ตอนที่ 12 : Eight shot [100%]
Eight Shot
มีหลายครั้งที่เราไม่สามารถหาเหตุผลได้ว่าทำไม ทั้งที่ตัวเองตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัดแท้ๆ แต่กลับยังคิดเลือกที่จะไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะเพราะศักดิ์ศรีที่ค้ำคอ หรือ เพราะความเย่อหยิ่ง ทะนงตน ทั้งที่เจ็บจนคิดว่าตายไปซะดีกว่า แต่ก็ยังเลือกที่จะขืนตัวเองต่อไป
ขืนตัวเองอยู่กับความทรมานซ้ำๆ
‘อั่ก!’
เรือนกายโปร่งกึ่งเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าผืนบางห่อคลุมร่างไว้กระแทกเข้าอย่างแรงกับผืนผนังสีหม่น ผิวที่เดิมเคยขาวสะอาดสวยงามบัดนี้เต็มไปด้วยรอยเขียวช้ำ และ แผลทั้งทางยาวและรอยขีดข่วนเล็กน้อย หรือแม้แต่รอยจ้ำแดงที่ขึ้นประปลายตั้งแต่ลำคอขาวๆลามไปถึงต้นขาเนียน
แม้จะเจ็บแค่ไหน ใบหน้าของผู้เป็นเจ้าของก็ยังตระหวัดกลับมองผู้ที่กระทำตนด้วยสายตาที่หยิ่งทะนง ไม่มีแม้รื้อน้ำใสๆให้เห็น มีเพียงใบหน้าติดสวยที่จับจ้องผู้กระทำตนด้วยความรู้สึกเสมือนตนเป็นผู้กุมอำนาจแต่กลับกันตัวเขานั้นพ่ายแพ้บุคคลในสายตาอย่างหาทางคิดหนียังแทบไม่ได้
ร่างกายที่ไม่ด้สูงใหญ่ไปกว่ากันมากนัก ขายาวก้าวเข้าใกล้คนที่ยังคงรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองช้าๆ รอยยิ้มเหยียดยามที่ได้มองร่างโปร่งที่ไม่แม้แต่จะมีการสั่นไหวของความกลัวทั้งยังแสดงท่าทางนิ่งเฉยต่อการเข้าหาของเขา
เรียวตาสวยนั้นมองตรงอย่างไม่คิดจะหลบสายตา เรียวตาที่เคยคิดว่าสวยงามน่าถนุถนอมทุกครั้งที่ได้สบกัน บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกเกลียดชังและเครียดแขนเมื่อได้มองดู
“เจ็บรึเปล่า?”
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเบาๆ พร้อมกับสัมผัสอ่อนโยนที่เรือนผมสีน้ำตาลเข้มนิ่มมือ รอยยิ้มเล็กๆประดับอยู่ที่มุมริมฝีปาก แม้คำถามนั้นกับการกระทำจะดูแสดงถึงความอ่อนโยนและห่วงใยแค่ไหน แต่ใบหน้าของคนถามนั้นไม่ได้เป็นไปด้วย นิ่งแต่ไม่เรียบเพราะการเหยียดรอยยิ้ม
‘ถุย’
นี่อาจจะเป็นคำตอบเพียงหนึ่งเดียวของคำถามที่เขาสามารถคิดได้ ยงกุกเสหน้าเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นปาดคราบน้ำเหนียวบนผิวแก้มของตนที่เพิ่งจะได้มาเป็นคำตอบจากคำถามเมื่อครู่
“โอ้ย!”
แรงโถมเข้าหาอย่างหนักเรียกให้ฮิมชานต้องส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มือแข็มแรงข้างหนึ่งดันอยู่กับหน้าท้องเนียนที่มีแผลเก่าขนาดใหญ่อยู่ ความเจ็บปวดแล่นแปล๊บจนน้ำตาแทบจะไหลแต่ก็เก็บกั้นมันเอาไว้ แขนสองข้างของคนเจ็บถูกตรึงด้วยมือเดียวของคนแข็งแรงกว่า
บังยงกุกไม่ได้ทำอะไรต่อจากนั้นน้องจากยึดร่างของคิมฮิชานไว้ด้วยอารมณ์โทสะที่กำลังประทุ ใบหน้าที่เดิมดุดันนั้นกลับยิ่งดุมากขึ้น ก่อนที่จะค่อยเปลี่ยนไป รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นก่อนแรงยึดจะค่อยๆคลาย
แทบจะทันทีที่ร่างของคิมฮิมชานทรุดไหลลงไปกองลงไปกับพื้นเมื่อไม่มีที่ยึดเหนี่ยวอีก ลมหายใจหนักถูกพ่นออกมาซ้ำๆคล้ายว่าต้องการอากาศหายใจแต่มันดันลงไปไม่ทั่วท้อง มือขาวซีดกุมท้องส่วนที่โดนกดทับแผลเก่าอย่างแรง ก่อนจะค่อยๆเงยหน้ามองคนกระทำด้วยความแค้นเคือง
“เจ็บรึไง หึ”
น้ำเสียงแข็งเอ่ยถามโดยที่ไม่ได้ต้องการคำตอบเพราะในคำพูดนั้นมันแฝงด้วยความรู้สึกสมเพช ก่อนที่ยงกุกจะค่อยๆทรุดตัวลงนั่งยองๆให้อยู่ในระดับเดียวกันกับฮิมชาน
“เรามาเล่นเกมกัน...”
เรียวคิ้วบางเลิ่กขึ้นแทบจะทันทีที่ได้ยิน สิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา ประโยคเชิญชวนแต่ไม่ได้ขอความเห็นว่าจะเล่นหรือไม่ หากกลับบังคับกลายๆว่ายังไงก็ต้องร่วมเล่น เพราะไม่มีทางที่จะปฏิเสธใดๆได้แน่แล้ว
“...ยังไง”
เสียงแหบพร่าเอ่ยถามออกไปพร้อมกลับจับจ้องมองร่างของคนหน้าดุที่มองเขาด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม รอยยิ้มที่คิดว่าไม่น่าจะใช่เรื่องดี
“ยูยองแจ กับ จองแดฮยอน...”
ยงกุกพูดพร้อมกับลุกพาตัวเองเดินไปนั่งบนเก้าอี้ไม้เก่าๆเพียงหนึ่งเดียวที่ตั้งอยู่กลางห้องกว้าง ทิ้งให้ร่างของฮิมชานที่ดูเจ็บทรมานยังคงไหลตัวพิงกับผนังสกปรกอย่างน่าสมเพช
ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าติดสวยที่ซีดเผือดทันทีเมื่อได้ยินสองชื่อที่ถูกเอ่ยออกมาจากปากของยงกุก ก่อนที่ใบหน้าติดดุนั้นจะเผยยิ้มกว้างออกมา
“ใครจะ dead end ก่อนกัน...”
เหมือนลมหายใจกระตุกไปเพียงวูบหนึ่ง ฮิมชานมองหน้าของยงกุกด้วยความรู้สึกหลายๆอย่างที่ปะปน คิ้วเรียวขมวดมุ่นคล้ายว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด แต่ก็เข้าใจ... ไม่ มันเรียกว่าเขาเข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดอะไร แต่ไม่เข้าใจเจตนาที่อีกคนต้องการสื่อต่างหาก
“...แล้วยังไง”
เอ่ยถามออกไปด้วยเสียงแผ่วๆ นั่นยิ่งทำให้รอยยิ้มของบังยงกุกขยับกว้างขึ้น
“พวกเขาจะเป็นตัวแทนของเราสองคน... เห็นกระบอกปืนบนโต๊ะนั่นมั้ย?”
เรียวนิ้วยาวชี้ไปยังวัตถุสีดำขลับที่วางงแน่นิ้งดูบนโต๊ะไม้มุมห้อง ให้อีกคนได้มองตาม
“...”
“ถ้าหากยูยองแจ dead end ก่อน เชิญนาย...”
นิ้วชี้และนิ้วกลางถูกจับมาติดกันคล้ายรูปกระบอกปืนก่อนจะเลื่อนมันมาจ่อที่หัวของตัวเอง ริมฝีปากได้รูปขยับเพียงเบาๆให้พอสื่อออกว่าต้องการจะพูดอะไร ‘bang’ มีเพียงเสียงลมเท่านั้นที่รอดออกมา
“และถ้าหากจองแดฮยอน dead end ก่อน...”
นิ้วยาวที่ถูกสร้างเป็นกระบอกปืนไว้เลื่อนออกจากขมับของตน ก่อนจะเล็งไปยังร่างที่นั่งนิ่งอยู่บนพื้น การกระทำคล้ายกัน เสียงทุ้มเบาหวิวเอ่ยออกไปหากแต่นั่นทำให้ใบหน้าติดสวยวูบไหวอย่างเห็นได้ชัด
‘bang’
สรุปง่ายๆ ก็แค่ หาก ยูยองแจตายบังยงกุกตาย และหาก จองแดฮยอนตายคิมฮิมชานก็ต้องตาย ตาม...
เกมง่ายๆที่ถูกคิดขึ้นมา นำมาเล่นราวกับเป็นวิ่งสนุกสนานหากแต่กลับผูกไว้กับชีวิตคน4คน...
กริ๊งง กริ๊งง
“ฮัลโหลครับ”
“...”
“อ้าว นี่ฮยองออกไปตอนไหนเนี่ย”
“...”
“อืมมม... ได้เลยฮยอง แต่ฮยองต้องซื้อมะเชือเทศเชอรรี่มาให้เซโล่ด้วยนะ บาย~”
แกร๊ก
แม้เสียงคุยโทรศัพท์ภายนอกห้องจะไม่ได้ดังมากนักแต่เพียงแค่ผนังกั้นผนังเดียวก็สามารถทำให้ยูยองแจตื่นขุ้นจากห้วงนิทราได้ขาที่แม้ว่าจะดูเหมือนไม่ค่อยมีแรงนักค่อยๆก้าวเดินช้าๆ มือขาวออกแรงผลักบานประตูให้ค่อยๆเปิดออกช้าๆก่อนจะพบว่าน้องโถงใหญ่นั้นมืดสนิทไปหมด มีเพียงแสงไฟเล็กๆจากหน้าจอคอมขนาดยักษ์และร่างของคนที่นั่งหลับสนิทอยู่
มุน จงออบ... อัจฉริยะด้านเทคโนโลยี...
ไม่ใกล้ไม่ไกลนักจากตรงที่เขายืนอยู่ยังมีอีกห้องหนึ่งที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้ ด้านหน้าติดป้ายตัวใหญ่ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาตพร้อมลงชื่อ คิมฮิมชาน...
มองไปรอบห้องมืดเห็นเพียงแค่ร่างของมุนจงออบที่หลับสนิท ส่วนจองแดฮยอนกับ เด็กตัวโตที่ชื่อเซโล่อะไรซักอย่างนั่นก็ไม่รู้หายไปไหน มันทำให้ความอยากรู้บางอย่างค่อยๆก่อตัวขึ้นช้าๆ
และราวกับมีอะรบางอย่างที่เรียกให้ร่างกายของยูยองแจค่อยๆขยับเข้าหาบานประตูที่แง้มไว้นั่น ลิ้นชื้นไล้เลียริมฝีปากแห้งผาดของตัวเองราวกับว่ากำลังตื่นเต้นกับบางสิ่งบางอย่าง จังหวะหัวใจที่เต้นถี่ขึ้นเหมือนเด็กที่กำลังคิดกระทำการผิด มืออุ่นจับเข้ากับลูกบิดเย็นเฉียบจากอุณหภูมิแอร์ก่อนจะดันเปิดออกเบาๆ
“ทำอะไรหนะ...”
เสียงที่เอ่ยขึ้นชิดริมใบหูไม่ดังมากนักแต่ เรียกให้ร่างทั้งร่างของยองแจสะดุ้งโหยงก่อนจะ รีบละมือออกจากลูกที่เดิมกำไว้แน่น หันหลังกลับไปด้วยอารมณ์ตกใจก็พบกับร่างสูงของเด็กผิวขาวเผือกที่ยืนส่งยิ้มมาให้
“เปล่า... แค่กๆ เห็นประตูมันเปิดไว้เลยจะมาปิดให้...”
เสียงหวานแห้งผาดเอ่ยออกไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั่น ทั้งยังส่งยิ้มกลับไปให้เด็กหนุ่มร่างสูง
“ฮยอง... โอเคขึ้นรึยัง? ”
รอยยิ้มจากเด็กหนุ่มตัวสูงยังคงประดับอยู่บนใบหน้าอ่อนนั่น และก่อนที่จะได้เอ่ยปากตอบคำถามอะไรออกไปก็ต้องกลืนทุกคำพูดเหมือนเดิมเพราะสิ่งที่เด็กหนุ่มพูดต่อมา
“...แดฮยอนฮยองถามมาหนะ”
เพียงแค่ได้ยินชื่อก็ราวกับทุกคำพูดไม่สามารถจะหลุดออกมาได้ อาการจุกอกเข้าเล่นงานอย่างจังจนแสดงออกมาชัดเจนทางสีหน้า ดวงตาใสหลุบลงต่ำ มืออุ่นกำแน่น
เป็นครั้งแรกที่ไม่อยากได้ยินชื่อนี้ แดฮยอน...
“ก็ดี... ดีกว่าเดิม ขอบคุณนะ”
ตอบเสร็จก็พาร่างของตัวเองไปนั่งลงบนโซฟากลางห้อง เด็กหนุ่มยิ้มเยาะออกมาราวกับพอใจในอะไรบางอย่างก่อนที่ร่างสูงโปร่งนั่นจะเดินไปยังหน้าจอคอมขนาดยักษ์ที่มีร่างของใครบางคนฟรุบหน้าหลับอยู่ และดูเหมือนจะหลับสนิทเอามากเสียด้วย
เพราะแม้ว่ามือใหญ่ของเด็กหนุ่มตัวสูงจะวางลงและค่อยๆลูบเบาๆบนเรือนผมสีน้ำตาลเข้มนั่น หรือแม้แต่ผ้าห่มผืนบางที่ค่อยๆถูกจับไปคลุมร่างกายที่จมสู่ห้วงนิทรา นั่นก็ไม่ได้ทำให้ปฏิกิริยาของจงออบรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแม้แต่น้อย ลมหายใจยังคงสม่ำเสมอแถมดูจะสบายตัวกว่าเดิมด้วยซ้ำ
แววตาอ่อนโยนจาเด็กหนุ่มส่งให้คนที่ไม่รู้สึกตัวอย่างอ่อนโยนเหมือนต้องการเพียงเท่านี้ไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่านี้ ต้องการเพียงแค่ได้อยู่ด้วยกัน... มันทำให้นึกถึง...
นึกถึงใครบางคนที่ตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ทั้งที่เป็นคนพาเขามาที่แห่งนี้ เป็นคนทำให้เขาเจ็บเอง แล้วก็ยังมามองความรู้สึกที่เหมือนกับเป็นห่วงเป็นใยให้ ไม่รู้ว่าต้องการอะไร ทั้งทำร้ายทั้งทำดี ด้วย...
“ฮยองว่าความรักมันดีรึเปล่า?”
ไม่รู้ว่าเผลอเหม่อไปถึงขนาดไหน รู้ตัวอีกทีเด็กหนุ่มตัวสูงที่ชื่อเซโร่ก็มานั่งลงบนโซฟาที่ข้างๆเขาแล้ว หันมองดูใบหน้าอ่อนวัยนั่น แม้จะปรากฏรอยยิ้มอ่อนที่มุมริมฝีปาก หากแต่สายตาที่มองไปยังร่างของคนที่ฟุบหลับนั้นมันดูเศร้าโศก
“อะไร อายุก็น้อย จะมีความรักแล้วรึไง หึ”
“เซโล่ไม่เด็กนะ...”
เสียงนั้นเอ่ยออกมาอ่อนๆก่อนจะยิ้มกว้างส่งมาให้
ความรักไม่ใช่สิ่งที่จะบอกได้ว่ามันดีหรือไม่ดี มันต้องเจอแล้วเราถึงจะตัดสินใจได้ เพราะความรักของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน...
“แล้วความรักของฮยองหนะ ดีรึเปล่า?”
ใบหน้าติดหวานหันไปมองคนถามแทบจะทันทีที่ฟังจบ เรียวคิ้วขมวดติดกันมุ่น หากแต่ใบหน้าคนถามก็ยังคงเป็นรอยยิ้ม รอยยิ้มกว้างที่เหมือนกับใครบางคน รอยยิ้มที่แม้ว่ากำลังจะพูดเรื่องอะไรอยู่ แม้จะเป็นเรื่องซีเรียส ก็ยังจะปั้นรอยยิ้มขึ้นมาประดับไว้... ประดับไว้เพื่อซ่อนความนึกคิดอีกฝั่งนึงของตัวเอง
“เหอะ... สงสัยจะไม่ดี”
ตอบออกไปก่อนจะทิ้งหัวหนักๆลงบนผนักโซฟานุ่ม นึกถึงหน้าใครบางคนก็ทำให้ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมานิดๆหากแต่ก็ยังเก็บอาการไว้ได้
“ฮ่าๆ อย่าซีไปเลยฮยอง ผมก็ถามไปอย่างนั้นแหละหน่า”
“...”
ริมฝีปากบางเม้มติดกันแน่นก่อนจะค่อยๆเผยยิ้มเล็กๆให้เด็กหนุ่มข้างตัว มือสั่นเทายกขึ้นลูบหัวเด็กตัวไม่น้อยนักเบาๆ ดวงตารื้อแดงจ้องสบตากับเด็กหนุ่มผิวขาวจัด ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้ แต่เพียงชั่ววินาทีนึงทีเขาเห็นแววตาของเด็กหนุ่มที่วูบไหวลงยามเมื่อหันไปมองร่างๆหนึ่งที่หน้าจอมคอมพิวเตอร์
ในดวงตานั้นมันเต็มไปด้วยความน่าสงสาร ราวกับเด็กน้อยที่ต้องการความรักจากอะไรบางอย่างที่ไม่มีวันจะได้...
“นายต่างหากหละที่อย่าซีเรียส เซโล่...”
“...”
ความเงียบเข้าปกคลุมห้องมืดทั้งห้อง เสียงเค่นหัวเราะเบาในลำคอขาวซีด ก่อนใบหน้าอ่อนนั่นจะยิ้มกว้างออกมา
“ฮยอง... ฮยองว่าเราเคยเจอกันรึเปล่า?”
เรียวคิ้วที่เพิ่งคลายไปค่อยๆขมวดกันอีกครั้งกับคำถามเชิงเล่นเชิงจริงของเซโล่ เด็กหนุ่มลุกขึ้นมายืนตรงหน้ายองแจก่อนจะก้มลงให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน
“...ไม่”
“เอ้อ! เดี๋ยวเซโล่ออกไปข้างนอกก่อนนะ ถ้าจงออบฮยองตื่นฝากบอกด้วยว่าอยากกินข้าวผัดกิมจิ”
เด็กหนุ่มพูดแรกขึ้นโดยไม่รอให้อีกคนได้ตอบคำถามอะไรทั้งนั้น ยิ้มเล็กๆประดับขึ้นมุมปากก่อนร่างนั่นจะเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนที่ยังตั้งตัวไม่ถูกนั่งหน้างง อยู่บนโซฟาตัวโตเพียงลำพัง
ถอนหายใจออกมาหนักๆก่อนจะนึกถึงคำถามที่ถูกถามไว้ ศรีษะหนักส่ายช้าๆ คล้ายเป็นการตอบคำถามให้ตัวเองหรือเป็นการคิดว่าเป็นคำถามไร้สาระก็ไม่รู้
เมื่อความเงียบเริ่มเข้าปกคลุมอีกครั้งมันทำให้ยูยองแจรู้สึกหงุดหงิดราวกับว่าเขากลายเป็นเด็กขี้เหงาที่อยากจะได้ใครซักคนมาคุยด้วย สายตาหันไปพบร่างที่ยังหลับไหลอยู่ไอครั้นจะปลุกขึ้นมาก็คงไม่ดี หนำซ้ำจะเสี่ยงต่อการโดนฆ่าตายเอาเสียเปล่าๆ ยิ่งดูมุนจงออบจะไม่ค่อยชอบตัวเขาเท่าไหร่ด้วยแล้ว...
คิดอะไรไปเพลินมองไปยังรอบห้อง ประตูบานเดิมยังคงถูกแง้มเอาไว้ความอยากรู้อยากเห็นที่มากกว่าความรู้สึกปชผิดชอบชั่วดีเรียกให้ค่อยๆเดินเข้าไปหามันอีกครั้ง
ตอนนี้เด็กหนุ่มตัวสูงก็ไม่อยู่แล้ว มุนจงออบก็ดูเหมือนจะเป็นคนหลับสนิทตื่นยาก ทั้งที่เขาคุยกันเสียงดังกับเซโล่เจ้าตัวก็ยังไม่รู้สึก ส่วน จองแดฮยอนก็ไม่อยู่ไม่รู้จะมาตอนไหนแต่คาดว่าคงจะดึกดื่นเหมือนวันอื่นๆ
ดึกๆ ที่แดฮยอนกลับมาแล้วต้องรีบเปิดเข้ามาในห้องที่กลิ่นฉุนไปด้วยยาที่มีเขาแกล้งนอนหลับอยู่... ยองแจรู้ตัวทุกครั้งที่แดฮยอนกลับห้องมาแล้วต้องรีบเดินเข้ามาดูอาการตัวเองภายในห้อง หึ... น่าขำชะมัด
“...”
มือสั่นเทาผลักบานประตูอย่างเบามือที่สุดก่อนจะค่อยๆแทรกตัวเข้าไปภายในห้อง ห้องขนาดกว้างตกแต่งด้วยโทนทีสบายต่แตกต่างจากห้องอื่นๆในที่แห่งนี้มากนั่น หน้าต่างกว้างที่ถูกเปิดรับลมเอาไว้ แสงแดดลอดผ่านมาทำให้ภายในห้องสว่างมองเห็นสิ่งต่างๆโดยไม่ต้องเปิดไฟ สายลมอ่อนพัดผ่านขนผ้าม่านผืนบางวูบไหวไปตามลม
มันให้ความรู้สึกอบอุนแตกต่างไปจากทุกส่วนของอาคารหลังนี้
มือขาวขอลยองแจลูบไล้ไปตามชั้นไม้ที่ถูกวางด้วยหนังสือมากมายไปเรื่อย แม้ว่าจะมีฝุ่นบ้างแต่ก็ไม่หนามากนัก อาจเพราะเจ้าของห้องไม่ได้กลับมาหลายวันแล้ว... คิมฮิมชาน
มองไปรอบก่อนสายตาจะสะดุดเข้ากับสั้นไม้ที่ถูกเรียงรายด้วยรูปต่างๆมากมาย และแน่นอคนทุกคนมีความอยากรู้อยากเห็น ยองแจก้าวเดินออกไปยังที่ตรงนั้น สายตาเรียวหรี่มองไปตามรูปที่ตั้งอยู่มากมายในกรอบรูปขนาดต่างๆ บางอันก็มีเพียงฝุ่นบางเบา บางอันก็หน้าเตอะจนแทบจะปิดทับภาพถ่าย
รูปส่วนใหญ่เป็นรูปของฮิมชานในวัยต่างๆตั้งแต่เล็กจนโตมองไปเรื่อยจนเห็นกรอยรูปอันหนึ่งที่ถูกคว่ำเอาไว้ ถือวิสาสะหยิบมันขึ้นมาช้าๆก่อนจะต้องเบิกตากว้างเมื่อคนในรูปคือคิมฮิมชานและบังยงกุกที่ถ่ายรูปด้วยกันด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มทั้งคู่ ทั้งที่ดูเป็นความรักที่น่าจะมีความสุขอย่างไม่น่าจะมีอะไรมาขัดขวางแต่มันก็เป็นไปไม่ได้... เหมือนกับตัวเขา
เป็นอีกครั้งที่สายตาของยองแจสะดุดเข้ากับภาพบางอย่าง ภาพที่ไม่ได้ใส่ไว้ในกรอบหากแต่มันถูกวางไว้แล้วทับด้วยตุ๊กตาปูนปั้นรูปแมวตัวสีดำยิ้มแย้ม ค่อยๆหยิบขึ้นมาอย่างเบามือก็พบกับฝุ่นที่เกาะหนาแทบมองหน้าคนในภาพไม่ออก
ยกเสื้อตัวเองขึ้นมาเช็ดคราบฝุ่นนั่น ก่อนจะต้องชะงักค้างไป
ในรูปคือเด็กน้อยสองคนยืนกอดคอกันยิ้มกว้างให้กับกล้อง คนนึงติดอวบเล็กน้อยผิวขาวจัด ส่วนอีกคนตัวผอมบางใส่แว่นผิวแทนเล็กน้อย แต่นั่นไม่ได้ทำให้ยองแจตกใจอะไรได้เท่ากับข้อความที่ถูกเขียนไว้ เด็กน้อยร่างอวบผิวขาวมีปากกาแต้มไว้ว่าคิมฮิมชาน ส่วนเด็กอีกคน...
‘ไอน้องรัก จองแดฮยอน’
ลมหายใจขาดช่วงไปเมื่อยองแจได้รับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างแม้ว่าเขาจะเคยรู้มาว่าจองแดฮยอนเป็นน้องชายต่างมารดาของคิมฮิมชาน หากแต่ยูยองแจเคยหลอกตัวเอง...
เคยคิดจะหาหนทางเผื่อหักล้างข้อมูลที่ได้รับมา หักล้างว่าจองแดฮยอนไม่ใช่น้องชายต่างมารดาของคิมฮิมชาน หักล้างให้จองแดฮยอนไม่ใช่คนผิด...
แต่แล้วทุกอย่างในวันนี้ชัดเจนพอ พอที่จะทำให้เขารู้ว่าต่อไปนี้จะไม่มีคำว่าเหมือนเดิมอีกแล้ว...
รูปถ่ายใบเล็กถูกพับก่อนจะจับยัดในในกระเป๋ากางเกง ริมฝีปากบางเม้มแน่น น้ำตารื้นใหญ่ไหลออกมาโดยไร้ซึ่งเสียงสะอื้นไห้ ยองแจค่อยๆพาตัวเองออกมาจากห้องกว้างช้าๆ ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงที่โซฟากลางห้องอีกครั้ง
สายตาหันไปเห็นเด็กหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะทางคอมพิวเตอร์ยังคงหลับไหลอยู่ สายตาเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะค่อยๆเลื่อนมองไปยังประตูที่กั้นเพียงอิสระกับการถูกกักขัง
มันคงถึงเวลาอันเหมาะสมแล้ว...
“กลับมาแล้วครับ ~~”
ภายในห้องเงียบเชียบไม่มีแม้เสียงใดตอบกลับมา ร่างหน้าคอมยังคงหลับไหลเช่นเดิม หากแต่อีกคนหนึ่งหละหายไปไหน?
“อื้อ... สงสัยกลับเข้าห้องประจำไปแล้ว”
มองดูประตูบานขาวสะอาดก่อนเด็กหนุ่มจะเดินไปยังระเบียงหลังห้อง ม้วนบุหรี่สีขาวถูกหยิบขึ้นมาจุดไฟก่อนจะอัดควันเข้าไปเต็มปอดแล้วค่อยๆพ่นออกมา รอยยิ้มเล็กประดับเข้ากับใบหน้าขาวซีดราวกับพึงพอใจในกลิ่มเมนทอสอ่อนๆที่ผสมออกมากับกลุ่มควันขาว
เด็กหนุ่มพิงหลังกับกำแพง ใบหน้าประดับดวงตาเหม่อลอยเล็กน้อยราวกับกำลังนึกคิดอะไรอยู่ในหัว เด็กหนุ่มเค่นหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงหน้าพี่ชายหน้าหวานสารถีที่ถูกจับมากักขังไว้ในที่แห่งนี้ นึกไปถึงใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายผิวแทนที่อีกเดี๋ยวคงใกล้จะได้เวลากลับมาแล้วต้องรีบจรลีเข้าไปดูอาการคนในห้องพยาบาล...
ความรักมันก็เหมือนหนังตลก
วนเวียนอยู่แค่สองคำ
รัก
และ ทำร้าย ...
“นี่ บอกแล้วไงว่าเป็นเด็กห้ามสูบบุหรี่!”
มวนบุหรี่สีขาวสะอาดที่ยังพร่องไปไม่ถึงครึ่งถูกกะชากออกอย่างแรง ใบหน้าขมวดมุ่นของคนเพิงตื่นทำให้เด็กหนุ่มเผยยิ้มกว้างออกมา
“เป็นห่วงหรอ”
คำถามที่เล่นให้คนถูกถามชะงักไปชั่วคราว ก่อนจะโยนบุหรี่ในมือตนทิ้งลงระเบียงไป ลมหายใจหนักผ่อนออกมาก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าห้องไป
“นี่ หิว อยากกินข้าวผัดกิมจิ”
“อือ”
ตอบเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินหายเข้าไปในส่วนที่เป็นครัว เด็กหนุ่มยิ้มให้กับคนที่แม้จะไม่หันมามองตน ดวงตากลมมองออกไปบนท้องฟ้าที่เป็นสีดำสนิทของรัติกาล ดวงจันทร์ที่ถูกเมฆสีดำบางบดทับไว้เห็นเพียงแสงรำไรอ่อนๆ เหมือนมนุษย์ที่อยู่บนโลกนี้ซะไม่มี...
ทั้งที่มีความสว่างอยู่บ้าง แต่ก็เลือกจะเอาความมืดมิดมาบดทับ
มือขาวซีดล้วงหยิบกล่องเหล็กขึ้นมาก่อนจะยิ้มเยาะให้กับมัน เด็กหนุ่มจัดการปามันลงทิ้งไปยังพื้นเบื้องล่างของอาคาร 5 ชั้น กอนจะพาตัวเองเดินเข้าไปนั่งบนโซฟานุ่ม
ผลัก!!
“ยูยองแจหายไปไหน!?”
เด็กหนุ่มสะดุ้งตัวเล้กน้อยเมื่อพบพี่ชายผิวแทนที่เดินสีหน้าตื่นตะหนกออกมาจากห้องพยาบาลที่ไม่รู้ว่ากลับมาและเข้าไปตอนไหน ร่างนั้นเดินอย่างรวดเร็วเข้ามาหาเด็กหนุ่มด้วยอารมณ์ที่จัดอยู่ว่ากำลังร้อนรน
“ห่ะ ก็อยู่ในห้องไม่ใ...”
“ไม่มี! ไม่มียูยองแจ!”
“ห่ะ?!”
เด็กหนุ่มตีสีหน้ามึนงงเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นและพยายามเดินเข้าไปดูภาพในห้องที่พี่ชานผิวแทนเพิ่งเดินออกมาอย่างร้อนรน หากไม่ติดว่าถูกมือแข็งแรงกระชากรั้งคอเสื้อเอาไว้ก่อน
“ชเวจุนฮง ยองแจหายไปไหน...?”
เสียงกดต่ำเค้นถามอย่างต้องการคำตอบ เด็กหนุ่มตีสีหน้าวิตกกังวนอย่างไม่สามารถจะหาคำตอบมาตอบแดฮยอนได้
ยูยองแจหายไปไหน...
นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจจะรู้
“ผมไม่รู้”
“ไม่รู้ได้ยังไง!! ในเมื่อฉันบอกให้เฝ้าไว้!”
เสียงตะคิดหนักพร้อมแรงผลักจนเด็กหนุ่มเซลงไปกระแทกกับพื้นล่าง ตามด้วยร่างของคนที่กำลังอารมณ์ขึ้นิย่างสูงสุดที่ลงไปนั่งคร่อมทับไว้ มือสแทนขยุ้มปกเสื้อคนใต้ร่างกระชากให้เงยหน้ามองตนอย่างไม่มีความปราณี
“เกิดอะไรขึ้นหนะ!?”
มุนจงออบที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายซักพักรีบวิ่งออกมาดึงร่างของแดฮยอนให้ออกจากเซโร่ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนด้วยใบหน้าที่เหมือนกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง
“ยูยองแจหายไป...”
“ห๊ะ?”
น้ำเสียงที่เริ่มแผ่วลง แดฮยอนสะบัดแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของจงออบก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้กลางห้อง ฟันคมขบกัดริมฝีปากตนอย่างคนที่กำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่าง
“ผมขอโทษ...”
เสี้ยวเวลาหนึ่งที่แดฮยอนเงยหน้าขึ้นมามองคนขอโทษด้วยอารมณ์โทสะ แต่เมื่อเห็นใบหน้าอ่อนนั่นรู้สึกผิดมากแค่ไหนก็ไม่สามารถจะรู้สึกโกรธได้ต่อ
“ช่างมันเถอะ...”
คิดได้เพียงแค่นั้น เพราะจริงนี่มันอาจจะไม่ใช่ความผิดของเซโล่ เขาฝากยองแจไว้กับเซโล่ก็จริงเพียงแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าที่ยูยองแจหายไปจะเป็นความผิดของเซโล่เสียหน่อย...
“...ทำไมประตูห้องฮิมชานฮยองเปิดอยู่?”
แฮยอนเอ่ยถามออกมาเสียงเบาเมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นความผิดปกติบางอย่าง ประตูที่เคยปิดสนิทไม่มีใครเข้าไปอีกเลยตั้งแต่เจ้าของห้องหายตัวไปกลับถูกแง้มเอาไว้นิดๆ
“...”
“มันปิดอยู่ตลอดเวลานะฮยอง...” เด็กหนุ่มตัวสูงเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบที่ปกคลุมคนทั้งห้อง
“งั้นทำไม?”
นั่นทำให้เขานึกไปถึงใบหน้าติดหวานของคนที่หายตัวไป...
“ยูยองแจ...”
-----------------------------------------------------------------
แว้กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก 100% แล้วจ้าาาาา
งะงะงะงะงะงะงะงะงะงะงะงะงะงะงะ
ประตูแห่งศึกกำลังจะเปิดขึ้นอย่างจริงจังแล้วนะจ๊ะ ~~
5555555555555555555555555555
นี่คนเขียนเพิ่งสอบเสร็จหมาดๆเลยยยยยยยยยยยยยย
สอบเสร็จก็มานั่งพิมพ์ๆปั่นๆ แต๊กๆ T…T
ตอนแรกก็จะพิมพ์อีกตอนด้วยแต่ มันเพลีย 55555555555555
เอาไว้มาอัพวันหลังเนอะ
นี่หายไปนานไม่ได้เวิ่นเลยยยยยยยยยยยยย
โอ้ยยย ย ย BADMAN แด้หะยอน ทำไมหล่อววววววววววว
นี่คนเขียนอยากจะลงไปดิ้น ให้ตาย ฮรื่อออ ว่าคอฟฟี่ช้อปแด้หล่อละมุนแล้ว
เจอแบดแมนไป หล่อร้ายตายกว่า ฮ่อลลลลลลล
รอไม่ไหวแล้ว อยากดูววววว T....T
โอ้ยยยยย แจ้น้อยกร่อยใจของคนเขียนก็สุดจะหล่อพัง
แต่ทำไมทีเอสถึงทำกับพี่บังแบบนี้ ทำไมมม/? 5555555555555555555
หวังว่าคนอ่านจะยังอยู่กับคนเขียนเนอะ 55555555555555
หายไปนานแต่เราก็ไม่ได้ทิ้งนะเอออ <33
ตอนหน้าเจอกันให้นะ บรั่ยยยย
ปล.นี่เปลี่ยนรูปหน้าแนะนำฟิคใหม่
ไม่ได้อยากทำร้ายพี่บังนะ แต่พี่บังทำตัวเอง จริงๆ...
คือชอบบบ แบดแมนนนนน มันดาร์กกก ก กกกกก
ดาร์กเข้ากับฟิคเหลือออ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก -.................-
คนเขียนจะมีพี่บังเป็นไอดอลลลล จะแต่งฟิคอารมณ์เหมือนที่พี่บังแต่งเพลงงงง~~
55555555555555555555555555555555555
เจอกันใหม่เมื่อโลกต้องการนะคนอ่านที่รักทั้งหลายยยยยยยยยย
บายยยยยยยยยยยยยยยย 555555555555555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พี่ๆต้องปล่อยมักเน่อยู่กันสองคนแล้วล่ะม้างงง
อันที่จริงที่พี่บังจับพี่ฮิมไปเพราะแบบนี้ล่ะม้าง
55555555555
แล้วแบบนี้แจ้จะทำยังงัยต่อไป จะตามล่าแด้แล้วก้อต่อสู้กันอย่างงี้เหรอ
ความรักของโล่เนี้ยดูท่าจะอีกยาวไกลว่าที่จงออบจะหันมามอง
เห็นแล้วเจ็บปวดแทน ขอแค่อยู่ใกล้ๆ ไม่มากกว่านี้ก้อพอ
หลังจากนี้คงจะสู้กันเต็มที่แล้วสินะ
รื่งกำลังเข้มข้นนนน T____T
รีบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ปล.เค้ากำลังเพ้อแบดแมนเหมือนกัน กรี๊ดดดด
แล้วอย่าลืมมาต่อให้ด้วยน้า
เอามักเน่ไลน์เราคืนมาน้าาาาาาาาา
พี่บังอยากให้เกมมันจบง่ายๆก็ไม่บอก-0-
วิธีนี้ก็จบง่ายดีนะพี่บังนะ
แต่มัน....