ตอนที่ 23 : EP.21 ล่าพยัคฆ์
Game of Creation ภาค ประกาศิตเทพมารแสวงพ่าย
EP.21 ล่าพยัคฆ์
ในยุคสมัยโบราณกาลเมื่อยามราตรีมาเยือนนั้น กว่าครึ่งโลกล้วนตกอยู่ในความมืดมิด ความกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็นมักจะเกาะกุมจิตใจของผู้คน แม้แสงเทียนเสียงเดือนตะวันจะสาดส่องอยู่บ้าง แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่พอเพียงกับความต้องการของมนุษย์ ยิ่งอยู่ห่างจากความเจริญของเมืองใหญ่มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเห็นภาพโลกแห่งความมืดชัดเจนมากขึ้น เหล่านักเดินทางพ่อค้าเร่หรือพลนำสาร มักจะก่อกองไฟเอาไว้ให้แสงสว่าง สร้างความอบอุ่นและป้องกันพวกพ้องจากเหล่าสัตว์ร้าย ที่หมายจะฉีกกระชากทำลายชีวิต
ยามนี้ซันซั่งเทียนกำลังนอนเล่นอยู่บนหินก้อนใหญ่ริมลำธาร สายตาของเขาจดจ้องไปยังทางช้างเผือกที่แสนสวยงาม ซึ่งยามนี้กำลังปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด ใบหน้าของชายหนุ่มผู้มาจากโลกอนาคตแฝงความคิดถึงในบางสิ่งอย่างลึกซึ้ง ดวงตาของเขาปรากฏแววหม่นหมองไม่มีความสดใสเช่นปกติ ชายหนุ่มทำตัวเหมือนกับว่าอยู่โลกใบนี้มีเขาอยู่เพียงลำพัง ทั้งที่ห่างออกไปเพียง 5 เมตรก็มีกองไฟขนาดย่อมลุกโชนสว่างไสว พร้อมด้วยหนึ่งหญิงหนึ่งชายที่กำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาที่ยากจะอธิบายความรู้สึก
“คุณชายท่านนั้นเป็นใครมาจากไหนกันท่านพี่” ซูเจินกระซิบกระซาบกับพี่น้องคนละสายเลือดของตนเอง ระหว่างที่วางไม้เสียบปลาอย่างที่ทานหมดแล้วลงบนกองไฟ
“ไม่รู้เหมือนกันว่าใคร แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้คิดร้ายต่อพวกเรา ซ้ำยังใจดีแบ่งปันอาหารให้กินจนอิ่มท้อง เพียงแค่นี้ก็ถือว่ามีบุญคุณมากแล้ว” ซีหลางกระซิบตอบก่อนจะลุกขึ้นไปล้างมือที่ลำธาร ภายหลังจากการรับประทานอาหารมื้อเย็น
“หน้าตาหรือก็ผิดแผกจากชาวจงหยวนเรามาก ดวงตาสีเขียวคู่นั้นช่างดูเศร้าสร้อยเหลือเกิน” ซูเจินเปรยระหว่างที่เดินมาล้างมือใกล้ๆกับพี่ชาย จากนั้นจึงล้างหน้าล้างตาคนเอง ลบคราบดินคราบโคลนออก จนใบหน้าผุดผ่องนวลเนียนราวนางสวรรค์ปรากฏ
ซูเจินนั้นจัดได้ว่าเป็นยอดสาวงามนางหนึ่ง นางเป็นน้องสาวต่างบิดากับหลงเอ๋อ มารดาของนางเคยเป็นนางในมาก่อน ภายหลังออกจากวังมาใช้ชีวิตอยู่บ้านเกิด บิดาของหลงเอ๋อเป็นอดีตนายกองในรัชสมัยของพระเจ้าฮั่นเต้ ภายหลังลาออกจากราชการในต้นรัชกาลของพระเจ้าเลนเต้ ส่วนบิดาของซูเจินนั้นไม่มีที่มาที่ไปแน่ชัด ซึ่งมารดาของทั้งสองเองก็ได้เล่าอะไรให้ฟัง
“ข้าเห็นเขาตกปลาโดยไม่ใช้เหยื่อด้วยนะ คนผู้นี้คงไม่ธรรมดาเป็นแน่”
“ไม่ใช้เหยื่อ!”ซูเจินอุทานพลางยกมือทาบอก “มันเหมือนกับท่านเจียงไท่กงในตำนานที่ท่านแม่ชอบเล่าให้ฟังเลยไม่ใช่หรอคะท่านพี่”
“นั่นมันเทพเซียน”ซีหลางกล่าวพลางส่ายหัวน้อยๆกับความคิดของน้องสาว “กลับไปพักผ่อนเถอะ แถวนี้มันมืดก้อนหินก็เยอะแยะ เดี๋ยวจะพลัดตกน้ำตกท่าไปเปล่าๆ”
นางไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินกลับไปที่เดิม แล้วจึงนำใบไม้สดจำนวนนมากที่ซีหลางเตรียมไว้เมื่อหัวค่ำมาปูทำที่นอน นางค่อยๆนอนลงตะแคงตัวไปทางโขดหินใหญ่ ดวงตาคมจ้องมองชายหนุ่มปริศนาไม่วางตา พลันหัวใจของนางสะท้านไหวเล็กน้อยด้วยความรู้สึกบางอย่าง ส่วนผู้เป็นพี่ชายก็ถอดเสื้อเดินลงลำธารไปเพื่ออาบน้ำ
คนถูกมองไหวตัวเล็กน้อยคล้ายรู้ตัว ใบหน้าหล่อเหลาคมคายหันมาทางซูเจินเช่นกัน ดวงตาสีมรกตคู่สวยสบกับดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกาย หญิงสาวพลันรู้สึกเอียงอายขยับกายพลิกออก ซันซั่งเทียนเลิกคิ้วยิ้มขำกับท่าทีที่ได้เห็น แต่เพียงชั่วพริบตาก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเรียบเฉย คล้ายกับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ใกล้เข้ามา
“ดูเหมือนจะมีเรื่องให้แก้เบื่อแล้วแฮะ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบริเวณมุมปาก
แกร่ก! เสียงหนึ่งดังขึ้นบริเวณผืนป่าฝั่งตรงข้าม ซีหลางที่กำลังอาบน้ำอยู่ยืนนิ่งพลางหันมองตามทิศทางเสียง ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง เสียงกิ่งไม้เล็กๆหักยังดังเข้าโสตประสาทของเขาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสายน้ำเย็นไหลกระทบหน้าขา เสียงลึกลับนั้นดังขึ้นซ้ำๆและดูเหมือนว่าจะใกล้เข้ามาทุกขณะ ท่ามกลางความมืดซีหลางสาบานได้ว่าเขาได้ยินเสียงฝีเท้าของสัตว์ ฟังจากเสียงดูท่าว่าจะไม่ใช่ตัวเล็กๆ อาจจะเป็นสัตว์ร้ายที่คิดว่ากลุ่มของพวกเขาเป็นเหยื่ออันโอชะก็ได้ คิดดังนั้นชายหนุ่มจึงค่อยๆกระเถิบตัวขึ้นฝั่ง สายตาก็จดจ้องไปในความมืดอย่างไม่ประมาท กระทั่งสองเท้าเหยียบอยู่บนพื้นทราย
“นั่นมัน!” ชายหนุ่มอุทานเมื่อเห็นเงาของตัวอะไรสักอย่างย่างเท้าออกจากราวป่า
ภายใต้แสงจันทร์นวลซึ่งสาดส่องพื้นเบื้องล่าง ร่างดำทะมึนขนาดใหญ่เผยโฉมอวดสายตาชายหนุ่ม ผิวหนังดำมะเมื่อมมันเงาสะท้อนแสงโดดเด่น ดวงตาสีเหลืองสุกสกาวแฝงความกระหายการฆ่าฟัน ผู้ที่สบตากับมันมักรู้สึกราวกับถูกพญามัจจุราชจ้องมอง ขนาดของมันไม่ต่างอะไรกับกระทิงหนุ่มวัยคะนอง ท่วงท่าแข็งแกร่งดุดันเต็มไปด้วยพลังอำนาจ
โฮกกก!
เสียงคำรามลั่นกึกก้องไปทั่วราวป่า เสมือนหนึ่งเสียงของมัจจุราชที่พร้อมจะฉีกกระชากทุกชีวิต ทุกสรรพสำเนียงพลันเงียบสงัดราวกับสรรพสัตว์หลีกหนีมันไปจนหมดสิ้น ซีหลางถึงกับผงะล้มลงกับพื้นด้วยความกลัว ทั้งๆที่อากาศเย็นแต่เหงื่อของเขาก็ผุดขึ้นมาเต็มตัว สองมือสองเท้าของชายหนุ่มยังคงตะกายตัวหนี หากแต่ดวงตาของเขาจดจ้องยังดวงตาดุดันของมัน ราวกับเกรงว่าหากละสายตาแม้เพียงชั่ววินาทีชีวิตของเขาก็คงจบสิ้น เจ้าพยัคฆ์ดำตัวร้ายย่างสามขุมเข้ามาใกล้ลำธาร ท่าทางของมันจะพอใจอยู่ไม่น้อยเมื่อเห็นเหยื่อท่าทางน่ากินอยู่ถึงสามคน หางของมันเคลื่อนไหวราวกับอสรพิษโบกสะบัดลำตัว มันค่อยๆถอยกลับไปหลายก้าวก่อนจะออกแรงวิ่งแล้วทะยานตัวข้ามลำธาร
ตุบ! เสียงเท้าอันทรงพลังทั้งสี่เหยียบลงบนพื้นทราย หางของมันตวัดฟาดผืนน้ำเสียงดัง ก่อนจะแสยะเขี้ยวคมอวดแก่สายตาของคนทั้งสาม ซันซั่งเทียนค่อยๆลุกขึ้นนั่งมองด้วยความสนใจ ในยุคสมัยของเขาสัตว์ป่าเหล่านี้หาดูได้ยากมาก ยิ่งเสือดำขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติยิ่งไม่เคยพบเจอมาก่อน ในสายตาของชายหนุ่มมันช่างองอาจสง่างาม แถมยังมีแววขี้เล่นชอบหยอกล้อเหยื่อก่อนสังหารเหมือนตัวเขา
“น่าจับมาทำสัตว์เลี้ยง”เขายิ้มบางๆที่มุมปาก ดวงตาสีมรกตทอประกายเมื่อเห็นของเล่นที่มีชีวิตชิ้นใหม่ ซันซั่งเทียนกระโดดลงจากโขดหินย่างเท้าไปด้านหน้าอย่างช้าๆ
“ท่านพี่..”ซูเจินครางอยู่ในลำคอดก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง ตัวของนางสั่นสะท้านด้วยความตระหนก ริมฝีปากซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ต่างอะไรกับกับเมื่อครั้งทหารเลวทัพอ้วนบุกหมู่บ้าน “เคราะห์กรรมของข้าไม่รู้จักจบจักสิ้นหรือไร?”
คิดเพียงนั้น...จิตใจของนางก็พลันหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ต้องกลัวไปหรอก”เสียงนุ่มบอกกล่าว พร้อมกับมือของชายหนุ่มที่วางทาบบนบ่าของนาง ซูเจินเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าซันซั่งเทียนยืนมองนางอยู่ด้วยใบหน้าปลอบโยน ภายใต้แสงจันทร์นวลยามนี้นางเห็นใบหน้าของเขาเด่นชัด ในความรู้สึกของนางเขาคนนี้หาใช่มนุษย์ธรรมดาสามัญ หากแต่เป็นเทพยดาผู้สง่างามอบอุ่น
“ค่ะ!” นางรับคำพลางเอียงอายเล็กน้อย
โฮกกก!
เสียงเจ้ามฤตยูร้ายดังขึ้นอีกครา พร้อมกับร่างมหึมาที่กระโจนใส่ซีหลาง ชายหนุ่มฉวยเอาท่อนไม้ติดไฟจากกองเพลิงทิ่มแทงเข้าสู้ ประกายไฟแตกพรึบกระแทกช่วงใต้ลำคอของมัน มันคำรามก้องด้วยความเกรี้ยวกราด สองเท้าขย้ำลงบนไหล่ทั้งสองข้างของชายหนุ่ม ซีหลางร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด เลือดสีแดงทะลักออกจากบาดแผลอย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มพยายามขมับมือฟาดไม้ใส่มัน แต่ดูเหมือนว่าเจ้าวายร้ายจะไม่สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด มันแยกเขี้ยวคมออกกว้างก่อนจะกัดเข้าที่บริเวณหน้าอก เรี่ยวแรงของมันนั้นมหาศาลมากนักก่อเกิดแผลลึกเหวอะแหวะ เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว
“ท่านพี่!” ซูเจินร้องลั่นด้วยความห่วงพี่ชายต่างสายเลือด ทว่านางกลัวมากเสียจนไม่อาจขยับตัวได้ ถึงจะขยับได้แต่อิสตรีอย่างนางก็คงไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้ ในที่สุดนางก็ช็อคจนสลบล้มลงไปกองกับพื้น
“หนีไป!” ซีหลางกัดฟันร้องบอกด้วยแรงที่เหลืออยู่ สายตาของเริ่มพร่ามัวเลือนราง เสียงเต้นของหัวใจค่อยๆแผ่วลงอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับสองมือสองเท้าที่ไม่อาจขยับได้อีกต่อไป เชื่อได้ว่าชีวิตของเขาคงจะจบสิ้นแล้วในคราวนี้
ฟ้าว! เสียงวัตถุแหวกอากาศด้วยความเร็วพุ่งเข้าใส่ เจ้าอสูรร้ายสีดำก็กระโดดหลบออกด้านข้างในทันที สายตาของมันจ้องมองมายังผู้โจมตีคล้ายกลับไม่พอใจ ยามนี้ซันซั่งเทียนเดินหน้าเข้าหาอย่างไม่หวั่นเกรงอันตราย มือก็เด็ดใบไม้จากกิ่งไม้ในมือออกมาทีละใบ ก่อนจะซัดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งมันดูจะหลบได้เสียทุกครั้งไป
โฮกกก!
มันคำรามก้องก่อนออกแรงวิ่งตรงเข้าหาชายหนุ่ม อุ้งเท้าใหญ่ตะปบลงอย่างรวดเร็ว ซันซั่งเทียนเบี่ยงตัวหลบได้อย่างฉิวเฉียด มือซ้ายของเขาคว้าจับขาหน้าของมันพร้อมกับพลังมหาศาลที่ถ่ายทอดออกไป มันเอียงคอแยกเขี้ยวหมายขย้ำส่วนศีรษะของเขา น่าเสียดายที่มันยังช้าเกินไป เพราะซันซั่งเทียนออกแรงเหวี่ยงมันเสียก่อน ร่างมหึมาของมันลอยหวือตามแรงกระชากจนกระแทกเข้ากับพื้นดินเสียงดังสนั่น
“ว่าไงเจ้าเหมียว” เขายิ้มชั่วร้าย ดวงตาสีมรกตแฝงแววสนุกสนานยิ่ง
แม้จะมีของเล่นใหม่แต่ชายหนุ่มก็ไม่ลืมเรื่องที่สำคัญกว่า เขาวางมือจากเจ้าเสือดำตัวร้ายพร้อมกับผละออกไปหาร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ของซีหลาง ชายหนุ่มวางมือทาบลงบาดแผลโดยไม่มีท่าทีรังเกียจ เมื่ออาศัยพลังของชิ้นส่วนจารึกแรกกำเนิด เพียงชั่วพริบตาเขาก็ล่วงรู้ถึงสภาพของร่างกายรวมทั้งความเสียหายที่ได้รับทั้งหมด
“หัวใจหยุดเต้นไปแล้วเกือบหนึ่งนาที” ซันซั่งเทียนยิ้มน้อยๆพลางมองหน้าชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้าย “นายคิดว่าไงไกอา”
--“ฉันลองแสกนร่างกายตรวจสอบดู เจ้าหมอนี่มีโครงสร้างที่ดี หน่วยก้านไม่เลวเหมาะแก่การฝึกฝน สภาพจิตใจจัดว่าไม่เลวนับเป็นคนดีคนหนึ่ง หน้าตาดีท่าทางองอาจเสียอยู่หน่อยตรงที่ซื่อเกินไป ถึงรอดไปได้ก็คงมีชีวิตอยู่ในยุคที่โหดร้ายแบบนี้ไม่พ้นปี”--
“หืม...ฉันไม่เคยเห็นนายชมใครแบบนี้มาก่อน ท่าทางหมอนี่จะถูกใจนายสินะ”
--“แทนที่จะเรียกให้คนช่วย กลับเลือกบอกให้หนีไป พวกโง่งมที่ห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองแบบนี้ ของชอบนายไม่ใช่รึไง พ่อมือพิฆาตพระเอกซีรี่ย์ ”--
“ก็คงงั้น” ซันซั่งเทียนยิ้มร้าย
--“ดูเหมือนว่านายจะติดสินใจได้แล้วสินะ อยากมีลูกชายคนแรกแล้วรึไง ”--
ซันซั่งเทียนไม่ตอบ ระหว่างนั้นพลังของจารึกแห่งแกนกลาง ก็ค่อยๆถูกถ่ายเทลงไปในร่างกายของซีหลาง เล็บของชายหนุ่มปักเข้าไปในบาดแผลก่อนจะหลุดออกจากนิ้วฝังตัวลงลึก เลือดสดๆอันแสนพิเศษไหลซึมลงไป เซลล์ที่เสียหายพลันหลุดออกจากร่างกายก่อนจะแปรสภาพกลางเป็นฟองสีแดงสด เซลล์ใหม่ก็ค่อยๆแตกตัวออกเสริมสร้างซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย เลือดของซันซั่งเทียนเปรียบเหมือนพลังแห่งชีวิต อวัยวะภายในค่อยๆฟื้นคืนสภาพเดิมอย่างรวดเร็ว
--“ยินดีด้วยที่ได้เป็นพ่อคน ”--
“เงียบไปเลยไกอา”ชายหนุ่มตวาด ก่อนจะถอนมืดออกจากร่างของซีหลาง
--“พลังของจารึกแรกกำเนิดแกนกลาง ถือเป็นอานุภาพแห่งปาฏิหาริย์โดยแท้ แต่ผลพวงที่ตามมาก็น่ากลัวเหมือนกัน เขาจะมีสภาพไม่ต่างจากนายอาหารของมนุษย์จะเป็นเพียงของว่าง อาหารหลักที่จะช่วยให้ดำรงชีวิตต่อไปกลับเป็นเลือดเนื้อของมนุษย์ด้วยกันเอง”--
“เหมือนแวมไพร์เลยใช่ไหมล่ะไกอา คนๆนี้จะมีพละกำลังเกินกว่ามนุษย์ธรรมดา ประสาทสัมผัสทั้งหมดวิวัฒนาการไปอีกขั้น”
--“แต่ก็ต้องแลกมาด้วยสายสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้กำเนิดกับผู้ที่ถูกสร้าง ความรักและภักดีจะรุนแรงเกิดกว่าที่จะจินตนาการ นายไม่ใช่แค่พ่อแต่จะกลายเป็นเหตุผลที่เขามีชีวิตอยู่ เขาจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อนายไม่ว่าจะถูกหรือผิด จะต้องการหรือไม่ต้องการ ”--
“พูดมากจริงๆ คิดจะแข่งกับอเล็กซ์รึไง!” เขาเปรยด้วยน้ำเสียงขำขัน ก่อนจะย่อส่วนร่างของซูเจินแล้วเก็บไว้ในกล่องไม้ ที่ดูจะเป็นอาคารพิเศษย่อส่วนมากกว่ากล่องธรรมดา โดยเลือกให้อยู่จุดเดียวกับมารดาของหลงเอ๋อ
กรร! เสียงครางขู่ของเจ้ามฤตยูร้ายดังขึ้น เมื่อซันซั่งเทียนหันกลับไปมอง เจ้าตัวร้ายก็วิ่งตรงไปที่แม้น้ำหมายจะข้ามฟากไป
“ใครอนุญาต” เขาตวาดพร้อมกับดีดนิ้วออกไป ประกายแสงสว่างวาบลมปราณผนึกรวมกันเป็นกระบี่สีครามเล่มหนึ่ง มันพุ่งลิ่วๆแหวกอากาศตามหลังไปติดๆ เสาน้ำมากมายผุดขึ้นจากลำธารเข้ารุมเร้าเจ้าเสือดำตัวเขื่อง ของเหลวไร้สภาพกลับกลายเป็นบ่วงยักษ์เมื่อผนึกปราณลงไปมากพอ เขากระชากมันกลับมาจนกระทั่งล้มตัวลงนอนเบื้องหน้าของเขา
--“คิดอะไรแผลงอีกแล้วละสิ”--
“คิดจะเป็นผู้ทรงอิทธิพลแบบเจ้าพ่อวงการวาณิช มันก็น่าจะมีพาหนะที่เหมาะสมสักหน่อย” เขายิ้มกริ่มด้วยความพอใจกับแผนการบางอย่างของตนเอง
ชะตากรรมของเจ้ามฤตยูร้ายแห่งผืนป่า ก็คงไม่พ้นลูกแมวเชื่องๆเมื่ออยู่ในมือของเขา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl
Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl Flghtlngl