ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [E-Book]My babe, My love #ที่รักของราม

    ลำดับตอนที่ #3 : #ที่รักของราม:: 02[อัพครบ]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.13K
      578
      30 เม.ย. 63

    ประกาศจ้าาาา
    ตอนนี้ไรท์มีเพจแล้ววว ไรท์จะแจ้งเกี่ยวกับการอัพนิยายที่เพจน้าา
    FB PAGE: BBeatrizXX
    จิ้มแล้วไปกดไลค์กดติดตามได้เลยยย ><
    ตอนนี้ก็ไปติดตามนิยายต่อเลยจ้าา


    'วินาทีที่ใบหน้าของเธอเคลื่อนเข้าใกล้ผม...วินาทีนั้นผมรู้ได้ทันทีว่าที่รักเริ่มเมาอีกแล้ว'


    เมื่อวานหลังเรื่องฉันกับรามจบกันไปด้วยดี...มั้ง

    ฉันว่าเราจบกันด้วยดีแล้วเพราะได้บอกเขาไปแล้วว่าเมา ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจและเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างก็ตาม แต่ฉันก็เลือกที่จะจบบทสนทนาของเราสองคนลงแค่นั้น

    เมื่อวานเขาปล่อยให้ฉันนอนในห้องของเขาและดูแลฉันเท่าที่เขาสามารถทำได้ก่อนจะไปเอารถกลับมาให้ในตอนเย็น เวลานั้นฉันได้กลับไปห้องตัวเองโดยมีเขาที่คอยพยุงกลับเพราะช่วงล่างมันเหมือนจะแยกออกจากกันยังไงก็ไม่รู้

    ปวดไปหมดจนฉันต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่าเรามีอะไรกันจริงๆ หรอ? เขาไม่ได้ผ่าเอาเครื่องในฉันไปขายใช่ไหม? 

    แต่เท่าที่รู้สึกได้ว่าในท้องไม่ได้โหวงๆ เหมือนมีอะไรหายไปก็โล่งใจขึ้นมาหน่อย

    วันนี้...เราต่างคนต่างไปมหาลัยกัน เคยทำตัวยังไงก็ทำแบบนั้น แม้ว่าร่างกายฉันจะยังไม่แข็งแรงมาก แต่ฉันไม่อยากขาดเรียน ยังไงการเรียนก็สำคัญกับฉันมากเหมือนกัน จะมาลาเพราะเรื่องแบบนี้ไม่ได้ เอาไว้วันไหนฉันป่วยไม่สบายจนไม่ไหวจริงๆ ก่อนค่อยลาแล้วกัน

    ส่วนตอนนี้ฉันก็เรียนเสร็จแล้วและกำลังจะกลับไปพักที่คอนโดเพราะรู้สึกเหมือนกับเมื่อกี้มันวูบเล็กน้อยตอนลุกขึ้นจากเก้าอี้ตอนอาจารย์ปล่อย แต่น่าจะเป็นเพราะไม่ได้กินข้าวเช้ามากกว่าไม่สบาย ฉันเลยค่อยๆ เดินมาที่รถ แต่ว่า...

    "นั่นที่รักนี่แทน" เสียงของใครบางคนได้เรียกชื่อของฉันขึ้นมาพร้อมกับชื่อของแฟนเก่าที่เพิ่งเลิกกับฉันไป...

    "อืม" ส่วนนี้คือเสียงทุ้มต่ำที่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดี...

    ฉันเม้มริมฝีปากเข้าหากันก่อนจะพยายามเดินผ่านไปโดยที่ไม่สนใจเสียงของคนพวกนั้นที่กำลังแย่งกันพูดถึงฉันอย่างสนุกปาก

    แค่ฉันเลิกกับแฟน มีอะไรให้พูด? พูดทำไม? สนุกมากรึไง?

    คิดแบบนั้นแต่บังเอิญหูฉันกลับไปได้ยินเสียงของเพื่อนคนหนึ่งของพี่แทนพูดขึ้นมา

    "ทำเป็นบอกว่าแค่น้องที่รักแค่นี้สบาย เหอะ สุดท้ายก็ไม่ได้ทั้งฟันไม่ได้ทั้งเงินพนัน" เพราะมีฉันเป็นหัวข้อในการสนทนา และเพราะเมื่อวานไม่รู้ว่าพี่แทนพนันอะไรกับเพื่อนเอาไว้ พอมาได้ยินแบบนี้ฉันที่โดนหลอกมาสองปีถึงกับพูดไม่ออก

    อ๋อ ที่มาคบกับฉันนี่เพราะจะหลอกฟันกันว่างั้น? 

    ที่พยายามทำดีตลอดเวลาที่คบกันก็เพราะหวังอยู่เรื่องเดียวว่างั้น?

    ที่เคยพูดจาหว่านล้อมว่าคบกันมานานทำไม่ฉันไม่อยอมก็เพราะเรื่องพนันว่างั้น?

    เหอะ โดนหลอกมาสองปี ทำไมวันนี้เพิ่งรู้สึกว่ามีเขาโผล่ก็ไม่รู้

    แล้วแบบนี้ฉันยังต้องอาลัยอาวรณ์เขาอีกไหม? มาได้ยินคำพูดแบบนี้แล้วฉันยังต้องรู้สึกเศร้าที่ยังคบกับเขาอยู่ไหม?

    พอเถอะ

    ควรพอได้แล้ว

    ตาฉันบวมเพราะร้องไห้เรื่องเขามาหนึ่งวันเต็มแค่นั้นก็พอแล้วแหละสำหรับเรื่องของเราน่ะ

    ฉันเดินเชิดหน้าขึ้น พยายามทำเป็นไม่สนใจต่อไปแม้ว่าเสียงนกเสียงกาจะยังดังขึ้นมาเรื่อยๆ ก็ตาม พยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนไม่ได้ดูทางเลยเผลอสะดุดเข้ากับพื้นหน้าลานคณะที่ไม่ได้เรียบมากนักจนล้มลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น

    เออดี

    เหลืออะไรอีก มาให้หมดครั้งเดียวเลย ฉันจะได้ไม่ต้องมากล้ำกลืนฝืนทนอีก ถ้าจะร้องไห้ก็จะร้องให้มันจบวันนี้วันเดียวนี่แหละ 

    พอกันที!

    จังหวะที่ฉันกำลังดันตัวเองเพื่อลุกขึ้นยืนอยู่ๆ ก็มีเงาของใครบางคนพาดผ่านบนตัวของฉันพร้อมกับน้ำเสียงที่ไม่เลื่อนหูของหนึ่งในกลุ่มเพื่อนพี่แทน "ให้พี่จ้ะช่วยไหมน้องที่รัก?" 

    ฉันไม่สนใจ ไม่พูดด้วย ก้มเก็บกระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืนแม้ว่าจะรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัวก็ตาม แต่จะมาทำตัวให้น่าสงสารตรงนี้ไม่ได้ พี่แทนอยู่ตรงนั้น ถ้าเขามองมาแล้วเอาภาพน่าสมเพศของฉันไปหัวเราะกับเพื่อนจะทำยังไง 

    ไม่ได้...

    จะทำแบบนั้นไม่ได้...

    แต่เหมือนเมื่อกี้จะปากดีไปท้าทายชะตาชีวิตมากเกินไป จากที่จะลุกขึ้นได้ดีๆ กลับกลายเป็นว่าฉันกำลังจะล้มอีกรอบเพราะทรงตัวไม่อยู่ 

    ฝ่ามือหนาของเพื่อนพี่แทนกำลังจะเอื้อมมาช่วยดึงฉันขึ้น แต่ว่าร่างของฉันได้ล้มลงไปนั่งที่พื้นอีกแล้ว...

    แต่ว่าครั้งนี้พื้นดูไม่แข็งเหมือนเมื่อกี้นะ อาจจะไม่ได้นุ่มเหมือนเตียงที่ห้อง แต่ว่ากระแทกลงไปแล้วมันไม่เจ็บอ่ะ

    ฉันสะบัดหัวตัวเองหลายๆ ครั้งก่อนจะตั้งสติแล้วพยายามลุกขึ้นใหม่ แต่ว่าครั้งนี้กลับมีท่อนแขนแข็งแกร่งโอบรอบช่วงเอวของฉันเอาไว้จากทางด้านหลังพร้อมกับน้ำเสียงที่เหมือนดุกันหน่อยๆ "บอกแล้วว่าให้นอนพัก"

    อ่า...มีคนอยู่ด้านหลัง

    "ยังจะมาเรียนอีก" 

    เมื่อกี้นั่งลงบนตักใครบางคนนั้นเอง

    "แล้วดูสภาพ" 

    ใครบางคนที่ฉันรู้จักและอาศัยอยู่ด้วยกันกับฉัน

    "จะพากลับห้อง"

    ใครบางคนที่เมื่อวานประกาศกร้าวใส่พี่แทนไปทางโทรศัพท์ว่าจะดูแลฉัน โดยที่ตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั้นออกไป

    ใครบางคนที่ชื่อว่าราม

    ฉันไม่ได้ตอบอะไรรามไป เขาเลยคิดเอาเองว่าความเงียบของฉันหมายถึงการตกลงและอนุญาตให้เขาพากลับห้องได้ ดังนั้นตอนนี้ฉันเลยนั่งอยู่บนรถของเขาเรียบร้อยแล้ว ส่วนรถของฉันก็คงเป็นหน้าที่ของเขามาเอากลับไปให้เหมือนเดิมนั่นแหละ

    "จะแวะซื้อข้าวให้" รามพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบภายในรถ

    เราเงียบกันมากจนฉันรู้สึกอึดอัด แต่ก็ไม่ทำอะไรกับความเงียบนี้และทำให้มันเงียบกว่าเดิมเมื่อตอบคำถามออกไปว่า "ไม่หิว" ตอบเสร็จก็มองออกไปข้างนอกดูรถที่กำลังติดไฟแดงอยู่แล้วถอนหายใจออกมา

    รักครั้งแรก...เอาตรงๆ ฉันคาดหวังไว้มากเพราะมันคือครั้งแรกที่ฉันจะได้ลองคบหากับใครสักคนดู ได้ลองเรียนรู้ที่จะรับความรักจากคนอื่นและส่งมอบความรักของฉันให้เขาคนนั้นด้วย แต่เหมือนกับว่าฉันคาดหวังมากเกินไป สุดท้ายเลยเป็นอย่างที่เห็น...

    แต่พอนึกถึงคำว่า 'ครั้งแรก' เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวฉันทันที

    จำได้แล้ว... จำได้เยอะเลยด้วย 

    ที่เขาพูดมาทั้งหมดน่ะเหมือนจะเป็นเรื่องจริงที่ควรเชื่อตั้งแต่แรกเลยทีเดียว เพราะไอ้ท่าทางการจู่โจมฝ่ายชายก่อนของฉันเนี่ย...ยิ่งนึกก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ธรรมดา

    ยิ่งภาพเหล่านั้นปรากฏขึ้นมาในหัวฉันบ่อย ตัวฉันก็ร้อนผ่าวขึ้นมาราวกับไม่สบาย

    "ยังตัวร้อนอยู่" ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฝ่ามือหนาของรามทาบทับลงบนหน้าผากของฉันเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย

    ไม่รู้และไม่ได้ปัดออกด้วย

    "ตากแดดมา" ฉันตอบแล้วหันหน้ากลับมามองเขาที่กำลังมองฉันอยู่ก่อนแล้วก่อนจะถามออกไป "เมื่อกี้ช่วยทำไม?"

    "ควรขอบคุณมากกว่าถาม" เขาว่า ฉันเลยขอบคุณเขาไป

    "ขอบคุณ" แต่ไม่ใช่แค่นี้ เพราะว่าการมีอยู่ของเขามันไม่ปกติ "แล้วทำไมถึงช่วย?"

    จะถามจนกว่าจะได้คำตอบและจนกว่าจะรู้เหตุผลที่แท้จริงของน้ำใจเขา

    "อยากช่วย" เขาตอบฉัน

    "ขอเหตุผลที่จริงกว่านี้" ฉันถามเขาไปอีก

    ครั้งนี้เขาไม่ตอบฉัน แต่พูดเหมือนบอกสอนกันมาแทน "หัดเชื่อที่คนอื่นบอกบ้าง" 

    ฉันเงียบ เม้มริมฝีปากเข้าหากันก่อนจะพูดออกไปว่า "ก็เพราะฉันเชื่อคนอื่นไหมเมื่อวานเลยเมาหมดสภาพแบบนั้นน่ะ" 

    ประสบการณ์ก็มีให้เห็น ก็น่าจะรู้ว่าที่ฉันเป็นแบบนั้นเพราะเชื่อในความรักจอมปลอมของแฟนเก่าน่ะ

    ระหว่างที่กำลังตอกย้ำตัวเองเกี่ยวกับรักครั้งก่อนรามก็พูดเสียงเรียบขึ้นมาด้วยประโยคที่ฉันไม่เข้าใจอีกครั้ง

    "งั้นก็เชื่อแค่ฉัน"

    ฉันหันไปมองหน้าเขา ตามปกติเขาต้องมองมา แต่เพราะไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดีเขาเลยจดจ่อกับการขับรถมากกว่าการหันมามองหน้าฉัน

    อะไรของเขา... วันก่อนบอกว่าจะดูแล มาวันนี้บอกให้เชื่อแค่เขา 

    มาทำเหมือนชอบฉันงั้นแหละ 

    "นี่ ถึงแฟนเก่าฉันจะมีใหม่ไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันพร้อมจะมีใหม่เลยนะ" ฉันบอกเขาไป สายตายังไม่เคลื่อนไปจากเขา ยังคงจ้องมองอยู่แบบนั้นจนเห็นว่ารามยักไหล่ให้ฉันแทนคำตอบ "ยักไหล่นี่คือ?"

    "ไม่ได้สนใจขนาดนั้น" เขาว่าก่อนจะตีไฟเลี้ยวเพื่อจอดข้างทางแล้วเปิดประตูลงไปข้างล่าง

    แต่ก่อนที่เขาจะปิดประตูลงไป คนคัวสูงก้มมองหน้าฉันแล้วพูดเสียงเรียบเรื่อย ด้วยหน้าตาไม่ได้มีความรู้สึกอะไรออกมาว่า


    "พร้อมมีใหม่ตอนไหนก็บอก"


    แล้วก็เดินเข้าไปในร้านอาหารตามสั่งร้าหนึ่ง

    ฉันไม่ได้อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองนะ แต่ว่าแบบนี้มันเหมือนกับเขากำลังจีบฉันไม่ใช่หรอ?

    ถามจริง?

    เขาเนี่ยนะ?

    ฉันสะบัดไล่ความคิดไร้สาระออกไปจากหัวก่อนจะลงจากรถไปด้วยเพราะเริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาแล้วเล็กน้อย ก่อนลงก็ไม่ลืมที่จะดับเครื่องยนต์เอาไว้ด้วย และเมื่อลงมาถึงข้างล่างฉันก็ลากสังขารเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างๆ รามแล้วยกมือขึ้นจับที่ชายเสื้อนักศึกษาของเขาแล้วออกแรงดึงเพื่อให้เขารู้ว่าฉันลงมาด้วยนะ ก่อนจะได้รับสายตาตำหนิจากเขาที่ส่งมาทางฉัน

    "อะไร?" ฉันถามออกไปแล้วมองตามสายตาของเขาที่ละจากฉันเพื่อไปมองรถ "อ๋อ นี่กุญแจรถ" ยื่นให้เขาแล้วปล่อยมืออีกข้างที่จับชายเสื้อเขาไว้ออก

    "จับไว้ เดี๋ยวล้ม" เขาว่าแบบนั้นก่อนจะจับมือฉันให้ไปจับที่แขนของเขาไว้ ฉันเลยยอมทำตามที่เขาว่าอย่างว่าง่าย

    ก็ไม่ได้มีสาเหตุอะไรให้ขัดขืนตั้งแต่ต้น จับไว้ก็เป็นนผลดีแต่ตัวฉันก็แค่นั้น

    "อีกนานไหมอ่ะ?" ฉันถามเขาพร้อมกับชะโงกหน้าไปดูจำนวนคนที่อยู่ข้างหน้าฉันด้วยว่ามีอีกกี่คน ก่อนจะมองเข้าไปในร้านว่ามีที่นั่งเยอะแค่ไหน เพราะดูๆ แล้วถ้านั่งกินที่ร้านน่าจะได้เร็วกว่า

    "อีกสองคิว" รามตอบพร้อมกับถามฉันต่อ "จะกินอะไร?"

    "อยากกินหมูกรอบผัดน้ำมันหอย" ฉันตอวเขา รามพยักหน้ารับก่อนจะเดินขยับไปข้างหน้าเมื่อคิวก่อนหน้าได้แล้ว 

    ฉันชะโงกหน้ามองอีกรอบแล้วถามเขาออกไปอย่างสงสัย "นายจะสั่งอะไร?"

    ที่ถามเพราะระหว่างเรามันเงียบเกินไป ปกติตอนฉันอยู่กับพี่แทนเราไม่ได้เงียบขนาดนี้ ฉันจะคอยถามเจา เขาจะคอยตอบแล้วต่อบทสนทนากัน ไม่ได้เงียบแบบนี้ แต่ลึกๆ ฉันก็เข้าใจว่าทำไมเราถึงเงียบ เพราะระหว่างเรามันเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วและดูๆ ไปเขาก็ไม่ใช่คนพูดมากด้วย ฉันเลยเข้าใจ...แต่ก็อึดอัดอยู่ดี

    ไหนๆ เขาก็ยื่นมือมาช่วยฉันหลายอย่างแล้ว งั้นก็คิดซะว่าเราเป็นเพื่อนก็แล้วกัน

    เป็นเพื่อนกัน จะถามเรื่องพื้นๆ กันแบบนี้ก็คงไม่แปลกอะไร

    "สั่งเหมือนกันได้เร็ว" เขาตอบแล้วเตรียมจะสั่งคนรับออเดอร์ไป แต่ฉันก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

    "เอาคนละเมนูสิ" ว่าพร้อมกับดึงแขนเขาเอาไว้ด้วยก่อนจะเงยหน้ามองเขาแล้วพูดต่ออีก "จะได้แบ่งกันกินไง"

    รามนิ่ง

    เขามองหน้าฉันแล้วนิ่งไป แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาคนตัวสูงก็ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของฉันแล้วยกมือขึ้นมาลูบผมฉันเบาๆ จากนั้นค่อยหันไปสั่งอาหาร

    "ข้าวหมูกรอบผัดน้ำมันหอยกับกะเพราไก่ไข่ดาวกลับบ้านครับ" 

    ฉันที่ได้ยินแบบนั้นก็ลอบยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่ก็ได้ไม่นานเพราะถูกเขาลูบผมอีกครั้งอย่างเพลินมือ

    "พอ ผมฉันยุ่ง" ฉันพูดเสียงดุออกไปก่อนจะเบี่ยงหัวของตัวเองออกการจากลูบของเขาแล้วเงยหน้ามองคนตัวสูงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แต่แทนที่รามจะเข้าใจจุดประสงค์ของคำพูดและการกระทำนี้แล้วหยุดลูบผม กลายเป็นว่าเขาไม่หยุดและเพิ่มขั้นขึ้นมาอีกหนึ่งจากการลูบเป็นการขยี้...

    ไอ้บ้านี่...

    ฉันอ้าปากค้างมองหน้าคนตัวสูงแล้วได้แต่ก่นด่าเขาในใจเพราะพูดออกไปก็คงจะไม่มีเท่าไหร่ แต่แล้วความคิดของฉันก็พังลงเมื่อเสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นมาเมื่อถึงจุดหนึ่งของการขยี้เรือนผมของฉัน

    "เหมือนหมาเลย"

    "นายสิหมา" ว่าแล้วก็ปัดมือเขาออกไปด้วยความแรงระดับหนึ่งแล้วมองแรงใส่เขาไประหว่างจัดผมตัวเองให้เรียบร้อย

    รามก้มหน้ามองฉันนิ่งก่อนจะตอบกลับว่า "ไม่ใช่หมา ไม่เคยขออาหารเจ้าของ"

    ได้ยินแบบนั้นก็รีบเถียงขึ้นมาทันที "ฉันก็ไม่เคย!" 

    รามส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดออกมา "เมื่อกี้เธอขอ" แล้วก็ใช้นิ้วชี้มาเกาคางฉันเล่นก่อนจะพูดต่ออีก "พอทำตามที่ขอก็ดีใจ" 

    "......" เถียงไม่ออกเพราะเมื่อกี้ดีใจจริงๆ

    "ถ้ามีหางก็คงสะบัดไปมาแล้ว" 

    "......" ครั้งนี้เหมือนเห็นภาพปฏิกิริยาของตัวเองเมื่อครู่เลยว่าตอนแอบลอบยิ้มเป็นยังไง

    "เหมือนหมา"

    แต่พอพูดแบบนี้แล้วไม่ชอบยังไงก็ไม่รู้ "จิ๊! พอได้แล้ว" ฉันพูดเสียงแข็งอีกครั้งก่อนจะเบี่ยงหน้าหลบนิ้วชี้ที่ยังคงเกาคางฉันอยู่

    ครั้งนี้คนตัวสูงไม่ได้มีปฏิกิริยาคล้ายจะตามมาทำแบบเมื่อกี้อีก แต่สายตาที่มองมาดูมีประกายบางอย่างซุกซ่อนอยู่

    รามยกมือขึ้นมาแบไว้ข้างหน้าฉันแล้วก้มหน้าลงไปมองฝ่ามือของเขาโดยไม่พูดอะไร แต่ฉันก็เข้าใจทันทีว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

    "นี่นายขอมือฉันหรอ!?" พูดพร้อมกับตีมือตัวเองลงบนฝ่ามือของเขาหนึ่งครั้งแล้วจับมือเขาไปวางแนบลำตัวเหมือนเดิม 

    ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ไม่ต้องมาพูด ไม่ต้องมาเล่นด้วยแล้ว

    ไม่อยากเป็นเพื่อนด้วยแล้ว!

    "หึ" เสียงคนตัวสูงหัวเราะในลำคอทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเขา มือที่จับมือของเขาให้แนบลำตัวถูกนิ้วแกร่งพยายามสอดประสานระหว่างนิ้วเรียวเล็กของฉัน ก่อนจะสำเร็จอย่างง่ายดายเพราะไม่ได้มีท่าทีขัดขืนเขา...อีกแล้ว

    แต่เพราะการกระทำแบบนั้นของเขา ฉันเลยยกมือทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นมาปิดหน้าพร้อมกับพึมพำด่าเขาเสียงเบาว่า "ไอ้บ้าเอ้ย" โดยที่มือเขาก็กอบกุมมือของฉันไว้อยู่เหมือนเดิม

    "ได้ยิน" เพราะแบบนั้นหลังสิ้นเสียงของเขา หน้าผากฉันเลยโดนหลังมือของเขาดันเบาๆ เหมือนเป็นการเอาคืนที่โดนฉันด่าว่าไอ้บ้า

    "พอได้แล้ว ไม่งั้นฉันไม่เป็นเพื่อนนายแล้วนะ" ฉันพูดความในใจของตัวเองออกไป

    รามนิ่งพร้อมขมวดคิ้วมองหน้าฉันอย่างไม่เข้าใจก่อนจะพูดเสียงเรียบ "เป็นเพื่อนอะไร? ฉันเป็นพี่"

    "แค่ปีสองปีเอง" ฉันว่า "ไหนๆ ก็ออกตัวปกป้องกับช่วยฉันตั้งสองรอบแล้วก็มาเป็นเพื่อนกันเถอะ"

    เขาพยักหน้าให้เหมือนเข้าใจ แต่ก็พูดขึ้นมาสวนการกระทำของตัวเอง "เมื่อกี้เพิ่งบอกว่าจะไม่เป็นเพื่อน"

    "ก็นายแกล้งฉัน" ฉันอธิบาย

    "ก็เลยจะไม่เป็นเพื่อน?" เขาถาม

    "ใช่" ฉันตอบ

    "แต่เมื่อกี้เพิ่งชวนฉันเป็นเพื่อน" เขา...กวนตีน

    "ไม่เอาแล้ว ไม่อยากเป็นเพื่อนด้วยแล้ว" ฉันพูดอย่างเบื่อหน่าย

    "หึๆ" รามหัวเราะในลำคอออกมาเล็กน้อย

    "ขี้เกียจพูดด้วยแล้ว" ฉันว่าก่อนจะดึงมือออกจากฝ่ามือเขา แต่ก็ทำไม่ได้เพราะรามเพิ่มแรงบีบประสานมือมากขึ้น แล้วยกมือเราขึ้นมาดันแก้มฉันหนึ่งทีก่อนจะหันไปรออาหารอย่างใจจดใจจ่อ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่วายพูดขึ้นมาอีกว่า

    "เธอเหมือนหมาจริงๆ นั่นแหละ" 

    เขามันคนกวนตีนหน้าตาย...

    หลังจากที่เราเถียงกันไปมาด้วยเรื่องไร้สาระเราก็ยืนรออาหารด้วยกันเงียบๆ ไม่พูดไม่จาอะไรกันอีก เพราะไม่มีอะไรจะพูด จนได้อาหารเราก็กลับมานั่งกินที่คอนโดกัน

    ปกติฉันไม่ค่อยทำอาหารกินที่คอนโดเพราะออกไปทานข้าวข้างนอกตลอด โต๊ะทานข้าวภายในห้องเลยดูใหม่มากเพราะรามก็น่าจะไม่ได้ทานที่คอนโดเหมือนกัน

    แต่อุปกรณ์การทำอาหารที่นี่มีครบเลยนะ สงสัยต้องลองซื้อของสดมาทำกินเองบ้างแล้วแหละ

    ส่วนตอนนี้...ประสบการณ์ใหม่ของฉันเลยที่มานั่งกินข้าวกับเพื่อนร่วมห้องน่ะ

    "ขอไก่ชิ้นนึง แลกกับหมูกรอบนะ" ฉันว่าพร้อมกับตักหมูกรอบของตัวเองขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วยื่นไปข้างหน้าเขา พอรามพยักหน้าอนุญาตฉันก็วางลงแล้วตักไก่ของเขาขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้ววางลงในจานของตัวเองทันที เมื่อวาวเสร็จแล้วก็เงยหน้าแล้วมองหน้าเขาว่าคนตัวสูงมีปฏิกิริยาแบบไหนก็เห็นประกายบางอย่างซุกซ่อนในดวงตาคมเข้มนั่นอีกแล้ว

    เหมือนตอนที่อยู่ร้านอาหารเลย...

    เหมือนตอนที่เขาบอกว่า...

    "เหมือน..."

    "หยุดบอกว่าฉันเหมือนหมาได้แล้ว" นายคนนี้นี่

    พูดอีกครั้งเดี๋ยวหมาตัวนี้จะกัดเขาให้ดู 

    บรรยากาศระหว่างที่เรานั่งทานข้าวกันเรียกได้ว่าเกือบเงียบเป็นเพราะฉันคอยถามเกี่ยวกับตัวเขาเกือบตลอดเวลา

    ก็อย่างที่บอกไปว่าฉันจะคิดว่าเขาเป็นเพื่อน ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นเพื่อนที่ไม่น่าคบก็เถอะ แต่อย่างน้อยฉันก็ควรรู้อะไรเกี่ยวกับเพื่อนร่วมห้องของฉันบ้าง

    แต่เท่าที่ได้มามันก็เป็นเรื่องที่ฉันรู้อยู่แล้ว...

    ก็ช่างเถอะ

    ดีกว่าไม่ถาม ไม่ใส่ใจเขาล่ะนะ

    ถึงเมื่อก่อนฉันจะไม่ได้ใส่ใจเขาก็เถอะ แย่เราต่างฝ่ายก็ไม่ได้สนใจกัน ดังนั้นมันไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก

    "ถามอะไรอีกไหม? บ่ายสองจะออกไปเรียน"

    ฉันนั่งคิดระหว่างที่กำลังดูโทรศัพท์ที่ห้องนั่งเล่นไปด้วยก่อนจะถามเขาออกไป "คืนนี้ดื่มกันไหม?"

    "??????"

    "ดื่มเป็นเพื่อนหน่อย" ฉันว่าอีกเพราะกลัวเขาจะไม่เข้าใจ 

    รามพยักหน้าหน่อยๆ แล้วเกินไปเอาเอกสารในห้องของเขาก่อนจะออกมานั่งอยู่บนโซฟาข้างกันเหมือนเดิม

    สองวันก่อนภาพแบบนี้ยังไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นเลยแท้ๆ แต่มาวันนี้เรากลับมานั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกันแล้ว...

    ค่อนข้างตกใจอยู่นิดหน่อย แต่เดี๋ยวเราก็ชินไปเองแหละ

    "เดี๋ยวเลิกเรียนจะซื้อขึ้นมาด้วย"

    เพราะก่อนที่เขาพูดประโยคนี้เหทือนเขาไม่ได้ใส่ใจมาก ฉันเลยไม่ได้คาดหวังว่าวันนี้จะได้ดื่มตามที่ตัวเองต้องการ แต่พอตกเย็นฉันที่นั่งอยู่โซฟากลางห้องกำลังคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่ก็ต้องชะงักเมื่อรามกลับมาห้องพร้อมกับถุงจากร้านสะดวกซื้อหน้าคอนโด

    เขาเดิมมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันก่อนจะวางถุงที่ว่านั้นลงแล้วบอกฉันว่า "นิดเดียว เดี๋ยวเมา"

    ก่อนจะเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นทั่วไปแล้วออกมานั่งลงบนพื้นตรงหน้าโซฟา

    "ฉันไม่คิดว่านายจะซื้อมานะเนี่ย" ฉันว่าพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบกระป๋องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเปิดแล้วยกขึ้นดื่ม

    ครั้งแรกที่ฉันยุ่งกับของพวกนี้...ตอนนั้นฉันทะเลาะกับแม่เลยดื่มประชดแม่ จำได้ว่าตอนนั้นฉันโดนทั้งดุ ทั้งตี แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะดื่มไปแล้ว ให้คายออกมาก็คงทำให้ไม่ได้

    ครั้งที่สองฉันลองแอบซื้อดื่มเองที่บ้านเพราะอยากรู้อยากลอง ผลก็ไม่มีอะไรมากเพราะฉันดื่มไปแค่แก้วเดียว แต่แค่แก้วเดียวก็มึนแล้ว

    ส่วนหลังจากนั้นไม่มีอะไรต้องแอบเพราะฉันได้ใช้ชีวิตอิสระเต็มที่เนื่องจากแม่ได้หนีไปแต่งงานใหม่ที่ต่างประเทศแล้ว

    หนีไปแล้วทิ้งฉันไว้แค่คนเดียว... ดีจริงๆ

    "หึ" ฉันแค่นหัวเราะออกไปเมื่อนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ของชีวิตตัวเอง

    นึกถึงครอบครัวที่เรียกได้ไม่เต็มปากว่ารักกันดี

    นึกถึงวันวานที่มีแค่เพื่อนสนิทเท่านั้น

    นึกออกแค่นี้จริงๆ

    "หัวเราะอะไร?" เสียงรามดึงความสนใจทั้งหมดของฉันไป เขาถามก่อนจะเปิดกระป๋องที่ยังอยู่ในถุงออกดื่มเป็นเพื่อนตามที่ฉันชวนเขาดื่ม

    ส่ายหน้าให้เขาก่อนจะลงไปนั่งที่พื้นข้างๆ เขาแล้วพูดออกไป "แค่นึกถึงเรื่องตลกเฉยๆ" 

    พูดจบก็ยกกระป๋องขึ้นดื่มอีก

    นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมานั่งดื่มกับคนแปลกหน้าแบบนี้ 

    พูดก็พูดนะ ขนาดพี่แทนยังไม่รู้เลยว่าฉันดื่มได้น่ะ ตอนที่คบกันฉันเคยดื่มไปแค่ไม่กี่ครั้งเพราะเขาจะคอยบอกว่ามันไม่ดี ฉันก็จะเชื่อฟังเขา แต่สุดท้ายก็มาดื่มหนักเพราะเขาอยู่ดี

    ส่วนวันนี้แค่นึกอยากดื่มเฉยๆ ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรแอบแฝงเลยสักนิด

    บางทีฉันก็อยากจะปล่อยให้ความรู้สึกที่ผ่านมาในวันนี้ทั้งวันสงบลงไปบ้าง

    อยากลืมไปให้หมดเลยว่าวันนี้เจออะไร หรือได้ยินอะไรมา แต่พอนึกถึงคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ ก็ได้แต่สลัดความคิดพวกนั้นทิ้งไป

    ฉันเลิกกับแฟน...แล้วไง

    วันนี้ฉันได้เพื่อนเพิ่มมาหนึ่งคน

    ใช่ไหมนะ?


    บทบรรยาย:: ราม

    วันนี้ที่รักชวนผมดื่ม...

    แปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ถามออกไปว่าเนื่องในโอกาสอะไร นึกอยากจะถามตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วเพราะคนตัวเล็กตอนนี้เหมือนจะเริ่มกรึ่มๆ เล็กน้อย

    ผมไม่รู้ว่าปกติเธอดื่มได้เยอะแค่ไหน แต่วันนี้เธอเพิ่งดื่มหมดไปสามกระป๋องเท่านั้นเอง และผลลัพธ์ที่ได้ในตอนนี้คือที่รักนั่งเอียงซ้ายเอียงขวาไปมาอยู่ระหว่างขาของผม...

    อย่าเพิ่งสงสัยเพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงมานั่งตรงนี้น่ะ

    ตอนแรกเธอไม่ยอมอยู่นิ่งด้วยซ้ำ ดีแค่ไหนที่ตอนนี้เธอยอมอยู่นิ่งๆ ไม่ดิ้นไปดิ้นมาให้ผมเหนื่อยรับมือกับเธอน่ะ

    แต่ว่านะ... นั่งเอียงไปมาแบบนี้มันดีแล้วหรอ?

    "กลับไปนั่งที่เดิม" ผมพูดพร้อมกับชันเข่าข้างขวาขึ้นเพื่อที่ที่รักจะไม่ได้ต้องข้ามไปมาเวลาจะย้ายที่นั่ง แต่คนตัวเล็กกลับหยุดนิ่งไม่ยอมเคลื่อนที่ไปไหนเลย

    "อยากนั่งด้วย" เธอบอกผมแบบนี้

    "ไปนั่งข้างกันก็ได้" ผมว่า

    "หื่อ จะนั่งกับราม" เธอยังย้ำคำเดิมอยู่ แต่ครั้งนี้คนตัวเล็กเริ่มขยับตัวแล้ว

    เธอหมุนตัวหันเข้ามาหาผมก่อนจะจ้องกันด้วยสายตานิ่งเรียบของเธอ

    นิ้วเล็กๆ จิ้มเข้าที่หน้าอกของผม

    จิ้มมันซ้ำๆ แล้วขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้นกว่าเดิมอีก

    วินาทีที่ใบหน้าของเธอเคลื่อนเข้าใกล้ผม...วินาทีนั้นผมรู้ได้ทันทีเลยว่าที่รักเริ่มเมาอีกแล้ว

    เหตุการณ์เมื่อวันก่อนย้อนเข้ามาในหัวผมแทบจะทันทีที่เธอเริ่มคลอเคลียไปกับลำคอของผม

    นี่ก็เหมือนกัน...ผมไม่รู้ว่าปกติเวลาที่รักเมาเธอเป็นแบบนี้ไหม แต่ถ้านี่เป็นเรื่องปกติ คราวหลังของมึนเมาทั้งหมดจะเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับที่รักทันที

    "นั่งใครนั่งมัน" ผมเริ่มกดเสียงต่ำเพื่อดุเธอ

    แต่ดุคนเมามันจะไปได้อะไร?

    "นิสัยไม่ดี" ที่รักว่าก่อนจะใช้แขนทั้งสองข้างค้ำกับโซฟาที่ผมพิงอยู่แล้วจ้องกันเขม็ง 

    "อะไร?" ผมถาม

    "ชอบแกล้งที่รัก" เธอตอบ

    แกล้งที่ว่าคงไม่พ้นเรื่องเมื่อตอนเที่ยง...

    ผมไม่รู้ว่ามันมีคำที่ดีกว่านี้ไหม แต่มองยังไงปฏิกิริยาของที่รักเวลาได้ของที่อยากได้ เธอเหมือนหมาเลย

    น่าเอ็นดู 

    น่าลูบผม 

    น่าให้รางวัล

    ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีที่จะบอกว่าเธอเหมือนหมาเลย แค่ผมนึกคำพูดดีๆ ไม่ออกก็เท่านั้นเอง

    เข้าใจไหม? หมาก็คือหมา ทำไมต้องไปสรรหาคำอื่นมาแทน?

    รู้ว่าเธอไม่พอใจ แต่ไม่คิดว่าแม้แต่ตอนนี้เธอก็ยังไม่พอใจอยู่

    "ก็เหมือนจริง" ผมตอบกลับคำพูดที่เธอทิ้งท้ายเอาไว้

    ที่รักนิ่งไปก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วถามออกมา

    "เหมือนไร?" น้ำเสียงดูหาเรื่องดี

    "หมา" แต่ถึงน้ำเสียงเธอจะดูหาเรื่องยังไง ผมก็ไม่คิดจะมีเรื่องกับเธอหรอกนะ

    ผมถอนหายใจก่อนจะวางกระป๋องเครื่องดื่มที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะหน้าโซฟาแล้วรวบแขนทั้งสองข้างของที่รักเอาไว้ก่อนจะดันเธอออกห่าง

    ที่รักไม่ได้มีท่าทีขัดขืน มีเพียงแต่สายตาไม่เปผ้นมิตรที่มองมาตั้งแต่ผมพูดคำว่า 'หมา' ออกจากปากแล้ว

    "นั่งดีๆ อย่าดื้อ" ผมบอกเธอ

    เธอเริ่มออกแรงขัดขืน 

    ผมปล่อยเธอเป็นอิสระแล้วนั่งมองดูว่าคนตัวเล็กจะทำยังไง ปรากฏว่าเธอทิ้งตัวลงบนแผงอกผมก่อนจะใช้แขนทั้งสองข้างกอดรอบตัวผมเอาไว้แล้วพูดเสียงอู้อี้

    "เป็นเพื่อนกับที่รักน้าา" กลับมาประเด็นเดิมที่พูดค้างไว้เมื่อตอนเราสั่งข้าวด้วยกัน

    นี่ผมเริ่มสงสัยแล้วนะว่าช่วงที่ผมไปเรียนน่ะเธอได้คอดเรื่องอื่นบ้างไหม ทำไมแต่ละเรื่องที่พูดออกมามันมีแต่เรื่องที่เราพูดวันนี้ทั้งนั้นเลย

    ผมถอนหายใจออกมาแล้วยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเพื่อกอดเธอตอบแล้วพูดเสียงเรียบออกไป

    "ตามใจแล้วกัน" 

    อยากเป็นอะไรก็เป็น

    อยากกำหนดสถานะระหว่างเราว่ายังไงก็ตามแต่ใจของเธอ

    ผมน่ะได้หมดอยู่แล้วเพราะหน้าที่ของผมมีแค่ดูแลเธอแค่นั้น

    ดูแลเธอให้ดีตามที่น้องสาวผมฝากเอาไว้

    ใช่ ที่บอกแฟนเก่าของเธอไปว่าจะดูแลเธอเองก็เพราะมันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว 

    ที่วันนี้ไปช่วยเธอจากเหตุการณ์ตรงลานคณะก็เพราะว่ามันคือหน้าที่ 

    ที่คอยแอบจับตาดูแลความเรียบร้อยต่างๆ ของที่รักมาตลอดสองปีก็เพราะหน้าที่เหมือนกัน

    เพราะผมรับปากกับน้องสาวตัวเองว่าจะดูแลที่รักให้ แลกกับการที่ให้เธอหาห้องหรือเพื่อนร่วมห้องมาให้ผม ในเมื่อตอนนี้ผมได้ตามที่ตัวเองต้องการ ถ้าไม่ทำตามที่ตกลงไว้มันก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่ ผมก็เลยคอยดูแลเธออยู่ห่างๆ แม้ว่าเธอจะไม่รู้ตัวก็ตาม

    เดิมทีก็ไม่ได้อยากให้เธอรู้อยู่แล้ว เพราะรู้ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ผมก็เลยอยู่มุมมืดของตัวเองมาตลอด จนวันนั้น...วันที่แฟนเก่าเธอโทรมา บังเอิญว่าคำพูดของมันไม่ค่อยรื่นหูผมเท่าไหร่ ผมก็เลยตอบโต้มันไปแบบนั้นให้ทั้งเธอและมันได้ยินด้วย

    และในเมื่อเธอได้ยินไปแล้วว่าผมจะดูแล ผมเลยตัดสินใจทำทุกอย่างให้มันเปิดเผยไปหมด

    มันไม่มีอะไรซับซ้อนเลย...

    มีก็แต่เรื่องของคืนนั้นก็เท่านั้นเอง

    ผมยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับน้องสาว และนึกภาพไม่ออกด้วยว่ายัยตัวแสบจะมีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้ยังไง แต่ถ้าให้เดา...เธอต้องด่าผมจนลืมทางกลับบ้านแน่

    ผมส่ายหัวให้กับความคิดของตัวเอง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนเมาพูดขึ้นมาพอดี

    "ที่รักรักรามนะ"

    เธอพูดประโยคนี้ออกมาด้วยความรู้สึกไหนผมไม่รู้ แต่ว่าก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายของผมมันมีปฏิกิริยากับคำพูดของเธอก็เท่านั้นเอง

    "รามอ่ะ คิกๆ"






    Hashtag On Twitter
    #ที่รักของราม

    Talk1
    เม้นนะ

    Talk2
    เม้นจิ เม้นมา บังคับนะ

    Talk3
    อ่านเสร็จแล้วเม้นโหน่ยยยย

    Talk4
    พี่รามก็แค่ดูแลที่รักตามที่น้องสาวฝากแค่นั้นน้าา ไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้น้าาาา คิ้กค้าก


    เสพติดรัก
    1 เม้น = 1 กำลังใจน้า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×