คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : #ที่รักของราม:: 01[อัพครบ]
เย็น...คือความรู้สึกแรกที่ฉันรับรู้ได้หลังจากที่รู้สึกว่าตัวเองหลับไปนานมาก
ปวด...คือความรู้สึกที่สองหลังจากฉันพยายามขยับร่างกายหลีกเลี่ยงความเย็น
และต่อมาคือรำคาญ...รำคาญที่เนื้อตัวของฉันโดนอะไรก็ไม่รู้คล้ายมือสัมผัสกันอย่างง่ายดาย แม้จะพยายามดิ้นแค่ไหนสิ่งนั้นก็ยังคงตามมาแตะต้องตัวฉันอยู่ดี
สุดท้ายความรำคาญเลยเอาชนะความเจ็บปวดทุกอย่างทำให้ฉันต้องฝืนลืมตาขึ้นมามองหาสาเหตุของความรำคาญนั้นจนฉันได้สบตาเข้ากับดวงตาเรียวเข้มที่คุ้นเคย...
ฉันรู้จักเจ้าของดวงตาคู่นั้น รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ไม่รู้ว่าทำไมเราถึงอยู่ด้วยกันในสภาพนี้ได้ แต่กว่าจะได้พูดอะไรออกไปคนตัวสูงที่ยืนอยู่ปลายเตียงก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
“ต้องเช็ดตัว เธอตัวร้อน” เขาว่าก่อจะยื่นมือที่ถือผ้าผืนเล็กมาใกล้ฉันคล้ายจะทำในสิ่งที่ตัวเองพูดเมื่อกี้ นั่นก็คือการเช็ดตัว
ฉันรีบขยับออกทันทีเพราะการที่ให้ผู้ชายที่ไม่ได้สนิทมาทำเรื่องแบบนี้ให้มันไม่ถูกต้องสำหรับฉัน และอีกอย่างคือฉันต้องคำอธิบายสำหรับเรื่องราวในตอนนี้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมฉันถึงอยู่ในห้องของคนอื่นได้?
เท่าที่จำได้ฉันเพิ่งทะเลาะกับแฟนมา เราทะเลาะกันและเขาขอเลิกกับฉัน แต่ฉันไม่ยอม... ฉันเสียใจ ฉันร้องไห้หนักมาก สุดท้ายฉันก็ไปจบอยู่ที่ผับแห่งหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกแล้ว
และคนที่จำได้คงเป็นคนตัวสูงตรงหน้าฉันนี่แหละ
แต่ตอนนี้ขี้เกียจถาม
ปวดหัว ในหัวมันตุบๆ ไปหมด
ปวดตัว ทั้งปวดทั้งเมื่อยเหมือนโดนจับโยนลงพ้นเลย จะดิ้นก็ได้ทีละนิด
แย่ที่สุด...นี่คือสภาพของฉันหลังจากโดนบอกเลิกจริงดิ?
ฉันหลับตาพร้อมกับก้มหน้าลงแล้วยกมือขึ้นเสยผมที่ปรกหน้าตัวเองไปด้านหลังแล้วค่อยค้ำหน้าผากตัวเองเอาไว้ขณะที่ก้มหน้ามองสภาพตัวเอง...
สภาพที่ใส่เสื้อตัวโคร่งของใครบางคนอยู่ และคอเสื้อของเขากว้างมากพอที่ฉันก้มมองลงไปจะเห็นร่องรอยสีกลีบกุหลาบสีช้ำที่เนินอกของตัวเองหลายจุด
เอาล่ะ...ฉันว่าตอนนี้ฉันต้องถามเขาออกไปแล้วแหละ แม้ว่าจะขี้เกียจและปวดหัวแค่ไหนก็ตาม
“ทำไมฉันอยู่ในสภาพนี้?” และเมื่อถามออกไปฉันก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าเสียงของตัวเองแหบแห้งราวกับผ่านการใช้เสียงมาเยอะแค่ไหน...
เวร...
“ถามใจตัวเองดู”
“ตอบดีๆ ราม” ฉันพูดเสียงเข้มเมื่อเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนไปของเสื้อผ้าบนร่างกาย
โอเค ตอนแรกขาฉันมีผ้าห่มคุมอยู่ ตอนนี้ฉันสะบัดมันออกแล้วและพบว่าท่อนล่างของตัวเองไม่มีอะไรเลยนอกจากชายเสื้อตัวโคร่งของเขา
มาถึงขนาดนี้ก็น่าจะรู้แล้วแหละว่าเสื้อใคร เตียงใครและห้องนอนใครน่ะ
ถึงห้องของเราจะเหมือนกันมาก แต่พวกโทนสีของของใช้ภายนห้อเราค่อนข้างต่างกันเลยทีเดียว ถ้าไม่สังเกตดีๆ ฉันก็คงไม่รู้น่ะว่าที่นี่เป็นห้องในคอนโดของฉัน
ผู้ชายที่ฉันพูดด้วยตอนนี้เรารู้จักกัน รู้จักกันผ่านเพื่อนของฉันเมื่อสองปีที่แล้วเพราะเขาหาห้องพักใกล้มหาลัยอยู่ ซึ่งคอนโดฉันมันมีสองห้องนอนพอดี และตอนแรกฉันก็ว่าจะเปิดให้คนมาเช่าอยู่ด้วยกันหลังจากเข้ามหาลัยได้ แต่เพื่อนสมัยมัธยมปลายของฉันบอกว่าพี่ชายอยากออกจากบ้านมาอยู่คนเดียวกำลังหาห้องพักอยู่ ซึ่งการอยู่กับผู้ชายสำหรับฉันมันไม่ได้อะไรมากอยู่แล้วเพราะเราต่างคนต่างอยู่ แค่รู้หน้าที่และขอบเขตของกันและกันก็พอแล้ว
เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ
รูมเมทฉันชื่อราม เขาอยู่ปีสาม เขาเรียนวิศวะฯ สาขาอะไรสักอย่าง นี่คือข้อมูลทั้งหมดที่ฉันรู้เกี่ยวกับตัวเขา
ส่วนเขา...ก็น่าจะรู้แค่ว่าฉันชื่อที่รัก อยู่ปีสองและเป็นเพื่อนกับน้องสาวของเขาแค่นั้น
ที่ฉันพูดแบบนี้เป็นเพราะเราต่างคนต่างอยู่เหมือนที่ฉันต้องการในตอนแรก และเราไม่ได้คุยกันมากเท่าไหร่ถ้าไม่จำเป็น จำได้ว่าครั้งหนึ่งฉันเคยโทรหาเขาเพราะว่าไฟในห้องนอนฉันมันกระพริบ เขาเลยเดินมาซ่อมให้ฉันแค่นั้น
ค่ะ ฉันโทรหาเขาทั้งๆ ที่ห้องเราห่างกันไม่ถึงสิบก้าว
ไม่รู้สิ ฉันคิดว่าเราไม่น่าจะได้ข้อเกี่ยวกันมากก็เลยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาเลยตั้งแต่แรก และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ จนมาถึงวันนี้...วันที่ฉันได้เข้ามาอยู่ในห้องของเขาสภาพนี้
“ขอคำอธิบาย” ฉันว่าพร้อมกับพยายามทรงตัวลุกขึ้นนั่งในท่าที่ดีที่สุดแล้วเก็บขาเรียวสวยของตัวเองให้พ้นจากสายตาของเขาที่คอยจ้องมองกันตั้งแต่หัวจรดเท้าลงมา
มองทำไมก็ไม่รู้
นานเกือบสองนาทีที่รามไม่ได้ตอบคำถามของฉันจนฉันนึกว่าเขาไม่ได้ยินเลยตั้งใจว่าจะถามออกไปใหม่ แต่ว่าคนตัวสูงกลับขยับปากพูดคำตอบออกมาเสียงเรียบนิ่งไร้อารมณ์ให้ฉันได้ยิน “เราได้เสียกันแล้ว”
เป็นการพูดเรื่องที่น่าตกใจได้ไร้อารมณ์มาก
ขอบคุณ
ฉันนั่งนิ่งไม่ได้โวยวายอะไรออกไป พยายามสงบสติองตัวเองลงด้วยการหลับตาอีกครั้งแล้วถอนหายใจออกมาให้กับเรื่องราวที่เพิ่งได้รับรู้เมื่อกี้นี้ แต่ว่ายังไม่ได้ทันสงบจิตสงบใจเท่าไหร่เสียงโทรศัพท์มือถือของฉันก็ดังขึ้นมา
เสียงที่ฉันตั้งไว้เป็นเสียงเรียกเข้าของพี่แทน...แฟนที่เพิ่งบอกเลิกฉันไป
ฉันเบิกตากว้าง เงยหน้าขึ้นมาหาต้นตอของเสียง แต่ก็เหมือนกับว่าโทรศัพท์ของตัวเองอยู่ข้างนอกห้องนอนเลยรีบขยับตัวเพื่อลงจากเตียงไปหยิบมัน
แต่ว่าอยู่ๆ คนที่กำลังมีประเด็นเรื่องเมื่อคืนกับฉันอยู่ก็พูดขึ้นมา “จะหยิบให้”
เขาว่าแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปข้างนอกด้วยความเร็วเหมือนกลัวว่าสายจะถูกตัดไปเสียก่อน แต่ว่าเขาใช้เวลานานมากกว่าจะเดินเอาโทรศัพท์มาให้ฉัน ซึ่งฉันรอไม่ไหวแล้ว
พี่แทนกำลังโทรมา...
เขาอาจจะขอคืนดีก็ได้...
ถ้ารับช้า เขาต้องเปลี่ยนใจแน่ๆ เลย...
ฉันตัดสินใจฝืนร่างกายเพื่อลุกออกไปข้างอก แต่ทว่าแค่ปลายเท้าแตะที่พื้นยังไม่ทันได้ลงน้ำหนักตัวมากนักฉันก็แทบจะล้มลงไปกองอยู่ข้างล่างแล้ว ยังดีนะที่ฉันทั้งเกาะผนัง ทั้งจับเตียงเอาไว้น่ะ ไม่งั้นคงได้ร่วงของจริง
ฉันพยายามเดินออกไปข้างนอกอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ร่างกายจะไหว แต่ว่าเหมือนฉันจะช้าเกินไปเพราะเสียงเรียกเข้าดับไปแล้ว...
ตอนนี้ฉันคิดได้แค่สามอย่างคือ
หนึ่งพี่แทนตัดสายไป
สองรามกดรับสาย
และสามรามกดตัดสาย
ซึ่งทั้งสามอย่างนี้พูดก็พูดเลยว่าไม่มีอะไรดีสักอย่าง เพราะแบบนั้นฉันเลยเร่งฝีเท้าออกไปขางนอกเพื่อต่อว่าเขาที่ทำอะไรช้าไปหมด แต่ว่าเมื่อฉันเดินพ้นประตูห้องนอนของเขาออกมาเท่านั้นแหละ...
วินาทีที่เราสบตากัน...วินาทีนั้นฉันได้รู้จักคำว่าพลาด”
พลาดที่ให้เขาออกมาหยิบโทรศัพท์ให้โดยไม่ห้ามปรามอะไรเขาเลย ทั้งที่ฉันไม่รู้แท้ๆ ว่าภายในใบหน้านิ่งเรียบของอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ฉันก็ยังไม่ห้ามเขาเอาไว้ ส่งผลให้ตอนนี้รามกำลังยืนฟังพี่แทนพูดอยู่
ใช่ นายราม...เขากดรับสายพี่แทน แล้วตอนนี้เขาก็เปิดลำโพงให้ฉันได้ยินเสียงของพี่แทนด้วย
[อย่ามาทำเป็นไม่ได้ยินนะที่รัก เธอมีคนอื่น ฉันก็มีคนอื่น ทำไมจะเลิกกันไม่ได้?] เสียงพี่แทนดูอารมณ์เสียมาก ในขณะที่ฉันยืนฟังอยู่ไกลๆ ได้แต่กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้มันไหลออกมา
[เมื่อวานฉันก็บอกไปแล้วว่าเรื่องคบกับเธอฉันแค่พนันกับเพื่อนเล่นๆ แค่นั้น ทำไมไม่ยอมเข้าใจสักที] ใช่ เมื่อวานเขาบอกฉันแบบนี้ บอกหลังจากที่คบฉันได้เกือบสองปีและคบคนอื่นซ้อนอีกด้วย
เมื่อวาน...เขาบอกฉันทุกอย่างเลยเพียงเพราะว่าเขามองไม่เห็นจุดหมายปลายทางของเรา หรือจะพูดง่ายๆ เลยก็คือเขามองไม่เห็นทางที่เขาจะชนะพนันเพื่อนของเขาได้เลย สุดท้ายเลยยอมแพ้แล้วมาขอเลิกฉันแบบไร้เยื่อใย ทำเหมือนกับว่าระยะเวลาเกือบสองปีที่ผ่านมันไม่มีค่าอะไรเลยอย่างงั้นแหละ
ตลกดี เหมือนมีแค่ฉันที่มีความสุขอยู่คนเดียวในทุ่งลาเวนเดอร์
แต่ว่านะ ขนาดได้ยินทั้งเหตุผลทั้งทำพูดที่ใจร้ายมากมายของพี่แทนแล้วฉันยังอยากรั้งเขาไว้อยู่อีก...
ทำแบบนี้ไม่ดีเลยสักนิด ขนาดรู้ว่าไม่ดี แต่ก็ยังไม่ยอม...ไม่รู้ทำไม แล้วครั้งนี้ฉันก็คิดจะทำแบบนั้นด้วย
ฉันเม้มริมฝีปากของตัวเองเข้าหากัน พยายามมองบนเข้าไว้เพื่อไล่น้ำตาที่มันเตรียมไหลให้หายไปแล้วนึกหาคำพูดมาพูดให้พี่แทนใจเย็นลง แต่ว่า...
“อืม กูก็อยากให้เลิกเหมือนกัน” รามกับพูดเสียงเรียบตอบพี่แทนออกไป
สายตาของเขาจ้องมองมาที่ฉัน ขายาวๆ ทั้งสองข้างของเขาก้าวตรงดิ่งมาหาฉันด้วยความเร็วที่เรียกได้ว่าช้ามากก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าของฉันแล้วพูดต่อประโยคเมื่อกี้อีกที่พูดไปอีก
“หงุดหงิดเว้ย”
[มึง?] แม้ว่าจะมีเสียงพี่แทนขัดออกมาเป็นบางช่วง เขาก็ยังพูดต่ตอ
“ไม่ได้รักก็อย่าทำให้เสียใจดิวะ” พูดประโยคนี้จบเขาก็เอื้อมท่อนแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามมารั้งท้ายทอยของฉันเข้าไปหาตัวเขาจนหน้าผากฉันชนเสียงดัง ‘ปึก’ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรแถมยังพูดต่อไปอีก แม้ว่าฉันจะเริ่มมีปฏิกิริยากับคำพูดของเขาแล้ว “คบแล้วดูแลไม่ได้ก็ไม่ต้องคบ”
พูดแทงใจดำได้ดีมาก
แต่เขาก็พูดแทงใจดำได้ไม่นานเพราะประโยคสุดท้ายก่อนที่จะจะตัดสายไปทำให้ฉันต้องเงยหน้าไปมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ
“ต่อไปกูจะดูแลที่รักเอง” พูดจบก็ตัดสายแล้วกดอะไรอีกเยอะแยะเต็มไปหมดในโทรศัพท์ของฉันก่อนจะดันร่างของฉันออกแล้วถามออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนเดิม “ที่เป็นแบบนี้เพราะมัน?”
ไม่ต้องขยายความเพิ่มก็รู้ว่า ‘แบบนี้' คืออะไร
แต่ถึงเขาจะถามมาอย่างนั้นก็เถอะ แทนที่ฉันจะตอบเขาออกไปตรงๆ เพราะเขาได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้ว แต่ฉันก็ถามเขากลับไปเสียงเข้มว่า “ยุ่งอะไรด้วยล่ะ?” ก่อนจะคว้าแขนข้างหนึ่งของเขาไว้แล้วเพื่อประคองตัวเองไม่ให้ล้มลง
สุดๆ ไปเลยสภาพนี้
“พูดดีๆ” รามว่า ตอนนี้เหมือนเขาจะมองออกว่าฉันต้องการความช่วยเหลือจากเขามากแค่ไหนเลยย่อตัวลงมาช้อนตัวอุ้มฉันขึ้นแล้วพาเดินกลับเข้าไปในห้องของเขา
พูดจบก็ตัดสายแล้วกดอะไรอีกเยอะแยะเต็มไปหมดในโทรศัพท์ของฉันก่อนจะดันร่างของฉันออกแล้วถามออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนเดิม “ที่เป็นแบบนั้นเพราะมัน?”
ไม่ต้องขยายความเพิ่มก็รู้ว่า ‘แบบนั้น’ คืออะไร
แต่ถึงเขาจะถามมาอย่างนั้นก็เถอะ แทนที่ฉันจะตอบเขาออกไปตรงๆ เพราะเขาได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้ว แต่ฉันก็ถามเขากลับไปเสียงเข้มว่า “ยุ่งอะไรด้วยล่ะ?” ก่อนจะคว้าแขนข้างหนึ่งของเขาไว้แล้วเพื่อประคองตัวเองไม่ให้ล้มลง
สุดๆ ไปเลยสภาพนี้
“พูดดีๆ” รามว่า ตอนนี้เหมือนเขาจะมองออกว่าฉันต้องการความช่วยเหลือจากเขามากแค่ไหนเลยย่อตัวลงมาช้อนตัวอุ้มฉันขึ้นแล้วพาเดินกลับเข้าไปในห้องของเขา
“รบกวนพาฉันกลับห้องฉันด้วย” ตอบพร้อมกับยกแขนขึ้นมากอดรอบคอเขาเพราะกลัวตก
เอาจริงๆ รีแอคชั่นของฉันในวันนี้ที่มีต่อคำพูดพี่แทนมันรุนแรงน้อยกว่าเมื่อวานมาก เมื่อวานแค่เขาพูดประโยคเดียวฉันก็ร้องไห้ออกมาแล้ว แต่วันนี้เหมือนมีคนอยู่ด้วยมันเลยร้องไม่ออก แล้วคนที่ว่านั้นก็ตอบโต้พี่แทนไปอีกโดยที่ฉันไม่ได้ร้องขออะไรเลยสักนิด ซึ่งนั่นทำให้ฉันทำตังไม่ถูกว่าต้องร้องไห้ออกมาหรือตกใจที่เขาพูดแบบนั้นไป สุดท้ายเลยทำได้แค่งงเท่านั้น
แต่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่แทนคงไม่มีให้งงอีกต่อไปแล้วแหละ
ไม่มีแล้ว...
คงมีแค่ความทรงจำเมื่อตอนวันวานให้นึกถึงแล้วแหละ...
ฉันที่กำลังนึกถึงเรื่องราวน่ารักๆ ระหว่างฉันกับพี่แทนด้วยอารมณ์เศร้าก็ต้องมาชะงักลงเพราะเสียงเรียบนิ่งของรามที่ดังขึ้นมาแทรกบรรยากาศที่เศร้าหมองนี้
“เลิกทำหน้าเหมือนหมาตายได้แล้ว” เป็นประโยคที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินจริงๆ
“นี่ ฉันบอกให้พากลับห้องฉันไง” ฉันไม่สนใจประโยคที่เขาว่า แถมยังพูดเน้นย้ำประโยคที่ตัวเองพูดก่อนหน้านั้นอีกด้วย
จะกลับห้อง พาเข้ามาห้องเขาทำไมก็ไม่รู้ ไม่ชอบ
“กุญแจห้องเธอหาย หาไม่เจอ” รามว่าก่อนจะค่อยๆ วาวฉันลงบนเตียงแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมขาให้ฉันก่อนจะยืนกอดอกมองหน้ากันเหมือนกำลังประเมินอะไรอยู่
ส่วนกุญแจห้องของฉันน่าจะตกอยู่ในรถมั้ง พอเริ่มได้สติก็เริ่มจำได้แล้วว่าตัวเองทำอะไรไปบ้างน่ะ
กุญแจห้องน่าจะโยนทิ้งไว้ในรถเพราะอารมณ์ตอนนั้นมันไม่ใช่เวลามาประณีตในการเก็บกุญแจห้องใส่กระเป๋าสะพายของตัวเองขนาดนั้น
แล้วตอนนี้ก็ดูเหมือนว่ารถฉันจะยังอยู่ที่ผับ...
“อยู่ในรถ” ฉันว่าก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาของเขา การกระทำแบบนั้นทำให้ผมที่ยาวสลวยปรกหน้าฉันอีกครั้ง ด้วยความที่รำคาญมากฉันเลยจะเสยผมของตัวเองไปไว้ด้านหลังอีก แต่ครั้งนี้ข้อมือของฉันถูกจับเอาไว้โดยฝ่ามือหนาของรามก่อนจะได้ทำอะไร ส่งผลให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาอีกครั้งทั้งที่เพิ่งจะหลบตาเขาไปเมื่อกี้
แต่ก็มองได้ไม่นานฉันก็ต้องหลับตาลงเมื่อเขาใช้มือข้างที่ว่างเอื้อมมาตรงหน้าฉัน มือข้างที่จับข้อมือของฉันปล่อยให้เป็นอิสระ ก่อนจะรู้สึกถึงแรงในการดึงผมของตัวเองเลยต้องลืมตาขึ้นมามองเขา
“ทำอะไร?”
“มัดผมไง ไม่รู้จัก?” เขาว่าก่อนจะอ้อมมาด้านหลังของฉันเหมือนกับว่าการวางท่าในตอนแรกทำให้เขาไม่ถนัดมากเท่าไหร่
ฉันจำเป็นจ้องนั่งนิ่งเอาไง้ กลัวว่าถ้าขยับแล้วผมทั้งหัวจะถูกกระชากออกไปอย่างไม่ใยดี แค่นี้ก็รู้สึกเจ็บมาแล้ว
“เสร็จ”
"ขอบคุณ" ฉันว่า แล้วบรรยากาศในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ...
ไม่มีการอธิบายในสิ่งที่ฉันสงสัย
ไม่มีการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
ไม่มีอะไรเลย
นี่ฉันต้องเป็นคนถามเองใช่ไหมเขาถึงจะตอบอ่ะ?
“นี่ สรุปเมื่อคืนน่ะ...” ฉันพูดค้างไว้ก่อนจะเหลือบตามองเขา
คนตัวสูงถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงบนเตียงโดยการหันหน้าเข้าหาฉันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งอีกครั้งว่า “เธอเมา เธอโทรมา แล้วเธอก็พยายามจะปล้ำฉัน”
“......” อะไรวะเนี่ย?
“เธอเป็นคนเริ่มก่อนเอง”
“......” ฉันน่ะหรอ?
“ตอนแรกก็ตกใจ แต่หลังๆ เคลิ้มตามเลยสมยอม”
“นายล้อเล่นป่ะ?” ฉันพูดขึ้นไปขณะที่รามยังคงสรุปเรื่องราวเมื่อคืนให้ฉันฟังแบบย่อๆ จนฉันคิดว่ามันไม่น่าจะใช่
ที่ไม่น่าจะใช่นี่หมายถึงเรื่องที่ฉันพยายามจะปล้ำเขา
ก็จะใช่ได้ไงในเมื่อฉันไม่เคยอ่ะ แล้วฉันจะเอาความสามารถที่ไหนไปปล้ำเขาได้?
“เอาดีๆ ฉันไม่ตลกนะ” ฉันว่าเสียงแข็งแล้วยกมือขึ้นเท้าใส่เอวด้วยท่าทางพร้อมเอาเรื่อง
สภาพไม่ไหว แต่ใจฉันสู้นะ!
รามส่ายหน้าไปมาก่อนจะมองหน้าฉัน
ไม่สิ เขามองต่ำกว่าหน้าฉันแล้วพูดเปลี่ยนเรื่อง
บทบรรยาย:: ราม
“เนินอกเธอโผล่” ผมพูดเสียงเรียบขณะที่สองตายังจ้องเนินอกอวบอิ่มของที่รักอยู่เหมือนเดิม “จะมองเห็นหมดแล้ว”
ตรงที่มองเห็นมีรอยที่ผมสร้างไว้ด้วย พอมองแบบนี้แล้วสีสวยดี
ที่รักขยับเล็กน้อย แต่ไม่ได้ทำอะไรกับคอเสื้อของเธอสักนิด หนำซ้ำยังพูดประโยคที่น่าเขินอายออกมาอีก “ก็เห็นมาทั้งคืนแล้วไหม?”
พูดแบบนี้...อยากให้พี่เห็นอีกว่างั้น?
“ชอบโชว์?” ผมถามก่อนจะก้มลงไปหยิบผ้าห่มที่ใช้คลุมขาเธอตอนแรกขึ้นมาคลุมหัวไหล่ของเธอไว้ ไม่สนทั้งสิ้นว่าที่รักจะตอบมายังไง
ไม่อยากเห็น
ถึงรูปทรงของมันจะสวยและความนุ่มนิ่มของมันน่าสัมผัสมากแค่ไหน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโฟกัสเรื่องแบบนี้
และวิธีที่จะไม่โฟกัสก็คือปิดเอาไว้นั่นแหละ
ตอนนี้มีเรื่องอื่นให้ต้องโฟกัสมากกว่า
เรื่องเมื่อคืน...
เหมือนที่รักไม่เชื่อว่าเมื่อคืนเธอทำอะไรลงไปทั้งที่ผมก็บอกเล่าเธอไปหมดแล้ว ทั้งบอกแบบรวบรัดง่ายๆ ให้เข้าใจได้แล้วก็อธิบายเพิ่มเติม แต่เธอก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าเธอต้องการคำตอบแบบไหนกันแน่
“นี่ราม สรุปเรื่องเมื่อคืนน่ะมันเป็นยังไง?”
“สรุปมาสองรอบแล้วยังไม่พอใจ?”
“ก็มันน่าเชื่อไหมล่ะ?!” เธอถามเสียงดัง เสียงแหบขนาดนั้นยังจะมาเสียงดังใส่อีก
“แล้วต้องทำไงถึงจะเชื่อ? ต้องให้ทวนความจำให้ไหม?” ผมถาม
ยุ่งยากชิบหาย
ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ผมรู้สึกว่าเรื่องทุกเรื่องเกี่ยวกับที่รักแม่งโคตรยุ่งยาก
ทำไมวะ ทำไมไม่เข้าใจง่ายๆ ล่ะ?
“ไม่ต้องก็ได้” ที่รักว่า เหมือนตอนนี้เธอเหนื่อยเกินกว่าจะถามอะไรผมอีกแล้วเลยตัดสินใจเชื่อผมไปอย่างนั้นแหละ
อืม ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วป่ะ?
ที่รักถอนหายใจออกมาก่อนจะก้มหน้าลง เหมือนพยายามจะตั้งสติรอบที่ล้าน มือก็เตรียมเสยผม แต่ว่าเพราะผมมัดมันเอาไว้แล้วเลยไม่มีผมส่วนไหนมันตกลงมา
ติดเป็นนิสัยแล้วมั้งไอ้การที่ชอบก้มหน้าเสยผมเนี่ย
มองกี่รอบก็ชอบทำแบบนี้
อยู่กับแฟนก็ทำ อยู่กับเพื่อนก็ทำ เขิน โกรธ อารมณ์เสีย อารมณ์ดี เธอจะชอบทำท่าแบบนี้จนผมกลัวว่าพอแก่ตัวไปหัวเธอจะล้าน
“แล้ว?” ผมถามออกไปเมื่อห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
ที่รักเป็นคนไม่ค่อยพูด นอกจากว่าเธอจะอยู่กับคนที่เธอให้ความสนใจจริงๆ ตอนนั้นเธอจะเป็นผู้หญิงช่างถาม ช่างสงสัย เธอจะพูดบ่อย พูดด้วยท่าทางน่ารักน่ามอง ไม่ทำหน้าเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ แต่ก็นะ...คนเพิ่งเลิกกับแฟน จะให้อารมณ์ดีก็คงไม่ถูก แถมยังต้องมาอยู่กับผู้ชายแปลกหน้าแบบผมโดยที่เพิ่งรู้ว่าเมื่อคืนเราเพิ่งเป็นของกันและกันเรียบร้อยแล้ว
ถ้าผมเป็นเธอ...วันนี้จะเป็นวันที่ปวดประสาทที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้
“ขอโทษแล้วกัน” ที่รักว่าพร้อมกับเงยหน้าสบตากับผม
ไม่บ่อยที่ดวงตาคู่นี้จะหันมาทางผม เหมือนวันนี้เธอเพิ่งจะรู้ถึงการมีอยู่ของผมด้วยซ้ำ ถ้าถามว่าผมรู้สึกยังไงกับความคิดแบบนี้? บอกเลยว่าเฉยๆ ไม่ได้อินกับเธอเท่าไหร่
ก็แค่สวย ไม่ได้รู้สึกดีด้วย ไม่เห็นจะต้องมาเสียใจที่โดนเมินเลย
“ขอโทษเรื่อง?” ผมถามเพราะที่รักขอโทษมา มีได้มีอะไรต้องขอโทษ แต่เธอก็พูดออกมาเหมือนกับว่าเหตุการณ์ต่างๆ เป็นเรื่องที่ต้องขอโทษกัน ทั้งที่ความจริงผมไม่ได้ซีเรียสด้วยซ้ำ
มีอะไรต้องซีเรียส?
“เมื่อคืน ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรก็เลยขอโทษ แค่นั้น” เธอตอบ
“อ่า แล้วจะเอายังไง?” ผมถามอีกครั้ง
ก็จริงอยู่ที่ผมไม่ซีเรียส แต่เธอเป็นผู้หญิง แล้วเมื่อคืนเธอก็เมา เรียกได้ว่าเธอพลาดและผมที่มีสติอยู่ก็ไม่ได้ห้ามเธอด้วย ถึงแม้จะโยนความผิดทุกอย่างให้เธอไปหมดแล้ว แต่ใจผมรู้ดีอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไรน่ะ
ที่รักเงียบไปสักัพกก่อนจะตอบผมออกมาเสียงเรียบ “ไม่เอายังไง”
ดวงตากลมโตที่เคยสดใสตอนอยู่กับไอ้แฟนเฮงซวยของเธอตอนนี้ดูเย็นชามากจนผมไม่กล้าคิดว่านั่นเป็นเพราะตัวผมหรือเป็นเพราะมันกันแน่ แต่ทีแน่ๆ ดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมาที่ผมอยู่
“ฉันแค่เมา นายน่าจะเข้าใจ” เธอว่าก่อนจะยักไหล่เล็กน้อยเหมือนไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก
อืม สรุปคือจะปล่อยผ่านมันไปเลยแบบนี้จริงดิ?
“ทำไม? มีอะไร?” ผมที่มองหน้าของที่รักนานเกินไปถูกเธอถามขึ้นมาตรงอย่างตรงไปตรงมา เธอมองหน้าผมเหมือนต้องการคำตอบ
และแน่นอนว่าผมได้ให้คำตอบของเธอไปตามความเข้าใจของตัวเอง “รู้ว่าเมา แต่ไม่เข้าใจ”
ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอไม่เรียกร้องอะไรสักอย่างให้กับครั้งแรกของเธอเลย
เรียกร้องสิ
พูดออกมาสิ
บอกให้ผมรับผิดชอบสิ
แม้ในใจจะมีประโยคมากมากมายผุดขึ้นภายในหัว แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเมื่อได้ยินประโยคของเธอพูดขึ้นมา
“งั้นก็ไม่ต้องเข้าใจ ปล่อยไว้แบบนั้นแล้วต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ”
สรุปแล้วเรื่องความสัมพันธ์ของเราก็ไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติม และจบลงในวันนั้นเพียงวันเดียวโดยที่วันต่อมาเราก็ต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม
แต่เราทั้งคู่ก็รู้ว่าคำว่าเหมือนเดิม...มันไม่มีอีกแล้ว เพราะเดี๋ยวผมทำให้ดูเองว่ายังไงเราก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้น่ะ
จบบทบรรยาย:: ราม
ความคิดเห็น