คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ✩ 7 ✩ ไว้เจอกัน
“ ว้าวววว~ ” ฉันมองดอกป๊อปปี้ฝีมือตัวเองด้วยสายตาที่เป็นประกายวิบวับ ตอนนี้มันออกดอกผลิบานลาฤดูใบไม้ผลิแล้ว คุ้มค่ากับที่ฉันประคบประหงมมันอย่างกับลูกในไส้ และสีที่ฉันได้ก็คือสีม่วง..
เอ่อ..ไม่รู้ว่าสีม่วงมันมีความหมายว่ายังไงนะ แต่ว่าฉันปลูกมันจนออกดอกขนาดนี้ก็ภูมิใจจะแย่แล้ว เหมือนส่งเสียลูกตัวเองจนเข้ามหาวิทยาลัยระดับประเทศได้อะไรแบบนี้น่ะ><
“ ขอบใจที่บานเพื่อฉันนะ ” ฉันจุ๊บเข้าไปที่กลีบดอกเบาๆเหมือนเจ้าหญิงในการ์ตูน ก่อนจะโบกมือลาเจ้าดอกไม้น่ารัก เพราะว่าฤดูร้อนกำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่อึดใจ
“ ทำอะไรของเธอน่ะ ” รุ่นพี่โทอิกะที่มองฉันอยู่นานในห้องชมรม เมื่อเห็นว่าฉันทำท่าประหลาดใส่ดอกไม้ เธอก็ทำหน้าขยาดเหมือนเห็นแมลงสาบ
“ จุ๊บดอกไม้ไงคะ ” ฉันยิ้มหวานแล้วตอบเธอไปเสียงสดใส รุ่นพี่โทอิกะทำหน้าเหมือนกับว่าฉันไปจูบกับอึแมว
“ ดีแต่สวยจริงๆสินะ สติของเธอก็ท่าจะไม่ดี ”
“ ^_^ ” คำพูดที่คอยก่นด่าฉันเสมอ ก็ไม่ทำให้อารมณ์สุนทรีย์ของฉันพังลง ฉันยิ้มให้คนที่ด่าฉันอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องชมรม ตอนนี้เป็นช่วงพักเที่ยงล่ะ เดี๋ยวจะไปรดน้ำให้ดอกพิงค์มอสที่ปลูกไว้ที่บันไดบนตึกเรียนต่อ
จังหวะที่ฉันเปิดประตูห้องชมรมเพื่อที่จะออก รุ่นพี่ยูสึกาโนะก็เดินสวนเข้ามาพอดี
“ สวัสดีค่ะรุ่นพี่ ”
“ อ๊ะ! หวัดดี มาทำอะไรเนี่ย ” รุ่นพี่โค้งรับฉันนิดๆ ก่อนจะถามต่อ
“ มาดูดอกป๊อปปี้น่ะ ” ฉันตอบอย่างร่าเริง ก่อนที่จะคุยโวเรื่องผลงานของตัวเองต่อ “ มันบานแล้วนะคะ ”
“ จริงเหรอ ” รุ่นพี่ยูสึกาโนะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจ ก่อนที่จะชะโงกหน้าไปทางทิศที่กระถางของฉันวางอยู่
“ ได้ดอกสีม่วงล่ะ ”
“ แสดงว่าดูแลมันอย่างดีนะเนี่ย ”
“ แน่นอนสิ ” ฉันทำท่าภูมิใจเมื่อได้รับคำชมกลับมา ก่อนที่จะถามถึงความหมาย “ ดอกสีม่วงมีความหมายว่าอะไรเหรอคะ ”
“ ฉันจะฝันถึงเธอทุกคืน.. ”
“ โห.. ” ฉันแอบใจหวิวเล็กน้อยตอนที่รุ่นพี่บอกความหมาย ไม่รู้ว่าเพราะความหมายของมันช่างโรแมนติก หรือว่าเพราะอะไรกันแน่
“ นี่..สติหลุดไปแล้วจริงๆสินะ ” โทอิกะทักท้วงเมื่อฉันทำหน้าล่องลอยไป ตั้งแต่รุ่นพี่พูดจบ
“ ไปก่อนนะคะ ” ฉันทำเมินคนที่ชอบว่าฉัน แล้วโค้งลารุ่นพี่อย่างร่าเริงสุดฤทธิ์ เขาก็หัวเราะเบาๆเมื่อเห็นท่าทางที่แสนจะอเลิร์ตของฉัน
ฉันจะฝันถึงเธอทุกคืน..
ดอกป๊อปปี้สีม่วง มีความหมายว่าอย่างนั้นสินะ..
“ คาราโอเกะต้อนรับปิดเทอมหน้าร้อน~ ” ระหว่างที่ฉันกับเพื่อนๆเดินออกจากโรงเรียนในวันสุดท้ายก่อนจะปิดเทอมหน้าร้อน ยูกินะก็พร่ำถึงคาราโอเกะที่กำลังจะไปกับพวกเพื่อนๆแบบครบกลุ่ม และพวกมาฟุยุ
“ ไม่ทันไรก็ปิดเทอมแล้ว เฮ้ออ~ ปีสองนี่ผ่านไปไวชะมัดเลย อีกเดี๋ยวเดียวก็ปีสามแล้ว ” คาโอริบ่นอุบอยู่คนเดียว ก่อนจะถอนหายใจยาวๆ
“ ปิดเทอมจะไปไหนกันหรือเปล่าอะ ” แฮมินถามในขณะที่มือก็จิ้มโทรศัพท์อยู่
“ คงจะนอนอืดอยู่บ้านนั่นแหละ ” ฉันตอบ
“ คิดถึงบ้าน.. ” พอฉันพูดคำว่าบ้าน ฮัจจี้ที่ถูกลากมาด้วยก็ทำหน้าตายตามแบบปกติของเธอ แต่ก็บ่นว่าคิดถึงบ้านขึ้นมาอีกเป็นรอบที่สาม
“ เสียใจด้วย เพราะวันนี้เธอต้องไปฟังฉันร้องเพลง ” ยูกินะที่ตัวเล็กมาก กระโดดกอดคอฮัจจี้ที่สูงกว่าเธอประมาณ 17 เซนติเมตร
“ ช่ายยย แล้วเธอก็ต้องร้องด้วย ” คาโอริพูด
“ ฝันไปเถอะ ”
“ ยังไงก็ต้องร้องน่า~ ” ฉันร่วมวงอีกคนนึง ยัยฮัจจี้กลอกตาเซ็งๆ ทำให้เพื่อนๆหัวเราะคิกคักกันยกใหญ่ ตอนนี้เราเดินมาถึงหน้าประตูโรงเรียนแล้ว สายตาฉันกวาดไปพบกับใครบางคนที่ตัวสูงจนสะดุดตา
รุ่นพี่ยูสึกาโนะยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนกับเพื่อนเขาอีกสองสามคน เขาพยักหน้าหงึกๆฟังเพื่อนที่กำลังเล่าอะไรบางอย่างแบบออกรสชาติ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างสดใส..
เพราะว่าทางที่ฉันจะไป ต้องเดินผ่านจุดที่เขายืนอยู่ ทำให้รุ่นพี่ก็มองเห็นฉันเช่นกัน เขาโบกมือทักทายอย่างเป็นกันเอง
“ จะไปไหนอะ ”
“ คาราโอเกะค่ะ รุ่นพี่ล่ะ ” ฉันหยุดเดินเพื่อคุยกับเขา ที่เดินออกมาจากกลุ่มเพื่อนเพื่อมาคุยกับฉัน ฉันหันไปมองเพื่อนของตัวเองก็พบว่า พวกนั้นหยุดรอฉันอยู่ห่างไปประมาณห้าเมตร พร้อมกับซุบซิบกันอย่างสนุกสนาน
“ จะไปกินชาบูกับเพื่อนในห้องน่ะ กำลังรอคนครบอยู่ ”
“ ดีจังเลยนะคะ ได้ไปกันครบทั้งห้องเนี่ย ”
“ ฮ่าๆ จริงด้วย ”
“ ... ”
จู่ๆบทสนทนาก็ถูกตัดลงดื้อๆ แต่กลับเป็นความเงียบที่ไม่ทำให้อึดอัดสักนิด ทว่าใจของฉันกลับรู้สึกเบาและสบายใจ เมื่อแสงสีส้มยามเย็นวันศุกร์นั้นสาดเข้าที่ใบหน้าเป็นโครงได้รูปของรุ่นพี่ ก็เห็นได้ว่าผิวหน้าของเขานั้นเนียนละเอียด ถึงเขาจะไม่ได้ขาวจัดแต่ก็ดูสุขภาพดี จนเมื่อแสงสีส้มตกกระทบแบบนี้ มันดูน่ามองมากจนไม่น่าเชื่อ
นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเมื่อถูกส่องไปด้วยแสงแดดที่อ่อนแรง กลายสีน้ำตาลที่อ่อนลงและเป็นประกายสวยยิ่งกว่าเดิม จนฉันเห็นภาพสะท้อนบางๆของตัวฉันเองในตาของรุ่นพี่
รุ่นพี่ยิ้มเล็กๆเมื่อเราสบตากัน..
“ เอ่อ.. ” ฉันนึกขึ้นได้ว่าเผลอปล่อยเดดแอร์นานเกิน และใช้เวลาตรงนั้นไปกับการพินิจองค์ประกอบของหน้ารุ่นพี่จนเกินไป
“ ไว้เจอกันนะ ”
“ คะ..? ”
“ ที่เคยบอกว่าจะพาไปสวนดอกไม้.. ”
“ อ๋อ.. ”
“ ไว้เจอกันวันนั้นนะ ”
“ ค่ะ ” ฉันหลบสายตาที่มองมาอย่างไม่ละวาง “ ไว้เจอกันค่ะ! ”
“ อื้ม ” พี่ยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อฉันเผลอทำเสียงดัง “ บ๊ายบาย ”
ฉันได้แต่ยิ้มคืน ไม่กล้าบ๊ายบายเขากลับ แต่ก็ยอมโค้งลงไปสักที ก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยความรู้สึกที่น่าประหลาดใจ
ถึงจะไปกันแทบทั้งชมรม แต่ฉันกลับรู้สึกดีอย่างแปลกๆ รู้สึกอยากให้วันนั้นมาถึงเร็วๆ อยากจะไปสวนดอกไม้..
ทำไมฉันถึงอยากจะไปสวนดอกไม้จัง..
“ ทำหน้าแบบนั้น.. ” ฮัจจี้ที่มองฉันอย่างไม่วางตา หลังจากที่ฉันเดินกลับมาหาเพื่อนๆ
“ อย่าทักซี่~ ” ยูกินะพูด จู่ๆฉันก็ไม่สามารถหันไปแว๊ดเพื่อนได้แบบครั้งอื่นๆ แปลกจังที่สมองของฉันมันเบาเหมือนปุยเมฆ เหมือนกับโดนไฟช็อต..
“ โอ๊ะ.. ” เสียงอุทานเบาๆของแฮมิน เมื่อได้เห็นว่าฉันไร้ท่าทีที่ต่อต้าน กลับกันฉันกลับเดินต่อไปแบบไม่พูดอะไร ราวกับว่าตกอยู่ในวังวนจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันหน้าแดงหรือไม่ “ เธอชอบรุ่นพี่เข้าแล้วเหรอ.. ”
เปล่า..
ฉันไม่ได้ชอบเขาหรอก..
ฉันย้ำคิดแบบนั้นเสมอ..
“ โอโตเมะลูก~ ” คุณแม่วิ่งพรวดออกมาจากบ้าน มาหาฉันที่ยืนอยู่หน้าบ้าน
วันนี้เป็นวันที่จะไปสวนดอกไม้กันล่ะ สรุปว่าเราจะไปที่สวนดอกไม้ฮานะคาอิโระ ที่จังหวัดต็อตโตริ เมืองโยนาโกะล่ะ ส่วนเหตุผลที่ฉันมายืนหน้าบ้านน่ะ..
เมื่อคืนรุ่นพี่บอกว่าตอนสายๆจะมารับไปที่สถานีรถไฟพร้อมกันล่ะ..
“ พกยาไปด้วยสิลูก เผื่อเป็นอะไรขึ้นมาจะแย่เอานะ ” คุณแม่ชูถุงยาหลากหลายชนิดในมือขึ้นมา ก่อนที่จะยัดใส่กระเป๋าเป้ฉันทันที
“ ขอบคุณค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ หนูไปกับชมรม ” ฉันกล่าวขอบคุณแม่ ก่อนที่จะพูดให้แม่สบายใจ เพราะฉันจะไม่อยู่บ้านตั้งสามวันสองคืนแน่ะ
“ กับหนุ่มคนที่มาบ้านเราตอนนั้นหรือเปล่า ” พอพูดถึงชมรม ฉันไม่เคยเล่าอะไรให้แม่ฟังเลย ยกเว้นตอนที่แม่เจอกับรุ่นพี่ยูสึกาโนะที่บ้านฉันนั่นแหละ ถึงได้รู้ว่าฉันอยู่ชมรมเพาะปลูก
“ อ่า..รุ่นพี่คนนั้นก็ไปด้วยค่ะ เขาเป็นประธานชมรมนี่นา ”
“ ลูกปิ๊งเขาหรือเปล่า ”
“ ไม่ใช่นะแม่! ” ฉันเผลอพูดเสียงดังทันทีที่แม่ถามคำถามเหมือนกับเพื่อนฉัน ตกใจหมดเลย ทำไมทุกคนต้องคิดว่าฉันปิ๊งรุ่นพี่เขากันนะ/// “ แค่สนิทกับเขามากที่สุดในชมรมต่างหากล่ะค่ะ ”
“ อ๋อ..อย่างนี้นี่เอง ” แม่พยักหน้าช้าๆแล้วยิ้มเอ็นดูให้กับฉันซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของเขา “ นั่นไง มาโน่นแล้ว ”
ร่างสูงที่เพิ่งจะมาถึง โค้งให้แม่ฉันอย่างสุภาพ รุ่นพี่ยูสึกาโนะมาในชุดไปรเวทที่ดูสบายๆ แบกกระเป๋าเป้ใบกลางๆมาด้วย
“ สวัสดีค่ะรุ่นพี่ ” ฉันโค้งทักทายเขาบ้าง
“ ไปกันเถอะ ”
“ อื้อ ”
“ ไปก่อนนะครับคุณแม่ ”
“ ฝากโอโตเมะจังด้วยนะจ๊ะ ”
“ ครับ ” รุ่นพี่ยิ้ม สายตาดูมุ่งมั่นและจริงจัง ราวกับว่าจะประคบประหงมฉันให้ดีที่สุดอย่างนั้นเลย..
คิดอะไรฟุ้งเฟ้ออีกแล้ว..
ฉันและเขาเดินทางมาถึงสถานีรถไฟ จัดการซื้อตั๋วไปต็อตโตริเรียบร้อยแล้ว จึงมารวมตัวกับสมาชิกชมรมประมาณ 4-5คนที่มาถึงก่อนแล้ว แต่ไม่ยักเห็นรุ่นพี่โทอิกะ
“ รุ่นพี่ยูสึกาโนะ สวัสดีค่ะ/ครับ ” สมาชิกชมรมทักทายรุ่นพี่
“ หวัดดี มากันแค่นี้เหรอ ”
“ เหลือมินะจังปีหนึ่ง กับคานาเบะปีสองครับ ”
“ รวมๆแล้วก็ประมาณแปดคนสินะ ” หลังจากเขาสรุปจำนวนเพื่อนร่วมทริปเสร็จ ก็ทำหน้าครุ่นคิดอะไรสักอย่าง
“ รุ่นพี่.. ” ฉันแอบสะกิดแขนรุ่นพี่เบาๆ
“ ว่าไง”
“ รุ่นพี่โทอิกะไม่มาเหรอคะ ”
“ อื้อ เห็นบอกว่าไปจีนกับครอบครัว ” ฉันแอบยิ้มในใจ อย่างน้อยทริปนี้ก็คงเป็นทริปที่ทั้งสบายหู และสบายใจล่ะนะ “ ดีใจเหรอ ”
แหงสิ..ใครเป็นแบบฉันก็ดีใจทั้งนั้นแหละ
“ เปล่าค่ะ ” ฉันตอบสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความคิดในหัวไป
สักเกือบๆชั่วโมงรถไฟสายที่เราจะขึ้นก็จอดเทียบชานชาลา หลังจากนี้ก็แค่หลับรอจนกว่าจะถึงปลางทางล่ะนะ คิดว่าคงจะถึงประมาณค่ำๆนั่นแหละ
ฉันมานั่งตรงที่ติดริมหน้าต่าง ฉันชอบชมวิวเวลานั่งรถไฟน่ะ แถมตรงนี้ลมก็เย็นดีด้วย
รุ่นพี่กับสมาชิกชมรมผู้ชายที่ดูเรียบร้อยอีกสองคนก็มานั่งกับฉัน จนกระทั่งรถไฟออกจากชานชาลา พวกเราก็เริ่มหาหัวข้อสนทนา เพื่อไม่ให้การเดินทางนี้น่าเบื่อเกินไป
“ ไม่คิดว่ายานากิสะซังจะมาด้วยนะ ” หนึ่งในผู้ชายเรียบร้อยเอ่ยทักฉันก่อน
“ ฮ่าๆ ทำไมล่ะ ”
“ เห็นว่าเป็นดาวโรงเรียนนี่ นึกว่าจะไม่ชอบอะไรแบบนี้ซะอีก ” ฉันยิ้มเจื่อนให้กับความคิดที่เป็นค่านิยมของเด็กนักเรียน ที่ว่าดาวโรงเรียนจะต้องคุณหนูสุดโต่ง บุกเบิกไม่ได้น่ะ ฉันน่ะถึกซะยิ่งประไร- -;
“ รุ่นพี่ยูสึกาโนะครับ คิดไว้หรือยังว่าจะพักที่ไหนอะ ”
“ ก็คงจะเช่าห้องแถวนั้นล่ะมั้ง เรื่องเงินเดี๋ยวฉันออกเอง ” ใจป๋าจริงๆเลยรุ่นพี่คนนี้นี่..
“ ถ้าไม่รังเกียจ ไปพักที่บ้านย่าผมไหมครับ อยู่ห่างจากสวนฮานะคาอิโระหน่อย แต่ว่ารุ่นพี่จะได้ไม่ต้องเสียเงินเช่าห้องไงครับ ” เมื่อมีตัวเลือกมาให้ คนฟังก็หยุดคิดสักพักนึง
“ ..จะดีเหรอ ”
“ ดีสิครับรุ่นพี่! ”
“ เกรงใจย่านายหรือเปล่า ”
“ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เกรงใจรุ่นพี่เหมือนกันครับTT ”
“ อ่า..งั้นก็ได้ ” รุ่นพี่ยูสึกาโนะยิ้มรับน้ำใจของสมาชิกชายคนนั้น ก็ดีเหมือนกันนะ จะได้เอาเงินไปทำอย่างอื่นแทน เช่น ช็อปปิ้งของฝากจากต็อตโตริไปให้แม่กับอุซางิซัง>_<
06.40 PM
ตอนนี้เดินทางมาถึงบ้านย่าของอิบูกิซัง(รู้จักชื่อแล้ว) บ้านก็ไม่ใช่เล็กๆเลยนะเนี่ย แต่น่าจะปลูกไว้นานกว่ายี่สิบปีแล้วแน่ๆ
“ เพื่อนๆของอิบูกิคุง เข้ามาก่อนจ๊ะ ” คุณย่าของอิบูกิซังออกมาต้อนรับอย่างเป็นกันเอง พวกเราก็ค่อยๆขนสัมภาระเข้าไปในบ้าน
“ ย่าฮะ ผมขอใช้สองห้องนะ แยกผู้หญิงกับผู้ชายน่ะ ”
“ เอ๋..ตอนนี้มีแค่ห้องใหญ่บนชั้นสามห้องเดียวนะ สะใภ้กลางเขาใช้ห้องเล็กอยู่น่ะ ”
“ อะไรนะ! โถ่เอ้ย ทำยังไงดีล่ะเนี่ย ” ฉันฟังคร่าวๆก็จับใจความได้ว่า ตอนนี้มีห้องที่เรานอนได้แค่ห้องเดียวเท่านั้น
“ ขอโทษนะเด็กๆ ย่าลืมคิดไปเลยว่าเพื่อนของอิบูกิคุงจะมีผู้หญิงด้วย ” ย่าของอิบูกิซังทำหน้าตารู้สึกผิด ก่อนที่รุ่นพี่ยูสึกาโนะผู้เป็นพี่โตสุดจะพูดปลอบ
“ ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้ว เดี๋ยวผู้ชายนอนชั้นล่างก็ได้ครับ ”
“ ได้สิ แต่จะร้อนหน่อยนะ ผู้หญิงอีกสามคนเอาสัมภาระไปไว้ในห้องใหญ่ชั้นสามก่อนเลยจ๊ะ ”
“ นอนด้วยกันก็ได้ค่ะ! ” สาวน้อยปีหนึ่งคนนึงออกปาก ก่อนที่เพื่อนของเธออีกคนจะเสริม
“ จริงด้วย ในนี้มีผู้หญิงแค่สามคนถ้ารวมรุ่นพี่โอโตเมะแล้ว จะให้นอนห้องใหญ่โดยที่ผู้ชายตั้งห้าคนนอนชั้นล่าง มันก็รู้สึกไม่ดีนะคะ ” พวกผู้ชายมองหน้าออกความเห็นกัน คงจะกังวลในหลายๆอย่างล่ะมั้ง ทั้งเรื่องการเปลี่ยนเสื้อผ้าเอยอะไรเอย
“ แบบนั้นก็ได้นะจ๊ะ ถ้ากังวลเรื่องเปลี่ยนเสื้อผ้าล่ะก็ มีห้องน้ำสองห้อง ก็แยกกันใช้แล้วเปลี่ยนชุดในห้องน้ำเอาก็ได้ แล้วแต่พวกหนูนะ ” ย่าก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ส่วนคนอื่นๆและฉันก็ยืนรอรับฟังการตัดสินใจของคุณประธานชมรม
“ ครับ.. ” รุ่นพี่ตอบรับเบาๆ ทุกคนจึงพยักหน้าเป็นอันว่าตกลงตามนี้
ฉันก็ไม่เกี่ยงอะไรนะ พอขึ้นมาดูแล้วห้องก็ใหญ่จริงๆแหละ จุคนที่มาได้พอดีเลย ถ้ามานอนกันแค่สามคนงจะเหงาน่าดู
แยกย้ายกันไปอาบน้ำแล้วมากินมื้อเย็นฝีมือคุณย่าของอิบูกิซัง จนประมาณสี่ทุ่มพวกเราทุกคนก็ขึ้นมารวมกันที่ชั้นสาม
“ พรุ่งนี้ออกจากที่นี่ประมาณสิบโมงแล้วกันนะ ”
“ ครับ/ค่ะ ” พอรุ่นพี่นัดแนะเวลาที่จะออกจากที่นี่เสร็จ ทุกคนก็จองที่นอนกันด้วยกระเป๋าและผ้าปูนอน
นอนตรงไหนดีนะ..ให้ตายสิ คนอื่นก็มากับเพื่อนสนิทกันหมด ไม่รู้จะไปอยู่กับใครเลย
“ ฉันนอนข้างโอโตเมะจังดีกว่า~ ” ผู้ชายรุ่นเดียวกับฉันพูดขึ้นและกำลังจะขนข้าวของมาวางข้างๆจุดที่ฉันยืนอยู่
“ ไปด้วย ฉันก็อยากนอนข้างโอโตเมะจังเหมือนกันนะ ”
สถานการณ์น่าอึดอัดแบบนี้อีกแล้ว-0- เจ้าพวกนี้นี่ ไม่ถามความพอใจของฉันเลยสักคำ ย้ายที่ดีกว่า..
ฟุ่บ..
ยังไม่ทันจะก้าวขาออกไปจากจุดเดิม รุ่นพี่ยูสึกาโนะก็วางผ้าปูนอนกับกระเป๋าเป้ของเขาลงข้างๆฉัน ก่อนจะนั่งลงอย่างหน้าตาเฉย ไม่สนใจพวกหน้าม่อที่จ้องจะมานอนข้างฉันเลย
“ เอ่อ.. ”
“ มีอะไรเหรอ ”
“ ป..เปล่าครับรุ่นพี่ ผมขอนอนข้างๆรุ่นพี่แล้วกันครับ ” พวกนั้นพอเห็นว่ารุ่นพี่แอบทำสายตาคมนิดหน่อย ก็ยอมถอยแล้วนอนข้างเขาแทน
“ ไม่เมื่อยหรือไง จะนอนตรงนี้หรือเปล่า ”
“ อ๊ะ..อืม ” ฉันพยักหน้ารัว ก่อนจะวางข้าวของของตัวเองลงบ้าง ถึงจะดีใจที่ไม่ต้องนอนข้างพวกนั้นก็เถอะ
แต่แบบนี้ก็กลายเป็นว่า ฉันได้นอนข้างๆเขาแทนนี่นา///
จะนอนหลับลงไหมเนี่ย..
ติ๊ด ติ๊ด..ติ๊ด ติ๊ด
เสียงนาฬิกาข้อมือของใครสักคนในห้องร้องบอกเวลาเที่ยงคืนแล้ว มันเป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆ..คือฉันนอนไม่หลับ นอนนิ่งแบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้วก็ยังไม่หลับสักที
คงเพราะต่างที่ล่ะมั้ง ไม่ใช่ห้องนอนที่คุ้นเคยนี่นา มันต้องใช่แบบนั้นแน่ๆ
รุ่นพี่หลับหรือยังนะ..
ฟุ่บ..
พอแอบเหลือบไปมองคนข้างๆที่นอนห่างกันไม่มาก ก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมาเลยคลุมโปงซะเลย-.- แค่นอนข้างเขาเองนะ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับที่ตาค้างอยู่แบบนี้หรอกมั้ง
เขาคงหลับแล้วแหละ
“ ยังไม่หลับอีกเหรอ.. ” เสียงกระซิบเบาๆทำให้ฉันสะดุ้ง และดึงผ้าห่มลงทันที
รุ่นพี่ยูสึกาโนะนอนหันหน้ามาทางฉัน เขายังไม่หลับ และฉันมองเห็นใบหน้าของเขาได้แบบสลัวๆเพราะในห้องมันมืด แต่ว่า..ไม่เคยเห็นรุ่นพี่ในมุมแบบนี้เลย
“ ยังไม่หลับ.. ” ฉันกระซิบเบาๆกลับไป มือดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าตัวเองจนเหลือแต่ตา ระยะห่างกันแค่นี้ ใครจะไม่ใจเต้นกันล่ะ..
“ ยุกยิกมากเลยนะ.. ”
“ หือ.. ”
“ เธอน่ะ..อยู่ไม่นิ่งเอาซะเลย ” รุ่นพี่ยิ้มมุมปาก เขาหมายถึงที่ฉันนอนพลิกไปพลิกมาสินะ
“ ... ”
“ ตื่นเต้นหรือไง ”
“ อือ ”
“ รีบนอนได้แล้ว ”
“ ก็นอนไม่หลับ จะให้ทำยังไงคะ.. ” ฉันขมวดคิ้วใส่คนตรงหน้า ก่อนจะสังเกตเห็นอะไรผิดแปลกบางอย่าง “ รุ่นพี่ไม่หนาวเหรอคะ.. ”
ถามแบบนั้นเพราะฉันไม่เห็นว่าเข้าจะห่มผ้าเลย ห้องนี้มีแอร์แถมยังหนาวมากซะด้วย ก็เลยเอะใจว่าเขาไม่หนาวบ้างหรือไง เย็นอย่างกับขั้วโลกใต้
“ ไม่มีผ้าห่ม.. ”
“ ไหงงั้นล่ะคะ.. ”
“ มีแค่ห้าผืนน่ะ.. ” พูดจบ ฉันก็ลุกขึ้นชะโงกดูในห้องทันที มีเด็กผู้หญิงปีหนึ่งสองคนที่ใช้ผืนเดียวกัน แล้วก็ผู้ชายปีสองที่ทีแรกจะมานอนข้างฉันก็ใช้ผืนเดียวกัน ส่วนฉันกับสองคนได้รับผ้าห่มไปเดี่ยวๆ
ส่วนรุ่นพี่นั้นนอนหนาว..
“ บ้าจริง..ทำไมสองคนนั้นไม่ใช้ด้วยกันเนี่ย นอนข้างกันซะเปล่า.. ” ฉันบุ้ยปากใส่ผู้ชายสองคนนั้นที่นอนข้างกันแต่กลับห่มคนล่ะผืนซะงั้น
“ ฉันเป็นรุ่นพี่ก็ต้องเสียสละสิ.. ”
“ แต่ตัวเองหนาวอยู่แบบนี้เนี่ยนะ.. ”
“ ถ้าเธอใจดีน่ะนะ.. ”
.....
ริมฝีปากผลิยิ้มให้กับฉัน ราวกับจะพูดว่า ‘ จะใจร้ายมากถ้าเธอปล่อยให้ฉันนอนแข็งแบบนี้ต่อไป ’
//////
ฟุ่บ..
ฉันคลุมโปงตัวเอง แล้วสะบัดผ้าห่มไปทางรุ่นพี่อย่างเสียไม่ได้ เห็นว่าแอร์มันเย็นหรอกนะ..
“ ขอบใจนะ.. ” รุ่นพี่เข้ามาใต้ผ้าห่มผืนที่ห่อคลุมเราสองคนอยู่ แล้วกระซิบขอบคุณฉันด้วยเสียงที่เบากว่าเดิม และถึงเสียงของเขาจะเบาขนาดนั้น แต่หัวใจฉันกลับเต้นแรง..
“ อือ.. ”
“ นอนได้แล้ว เด็กน้อย.. ” รอยยิ้มสดใสพึ่งพาความใกล้ชิดในการส่งมาถึงฉัน เพราะตอนนี้มันมืดจนแทบจะไม่เห็นอะไรอยู่แล้ว
มือใหญ่ลูบหัวฉันเบาๆ ก่อนที่เจ้าของมือจะค่อยๆหลับตาลงไป
แต่คนโดนลูบหัวอย่างฉันจะหลับตาอย่างสบายใจแบบเขาได้ยังไง..
จริงๆเลย..คืนนี้ฉันจะได้นอนไหมเนี่ย..///
_________________________________________________________________________
ความคิดเห็น