ตอนที่ 12 : Chapter 12
Chapter 12
ดาวแอตแลนติสนั้นคล้ายกับดาวเคราะห์สีน้ำเงินของพวกมนุษย์ มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ล้อมรอบสองสามทวีป ดาวดวงนี้สำหรับมนุษย์ที่เพิ่งจากดาวบ้านเกิดมา นำพาความสงบสุขและสันติสุขที่ไม่มีที่ใดสามารถมอบให้ได้ ทุกวันนี้อาคารทุกหลังบนดาวแอตแลนติสได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมายของรัฐบาลกลางทำให้ไม่สามารถรื้อถอนได้
ดังนั้นฐานลัพของลู่เหิงจึงยังคงตั้งอยู่ที่เดิมริมชายฝั่งเหมือนเมื่อหลายปีก่อน เมื่อได้ยินเสียงคลื่นที่กระทบกำแพงหิน ลู่เหิงค่อยๆ เดินขึ้นไปตามขั้นบันไดวน ประตูเหล็กที่ทอดยาวไปสู่ด้านบนสุดของดาดฟ้ามีสนิมเกาะ ทำให้เกิดเสียงแสบแก้วหูเมื่อผลักมัน ถึงอย่างนั้นแผ่นหลังที่แข็งทื่อตรงหน้าลู่เหิงก็ยังไม่เปลี่ยน
ลู่เหิงเดินไปนั่งข้างๆ ฮิววิตต์
แจ็คเก็ตของฮิววิตต์ถูกวางอย่างไม่ใส่ใจ บนตัวเขามีแค่เสื้อเกราะสำหรับฝึกสีดำเท่านั้น เผยให้เห็นเส้นสายกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ทั้งตัวของเขาเป็นเหมือนเสือดำที่แข็งแกร่ง แต่ตอนนี้แมวตัวใหญ่ดูเซื่องซึมเล็กน้อย ลมทะเลที่ร้อนและชื้นพัดผมสีแดงของฮิววิตต์ให้ยุ่งเหยิง แต่เขาขี้เกียจเกินกว่าที่จะสนใจมันและจ้องมองไปข้างหน้าเงียบ ๆ
ทันใดนั้นฮิววิตต์ก็รู้สึกเย็นที่ใบหน้า เมื่อเขาหันหน้าไปก็เห็นขวดที่ดูคุ้นตาระหว่างนิ้วเรียวของลู่เหิง มันคือไวน์ที่พวกเขาเคยดื่มบ่อยๆ ตอนเด็ก ฮิววิตต์หยิบขวดมาและทั้งสองก็นั่งเงียบ พวกแค่เขาจิบไวน์เงียบๆ จนกระทั่งไวน์ถึงก้นขวด
“ไอ้พวกเวรสำนักงานใหญ่ทางการทหาร!” ฮิววิตต์ยกศีรษะขึ้น กระดกไวน์อึกสุดท้าย ก่อนจะเริ่มพูดในที่สุด
ลู่เหิงแค่มองเขาและจ้องโดยปราศจากคำพูด
“ไม่มีการสนับสนุน หน่วยสายลมและสายฟ้าต้องปฏิบัติภารกิจลอบสังหารราชินีเพียงลำพัง โอ้...” ฮิววิตต์หัวเราะเย้ยหยัน “ในสายตาพวกเขาไม่มีอะไรเทียบเท่าตำแหน่งนั้นได้ กระทั่งโอกาสที่ดีที่สุดก็ยังถูกใช้ในการต่อรองในการต่อสู้ของพวกเขา!”
“แล้ว?” ลู่เหิงถาม
ฮิววิตต์นิ่งไป
ลู่เหิงยกมุมปากขึ้น เผยรอยยิ้มบาง “นายไม่มั่นใจ?”
“จะเป็นไปได้ไง! ถึงแม้ว่าจะมีแค่หน่วยสายลมและสายฟ้า ภารกิจนี้ก็ไม่มีปัญหา!” นี่ไม่ใช่ความอวดดี แม้ว่าสมองของฮิววิตต์จะค่อนข้างมึนเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ความแข็งแกร่งของหน่วยสายลมและสายฟ้าเขารับรู้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะไม่มีการสนับสนุนจากกองพันที่เหลือ อย่างมากมันก็แค่ทำให้งานนี้ยากขึ้นเท่านั้น
“ถ้างั้นนายหดหู่ทำไม? พวกเราจะไม่ขอให้คนอื่นเข้าใจ ตราบใดที่พวกเรายังไม่ลืมเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเรา แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”
ฮิววิตต์มองลู่เหิง เขามักจะอยู่ในสายตาที่สงบนิ่งราวบ่อน้ำโบราณเสมอและตอนนี้เขารู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางแม่น้ำดวงดาว ฮิววิตต์ถูกดึงดูดโดยแสงที่งดงาม และคล้ายทุกๆ อย่างรอบตัวหยุดนิ่ง กระทั่งเสียงคลื่นที่ดังอย่างต่อเนื่องก็หายไป ฮิววิตต์ได้ยินเพียงเสียงเต้นของหัวใจตัวเอง มองเห็นเพียงดวงตาคู่สวยของลู่เหิง เขาพยายามรวบรวมสติช้าๆ และถูกดึงดูดเข้าไปในความเปล่งประกายนั้น เมื่อพวกเขาเข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจ แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจะสัมผัสกัน เขาก็ถูกขัดขวางโดยบางอย่าง
ตอนนี้ฮิววิตต์อยากจะทำลายสิ่งที่ขัดขวางเขาให้สิ้นซาก อย่างไรก็ตามเหตุผลที่เหลือก็ทำให้เขาหลุดจากภวังค์ จากนั้นฮิววิตต์ก็เห็นฝ่ามือของลู่เหิงที่ยันหน้าผากเขาไว้ ใบหน้าของเขาไม่สามารถอธิบายได้
บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วลู่เหิงก็กู้คืนใบหน้าไร้อารมณ์อย่างปกติของตัวเอง “นายต้องการจะทำอะไร?”
ใบหน้าของฮิววิตต์แดงก่ำในพริบตา “นาย มีใบไม้ติดบนหน้านาย...”
ดวงตาของลู่เหิงทำให้ฮิววิตต์รู้สึกว่าตัวเองเป็นไอ้โง่ แต่แน่นอนว่าสิ่งถัดไปที่เขาได้ยินยิ่งทำให้เขาอยากขุดหลุมฝังตัวเอง
ลู่เหิงพูด “ไม่มีพืชสักต้นในหนึ่งกิโลเมตรนี้”
กลางคืนนั้นดูล้ำลึก แต่แม่น้ำที่พร่างพราวด้วยดวงดาวตอนกลางคืนนั้นงดงามยิ่งกว่า ลมทะเลร้อนชื้นสัมผัสพวกเขาเบาๆ ลู่เหิงชันขาซ้ายขึ้น มือขวาวางบนพื้นด้วยท่าทางผ่อนคลายที่หายาก และมองคลื่นภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนเงียบๆ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าขาขวาเขาตกลง ลู่เหิงก้มลงมองก็เห็นฮิววิตต์ที่กำลังนอนอยู่บนตัก
“...”
บางทีใบหน้าไร้อารมณ์ของลู่เหิงที่จ้องคนอื่นอาจทำให้ถึงตายได้ ฮิววิตต์จึงเอนตัวและกอดเอวเขา “ไวน์นี้มันแรงเกินไป ฉันรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย ขอพักสักครู่”
ลู่เหิงนิ่งไปและขี้เกียจเกินกว่าสนใจคนเมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ไม่ว่าเขาจะเมาเหมือนที่อ้างหรือไม่ก็ตาม
ฮิววิตต์กอดเอวผอมบางของลู่เหิงไว้ และแอบตบปากตัวเองในมุมที่อีกฝ่ายมองไม่เห็น รู้สึกเหมือนหูตัวเองเริ่มร้อนขึ้นอีกครั้ง
“เอาล่ะ พูดได้แล้ว เกิดอะไรขึ้น?” พระจันทร์ทั้งสองดวงขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ครึ่งทางแล้ว ลมหายใจของฮิววิตต์สม่ำเสมอ แต่ลู่เหิงรู้ว่าอีกฝ่ายยังตื่นอยู่
“รายงานการวิเคราะห์ของสถาบันวิจัยแห่งแรกออกมาแล้ว ราชินีกำลังวิวัฒนาการ เวลาที่รายงานคือเจ็ดวันก่อน พวกกรมทหารที่ใช้เวลาประชุมกันถึงห้าวันมีมติบัดซบลงมาว่า หน่วยสายลมและสายฟ้าต้องทำภารกิจลอบสังหารราชินีโดยไม่มีกำลังเสริม” ฮิววิตต์พูดด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “นายคงพูดไม่ได้ว่าจะมันไม่มีการหนุนหลังเรื่องนี้ สถานีโทรทัศน์อวกาศกำลังจะกดดันพวกเราด้วยถ่ายทอดสดอัตโนมัติ 20 ช่อง!”
“ถ่ายทอดสด?”
“ฉันไม่รู้ว่าไอ้โง่คนไหนเป็นคนคิดแผนนี้ขึ้นมา พูดได้เลยว่าภารกิจนี้มีผลกระทบอย่างมาก เพื่อเคารพสิทธิที่ประชาชนสมควรจะได้รับรู้ ทุกขั้นตอนของการปฏิบัติการจะต้องมีการถ่ายทอดสด” พูดแล้วฮิววิตต์ก็หงุดหงิดและขยี้หัวตัวเอง “สิ่งที่โง่ยิ่งกว่าคือการที่พวกกรมทหารระดับสูงเห็นชอบกับเรื่องนี้”
หลังจากที่รู้ข่าว ฮิววิตต์ก็ส่งข้อความไปที่กรมทหารระดับสูงเพื่อเพิกถอนคำสั่งแต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน การวิวัฒนาการของราชินีเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิต ถึงแม้ว่ามันจะอันตราย ฮิววิตต์และหน่วยสายลมและสายฟ้าก็จะไม่ยอมพลาดโอกาสแบบนี้เด็ดขาด บางทีพวกแผนกระดับสูงอาจจะต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้เพื่อกำจัดพวกเขาโดยการปฏิเสธที่จะให้กำลังเสริม สำหรับการถ่ายทอดสด ทางกรมทหารอธิบายว่าข่าวการวิวัฒนาการของราชินีไม่แน่ใจว่ามีการรั่วไหลและกระจายไปทั่วเครือข่ายดวงดาวได้อย่างไร ทำให้เกิดแรงกดดันจากมติสาธารณชนให้เปิดการถ่ายทอดสด
เจนตาของพวกทหารระดับสูงก็เห็นชัดๆ อยู่แล้ว โดยไม่มีกำลังเสริม ทางเลือกเดียวของฮิววิตต์ก็คือการปล่อยให้สมาชิกระดับหัวกะทิของหน่วยสายลมและสายฟ้าใช้สารหมายเลข 1 เพื่อผ่านเข้ารูหนอนในการทำภารกิจ ผลที่ตามมาจากการใช้สารหมายเลข 1 แทบจะเดาอนาคตล่วงหน้าได้เลย และไม่ว่าภารกิจจะสำเร็จหรือไม่ สำหรับผู้ที่ปฏิบัติภารกิจนี้สิ่งเดียวที่รออยู่ก็คือความตาย
ในกรณีนี้แม้ว่าจะเป็นภารกิจ แต่มันคงก่อให้เกิดความขัดแย้งภายในหน่วยสายลมและสายฟ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และความน่าเคารพนับถือในตัวของฮิววิตต์ก็คงจะลดลงไปด้วย จากนั้นพวกเขาก็จะค่อยๆ หาทางกลืนกินหน่วยสายลมและสายฟ้า และเพิ่มพลังที่น่ากลัวนี้ให้กับกองทัพของตนเอง
“ความปลอดภัยของดาวชายแดนนับพันเปรียบเทียบไม่ได้เลยกับการต่อสู้ของพวกเขา แต่ในอีกมุม ไม่ใช่ว่านี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของพวกเราเหรอ?” ฮิววิตต์ปลอบใจตัวเอง
“นี่เป็นผลจาการไม่เข้าเรียนคลาส ‘ประวัติศาสตร์ทั่วไปของมนุษยชาติ’ ตอนอยู่สถาบันทหาร” ลู่เหิงพูดขึ้นมาด้วยประโยคที่ฟังดูไม่เกี่ยวข้องกัน
แต่ถึงอย่างนั้นฮิววิตต์ก็เข้าใจสิ่งที่เขาสื่อได้อย่างรวดเร็ว “ใช่ ถ้าฉันตั้งใจฟังในคลาสกับนาย บางทีฉันอาจจะไม่เพ้อฝันไปกับอุดมการณ์ขนาดนี้”
การต่อสู้เพื่ออำนาจนั้นแทรกซึมไปทั่วผ่านการพัฒนาของอารยธรรมมนุษย์ ไม่ว่าจะมีความสงบสุขหรือสงคราม การสมคบคิดเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไป
“ถึงงั้นก็เถอะ ถ้านายไม่ได้มีหัวใจแบบนั้น หน่วยสายลมและสายฟ้าคงไม่ใช่ดินแดนในฝันสำหรับเหล่าทหารที่โดดเด่นเหมือนตอนนี้”
ฮิววิตต์มองลู่เหิงใต้แสดงดาว บางทีอาจเพราะไวน์ที่ดื่มไปจริงๆ นั่นแหละ แก้มเขาถึงได้แดงเล็กน้อยเช่นเดียวกับเสียงเขาที่นุ่มและต่ำลง กระทั่งสายลมรอบกายยังดูอ่อนโยน อารมณ์วุ่นวายของฮิววิตต์พลันสงบลง
ทันใดนั้นจู่ๆ ก็มีการฉายภาพขนาดใหญ่บนท้องฟ้าเหนือท่าเรือ และเริ่มเล่นหนังเกี่ยวกับการรำลึกถึงความหลัง ‘หลบหนีจากดาวเคราะห์สีน้ำเงิน’ ดาวเคราะห์สีน้ำเงินครั้งหนึ่งเคยเป็นดาวแม่ของมวลมนุษย์ทุกคน แต่หลังจากถูกค้นพบโดยพวกเซิร์ก มนุษย์ที่ยังคงล้าหลังในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจึงไม่สามารถต่อกรกับกองทัพของเซิร์กได้ มนุษย์ถูกบังคับให้ละทิ้งบ้านเกิดตัวเองและพัฒนากระบวนการหลบหนี ในเวลานั้นมนุษย์ที่หลบหนีมาบังเอิญไปพบราชินีที่กำลังวิวัฒนาการโดยไม่ตั้งใจ พวกเขายอมสละชีวิตเพื่อสังหารราชินีแลกกับสองร้อยปีในการฟื้นตัวของมวลมนุษย์
“เฮ้ นี่มันหนังกลางแปลงรายสัปดาห์นี่ ครั้งสุดท้ายที่พวกเราดูหนังด้วยกันที่นี่ก็เมื่อ 20 ปีที่แล้วเลยนะ” ฮิววิตต์พูดด้วยความคิดถึง
ลู่เหิงไม่ได้ตอบ แต่ชื่นชมมหากาพย์ที่งดงามตรงหน้าเงียบๆ ฮิววิตต์มองใบหน้าด้านข้างที่ตั้งอกตั้งใจดูแล้วผ่อนคลายอารมณ์ลง ปล่อยตัวเองให้จมจ่อมลงไปในพล็อตหนัง รายละเอียดในหนังพลันมอบแรงบันดาลใจให้ฮิววิตต์
“ไรเนอร์ ฉันมีความคิดดีๆ การควบคุมเครือข่ายทางจิตของราชินีจะอ่อนแอที่สุดในขั้นตอนสุดท้ายของการวิวัฒนาการ” ยิ่งเขาพูดมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าแผนเป็นไปได้มากเท่านั้น
ลู่เหิงพยักหน้าให้เขาพูดต่อ
“พวกเราสามารถเลียนแบบสัญญาณจิตของราชินีแล้วมอบคำสั่งให้การ์เดี้ยนทั้งหมดถอยออกจากรังเพื่อสำรวจ จากนั้นค่อยรอโอกาสย่องเข้าไปสังหารราชินีได้”
“แผนนี้เป็นไปได้” ลู่เหิงเปิดไลท์เบรนทันที และเริ่มจำลองการปฏิบัติงาน
ฮิววิตต์มองท่าทางจริงจังของลู่เหิงเงียบๆ ระหว่างพวกเขา เขาเป็นคนที่คอยเสนอแนะไอเดียต่างๆ เสมอ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยจะเป็นลู่เหิงที่คอยพิจารณาตรวจสอบ ตราบใดที่มีลู่เหิง ไม่ว่าจะเป็นไอเดียที่ดูอวดดีแค่ไหนก็สามารถทำให้เป็นจริงได้
“เกี่ยวกับไอเดียของนาย หลังจากคำนวณแล้ว เพื่อการลอบสังหารราชินีและประสบความสำเร็จในการล่าถอย จำนวนคนขั้นต่ำในการปฏิบัติภารกิจนี้สามารถลดลงเหลือสองคนได้” เป็นเวลานานก่อนลู่เหิงจะเงยหน้าขึ้นมาและชูนิ้วเรียวขึ้นมาสองนิ้วประกอบ
ฮิววิตต์คว้ามือของลู่เหิงที่ยื่นออกมาด้วยความตื่นเต้น “แน่นอน ตราบใดที่มีนายอยู่ด้วย ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้หรอก!”
แผนของลู่เหิงคือการข้ามรูหนอนอีกครั้งโดยมีเขาและฮิววิตต์ และจำลองสัญญาณจิตของพวกเซิร์กในการเข้าใกล้ที่ซ่อนของราชินี รอจนกระทั่งถึงขั้นตอนสุดท้ายของการวิวัฒนาการ ตอนที่การควบคุมเครือข่ายจิตวิญญาณอ่อนแอที่สุด เขาจะจำลองสัญญาณจิตของราชินีเพื่อควบคุมการ์เดี้ยนเซิร์กทั้งหมดให้ออกไปจากรัง ส่วนฮิววิตต์จะรับผิดชอบในการเข้าไปในรังเพื่อลอบสังหารราชินี
เมื่อราชินีถูกฆ่า การ์เดี้ยนทั้งหมดจะต้องตื่นตัวแน่ ดังนั้นจึงต้องมีคนคนหนึ่งทำหน้าที่จำลองสัญญาณจิตตลอดการปฏิบัติงาน เพื่อให้คนที่เข้าไปในรังสามารถถอยกลับได้อย่างราบรื่น ภารกิจสำหรับหน่วยสายลมและสายฟ้าคนอื่นๆ คือการปกป้องทางออกอีกด้านของรูหนอนและป้องกันการ์เดี้ยนที่ถูกล่อให้ออกจากรังเพื่อบุกสหพันธ์มนุษย์ผ่านรูหนอน อย่างไรก็ตามทางออกอีกด้านนั้นอยู่ไม่ไกลจากดาวเคราะห์ที่มีคนอยู่อาศัยนัก ถ้าพวกเซิร์กสามารถฝ่าไปได้ ผลลัพธ์ที่ตามมาคงไม่อาจจินตนาการได้
ในที่สุดแผนการลอบสังหารราชินีก็เสร็จสมบูรณ์
-----------------------------------------------------------
ทำไมทุกคนมองคาร์โลในแง่ร้าย 5555555 คนที่ขัดคือน้องลู่เหิงเองจ้าาาา ทำดีมากลูกอย่าไปยอมมันง่ายๆ แต่เราว่านังคาร์โลน่าจะมีบทในตอนหน้าแน่ๆ นางหายไปนานเกินไปจนน่าระแวง นางต้องโผล่มาตอนพีคๆอย่างตอนทำงานแน่นอนน
-----------------------------------------------------------
คำศัพท์ తꀧత
Tranquility = สันติสุข
Ramrod = ไม้สำหรับอัดดินปืน, ตายตัว, แข็งทื่อ
Languid = เฉื่อยชา, เซื่องซึม
Dishevel = ยุ่งเหยิง, กระเซิง
Lethal = ถึงตาย
Derision = การหัวเราะเยาะ
Permeate = ซึมผ่าน, แพร่กระจาย
Evacuate = อพยพ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ลู่เหิงต้องตายเพราะนังคาร์โลแน่ๆๆ
ฉันว่านางจะต้องโผล่หัวไป
ก่อนไปปฏิบัติการ แนะนำให้จับนังคาร์โลมัดแล้วขังไว้ในห้อง วางยาก่อนให้หลับยาวไปเลยสักเดือนก็ดี จะได้ไม่สร้างปัญหาตอนเค้ากำลังทำงาน
ลู่เหิงแค่แสดงบทบาทว่าผูกพันธ์แต่นางไม่ได้ผูกพันธ์ตั้งแต่สามขวบจริงๆ
ตอนนี้เหมือนพระเอกรักผิดคนอะ โอย รู้สึกสงสารทุกคนทั้งพระเอก ไรเนอร์ ลู่เหิง
คาร์โลตามไปแน่อะ.. เห้ออออ
เห็นด้วยเลยว่า-โง่คนไหนลงมติให้ถ่ายทอดสด และยังไม่มีกำลังเสริมอีก
ที่จริงก็ไม่ได้มองคาร์โลในแง่ร้ายนะ น่าจะบอกว่าบอกในมุมมองความเป็นจริงมากกว่า ก็แบบถ้าสมถะภาพคุณ 3S ได้เข้าร่วมภารกิจเสี่ยงตายระดับ S ไม่ใช่เอะอะก็ร้องไห้ให้คนปลอบ ฮัลโหล~ที่นี่สนามรบนะไม่ใช่ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก
โอเค คุณอยากแหกกฏ ถ้าคุณมีความสามารถและรับรองได้ว่าคุณจะไม่พาใครไปตาย ก็พออยู่ในขั้นอนุโลม แต่คือแผนวางกันแล้ว อธิบายชัดเจนแล้ว ตกลงกันแล้ว และไม่มีตัวแปรอื่นที่นอกเหนือโผล่มา ระดับเนี่ยคือมีความสำเร็จเกือบถึง100% แต่คุณดันกลายเป็นตัวแปร-99% มีลากทุกคนไปหากริมริปเปอร์
รู้สึกปวดหัวเลยอ่ะ