ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แม่มดคนนี้ไม่ได้ทำอะไรผิด ดังนั้นรบกวนพวกคุณกลับไปเถอะค่ะ (ชื่อชั่วคราว)

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3: ใคร?

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 65


     

    เมื่อพวกเราทั้งสามคน เดินทางมาถึงบริเวณชายป่านอกกำแพงเมืองขนาดใหญ่ก็มืดค่ำเสียแล้ว ข้าต้องทำงานโอทีอีกแล้วหรือนี่ ข้าคิดพร้อมกับยืนบิดขี้เกียจไปด้วย รอไม่นานนักก็เห็นหญิงสาวผมสีดำยาวสลวยเดินเข้ามา โดยที่ดวงตาสีดำสนิทของนางไม่เผยอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น

    “พวกมนุษย์จับคนของเราไปไว้ในห้องวิจัยของเหล่าราชวงศ์เจ้าค่ะ โดยในห้องนั้นมีเวรยามผลัดกันเฝ้าอยู่เพียงไม่กี่คน ส่วนพวกที่เหลือแห่กันไปฉลองที่บาร์ภายในเมืองแล้วเจ้าค่ะ” ความโกรธเกรี้ยวพาดผ่านดวงตาสีดำสนิทไปเพียงครู่เดียวก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

    “แล้วตอนนี้คนของเราเป็นอย่างไรบ้าง?” ข้าถามด้วยความกังวล เพราะถ้าหากบาดเจ็บหนักคงเป็นการยากต่อการช่วยเหลือ

    “ส่วนใหญ่มีอาการเหนื่อยล้าจากการเดินทางกับบาดเจ็บอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะพวกมนุษย์คงอยากทดลองคนของเราในสภาพที่สมบูรญ์ที่สุดเจ้าค่ะ” ข้าพยักหน้าแล้วหันไปถามชายหนุ่มผมสีแดงเพลิงข้างตัว

    “แคสเซียสเจ้าสามารถแบกคนของเราไปได้ทั้งหมดหรือไม่”

    “ถ้าหากมีเฟลมช่วยอีกซักคนก็ไม่มีปัญหาขอรับ” เฟลมทำหน้าเหลอหลา ชี้นิ้วเข้าหาตัวอย่างงงๆ

    “ถ้าอย่างนั้นเจ้ากับเฟลมรอรับคนอยู่ที่นี่ ส่วนข้ากับนิกซ์จะเข้าไปเอง” ข้าคิดว่านี่คงเป็นแผนการที่ดีที่สุดแต่ทว่าแคสเซียสกลับไม่เห็นด้วย

    “งานนี้ไม่ต้องถึงมือท่านแม่มดหรอกขอรับ แค่ข้ากับนิกซ์ก็พอแล้ว” แคสเซียสกล่าวอย่างมั่นใจ

    “เห~ งั้นก็อย่าทำให้ข้าผิดหวังซะล่ะ” แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ข้าจะได้หลบไปเตรียมเซอร์ไพรส์พวกมนุษย์เสียหน่อย

    “ท่านเอาข้ามาใช้แรงงานแค่เนี้ย?” เฟลมพ่นลมหายใจพรืดอย่างเซ็งๆ เพราะตอนแรกเขานึกว่าจะได้มาอาละวาดซะอีก

    “ไม่ต้องห่วง เจ้าจะได้เล่นจนหนำใจเลย” ข้ายิ้มเจ้าเล่ห์

    “เยส! ต้องให้มันได้อย่างนี้สิ” เฟลมร้องออกมาอย่างดีใจเหมือนเด็กได้ของเล่น

    “ไปจัดการงานของพวกเจ้าให้เรียบร้อย ส่วนข้ากับเฟลมจะไปเล่นสนุกกันเสียหน่อย” ข้ากำชับพวกเเคสเซียสเสร็จแล้ว ก็นั่งคฑาขึ้นไปบนผืนฟ้าสีดำสนิทพร้อมกับเฟลมทันที

     

    เวลาผ่านไป 30 นาที

     

    ข้านั่งมองพวกแคสเซียสนำคนของเราออกมาหมดแล้วก็ได้เวลาเอาคืน ข้ายืนทรงตัวบนคฑาอย่างมั่นคง เส้นผมของข้าสะท้อนแสงจันทร์ส่องประกายสีฟ้าครามออกมา ข้าพยักหน้าให้เฟลมสร้างลูกไฟขนาดใหญ่สีแดงเพลิงส่องสว่างไปทั่วฟ้าราวกับดวงอาทิตย์ดวงหนึ่งก่อนจะสั่งให้มันพุ่งลงไปยังห้องทดลองนั่นทันที

    ตูม! เท่านั้นไม่พอยังมีสายลมกรรโชกพัดสะเก็ดไฟให้ลามไปทางปราสาทโสโครกของพวกมนุษย์อย่างรวดเร็ว

    เสียงผู้คนกรีดร้องตื่นตระหนกตกใจกันถ้วนหน้า ทุกอย่างล้วนโกลาหล สับสน และวุ่นวายกันทั้งเมือง นอกจากนี้ข้ายังเห็นชายชราพุงพลุ้ยอ้าปากค้างในชุดนอนสีชมพูน่าสมเพชตรงบริเวณขอบระเบียงปราสาทนั่นอีกด้วย

    ภายในดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบดำของข้า เรืองเเสงสีฟ้าเจิดจ้าออกมาหลังจากที่ข้าใช้พลังนิดๆ หน่อยๆ เปลี่ยนเปลวเพลิงสีแดงเป็นเปลวเพลิงสีฟ้าที่ร้อนแรงยิ่งกว่าเดิมหลายเท่าตัว

    ข้ายืนมองความวินาศเบื้องล่างสักพักจนพอใจ ก่อนจะปล่อยให้เฟลมลงไปรับคนของเรากลับบ้าน รอเพียงไม่นานนัก มังกรทั้งสองตนก็บินมาอยู่ข้างๆ ข้า ข้ากวาดตามองทุกคนบนหลังของมังกรทั้งสองแวบหนึ่งก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนคฑาแล้วออกตัวนำกลับป่าของเราทันที


    ทางด้านของมนุษย์

    “นี่มันฝีมือของจอมมาร!”

    “เผาบ้านเมืองเราซะวอดวาย ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!”

    “เรายอมไม่ได้นะองค์ราชา!”

    ทุกสายตาหันไปจับจ้องชายชราที่นั่งบนบัลลังก์ สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ร่างอ้วนท้วมชโลมกายด้วยเหงื่อส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา นี่น่ะหรือคนที่มีอำนาจสูงสุดในดินเเดนฮิวเมนเนีย

    ปึง! เสียงเปิดประตูท้องพระโรงดังขึ้น พร้อมกับร่างของนายทหารหนุ่มในชุดเกราะสีทองและสร้อยคอสีเงิน ผมสีทองอร่ามของเขายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง เขาคุกเข่านั่งลงแล้วกล่าวรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

    “ห้องทดลองและเอกสารงานวิจัยต่างๆ โดนเผาไม่เหลือซากเลยพะย่ะค่ะ นอกจากนี้ไฟยังลามเข้ามาในเขตพระราชวังทางทิศใต้อีกด้วย ซึ่งเปลวเพลิงสีฟ้านี้มันร้อนมากจนไม่ว่าจะสาดน้ำดับอย่างไร น้ำก็ระเหยกลายเป็นไอหมดเลยพะย่ะค่ะ!”

    เมื่อนายทหารหนุ่มรายงานจบพระราชาก็แทบลมจับ แต่ทว่าไมเกรนก็พุ่งปรี้ดทันทีเมื่อสาวใช้และนายทหารชั้นผู้น้อยคนหนึ่งวิ่งเข้ามา

    “เเย่แล้วเจ้าค่าาาาา องค์หญิง...องค์หญิงทรงหายตัวไปเจ้าค่ะ!” สาวใช้วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาพร้อมข่าวที่ว่าน่าตกใจแล้ว แต่ก็คงไม่เท่าข่าวชองนายทหารที่วิ่งตามเข้ามาติดๆ

    “เชิญทุกท่านรีบอพยพเถอะพะย่ะค่ะ ไฟลามมาถึงปราสาทปีกตะวันตกแล้ว!”

    เท่านั้นแหละภายในปราสาทก็ตกสู่ความอลหม่านทันที ทุกคนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด ไม่เว้นแม้แต่ชายชราที่ไม่หลงเหลือภาพลักษณ์ของพระราชาอีกต่อไป

    เมื่อทุกคนออกมากันหมดแล้ว พระราชวังแสนสวยก็พังครืนลงมาไม่เหลือชิ้นดี ยังไม่พอเมื่อพระราชวังพังลงมาแล้วเปลวเพลิงสีฟ้าก็หายไปกลายเป็นตัวอักษรโชว์เด่นหราต่อหน้าต่อตาทุกคนว่า

    ‘สมน้ำหน้า!’

    พระราชาถึงกับเข่าทรุด นี่เขาไปทำผิดต่อมารตนใดกันถึงได้เกิดหายนะมากมายถึงเพียงนี้กัน! นอกเสียจาก...

    “จะ...จอมมาร ตะ...ต้องเป็นฝีมือของจอมมารแน่นอน! จอมมารทั้งเผาปราสาทและลักพาตัวเจ้าหญิงไปอีก! จัดเตรียมกองกำลัง! เราจะเปิดศึกกับดินแดนเดโมเนีย!” พระราชาตะโกนก้อง ถึงแม้จะกลัวอยู่ในใจลึกๆ แต่ความโกรธกลับมีมากกว่าหลายเท่าตัวนัก

    ส่วนผู้ที่เป็นชนวนสงครามก็ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรกับเขาเสียเลย เพราะนางต้องมานั่งปวดหัวอยู่กับผู้โดยสารที่เกินมา 1 คน แบบงงๆ

    “เเล้วเจ้าเป็นใครมาจากไหนละเนี่ยยยยย” ในขณะที่กำลังเช็คจำนวนผู้โดยสารอยู่ดีๆ ก็มีผู้โดยสารเกินมาเสียอย่างนั้น ข้าล่ะอยากจะบ้าตาย!

    “เจ้านั่งหลังใครมา!” หญิงสาวในผ้าคลุมสีตุ่นคนนั้นทำเพียงแค่ชี้ไปที่มังกรตัวสีแดงหน้าซื่อจนเจ้าตัวหลุดสะดุ้งแก้ตัวเป็นพัลวัน

    “ทะ...ท่านแม่มด! ท่านต้องฟังข้าพูดก๊อนนนน” ข้าเดินเข้าไปตบหัวเจ้ามังกือโง่จนจมดินดังโครม!

    “เจ้าต้องรับผิดชอบ! เอานางไปคืนเลย!” ข้าตวาดใส่หูเฟลมเสียงดังจนเฟลมแทบหูดับ แต่ก่อนจะได้ทำอะไรมากกว่านั้น หญิงสาวที่ติดร่างแหมาด้วยก็พลันแทรกขึ้นมา

    “คือว่า...ข้าต้องการความช่วยเหลือ...” หญิงสาวกล่าวอย่างกล้าๆ กลัวๆ

    “นั่นมันก็เรื่องของเจ้า!” ข้าตวาดแว้ดกลับไปหนึ่งยกจนนางจ๋อยไปเลย

    “เอาน่าๆ ข้าว่ามันก็ดึกแล้ว ทุกคนก็เหนื่อย เราแยกย้ายไปพักผ่อนกันก่อนดีกว่านะ” แคสเซียสกล่าวห้ามทัพ พร้อมทั้งดึงตัวท่านแม่มดออกมา อีกทั้งยังดันหลังให้นางออกไปจากถ้ำเสร็จสรรพ

    “หึ่ย! ฝากไว้ก่อนเถอะ! พรุ่งนี้เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันอีกเยอะ!” ข้าทิ้งท้ายไว้อย่างเคืองๆ ก่อนจะกระฟัดกระเฟียดกลับบ้านไปทั้งอย่างนั้น

    “อะ...เอ่อ แล้วข้าล่ะเจ้าคะ?” หญิงสาวในผ้าคลุมทำตัวลีบยกมือถามเสียงแผ่ว

    “เจ้าก็อยู่กับพวกข้าไปก่อนละกัน รอให้ท่านแม่มดเย็นลงก่อน แล้วเราค่อยคุยกัน” แคสเซียสถอนหายใจยาวอย่างปลงๆ ลางสังหรณ์ของเขาร้องเตือนไม่หยุด เรื่องวุ่นวายครานี้คงนำไปสู่อะไรที่น่าปวดหัวกว่านี้อย่างไม่ต้องสงสัย

    ตัดภาพมาที่เฟลมนอนร้องไห้กระซิกๆ เพราะเอาหัวออกจากพื้นเองไม่ได้ไม่พอยังไม่มีใครสนใจจะมาช่วยเขาเลยอีกด้วย เขาเลยจำใจต้องนอนหลับมันไปทั้งอย่างนั้น น่าเศร้ายิ่งนัก ฮืออออออ

    ______________________________

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×