ตอนที่ 2 : 2 - จอมอสูรพันศพ re14/12/60
หทัยจอมอสูร [Yaoi]
2 – จอมอสูรพันศพ
ได้ยินว่าเจ้าของเกี้ยวนี้คือ ‘จอมอสูรพันศพ’ พานพาให้เยว่ถิงยะเยือกไขสันหลังและขนลุกซู่
จากเรื่องเล่าลือ เมื่อหลายปีก่อน แคว้นอ้ายเคยเกิดสงครามปะทะกันระหว่างฝ่ายธรรมะกับอธรรมอย่างเลืองลั่น
ท่ามกลางทะเลเพลิงที่เหล่าผู้คนรบพุ่งกันสนั่นหวั่นไหว ชาวยุทธ์มากมายกลายเป็นร่างไร้วิญญาณจมกองเลือด
ยามเมื่อการฟาดฟันยังไม่อาจตัดสินแพ้ชนะ จู่ๆ ได้บังเกิดคลื่นปราณสายหนึ่งแผ่ซ่านออกมาครอบคลุมสนามรบ บันดาลให้ท้องฟ้าแปรปรวน เกิดกลุ่มเมฆดำส่งเสียงก้องคำรามกลบทุกสรรพเสียง สายอัศนีบาตแล่นวาบแล้วเกิดเป็นพายุฝนโหมกระหน่ำ
ไม่เพียงส่งผลให้ธรรมชาติวิปริต ผู้ที่บาดเจ็บด้วยพิษบาดแผลอยู่แล้วยังสิ้นใจในทันที ผู้ที่ยังมีเรี่ยวแรงกำลังขวัญและธาตุแตกซ่าน บางผู้จิตใจอ่อนแอสลบลงหรือเตลิดไปไม่คิดชีวิต เหล่าผู้อาวุโสหรือยอดยุทธ์ที่มีปราณแกร่งกล้ายังต้องหยุดการเคลื่อนไหวและตื่นตระหนก
ผู้ใช้ปราณยืนตระหง่านอยู่เหนือกองซากศพนับพัน เนื้อหนังของร่างศัตรูยังปลายเท้าแหลกสลายเหลือเพียงเถ้ากระดูก เงาดำทะมึนสูงใหญ่มีหน้าตาอัปลักษณ์เยี่ยงปีศาจ ผมสีดำหนาปลิดปลิว ตาเป็นสีแดงฉานกร้าวกระหายเลือด ริมฝีปากมีเขี้ยวแสยะยิ้มแล้วประกาศก้องว่า ‘อธรรมอันเป็นนิรันดร์’
ฝ่ายธรรมะไม่อาจต่อกร ต่างยอมถอยร่นกลับถิ่น ส่วนฝ่ายอธรรมเฉลิมฉลองกู่ร้อง แต่งตั้งคนผู้นั้นเป็นประมุขพรรคมารหนึ่งในเจ็ดพรรคใหญ่ที่มีนามว่า ‘สะบั้นสวรรค์’ ซึ่งต่อมายิ่งใหญ่ขึ้นทุกที มีชาวยุทธ์ไปสมัครเข้าร่วมจำนวนมาก
การรับคนเข้าพรรคเข้มงวดยิ่ง ด้วยตัวประมุขเองมีอารมณ์ยากคาดหยั่งถึง หากพอใจก็ตบรางวัลที่ประเสริฐในใต้หล้า แต่ถ้ามิสบอารมณ์ก็สามารถสะบัดมือตัดหัวคนขาด ดังนั้น หากผู้ใดได้เป็นผู้ใกล้ชิดจึงจำต้องมีวิชายุทธ์ขั้นสูงไว้ปกป้องตัวเอง
จอมอสูรพันศพนับว่าเป็นผู้ลึกลับ ผู้คนต่างต้องการรู้ว่าสิ่งใดคือที่มาของความแข็งแกร่งนั้น จนนำชีวิตไปทิ้งที่พรรคสะบั้นสวรรค์บ่อยครั้ง ยังไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดตอบปริศนาแห่งปราณทรงอำนาจนี้ได้สักคน
กฎเกณฑ์ยุทธภพไม่เหมือนโลกเก่า ชีวิตผู้คนล้วนเกิดและตายง่ายดายดั่งใบไม้ผลิและหลุดร่วงจากแหล่ง
ในเมืองอาจมีกฎหมายจากทางการและมีเหล่ามือปราบหรือทหารคุ้มของเมือง แต่ความเหลื่อมล้ำทางสังคมและความเหลื่อมล้ำทางศาสตร์วิชามีมาก ขอทานเช่นเขารอดมาได้ทุกวันนี้ก็ภูมิใจมากมาย
เยว่ถิงได้แต่เพียงทอดถอนใจ หากเจ้าของเกี้ยวชั่วร้ายน้อยกว่านี้ อ่อนแอกว่านี้ ก็ใช่ว่าเขาจะรอดเสียเมื่อไหร่
เกี้ยวเคลื่อนไปจนถึงที่หมาย เยว่ถิงถูกคุมตัวให้เดินเข้าไปในห้องหนึ่ง ได้กลิ่นหอมฉุนของเครื่องหอมลอยอบอวลจนเวียนหัว หากให้นิยามกลิ่นนี้แล้ว ถือว่าค่อนข้างจะ... เร้าอารมณ์และดิบเถื่อน
น้ำแกงถ้วยหนึ่งถูกส่งให้ ผู้นำมาบังคับให้เขาดื่ม ไม่อาจพยายามแกล้งอมไว้หรือทำทีเป็นสำลัก คนเหล่านี้รอบคอบรอจนแน่ใจว่าเขาดื่มจนเกลี้ยงทุกหยด
เขาถูกทิ้งให้นั่งอยู่บนเตียงนุ่มเพียงลำพัง เวลาผ่านไปไม่กี่เค่อ(สิบห้านาที) ความหวาดระแวงของเขาก็เป็นจริง
ยานี้เป็นยาเพิ่มพลังทางเพศ ร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้าร้อนรุ่มไปทั่วทุกสรรพางค์ ตัวเขาปกติเป็นผู้ชายที่มีอารมณ์ทางเพศบ้างแต่เพียงปานกลาง ไม่เคยมีกำหนัดมากมายขนาดนี้มาก่อน ครั้งนี้จึงถึงกับต้องล้มตัวนอนแล้วขดตัวบนเตียง
ร้อน
“ฮึ่ม” ข่มตาหลับ ความพลุ่งพล่านที่ทะลวงอยู่ในกายทำให้ขยับขาอยู่ไม่สุข ไม่ต้องพูดถึงส่วนความเป็นชายภายใต้ร่มผ้าที่ดื้อดึงกับเจ้าของ นี่มันยาปลุกเซ็กซ์ดีๆ นี่เอง!
ลมหายใจเริ่มร้อนถี่ขึ้น ยังไม่มีวี่แววของจอมอสูรผู้นั้น เยว่ถิงสูดลมหายใจ พยายามท่องสูตรคำนวณแคลคูลัส พลิกตัวกลับไปมาจนผ้าปูเริ่มยับ มือขยุกขยิกอย่างอยากจัดการให้เสร็จสิ้นไป
แต่เท่าที่รู้มา ส่วนใหญ่ยาพวกนี้ยิ่งปลดปล่อยยิ่งทำให้อยากกว่าเดิม วิธีที่ดีที่สุดจึงรอมันหมดฤทธิ์ไปเองโดยไม่ยุ่งกับมัน ซึ่งไม่รู้ว่าต้องทนนานเท่าไหร่
อึดอัด
“เวรล่ะ” เขาหอบแล้ว รู้ว่าหน้าคงเริ่มแดงซ่านลามไปถึงทั้งใบหูและลำคอ กระทั่งอกสองข้างก็สะท้าน ความปรารถนาทำให้ร่างบิดงอ สองมือต้องกอดจิกตัวเอง หว่างขาจะหนีบแนบไว้อย่างไม่อาจห้าม
เริ่มเฉอะแฉะ ยานี่ยังแย่อีก เมื่อทำให้เขารู้สึกว่าส่วนด้านหลังเองก็รุ่มร้อนและเส้นประสาทเต้นตุบๆ ด้วย เยว่ถิงอยากกรีดร้องเป็นสูตรแคลคูลัสไปให้สวรรค์
พอกันที!
ขอทานตาบอดฮึดสู้ รวบรวมแรงกายที่เริ่มอ่อนเปลี้ยทั้งหมดลุกพรวดขึ้นนั่งบนเตียง เขาจะไม่ทนอีกแล้ว
“ฮ่า... ฮ่า... แฮ่ก”
เยว่ถิงชันเข่าขึ้น ประสานมือไว้ยังท้ายทอย ก่อนจะเกร็งหน้าท้องซิทอัพอย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อครบสามเซ็ท เซ็ทละสามสิบ เขาก็วิดพื้นต่อจนเหงื่อชื้นขึ้นแม้อากาศหนาว
ผลคือหอบหายใจหนักกว่าเดิม ร้อนด้วย เหงื่อก็แตกเพิ่ม แต่ร่างกายเขารู้สึกดีขึ้น ความแข็งขืนเริ่มลดลง ท่าทางการออกกำลังกายลดความอยากได้จริง
เยว่ถิงเริ่มกระโดดตบ ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดโครมเข้ามา
อากาศกดดันแฝงด้วยกรุ่นไอสังหารพลันแผ่ซ่านเข้ามา ปราณอันตรายรุนแรงทำให้เยว่ถิงยกมือค้างในท่าเตรียมกระโดดตบ กล้ามเนื้อเอ็นข้อถูกยึดไว้มิอาจขยับได้จึงอยู่ในท่าน่าอายอย่างนั้น ปลายนิ้วสั่นเหนือการควบคุม ใจของเขาเต้นตุบๆ อะดรีนาลีนหลั่งไหล ทำได้เพียงหุบปากและหายใจให้เบาที่สุดจนใกล้จะหน้ามืด
ชั่วชีวิตสิบหกปีขึ้นเหนือล่องใต้มาก็มาก เขาไม่เคยพบพานความรู้สึกไม่ปลอดภัยต่อชีวิตขนาดนี้มาก่อน ในความมืดมิดราวกับมีปีศาจร้ายกระหายเลือดตนหนึ่งได้ก้าวเข้ามาในห้อง
เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้ ไม่หนักไม่เบา ฟังดูดั่งมนุษย์สามัญทั่วไป ทว่าผู้มาใหม่ไม่คิดจะเก็บพลังพิฆาตรอบตัวที่มุ่งร้ายชัดเจน เยว่ถิงเกือบแน่ใจว่านี่แหละคือจอมอสูรพันศพที่เล่าขานกันดั่งตำนาน
ทว่า กลิ่นกายอสูรกลับไม่ใช่กลิ่นสาบคาวเลือดอย่างที่คาด กลิ่นนั้นหอมอ่อนๆ ทว่าสามารถกลบกลิ่นหอมฉุนของเครื่องหอมไปได้อย่างอัศจรรย์ ให้อารมณ์ลึกลับชวนค้นหามากกว่าน้ำหอมหรือดอกไม้ชนิดไหน ดึงดูดเย้ายวนใจให้อยากสูดดมมากขึ้นอีก ยิ่งทำงานผสานกับเจ้าน้ำแกงชั่วร้ายนั่นได้เป็นอย่างดี
เขาที่เป็นบุรุษนิยมสตรียังคิดว่าแค่กลิ่นก็เซ็กซี่เกินมนุษย์มนา ไม่เข้ากับเรื่องเล่าว่าจะมีหน้าตาอัปลักษณ์เยี่ยงปีศาจแม้แต่น้อย
อีกอย่าง แม้กำลังหวาดกลัว เยว่ถิงกลับอดคิดอีกไม่ได้ว่า จอมอสูรอาจเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของน้ำหอมอาร์มานี่รุ่นลิมิตเต็ดอิดิทชั่นปลอมตัวมาในยุคนี้รึเปล่า ไม่สิ นี่ไม่ตลกเลย
ร่างนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ กลิ่นหอมยิ่งรุนแรงขึ้น เยว่ถิงประเมินได้ว่าจอมอสูรเป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่กว่าเขามาก อีกฝ่ายเยื้องย่างสำรวจเขารอบๆ อย่างแช่มช้า
ปลายเส้นผมยาวนุ่มละเอียดลากผ่านผิวเพียงครู่ วาบหวามยิ่ง
ฝ่ามือใหญ่กร้านดึงแขนสองข้างของเขาลง อาจเรียกว่าได้กระชากมากกว่าจนหัวไหล่และแขนเจ็บ สัมผัสร้อนผะผ่าวคล้ายจะฝากฝังรอยไหม้ไว้ทุกแตะต้อง เยว่ถิงยิ่งเกร็งตัว เอวของเขาถูกรวบเข้าไปอิงแนบชิด แม้มีอาภรณ์กลั้นก็ทราบได้ว่ากายด้านหลังแข็งแกร่งและสูงใหญ่ยากจะต่อกรเพียงใด
“เมื่อครู่เจ้าทำสิ่งใด”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มแผ่วเบา ดูนิ่งเรียบประเมินค่า แต่หากใช้โสตสัมผัสให้ดีจะพบถึงความขบขันแฝงเร้นอยู่ ผิดกับรังสีอันตรายที่ยังคงแผ่รอบตัว ทั้งยังรู้สึกได้ถึงลมหายใจเป่าริมหูสม่ำเสมอให้วูบวาบในทรวงอก
“ผู้น้อย... เอ่อ... อ่า”
ฝ่ามือจอมอสูรเริ่มป้วนเปี้ยนไม่อยู่สุข แขนข้างหนึ่งล็อกเอวเขาไว้แน่น อีกข้างหนึ่งลูบยังขาอ่อนอย่างอุกอาจ สอดผ่านผ้าเข้าไปสัมผัสผิวให้เฉียดกับส่วนอ่อนไหวที่กำลังพลุ่งพล่านเช่นเด็กหนุ่มวัยกลัดมัน ลูบไปมาช้าๆ
ปลายจมูกโด่งฝังลงบนเส้นผมของเยว่ถิง ขณะที่ริมฝีปากขบกัดใบหูเบาๆ ก่อนจะพรมจูบซับเหงื่อยังขมับ เลื่อนลงตามแก้มแล้วไล่ต่ำไปตามสันกราม เยว่ถิงต้องกัดฟันไม่ให้ส่งเสียงน่าอายออกมา แต่ดูท่าจอมอสูรจะไม่อนุญาตในท่าทีนั้น เมื่อใช้มือบีบแก้มเขาค่อนข้างแรง
“เห็นแก่ความงดงามของเจ้า ข้าจะไม่รุนแรงในคืนแรก แต่หากทำให้ข้าอารมณ์ไม่ดีกว่าเดิม ผลที่ตามมาเจ้าคงไม่ชอบใจ”
เยว่ถิงอาจเป็นผู้ชายง่ายๆ สบายๆ แต่ไม่ใช่จะมาเสียตัวให้ผู้ชายด้วยกันง่ายๆ ความรู้สึกขัดแย้งในใจจึงเกิดขึ้นเมื่อได้แต่ครางแผ่วๆ และหอบหายใจออกมา ปล่อยให้จอมอสูรนิสัยหื่นอุ้มร่างขึ้นแล้ววางลงบนเตียงนอน ในหัวมึนไปหมดแทบนึกอะไรไม่ออก
ร่างสูงใหญ่ตามลงมาทาบทับอยู่ด้านบนจนฟูกยวบลงตามน้ำหนัก ปลายจมูกก้มลงซุกไซ้ตามลำคอจนต้องบิดเบือนหน้าไปอีกทาง ลิ้นรุกรานเลียเหงื่ออุ่นร้อนอย่างจดจ่อ มือเยว่ถิงจิกผ้าห่มไว้จนยับยู่ ด้วยเพราะยาปลุกสูตรน้ำแกงบัดซบนั่น ธรรมดาเขาย่อมมิส่งเสียงอืออาและไม่มีทางพอใจสุขสมไปกับคนแปลกหน้าที่บังคับขืนใจอยู่แน่
ทักษะการเล้าโลมของจอมอสูรนั้นสูงมาก ทั้งยังมีความซาดิสก์อีกด้วย ทั้งกัดและเลียลำคอเขาหลายจุด ราวกับสัตว์ร้ายกำลังจะกลืนกินเหยื่อไร้ทางสู้ จากหน้าอกไล่ลงมาถึงหน้าอกและไหปลาร้าคงนับได้หลายแผล ผู้ทำกลับส่งเสียงหึพึงพอใจยามเยว่ถิงส่งเสียง
ทว่าจอมอสูรยังคงไม่ยุ่งกับส่วนสงวนของเขาที่อัดอั้นขึ้นทุกที เพียงลากนิ้วสากผ่านแนวหน้าท้อง กระดูกสะบัก แนวสะโพก ส่วนมืออีกข้างก็สะกิดยอดอกเบาๆ เยว่ถิงถึงกับสะท้านไปทั้งร่าง ได้ยินเสียงเยาะเย้ยขึ้นตามมา
“เคยผ่านบุรุษมามากหรือไร สีหน้าเจ้าช่างดูร่านรักเสียเหลือเกิน ไม่ทันไรก็บิดเร่าไปทั้งร่าง”
“ลูกน้องท่านให้ แฮ่ก ข้ากินน้ำแกงยาปลุกความต้องการ ฮ่า!”
“กล้าต่อปากต่อคำดี”
จอมอสูรคล้ายหัวเราะคล้ายเหยีดหยาม มิอาจคาดเดาได้ว่าพอใจหรือประชดแดกดันกันแน่
มือผู้จู่โจมขยุ้มยังบันท้ายจนช่วงล่างลอยขึ้น เยว่ถิงร้องเสียงหลง อาภรณ์ที่สวมเริ่มหลุดลุ่ยจากด้านบน เหลือบิดบังส่วนล่างอย่างหมิ่นเหม่ อีกฝ่ายแทรกตัวเข้ามาระหว่างขาทั้งสอง รับรู้ถึงความร้อนผะผ่าวใกล้ๆ ที่แผ่ออกมายิ่งกว่าส่วนไหน
ความกลัวตายพลันหดหายหมด ยามประสาทเสียกับการใกล้เสียตัวและความเจ็บปวดที่คาดว่ากำลังจะมาถึงมากกว่าหลายเท่า
ขืนใจร่างเด็กหนุ่มโตไม่เต็มที่ก็นับว่าพรากผู้เยาว์แล้ว ซ้ำบุรุษทั้งแท่งเช่นเขาจะรับของแปลกปลอมแบบนั้นเข้ามาในช่องทางที่บอบบางได้อย่างไร เขาไม่พร้อมอย่างแรง!
“ดะ...”
ริมฝีปากนุ่มกระแทกบดเข้ามากักขังน้ำเสียงที่เหลือไว้ในลำคอ แรงปะทะทำให้ได้ลิ้มรสโลหิต เกิดเป็นกลิ่นคาวสนิมเหล็กผสมอยู่ในโพรงปาก ลิ้นบุกรุกเข้าตวัดเกี่ยวพันอีกลิ้นหนึ่งให้ยอมจำนน
มือสอดเข้ายังข้อพับแล้วยกเข่าขึ้น คิดจะรุกฝ่าส่วนที่มิเคยมีใครล่วงล้ำ ทว่า
โครกกก!
เสียงคำรามลั่นของกระเพาะก็ดังสยบทุกเสียงหอบหายใจ
บุคลิกชิวหยางจะเปลี่ยนไปนะคะ ดูนิ่งขึ้น ดูเอาแน่เอานอนไม่ได้ ดูอันตรายกว่าเดิม
แต่ที่สำคัญคือยังหื่นเหมือนเดิม 5555 ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โอยยย ขำแรงมาก หิว
ที่ได้ยินคือเสียงร้องของเสือใช่ไหมคะ
ต้องขอบคุณความหิว? 5555555
ว้อยยยยยยยยยย หิวข้าวอะไรตอนนี้ลูกกก 55555555555555
ตัดอารมณ์สุด 5555555555555555555