ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Catch The STAR✩ ชมรมรักกระชากดาวป๊อป

    ลำดับตอนที่ #9 : ✩ 7 ✩ ไว้เจอกัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 33
      1
      10 พ.ย. 62

     

     

              


     


     

           “ ว้าวววว~ ” ฉันมองดอกป๊อปปี้ฝีมือตัวเองด้วยสายตาที่เป็นประกายวิบวับ ตอนนี้มันออกดอกผลิบานลาฤดูใบไม้ผลิแล้ว คุ้มค่ากับที่ฉันประคบประหงมมันอย่างกับลูกในไส้ และสีที่ฉันได้ก็คือสีม่วง.. 

     

              เอ่อ..ไม่รู้ว่าสีม่วงมันมีความหมายว่ายังไงนะ แต่ว่าฉันปลูกมันจนออกดอกขนาดนี้ก็ภูมิใจจะแย่แล้ว เหมือนส่งเสียลูกตัวเองจนเข้ามหาวิทยาลัยระดับประเทศได้อะไรแบบนี้น่ะ><

     

              “ ขอบใจที่บานเพื่อฉันนะ ” ฉันจุ๊บเข้าไปที่กลีบดอกเบาๆเหมือนเจ้าหญิงในการ์ตูน ก่อนจะโบกมือลาเจ้าดอกไม้น่ารัก เพราะว่าฤดูร้อนกำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่อึดใจ

     

              “ ทำอะไรของเธอน่ะ ” รุ่นพี่โทอิกะที่มองฉันอยู่นานในห้องชมรม เมื่อเห็นว่าฉันทำท่าประหลาดใส่ดอกไม้  เธอก็ทำหน้าขยาดเหมือนเห็นแมลงสาบ

     

              “ จุ๊บดอกไม้ไงคะ ” ฉันยิ้มหวานแล้วตอบเธอไปเสียงสดใส รุ่นพี่โทอิกะทำหน้าเหมือนกับว่าฉันไปจูบกับอึแมว

     

              “ ดีแต่สวยจริงๆสินะ สติของเธอก็ท่าจะไม่ดี ”

     

              “ ^_^ ” คำพูดที่คอยก่นด่าฉันเสมอ ก็ไม่ทำให้อารมณ์สุนทรีย์ของฉันพังลง ฉันยิ้มให้คนที่ด่าฉันอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องชมรม ตอนนี้เป็นช่วงพักเที่ยงล่ะ เดี๋ยวจะไปรดน้ำให้ดอกพิงค์มอสที่ปลูกไว้ที่บันไดบนตึกเรียนต่อ

     

              จังหวะที่ฉันเปิดประตูห้องชมรมเพื่อที่จะออก รุ่นพี่ยูสึกาโนะก็เดินสวนเข้ามาพอดี

     

              “ สวัสดีค่ะรุ่นพี่ ”

     

              “ อ๊ะ! หวัดดี มาทำอะไรเนี่ย ” รุ่นพี่โค้งรับฉันนิดๆ ก่อนจะถามต่อ

     

              “ มาดูดอกป๊อปปี้น่ะ ” ฉันตอบอย่างร่าเริง ก่อนที่จะคุยโวเรื่องผลงานของตัวเองต่อ “ มันบานแล้วนะคะ ”

     

              “ จริงเหรอ ” รุ่นพี่ยูสึกาโนะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจ ก่อนที่จะชะโงกหน้าไปทางทิศที่กระถางของฉันวางอยู่

     

              “ ได้ดอกสีม่วงล่ะ ”

     

              “ แสดงว่าดูแลมันอย่างดีนะเนี่ย ”

     

              “ แน่นอนสิ ” ฉันทำท่าภูมิใจเมื่อได้รับคำชมกลับมา ก่อนที่จะถามถึงความหมาย “ ดอกสีม่วงมีความหมายว่าอะไรเหรอคะ ”

     

              “ ฉันจะฝันถึงเธอทุกคืน.. ”

     

              “ โห.. ” ฉันแอบใจหวิวเล็กน้อยตอนที่รุ่นพี่บอกความหมาย ไม่รู้ว่าเพราะความหมายของมันช่างโรแมนติก หรือว่าเพราะอะไรกันแน่    

     

              “ นี่..สติหลุดไปแล้วจริงๆสินะ ” โทอิกะทักท้วงเมื่อฉันทำหน้าล่องลอยไป ตั้งแต่รุ่นพี่พูดจบ

     

              “ ไปก่อนนะคะ ” ฉันทำเมินคนที่ชอบว่าฉัน แล้วโค้งลารุ่นพี่อย่างร่าเริงสุดฤทธิ์ เขาก็หัวเราะเบาๆเมื่อเห็นท่าทางที่แสนจะอเลิร์ตของฉัน

     

              ฉันจะฝันถึงเธอทุกคืน..

     

              ดอกป๊อปปี้สีม่วง มีความหมายว่าอย่างนั้นสินะ..

     

             

     

     

             

              “ คาราโอเกะต้อนรับปิดเทอมหน้าร้อน~ ” ระหว่างที่ฉันกับเพื่อนๆเดินออกจากโรงเรียนในวันสุดท้ายก่อนจะปิดเทอมหน้าร้อน ยูกินะก็พร่ำถึงคาราโอเกะที่กำลังจะไปกับพวกเพื่อนๆแบบครบกลุ่ม และพวกมาฟุยุ

     

              “ ไม่ทันไรก็ปิดเทอมแล้ว เฮ้ออ~ ปีสองนี่ผ่านไปไวชะมัดเลย อีกเดี๋ยวเดียวก็ปีสามแล้ว ” คาโอริบ่นอุบอยู่คนเดียว ก่อนจะถอนหายใจยาวๆ

     

              “ ปิดเทอมจะไปไหนกันหรือเปล่าอะ ” แฮมินถามในขณะที่มือก็จิ้มโทรศัพท์อยู่

     

              “ คงจะนอนอืดอยู่บ้านนั่นแหละ ” ฉันตอบ

     

              “ คิดถึงบ้าน.. ” พอฉันพูดคำว่าบ้าน ฮัจจี้ที่ถูกลากมาด้วยก็ทำหน้าตายตามแบบปกติของเธอ แต่ก็บ่นว่าคิดถึงบ้านขึ้นมาอีกเป็นรอบที่สาม

     

              “ เสียใจด้วย เพราะวันนี้เธอต้องไปฟังฉันร้องเพลง ” ยูกินะที่ตัวเล็กมาก กระโดดกอดคอฮัจจี้ที่สูงกว่าเธอประมาณ 17 เซนติเมตร

     

              “ ช่ายยย แล้วเธอก็ต้องร้องด้วย ” คาโอริพูด

     

              “ ฝันไปเถอะ ”

     

              “ ยังไงก็ต้องร้องน่า~ ” ฉันร่วมวงอีกคนนึง ยัยฮัจจี้กลอกตาเซ็งๆ ทำให้เพื่อนๆหัวเราะคิกคักกันยกใหญ่ ตอนนี้เราเดินมาถึงหน้าประตูโรงเรียนแล้ว สายตาฉันกวาดไปพบกับใครบางคนที่ตัวสูงจนสะดุดตา

     

              รุ่นพี่ยูสึกาโนะยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนกับเพื่อนเขาอีกสองสามคน เขาพยักหน้าหงึกๆฟังเพื่อนที่กำลังเล่าอะไรบางอย่างแบบออกรสชาติ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างสดใส..

     

              เพราะว่าทางที่ฉันจะไป ต้องเดินผ่านจุดที่เขายืนอยู่ ทำให้รุ่นพี่ก็มองเห็นฉันเช่นกัน เขาโบกมือทักทายอย่างเป็นกันเอง

     

              “ จะไปไหนอะ ”

     

              “ คาราโอเกะค่ะ รุ่นพี่ล่ะ ” ฉันหยุดเดินเพื่อคุยกับเขา ที่เดินออกมาจากกลุ่มเพื่อนเพื่อมาคุยกับฉัน ฉันหันไปมองเพื่อนของตัวเองก็พบว่า พวกนั้นหยุดรอฉันอยู่ห่างไปประมาณห้าเมตร พร้อมกับซุบซิบกันอย่างสนุกสนาน

     

              “ จะไปกินชาบูกับเพื่อนในห้องน่ะ กำลังรอคนครบอยู่ ”

     

              “ ดีจังเลยนะคะ ได้ไปกันครบทั้งห้องเนี่ย ”

     

              “ ฮ่าๆ จริงด้วย ”

     

              “ ... ”

     

              จู่ๆบทสนทนาก็ถูกตัดลงดื้อๆ แต่กลับเป็นความเงียบที่ไม่ทำให้อึดอัดสักนิด ทว่าใจของฉันกลับรู้สึกเบาและสบายใจ เมื่อแสงสีส้มยามเย็นวันศุกร์นั้นสาดเข้าที่ใบหน้าเป็นโครงได้รูปของรุ่นพี่ ก็เห็นได้ว่าผิวหน้าของเขานั้นเนียนละเอียด ถึงเขาจะไม่ได้ขาวจัดแต่ก็ดูสุขภาพดี จนเมื่อแสงสีส้มตกกระทบแบบนี้ มันดูน่ามองมากจนไม่น่าเชื่อ

     

              นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเมื่อถูกส่องไปด้วยแสงแดดที่อ่อนแรง กลายสีน้ำตาลที่อ่อนลงและเป็นประกายสวยยิ่งกว่าเดิม จนฉันเห็นภาพสะท้อนบางๆของตัวฉันเองในตาของรุ่นพี่

     

              รุ่นพี่ยิ้มเล็กๆเมื่อเราสบตากัน..

     

              “ เอ่อ.. ” ฉันนึกขึ้นได้ว่าเผลอปล่อยเดดแอร์นานเกิน และใช้เวลาตรงนั้นไปกับการพินิจองค์ประกอบของหน้ารุ่นพี่จนเกินไป

     

              “ ไว้เจอกันนะ ”

     

              “ คะ..? ”

     

              “ ที่เคยบอกว่าจะพาไปสวนดอกไม้.. ”

     

              “ อ๋อ.. ”

     

              “ ไว้เจอกันวันนั้นนะ ”

     

              “ ค่ะ ” ฉันหลบสายตาที่มองมาอย่างไม่ละวาง “ ไว้เจอกันค่ะ! ”

     

              “ อื้ม ” พี่ยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อฉันเผลอทำเสียงดัง “ บ๊ายบาย ”

     

              ฉันได้แต่ยิ้มคืน ไม่กล้าบ๊ายบายเขากลับ แต่ก็ยอมโค้งลงไปสักที ก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยความรู้สึกที่น่าประหลาดใจ

     

              ถึงจะไปกันแทบทั้งชมรม แต่ฉันกลับรู้สึกดีอย่างแปลกๆ รู้สึกอยากให้วันนั้นมาถึงเร็วๆ อยากจะไปสวนดอกไม้..

     

              ทำไมฉันถึงอยากจะไปสวนดอกไม้จัง..

     

              “ ทำหน้าแบบนั้น.. ” ฮัจจี้ที่มองฉันอย่างไม่วางตา หลังจากที่ฉันเดินกลับมาหาเพื่อนๆ

     

              “ อย่าทักซี่~ ” ยูกินะพูด จู่ๆฉันก็ไม่สามารถหันไปแว๊ดเพื่อนได้แบบครั้งอื่นๆ แปลกจังที่สมองของฉันมันเบาเหมือนปุยเมฆ เหมือนกับโดนไฟช็อต..

     

              “ โอ๊ะ.. ” เสียงอุทานเบาๆของแฮมิน เมื่อได้เห็นว่าฉันไร้ท่าทีที่ต่อต้าน กลับกันฉันกลับเดินต่อไปแบบไม่พูดอะไร ราวกับว่าตกอยู่ในวังวนจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันหน้าแดงหรือไม่ “ เธอชอบรุ่นพี่เข้าแล้วเหรอ.. ”

     

              เปล่า..

     

              ฉันไม่ได้ชอบเขาหรอก..

     

              ฉันย้ำคิดแบบนั้นเสมอ..

     

     

     

     

             

     

              “ โอโตเมะลูก~ ” คุณแม่วิ่งพรวดออกมาจากบ้าน มาหาฉันที่ยืนอยู่หน้าบ้าน

     

              วันนี้เป็นวันที่จะไปสวนดอกไม้กันล่ะ สรุปว่าเราจะไปที่สวนดอกไม้ฮานะคาอิโระ ที่จังหวัดต็อตโตริ เมืองโยนาโกะล่ะ ส่วนเหตุผลที่ฉันมายืนหน้าบ้านน่ะ..

     

              เมื่อคืนรุ่นพี่บอกว่าตอนสายๆจะมารับไปที่สถานีรถไฟพร้อมกันล่ะ..

     

              “ พกยาไปด้วยสิลูก เผื่อเป็นอะไรขึ้นมาจะแย่เอานะ ” คุณแม่ชูถุงยาหลากหลายชนิดในมือขึ้นมา ก่อนที่จะยัดใส่กระเป๋าเป้ฉันทันที

     

              “ ขอบคุณค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ หนูไปกับชมรม ” ฉันกล่าวขอบคุณแม่ ก่อนที่จะพูดให้แม่สบายใจ เพราะฉันจะไม่อยู่บ้านตั้งสามวันสองคืนแน่ะ

     

              “ กับหนุ่มคนที่มาบ้านเราตอนนั้นหรือเปล่า ” พอพูดถึงชมรม ฉันไม่เคยเล่าอะไรให้แม่ฟังเลย ยกเว้นตอนที่แม่เจอกับรุ่นพี่ยูสึกาโนะที่บ้านฉันนั่นแหละ ถึงได้รู้ว่าฉันอยู่ชมรมเพาะปลูก

     

              “ อ่า..รุ่นพี่คนนั้นก็ไปด้วยค่ะ เขาเป็นประธานชมรมนี่นา ”

     

              “ ลูกปิ๊งเขาหรือเปล่า ”

     

              “ ไม่ใช่นะแม่! ” ฉันเผลอพูดเสียงดังทันทีที่แม่ถามคำถามเหมือนกับเพื่อนฉัน ตกใจหมดเลย ทำไมทุกคนต้องคิดว่าฉันปิ๊งรุ่นพี่เขากันนะ/// “ แค่สนิทกับเขามากที่สุดในชมรมต่างหากล่ะค่ะ ”

     

              “ อ๋อ..อย่างนี้นี่เอง ” แม่พยักหน้าช้าๆแล้วยิ้มเอ็นดูให้กับฉันซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของเขา “ นั่นไง มาโน่นแล้ว ”

     

              ร่างสูงที่เพิ่งจะมาถึง โค้งให้แม่ฉันอย่างสุภาพ รุ่นพี่ยูสึกาโนะมาในชุดไปรเวทที่ดูสบายๆ แบกกระเป๋าเป้ใบกลางๆมาด้วย

     

              “ สวัสดีค่ะรุ่นพี่ ” ฉันโค้งทักทายเขาบ้าง

     

              “ ไปกันเถอะ ”

     

              “ อื้อ ”

             

              “ ไปก่อนนะครับคุณแม่ ”

     

              “ ฝากโอโตเมะจังด้วยนะจ๊ะ ”

     

              “ ครับ ” รุ่นพี่ยิ้ม สายตาดูมุ่งมั่นและจริงจัง ราวกับว่าจะประคบประหงมฉันให้ดีที่สุดอย่างนั้นเลย..

     

              คิดอะไรฟุ้งเฟ้ออีกแล้ว..

     

             

             

              ฉันและเขาเดินทางมาถึงสถานีรถไฟ จัดการซื้อตั๋วไปต็อตโตริเรียบร้อยแล้ว จึงมารวมตัวกับสมาชิกชมรมประมาณ 4-5คนที่มาถึงก่อนแล้ว แต่ไม่ยักเห็นรุ่นพี่โทอิกะ

     

              “ รุ่นพี่ยูสึกาโนะ สวัสดีค่ะ/ครับ ” สมาชิกชมรมทักทายรุ่นพี่

     

              “ หวัดดี มากันแค่นี้เหรอ ”

     

              “ เหลือมินะจังปีหนึ่ง กับคานาเบะปีสองครับ ”

     

              “ รวมๆแล้วก็ประมาณแปดคนสินะ ” หลังจากเขาสรุปจำนวนเพื่อนร่วมทริปเสร็จ ก็ทำหน้าครุ่นคิดอะไรสักอย่าง

     

              “ รุ่นพี่.. ” ฉันแอบสะกิดแขนรุ่นพี่เบาๆ

     

              “ ว่าไง”

     

              “ รุ่นพี่โทอิกะไม่มาเหรอคะ ”

     

              “ อื้อ เห็นบอกว่าไปจีนกับครอบครัว ” ฉันแอบยิ้มในใจ อย่างน้อยทริปนี้ก็คงเป็นทริปที่ทั้งสบายหู และสบายใจล่ะนะ “ ดีใจเหรอ ”

     

              แหงสิ..ใครเป็นแบบฉันก็ดีใจทั้งนั้นแหละ

     

              “ เปล่าค่ะ ” ฉันตอบสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความคิดในหัวไป

     

              สักเกือบๆชั่วโมงรถไฟสายที่เราจะขึ้นก็จอดเทียบชานชาลา หลังจากนี้ก็แค่หลับรอจนกว่าจะถึงปลางทางล่ะนะ คิดว่าคงจะถึงประมาณค่ำๆนั่นแหละ

     

              ฉันมานั่งตรงที่ติดริมหน้าต่าง ฉันชอบชมวิวเวลานั่งรถไฟน่ะ แถมตรงนี้ลมก็เย็นดีด้วย

              รุ่นพี่กับสมาชิกชมรมผู้ชายที่ดูเรียบร้อยอีกสองคนก็มานั่งกับฉัน จนกระทั่งรถไฟออกจากชานชาลา พวกเราก็เริ่มหาหัวข้อสนทนา เพื่อไม่ให้การเดินทางนี้น่าเบื่อเกินไป

     

              “ ไม่คิดว่ายานากิสะซังจะมาด้วยนะ ” หนึ่งในผู้ชายเรียบร้อยเอ่ยทักฉันก่อน

     

              “ ฮ่าๆ ทำไมล่ะ ”

     

              “ เห็นว่าเป็นดาวโรงเรียนนี่ นึกว่าจะไม่ชอบอะไรแบบนี้ซะอีก ” ฉันยิ้มเจื่อนให้กับความคิดที่เป็นค่านิยมของเด็กนักเรียน ที่ว่าดาวโรงเรียนจะต้องคุณหนูสุดโต่ง บุกเบิกไม่ได้น่ะ ฉันน่ะถึกซะยิ่งประไร- -;

     

              “ รุ่นพี่ยูสึกาโนะครับ คิดไว้หรือยังว่าจะพักที่ไหนอะ ”

     

              “ ก็คงจะเช่าห้องแถวนั้นล่ะมั้ง เรื่องเงินเดี๋ยวฉันออกเอง ” ใจป๋าจริงๆเลยรุ่นพี่คนนี้นี่..

     

              “ ถ้าไม่รังเกียจ ไปพักที่บ้านย่าผมไหมครับ อยู่ห่างจากสวนฮานะคาอิโระหน่อย แต่ว่ารุ่นพี่จะได้ไม่ต้องเสียเงินเช่าห้องไงครับ ” เมื่อมีตัวเลือกมาให้ คนฟังก็หยุดคิดสักพักนึง

     

              “ ..จะดีเหรอ ”

     

              “ ดีสิครับรุ่นพี่! ”

     

              “ เกรงใจย่านายหรือเปล่า ”

     

              “ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เกรงใจรุ่นพี่เหมือนกันครับTT ”

     

              “ อ่า..งั้นก็ได้ ” รุ่นพี่ยูสึกาโนะยิ้มรับน้ำใจของสมาชิกชายคนนั้น ก็ดีเหมือนกันนะ จะได้เอาเงินไปทำอย่างอื่นแทน เช่น ช็อปปิ้งของฝากจากต็อตโตริไปให้แม่กับอุซางิซัง>_<

     

             

     

     

     

              06.40 PM

     

              ตอนนี้เดินทางมาถึงบ้านย่าของอิบูกิซัง(รู้จักชื่อแล้ว) บ้านก็ไม่ใช่เล็กๆเลยนะเนี่ย แต่น่าจะปลูกไว้นานกว่ายี่สิบปีแล้วแน่ๆ

     

              “ เพื่อนๆของอิบูกิคุง เข้ามาก่อนจ๊ะ ” คุณย่าของอิบูกิซังออกมาต้อนรับอย่างเป็นกันเอง พวกเราก็ค่อยๆขนสัมภาระเข้าไปในบ้าน

     

              “ ย่าฮะ ผมขอใช้สองห้องนะ แยกผู้หญิงกับผู้ชายน่ะ ”

     

              “ เอ๋..ตอนนี้มีแค่ห้องใหญ่บนชั้นสามห้องเดียวนะ สะใภ้กลางเขาใช้ห้องเล็กอยู่น่ะ ”

     

              “ อะไรนะ! โถ่เอ้ย ทำยังไงดีล่ะเนี่ย ” ฉันฟังคร่าวๆก็จับใจความได้ว่า ตอนนี้มีห้องที่เรานอนได้แค่ห้องเดียวเท่านั้น

     

              “ ขอโทษนะเด็กๆ ย่าลืมคิดไปเลยว่าเพื่อนของอิบูกิคุงจะมีผู้หญิงด้วย ” ย่าของอิบูกิซังทำหน้าตารู้สึกผิด ก่อนที่รุ่นพี่ยูสึกาโนะผู้เป็นพี่โตสุดจะพูดปลอบ

     

              “ ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้ว เดี๋ยวผู้ชายนอนชั้นล่างก็ได้ครับ ”

     

              “ ได้สิ แต่จะร้อนหน่อยนะ ผู้หญิงอีกสามคนเอาสัมภาระไปไว้ในห้องใหญ่ชั้นสามก่อนเลยจ๊ะ ”

     

              “ นอนด้วยกันก็ได้ค่ะ! ” สาวน้อยปีหนึ่งคนนึงออกปาก ก่อนที่เพื่อนของเธออีกคนจะเสริม

     

              “ จริงด้วย ในนี้มีผู้หญิงแค่สามคนถ้ารวมรุ่นพี่โอโตเมะแล้ว จะให้นอนห้องใหญ่โดยที่ผู้ชายตั้งห้าคนนอนชั้นล่าง มันก็รู้สึกไม่ดีนะคะ ” พวกผู้ชายมองหน้าออกความเห็นกัน คงจะกังวลในหลายๆอย่างล่ะมั้ง ทั้งเรื่องการเปลี่ยนเสื้อผ้าเอยอะไรเอย

     

              “ แบบนั้นก็ได้นะจ๊ะ ถ้ากังวลเรื่องเปลี่ยนเสื้อผ้าล่ะก็ มีห้องน้ำสองห้อง ก็แยกกันใช้แล้วเปลี่ยนชุดในห้องน้ำเอาก็ได้ แล้วแต่พวกหนูนะ ” ย่าก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ส่วนคนอื่นๆและฉันก็ยืนรอรับฟังการตัดสินใจของคุณประธานชมรม

     

              “ ครับ.. ” รุ่นพี่ตอบรับเบาๆ ทุกคนจึงพยักหน้าเป็นอันว่าตกลงตามนี้

     

              ฉันก็ไม่เกี่ยงอะไรนะ พอขึ้นมาดูแล้วห้องก็ใหญ่จริงๆแหละ จุคนที่มาได้พอดีเลย ถ้ามานอนกันแค่สามคนงจะเหงาน่าดู

     

     

     

              แยกย้ายกันไปอาบน้ำแล้วมากินมื้อเย็นฝีมือคุณย่าของอิบูกิซัง จนประมาณสี่ทุ่มพวกเราทุกคนก็ขึ้นมารวมกันที่ชั้นสาม

     

              “ พรุ่งนี้ออกจากที่นี่ประมาณสิบโมงแล้วกันนะ ”

     

              “ ครับ/ค่ะ ” พอรุ่นพี่นัดแนะเวลาที่จะออกจากที่นี่เสร็จ ทุกคนก็จองที่นอนกันด้วยกระเป๋าและผ้าปูนอน

     

              นอนตรงไหนดีนะ..ให้ตายสิ คนอื่นก็มากับเพื่อนสนิทกันหมด ไม่รู้จะไปอยู่กับใครเลย

     

              “ ฉันนอนข้างโอโตเมะจังดีกว่า~ ” ผู้ชายรุ่นเดียวกับฉันพูดขึ้นและกำลังจะขนข้าวของมาวางข้างๆจุดที่ฉันยืนอยู่

     

              “ ไปด้วย ฉันก็อยากนอนข้างโอโตเมะจังเหมือนกันนะ ”

     

              สถานการณ์น่าอึดอัดแบบนี้อีกแล้ว-0- เจ้าพวกนี้นี่ ไม่ถามความพอใจของฉันเลยสักคำ ย้ายที่ดีกว่า..

     

              ฟุ่บ..

     

              ยังไม่ทันจะก้าวขาออกไปจากจุดเดิม รุ่นพี่ยูสึกาโนะก็วางผ้าปูนอนกับกระเป๋าเป้ของเขาลงข้างๆฉัน ก่อนจะนั่งลงอย่างหน้าตาเฉย ไม่สนใจพวกหน้าม่อที่จ้องจะมานอนข้างฉันเลย

     

              “ เอ่อ.. ”

     

              “ มีอะไรเหรอ ”

     

              “ ป..เปล่าครับรุ่นพี่ ผมขอนอนข้างๆรุ่นพี่แล้วกันครับ ” พวกนั้นพอเห็นว่ารุ่นพี่แอบทำสายตาคมนิดหน่อย ก็ยอมถอยแล้วนอนข้างเขาแทน

     

              “ ไม่เมื่อยหรือไง จะนอนตรงนี้หรือเปล่า ”

     

              “ อ๊ะ..อืม ” ฉันพยักหน้ารัว ก่อนจะวางข้าวของของตัวเองลงบ้าง ถึงจะดีใจที่ไม่ต้องนอนข้างพวกนั้นก็เถอะ

     

              แต่แบบนี้ก็กลายเป็นว่า ฉันได้นอนข้างๆเขาแทนนี่นา///

     

              จะนอนหลับลงไหมเนี่ย..

     

     

     

                       

     

              ติ๊ด ติ๊ด..ติ๊ด ติ๊ด

     

              เสียงนาฬิกาข้อมือของใครสักคนในห้องร้องบอกเวลาเที่ยงคืนแล้ว มันเป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆ..คือฉันนอนไม่หลับ นอนนิ่งแบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้วก็ยังไม่หลับสักที

             

              คงเพราะต่างที่ล่ะมั้ง ไม่ใช่ห้องนอนที่คุ้นเคยนี่นา มันต้องใช่แบบนั้นแน่ๆ

     

              รุ่นพี่หลับหรือยังนะ..

     

              ฟุ่บ..

     

              พอแอบเหลือบไปมองคนข้างๆที่นอนห่างกันไม่มาก ก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมาเลยคลุมโปงซะเลย-.- แค่นอนข้างเขาเองนะ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับที่ตาค้างอยู่แบบนี้หรอกมั้ง

     

              เขาคงหลับแล้วแหละ

     

              “ ยังไม่หลับอีกเหรอ.. ” เสียงกระซิบเบาๆทำให้ฉันสะดุ้ง และดึงผ้าห่มลงทันที

     

              รุ่นพี่ยูสึกาโนะนอนหันหน้ามาทางฉัน เขายังไม่หลับ และฉันมองเห็นใบหน้าของเขาได้แบบสลัวๆเพราะในห้องมันมืด แต่ว่า..ไม่เคยเห็นรุ่นพี่ในมุมแบบนี้เลย

     

              “ ยังไม่หลับ.. ” ฉันกระซิบเบาๆกลับไป มือดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าตัวเองจนเหลือแต่ตา ระยะห่างกันแค่นี้ ใครจะไม่ใจเต้นกันล่ะ..

     

              “ ยุกยิกมากเลยนะ.. ”

     

              “ หือ.. ”

     

              “ เธอน่ะ..อยู่ไม่นิ่งเอาซะเลย ” รุ่นพี่ยิ้มมุมปาก เขาหมายถึงที่ฉันนอนพลิกไปพลิกมาสินะ

     

              “ ... ”

     

              “ ตื่นเต้นหรือไง ”

     

              “ อือ ”

     

              “ รีบนอนได้แล้ว ”

     

              “ ก็นอนไม่หลับ จะให้ทำยังไงคะ.. ” ฉันขมวดคิ้วใส่คนตรงหน้า ก่อนจะสังเกตเห็นอะไรผิดแปลกบางอย่าง “ รุ่นพี่ไม่หนาวเหรอคะ.. ”

     

              ถามแบบนั้นเพราะฉันไม่เห็นว่าเข้าจะห่มผ้าเลย ห้องนี้มีแอร์แถมยังหนาวมากซะด้วย ก็เลยเอะใจว่าเขาไม่หนาวบ้างหรือไง เย็นอย่างกับขั้วโลกใต้

     

              “ ไม่มีผ้าห่ม.. ”

     

              “ ไหงงั้นล่ะคะ.. ”

     

              “ มีแค่ห้าผืนน่ะ.. ” พูดจบ ฉันก็ลุกขึ้นชะโงกดูในห้องทันที มีเด็กผู้หญิงปีหนึ่งสองคนที่ใช้ผืนเดียวกัน แล้วก็ผู้ชายปีสองที่ทีแรกจะมานอนข้างฉันก็ใช้ผืนเดียวกัน ส่วนฉันกับสองคนได้รับผ้าห่มไปเดี่ยวๆ

     

              ส่วนรุ่นพี่นั้นนอนหนาว..

     

              “ บ้าจริง..ทำไมสองคนนั้นไม่ใช้ด้วยกันเนี่ย นอนข้างกันซะเปล่า.. ” ฉันบุ้ยปากใส่ผู้ชายสองคนนั้นที่นอนข้างกันแต่กลับห่มคนล่ะผืนซะงั้น

     

              “ ฉันเป็นรุ่นพี่ก็ต้องเสียสละสิ.. ”

     

              “ แต่ตัวเองหนาวอยู่แบบนี้เนี่ยนะ.. ”

     

              “ ถ้าเธอใจดีน่ะนะ.. ”

     

              .....

     

              ริมฝีปากผลิยิ้มให้กับฉัน ราวกับจะพูดว่า ‘ จะใจร้ายมากถ้าเธอปล่อยให้ฉันนอนแข็งแบบนี้ต่อไป ’

     

              //////

     

              ฟุ่บ..

     

              ฉันคลุมโปงตัวเอง แล้วสะบัดผ้าห่มไปทางรุ่นพี่อย่างเสียไม่ได้ เห็นว่าแอร์มันเย็นหรอกนะ..

     

              “ ขอบใจนะ.. ” รุ่นพี่เข้ามาใต้ผ้าห่มผืนที่ห่อคลุมเราสองคนอยู่ แล้วกระซิบขอบคุณฉันด้วยเสียงที่เบากว่าเดิม และถึงเสียงของเขาจะเบาขนาดนั้น แต่หัวใจฉันกลับเต้นแรง..

     

              “ อือ.. ”

     

              “ นอนได้แล้ว เด็กน้อย.. ” รอยยิ้มสดใสพึ่งพาความใกล้ชิดในการส่งมาถึงฉัน เพราะตอนนี้มันมืดจนแทบจะไม่เห็นอะไรอยู่แล้ว

     

              มือใหญ่ลูบหัวฉันเบาๆ ก่อนที่เจ้าของมือจะค่อยๆหลับตาลงไป

     

              แต่คนโดนลูบหัวอย่างฉันจะหลับตาอย่างสบายใจแบบเขาได้ยังไง..

     

              จริงๆเลย..คืนนี้ฉันจะได้นอนไหมเนี่ย..///


     


     


     

         _________________________________________________________________________

     

             

     

     

     

              

     

             

     

             

             

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    TB

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×