ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาลิโดร่า..สาวงามแห่งเคลาคัส

    ลำดับตอนที่ #20 : ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึงอดีตที่ลืมสิ้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 729
      0
      12 มิ.ย. 52



     

    “เจ้ามองหาอะไรอยู่” เสียงสตรีเอ่ยถาม เมื่อชายหนุ่มนำทางมาได้พอสมควร ฟ้ากำลังจะมืด หล่อนไม่อยากนึกถึงค่ำคืนกลางป่าไพรที่ไม่มีกระโจมไว้กันลมหนาวและน้ำค้าง คง..ไม่น่าสนุกเท่าใดหรอก


    “ถ้ำพระเจ้าค่ะ ถ้าหาเจอได้ เราก็สบายไปคืนหนึ่ง” 


    ขาทั้งสองคู่เหยียบย่ำหญ้ารกไปอีกระยะหนึ่งจนแสงอาทิตย์เกือบจะลาลับขอบฟ้า เป็นสัญญาณให้รู้ว่า ถ้าช้ากว่านี้ จะไม่เหลือแสงสว่างให้ทำอะไรได้อีก นาธานเนลเริ่มชั่งใจว่าจะเลิกมองหาแล้วตั้งกองไฟเลยดีหรือไม่ เพราะถ้าชักช้าจนแสงผ่านพ้น พวกเขาจะแย่ยิ่งกว่านี้ ทว่าเสียงของสาวข้างกายก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน นิ้วเรียวราวลำเทียนของนางชี้ตรงไปทางด้านข้าง


    “นั่น! ใช่ไหม” เสียงของนางเต็มไปด้วยความหวัง นาธานเนลจึงเดินไปสำรวจ


    “รออยู่ที่นี่นะพระเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าข้างในจะมีตัวอะไรหรือเปล่า”


    ชายหนุ่มค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไป เพดานถ้ำเตี้ยจนเขาต้องก้มหัว ในมือมีไม้ท่อนยาว คอยเขี่ยตามพื้นเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีตัวอะไรแฝงอยู่ ถ้ำคล้ายหลุมตื้นๆ ไม่มีทางไปต่อ สบายใจว่าไม่มีสัตว์ร้ายใดแอบซ่อนอยู่ข้างใน เมื่อนาธานเนลสำรวจจนแน่ใจว่านอกจากแมลงแล้ว ไม่พบสัตว์พิษอื่น จึงค่อยวางใจ นำเสด็จฯเจ้าหญิงเข้ามาพักผ่อน โดยตนเองเป็นคนก่อไฟ โชคยังดีที่เอวเขามีกระบอกไม้ไผ่ห้อยติดอยู่ เมื่อครู่ที่ผ่านธารน้ำเล็กๆ จึงรองมาเก็บไว้ 


     
    เสียงกิ่งไม้แห้งถูกไฟแผดเผาดังขึ้นเป็นระยะ คาลิโดร่านั่งลงหน้ากองไฟ กอดกระชับร่างของตน ปล่อยให้อีกฝ่ายเดินวุ่นทำหน้าที่ต่างๆ ไป หญิงสาวนิ่งคิดว่าตนควรจะเข้าไปช่วยหรือไม่ ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น อย่างน้อยที่สุด ถ้านางพลัดหลงกับเหล่าองครักษ์ แน่นอนว่านางจะอาสาช่วยทำอะไรบ้างแน่ๆ แม้ว่าคนพวกนั้นไม่อยากให้นางหยิบจับอะไรเลยก็ตาม 


    แต่กับผู้ชายที่ไม่คุ้นเคยคนนี้ นางไม่แน่ใจนักว่าจะทำตัวอย่างไร จะทำองค์เป็นเจ้าหญิงสูงศักดิ์หยิ่งพระยศที่ไม่แตะต้องอะไรให้มัวหมอง หรือผู้หญิงธรรมดาสามัญที่เต็มใจเข้าช่วยงานทุกอย่าง ท้ายที่สุด จึงนิ่งเฉยเสีย ถ้าเขาต้องการให้นางช่วยทำอะไร ก็ต้องมาเอ่ยปากเอง จะได้ไม่หาว่านางเข้าไปยุ่งวุ่นวายในหน้าที่บุรุษ


    ผลไม้สุกกองอยู่ตรงหน้า ไม่มากเท่าไร แต่ก็เพียงพอสองชีวิตประทังความหิวไปพ้นค่ำคืนนี้ได้ ชายหนุ่มนั่งลงอีกด้านของกองไฟ ในป่าแบบนี้ สิ่งสวยงามที่น่ามองที่สุดก็คงไม่พ้นอิสตรีที่นั่งตรงข้าม ดวงตาสีเข้มของบุรุษจ้องมองร่างบางที่เริ่มหนาวขึ้นมา แม้ว่าจะอยู่ใกล้กองไฟ เขาส่งเสื้อคลุมให้ หากหล่อนส่ายหน้า


    “ข้าจะไม่เอาเปรียบเจ้าขนาดนี้” คาลิโดร่าเอ่ย


    “กระหม่อมชินแล้ว ถ้าพระองค์สวมชุดสตรีอย่างที่เคยเป็นคงจะหนาวน้อยกว่านี้” นาธานเนลตอบกลับ เพราะชุดสตรีจะมีเนื้อผ้ามากกว่า อย่างน้อยที่สุดก็เป็นกระโปรงยาวจรดปลายเท้า ไม่ใช่สั้นเช่นนี้ โชคยังดีที่เรียวขาของนางเปรอะเปื้อนดินเปื้อนโคลนอยู่ มิเช่นนั้นไม่อยากคิดเลยว่าเขาจะต้องอดทนอดกลั้นเพียงใด เมื่อได้อยู่กับนางตามลำพัง “ยังไงเสียกระหม่อมก็หนาวน้อยกว่าพระองค์แน่”


    เมื่อหญิงสาวไม่มีท่าทีจะยื่นมือมารับ นาธานเนลก็ถอนหายใจเฮือก ใครใช้ให้เขาตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้นนะ จะให้โทษอะโฟรไดทิ โทษอีรอส หรือโทษตัวเองดี ชายหนุ่มลุกขึ้นเอาผ้าคลุมไหล่ไปคลุมร่างบางให้อย่างทะนุถนอม ไออุ่นยังติดอยู่กับเนื้อผ้าให้หญิงงามคลายหนาวได้ในทันที


    “ข้า..เอาเปรียบเจ้าเกินไปหรือเปล่า”


    สายตาของนางที่อ่อนลง เสียงที่ไม่แข็งกระด้าง นาธานเนลสุดที่จะระงับหัวใจไว้ได้จริงๆ เขาก้มลง มือยันพื้นไว้ ใบหน้าเข้าใกล้จนริมฝีปากอยู่ห่างไม่ถึงคืบ


    “งั้นพระองค์จะยอมให้กระหม่อมเอาเปรียบหน่อยได้ไหม” 


    แล้วริมฝีปากหนาก็ทาบทับอย่างรวดเร็วจนคนฟังไม่ทันตั้งตัว คนไม่เคยถูกชายใดสัมผัสอย่างใกล้ชิดมาก่อนตกตะลึง สติที่มีลอยหายชั่วขณะ มือแกร่งกระชับเอวร่างบางเข้าหาแนบสนิทแล้วถึงรู้ว่าเป็นการกระทำที่ผิดมหันต์ เปลวไฟในหัวใจยิ่งแผดเผากว่าเมื่อครู่ ริมฝีปากรุกเร้าเรียกร้องไม่หยุดราวจะขาดใจถ้าไม่ได้มากกว่านี้ มือเรียวกำเสื้อชายหนุ่มแน่นขึ้น รับรู้ได้ถึงแผ่นอกที่เบียดเข้าหา ปฏิกิริยาที่ควรผลักไสทุกอย่างดูรางเลือนไปหมด


    ชั่วพริบตาที่เหมือนเวลาหยุดเคลื่อนไหว เสียงสรรพสิ่งถูกแช่แข็ง แกนกลางของโลกกลับกลายเป็นผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าสามารถบังคับให้ทุกสิ่งเป็นไป หัวสมองขาวโพลนไม่มีการสั่งการใดๆ ทุกอย่างที่ตอบสนองล้วนเป็นการกระทำจากร่างกายทั้งสิ้น ปลายลิ้นที่สอดประสาน ตักตวงและละโมบ ริมฝีปากชายหนุ่มถอดถอน ย้ายไปแตะที่พวงแก้ม ไล้ลงไปยังซอกคองามระหง จากนั้นราวลมหายใจของเขาหอบอยู่ข้างๆ หู


    “พระองค์ทำเสน่หาใดไว้กันแน่.. ถึงทำให้กระหม่อมปรารถนาแต่พระองค์ไม่สร่าง”  


    สิ้นเสียงคาลิโดร่าก็ผลักร่างหนาเข้าเต็มแรงที่มี สติที่หลุดลอยเริ่มกลับคืน รับรู้ได้ว่าตอนนี้ เวลานี้ คือที่แห่งใด และกำลังทำอะไรอยู่


    “อย่ามาบังอาจกับข้านะ!” เสียงของหล่อนเข้มจัด ใบหน้าแดงก่ำ จนนาธานเนลอดหัวเราะไม่ได้ 


    “พระองค์ลืมอะไรไปหรือเปล่าพระเจ้าคะ เรา..แต่ง..งาน..กันแล้ว สามีใกล้ชิดภรรยาเป็นเรื่องผิดตรงไหนหรือ” 


    คาลิโดร่าสะอึกขึ้นมาทันที ด้วยพันธะนั้น นางไม่มีทางปฏิเสธความต้องการของสามีได้เลย หญิงสาวกำมือแน่นไม่คิดว่าแร้วที่นางวางไว้จะย้อนกลับมาดักตนเอง ดูราวกับแผนการอะไรที่วางไว้จะเข้าทางผู้ชายคนนี้ไปเสียหมด


    มือใหญ่เอื้อมมือมาตรงหน้า คาลิโดร่าหลบวูบด้วยสัญชาตญาณแล้วกระเถิบหนี


    “กระหม่อม..น่ารังเกียจสำหรับพระองค์ขนาดนั้นเลยหรือ”


    “เรามาตกลงอะไรกันหน่อยไหม” หญิงสาวมองหาทางหนีทีไล่ “โดยแท้จริงแล้ว ข้าไม่ปรารถนาการแต่งงาน กุญแจแห่งคาลิโดร่าที่ข้าทำขึ้นก็เพื่อเหตุนั้น ข้าอยากจะครองตัวเป็นพรหมจารีเฉกอาร์ทิมิส เจ้าปล่อยข้าไป ทำเสมือนว่างานแต่งงานระหว่างเราไม่เคยเกิดขึ้น แล้วเจ้า..” คาลิโดร่ากัดริมฝีปาก นางจะกล้าพูดได้อย่างไรว่า ถ้าต้องการสมบัติอะไร นางจะให้ เพราะถ้าเขาแต่งกับนาง ทุกสิ่งที่เป็นของนางก็ย่อมเป็นของเขาโดยสมบูรณ์เช่นกัน


    “ทำไมไม่ต่อให้จบล่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น เข้าใจความคิดของหญิงตรงหน้า ดวงตาเขาไหววูบเหมือนเปลวไฟ


    “ทำไมเจ้าถึงมาไขกุญแจของข้า” นางเอ่ยถาม เพราะถ้ารู้เหตุผลนั้น คงเอามาใช้ต่อรองได้ไม่ยาก ถ้าเหตุผลนั้นไม่ใช่..


    “พระองค์ไงล่ะ พระองค์ตรัสไม่ใช่หรือ ใครที่ไขกุญแจของพระองค์ได้จะได้อภิเษกกับพระองค์”


    “ถ้าเจ้าต้องการแค่สาวงาม ข้าหาให้เจ้าได้มากมาย”


    “ข้าต้องการแค่พระองค์”


    “ทำไม..” คาลิโดร่าครางอย่างจนตรอก “ทำไมถึงต้องการข้า ทำไมถึงต้องการคนที่ไม่มีใจให้ แค่บอกว่าเจ้าต้องการบัลลังก์เคลาคัส ต้องการผู้หญิงสักคน ต้องการอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ข้า”


    ชายหนุ่มลุกกลับไปนั่งอีกด้านของกองไฟ แต่ก็ยังคงมองหญิงสาวอย่างไม่ละสายตา


    “เราเคยรู้จักกันใช่ไหม ข้าจำอะไรไม่ได้เลย ชื่อของเจ้าข้าก็ไม่เคยได้ยิน”


    “ก็แล้วพระองค์เคยถามชื่อด้วยหรือ”


    คาลิโดร่าเงียบไป นั่นก็เป็นหนึ่งในนิสัยเสียๆ ของนาง ที่เวลาพูดจาอะไรกับใครโดยเฉพาะถ้าเป็นคนที่ถูกใจ หล่อนจะไม่ค่อยถามชื่อเสียงเรียงนาม


    “แสดงว่าเราเคยพบกันมาก่อน ที่ไหน? เจ้าบอกมาสิ เล่ามา..” 


    “ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึงอดีตที่ลืมสิ้น” นาธานเนลเอ่ยอย่างหงุดหงิด เพราะเขาจำได้ไม่เคยลืม แต่นางกลับลืมไม่คิดจะจำ “กระหม่อมอยากฟังเรื่องของพระองค์มากกว่า เล่าให้กระหม่อมฟังหน่อยสิ”


    “ก็ได้” นางพร้อมจะพูดทุกอย่างถ้าทำให้เขาไม่เข้าใกล้นางได้ “แต่ก่อนอื่น เจ้าเลิกพูดกระหม่อมกับข้าดีกว่า เวลาที่ข้าได้ยินอย่างนั้น ข้ารู้สึกเหมือนถูกประชดทุกที”


    นาธานเนลยิ้มฟันเรียงขาว เขาก็กึ่งประชดนางเช่นกัน เพราะฐานะของเขาหลังจากอภิเษกแล้ว นางสิควรจะเคารพและให้เกียรติ


    “ครับผม เจ้าหญิงของข้า”


    “แล้ว..จะให้ข้าเริ่มเล่าตั้งแต่ตอนไหน” นางหลบสายตาจากเขาไปมองกองไฟแทน เพราะรู้สึกได้ถึงความหวานที่ส่งมาให้อย่างไม่ทันตั้งตัว นาธานเนลมองกวาดไปทั่วร่างสาวงาม แล้วหยุดอยู่ที่เนินอกแม้ผ้าคลุมจะปกปิดมิดชิดไม่มีส่วนใดนอกจากหน้าโดนลมหนาวเพราะนางนั่งชันขา แต่เขาก็เหมือนยังเห็นรอยแผลเป็นที่เคยเห็นมาแล้ว


    “เริ่มจาก..อะไรก็ได้ที่ท่านอยากจะพูดถึง ของรัก?”


    คาลิโดร่าหลับตา ศีรษะพิงกับเข่าตัวเอง ของรัก.. มีอะไรตั้งมากมาย เครื่องประดับล้ำค่า ชุดที่ชอบใส่ ธนูที่โปรดปราณ ของแปลกๆ ที่ได้มาจากต่างแดน หรือถ้าเป็นคนก็ครอบครัวที่รักยิ่ง และ..เขา


    ยามคิดถึงคนคนนั้น รอยยิ้มก็ประทับบนใบหน้าของนาง เสียงจึงอ่อนหวานโดยไม่รู้ตัว


    “ข้ามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง.. ตอนเด็กๆ ข้าได้เรียนหนังสือกับทาสเด็กหลายคน เพราะเวลานั้นไม่มีลูกขุนนางวัยเดียวกับข้าเลย พ่อเลยให้ข้าไปหาเพื่อนเล่นเอาเอง ข้าเลือกทาร์เธเมสเป็นคนแรก”


    เสียงของนางเหมือนกระแสน้ำ ไหลเอื่อยหากก็เย็นชื่นใจ เรื่องเล่าของนางมีแต่องครักษ์คู่ใจ ราวกับแค่อยู่กับคนผู้นั้นนางก็มีความสุขขึ้นมาได้


    “รู้ไหมเมื่อก่อนทาร์เธเมสไม่ได้เก่งแบบนี้หรอกนะ” คาลิโดร่าหัวเราะ นางไม่มีทางเทียบผู้ชายที่แข็งแกร่งไปทุกส่วนกับเด็กผอมสูงคนนั้นได้ จะมีคงเดิมไม่เปลี่ยนก็คงเป็นดวงตาที่ไม่ยอมแพ้แก่สิ่งใดคู่นั้น



     
    ผลั๊ว! ร่างผอมกระเด็นไปไกล เลือดไหลที่มุมปาก คนถูกต่อยค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้น ดวงตากร้าวจ้องร่างใหญ่กว่าตรงหน้า


    ‘ไง อย่านึกว่าเป็นคนโปรดเจ้าหญิง แล้วจะอยู่เหนือพวกข้าได้นะเว้ย’ เสียงคนตัวโตเอ่ยเยาะ ‘มันก็ทาสเหมือนกันล่ะว่ะ’


     ทาร์เธเมสเช็ดเลือด ยามถูกทำร้ายไม่มีเสียงร้องแม้แต่นิดเดียว เพราะ..ชินเสียแล้ว


    ‘ไอ้ตัวเล็กจะสู้หรือไง’


    เสียงหัวเราะดังรอบสารทิศ ทาสเด็กที่อายุมากกว่าทาร์เธเมสไม่กี่ปี แต่ตัวโตกว่ามากสี่ห้าคนยืนล้อมวงมองดู ‘ไอ้ตัวเล็ก’ ที่ฮึดสู้ แต่ไม่มีปัญญาทำอะไรได้ พลันเสียงๆ หนึ่งก็ตวาดก้องอย่างผู้มีอำนาจ


    ‘ทำอะไรกัน!’ 


    สายตาคมแปลบไล่มองแต่ละคนที่อยู่ในที่นั้น สายตาของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่เอาเรื่อง ทำให้หลายคนสั่นกลัว แล้วคุกเข่าทันที


    ‘เจ้าหญิง..’


    ‘ข้าถามว่าทำอะไร’ คาลิโดร่าเอ่ยเสียงกร้าวกลับไป เพราะพระองค์รู้ว่าตราบใดที่พระองค์อยู่ในเคลาคัสแห่งนี้ ไม่มีใครกล้าทำร้ายพระองค์ให้เจ็บแม้แต่ปลายเล็บ ความไม่กลัวนี้เองที่เสริมให้เด็กตัวเล็กๆ กล้าอย่างที่ไม่มีเด็กคนไหนกล้า เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ชายตัวโตกว่ามาก


    ‘อะ..เอ่อ.. กระหม่อม.. พวกกระหม่อมแค่..’


    ‘พูด!’


    ‘ไม่มีอะไรเจ้าหญิง’ ทาร์เธเมสคุกเข่าให้เด็กผู้หญิง ‘เล่นกันแรงไปหน่อย ขอพระองค์อย่าถือสา’


    คาลิโดร่าปรายตามองคนเอ่ยเพียงนิดเดียว แล้วตวัดฉับไปทางคนตัวโตสี่ห้าคน ใช้กิริยาดุดันแบบผู้ใหญ่ที่ไม่น่าเชื่อว่าเด็กจะทำได้


    ‘ข้าไม่ชอบให้มีเรื่องเล่นแรงในวังของข้า เอาตัวไปขัง อดอาหาร 1 วัน แล้วปลดไปเป็นข้ารับใช้ตามเดิม’


    นายทหารรักษาการตามจุดต่างๆ รุดเข้ามาทำตามรับสั่งทันที


    ‘นั่นเจ้าจะไปไหน’


    ‘ก็พระองค์สั่งทำโทษ’ ทาร์เธเมสตอบกลับ เมื่อทหารให้เขาลุกขึ้น เขาก็ลุกและเดินตาม


    ‘เจ้าโดนแน่ แต่ไม่ใช่โทษเดียวกัน คนโกหกต้องเจอโทษหนักกว่า!’




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×