ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หยางซุยหลิง อี้หลิวและผู้อาวุโส1ก็มาที่หน้าห้องของอิงเป่ย พร้อมกับเหล่าผู้ติดตามจำนวน25คน
อี้หลิวเปิดประตูเข้าไปบอกอิงเป่ยว่า "คุณชายทุกคนมาพร้อมกันแล้ว ตอนนี้รออยู่ที่ด้านนอกเจ้าค่ะ"
"อย่างนั้นหรอ เอาล่ะถึงเวลาที่ต้องเดินทางกันแล้วล่ะท่านประมุข"
"เฮ้อ..ข้าว่าเจ้าพาพวกเขาเดินทางไปเถอะ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากไป แต่กว่าจะเดินทางไปถึงก็ใช้เวลาหลายวัน แถมข้าต้องเดินทางกลับมาอีก มันเสียเวลาน่ะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมามันจะไม่ทัน"
"หืม..นี่ท่านคิดว่าข้าจะพาเดินทางทางแบบนั้นหรือยังไง ถ้าไม่ไปข้าจะทิ้งท่านไว้ที่ห้องนี้คนเดียวนะ"
อิงเป่ยเดินออกนอกห้องไปโดยไม่สนใจประมุขหยางอีกเลย ประมุขหยางหันควับไปมองที่อิงเป่ยด้วยความสงสัย
"ถ้าไม่เดินทางเท้าแล้วจะให้บินไปรึไง คนตั้งเยอะขนาดนี้"ประมุขหยางบ่นพึมพำเบาๆ
"คุณชายท่านต้องการให้ข้าไปเตรียมรถม้าหรือเปล่า จะได้เดินทางรวดเร็วขึ้น"
"ไม่จำเป็นหรอก เดี๋ยวข้าจัดการเอง แปบเดียวก็ถึงละ" อิงเป่ยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะทำการเปิดประตูมิติขึ้นมา
"เอ่อ...คือว่า...มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน ที่บอกว่าแปบเดียวก็ถึงเนี้ย" ทุกคนสงสัยจนกระทั่ง
ครืนนน! วิ้งงง! ประตูมิติถูกเปิดขึ้นมาอยู่ด้านหน้าของอิงเป่ย
"นั่นมันประตูมิตินิ ไม่น่าเชื่อว่า คุณชายจะสร้างประตูมิติได้ ถ้าอย่างนั้นพลังปราณท่านก็สูงกว่าราชันย์แล้วสินะ ข้าพูดถูกไหม ผู้อาวุโส1กล่าวถามออกไป"
อิงเป่ยไม่ตอบคำ เพียงแค่ยิ้มเท่านั้น
"เอาล่ะ พวกท่านเดินผ่านประตูนี่ไปก็จะถึงตระกูลข้าแล้วล่ะ"
เมื่อทุกคนมองผ่านประตูมิติไปก็พบเข้ากับลานฝึกฝนที่มีเด็กๆกำลังฝึกวิชากันอยู่ อิงเป่ยเดินนำทุกคนเข้าประตูมิติไป หลงเทียนก็เดินมาหาพ้อมกับกล่าวคำทักทาย
"คารวะคุณชาย ท่านไปไหนมาหรือ ขอรับ"
"ข้ากลับไปที่ตระกูลหยางมาน่ะ ข้าก็บอกเจ้าไปแล้วไง"
"แต่ข้าไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้นิ ขอรับ"
"เอ่อ...ข้าอยากทำให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทางน่ะ จะได้ไม่ต้องกังวลตอนที่ไม่อยู่"
เมื่อทุกคนเดินออกจากประตูมิติครบแล้วอิงเป่ยก็ทำการปิดประตูมิติทันที สิ่งแรกที่ทุกคนเห็นเมื่ออกมาคือ ตึกขนาดใหญ่ที่งดงาม และตึกต่างๆอีกหลายแห่งที่รายล้อมตึกหลักเอาไว้
"นี่นะหรอตึกตระกูลอิงที่คุณชายก่อตั้งขึ้นมาน่ะ ช่างงดงามอะไรเช่นนี้"
"พวกท่านกล่าวชมเกินไปแล้ว ข้าซื้อต่อกับกรมที่ดินของเมืองหลวงมาอีกที มันเป็นของตระกูลใหญ่ของที่นี่ ราคาก็สมน้ำสมเนื้อดี"
"ข้าก็ไม่แปลกใจหรอกนะที่เจ้าจะซื้อได้น่ะ ข้าเริ่มชินแล้ว"
ประมุขหยางพูดเปยๆออกมา
"ไม่ต้องพูดกระทบข้าก็ได้นะท่านประมุข แค่ไม่ได้มาอยู่ที่นี่ทำเป็นใจน้อยไปได้ท่านก็น่าจะรู้นะว่าทำไม"
"ไม่ใช่ซะหน่อย ข้านะรึจะน้อยใจ ฝันไปเถอะ"
"เฮ้อ..ข้าละกลุ้มใจจริงๆ" อิงเป่ยถอนหายใจก่อนจะพึมพำออกมา
"คุณชายแล้วผู้อาวุโส1กับคนในตระกูลของข้าต้องไปพักที่ไหน เจ้าค่ะ"หยางซุยหลิงถามอิงเป่ยออกไป
"อ๋อ เลือกกันได้เลยตึกที่อยู่รอบๆตึกหลักนั่นล่ะ ข้าให้คนของข้าทำความสะอาดหมดแล้ว พวกท่านเอาของไปเก็บก่อนแล้วข้าจะพาไปที่โรงเตี๊ยมชมจันทร์ที่ข้าทำการค้าด้วย"
"พวกท่านนำของไปเก็บกันก่อนนะ แล้วออกมาพบกันตรงนี้อีกที
จะได้ไปด้วยกันเลย"
"เข้าใจแล้ว ขอรับคุณหนู"
วันนี้เป็นวันที่เหวินซีต้องนำสัญญาซื้อขายที่ดินมาให้อิงเป่ยที่ตระกูล จึงได้มุ่งหน้ามาพร้อมกับทหารคุ้มกัน 2 นาย เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าตระกูลอิงก็ประหม่าเล็กน้อย เพราะมีคนอยู่หลายคน แต่เพราะเป็นเรื่องสำคัญจึงตัดสินใจเดินเข้ามา
อี้หลิวเห็นคนที่มากับทหารก็เข้าใจว่าเป็นแขกของอิงเป่ย จึงกล่าวถามด้วยความสงสัย
"คุณชายท่านมีแขกด้วยหรือ เจ้าค่ะ"
"หืม..แขกอย่างนั้นรึ ข้าจำไม่ได้เลยนิว่าจะมีคนมาพบ"
อิงเป่ยจึงหันไปทางเข้าประตูก็พบเข้ากับเหวินซีที่มาพร้อมกับทหารก็นึกขึ้นมาได้ทันที
"อ๋อ ข้าจำได้ล่ะ ท่านเจ้ากรมเหวินซี นี่เองสงสัยจะเอาสัญญาที่ดินมาให้ข้าน่ะ"
"คารวะผู้นำตระกูลอิง ข้าเอาหนังสือสัญญามาให้ตามที่ตกลงกันไว้น่ะ"
"ท่านไม่ต้องเกรงใจ ในเมื่อท่านมาแล้วงั้นวันนี้ข้าจะพาท่านไปเลี้ยงอาหารเป็นการตอบแทนละกัน"
"ข้าขอรับน้ำใจคุณชายที่ให้เกียรติกับข้าคนนี้"
"ไม่เป็นไรพอดีข้ามีเรื่องจะตกลงกับท่านนิดหน่อยเอาไว้ไปคุยที่โรงเตี๊ยมก็แล้วกัน"
"ไม่มีปัญหา ข้าก็ไม่มีอะไรทำพอดี ไปสังสรรซักหน่อยคงไม่เป็นไร"
"ข้าขอแนะนำนี่คือผู้นำตระกูลหยางและบุตรสาวเป็นตระกูลอันดับ1ที่อยู่เมืองพยัคฆ์เมฆาน่ะ"
"ข้าเหวินซียินดีที่ได้รู้จักกับผู้นำตระกูลหยางและบุตรสาวของท่าน"
"ข้าหยางฟงและนี่คือบุตรสาวของข้า หยางซุยหลิง ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน"
"หยางซุยหลิงยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน เจ้าค่ะ"
คุณชายทุกคนมาครบแล้ว ขอรับ
"ในเมื่อมาครบกันทุกคนแล้ว ข้าจะนำทางไปยังโรงเตี๊ยมชมจันทร์ เพื่อเลี้ยงต้อนรับทุกคนที่มาในวันนี้ ไปกันเถอะ"
อิงเป่ยนำทุกคนเดินไปยังโรงเตี๊ยมชมจันทร์ที่อยู่ไม่ไกลจากตระกูลมากนัก ตลอดเส้นทางทำให้ได้รับความสนใจจากผู้คนเพราะมากันเป็นกลุ่มใหญ่ แต่เมื่อเห็นคนที่เดินนำหน้ากลุ่มคนเหล่านี่ก็พากันทำตัวตามปกติ เพราะทุกคนต่างรู้จักกับชายหนุ่มคนนี้เป็นอย่างดี
เมื่อมาถึงหน้าโรงเตี๊ยมก็มีพนักงานออกมาต้อนรับ อย่างรวดเร็ว เพราะจำได้ว่าเคยมาพร้อมกับนายท่านปิงชุนหลิวนั่นเอง
"คุณชายอิงเป่ยและทุกๆท่านเชิญที่โต๊ะด้านใน เจ้าค่ะ"
"ดูเหมือนคุณชายจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเลยนะ ข้าละอิจฉาจริงๆ" เหวินซีพูดยิ้มๆไปทางอิงเป่ย
"ท่านเข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับข้าไปรึเปล่า ข้าลงทุนกิจการกับเจ้าของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ต่างหาก ข้าถึงได้รับการดูแลเป็นพิเศษก็เท่านั้น"
"หืม..คุณชายร่วมลงทุนกับเจ้าของโรงเตี๊ยมนี่หรอกรึ ข้าก็นึกว่า...."
"พวกท่านเชิญนั่งตามสบายเดี๋ยวข้าขอตัวไปสั่งอาหารที่ด้านในซักครู่"
อิงเป่ยพูดเสร็จก็เดินเข้าไปในครัว และสั่งอาหาร 3 อย่างจากท่านป้าซุนจากนั้นก็เดินไปหาปิงชุนหลิวที่ห้องทำงาน
"นายท่านคุณชายมาพบท่านเจ้าค่ะ" เสียงพนักงานกล่าวบอก
"เชิญเข้ามาด้านในเลย" อิงเป่ยเดินเข้ามาด้านในพร้อมกับเอ่ยบอก
ปิงชุนหลิวทันที
"ข้ามีคนที่ต้องการแนะนำให้ท่านรู้จักเอาไว้ ช่วยออกมากับข้าซักครู่ได้
รึเปล่า"
"ได้สิ ข้าว่างพอดีเลย"
ปิงชุนหลิวลุกออกจากโตํะทำงานแล้วเดินออกไปที่ห้องอาหารด้านนอกก็พบเข้ากับผู้คนมากมาย ไม่เว้นแม้แต่ท่านเจ้ากรมเหวินซีก็มาทำให้ปิงซุยหลิวแปลกใจก่อนจะถามอิงเป่ยด้วยความสงสัย
"นี่คุณชายอิงเป่ยคนเหล่านี้เป็นใครอย่างนั้นหรอ แม้แต่ท่านเจ้ากรมเหวินซีก็มา"
"อ๋อ ก็คนเหล่านี้ล่ะที่ข้าอยากแนะนำให้เจ้าได้รู้จักเอาไว้ ข้าให้พวกเขามาอยู่ดูแลตระกูลข้าตอนไม่อยู่น่ะ"
"อืม..อย่างนี้นี่เอง ข้าเข้าใจแล้ว"
"ทุกท่านนี่คือเจ้าของโรงเตี๊ยมชมจันทร์ที่ข้าลงทุนด้วย"
"ข้า ปิงชุนหลิว ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่าน เชิญทุกท่านกินอาหารที่พึ่งจะนำมาเพิ่มได้ตามสบายเลย เจ้าค่ะ"
พนักงานเดินออกมาพร้อมกับอาหาร หลายอย่าง นำไปวางลงที่โต๊ะจัดเรียงอย่างสวยงาม พร้อมกับสุราเลิศรสของที่นี่ ทุกคนที่ได้กลิ่นอาหารก็อดใจไม่ไหวก็เริ่มลงมือชิมกันทีละอย่างจนมาสะดุดเข้ากับอาหาร3อย่างที่มันดูธรรมอย่างมาก แต่กลิ่นหอมที่ส่งออกมานั้นกับตรงกันข้าม เมื่อทุกคนได้ชิมก็ตกตะลึงในความอร่อยจนไม่อาจหยุดมือลงได้
"นี่มันอร่อยจริงๆถึงจะดูธรรมดาก็เถอะ "
"ใช่ๆอร่อยกว่าอาหารหรูๆก่อนหน้าซะอีก ข้าก็พึ่งจะรู้นะว่าหมั่นโถมันจะอร่อยถึงเพียงนี้"
อิงเป่ยกล่าวเชิญปิงชุนหลิวไปนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับผู้นำตระกูลหยาง ท่านเจ้ากรมเหวินซี ผู้อาวุโสหนึ่งทันที เพื่อจะได้คุยเรื่องสำคัญกัน
"เชิญนั่ง ข้ามีเรื่องจะกล่าวเล็กน้อยระหว่างกินอาหารไปด้วย
ผู้อาวุโส1ข้าจะให้ท่านดูแลความเรียบร้อยภายในตระกูลของข้า ซึ่งทุกเดือนโรงเตี๊ยมชมจันทร์จะแบ่งกำไรให้ทางตระกูลอิงตามที่ตกลงกันเอาไว้ โดยข้าจะให้ท่านเป็นคนดูแล"
"ส่วนท่านเจ้ากรมเหวินซี ข้าอยากให้ท่านช่วยคุ้มครองตระกูลข้าและโรงเตี๊ยมนี่ โดยขอให้ฝ่าบาทคอยสนับสนุน ซึ่งข้าจะจ่ายค่าตอบแทนให้เป็นอาวุธระดับมนุษย์ เซียน วิญญาณ ให้ตามความเหมาะสม หลังจากที่กลับมาจากการเดินทาง ท่านเห็นว่าเป็นเช่นไร"
ตอนนี้โต๊ะอาหารกลุ่มอิงเป่ยนิ่งค้างไปแล้ว ไม่มีเสียงตอบรับใดๆออกมาหลังจากที่ได้ยินข้อเสนอที่อิงเป่ยกล่าวเมื่อซักครู่
"เฮ้อ...นี่พวกท่านมันจะไม่ตกใจเกินไปหน่อยหรอ ข้าจริงจังกับเรื่องนี้มากเลยนะ"
"เอ่อ..จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงกันล่ะ ข้อเสนอคุณชายมัน..."เหวินซีไม่รู้จะอธิบายยังไง
"ท่านไม่ต้องสนใจ ที่พวกข้าเงียบไม่ใช่เพราะตกใจอะไรหรอก เพียงแค่นึกไม่ถึงกับข้อเสนอนี่ก็เท่านั้นล่ะ"
"หาาา นี่พวกท่านก็รู้อย่างนั้นหรอ"
"อืม...จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิดหรอก พวกข้าเริ่มชินกับเรื่องนี้แล้วล่ะ"
เหวินซีไม่รู้จะปฎิเสธไปทำไมจึงตอบตกลงหลังจากที่ฟังผู้นำตระกูลหยางกล่าวออกมา
"ข้าตกลง รับข้อเสนอของคุณชาย"
เมื่อข้อตกลงเรียบร้อย อิงเป่ยจึงหยิบอาวุธระดับวิญญาณออกมา 1 ชิ้น ยื่นส่งให้กับเจ้ากรมเหวินซีไป
"นี่เป็นอาวุธที่ข้ามีตอนนี้ มอบให้ท่านเหวินซีนำไปมอบให้ฝ่าบาทด้วยก็แล้วกัน ตามข้อตกลงที่ข้าเกิ่นไปตอนแรก"
เจ้ากรมเหวินซีเมื่อเห็นอาวุธระดับเซียนถึงกับมือสั่นกล่าวตะกุกตะกักออกมา
"ขะ ขะ ข้าขอบคุณ...คุณชายมากที่มอบของล้ำค่าให้แบบนี้"
"ไม่เป็นไร ถ้าท่านคุ้มครองตระกูลและโรงเตี๊ยมนี่ให้ปลอดภัยนับว่าคุ้มค่าแล้วล่ะ"
"คุณชายเชื่อใจข้าได้เลย ไม่ต้องเป็นห่วง"
อิงเป่ยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกล่าวเปิดงานฉลองทันที
"เอาล่ะ ถึงเวลาฉลองต้อนรับให้กับทุกท่านในวันนี้ เชิญทุกท่านตามสบาย ขาดเหลือสิ่งใดสั่งพนักงานได้เลย"
งานฉลองแบบเรียบง่ายดำเนินการไปเรื่อยๆจนถึงยามเย็น ก็ได้เวลาที่ต้องกล่าวคำลาเพื่อแยกย้ายกันกลับไปทำหน้าที่ของตนเอง
เจ้ากรมเหวินซีก็มุ่งหน้ากับไปที่ราชวงศ์ทันที เพื่อมอบอาวุธให้กับฝ่าบาทและกล่าวข้อตกลงให้ฟัง
อิงเป่ยก็กล่าวลากับปิงชุนหลิวแล้วเดินทางกลับตระกูลเพื่อไปพักผ่อน
หยางซุยหลิงเอ่ยปากถามอิงเป่ยว่า "คุณชายจะออกเดินทางตอนไหนรึเจ้าค่ะ"
"อืม..คงจะเป็นพรุ่งนี้ตอนสายๆน่ะ ข้าได้เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว จึงอยากจะออกเดินทางเร็วๆ"
หยางซุยหลิงยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่ตนนั้นจะได้ออกไปท่องโลกพร้อมกับอิงเป่ยเป็นสิ่งที่นางรอคอยมานานวันพรุ่งนี้ก็จะเป็นความจริงแล้ว
"ดูเหมือนคุณหนูจะดีใจมากเลยนะที่ได้ออกท่องโลก"
"มันเป็นความใผ่ฝันของข้าน่ะ ที่อยากจะออกไปท่องโลกดูซักครั้ง และตอนนี้มันก็เป็นความจริงขึ้นมาแล้ว ข้าขอบคุณมากที่ทำให้ฝันข้าเป็นจริง"
"คุณหนูไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก แต่ถ้ามีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นข้าจะเปิดประตูมิติให้คุณหนูกลับทันที คุณหนูคงเข้าใจข้านะ"
"ข้าให้สัญญา ว่าจะทำตามคำที่เจ้าแนะนำ"
"ถ้าอย่างนั้น คุณหนูไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะเตรียมตัวนิดหน่อย เจอกันพรุ่งนี้"
"แล้วเจอกันพรุ่งนี้ เจ้าค่ะ"
เมื่อแยกจากันแล้วอิงเป่ยก็กลับห้องพักตนเองก่อนจะนำเม็ดยาสีทองออกมา2เม็ด ก่อนจะกลืนลงไป พลังปราณที่ระเบิดออกมาจากเม็ดยาสีทองมากมายมหาศาลพุ่งพล่านแทบจะระเบิดออกมา อิงเป่ยรีบดูดซับพลังปราณเหล่านั้นด้วยความเร็ว แล้วทำการบีบอัดเอาไว้ก่อน แล้วจึงจะทะลวงระดับเมื่อถึงจุดสูงสุด
ผ่านไป30ลมหายใจ อิงเป่ยทำการทะลวงระดับพลังปราณทันที
ปัง!! แสงสีทองคลุมทั่วร่างกายเอาไว้ทำให้รู้สึกอบอุ่นเหมือนทุกส่วนของร่างกายอิงเป่ยได้รับการชำระร่างให้บริสุทธิ์ดุจเทพเซียนขึ้นอีกระดับหนึ่ง และสิ่งสกปรกในร่างกายออกมาเป็นของเหลวสีดำซึ่งออกมาเยอะกว่าทุกครั้ง ส่งกลิ่นรุนแรงออกมา อิงเป่ยลืมตาขึ้นก่อนจะรีบลุกเดินเข้าห้องอาบน้ำทันที
"อึ๊ยย! กลิ่นรุนแรงจริงๆ ข้าเกือบทนไม่ไหวซะแล้ว"
อิงเป่ยนั่งสำรวจร่างกายของตนเองอยู่พักใหญ่ๆแต่ก็ไม่อาจเข้าใจในระดับพลังของตนเองได้ จึงลืมตาขึ้นมาก่อนจะถามราชันย์อสูรค้างคาวว่า
"เจ้าค้างคาวเจ้าพอจะบอกระดับพลังหลังจากที่ทะลวงผ่านปราณเทพสงครามไปให้ข้าฟังได้รึเปล่า"
"ได้สิ ข้าจะบอกระดับพลังปราณหลังจากที่ทะลวงผ่านปราณเทพสงครามให้ฟัง ทุกระดับมี 9 ขั้น"
-กำเนิดปราณเทพอสูร
-หลอมรวมปราณเทพอสูร
-ปราณแท้เทพอสูร
-เทพอสูรที่แท้จริง
-ราชาเทพอสูร
-ราชันย์เทพอสูร
-ราชันย์จักรพรรดิ์เทพอสูร
-จ้าวพิภพเทพอสูร
หลังจากที่ท่านสามารถทะลวงระดับผ่านจ้าวพิภพเทพอสูรไปแล้วก็จะเป็น
-กำเนิดปราณเทพเจ้า
"เดี๋ยวๆพอก่อน แค่นี้ข้าก็จะแย่อยู่แล้ว พอแค่นี้ก่อนละกัน "
5555!! "ข้านึกว่าท่านอยากจะรู้เลยจะอธิบายให้ฟังอีกนิดหน่อย"
"พอล่ะ งั้นแสดงว่าตอนนี้ ข้าก็อยู่ระดับ กำเนิดปราณเทพอสูรสินะ"
"ใช่แล้ว ซึ่งเป็นการจุติขั้นที่ 2 ของพลังปราณ ความอยากลำบากในการฝึกฝนก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว"
"เฮ้อ...ข้ารู้สึกเหนื่อยขึ้นมาทันทีเลย เมื่อได้ยินที่เจ้าพูดมาน่ะ อ๊ะจริงสิ ข้าลืมถามชื่อเจ้าไปเลย"
"เถียฟู่จิน" "นี่คือชื่อของข้า"
"อืม..ข้าอิงเป่ย เจ้าจะเรียกนายท่านก็ได้ แล้วแต่เจ้าเลย"
"ข้าเรียกนายท่านดีกว่าง่ายดี"
"เอาล่ะ พักผ่อนกันดีกว่า พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแล้ว"
อิงเป่ยลุกออกจากถังอาบน้ำแล้วเช็ดตัวด้วยผ้าก่อนจะสวมชุดสีขาวเดินออกไป อิงเป่ยล้มตัวลงนอนที่เตียงก่อนจะหลับตาลง
บนหลังคาที่พักแห่งหนึ่งมีหญิงสาวที่กำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของอิงเป่ย ตั้งแต่ออกมาจากโรงเตี๊ยมชมจันทร์ ซึ่งก็เป็นใครไม่ได้นอกจาก ถิงเฟยเหยา
"ข้าไม่นึกว่าจะมีมนุษย์ที่สามารถก้าวข้ามระดับเทพสงครามมาได้
น่าสนใจจริงๆข้าจะคอยตามดูเจ้า บางที่เจ้าอาจจะเป็นคนที่ข้ากำลังตามหาอยู่ก็ได้" หึหึ! ฟุบ! ถิงเฟยเหยาหายวับไปทันทีเมื่อพึมพำกับตนเองจบ
เช้าวันใหม่มาเยือน อิงเป่ยลืมตาขึ้น ลุกออกจากเตียงเดินเข้าห้องอาบน้ำชำระร่างกายทันที แล้วเดินออกมาที่ลานฝึกฝน
"พวกเจ้าทั้ง4เข้าไปพักผ่อนในหนังสือก่อนนะ เอาไว้ข้าจะเรียกพวกเจ้าออกมากันอีกที"
"เข้าใจแล้ว ขอรับ/เจ้าค่ะ"
เมื่อทั้ง4หายเข้าไปในหนังสือ หยางซุยหลิงก็เดินมาทักทาย
"อรุณสวัสดิ์คุณชาย"
"ท่านตื่นเช้าแบบนี้ หรือว่าท่านตื่นเต้นจนนอนไม่หลับอย่างนั้นรึ"
"ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย ข้าหลับสบายดี"
"รอข้าส่งบิดาท่านกลับไปที่ตระกูลหยางก่อน แล้วพวกเราค่อยออกเดินทางก็แล้วกัน"
"อี้หลิวเจ้าไปตามบิดาข้าทีสิ"
"ไม่ต้องหรอก ดูเหมือนว่า จะมาโน่นแล้ว"
"ถึงเวลาที่ข้าต้องกลับล่ะ ข้าฝากเจ้าดูแลบุตรสาวข้าด้วยล่ะ"
"ไม่ต้องห่วง ข้ารับปากท่าน"
อิงเป่ยทำการเปิดประตูมิติขึ้นมาทันที ครืนนน! วิ้งง!
"ท่านพ่อดูแลตัวเองดีๆนะเจ้าค่ะ ไว้ข้ากลับมาจะรีบไปเยี่ยมท่านทันที"
ประมุขหยางฟงเดินเข้าประตูมิติไปจนลับตาแล้วประตูมิติก็หายไปทันที
"เอาล่ะ พวกเราออกเดินทางกันดีกว่า ผู้อาวุโส ข้าฝากท่านดูแลตระกูลข้าทีนะ"
"ท่านไม่ต้องกังวลคุณชาย ข้าจะทำให้ดีที่สุด"
อิงเป่ย หยางซุยหลิง อี้หลิว เดินออกจากตระกูลมุ่งหน้าสู่ทางทิศเหนือทันที โดยมีถิงเฟยเหยาแอบติดตามอยู่ห่างๆ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย