ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Catch The STAR✩ ชมรมรักกระชากดาวป๊อป

    ลำดับตอนที่ #10 : ✩ 8 ✩ ไม่อยากยอมรับ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 41
      1
      17 พ.ย. 62

     

     

                   

              เช้านี้ตาฉันโหลเหมือนหัวกะโหลกไม่ผิด เป็นเพราะเมื่อคืนนี้กว่าจะข่มตาหลับลง ก็ปาไปเกือบตีสามโน่น ส่วนคนที่ใช้ผ้าห่มร่วมกับฉันน่ะเหรอ หลับเป็นตายตั้งแต่ยี่สิบนาทีแรกแล้ว : ( 

    ฉันใช้หน้าจอโทรศัพท์มาส่องดูสภาพหน้าตัวเอง ก็พบว่ามันไม่ไหวเอาซะเลย ทาทินต์ให้หน้าสดใสกว่านี้หน่อยแล้วกัน

             

              แกร่ก~

     

              ง่วงจนเบลอล่ะมั้งเนี่ย มือไม้อ่อนไปหมดเลย ทินต์สีคอรัลลูกรักของฉันตกพื้นT^T แต่ระหว่างที่กำลังก้มลงไปหยิบ รุ่นพี่ยูสึกาโนะที่มาจากไหนไม่รู้ก็คว้าไปซะก่อน

     

              เอ้านี่ ยื่นให้ฉัน ก่อนที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อมองหน้าฉัน หน้าดูโทรมๆนะ

     

              อื้อ พอดีฉันนอนไม่หลับน่ะ รับทินต์คืนมาก่อนจะหยิบมาแต้มๆที่ปาก

     

              เพราะนอนกับฉันเหรอ  เอ่อ..ก็รู้นี่นา ยังจะถามอีก คนบ้า

     

              เปล่านี่คะ เพราะต่างที่ต่างหากเล่า

     

              งั้นเหรอ.. รุ่นพี่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วส่งยิ้มพรายมาเหมิอนกับไม่ค่อยเชื่อที่ฉันพูดเท่าไหร่

     

              ตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงแล้ว และเราเดินทางมาถึงสวนดอกไม้ฮานะคาอิโระเรียบร้อย อากาศก็ร้อนใช้ได้เลยล่ะ ดังนั้นฉันเลยหยิบชุดเดรสลายสก็อตสีฟ้า ที่ผ้าค่อนข้างพลิ้วหน่อย อากาศร้อนแบบนี้ใครจะอยากใส่เสื้อผ้าหนาๆกันล่ะ จริงไหม?

              ถึงอย่างนั้นฉันก็โบกครีมกันแดด และกางร่มนะ-o-

     

              อย่างที่เห็นกัน สวนนี้ใหญ่มาก ซึ่งเป็นหนึ่งในสวนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น จะไม่สั่งให้ทำรายงานแบบชมรมอื่นหรอกนะ จงดีใจซะที่ฉันเป็นประธานชมรมน่ะ ฮ่าๆ รุ่นพี่พูดอธิบายปาวๆ หลังจากที่พาสมาชิกไปซื้อบัตรเข้าสวนดอกไม้เสร็จเรียบร้อย ประเด็นคือรุ่นพี่ออกเงินค่าเข้าให้หมดเลยล่ะ

              ใจดีจริงๆเลยแฮะ..

     

              เดินดูกันตามใจชอบเถอะ เดี๋ยวมาเจอกันตรงนี้อีกสองชั่วโมงนะ เขาอธิบายเกี่ยวกับสวนยืดยาว จนถึงเวลาที่จะปล่อยให้ไปเดินเล่นตามใจสักที ส่วนมากพวกผู้หญิงก็ไปถ่ายรูปกับดอกไม้นะ พวกผู้ชายก็ไปหาน้ำเย็นกินกัน

              ส่วนฉันก็อยากถ่ายรูปเหมือนกัน จะได้เอาไปอัพในอินสตาแกรมสวยๆไงล่ะ><

              ถ่ายตรงไหนดี กับดอกทิวลิปดีไหมนะ..หรือว่าโรสแมรี่ดี

              ดอกลาเวนเดอร์ดีกว่า ฉันชอบสีม่วง!

             

              อืม..ให้ใครถ่ายให้ดีนะ อยากได้รูปเต็มตัวด้วยสิ ฉันหันรีหันขวาง หาคนเป็นช่างภาพให้ แต่เกือบลืมไปว่าฉันไม่สนิทกับสมาชิกชมรมเลยTT คนอื่นเขาก็ไปเดินเล่นกับเพื่อนตัวเองกัน ต่างจากฉันลิบเลย

              รุ่นพี่ยูสึกาโนะไง..เขาอยู่ไหนนะ แถวนี้หรือเปล่า..

     

              รุ่นพี่!” โชคดีที่เขาอยู่ไม่ห่างจากฉันเท่าไหร่ กำลังถ่ายรูปดอกโรสแมรี่อยู่นั่นไง ถ่ายรูปให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ!”

     

              เขาไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็เดินปรี่มาหาฉันเลย

     

              ถ่ายกับดอกลาเวนเดอร์เหรอ?

     

              ค่ะ! รบกวนด้วยนะ

     

              อืม ยิ้มหน่อยสิ รุ่นพี่ใช้โทรศัพท์ของตัวเองยกขึ้นมาถ่าย ทีแรกก็ว่าจะถามน่ะนะ แต่เห็นว่าไอโฟนที่รุ่นพี่ใช้น่ะเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด กล้องน่าจะสวยกว่ารุ่นเก่าอย่างของฉันเยอะ..

     

              ^O^ ~

     

              ฉันยิ้มหวานแล้วชูสองนิ้ว รุ่นพี่ถ่ายเสร็จก็ยื่นให้ฉันดู เขาก็ถ่ายรูปเก่งใช้ได้นะเนี่ย..

     

              ถ่ายด้วยกัน

     

    คะ?ยังยืนอ้าปากค้างกับคำพูดออกอีกฝ่ายไม่ทันไร คนที่ชวนก็กดกล้องหน้าแล้วย่อตัวลงมา ให้อยู่ระดับเสมอกับฉัน ก่อนจะยิ้มสดใสแบบที่เขายิ้มเสมอมา

     

              แชะ~

     

              รุ่นพี่คะ หน้าฉันเหมือนเห็นผีเลย!” หันไปโวยวายใส่ รุ่นพี่ยูสึกาโนะหัวเราะคิกคัก จงใจจะแกล้งฉันอีกแล้วนะเนี่ย ทำไมชอบแกล้งคะะะ

     

              ไม่ได้แกล้งสักหน่อย ก็แค่ถ่ายรูปด้วยเฉยๆ เขายกโทรศัพท์ขึ้นเหนือหัว เมื่อฉันกระโดดเหยงๆเพื่อจะแย่งมันมาลบรูปนั่น

              แต่อย่าลืมว่ารุ่นพี่น่ะสูงกว่าฉันเกือบยี่สิบเซนได้มั้ง

     

              หึ!” ฉันล้มเลิกสิ่งที่ไม่มีวันทำได้ แล้วหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา เปิดกล้องหน้า แล้วเสาะหาดอกลาเวนเดอร์ดอกที่สวยที่สุด เพื่อจะถ่ายเซลฟี่แก้ฉุนแทน

     

              ได้ดอกที่ถูกใจแล้ว ฉันจึงนั่งยองๆ แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาเซลฟี่ตัวเอง

              โอเค.. ได้รูปที่ถูกใจแล้ว และมันออกมาดูดีกว่ารูปในโทรศัพท์ของคนขี้แกล้งตั้งเยอะ ดูสิ แกล้งคนอื่นเขาแล้ว ยังจะยืนดูโทรศัพท์แล้วหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวอีก นั่นดูรูปฉันหรือเปล่าน่ะ- -*

              จังหวะที่กำลังจะลุกขึ้น เพียงเสี้ยววิก็ได้ยินเสียงผิดปกติ และฉันรู้ตัวทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

     

              พรึด!

     

              เฮือก! เวรแล้ว ซิปชุดเดรสไหล น่าจะแตกล่ะมั้ง เพราะฉันนั่งยองแน่เลย มันเลยตึงจนแตก ฉันไม่ได้อ้วนจนทำให้ชุดตึงขนาดนั้นนะ ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะเนี่ย โอ๊ย..

              ฉันจัดการแก้ปัญหาเบื้องต้น โดยการเอื้อมมือไปจับซิปแล้วพยายามรูดขึ้นอย่างทุลักทุเล แต่ก็ตามนั้นแหละ มันรูดไม่ขึ้นแล้ว ทำยังไงดีล่ะเนี่ย..

     

              นี่ ฉันร้อนแล้วอะ ไปที่ร่มๆกันไหมรุ่นพี่หันมาถามฉัน ตอนนี้แดดเริ่มแรงขึ้นแล้ว แต่จะให้ฉันไปในสภาพนี้ได้ยังไงเล่า

     

              เอ่อ..ไปก่อนเลยค่ะ!”

     

              แล้วทำไมเธอไม่ลุกขึ้นสักทีล่ะ แถมยังทำหลังตรงเป็นไม้กระดานเลย เพราะถ้าทำหลังงอมันก็จะอ้าน่ะสิ ท่าทางฉันตอนนี้แปลกมากเลย ทั้งทำหลังตรงเด๊ะ เอามือไขว้หลังไปรวบชุดเดรสทั้งสองข้าง ไม่ให้มันอ้าออก

     

              “…”

     

              พอเขาเห็นว่าฉันเงียบ แล้วทำหน้าตากังวล ก็เลยเดินมาทางนี้อย่างไม่รอช้า

     

              ชุดเธอมีปัญหาเหรอ?”

     

              ..อือ/// อายชะมัดเลย

     

              ลุกขึ้นก่อนสิ

     

              อย่างนั้นคนอื่นก็เห็นสิคะ..

     

              ถ้างั้นก็เปลี่ยนเป็นนั่งคุกเข่า แล้วหันหลังมา

     

              ฉันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะทำตามที่เขาพูดอย่างว่าง่าย เพราะไม่มีอะไรจะเสียแล้ว..

              ถึงจะนั่งตัวตรงแล้วหันหลังให้รุ่นพี่ แต่มือก็ยังจับชุดอยู่แน่น

     

              ปล่อยมือสิ

     

              รุ่นพี่จะบ้าเหรอคะ////

     

              ถ้าเธอไม่ปล่อย แล้วฉันจะช่วยได้ยังไง ก็รู้หรอกน่า แต่ถ้าฉันปล่อย มันก็เหมือนโป๊ไปประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์น่ะสิ!

     

              “…”

     

              จะเอายังไงครับคุณยานากิสะ..

     

              “..////”

     

              ถ้าไม่ปล่อย ทั้งเธอและฉันก็ต้องนั่งรอร้อนๆแบบนี้ไปถึงกี่โมงกี่ยาม

     

              รู้แล้วค่ะ!” ฉันเผลอกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความอาย นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ที่ฉันต้องอายต่อหน้าเขา แล้วต้องรับความช่วยเหลือจากเขาเนี่ย บ้าที่สุดเลย..

     

              ทันทีที่ฉันยอมปล่อยมือ ฉันรู้สึกได้ว่ารุ่นพี่รีบจับชุดไม่ให้มันอ้าออกอย่างเร็ว แล้วพยายามดึงซิปขึ้นแบบที่ฉันทำเมื่อกี้ และฉันก็ยังรู้สึกได้ถึงปลายนิ้วอุ่นๆของเขา ที่มาแตะหลังฉันเป็นครั้งคราว

              เขินจัง../////

     

              ดึงไม่ขึ้นแฮะ หลังจากที่รุ่นพี่พยายามดึงอยู่พักนึง ผลออกมาก็เหมือนกับที่ฉันทำ

     

              ทำยังไงดีคะ..

     

              เอ่อ.. ฉันเหลือบไปมอง ก็เห็นว่าเขาหันซ้ายหันขวาเพื่อดูคน และสีหน้าก็จริงจังมาก ก่อนที่เขาจะหันมาทางฉัน ที่หันไปมองเขาอยู่เข่นกัน นี่ไง

     

              เอ๊ะ..

     

              เหมือนกับเห็นอุปกรณ์ช่วยเหลือมาจากฉันแน่ะ รุ่นพี่เอื้อมมือมาดึงกิ๊บรูปสับปะรดบนหัวฉันออก แล้วบรรจงติดไปที่ชุดเดรส เพื่อให้มันไม่อ้าอีกต่อไป

     

              น่าจะพอใช้ได้อยู่มั้ง เขาปาดเหงื่อที่ออกมาตามไรผมทีนึง ก่อนจะดึงเสื้อคลุมที่พันอยู่ตรงเอวของตัวเองออก แล้วเอามาคลุมตัวฉัน

     

              เอ่อ..ขอบคุณ..

     

              จะกลับเลยไหม ท่าจะเดินต่อมากๆไม่ได้แล้วมั้ง ใช้กิ๊บติดก็ใช่ว่ามันจะอยู่ทนหรอกนะ

     

              แต่นี่ยังไม่ถึงสองชั่วโมงเลยนะ รุ่นพี่ต้องอยู่เพื่อคุมสมาชิกชมรมคนอื่นนะ

     

              แล้วเธอกลับเองคนเดียวได้เหรอ หรือว่าจะเดินต่อไปแบบนี้?

     

              ...

     

              “…”

              กลับไม่ได้ และไม่อยากเดินต่อแล้วค่ะ

     

              ก็แค่นั้น..เดี๋ยวฉันไปคุยกับอิบูกิคุงก่อน ว่าพาคนอื่นกลับแทนฉันได้ไหม ฉันพยักหน้าตามแบบเด็กดี เห็นว่าฉันกำลังมีปัญหาอยู่หรอกนะถึงต้องพึ่งเขาอีกเป็นครั้งที่สองของวันน่ะ

     

              ฉันไปนั่งรอที่ม้านั่ง เพราะรุ่นพี่เดินไปหาอิบูกิซังก่อน เพราะเขาคุ้นเคยกับที่นี่ รุ่นพี่ยูสึกาโนะจึงไว้วางใจให้เขาพาเพื่อนๆกลับไปที่บ้านคุณย่าเขาล่ะมั้ง

              ไม่กี่อึดใจ เขาก็เดินกลับมาหาฉัน

             

              คุยเสร็จแล้ว กลับกันเหอะ

     

              ค่ะ..

     

     

     

              ตอนนี้เรากลับมาถึงบ้านของคุณย่าอิบูกิซังแล้ว ฉันไม่รีรอ รีบขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ฉันจะจดจำเอาไว้เลยว่าจะไม่เอาใส่เสื้อผ้าที่มีซิปหลังอีกแล้ว!

              ฉันนั่งมองชุดเดรสที่ซิปพังด้วยความเจ็บใจ จู่ๆรุ่นพี่ก็เปิดประตูห้องนอนเข้ามา

     

              คนอื่นบอกว่าจะไปหาขนมกินแถวนั้นต่อ แล้วจะกลับมาช่วงเย็นๆอะ

     

              เหรอคะ พวกเราก็รอเบื่อเลยสิ

     

              ลงไปช่วยคุณย่าเตรียมอาหารเย็นไหมล่ะ รุ่นพี่เสนอกิจกรรมที่จะทำรอจนกว่าคนอื่นๆจะกลับมา ฉันเห็นคุณย่าทำอยู่ที่ครัวน่ะ

     

              ฉันคิดอยู่ครู่นึง พวกเราก็มารบกวนคุณย่าแล้ว ไปช่วยท่านทำอะไรนิดๆหน่อยๆ ก็น่าจะดีแหละมั้ง

     

              ก็ได้ค่ะ

     

             

     

         

              

          ขอบใจมากนะเด็กๆ ย่ากำลังเหนื่อยๆอยู่พอดี

     

              ไม่เป็นไรครับ คุณย่าไปนั่งพักเถอะ รุ่นพี่ยิ้มหวาน แล้วเสนอให้คุณย่าที่เหนื่อยจนเหงื่อท่วมตัวไปพัก

     

              ว่าแต่พ่อหนุ่มทำซุปไข่นุ่มใส่เต้าหู้ปลาได้ใช่ไหมจ๊ะ

     

              ได้ครับ

     

              งั้นฝากด้วยนะจ๊ะ ย่าจะไปนอนพักสักแปป

     

              พูดจบคุณย่าก็เดินบิดตัว เข้าไปนั่งพักในบ้าน ฉันมองอุปกรณ์และวัตถุดิบมากมายในครัว ก็รู้สึกเวียนหัวทันที เพราะฉันไม่เคยแตะเครื่องมือทำครัวเลยสักนิด ชีวิตนี้เคยทำแค่ไข่ดาวกับราเมนกระป๋อง..

     

              มาทำกันเถอะ~ รุ่นพี่ดูจะครึกครื้นกับการได้จับเครื่องครัวมาก ดูแล้วน่าจะทำอาหารใช้ได้แน่ๆเลย จับโน่นจับนี่ดูชำนาญชะมัด

             

              ฉันทำไม่เป็นนะคะ แต่อยากให้ช่วยตรงไหนก็ลองบอกมา จะพยายามทำค่ะ

     

              งั้นไปเอาน้ำใส่หม้อไปต้มให้ทีสิ แค่นี้คงทำได้ใช่ไหม?

     

              ได้ค่า ได้ค่า~ ฉันทำเสียงยืดย้วยหยอกเขานิดหน่อย พลางเดินไปหยิบหม้อมาใส่น้ำ แล้วทำตามที่รุ่นพี่สั่ง

     

              พอต้มจนร้อนได้ที่ รุ่นพี่ที่ไปหยิบเครื่องปรุงมาล้นมือ ก็บรรจงใส่นั่นใส่นี่ จนน้ำซุปเปลี่ยนเป็นสีเข้มน่ากิน

             

              แบบนี้คงต้องเรียกว่า เชฟยูสึกาโนะแล้วมั้งคะ~ ฉันแซวเมื่อเขาทำสีหน้าจริงจังกับการทำอาหารมาก เหมือนพวกเชฟในรายการทีวีเลยอะ ออร่าจับมาก

     

              นอกจากชอบปลูกต้นไม้ ก็ชอบทำอาหารนี่แหละ เอ้า! ช่วยคนหน่อยสิ-_-”

     

              ฉันหัวเราะเบาๆ มือก็จับช้อนซุปมาคนๆให้เครื่องปรุงมันเข้ากัน ผ่านไปสักครู่รุ่นพี่ก็ปรุงเสร็จ

                       

              หอมนะเนี่ย กลิ่นหอมกรุ่นของซุปลอยมาเตะจมูก ซึ่งมันก็เรียกน้ำย่อยฉันได้ดีเลยล่ะ อยากกินแล้ว>< ลองชิมเลยค่ะ รุ่นพี่

     

              ฉันตักน้ำซุปมาเล็กน้อย ก่อนจะยื่นใส่รุ่นพี่ที่ยืนมองฉันอยู่

              พอเขาเห็นว่าฉันยื่นช้อนไปให้เขาชิม ก็ก้มตัวลงมาเลยซดน้ำซุปในมือฉัน ก่อนที่จะ..

     

              อ๊ะ! ร้อน ฉันลืมเป่าให้เขาTT

     

              ร..รุ่นพี่ ตายจริง ขอโทษค่ะ คนตัวสูงเอามือกุมริมฝีปากตัวเอง ที่เริ่มจะเป็นสีแดงๆเพราะน้ำซุปร้อนๆมันลวกปาก ฉันแตกตื่นจนไม่รู้จะทำอะไรก่อน เจ็บไหมคะเนี่ย โทษทีค่ะTT”

     

              เอื้อมมือไปจับริมฝีปากสีแดงจัดของรุ่นพี่อย่างไม่ได้ตั้งใจ รุ่นพี่ยูสึกาโนะที่กำลังคิ้วขดอยู่เพราะเจ็บ ก็กระพริบตาเร็วๆสองที เพราะจู่ๆฉันก็ไปลูบปากเขาแบบนั้น

     

              เอ่อ.. ฉันชักมือออก เมื่อเขามองฉันด้วยสายตาแปลกๆอีกแล้ว ควรจะประคบอะไรเย็นๆสินะ

              ฉันปรี่ไปหาน้ำแข็งก้อนเล็กๆในตู้เย็น แล้วนำผ้าบางๆมาห่อไว้ ก่อนจะวิ่งกลับไปหาคนที่ฉันทำให้เขาเจ็บ

     

              ก้มลงมาหน่อยค่ะ ร่างสูงทำตามอย่างว่าง่าย แต่ไม่ละสายตาจากฉันไปไหน เขาจะมองฉันแบบนั้นทำไมเนี่ย///

              พอความเย็นจากน้ำแข็งสัมผัสกับริมฝีปากที่บาดเจ็บ อีกฝ่ายขมวดคิ้วเล็กน้อย ฉันสังเกตเห็นว่ามันเริ่มบวมขึ้นมานิดนึงแล้ว เพราะฉันแท้ๆเลยเนี่ย..

              ฉันประคบเบาๆตรงจุดที่มันแดง แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้ริมฝีปากรุ่นพี่หรือว่าแก้มฉันที่มันจะแดงไปกว่ากัน เพราะเขามองฉันด้วยสายตาที่ไม่อาจคาดเดา แถมยังกะพริบตาช้าราวกับว่ากำลังมองหน้าฉันอย่างตั้งใจอย่างไงอย่างงั้นแหละ

     

              มือเบาจัง

     

              รุ่นพี่เจ็บไม่ใช่หรือไง

     

              ใช่

     

              ก็ถึงได้ทำเบาๆนี่ไง..

     

              จู่ๆอีกฝ่ายก็จับมือข้างที่ฉันกำลังประคบเย็นให้เขาอย่างไร้เหตุผล รุ่นพี่กดมือฉันลง จนตอนที่ไม่มีอะไรคั่นระหว่างใบหน้าของเขาและฉันอีกต่อไป นัยน์ตาสีเปลือกไม้ของรุ่นพี่มองมาอย่างตั้งคำถามกับตัวฉัน ซึ่งตัวฉันเองก็ตั้งคำถามเช่นกันว่า เขาทำแบบนี้หมายความว่ายังไง..

              จนกระทั่งฉันได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง..

     

              หวานกันน่าดูเลยนะคู่นี้~ เสียงของบุคคลที่สาม ทำให้เราทั้งคู่เด้งตัวออกจากกันโดยอัตโนมัติ โทษทีจ๊ะ ย่าเขินน่ะ สมัยสาวๆก็ได้คบกับหนุ่มหล่อแบบเขานั่นแหละจ๊ะ หนูนี่น่าอิจฉาจังเลย

     

              คุณย่าที่ไม่รู้ว่ามายืนดูเราสองคนตั้งแต่เมื่อ เขินจนเหมือนสาววัยรุ่น แถมยังพูดเหมือนกับว่าฉันเป็นแฟนกับรุ่นพี่ยูสึกาโนะอย่างนั้นเลย

     

              ไม่ใช่นะคะคุณย่า..”

     

              ไม่ต้องเขินหรอกจ๊ะ หน้าแดงเป็นมะเขือเทศแล้ว โอ๊ยยยย คุณย่าจะย้ำทำไมเนี่ยTT

     

              เอ่อ..คือ..

     

              ทำต่อเถอะลูก ย่าไม่รบกวนแล้ว จะไปดูละครต่อ พูดจบก็เอื้อมมือมาบีบแก้มฉันเล่น แล้วเดินกลับเข้าไปในบ้านอีกที

     

              อื้อออ..นี่มันอะไรกันเนี่ย

              ฉันเหลือบตาไปมองคนที่เหลืออยู่ เขาก็มองมาทางฉันเช่นกัน

              แล้วก็ยกยิ้มให้ เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น บ้าจริง..เขาไม่เขินบ้างเลยหรือไง

     

              ต้องทำยังไงต่อคะ บอกมาเร็วๆเลย

     

              ไปตีไข่ไป เสร็จแล้วเดี๋ยวฉันทำต่อเอง หลังจากนี้มันจะยากน่ะ ดูสิ ขนาดพูดคุยยังทำเป็นปกติได้เลย ทั้งเหตุการณ์แปลกๆเมื่อกี้ ทั้งที่คุณย่าเข้าใจผิด นี่เขาไม่คิดจะแก้ข่าวหรือว่าเขินบ้างหรือไงเนี่ย ยังจะมายิ้มหวานหน้าระรื่นได้อีกนะ..

     

              ฉันหยิบไข่มาตอกใส่ถ้วยแล้วตีๆๆ รวมถึงระบายอารมณ์มากมายของตัวเองไปกับการตีไข่แรงๆด้วย ทั้งเขิน ทั้งอาย ทั้งไม่เข้าใจเขาเนี่ย.. ไอ้รุ่นพี่ยูสึกาโนะ คนประหลาดเอ๊ย

     

              ตึกตัก ตึกตัก..

     

              หัวใจเจ้ากรรมของฉันมันก็ดันเต้นแรงไม่หยุด ตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงได้เจ็บใจนักล่ะ..

    ทำไมกันนะ..

    ฉันไม่อยากยอมรับเลย..

     

             

    __________________________________________________________________________

    ยังมีคนอ่านอยู่ไหมคะTT

             

     

     

     

     

     

     

     

     

             

     

     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×