมายังทางสีหน้าทันที รอยยิ้มที่สะกดสายตาเหล่าชายเมื่อพบเห็น
อิงเป่ยมองหยางซุยหลิง ก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า
"ข้าดีใจนะที่คุณหนูตื่นเต้นดีใจที่ได้ออกสำรวจแบบนี้"
หยางซุยหลิงยิ้มตอบแล้วพูดด้วยความดีใจ
"แน่นอนเจ้าค่ะคุณชาย ข้ารอเวลานี้มานานแล้ว ตั้งแต่ที่คุณชายสัญญากับข้าตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ข้าก็รอวันที่คุณชายจะพาข้ามาด้วยตลอด"
"ข้าไม่ใช่ว่าไม่อยากพาคุณหนูมาด้วยแต่เพราะข้ายังไม่อาจดูแลความปลอดภัยของคุณหนูได้"
"ข้าเข้าใจ เจ้าค่ะ เพราะอย่างนั้นข้ากับอี้หลิวถึงได้รอ"
หยางซุยหลิงพูดจบก็หันหน้าไปทางอี้หลิวเพื่อให้ยืนยันว่านางนั้นพูดเรื่องจริง แต่เมื่อเห็นท่าทางและคำตอบของอี้หลิวแล้วหยางซุยหลิงถึงกับหน้าแดงทำอะไรไม่ถูก
"อี้หลิวคิดว่าคุณหนูจะลืมข้าไปแล้วซะอีก คิดซะว่าอี้หลิวไม่อยู่เป็นเพียงอากาศก็แล้วกันนะ เจ้าค่ะ"
"เอ่อ..คือว่า ข้าไม่ได้ลืมเจ้าหรอก ข้าเพียงแค่ตื่นเต้นที่ได้ออกมาสำรวจก็เท่านั้น
"เอ๋..! อี้หลิวก็แค่หยอกล้อเท่านั้นเอง คุณหนูไม่ต้องอธิบายให้ข้าฟังก็ได้" อิอิ!
เจ้า....!
อี้หลิวรีบวิ่งไปหลบข้างหลังอิงเป่ยแล้วก็โผล่หน้าออกมาด้านข้างแล้วยิ้มเล็กน้อย หยางซุยหลิงมองการกระทำของอี้หลิวก็ได้แต่ยืนมองตาปริบๆไม่คิดว่าตัวเองจะโดนแกล้งแบบนี้
"ไปกันเถอะเจ้าค่ะคุณชาย" อี้หลิวรีบคว้าจับแขนของอิงเป่ยแล้วเดินไปทันที
"อี้หลิวเจ้าคิดจะยั่วโมโหข้ารึไง ข้าไม่ตกหลุมพรางเจ้าหรอก"
หยางซุยหลิงคิดในใจ
อิงเป่ยทำหน้างุนงงๆไม่เข้าใจในสิ่งที่ทั้ง 2 กระทำ เมื่อถูกอี้หลิวลากไปก็เดินตาม
"คุณหนูถ้าทันไม่ตามมาระวังจะหลงทางเอานะ"
ใช่ๆเจ้าค่ะ
หยางซุยหลิงไม่พูดอะไร แล้วรีบเดินไปอีกฝั่งก่อนจะคว้าจับไปที่แขนอีกข้างของอิงเป่ย เมื่ออี้หลิวเห็นก็รีบปล่อยแขนอิงเป่ยทันที แล้วก็ยิ้มออกมา
"เอ่อ..พวกท่านทำอะไรกัน ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ"
"เอ๊ะ! ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะคุณชาย ข้าแค่กลัวนิดหน่อยเท่านั้นเอง"
หยางซุยหลิงสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไป
"อ้อ! อย่างนั้นหรอกรึ ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่ทั้งคนไม่มีสัตว์อสูรออกมาทำร้ายท่านแน่นอน"
"เฮ้อ..!" เสียงถอนหายใจของอี้หลิวดังออกมา
"เจ้าเป็นอะไร ถึงได้ถอนหายใจอย่างนั้นล่ะ"
"ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ อี้หลิวแค่โล่งใจ"
หยางซุยหลิงก็ปล่อยแขนของอิงเป่ยแล้วยืนข้างๆมองอี้หลิวอย่างคาดโทษเอาไว้
"อืม..งั้นพวกเราเดินทางกันต่อ ใกล้จะถึงแล้วล่ะ"
ปกติมันน่าจะมีสัตว์อสูรอยู่ ทำไมมันถึงได้เงียบแบบนี้ล่ะ หรือว่ามันจะหนีไปหมดแล้วตั้งแต่ตอนนั้นกัน น่าสงสัย คงต้องระวังตัวไว้ก่อนดีกว่า อิงเป่ยคิดเมื่อมีสิ่งผิดปกติ
ครึ่งชั่วยามผ่านไป ก็มาถึงใจกลางป่าอสูรมายา และมาถึงถ้ำที่ราชันย์อสูรฟู่จินเอ่ยบอกก่อนหน้านี้ มีทางเข้าทางเดียวกว้างพอสมควร มืดสนิทมองไม่เห็นด้านในเลยซักนิด อิงเป่ยแผ่ขยายจิตสัมผัสออกไปเพื่อตรวจสอบดูว่ามีสัตว์อสูรอยู่แถวนี้หรือเปล่า แต่กับไม่พบ จึงได้เดินนำหน้าหยางซุยหลิงและอี้หลิวเข้าไปในถ้ำ จากนั้นก็หยิบเอาคบเพลิงออกมาจุด แล้วเดินเข้าไปในถ้ำต่อทันที
"คุณชายพวกเราจะเข้าไปข้างในจริงๆหรือ เจ้าค่ะ มันมืดแถมยังน่ากลัวอีก"
"ไม่เป็นไร ข้าตรวจสอบแล้วว่าไม่มีสัตว์อสูรอยู่แถวบริเวณนี้หรอก"
"อย่างนั้นหรือเจ้าค่ะ เฮ้อ..ค่อยโล่งใจหน่อย"
หยางซุยหลิงถอนหายใจก่อนจะ รีบคว้าแขนของอิงเป่ยเอาไว้แน่น แล้วเดินมองไปข้างน่าด้วยความหวาดระแวง
อิงเป่ยเดินส่องไฟไปเรื่อยๆก็ยังไม่พบทางแยกอะไรเลย จนกระทั่งมาถึงแยกแรกที่ข้างหน้า
ในที่สุดก็ถึงทางแยกซะที แล้วเราจะไปทางไหนดีล่ะ อิงเป่ยจึงถามราชันย์อสูรฟู่จินว่า
"นี่ฟู่จิน ข้าต้องไปทางไหนดีล่ะทางซ้ายหรือขวา"
"ทางไหนก็ได้ มันจะเชื่อมโยงต่อกันอยู่ดี เมื่อเดินไปเรื่อยๆ"
"อืม..เอาเป็นทางขวาก็แล้วกัน" อิงเป่ยเดินเข้าไปทางแยกทางขวามือ แล้วเดินต่อไปเรื่อยๆจนมาถึงทางแยกที่เชื่อมต่อกัน
"นี่คงเป็นถ้ำธรรมดาสินะ สงสัยเราคงไม่ได้อะไรติดมือกันแล้วล่ะ"
"อย่างนั้นหรือเจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้นเราเดินกลับไปทางเดิมออกจากถ้ำนี้กันเถอะเจ้าค่ะ"
ขณะที่กำลังจะหันหลังเดินกลับทางเดิม จู่ๆก็มีกระแสลมพัดผ่านร่างของทั้ง3ไป "ฟิ้วว หวิวว"
"หืม..พวกท่านรู้สึกได้รึเปล่าเมื่อกี้น่ะ เหมือนมีสายลมพัดมาจากทางขวานะ"
"ข้าก็สัมผัสได้เจ้าค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นเราลองไปดูกันซักหน่อยก็แล้วกัน" อิงเป่ยรีบเดินไปทางขวาอย่างเร่งรีบ ไม่นานก็มาพบกับแสงสว่างสลัวๆที่ปลายทางข้างหน้า
"มีแสงสว่างข้างหน้าพวกเรารีบไปกันเถอะ อาจจะเป็นทางออกก็ได้"
เมื่อทั้ง3มาถึงปากทางที่มีแสงสว่างก็ต้องตกใจ เพราะมันเป็นหน้าผาสูงชันตรงทางออก เมื่อมองออกไปรอบๆก็จะเป็นทะเลสาบที่กว้างจนสุดสายตา มองไม่เห็นพื้นดินอีกฝัง แต่ด้านข้างก็ยังพอมีพื้นที่ให้ลงไปอยู่เหมือนกัน
"นี่มันที่ไหนกันล่ะเนี้ย ข้าพึ่งจะได้พบทะเลสาบกว้างขนาดนี้ครั้งแรกเลย
แต่ก็ยังดี ที่มีที่ให้เราลงไปได้อยู่ แต่อีกฝั่งดันไม่มี"
"เอ่อ..คุณชายพวกเราจะลงไปด้านล่างจริงๆหรอเจ้าค่ะ"
"มีอะไรอย่างนั้นหรอ คุณหนู"
"มันดูไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่เลยนะ อาจจะมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอยู่ก็ได้"
"ไม่เป็นอะไรหรอก ข้าตรวจสอบดูแล้วแถวนี้ไม่มีสัตว์อสูร"
"เอาล่ะพวกเราลงไปด้านล่างกันเถอะจะได้สำรวจพื้นที่กันต่อ"
"นี่คุณชายจะให้โดดลงไปอย่างนั้นรึเจ้าค่ะ"
"แน่นอนสิ ถ้าไม่โดดลงไปเราจะไปถึงที่นั้นได้ไงล่ะ จริงไหม"
อิงเป่ยคว้าจับแขนของทั้ง2แล้วกระโดดลงไปด้านล่างทันที โดยที่ทั้ง2ยังไม่ทันตั้งตัว ก็ตกใจกรี๊ดร้องออกมาทันที
"ว๊ายย กรี๊ดดด" "คุณชายท่านอย่าทำแบบนี้อีกนะเจ้าค่ะ พวกข้าตกใจแทบตายเลย"
"เอ่อ...ข้าขอโทษละกัน นึกว่าพวกท่านไม่ตกใจเลยรีบไปหน่อย"
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แต่ทีหลังก็บอกพวกข้าหน่อยก็แล้วกันจะได้เตรียมตัวทัน"
"พวกเราเดินไปหาที่พักกันแถวนี้ก่อนละกัน แล้วค่อยออกเดินทางสำรวจกันต่อ ข้ารู้สึกหิวขึ้นมานิดหน่อยล่ะ"
อิงเป่ยนำปลาออกมา พร้อมกับเนื้อออกมาทำการก่อไฟแล้วทำการย่างปลาและเนื้อเพื่อใช้กินกันระหว่างพักผ่อน
ที่ปากทางออกตรงหน้าผามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองการกระทำของทั้ง3อยู่เป็นระยะๆก่อนจะบ่นพึมพำ
"พวกเขากำลังจะไปไหนกันแน่น่ะ ข้าตามมาตั้งนานแล้วแต่ยังไม่รู้อะไรเลยซักนิด เฮ้อ...หรือว่าข้าจะมาเสียเที่ยวกัน"
ขณะที่กำลังบ่นพึมพำอยู่ก็ได้กลิ่นหอมลอยโชยมาตามสายลมกระทบเข้ากับจมูกของ ถิงเฟยเหยาทำให้สติหลุดจากห้วงคำนึง จนต้องหันไปมองดูกลุ่มของอิงเป่ยอีกครั้ง
"นี่มันกลิ่นอาหารที่ข้าเคยซื้อมาจากร้านอาหารที่เมืองนิ หรือว่าพวกนั้นจะซื้อมากินระหว่างเดินทาง ข้าจะทำยังไงดี ข้าอยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ไหวแน่ ถ้ายังมีกลิ่นลอยมาตามลมเนี้ย"
ถิงเฟยเหยากระสับกระส่ายอยู่ตรงปากทางหน้าผากำลังคิดแผนอะไรบางอย่างอยู่ จากนั้นก็ทำการตัดประสาทสัมผัสทางกลิ่นทันที แล้วเดินหันหลังเข้าไปข้างในเพื่อจะได้ไม่เห็นทั้ง3คนที่กำลังกินอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย
"เฮ้อ..ทำไมข้าต้องมาทนเห็นอะไรแบบนี้ด้วยล่ะเนี้ย ถ้าข้าวางแผนเดินป่าแล้วไปพบเจอกับพวกเขาโดยบังเอิญก็ได้นิ ดีกว่ามาหลบซ่อนตัวแบบนี้"
ถิงเฟยเหยานั่งคิดแผนการอยู่เงียบๆบนด้านในของปากทางหน้าผา อยู่นาน จนกระทั่งผ่านไป ครึ่งชั่วยามก็เดินออกมาดูว่าพวกอิงเป่ยกินอาหารเสร็จหรือยัง เมื่อเห็นว่าทั้ง3กินอาหารเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกเดินทางกันต่อจึงเตรียมตัวที่จะทำตามแผนของตนเองทันที
กลุ่มของอิงเป่ยเริ่มออกเดินทางกันอีกครั้ง โดยเดินเรียบไปตามชายฝั่งทะเลสาบ ระหว่างเดินทางก็พบกับซากสิ่งก่อสร้างอาคารบ้านเรือนที่เก่าแก่น่าจะมีอายุหลายพันปีมาแล้วก็เป็นไปได้ ถึงแม้จะเคยได้เรียนมาแต่ก็ไม่เคยออกสำรวจจริงๆซักครั้งได้แต่ศึกษาตามตำรา จึงไม่ค่อยมีความมั่นใจเท่าที่ควร ครั้งที่จะได้สำรวจก็ดันมาอยู่โลกนี่ซะก่อน
"คุณชายสิ่งก่อสร้างเก่าแก่พวกนี้ท่านพอจะรู้จักหรือเปล่า" หยางซุยหลิงถามด้วยความสงสัย
"เอ่อ..ข้าก็ไม่แน่ใจ ถ้าให้ข้าตอบก็คงจะเป็นบ้านเรือนหรือเมืองสมัยเก่าหลายพันปีมาแล้ว และน่าจะมีคนเคยเข้ามาสำรวจก่อนพวกเราแล้วก็ได้"
"อย่างนั้นหรอ เจ้าค่ะ"
"แต่คุณหนูไม่ต้องกังวลไปถึงแม้จะมีคนมาสำรวจแล้วก็เถอะ แต่มันอาจจะไม่โชคดีสำหรับพวกเขาเหล่านั้นก็ได้"
"คุณชายมั่นใจได้อย่างไรกัน ก็ในเมื่อคนที่เข้ามาอาจจะเก่งในเรื่องหาสมบัติแล้วค้นพบสถานที่เหล่านั้นไปแล้ว"
"มันก็ไม่แน่หรอกนะ เพราะจากที่ข้าเจอมาหลายที่มันมักจะมีอะไรแปลกๆอยู่ เช่น สัตว์อสูรระดับสูง กับดัก ห้องลับ กลไกลอื่นๆเพื่อป้องกันการค้นพบของผู้บุกรุกสถานที่เหล่านั้นเอาไว้ แถมยังอันตรายอย่างมาก ถ้าไม่ระวังอาจจะตายได้เลย"
แกร๊ก!! "ใครน่ะ ออกมาเดี๋ยวนี้"
อิงเป่ยได้ยินเสียงเหมือนคนเหยียบกิ่งไม้หัก หยางซุยหลิงกับอี้หลิวตกใจกับการตะโกนของอิงเป่ย จึงได้หันหน้ามาถามด้วยความตกใจ
"คุณชาย!! มีอะไรรึเจ้าค่ะ"
อิงเป่ยไม่ตอบ ได้แต่จ้องมองไปยังป่าด้านข้างของตนเอง ขมวดคิ้วแน่น
"เป็นไปได้ยังไงที่ข้าจับสัมผัสผิดพลาด ข้าก็แน่ใจแล้วว่าไม่มีคนหรือสัตว์อสูรเลยนิ แล้วทำไมตอนนี้ข้าถึงจับสัมผัสได้ว่ามีคนอยู่ นี่มันแปลกเกินไปแล้ว" อิงเป่ยครุ่นคิดพร้อมกับจ้องไปในป่าไม่กระพริบสายตาแม้แต่น้อย
ถิงเฟยเหยาลงมาจากหน้าผาแล้วก็มุ่งเข้าไปในป่าด้านข้างแล้วทำการเปลี่ยนชุดทำนางสวมใส่อยู่ออกเป็นชุดธรรมดารัดรูปแกล้งทำเป็นนักเดินทางท่องเที่ยว เพื่อที่จะมาพบกลุ่มของอิงเป่ยโดยบังเอิญ และตอนนี้นางก็ได้ทำตามแผนที่วางเอาไว้แล้ว
ถิงเฟยเหยาเดินออกมาจากป่าด้านข้างเดินมุ่งตรงไปที่ทะเลสาบก่อนจะถูกอิงเป่ยตะโกนเรียกให้ออกมา และก็ตรงตามที่นางวางแผนเอาไว้
"ข้าขอโทษที่ทำให้พวกท่านตกใจ ข้าแค่หลงทางกับคนของข้าน่ะ"
อิงเป่ยจ้องหน้าถิงเฟยเหยา แสดงอาการออกมาทางใบหน้าว่าไม่เชื่อออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ถิงเฟยเหยาเห็นก็รู้ทันทีว่าอิงเป่ยไม่เชื่อจึงเอ่ยว่า
"ท่านจะเชื่อข้าหรือไม่นั้นมันก็เรื่องของท่าน เพราะข้าบอกไปแล้ว"
ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรนิ เป็นใครก็ต้องสงสัยเอาไว้ก่อนเป็นเรื่องธรรมดา ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะสะกดรอยตามพวกข้ามาก็ได้ใครล่ะ จะไปรู้"
ถิงเฟยเหยาถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย จ้องมองไปยังอิงเป่ยแล้วคิดในใจว่า
"ไม่คิดว่าเขาจะคาดเดาอะไรเฉียบคมยิ่งนัก ข้าต้องระวังการพูดจากับเขาไว้หน่อยก็ดี"เมื่อคิดแล้วก็รีบกล่าวอธิบายให้อิงเป่ยฟังทันที
"ท่านคิดมากไปแล้ว ข้าเป็นเพียงนักเดินทางเท่านั้น ออกมาหาประสบการณ์ก่อนจะกับตระกูลตนเอง ข้าไล่ตามสัตว์อสูรตัวหนึ่งมาทางนี้
จนหลงกับกลุ่มที่มาด้วยกัน จนมาพบกับพวกท่านนี่ล่ะ"
"อย่างนั้นรึ แล้วคนที่มากับเจ้าไม่ตามมารึไง ถึงให้เจ้ามาคนเดียวแบบนี้ มันน่าสงสัยใช่ไหมล่ะ"
"เฮ้อ..แล้วแต่เจ้าจะคิดก็แล้วกัน ข้าไม่มีอะไรจะพูด"
"ช่างมันละกัน ข้าก็ไม่อยากถามแล้วเหมือนกัน พวกข้าไปก่อนนะ"
อิงเป่ยพูดเสร็จก็หันหลังเดินจากไปทันที หยางซุยหลิงและอี้หลิวก็ได้แต่มองตากันปริบๆไม่รู้จะกล่าวอะไรออกมา จากนั้นก็รีบเดินตามหลังอิงเป่ยไป
โทษที่ครับ ไม่ว่างแต่ง มีปัญหานิดหน่อย เน็ตมีปัญหา พายุเข้าเป็นทุกที ดีนะน้ำไม่ท่วม ช่วงนี้ก็แต่งทีละนิดยามว่าง จะลงช้าหน่อยนะครับ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย