คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #46 : ep36 - บ้านขาไก่
แม่มด บาบายาก้า ชื่อนี้เป็นหนึ่งในความทรงจำเกี่ยวกับคัลเลอร์แคลชของอรุณที่เขาไม่มีทางลืม
ชายหนุ่มเคยได้ยินคำพูดว่า “เรื่องไม่ดีไม่จำ”
สิ่งไหนที่เราไม่ชอบหรือนึกถึงแล้วทำให้รู้สึกไม่สบายใจ สู้ลืมๆไปซะจะสบายกว่า
แต่วลีนี้ใช้กับเขาไม่ได้ ยิ่งเรื่องราวที่พบเจอนั้นทำให้เดือดเนื้อร้อนใจ รังแต่กระตุ้นให้สมองอรุณบันทึกมันไว้ในรอยหยัก
ดังนั้นเขาถ้าจะหาคำพูดมาอธิบายตัวเองล่ะก็ ต้องบอกว่า “อยากจำกลับลืม
อยากลืมกลับจำ”
อยากจะลืมเรื่องราวของเธอเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้
อยากละทิ้งความทรงจำดีๆไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ยิ่งถูกรั้งเอาไว้
กรณีของบอสประจำดันเจียนป่าแม่มดแห่งนี้
ไม่เคยคิดจะกลับมาหามันเป็นรอบที่สองเลย แต่ก็เพราะอยากจะลืมนี่แหละ
อรุณจึงจำวิธีการล่ามันบาบายาก้าได้ทุกรายละเอียด
“ขั้นแรกเราจะต้องหา [บ้านขาไก่] ที่ซ่อนอยู่ให้เจอก่อน” ชายหนุ่มบอกกับสามสาวที่เริ่มแรกก็งงซะแล้ว
“บ้านขาไก่? บ้านขาไก่นี่มันเป็นแบบไหนคะ” รินตีหน้ามึน “หมายถึงให้หาบ้านที่มีรูปร่างเป็นขาไก่
แล้วของแบบนั้นมันซ่อนอยู่ในป่านี่เหรอคะ ฟังดูหาไม่น่ายาก”
“เอ่อ อธิบายว่ายังไงดี
รูปร่างมันก็เหมือนกระท่อมไม้ทั่วไปนี่แหละ”
อรุณหาคำมาอธิบายไม่ได้เลยเรียกกรอบข้อความโปร่งใสออกมา
เลือกฟังก์ชันจดบันทึกและวาดรูป แล้วขีดเขียนบ้านทรงเหลี่ยมๆให้พวกเธอดูด้วยนิ้ว
โดยไม่ลืมจะใส่ขาไก่สองข้างไว้ใต้ถุนบ้านด้วย
“นี่แหละ
มันคือบ้านที่มีขาเป็นไก่” เขาตอบแบบกำปั้นทุบดิน
ก็มันเป็นแบบนี้จริงๆนี่นา
“พี่อรุณวาดเหมือนเด็กอนุบาลเลยนะคะ”
รินวิจารณ์ภาพด้วยรอยยิ้มขำ
“ไม่ต้องเหมือนหรอก
เอาแค่รู้เรื่องพอ” อรุณกระแอมเล็กน้อยแล้วพูดกลบเกลื่อน “ในเกมนี้ ปกติถ้าเราเจอลานกว้างๆในดันเจียน แสดงว่าเป็นลานที่มอนสเตอร์ระดับบอสจะเกิดแน่นอน
แต่แม่มด บาบายาก้าไม่มีลานบอสครับ วิธีจะหาว่ามันอยู่ไหนต้องใช้บ้านขาไก่เป็นตัวช่วยเท่านั้น”
“งั้นไปเถอะค่ะพี่อรุณ ว่าแต่บ้านขาไก่มันซ่อนอยู่ที่ไหนล่ะ”
“ไม่รู้สิริน”
“อ้าว อธิบายมาขนาดนี้
หนูก็นึกว่ารู้ว่าซ่อนอยู่ไหน แล้วแบบนี้ก็ต้องลุยโคลนหาไปเรื่อยๆเหรอคะ”
อรุณยิ้มอ่อนใจ “ก็คงงั้นแหละครับ พี่ก็บอกไปแล้วนะว่ามันซ่อนอยู่ จะไปรู้ได้ยังไงล่ะ คุณเฟย
พอจะรู้แหล่งไหมครับว่ามันมีดอากาศอยู่ตรงไหนเป็นพิเศษ”
ชายผมเขียวปฏิเสธหน้าตาย
“ไม่ครับ บ้านเดินได้ มันอยู่ไม่เป็นที่หรอก”
“บ้านเดินได้ จริงๆเลยเหรอคะ”
“ครับน้องดีว่า
ก็มันมีขานี่นา”
อรุณชิงอธิบายตัดหน้าเฟยหง
ก่อนอีกฝ่ายจะนึกพูดอะไรก็พูดจนงงหนักไปกันใหญ่ “ถึงชื่อมันบอกว่าเป็นบ้านแต่ไม่ใช่บ้านธรรมดา
เจ้านี่คือโกเล็ม (Golem) หรือสิ่งมีชีวิตที่สร้างจากเวทมนต์ระดับห้าสิบ
บ้านขาไก่จะเดินไปรอบๆป่า ด้วยขนาดตัวเบ้อเริ่มเทิ่ม ถ้ามันเดินไปทางไหนจะมีเสียงเอฟเฟ็คสั่นสะเทือนมาแต่ไกลเลยเชียว”
“ขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะ
โดยเฉพาะรินกับเฟอร์น่าที่ชอบบุกเข้าไปแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ถ้าบ้านขาไก่รู้ตัวว่าโจมตี
มันจะวิ่งหนีไปซ่อนตัวทันที แล้วทุกคนก็ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ถ้าไม่อยากลุยโคลนหลายรอบก็ต้องช่วยกันครับ”
สุดท้ายอรุณก็กล่าวอย่างไม่สบายใจ “พี่กลัวว่าน้องณดีจะไม่ไหวซะก่อนน่ะสิ”
สายตาทุกคู่หันเหไปทางสาวผมชมพูโดยอัตโนมัติ
ณดีตอนนี้สภาพเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว เมื่อยแค่ไหนอยากนั่งก็นั่งไม่ได้เพราะผมจะลงไปจุ่มโคลน
เธอกำลังยืนโงนเงนกำลังจะถึงขีดจำกัด
ณดีเมื่อรู้ว่ากำลังถูกมอง จึงฝืนตัวเองยืดหลังขึ้น กัดฟันตอบเขาว่า
“หนูยังไหวอยู่ค่ะ
โคลนแค่นี้ สะ สบายมาก”
‘หน้าตากับน้ำเสียงไม่สบายเลยนะ’
อรุณนึกสงสารแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าอยากเก็บเลเวลเร็วก็ต้องอดทน แต่จะว่าเธอก็ไม่เต็มปากเหมือนกัน
ใช่ความผิดณดีหรือที่ต้องล่าบอสยากๆเช่น บาบายาก้า ต้องโทษพวกบลัดมูนที่ยึดทำเลฟาร์มของคนอื่นถึงจะถูก
‘วันนี้รอดไปนะบลัดมูน’
ความคิดดำมืดแล่นในหัวอรุณ ‘ถ้าฉันไม่ติดธุระ
ศพพวกแกเน่าเฟะอยู่ในบึงพิษแน่’
“แก ไม่ไหวก็บอกไม่ไหวเหอะ
ฉันเข้าใจ” รินจับมือเพื่อนแล้วดึงเบาๆเป็นการเรียกสติ “ถ้ากลัวเลอะนั่งทับชั้นก็ได้ บ้านขาไก่อยู่ไหนก็ไม่รู้
นั่งพักสักเดี๋ยวก็ไม่เป็นไรหรอก”
“ขอบใจนะ ริน…” ณดียิ้มอย่างอ่อนแรงแล้วทำท่า ว่าจะทรุดนั่งลง แต่ที่ไหนได้
อรุณเห็นเธอล้มหงายหลังไปต่อหน้าต่อตา
ถึงจะอยู่บนเนินดินแต่ใช่ว่าพื้นโคลนแฉะๆตรงนี้จะไม่มีพิษ
ถ้าตัวละครของณดีสัมผัสเข้าเพียงนิดเดียวการเก็บเลเวลวันนี้ของเธอคงสิ้นสุดตั้งแต่ไม่ได้เริ่ม
แม้แต่รินที่อยู่ใกล้ที่สุดยังไม่อาจจะคว้าเธอไว้ได้ทันด้วยความตกใจ
ผู้ที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับพายุหอบใหญ่พัดมาคือเฟยหง
หัวหน้ากิลด์ผมเขียวยังคงความปราดเปรียวในแบบที่อรุณไม่มีวันทำได้ถ้าไม่อาศัยร่างผู้รุกราน
สมกับที่เขาเป็นผู้เล่นสีเหลือง ค่าสถานะความเร็วย่อมสูงล้ำผิดมนุษย์ธรรมดา
อรุณกระพริบตาอีกรอบ
ณดีก็ตกอยู่ในอ้อมของเฟยในท่าอุ้มเจ้าหญิง
คนที่เพิ่งเป็นลมพอได้สติก็ถึงกับสะดุ้งหนีตามธรรมชาติ
“ขะ ขอบคุณมากค่ะ!
วางฉันเถอะ! วางฉันเถอะค่ะ!! ฉันเดินเองได้” ณดีร่ำร้องด้วยน้ำเสียงโรยแรง
ไม่นานก็หมดพลังจนหน้าซีดเป็นไก่ต้มไปอีกรอบ
ส่งผลให้คำตอบที่เธอได้เป็นการเปิดทางให้เฟยหงเต็มๆ
“เกินขีดจำกัดตัวเองแล้วนะ
น้องดีว่าพักผ่อนเอาไว้เถอะครับ” เฟยหงมองคนในอ้อมแขนด้วยแววตาอ่อนโยนทะนุถนอม
เมื่อหญิงสาวอาการย่ำแย่เกินกว่าจะตอบได้ เขาก็เลยหันมาขอความเห็นอรุณแทน
“เอาอย่างนี้ดีไหม
ผมคิดว่าจะอุ้มน้องดีว่าไปเอง
เดี๋ยวน้องสองคนกับคุณอรุณจะได้ตามหาบ้านกันแบบเต็มที่
ผมเล่นคลาสผู้ปลุกเสกนะ เสกให้น้องดีว่าตัวเบาขึ้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว”
รินขมวดคิ้วกลับไปอย่างระแวง
ท่าทางเหมือนยังไม่เชื่อใจเฟยหงเต็มที่ “ฉันไม่ค่อยเชื่อใจนายเลย
ถึงจะเป็นเพื่อนของพี่อรุณ แต่ว่าตั้งแต่เจอกันแล้ว
เหมือนว่าคิดมิดีมิร้ายบางอย่างกับเพื่อนฉันอยู่แบบนั้นแหละ”
เฟยหงตีหน้านิ่งไม่ปฏิเสธ
แต่มองมาทางอรุณเป็นนัยๆ ชายหนุ่มเลยถอนหายใจเฮือกใหญ่พูดแก้ตัวให้อีกฝ่ายในที่สุด
“อย่างน้อยเขาก็ช่วยณดีไว้นะริน
ตอนนี้ไม่เวลาจะมาสงสัยกันนะ” อรุณเดินมาขวางระหว่างสาวห้าวกับนายผมเขียวเอาไว้
“ถ้าณดีเป็นอะไรไปล่ะก็ ถึงจะเป็นเพื่อน
แต่พี่จะเอาเรื่องเขาให้ถึงที่สุดเหมือนกัน วางใจได้เลยครับ”
เอ่ยจบชายหนุ่มก็จ้องเขม็งใส่อีกด้วยเป็นการบอกว่าเรื่องนี้เอาจริง
แต่ไม่มีการตอบรับจากใบหน้าเรียบเฉยนั้นเลย หมอนี่คิดอะไรอยู่กันนะ
รินหายใจกระฟัดกระเฟียด
“ฮึ ถ้าพี่อรุณว่าอย่างนั้นหนูก็จะลองเชื่อเขาดู ไปหาบ้านขาไก่เหอะเฟอร์!”
สาวผมน้ำเงินยิ้มแห้ง “ริน
แล้วเราจะไปทางไหนดีล่ะคะ คิดแผนไว้รึยึง”
“ไม่มีแผนทั้งนั้นแหละ”
สาวห้าวตอบหน้าตาเฉย “ลุยตรงไปเรื่อยๆ
จนกว่าจะเจอกระท่อม ถ้าพื้นสะเทือนก็แปลว่าเจอแล้ว
ถ้ามันไม่ขยับฉันจะระเบิดมันทิ้งด้วยสายฟ้าซะเลย”
“อย่าใจร้อนสิครับ
รู้ว่าเล่นสีแดง” เฟยหงขัดด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่มุมปากนั้นเริ่มปรากฏรอยยิ้มบางๆ ซึ่งยิ่งทำให้รินออกอาการหมั่นเขี้ยวเข้าไปอีก
“ให้เอรอน จ้าวพิภพของเราเป็นคนนำจะดีกว่า ผมว่าเค้ามีเซนส์เรื่องหาอันตรายใส่ตัวมากกว่าคนทั่วไปนะ”
‘ตลกร้ายจริงนะ’
อรุณกัดฟันยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง
ไปที่ไหนเขาต้องเจอเรื่องวุ่นวายตลอด มีสิทธิถูกความเฮงซวยเล่นงานให้เจอตัวโหดประจำป่าแม่มดสูงมาก
ชายหนุ่มขอแผนที่จากเฟยหงแล้วเดินนำไปทันทีโดยตรงไปที่กลางป่า
“วางแผนจะไปดักมันตรงไหนล่ะครับ
คิดเหมือนผมเลยใช่ไหม”
“อืม
ผมจะไปที่คลองกลางดันเจียน” อรุณตอบโดยไม่หันกลับไปมอง
เขาเรียกดาบพลังงานออกมาแล้วใช้มันต่างมีดพร้าฟันแหวกพุ่มไม้ไปเรื่อยๆ เดินไปได้ไม่ถึงไหน
อรุณก็ไปฟันโดนหางของมอนสเตอร์งูลึกลับเข้า
สัตว์ร้ายเกล็ดเขียวพุ่งปราดเดียวก็ฉกเข้ามาถึงใบหน้าของผู้โชคร้าย คือคนที่เดินนำมาหัวแถวนั่นเอง
[พบมอนสเตอร์ เจดไวเปอร์
จำนวน 1 ตัว]
ดาบพลังงานของอรุณแทงสวนเข้าไปในปากของมันดังโฉะโดยอัตโนมัติ กลายเป็นว่างูพิษเป็นผู้โชคร้ายซะเอง ถูกตรึงไว้กลางอากาศดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุดเพราะถูกเสียบหัวอยู่ เนื่องจากว่ามอนสเตอร์สีเขียวมีพลังชีวิตที่สูงจึงไม่ตายกันง่ายๆ ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ แล้วยกร่างของมันกลับหลังมาให้รินกับเฟอร์น่าดู
“เอามาทางนี้ทำไมคะ รีบฆ่ามันไปเลยสิ!” สาวผมน้ำเงินร้องโวย
ถึงอย่างนั้นก็ชักดาบของตัวเองมาเตรียมไว้
“มาเก็บเลเวลไม่ใช่เหรอครับ
เฟอร์น่ากับรินสมควรจะเป็นคนจัดการนะ จะได้แชร์ค่าประสบการณ์ไปให้ณดีด้วย
ผมระดับตั้งห้าสิบแล้ว แค่งูตัวเดียวเพิ่มไม่เท่าไหร่หรอก”
อรุณบอกเหตุผลที่ทำให้เฟอร์น่ากับรินต้องหันหน้ามองกัน
สุดท้ายแล้วสาวผมน้ำเงินก็เป็นจัดการงูด้วยการฟันถึงสิบครั้ง
หญิงสาวเก็บเงินที่ดรอปลงมาด้วยลมหายใจถี่รัวอย่างคนกำลังเหนื่อย
การฆ่าศัตรูระดับสูงกว่าย่อมเปลืองทั้งแรงและเวลา แต่ผลตอบแทนนั้นก็คุ้มค่า
หลอดค่าประสบการณ์ของเธอเพิ่มขึ้นราวสิบเปอร์เซ็นต์ทีเดียวถึงแม้จะแชร์ให้คนในปาร์ตี้อีกสองคนคือ
รินกับณดี
เห็นแล้วอรุณนึกเจ็บใจนัก หากไม่โดยยึดที่ฟาร์ม ด้วยความช่วยเหลือจากอรุณ
สักพักเดียวสามคนนี้ต้องเก็บระดับถึงสี่สิบอย่างแน่นอน
เฟยหงเริ่มออกความเห็น “ที่ว่ามีเซนส์นั่นผมล้อเล่นนะอรุณ ไม่นึกว่าจะจริง ปกติหามอนสเตอร์พบกันง่ายๆรึเปล่าหว่า
กิลด์บลัดมูนกวาดแถวนี้แล้วยังเจอ ทำยังไงถึงโชคดีแบบนี้ครับ”
“ถ้าสถานการณ์ปกติ แบบผมเขาเรียกโชคร้ายนะ
คนอะไร้แหวกหญ้าทีเดียวงูก็ตื่น” อรุณยิ้มฝืด
แล้วลองตวัดดาบเล่นฟันต้นไม้ใกล้ๆดูบ้าง งูดำที่ขดตัวแอบอยู่ในพุ่มไม้ตรงโคนต้นรีบชูแม่เบี้ยขึ้นมาแบบไม่บอกไม่กล่าว
แถมยังพ่นพิษใส่ด้วย
‘เฮ้ย อีกแล้วเร้อ!’ อรุณเปลี่ยนดาบเป็นโล่บังหน้าแทบไม่ทัน ชาติก่อนเขาไปสร้างความแค้นกับงูไว้หรือไง
[พบมอนสเตอร์ แอมบุชไวเปอร์ จำนวน…
“ไลท์นิงโบลต์ !”
ไม่ทันระบบจะประกาศเสร็จ
รินก็ยิงสายฟ้าใส่อสรพิษแล้วแทงมันอย่างบ้าคลั่งด้วยหอก พอเฟอร์น่าได้สติก็เข้าไปช่วยรุม
จนสัตว์โชคร้ายตัวที่สองสิ้นชีพอย่างง่ายดาย
ค่าประสบการณ์ของทั้งคู่เพิ่มขึ้นมาอีกคนละสองเปอร์เซ็นต์ สาวห้าวรีบก้มหัวให้เขาด้วยท่าทางเลื่อมใสทันที
“สุดยอดเลยค่ะพี่อรุณ
สมแล้ว ตั้งฉายาว่าจ้าวพิภพ สั่งมอนสเตอร์ในโซนให้ออกมาหาได้ดั่งใจเลยหรือเนี่ย”
“พลังแบบนั้นมีที่ไหนกันเล่า
ริน!”
“งั้นคุณอรุณช่วยเรียกบ้านขาไก่ออกมาตอนนี้เลยได้ไหมคะ
จะเดินให้ลำบากทำไม?”
“เฟอร์น่าก็เอากับเขาอีกคนเหรอครับ!”
มาถึงตอนนี้เฟยหงที่ยืนดูทั้งสามอยู่ท้ายขบวนก็เริ่มขำเบาๆ
“ตลกมากเหรอครับคุณเฟย
ลองเจองูสองตัวติดบ้างไหมล่ะ” อรุณสลัดพิษงูออกจากโล่พลังงานอย่างแรงแก้อารมณ์เสีย
ของเหลวสีเขียวนั้นเผาใบไม้ตรงที่ตกใส่ไหม้เกรียมเป็นจุดๆ เขาไม่อยากจะนึกสภาพตัวเองถ้าป้องกันไม่ทัน
“ตลกสิครับ
รีบไปต่อเร็วเข้า ส่วนคุณก็ฟันนู่นฟันนี่ไปเรื่อยๆนะ ผมเดาว่าไม่เกินเที่ยงเราถึงตัวบาบายาก้าชัวร์”
เฟยหงตอบแบบนั้นแล้วคณะผจญภัยก็เริ่มค้นหาบ้านขาไก่อย่างเป็นทางการ
โดยมีแม่เหล็กดึงดูดมอนเตอร์(อรุณ) เป็นคนเบิกทาง
สาเหตุที่อรุณถูกมอนสเตอร์จู่โจมบ่อยนั้นที่จริงก็มีเหตุผลอยู่
ซึ่งเจ้าตัวเองก็ลืมไปแล้ว นั่นคือสังกัดที่ระบุว่าเป็น ผู้รุกราน นั่นเอง ซึ่งได้มาตั้งแต่เปลี่ยนอาชีพคลาสแรกแล้ว
มอนสเตอร์จะเข้าใจผิดว่าอรุณเป็นคัลเลอร์เวเดอร์และต่อสู้ป้องกันตัวโดยอัตโนมัติ ทำให้แม้จะอยู่เฉยๆ
เขาก็มีความยั่วยุมากกว่าผู้เล่นทั่วไปโดยปริยาย
แต่ถึงจะยั่วยุได้ดีขนาดไหน
ทุกคนก็ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงพื้นสะเทือนของบ้านขาไก่ ตลอดทางเดินในมืดและชื้นแฉะของป่าแม่มด
นอกจากพวกงู งู แล้วก็งูแล้ว มอนสเตอร์ที่รอดจากการกวาดล้างของกิลด์บลัดมูน คือแมลงและตัวประหลาดบินได้นานาชนิด
ซึ่งตัวที่อัปลักษณ์ที่สุดคือ คางคกบินซึ่งมีปีกเล็กๆเหมือนแมลง
[พบมอนสเตอร์
แมลงวันคางคก จำนวน 3 ตัว]
“ไอ้กบบินนี่อีกแล้วเหรอ~”
อรุณบ่นเสียงดังขณะออกวิ่งไปพร้อมกับทุกคน จะเปื้อนยังไงก็ไม่สนแล้ว
กระนั้นแมลงวันครึ่งคางคกดันบินได้รวดเร็วผิดกับขนาดเท่าหัวคนของมัน ทั้งสามตัวพองถุงลมออกจนตัวกลมเหมือนลูกโป่ง
ลอยตุ๊บป่องมาตัดหน้าพวกอรุณอย่างง่ายดาย
“อึ่งงง” แมลงวันคางคกสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะอ้าปากออก “อ่างงง”
พ่นหนอนตัวอ้วนกลมสีเขียวเข้าใส่คนทั้งหมดเป็นสิบๆตัว
‘จะอึ่งอ่างหรือคางคก
ก็เอาให้แน่สิวะ’ อรุณด่าพวกมันในใจ แต่ประเด็นสำคัญคือ
จะสลัดเจ้าสามตัวนี้ให้หลุดได้อย่างไร เมื่อยังคิดไม่ได้จึงต้องหาทางปัดป้องหนอนที่กลายสภาพเป็นระเบิดกรดกันแบบพัลวัน
“อึ่งงง อ่างงง”
“กรี๊ด! ไปให้พ้นนะ ไปให้พ้น” เฟอร์น่าโวยวายยกใหญ่ขณะสะบัดดาบขึ้นลง
กันหนอนที่พุ่งพรวดออกจากปากเจ้าคางคก
เธอวิ่งหลบซ้ายหลบขวาไปรอบๆขณะที่รินหาทางต่อสู้จนหัวปั่น
“ไลท์นิงโบลต์”
สาวห้าวยิงสายฟ้าระเบิดหนอนที่ลอยเข้ามากลางอากาศ
เธอพยายามวิ่งเข้าไปใช้ทักษะยั่วยุเจ้าแมลงวัน
แต่มันสามตัวก็บินหลบไปได้ทุกครั้งจนรินสบถไม่หยุด “โว้ย
ปีกเล็กกระจิดเดียว คางคกอะไรบินไวอย่างกับแมลงวัน”
“ก็มันแมลงวันคางคกนี่ครับ”
อรุณที่ไล่ยิงมันด้วยปืนก็ได้ผลลัพธ์ไม่ต่างกัน เขาจำต้องใช้ทักษะ[แฟรช] ร่นระยะตัวเองในพริบตาเพื่อหวังเข้าใกล้ศัตรูได้บ้าง
แต่เแมลงวันยักษ์ก็หมุนตัวหลบกลางอากาศดัง วี้~ ได้อีกเช่นเคย
“อึ่งง อ่างงงง”
“รำคาญแล้วนะ งั้นเอานี่ไปกิน!”
รินหลบหนอนระเบิดที่ลอยใส่หน้าอย่างฉิวเฉียดแล้วทำท่าจะขว้างหอกซึ่งเปล่งแสงสีแดงออกไปทางด้านหน้า
“เดี๋ยวก่อนริน ใจเย็นๆ ทำแบบนั้นอะไรๆจะแย่ลงนะ”
อรุณซึ่งกำลังต่อยตีกับแมลงวันคางคกที่แนวหน้าร้องห้ามเสียงหลง
แต่อัศวินสาวสีแดงไม่สนใจเหตุผลแล้ว เธอต้องการจะทำลายมอนสเตอร์น่ารำคาญทั้งสามเดี๋ยวนี้
“นาปาล์ม สไตรก์
(Napalm Strike)”
20,991 !
หอกที่รินขว้างออกไปกลายสภาพเป็นใจกลางของระเบิดเพลิงรัศมีเกือบร้อยเมตร วงแหวนเพลิงเผาแมลงวันคางคกทั้งสามจนสลายเป็นขี้เถ้า
ทักษะไม้ตายของสีแดงนี้กินพลังเวทของสาวห้าวแทบทั้งหมด
เพื่อแลกมาซึ่งพลังทำลายล้างระดับที่ป่าบริเวณนั้นมอดไหม้เป็นตอตะโก
แถมเปลวไฟกำลังเริ่มลามออกไปยังพื้นที่รอบๆแล้วด้วย
เมื่อต้นไม้มีพิษโดนไฟเผา
มันก็เริ่มปล่อยควันสีเขียวกลิ่นแปลกๆออกมา
‘อูย เอาแล้วไง’
อรุณที่ถูกแรงระเบิดผลักล้มจนตัวซีกขวาอาบไปด้วยโคลนรีบกวาดสายตามองหาทางหนีทีไล่ทันที
แค่เปื้อนโคลนตอนนี้เขาก็ติดพิษแล้ว ถ้ามีควันพิษมาเสริม
ต่อให้ซื้อยาแก้พิษสิบห้าอย่างตอนแรกมาก็ไม่พอ
รินก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ดี
เธอจึงวิ่งไปเก็บหอกของเธอ แต่แล้วเสียงอึ่งอ่างที่คุ้นเคยก็ดังระงมออกมาจากรอบทิศทาง ‘แม่เจ้า
ยังมีอีกเหรอเนี่ย’
[พบมอนสเตอร์
แมลงวันคางคก จำนวน 5 ตัว]
[พบมอนสเตอร์ ชูทเตอร์ฟลาย
จำนวน 3 ตัว]
[พบมอนสเตอร์ ยุงพิษ
จำนวน 26 ตัว]
“คุณเฟย! ช่วยวาร์ปทุกคนหนีทีครับ น้องสามคนสู้ต่อไม่ไหวแล้ว” อรุณรู้ดีว่าพลังเวทของรินหมดจึงร้องขอความช่วยเหลือออกไป
แต่ชายผมเขียวซึ่งยืนอุ้มณดีที่เพิ่งตื่นเพราะเสียงระเบิดอยู่ห่างๆ ปฏิเสธอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ไม่ครับ ผมอยากให้พวกเธอสู้
ถ้าแค่นี้ยังไม่ไหว แล้วจะไปแข่งกับคนอื่นที่ซีเกทได้เหรอครับ อย่าว่าผมใจร้ายเลย
ถ้าคุณได้เห็นศัตรูที่รออยู่ทางเหนือ จะรู้เลยว่าของแค่นี้มันกล้วยๆ”
“ระดับมันต่างกัน
ยังไงโดนรุมก็ไม่ไหวครับ จะปล่อยให้”
“ผมบอกแค่จะไม่ช่วยวาร์ป
ไม่ได้บอกว่าจะไม่บัพให้นี่นา” เฟยหงค่อยๆปล่อยให้ณดียืนด้วยตัวเองอีกครั้งอย่างแผ่วเบา
แล้วเริ่มเพิ่มพลังทั้งสามสาวด้วยพลังของผู้ปลุกเสก ได้แก่ ทำให้ตัวเบา
เสริมพลังโจมตีให้อาวุธ เพิ่มพลังสี และเพิ่มโอกาสติดคริติคอล
หัวหน้ากิลด์หยางหลงยิ้มบางๆให้กับทุกคนโดยเฉพาะณดี
“ก่อนจะเจอบ้านขาไก่
ตอนนี้เป็นโอกาสทองที่จะเก็บเลเวลแล้วนะครับ เป็นตัวซัพพอร์ทต้องคอยใส่ใจเพื่อนในทีมเป็นพิเศษ
แต่ก็ต้องคอยหาตำแหน่งยืนที่ปลอดภัยให้ตัวเอง น้องดีว่าทำได้อยู่แล้วเนอะ”
หญิงสาวพนักหน้าแล้วเรียกไม้เท้าของเธออกมา
แม้จะต้องเปื้อนโคลนอีกครั้ง
แต่หลังจากณดีต้องเห็นเพื่อนต่อสู้อย่างยากลำบากเพื่อนเพิ่มระดับให้เธอ
ก็มีลูกฮึดขึ้นบ้าง
“ขอโทษที่เป็นตัวถ่วงนะคะ!”
ณดีตะโกนบอกพวกอรุณที่กำลังโดนแมลงประหลาดบินล้อมเข้ามาทุกทิศทาง “ริน เฟอร์ พี่อรุณ เรามาสู้ด้วยกันเถอค่ะ!”
ด้วยประสบการณ์ของอรุณ เพียงไม่นานเขาก็สามารถจับรูปแบบการเคลื่อนไหวของพวกแมลงออก ชายหนุ่มสร้างกลยุทธ์แบบชั่วคราวขึ้นมาให้สามสาวใช้ เมื่อศัตรูในดันเจียนถ้าไม่ใช่สีดำย่อมเป็นสีเขียวที่มีรูปแบบการต่อสู้ตายตัว หลังอรุณปรับแก้วิธีการกับพวกเธอระหว่างการต่อสู้ ก็สามารถเอาชนะฝูงแมลงได้ในที่สุดโดยใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ด้วยวิธีการให้อรุณซึ่งเอาตัวไปชุบโคชนวิ่งล่อ แมลงพวกนี้ตามกลินโคนพิษมาอยู่แล้ว เมื่อรวมกับความเป็นผู้รุกราน หลังจากวิ่งไปล่อทีละตัวจนครบ เขาแค่ยืนให้อันรุมอยู่เฉยๆ ก็เป็นเหมือนกาวดักแมลงชั้นดี
พอจับทางได้
การบุกตะลุยเข้าไปในป่าแม่มดที่แม่มดโดยล้างบางหมดแล้วก็ไม่ใช่เรื่องเกินตัวอีกต่อไป
ระหว่างที่กำลังหาร่องรอยของบ้านขาไก่ เฟยหงเสนอให้ทุกคนเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นการให้รินใช้ทักษะสีแดงเสียงดังๆเผาทำลายป่าเป็นหย่อมๆเพื่อเรียกพวกแมลงออกมาให้มากที่สุด
เมื่อไฟเผาต้นไม้จนเกิดเป็นควันพิษ กลุ่มผู้เล่นจากบลัดมูนเลยไม่เข้ามาใกล้ๆกลุ่มของอรุณอีกเลย
นอกจากนั้นพวกมันดูเหมือนจะเต็มใจอย่างมากที่ได้กลุ่มของอรุณคอยเก็บกวาดมอนสเตอร์แมลงน่ารำคาญให้
แน่นอนว่าทุกคน
ติดกันถ้วนหน้า ทั้งควันพิษจากการเผา พิษจากมอนสเตอร์
และพิษจากโคลนที่สาดกระจายทุกครั้งที่รินกับเฟอร์น่าวิ่งเข้าจู่โจม
พลังชีวิตของทุกคนค่อยๆลดลงทีละน้อยและไม่สามารถรักษาได้เพราะเป็นสถานะแบบพิเศษ
ผู้ที่เป็นกุญแจให้ทุกคนรอดคือณดีที่ถูกเฟยหงจับอุ้มโดยพละการ
แต่เพราะพ่อหัวเขียวนี่แหละ
นักบวชสาวประจำกลุ่มจึงถูกยกไปรอบๆได้โดยไม่ต้องสัมผัสกับโคลนและน้ำที่เป็นพิษแม้แต่น้อย
นายเฟยดูแลเธอแบบริ้นไม่ไต่ไรไม่ให้ตอม หญิงสาวจึงสามารถใช้ทักษะรักษาของเธอเยียวยาได้ไม่มีสะดุด
เมื่อเหนื่อยก็หยุดพักเล็กน้อย
หิวก็กินอาหารเม็ด
การเดินทางของทุกคนมาสิ้นสุดลงในตอนเย็นที่บึงขนาดใหญ่ตรงใจกลางดันเจียน แม้จุดนี้จะเปิดโล่งแต่ดวงจะวันก็ถูกภูเขาบังจนมิด
สีเขียวและดำของป่าแม่มดจึงเข้มขึ้นทุกขณะ อาจจะเป็นเพราะเมฆฝนที่ก่อตัวขึ้นอย่างไม่มีเค้าลาง
[พบมอนสเตอร์iระดับบอส เรนแดนช์ ครอกโคไดล์ จำนวน 1 ตัว]
ทันทีที่หยาดพิรุณซัดสาดลงมา
ผืนน้ำสีเขียวในบึงที่เคยเงียบสงบก็สั่นกระเพื่อมขึ้นลง
ตามจังหวะอันบ้าคลั่งของสัตว์ประหลาดยักษ์ตัวดำเมี่ยมที่เคลื่อนไหวอยู่ใต้น้ำ ระดับน้ำมีพิษของบึงค่อยๆเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าใจหาย
บังคับให้พวกอรุณวิ่งขึ้นไปหลบบนกระท่อมยกพื้นที่ตั้งอยู่ด้วยเสาสองต้นตรงริมน้ำ วินาทีนั้นเองที่อสูรกายทะยานออกมาจู่โจมทุกคนด้วยปากยาวเท่าตัวคนซึ่งอัดแน่นด้วยฟันคมกริบ
“เพลนชิพ!!”
เฟยหงตอบสนองได้ไวมาก
ก่อนที่ใครสักคนจะโดนสัตว์ร้ายงาบไปกินใต้น้ำ หัวหน้ากิลด์หยางหลงก็วาร์ปทุกคนหนีไปอยู่บนกระท่อมชายน้ำได้อย่างทันท่วงที
เกิดเสียงขากรรไกรกระแทกกันดังหงับห่างจากพวกเขาไปไม่ถึงร้อยเมตรเท่านั้น
เจ้าจระเข้งับต้นไม้ซึ่งอยู่ในตำแหน่งถัดจากอรุณไม่เมื่อครู่แตกเป็นเสี่ยงๆอย่าง่ายดาย
‘เกือบไปแล้วไงเล่า’
อรุณพูดตัวสติตัวเองในใจ ระหว่างที่หัวใจเต้นโครมครามจนอกแทบระเบิด
บนกระท่อมมีหลังคากันฝน
เมื่อชายหนุ่มมองออกไปที่หาดเลนด้านล่างเขาจึงเห็นอสูรกายได้อย่างชัดเจน
เจ้าเรนแดนซ์เป็นจระเข้ยักษ์สีเทาเข้มตัวยาวเท่ารถบัส
มันมีเกล็ดงอกออกมาเป็นใบมีดสั้นๆยื่นไปทางด้านหลัง ตั้งแต่ช่วงคอไปถึงปลายหาง
ดวงตาที่เหมือนมีควันเรืองแสงสีเขียวพุ่งออกมาอยู่เสมอบอกให้รู้ถึงความร้ายกาจเหนือธรรมดา
“หงับ! หงับ!” จระเข้ยักษ์งับอากาศไปมาอย่างหัวเสีย
มันสะบัดหัวมองทุกคนอย่างดุดันแล้วตะกุยโคลนวิ่งเข้าใส่กระท่อมที่พวกอรุณอยู่
“มันมาแล้วพี่อรุณ
เล่นมันเลยไหม” รินถามด้วยอาการหัวร้อนเต็มที่
เธอคงกระโดดไปฟัดกับมอนเตอร์แล้วถ้าไม่ได้ชายหนุ่มรั้งเอาไว้
“ไปสู้กับสีเขียวตรงๆไม่ได้นะริน”
อรุณฉุดแขนเอาไว้ด้วยความหวังดี
เขารีบถามเฟยซึ่งยังคงตีหน้านิ่งเหมือนเดิมราวกับจระเข้ยักษ์ตรงหน้าเป็นของธรรมดา “คุณเฟย พอจะมีข้อมูลเจ้าตัวนี้ไหม ผมจำไม่ได้แล้วว่ามันทำอะไรได้บ้าง”
“มันเป็นบอสตัวรองที่สุ่มเกิดในบึงมรณะ”
หนุ่มผมเขียวบอกเรื่องที่อรุณรู้อยู่แล้ว เขาเลื่อนกรอบข้อความโปร่งใสอันหนึ่งมาให้อย่างเนิบนาบ
ถึงตอนนั้นจระเข้ก็อยู่ห่างไปไม่ถึงสิบเมตร
ชื่อ: เรนแดนซ์ ครอกโคไดล์ สี: เขียว-ดำ ระดับนักผจญภัย: 44 ประเภท: สัตว์อสูร |
ราชาจระเข้แห่งหนองน้ำ ด้วยความที่มีชีวิตอยู่มาช้านาน จึงมีพลังเวทสีดำแก่กล้า
มันจู่โจมเหยื่ออย่างรวดเร็วท่ามกลางสายฝนโปรยปราย จนได้ฉายา ระบำฝน |
“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ
เจ้านี่ไม่น่ารอดถึงมือพวกเราหรอก” หัวหน้ากิล์หยางหลงบอกกับสามสาวแบบนั้นก่อนจะนั่งลงบนพื้นแห้งๆของกระท่อมอย่างเหนื่อยใจ
ซึ่งก็จริงตามปาก ตามชายป่ามีเวทมนต์สีห้าจำนวนมากพุ่งเข้าใส่จระเข้ยักษ์
แช่แข็งมันเอาไว้ที่ใต้กระท่อมพอดิบพอดี
อึดใจเดียวอรุณก็สังเกตเห็นผู้เล่นกลายสิบคนกรูเข้ามาจากรอบทิศทาง
ประมาณได้ถึงหกทีม ‘กิลด์บลัดมูน’ ชายหนุ่มรู้ได้โดยไม่ต้องสังเกตตราพระจันทร์ปิศาจสีขาวของพวกมันด้วยซ้ำ
ไม่ถึงหนึ่งนาทีปีศาจร้ายแห่งบึงมรณะก็กลายสภาพเป็นก้อนเนื้อหลุดลุ่ย
มองไม่ออกว่าเป็นจระเข้อีกต่อไป เลือดของมันกระจายอยู่เต็มพื้นโคลน
จนดูเหมือนพื้นดินเละๆมีใครเอาสีแดงมาสาด
ฝนหยุดตกเมื่อจระเข้สิ้นฤทธิ์
พวกบลัดมูนตัดหน้าเก็บไอเทมมีค่าที่ดรอปไว้แล้วจากไปโดยไม่ทักทายพวกอรุณสักคำ
แม้แต่รินที่ปกติมักจะโมโหก็ยังช็อกกับความโหดร้ายที่เห็นกับตาของตัวเอง
“การฆ่ามอนสเตอร์ด้วยวิธีการพิเศษ
จะได้รับค่าประสบการณ์มากกว่าปกติ
วิธีที่ง่ายที่สุดคือตัดหรือทำลายอวัยวะของมอนเตอร์ก่อนที่มันจะตาย”
เฟยหงเดินลงไปเก็บเศษเนื้อจระเข้ที่เหลืออยู่พร้อมกล่าวอย่างเลื่อนลอย
“นี่แหละครับสิ่งที่กิลด์บลัดมูนชอบทำกัน ต่อสู้ครั้งใด เลือดมอนสเตอร์ย้อมสัญลักษณ์พระจันทร์ปิศาจจนแดงฉานทุกครั้ง
รีบทำใจให้ชินเร็วๆนะครับ ถ้ายังเล่นคัลเลอร์แคลชอยู่
จะได้เห็นภาพนี้เป็นประจำเลยล่ะ”
“เอ้าฮึบ รับครับอรุณ”
จากนั้นชายผมเขียวจึงโยนเนื้อก้อนเบ้อเริมนั้นขึ้นมาบน พอชายหนุ่มยื่นมารับตัวเขาก็แทบทรุดเนื่องจากน้ำหนัก
ณดีก็เบือนสีหน้าสะอิดสะเอียนไม่หนีแทบทันทีเดียว
‘เศษหางจระเข้นี่หว่า’ อรุณพิจารณาได้ก็วางชิ้นเนื้อบนพื้นกระท่อมอย่างช้าๆ “คุณเฟย จะเอาไปขายเหรอ”
“ขายไม่ได้หรอก
เอามากินต่างหาก ล้างโคลนกับถลกหนังออกหน่อย ก็พอเอามาย่างหรือทอดได้นะ อย่างน้อยก้ดีกว่าอาหารเม็ดนะครับ”
คำตอบเหนือความคาดหมายนั้นทำให้อรุณขมวดคิ้ว
แต่เวลานี้ของเกมดูใกล้หัวค่ำแล้ว และพวกเขาก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง
ชายหนุ่มเริ่มเข้าใจสิ่งที่เฟยหงคิดจะทำเป็นครั้งแรก
เขาจึงยิ้มแห้งๆเพื่อบอกกับสาวสาวเป็นแกมบังคับ
“คืนนี้เราพักที่กระท่อมนะ
นอนในป่ามันอันตราย”
“..ไม่มีปัญหาค่ะ”
ณดีพูดหงอยๆ “พี่อรุณ หนูขอถามอะไรอย่างหนึ่ง ตอนไปอยู่โซนสีดำหนูเจอได้เห็นโหดร้ายมาก็เยอะ..ก็คิดไปว่าอาจจะเป็นเฉพาะที่ก็ได้ ตอนนี้ค่อยได้รู้ว่ามันไม่ใช่ คัลเลอร์แคลชจริงๆมันเป็นเกมแบบนี้เหรอคะ”
อรุณเก็บเนื้อจระเข้เข้าช่องเก็บของเพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น
ในฐานะผู้เล่นเก่าตั้งแต่สมัยแรก เขาควรให้กำลังใจผู้เล่นใหม่ที่กำลังสับสนอย่างเธอ
“เกมนี้ธีมคือโลกแห่งสีสัน
จะมีแต่สีที่สวยงามให้เห็นตลอดมันก็ไม่ใช่หรอกครับ ณดีก็แค่กำลังเจอด้านที่เป็นสีดำอยู่
โลกความจริงมันก็แบบนี้แหละ”
ตกกลางดึก
พวกอรุณตั้งกองไฟขึ้นมาโดยใช้รูนกับเศษไม้ให้ความอบอุ่นจากอากาศเย็นๆในป่า
โชคดีที่ภายในกระท่อมเฟยหงเจอหม้อเหล็กใบใหญ่เก่าๆอันหนึ่งพร้อมกับเสาสำหรับแขวนแบบโบราณ
หัวหน้ากิลด์มังกรทองเลยอาสานำเจ้าสิ่งนี้มาใช้ปรุงเนื้อจระเข้ด้วยการสับเป็นชิ้นๆแล้วเอามาคั่วในหม้อ
แน่นอนว่าสามสาวติดตากับภาพที่เห็นมาก่อนหน้าจนสะอิดสะเอียนกินไม่ลง
ยอมใช้อาหารเม็ดแล้วขอตัวไปกางเต็นท์นอนด้านในหมดแล้ว
ตรงชายคาริมน้ำจึงเหลืออรุณกับเฟยหงสองคนนั่งคุยกันไป
กินเนื้อจระเข้แกล้มยาดองแบบจีนที่แรงจนคอแทบไหม้ไปด้วยแน่นอนว่าคนที่เป็นเจ้าของสุราคือเฟยหง
หมอนี่เตรียมเรื่องไม่คาดฝันเอาไว้เยอะจริงๆ
ว่ากันว่า
คำพูดของลุกผู้ชายเวลาเมา จะออกมาจากใจจริง
การคุยเปิดอกแบบเรื่อยเปื่อยในครั้งนี้จึงทำให้อรุณมองเห็นตัวตนอีกหลายๆด้านของเฟย
ถึงอีกฝ่ายจะตีหน้านิ่งไม่สนใจอะไร
แต่เนื้อแท้ชายผมเขียวเป็นพวกที่เห็นผู้เล่นใหม่เดือดร้อนแล้วอยากจะเข้าไปให้ความช่วยเหลือ
มุมมองที่มีต่อโลกยังจัดว่าเป็นผู้ใหญ่กว่าอรุณขั้นหนึ่งด้วย
อรุณคิดว่าอาจเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
เนื้อจระเข้จึงชุ่มฉ่ำและอร่อยอย่างคาดไม่ถึง เมื่อดื่มกินกันจนหมดซึ่งเทียบเวลาก็เที่ยงคืนในเกมแล้ว
เขาจึงเริ่มเจรจาเรื่องเวรยามในคืนนี้ กิลด์บลัดมูนไม่น่าทำตัวเป็นโจรแต่ก็ไว้ใจไม่ได้
ในป่าก็อาจมีมอนสเตอร์บุกเข้ามาตอนไหนก็ไม่รู้ แถมเป็นการดักจับบ้านขาไก่สุดลึกลับไปในตัว
“คุณเฟย
งั้นผลัดกันคนละสามชั่วโมงละกัน ไปนอนก่อนเลย เดี๋ยวตีสามผมปลุก”
“ม่ายเป็นไร
ม่ายเป็นราย ผมยังไม่ง่วง อรุณไปนอนก่อน..อ๊ะ!”
เฟยหงที่หน้าแดงแจ๋
มองข้ามหัวอรุณไปทางด้านหลัง เหมือนอาการเมามายจะสร่างไปทันทีหลายส่วน“น้องดีว่า พวกพี่คุยกันเสียงดังไปรึเปล่าครับ”
‘ณดี’ อรุณกลับหลังหันและพบหญิงสาวผมชมพูในชุดนอนกำลังยืนเกาะประตูอยู่อย่างไม่มั่นใจ
เธอเดินก้มหน้าตรงมานั่งพับเพียบคั่นระหว่างพวกเขาทั้งสองคนแล้วค่อยตอบ
“ปะ เปล่าหรอกค่ะ
ก็แค่..นอนไม่หลับ ยุงมันเยอะ”
“นั่นสิน้า
นอนกันอยู่ริมบึงซะด้วย น่าแปลกเนอะคุณเฟย เราสองคนไม่เห็นโดนเลย” อรุณรวบรวมสติเพื่อพูดจาให้รู้เรื่องมากที่สุด “คิดแล้วก็เจ็บใจนะ
ถ้าไม่มีบลัดมูนสักหน่อย ก็ไม่ต้องมาหาบ้านขาไก่ให้เมื่อยแล้ว”
“เรื่องบ้านไก่!”
หญิงสามรีบโพล่งจนเรียกชื่อผิด เธออายจนหน้าแดงเมื่ออรุณกับเฟยหงต่างหัวเราะเธอเบาๆอย่างเอ็นดู
ชายหนุ่มจึงถามกลับเป็นการช่วย
“บ้านขาไก่ทำไมเหรอครับ”
“บะ บะ บ้านขาไก่
หนูขอเป็นเวรได้ไหม”
“ขอใหม่อีกรอบซิ”
“หนูได้ยินที่คุยกันแล้วค่ะ”
ณดีบอกเสียงชัดเจนขึ้น “หนูจะขอเป็นเวรคอยซุ่มดูบ้านขาไก่เอง
พี่สองคนไปนอนเถอะ”
“ไม่ได้! น้องดีว่าทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ มันอันตรายนะ”
เฟยหงค้านทันทีจนหญิงสาวหน้าเสีย
เขายังตักเตือนเธออีกว่า “กลางคืนมอนสเตอร์จะดุร้ายกว่าปกติมาก
โดยเฉพาในพื้นที่สีดำ
ผมอยากจะทำให้แน่ใจว่าพรุ่งนี้ทุกคนจะตื่นขึ้นมามีแรงตามหาบ้านขาไก่กันได้เต็มที่
อดนอนไป น้องดีว่าเป็นสายซัพพอร์ทตัวคนเดียวก็ทำอะไรไม่ได้หรอกครับ”
“หนูเป็นคนที่ระดับน้อยที่สุดในทีม
แต่สร้างปัญหาให้ทุกคนตลอด” อรุณได้ยินณดีพึมพำกับตัวเอง นิ้วเรียวๆของเธอจิกปลายเสื้อของชุดนอนไว้แน่น
“เดินลุยโคลนนิดหน่อยก็ไม่ไหวแล้ว
เป็นลมจนพี่เฟยต้องคอยช่วยแบกให้ แต่ทุกคนก็ต่อว่าฉันเลยสักคำ
ยังเดินหน้าลุยเข้าไปในดันเจียนเรื่อยๆเพื่อหาค่าประสบการณ์มาให้เราที่นอนสบายอยู่เฉยๆ
ถ้าหนูไม่ได้ตอบแทน จากนี้คงไม่กล้ามองหน้ารินกับเฟอร์อีกแล้วล่ะค่ะ!”
“ณดี…มีหลายเรื่องที่คนเราอยากจะทำแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้อยู่นะครับ”
อรุณถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืนแบบโซเซ “ถ้าไม่ได้น้องณดีคอยฮีลให้
พวกพี่ รินแล้วก็เฟอร์ ป่านนี้ติดพิษตายกันไปหมดแล้ว ดังนั้นไปนอนเถอะครับ
นอนให้สบาย คืนนี้พี่จะดูแลเอง”
“เป็นคนดีจังเลยนะ
น้องณดีเนี่ย ใครได้เป็นแฟนหมอนั่นต้องเป้นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลกแน่ๆเลย”
ซ่า ซ่า ซ่า!!!
‘เฮ้ย!’ อรุณเซถลาล้มลงจนหน้าเกือบฟาดพื้น
ตอนแรกเขาคิดว่าเพราะอาการเมา แต่อววความประหลาดใจบนสีหน้าของเฟยหงที่เก็นได้บ่อยๆเตือนให้ร็ว่านี่ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ
เสียงซ่าๆเหมือนมีอะไรมาฟาดผิวน้ำรอบๆกระท่อมดังขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับการสั่นคลอนของอาคารริมน้ำรูปทรงบิดเบี้ยวหลังนี้
“โซนนี้มีแผ่นดินไหวด้วยเหรอคะ!”
ณดีถามอย่างตื่นตระหนก จนลืมที่จะหาอะไรมาเป็นที่ยึดเหนี่ยว
ยังดีที่เฟยหงคว้าตัวเธอไว้ได้ทันไม่งั้นเธอคงไหลตกบึงไปพร้อมๆกับหม้อและขวดยาดองตอนพื้นกระท่อมเริ่มเอียงสี่สิบห้าองศา
“ไม่ใช่แผ่นดินไหวครับ มีอะไรบางอย่างในบึงกำลังเขย่ากระท่อมอยู่”
อรุณกล่าวไปตามสถานการณ์
ทันใดนั้นอยู่ๆบ้านก็ยกตัวสูงขึ้นจากบึงแบบพรวดพราดจนพวกเขาทั้งสามใจหายไปแวบหนึ่ง
“เพล อาร์มาเมนท์!” อรุณเรียกดาบพลังงานแล้วใช้มันแทงลงไปบนพื้นกระท่อมต่างเสาเข็มหวังใช้เป็นหลักเค้ายันเอาไว้
แต่แล้วตัวเลขความเสียหายลึกลับกลับลอยออกมาจากพื้นโดยไม่ทราบที่มา
4,400!
กระท่อมส่ายโคลงเคลงอย่างหนักเป็นการตอบสนองต่อสิ่งนั้น
ก่อนโคมไฟหนึ่งเดียวที่อยู่ด้านในของมันจะเปล่งแสงไฟสีเขียวกะพริบระลอกเหมือนหลุดมาจากหนังสยองขวัญ
กระท่อมที่ลอยตัวสูงขึ้นมาถึงยอดไม้กำลังเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
ช่วงสั้นๆที่อรุณกำลังสงสัย
ณดีก็กรีดร้องจากการที่กระท่อมพุ่งตัดบึงราวกับสัตว์ที่กำลังตกใจ
‘บ้านกำลังเคลื่อนที่
แถมสร้างความเสียหายได้ หรือว่า’ ความคิดชั่ววูบเข้าหัวอรุณ
ชายหนุ่มจึงตัดสินใจพิสูจน์มันด้วยการกระโจนไปที่ขอบกระท่อมแล้วยื่นหัวออกไปด้านล่างแบบไม่กลัวตก
“อรุณ
บ้าไปแล้วเหรอไง กลับมานี่” เฟยทำได้แค่ร้องเตือนเพราะเขาต้องคอยจับณดีเอาไว้ไม่ให้ลื่นหลุดไปไหน
แต่ชาหยนุ่มไม่สนใจฟังแล้ว
แสงสีเขียวที่วับวาบจากกใจกลางกระท่อม
มีความสว่างมากเพียงพอที่จำให้อรุณเห็นความเปลี่ยนแปลงด้านล่างของกระท่อมได้เต็มสองตา
ความกังวลทั้งหมดของเขาพลันหายไปสิ้น
ชายหนุ่มรีบชะเง้อหน้ากลับมาตะโกนบอกณดีกับเฟยด้วยความดีใจ
“พวกเรานี่มันตาถั่วจริงๆ
เจอแล้วครับ วู้ว! เราเจอแล้ว!”
“รู้ตัวว่าเมาก็ตั้งสติหน่อยสิครับ”
เฟยหงโวย “บอกให้รู้เรื่องหน่อย
กระท่อมนี้มันเป็นอะไร”
“ต้องลองมาดูเองครับคุณเฟย
กระท่อมมันมีขา! ฮ่าฮ่าฮ่า กระท่อมกำลังวิ่งไปหาบาบายาก้า ทำไมผมไม่เอะใจแต่แรกนะ
ว่ากระท่อมริมน้ำหลังนี้มันถึงได้มีเสาค้ำแค่สองเสา”
“กระท่อมมีขา
หมายความว่า..”
“ใช่ครับ” อรุณโห่ร้องด้วยความสะใจ “เจ้านี่คือบ้านขาไก่!”
ความคิดเห็น