ตอนที่ 8 : Forgot
[ " เด็กอย่างเธอเนี่ย ประหลาดดีนะ " ]
" เ...ฟ..! "
[ " ดูเหมือนว่าจะมาจากคนคนนั้น " ]
" ตื.. เ..ซ..!! "
[ " เราต้องรอดูท่าทีไปก่อน " ]
"..น ส...!!! "
[ " เธอจะต้องอยู่ที่นี่ " ]
" ....ไฟร์!! ต...ส!! "
[ " ไม่มีเวลาแล้ว!! เร็วเข้า! " ]
" ห....ใ..เซฟ...ร์ "
[ ......... ]
[ " เธอเป็นของของฉัน " ]
[ " และฉันไม่ชอบให้ของโดนขโมยซะด้วยสิ " ]
[ " ดังนั้นฉันจะหาเธอจนเจอในที่สุด " ]
[ " และอย่าหวังว่าเมื่อเจอกันอีกมันจะจบดี " ]
[ " ดังนั้นก็อย่าลืมใช้เวลาที่เหลือให้คุ้มล่ะ]
[ " D . E . D " ]
-------------------
" เซฟไฟร์!! ตื่นสิ!! ไอ้หนู!! "
" เฮือก!! "
ดวงตาสีเขียวล้าเปิดออกอย่างตื่นตระหนก ก่อนแสงไฟจ้าสีขาวแสบตาทำให้มันต้องหรี่ลงอีกครั้ง โดยที่ยังไม่ได้ตั้งตัวอย่างไร เธอก็รับรู้ว่ารอบๆตัวเกิดความโกลาหลขึ้นทันที
" คนไข้ฟื้นแล้ว! "
" ค่าความดันล่ะ! "
" จ่า! คนไข้ฟื้นแล้วครับ! "
เสียงตะโกนเซ็งแซ่ดังไปทั่ว ก่อนเซฟไฟร์จะย้อนนึกถึงประโยคผิดปกติ
คน.. ไข้ ?
ในระหว่างที่ยังคงสับสนกับทุกสิ่งทุกอย่าง เซฟไฟร์มองไปรอบกายทันทีด้วยความหวาดกลัว แต่ผนังสีขาวและแรงสั่นสะเทือนทำให้เด็กสาวพอจะสบายใจได้ว่าตอนนี้เธออยู่บนรถพยาบาล และไม่นานก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ครอบปากของเธออยู่
" ท่อ.. ช่วยหายใจ.. ? "
เมื่อมือสีซีดพยายามจะยกขึ้นสำรวจตน ก็พบว่ามันถูกมัดติดอยู่กับราวสีเงินลื่น แต่ก่อนจะได้เอ่ยปากพูดอะไร เสียงทุ้มเข้มก็ดังขึ้นข้างๆเธอ
" เซฟไฟร์!! ไม่เป็นไรนะ! หายใจได้รึเปล่า! "
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งถามเธออย่างเป็นกังวล เขาสวมชุดสีเข้มและเสื้อกันกระสุนที่เขียนไว้ว่าตำรวจ
" .....ลุงแซม? "
เด็กสาวเอ่ยอย่างมึนๆ จ้องมองคนข้างหน้าขณะกระพริบตาเพื่อปรับให้ทุกอย่างหายเบลอ
" ใช่! ใช่ฉันเอง! จำฉันได้ใช่ไหม ไม่ได้ปวดหัวอะไรนะ?! "
เซฟไฟร์พยักหน้าเบาๆอย่างงุนงง ทำให้ชายในเครื่องแบบถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกสุดขีด
" ขอบคุณพระเจ้า.. " เขาพูดเบาๆ
「 เจ้าหน้าที่จับกุมภาคสนาม ซามูเอล แลนเดอร์ เพื่อนสนิทของคุณพ่อตอนอยู่ในกรม เป็นคู่หูที่เข้ากันได้ดีอย่างกับฝาแฝด แม้หลังจากที่คุณพ่อลาออกมาแล้วทั้งคู่ก็ยังคงติดต่อกันอยู่ ทำให้เซฟไฟร์รู้จักกับเขามาตั้งแต่เด็ก จนเขาเปรียบเสมือนสมาชิกครอบครัวอีกคนเลยก็ว่าได้ 」
เธอหันมองรอบตัวอีกครั้ง เห็นแพทย์สองคนกำลังง่วนอยู่กับเครื่องบางอย่าง
" เกิด.. เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึง.. หนูโดนมัด? ..แล้วพ่อ..คุณพ่อล่ะ..! แล้วคุณพ่อละคะ!? "
เด็กสาวเริ่มตื่นตระหนก มือซีดพยายามกระชากออกจากเครื่องพันธนาการอย่างสุดชีวิต เมื่อหันซ้ายขวาแล้วพบแค่ตนเพียงคนเดียว
' ขอร้องล่ะ อะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่คุณพ่อ!!... '
เสียงราวเหล็กดังแข่งกับเสียงเครื่องยนต์และไซเรน ชายที่ถูกเรียกว่าลุงพยายามดึงแขนเธอไว้ให้สงบลง และหันไปมองพยาบาลที่กำลังเตรียมยาสลบกันอย่างเร่งรีบประมาณว่า ฉันรับมือได้น่า
เขาหันกลับมาหาเธอ และพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบที่สุด
" ใจเย็นไว้ก่อน เซฟไฟร์, แมทธิวอยู่ที่รถอีกคันกับฮาวส์กี้ เขาไม่เป็นไรมากหรอก ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างจะเรียบร้อย "
เซฟไฟร์มองเขาด้วยสายตาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เธอยังไม่ลืมภาพเลือดจำนวนมหาศาลที่ไหลออกมาจากศรีษะของบิดา
" แต่คนที่น่าเป็นห่วงน่ะ คือเธอนะยัยหนู แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร "
ดวงตาที่เต็มไปด้วยริ้วรอยมองเธออย่างเป็นห่วง
" หนู.. หรอ? "
เด็กสาวถามด้วยความงุนงง เธอจำได้ว่าตนสลบไป แต่นอกจากแผลถลอกและรอยรัดคอก็คิดว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากนัก
" ไม่รู้ตัวสินะ.. " เขาพึมพำเบาๆ และชี้ไปที่เครื่องช่วยหายใจกับสายระโยงระยางมากมาย
" เห็นไอ้พวกนั้นแล้วคงจะพอรู้นะว่ามันหนักน่ะ "
" ตอนแรกที่เราเจอเธอ เธอนอนสลบอยู่ใกล้ๆกับแมทธิว ฉันตกใจมากเลยล่ะพอรู้ว่าเป็นเธอ ตอนนั้นเรารีบปฐมพยาบาลหมอนั่นแล้วพาขึ้นรถฉุกเฉิน แต่พอจะพาเธอขึ้นไปด้วย อยู่ดีๆเธอก็ดันกระตุกขึ้นมา อย่างกับคนเป็นลมชักแหนะ "
เขาเว้นจังหวะแล้วหัวเราะแห้งๆ
" เห็นท่าไม่ดีเราเลยพาเธอขึ้นรถคนละคันกับหมอนั่น แล้วเธอก็อาการแย่ลงเรื่อยๆ ตอนเธอหยุดหายใจน่ะฉันแทบจะเป็นบ้าเลยล่ะ แถมพอใส่เครื่องช่วยหายใจเธอยังจะกระชากมันออกอีก บอกฉันทีเถอะว่าเธอไม่ได้โดนผีสิง "
" ตอนแรกเราแค่คิดว่าจะกดแขนเธอไว้เฉยๆ ไปๆมาๆเธอดันทำท่าเหมือนถูกผีสิงเข้าจริงๆ ดิ้นไม่หยุดเลยล่ะ เลยต้องมัดแขนขาเอาไว้กับเตียง ใช้ยาสลบไปตั้งเกือบสามเข็มเลยนะกว่าเธอจะยอมนอนอยู่นิ่งๆได้ "
ชายร่างสูงลูบผมสีน้ำตาลของตน ถึงแม้อากาศในรถฉุกเฉินจะเย็นจนหนาวสักแค่ไหน เซฟไฟร์ก็สังเกตุเห็นหยาดเหงื่อตามผมและใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน
เด็กสาวใจเย็นลง พยายามนึกถึงเหตุการ์ณน่าสะพรึงในโรงพยาบาลแห่งนั้น แต่นอกจากภาพสีแดงแล้วเธอก็มองเห็นทุกอย่างเป็นรูปร่างที่มองไม่ออก
" ....คนอื่นๆล่ะคะ.. "
เซฟไฟร์นึกถึงจำนวนคนในสถานที่นั้น ถึงมันจะเป็นเพียงโรงพยาบาลเล็กๆที่ไม่เป็นที่รู้จักนัก แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่ามีคนเข้ารับการรักษาที่นั่นเป็นจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดสีดำถอนหายใจ
" เรากำลังออกค้นให้ทั่วโรงพยาบาลอยู่... มันมีแต่เรื่องประหลาดๆน่ะ.. ทั้งคนไข้เสียสติเอย.. ทั้งคราบเขม่าปริศนาเอย.. ทุกอย่างตอนนี้น่ะมันบ้าไปหมดแล้ว.. "
ชายวัยกลางคนเอนหลังลงพิงผนังสีขาวที่สั่นไปมาอย่างเหนื่อยกาย เด็กสาวรู้ได้เลยว่ามันคงไม่ง่ายแน่ๆกับการรับมือเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันแบบนี้
" ว่าแต่เธอน่ะ โอเคจริงๆใช่ไหม "
แซมถามเธออีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เด็กสาวบอกเขาว่าเธอไม่เป็นไรแล้วยิ้มให้เพื่อขอบคุณ
เขายิ้มตอบ ก่อนจะพูดต่อ
" ดีแล้ว งั้นก็นอนพักสักหน่อยแล้วกัน อีกแปปนึงก็จะถึงโรงพยาบาลแล้ว "
เซฟไฟร์พยักหน้าแล้วค่อยๆเอนตัวลง
" อ้อ แล้วก็ถ้าพยายามนึกเรื่องที่เกิดขึ้นออกได้ล่ะก็จะเยี่ยมไปเลย รับรองว่าเธอต้องโดนเรียกไปคุยในฐานะพยานแน่ๆ ถ้าหายดีแล้วน่ะนะ "
เขาพูดแล้วขำให้กับมุขของตน เซฟไฟร์ยิ้มบางๆแล้วหลับตาลง
เธอรู้สึกว่าแพทย์คนหนึ่งกำลังหันมาคุยกับชายผมน้ำตาล แต่ถึงแม้สองหูจะได้ยินเสียงชัดเจน เธอกลับรู้สึกว่าสติตอนนี้นั้นเลือนรางเกินกว่าจะรับรู้เนื้อหาของบทสนทนาได้
ไม่นานเธอก็จมลงสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง..
-------------------
เซฟไฟร์ลืมตาขึ้นช้าๆ ครั้งนี้ไม่มีแสงมาคอยแยงตาและไม่มีความสั่นมาทำให้นอนไม่สงบแล้ว เธอค่อยๆยืดตัวขึ้นบิด มือเรียวซีดไม่ได้ถูกมัดติดไว้กับราวแล้ว แถมพื้นที่ยังกว้างขวางต่างกับบนรถฉุกเฉินเมื่อครู่ลิบลับ แต่สิ่งที่ยังคงอยู่คือเครื่องแปลกๆและสายน้ำเกลือมากมาย
อากาศในห้องพักคนไข้กำลังดี เธอรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่หลับได้เยอะที่สุดในรอบหลายเดือนแห่งโปรเจคไม่รู้จบ เพิ่งรู้ว่าการเป็นคนไข้มันดีขนาดนี้..
เด็กสาวสะบัดหน้า ดียังไงกัน เธอเพิ่งจะผ่านประสบการ์ณเฉียดตายมาสดๆร้อนๆ แถมบิดายังบาดเจ็บหนักอีก ไม่ใช่เรื่องที่ควรมาดีใจเลยสักนิดเดียว
เธอล้มตัวลงอีกครั้ง ถึงจะนอนมาจนเมื่อยขา แต่ร่างกายกลับประท้วงบอกว่ามันยังไม่พอ พลันเด็กสาวนึกได้ถึงเรื่องที่คุณลุงแซมบอกเมื่อไม่นาน
" อ้อ แล้วก็ถ้าพยายามนึกเรื่องที่เกิดขึ้นออกได้ล่ะก็จะเยี่ยมไปเลย รับรองว่าเธอต้องโดนเรียกไปคุยในฐานะพยานแน่ๆ ถ้าหายดีแล้วน่ะนะ "
" เรื่องที่เกิดขึ้น.. งั้นหรอ.. "
เซฟไฟร์นึกไล่ย้อนเหตุการ์ณต่างๆ ตั้งแต่มาโรงพยาบาล เจอหมอแปลกๆ ช่วงเวลารอคิวอันน่าเบื่อ ไฟดับ สัตว์ประหลาด ภาพสีแดง คุณพ่อโดนโจมตี มีคนมาช่วย....
เดี๋ยวนะ
มีคนมาช่วย..
...ใช่แล้ว สามคนแปลกๆนั่นที่บอกว่าจะให้เธอไปด้วย คนที่ตะโกนเรียกเธอตอนที่ตำรวจมา นายหน้ากากน่าโมโหที่ให้ผ้าพันแผล และโทบี้..
เธอเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าโทบี้เป็นคนเดียวที่เธอรู้จักชื่อและข้อมูลเยอะที่สุด จากคำถามหลายๆคำรวมกันแล้ว เขาเป็นโรคทิคส์.. เขาอายุมากกว่ายี่สิบ.. สวมแว่นตาสีเหลือง.. ขวานสีแดง..
เซฟไฟร์หยุดนิ่งเมื่อนึกถึงเรื่องผิดปกติที่เกิดขึ้น ทำไมเธอถึงไม่เอะใจเรื่องประหลาดพวกนี้เลยนะ..
ดูๆแล้วพวกเขาไม่ใช่ทั้งแพทย์และพยาบาลแน่ๆ แถมยังต่อกรกับพวกปีศาจประหลาดๆนั่นได้อีก และไม่แสดงท่าทีตื่นกลัวหรือตกใจเจ้าพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังบอกให้เธอไปด้วยโดยที่ไม่มีรายละเอียดใดๆทั้งสิ้น
ทั้งยังอาวุธพวกนั้นอีก..
เซฟไฟร์กลืนน้ำลาย แต่ที่น่าโมโหกว่าคือเธอเกือบจะไปกับพวกเขาแล้วหากไม่ได้สลบไป คิดดูดีๆแล้วคนดีที่ไหนบ้างล่ะจะหลบตำรวจ เธอเกือบไปแล้วจริงๆ..
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความรู้สึกพวกนั้นเป็นของปลอม.. เธอจำความอุ่นใจและคุ้นเคยเหล่านั้นได้แม่นอย่างเหลือเชื่อ ตอนนี้สมองที่ตีกันเองของเธอเหมือนกำลังจะระเบิด..
[ ก๊อก ก๊อก ]
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดความคิดของเธอ แล้วประตูเลื่อนบานใหญ่ก็เปิดออก เผยให้เห็นนายตำรวจที่คุ้นเคยและแพทย์พยาบาลอีกสองคน
" อ้าว ตื่นแล้วหรอเซฟไฟร์ เป็นยังไงบ้าง "
เด็กสาวมองไปยังผู้มาเยือนสักพักและจึงตอบกลับไป
" ..ลุงแซม ก็ดีค่ะ ไม่ปวดหัวแล้ว คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ "
ชายร่างสูงได้ยินคำถามแล้วก็หัวเราะออกมา ก่อนจะลากเก้าอี้ไม้สีอ่อนมานั่งข้างๆเตียงของเธอ ขณะที่แพทย์พยาบาลกำลังจัดแจงเช็คเจ้าพวกอุปกรณ์ต่างๆ
" ยังติดพ่อไม่เปลี่ยนเลยนะยัยหนู แมทธิวสบายดี ต้องเย็บแผลนิดหน่อยแต่ก็ไม่สาหัส ให้นอนพักสักสองวันก็คงจะออกจากโรงพยาบาลได้ อ้อ แล้วก็ ฉันโทรไปบอกลิเลียแล้วนะ เธอบอกว่าจะมาในอีกสักสองชั่วโมง เธอเพิ่งออกไปข้างนอกเมืองน่ะ "
คุณแม่...
เซฟไฟร์ไม่อยากคิดเลยว่าแม่จะตกใจขนาดไหน ทั้งพี่คิวมัสที่เพิ่งกลับมาบ้านด้วยแล้ว ถ้าเธอไม่ต้องไปที่โรงพยาบาลล่ะก็..
ถ้าเธอไม่ได้สบตากับเจ้าปีศาจนั่นล่ะก็..
เด็กสาวก้มหน้าลง ก่อนจะเงยขึ้นมองเจ้าหน้าที่ผมน้ำตาลเมื่อนึกได้ว่ามีคำถามสำคัญ
" จะว่าไป ทางตำรวจเจอผู้ชายสามคนที่.. เอ่อ.. ใส่หน้ากากแปลกๆบ้างไหมคะ.. "
เมื่อพูดไปแล้วจึงนึกขึ้นได้ทีหลังว่าถามอย่างนี้จะไม่ประหลาดไปหน่อยหรือ นั่นมันเหมือนกับบอกลักษณะผู้ก่อการร้ายเลยนี่นา
" หน้ากากหรอ? อืม.. คิดว่าไม่นะ มีอะไรหรือเปล่า "
แต่ว่า.. พวกเขาอาจจะเป็นคนร้ายก็ได้นี่..
" เอ่อ... "
เพียงแต่บางสิ่งในตัวของเธอกำลังบอกว่าให้ปกป้องและปิดข้อมูลของพวกเขา ทำไมล่ะ ไม่มีอะไรยืนยันได้สักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น และพวกเขาเป็นคนดีจริงๆหรือ
" ...หนูคงตาฝาดไปเองน่ะค่ะ ตอนนั้นหนูรู้สึกไม่ค่อยดี ไม่ต้องใส่ใจหรอกค่ะลุงแซม "
เด็กสาวบอกปัด เป็นข้ออ้างที่โง่ที่สุดที่เธอเคยใช้ แต่ช่วยไม่ได้ ตอนนี้สมองของเธอยังไม่พร้อมใช้งานนี่นา
" ...... "
นายตำรวจเงียบไป เหมือนไตร่ตรองว่าเธอต้องการจะสื่ออะไร แต่แล้วก็ถามขึ้นมาเอง
" นี่.. ถ้ามีอะไรจริงๆเธอบอกเราได้นะ ตอนนี้ทางตำรวจยังสรุปเหตุการ์ณที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้ามีคำให้การของคนที่เห็นทุกอย่างละก็ต้องเป็นประโยช์นแน่ๆ "
เซฟไฟร์ดูออกว่าเขาพยายามจะเกลี้ยกล่อม แต่เขาก็ไม่อยากจะบังคับเธอจนเกินไป
ทำไมถึงไม่พูดความจริงล่ะ
" ....หนูคิดว่าน่าจะตาฝาดจริงๆแหละค่ะ คงไม่มีใครใส่หน้ากากมาโรงพยาบาลหรอกเนอะคะ "
เธอพูดเสียงนิ่งๆแล้วยิ้มอย่างเหนื่อยๆ เพื่อเป็นการไม่ให้คุณซามูเอลเซ้าซี้ไปมากกว่านี้ ยังไงก็ต้องไปให้การกับตำรวจอยู่ดี ถ้าสติกลับมาดีกว่านี้ตัวเธอในตอนนั้นคงจะบอกเองนั่นล่ะ
" ...นั่นสินะ เอาเถอะ เดี๋ยวพวกพี่ๆหมอเค้าจะมาเช็คอาการเธอนิดหน่อย เสร็จแล้วก็นอนพักซะนะยัยหนู ฉันกลับก่อนล่ะ เดี๋ยวแม่เธอก็มาแล้ว "
เขาพูดและลุกขึ้นลากเก้าอี้ไปที่เดิม
" .. ขอบคุณนะคะลุงแซม ไว้แม่มาแล้วหนูจะโทรไปหา "
เธอกล่าวขอบคุณ เขาหันมายิ้มให้เธอและเดินออกจากห้องไป
------------------------
อุณหภูมิ 24 องศาฯ ทำให้ห้องดูเคว้งคว้างขึ้นนิดหน่อยเมื่ออยู่คนเดียว เซฟไฟร์เปิดช่องทีวีวนไปมาจนเบื่อ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของข่าวโรงพยาบาลวันนี้เลยสักนิด และข่าวการประท้วงของต่างประเทศก็ทำให้เธอเบื่อ จนสุดท้ายก็ลงเอยที่การหยิบโทรศัพเครื่องเงินขึ้นมาเล่น แต่ก็ต้องสดุ้งกับข้อความที่ไม่ได้อ่านเกือบร้อยข้อความจากไม เธอนอนพักเสียจนลืมไปเลยว่าวันนี้โดดเรียนมา
เด็กสาวกดเข้าแชทและไล่อ่านข้อความกับมิสคอลแสดงความเป็นห่วงจนตาลาย ก่อนจะพิมพ์ตอบไปว่าเธอโอเค
Z : ขอโทษที่ไม่ได้บอกว่าวันนี้จะลานะ ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลมา
พิมพ์เสร็จจึงเลื่อนออกจากแอพ แต่ก็ต้องสดุ้งอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาในทันที
M : ยัยบ้า!! ไปตรวจร่างกายแล้วเค้าบังคับปิดเน็ตรึไง T^T คราวหลังอย่าหายไปเฉยๆอีกนะ ไม่งั้นจะโกรธจริงๆด้วย! >*<
เมื่อเห็นข้อความจากเพื่อนสาวแล้วจึงยิ้มออก ขอโทษที่ลืมเธอไปนะเนี่ย
Z : ไม่เอาน่าา ฉันขอโทษนะเด็กน้อย เดี๋ยวสัปดาห์หน้าจะพาไปเลี้ยงไอติมปลอบแล้วกัน
M : จริงอ่ะ?! โอเค! หายโกรธล่ะ >v•~♡
Z : *ส่งสติ๊กเกอร์หัวเราะ*
M : อ้อใช่! ฉันส่งงานในห้องกับการบ้านไปให้แล้วนะ อย่าลืมทบทวนล่ะ!
M : *ส่งสติ๊กเกอร์ให้กำลังใจ
Z : จ้า ขอบคุณมากนะเพื่อนเลิฟ
M : 55 อย่าลืมเรื่องไอติมก็แล้วกัน! เจอกันจ้า
Z : จ้า ไว้เจอกัน
เซฟไฟร์กดปิดโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้ม ใครจะรู้ว่ามีเพื่อนสนิทเป็นไมชีวิตจะมีสีสันขนาดนี้
[ ก๊อก ก๊อก ]
เสียงเคาะที่ประตูเลื่อนดังขึ้นอีกครั้ง เด็กสาวหันไปที่ต้นตอของเสียงพลางนึกว่าคุณแม่มาเร็วกว่าที่บอกไว้ตั้งหลายชั่วโมง ก่อนจะจัดท่าลุกขึ้นมานั่ง
[ ครืด- ]
" คุณแม่ มาเร็วจังนะค-- "
เสียงของเซฟไฟร์ขาดหายไปทันที เมื่อประตูเลื่อนเปิดออกแต่ร่างที่เห็นนั้นไม่ใช่คุณแม่ของตน กลับเป็นชายหนุ่มสองคนที่เธอสาบานว่าไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต
" ...... "
เด็กสาวนั่งเงียบ ก่อนที่สองคนนั้นจะปิดประตูลง เธอจึงรีบถามพวกเขาออกไป
" ..พวกคุณเป็นใคร "
มือเรียวซีดคลำหาปุ่มเรียกพยาบาลอย่างตื่นตระหนก ก่อนที่ชายทั้งสองจะเดินเข้ามาด้วยท่าทีสบายๆ
" ....พวกคุณเป็นใคร "
เด็กสาวถามเป็นครั้งที่สอง และตัดสินใจกดปุ่มเรียกพยาบาลในทันที
" อะไรกัน ผ่านไปไม่ถึงวันก็ลืมกันแล้วรึไง "
ชายคนแรกพูดขึ้นหน่ายๆ เซฟไฟร์หยุดกึกไปทันที เสียงนี้มัน...คุ้นๆ...
" .....นายหน้ากาก? "
[ มีอะไรให้ช่วยหรือคะ ]
เสียงหวานของพยาบาลดังขึ้นมาตามสาย เด็กสาวมองไปยังโทรศัพท์สลับกับชายหนุ่มทั้งสองที่ไม่มีท่าทีเดือดร้อนอะไรเลย
" ...... "
[ คนไข้คะ? ]
" ...อ่า.. มือคงไปโดนน่ะค่ะ ขอโทษนะคะ "
เธอพูดตอบพยาบาลไปก่อนจะกดตัดสาย แล้วหันไปมองผู้บุกรุกทั้งสองอย่างงงๆ เธอทำแบบนั้นทำไมนะ
" ขอบใจแล้วกันที่ไม่เรียกพยาบาลมา ไม่งั้นคงต้องได้กระโดดลงจากชั้นเก้าจริงๆแล้วล่ะ "
ชายทั้งสองที่ไม่รู้จักชื่อนั่งลงข้างๆเตียงของเธออย่างชิวๆ ต่างกันเด็กสาวที่ตอนนี้ไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง
" ..เอ่อ.. พวกคุณมาทำอะไร "
เซฟไฟร์ถามอย่างสับสน ไม่กลัวโดนจับกันรึไงนะ
ชายอีกคนที่สวมฮู้ดสีเหลืองมองมายังเธอแล้วตอบเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่
" มาลักพาตัวเธอนี่ไง ยัยหนู "
==================
ไรท์ talk :
อย่างแรกเลยนะคะ ขอโทษจริงๆที่ช่วงนี้ไม่ได้อัพเลย และอาจจะเป็นแบบนี้ไปจนถึงช่วงเดือนเมษา-พฤษภา เลยค่ะ ขอโทษจริงๆ ><; แต่สัญญาว่าจะไม่ขี้เกียจกับเรื่องนี้แน่ๆค่ะ ช่วงนี้ใกล้ปิดเทอมใหญ่แล้ว โปรเจคก็เลยใหญ่ตาม เลยจะขาดอัพนะคะ *ร้องไห้* ขอโทษจริงๆ ;-;
-TBC.
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
