ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Mandrake Hero(ine) - ผู้กล้าพืชป่วน ยกก๊วนปราบมังกร

    ลำดับตอนที่ #14 : 11 - ปัญหาของลิมนาเดส - “‘ผู้กล้า’ น่ะ ไม่ใช่คำตอบของทุกปัญหาในอิลลูเซียหรอก”

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 384
      1
      13 ม.ค. 54


    บทที่
    11

    ปัญหาของลิมนาเดส

     

     

    ภูตแห่งเงาสะท้อน? เป็นมาเทียสที่ทวนคำอย่างงุนงง

    ภูตผู้มีรูปลักษณ์นับแสนล้าน พรายน้ำลิมนาเดสรับ ทุกพื้นผิวที่สะท้อนแสงได้คือสื่อของพวกมัน เงาสะท้อนของพวกเราทุกคนคือภาพลักษณ์ที่พวกมันบันดาลให้เห็น

    ...อ้อ ชายหนุ่มพอนึกออก ถึงตำนานที่ตนเคยอ่าน ที่เขาว่า...หากทำกระจกเงาแตก จะโชคร้ายไปถึงเจ็ดปี เพราะทำให้ภูตเงาสะท้อนโกรธน่ะหรือ

    ร้ายยิ่งกว่านั้นอีก เอริเธียเอ่ยเสียงขื่น หากทำกระจกที่เก็บกักอำนาจของเรเฟลซิน่า ราชินีแห่งภูตเงาสะท้อนแตก...จะถูกสาปให้มองเห็นเงาสะท้อนของตนอัปลักษณ์ไปถึงสิบสามปี

    ...ท่านเลยเห็นว่าตัวเองอัปลักษณ์ ทั้งๆ ที่ตัวจริงก็...เอ่อ...ไม่อัปลักษณ์เลยน่ะหรือ ช่างตีเหล็กตัดสินใจไม่พูดคำว่าสวย

    เขายอมรับว่าโฉมหน้าที่แท้จริงของแม่มดดำงดงามราวกับเทพธิดา แต่ขืนชมออกไป...ทั้งๆ ที่เจ้าตัวเองไม่อาจมองเห็นความงามนั้น ก็ดูเหมือนจะทำร้ายจิตใจกันเกินไปกระมัง

    งั้นเอริเธียก็ทำกระจกของเรเฟลซิน่าแตกน่ะสิ อาเน่พูดขึ้นบ้าง

    ...นั่นสิ ไปทำอีท่าไหนละนั่น... มาเทียสนึกถามอยู่ในใจ

    ต...แต่ไม่ใช่ความผิดของข้านะ หญิงสาวพองขนเป็นเม่นทันที เป็นเพราะพี่ชายบ้านั่นต่างหาก เพราะอย่างนี้...ข้าถึงสอบเป็นจอมเวทขาวก็ไม่ได้ ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาทั่วไปก็ไม่ได้...

    ...แล้วแค่เห็นเงาสะท้อนของตัวเองอัปลักษณ์มันเกี่ยวยังไงกับการสอบจอมเวทขาวไม่ติด กับใช้ชีวิตโดยรวมเล่าแม่คุณ... ชายหนุ่มสงสัย

    เอาเถอะ ข้าไม่มีเวลามาฟังเจ้าโอดครวญทั้งคืนหรอกนะ มนุษย์ ลิมนาเดสยืนเท้าสะเอว มองพวกเขาอย่างไม่เป็นมิตรนัก ดังนั้น เรารีบคุยธุระกันให้จบๆ แล้วพวกเจ้าก็รีบไสหัวไป ข้าจะได้เริ่มรำเสียที

    ท่านให้พรล้างคำสาปของข้าได้ใช่ไหม แม่มดดำประสานมือ หน้าตามีความหวัง

    ไม่ได้ ต่อให้เจ้าใช้มนตร์ล่องหนมาแอบดูข้ารำจนจบได้สำเร็จก็ไม่ได้ ภูตเงาสะท้อนเป็นผู้สาป แล้วมันเรื่องอะไรที่พรายน้ำต้องไปแก้ อย่าว่าแต่ไอ้เรื่องเล่าที่ให้เอาโซ่มาทิ้งน้ำจับลิมนาเดส มันก็เรื่องโกหกทั้งเพ นางพรายน้ำสั่นศีรษะ พรายน้ำนะ ไม่ใช่ภูตขอพรในตะเกียง เราก็แค่อยู่ในน้ำ กินปลากินปูไปวันๆ แล้วก็ออกมารำชำระล้างห้วงน้ำเดือนละครั้ง ขืนมีอำนาจให้พรอะไรได้ทุกอย่าง ป่านนี้ไม่ตั้งตัวยึดครองโลก สาปมนุษย์ขี้ขอ ขี้ทึกทัก กับขี้ทิ้งขว้างอย่างพวกเจ้าเป็นปลาหมึกกินซะให้หายแค้นไปแล้วเหรอ

    เอ่อ มาเทียสเหงื่อตก งั้นท่านมีธุระอะไรกับเรากันแน่

    ไอ้ของที่พวกเจ้าชอบเอามาทิ้งไว้ ลิมนาเดสชูของกลมๆ เล็กๆ ชิ้นหนึ่งขึ้น เอามันไปให้หมดซะ

    ท่านหมายถึงเงิน... ช่างตีเหล็กตั้งคำถาม ...ที่คนมาโยนขอพรน่ะหรือ

    เงิน!” สีหน้าของเอริเธียแช่มชื่นขึ้นทันที เงินขอพรทั้งหมดเลยเหรอ!”

    กระทั่งช่างตีเหล็กเองยังเห็นตัวเลขจำนวนมากมายลอยอยู่ตรงหน้า เมื่อนึกถึงสถิติคนเดินทางมาขอพรที่ทะเลสาบแห่งลาคุสในแต่ละปีซึ่งตนเคยอ่านเจอ

    ด้วยเงินจำนวนมหาศาลนั้น คนธรรมดาๆ อย่างเขากับเมลิสอาจจะใช้กินอยู่ไปถึงสิบชาติยังไม่หมด ดังนั้นน่าจะช่วยแม่มดดำสร้างปราสาทกระจกเงาอะไรนั่นล้างคำสาปได้เสียทีกระมัง

    ...ท่านลิมนาเดสช่างน้ำใจงามจริงๆ ช่างตีเหล็กเปรย

    อย่าเข้าใจผิด มนุษย์ นางพรายค้อนเขาด้วยนัยน์ตาเยียบเย็น ขยะพวกนี้จะล้นที่อยู่ของเราอยู่แล้ว กินก็ไม่ได้ ใช้ประโยชน์อะไรก็ไม่ได้ แล้วจะเก็บไว้ทำไม ข้าไม่สนหรอกว่าพวกเจ้าจะเอามันไปทำอะไร หรือพวกมันมีค่าขนาดไหนสำหรับมนุษย์ เราลิมนาเดสไม่ต้องการก้อนเหล็กพวกนี้ เอาไอ้พวกที่เจ้าเคยทิ้งลงมาไปให้พ้นๆ แล้วก็อย่าทิ้งของผิดธรรมชาติแบบนี้ลงมาอีกเด็ดขาดเชียวนะ เจ้ารู้ไหมว่าปลาที่เป็นอาหารของพวกเราตายไปกี่ตัวแล้ว เพราะเผลอกินไอ้ก้อนเหล็กของพวกเจ้าเข้าไป

    มาเทียสหน้าสลด พูดอะไรไม่ออกไปทันที

    ...พวกคุณต้นไม้แถวนี้ก็บอกเหมือนกัน อาเน่ค่อยๆ เสริมเสียงหม่น มนุษย์ที่เข้ามาชมทะเลสาบ บางทีไม่ใช่แค่เผลอเหยียบต้นไม้ แมลง หรือสัตว์เล็กๆ ตาย แต่ยังเด็ดดอกไม้ ขีดเขียนบนต้นไม้ แล้วก็...ทิ้งขยะไว้ด้วย

    สรุปว่า เรื่องขอพร...ก็ไม่เป็นความจริงเลยน่ะสิ ช่างตีเหล็กเอ่ยออกมาในที่สุด มิหนำซ้ำยังทำให้พวกท่านกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในป่ากับทะเลสาบเดือดร้อนไปด้วย

    ใช่ ลิมนาเดสตอบเสียงหนักๆ มนุษย์ก็เป็นเสียอย่างนี้ เอาแต่มองในมุมของตัวเอง เชื่อเรื่องที่พวกตัวเองกุขึ้นมาเป็นตุเป็นตะอยู่นั่น

    ...แล้วทำไมท่านไม่ขึ้นมาบอกพวกเราล่ะ มาเทียสตั้งคำถาม คือ...ข้าไม่ได้หมายถึงแต่พวกข้านะ แต่หมายถึงมนุษย์คนอื่นๆ อย่างเช่นตอนที่พวกเขาจะมาโยนเหรียญ ทำไมท่านไม่บอกพวกเขาไปตรงๆ

    นี่ เจ้าคิดว่าเราควรปรากฏตัวให้มนุษย์เป็นสิบๆ เห็นตอนกลางวันแสกๆ เรอะ นางพรายน้ำดูเดือดดาลขึ้นทันที รู้ไหมว่าทำอย่างนั้นจะเกิดอะไรขึ้น

    ช่างตีเหล็กสั่นศีรษะอย่างละอาย

    ยิ่งมนุษย์รู้แน่ว่าลิมนาเดสมีตัวตนอยู่ ก็จะยิ่งรังควานพวกนางมากขึ้น เอริเธียตอบแทน พวกลิมนาเดสน่ะ เป็นหนึ่งในนางพรายไม่กี่ประเภทที่เวลานี้สถาบันสิ่งมีชีวิตเวทมนตร์ไม่ยืนยันตัวตน หรือใส่สถานะไว้ว่าอาจจะสูญพันธุ์ไปแล้ว เพราะแทบไม่มีรายงานการพบเจอเลย พวกนางมีชีวิตได้แต่ในทะเลสาบที่พวกนางถือกำเนิดเท่านั้น

    เคยมีลิมนาเดสที่เหลือทนกับพฤติกรรมของมนุษย์ออกมาพูดเหมือนกัน แล้วรู้ไหมผลเป็นอย่างไร พรายทะเลสาบเอ่ยอย่างมืดมน พวกมนุษย์พยายามจับพวกนาง ลากเอาตัวขึ้นมาจากทะเลสาบ ต้องเลือกระหว่างยอมตายอย่างพรายน้ำ หรือใช้มนตร์ต้องห้าม ...กลายร่างเป็นมนุษย์เพื่อเอาชีวิตรอด

    หา... มาเทียสอุทาน

    หากเลือกตายอย่างพรายน้ำ ร่างก็จะสลายเป็นหยดน้ำ ไม่เหลือซากอะไรไว้ยืนยันอีก แต่หากยอมกลายร่างเป็นมนุษย์ ก็จะต้องถูกตัดขาดจากสังคมของลิมนาเดส นางพรายเอ่ยต่อ ใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ ย้ายหนีไปจากลาคุส เพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนลวงโลกที่สวมรอยเป็นลิมนาเดส ...เจ้าคิดว่าข้าจะเลือกทางไหนดีล่ะ

    แต่...มันก็น่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ใช่หรือ ช่างตีเหล็กพยายามเสนอ มนุษย์ไม่มีเจตนาร้ายหรอก พวกเขาแค่อยากขอพรเท่านั้นเอง

    พูดง่ายๆ ก็คือโลภมาก ลิมนาเดสขัดขึ้นทันที คิดจะเอาเศษขยะแลกของที่ตัวเองต้องการมากกว่า

    พรคือความมั่นใจ มาเทียสนึกถึงคำพูดของบิดาตน พ่อกับข้าเป็นช่างตีเหล็ก ก่อนทำงานเราต้องบวงสรวงเทพนายช่าง โยนอาหารหรือเทนมลงเตาไฟตีเหล็ก พวกท่านพรายน้ำคงมองว่าเราเสียอาหารไปอย่างไร้ค่า และการเผาอาหารก็ไม่ได้ช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้น แต่พ่อบอกว่าเราทำเพื่อสร้างความมั่นใจของตน ดังนั้น ถ้าการขอพรไม่เหลือบ่ากว่าแรง และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็ทำเพื่อสร้างความมั่นใจให้ตัวเองไปเถอะ ที่จริง ความมั่นใจต่างหากที่เป็นตัวขับดันให้มนุษย์ทำสำเร็จตามพรที่ขอไว้ ...แต่ปัญหาในตอนนี้คือ วิธีการขอพรที่ทะเลสาบกลับทำให้พวกท่านลิมนาเดสเดือดร้อน

    หมายความว่า...เจ้าคิดจะหาทางเปลี่ยนวิธีขอพรหรือ เอริเธียตั้งคำถาม มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก

    ข้าก็รู้ว่ามันไม่ง่าย ช่างตีเหล็กรับ แต่ก็มีหนทางไม่ใช่หรือ ตำนานเดิมว่าถ้าจะขอพรต้องจับตัวลิมนาเดสหลังร่ายรำเสร็จ แต่ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นโยนเหรียญ ดังนั้นก็น่าจะเปลี่ยนจากโยนเหรียญเป็นอย่างอื่นได้...หากมีการกระจายข่าวออกไป และใช้เวลาสักหน่อย

    แล้วจะเปลี่ยนเป็นอะไรดีล่ะ ...ตั้งแผงขายอาหารปลาให้โยนอธิษฐานแทนไหมแม่มดดำเสนอ

    ...ขอโทษ พรายน้ำนะ ไม่ใช่ปลาคาร์ฟ ลิมนาเดสปฏิเสธทันควัน

    ใครบอกว่าโยนให้ท่านกิน ให้ปลาที่เป็นอาหารของพวกท่านต่างหาก เอริเธียแย้ง ไม่ดีหรือ ท่านจะได้กินปลาอ้วนๆ ให้อิ่มหนำไง

    เรากินแค่พออยู่ ปลาพวกนั้นก็มีอาหารพอกินอยู่แล้ว ขืนโยนอาหารลงมาอีก ปลากินมากเกินไปก็ตาย พอปลาตายมากๆ หรือกินไม่ทันอาหารเหลือ น้ำก็ยิ่งเน่าเสียเท่านั้นเอง

    งั้นก็ตั้งแผงขายปลาให้ซื้อไปโยนให้พวกท่านกินแม่มดดำยังไม่ละความพยายาม

    ...พรายน้ำนะ ไม่ใช่แมวน้ำเสียงของนางพรายยิ่งเขียวขุ่น สรุปคืออย่าโยนอะไรลงมาเลย แค่นี้สภาพแวดล้อมของทะเลสาบก็จะเสียสมดุลเต็มที

    งั้นก็ปล่อยให้พวกเขาโยนเหรียญเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่ข้าจะมาเก็บไปบ่อยๆ แม่มดเสนอ เราก็ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายนะ พวกท่านได้กำจัดขยะ ข้าก็ได้เงินมาช่วยแก้คำสาปของข้าไง

    แต่เจ้าจะอยู่ช่วยพวกเราเก็บได้ค้ำฟ้ารึ หรือจะฝากให้ลูกหลานทำต่อ ลิมนาเดสย้อนถาม

    ...แล้วตกลง ท่านลิมนาเดสจะเอายังไงกันแน่ มาเทียสเริ่มปวดหัวตาม

    เอายังไงก็ได้ ให้มนุษย์เลิกโยนของลงมาทำลายทะเลสาบของพวกเราที

    พูดมันง่าย แต่ทำน่ะมันยากนะ ช่างตีเหล็กเอ่ยเสียงเครียด ออกมาพูดเองตรงๆ ท่านก็ไม่ยอม เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นเพื่อขอพร ท่านก็ไม่เสนออะไรที่มันเป็นประโยชน์กับตัวท่านเลย

    ...ข้าว่า รักษาสภาพป่าดีไหมเป็นอาเน่ที่เอ่ยขึ้น

    หือม์? ชายหนุ่มสงสัย

    พวกคุณต้นไม้บอกว่าแถวนี้มีขยะเยอะ ก็เพราะคนมาขอพรจากทะเลสาบแล้วมักง่าย ทิ้งเศษอาหารกับของอย่างอื่นไว้ แล้วบางคนยังทำลายต้นไม้กับสัตว์ด้วย ถ้าบอกว่าทำอย่างนี้แล้วภูตในป่ากับลิมนาเดสจะพอใจและให้พร ก็น่าจะทำได้ใช่ไหมล่ะ

    ใช่ แต่เรื่องของเรื่องคือมันฟังไม่เหมือนวิธีขอพรน่ะสิ เอริเธียแย้ง วิธีการขอพรน่ะ จะต้องเป็นอะไรที่ดูเหนือธรรมชาติหน่อยๆ เหมือนมีเหตุผล แต่ที่จริงมีหรือเปล่าก็ไม่รู้ มันก็เหมือนโยนเหรียญเงินให้ลิมนาเดสเอาไปใช้ ทั้งๆ ที่พวกนางใช้ไม่ได้ หรือโยนอาหารลงเตาไฟ ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเทพนายช่างจะได้กินหรือเปล่า อะไรที่มันดูพื้นๆ อย่างห้ามทิ้งขยะ ห้ามเด็ดดอกไม้น่ะ มันก็แค่ข้อห้ามที่คนจะละเลยกันเท่านั้น

    งั้นเหรอ... เด็กหญิงแมนเดรกรับ สีหน้าดูครุ่นคิดเช่นกัน

    ข้าว่า ปัญหามันก็อยู่ที่พวกท่านลิมนาเดสควรจะแสดงตนออกมาพูดตรงๆ นั่นล่ะ ไม่มีวิธีแสดงตัวโดยไม่ถูกมนุษย์จับเลยหรือช่างตีเหล็กออกความเห็น

    ก็อาจจะมี แต่ถ้าข้าสาปมนุษย์เป็นปลาดุกเพื่อป้องกันตัวขึ้นมาสักคน มนุษย์จะก่อสงครามเพื่อถมทะเลสาบเราไหมล่ะ

    ไม่ลองก็ไม่รู้นะ อาเน่เสริมขึ้นบ้าง ถ้าพบคนมากๆ ไม่ได้ ไปตามใครที่มีอำนาจมาพบท่านที่นี่ก็ได้นี่ อย่าง...เจ้าเมือง เจ้าเมืองคือคนที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองไม่ใช่หรือ

    นั่นก็ได้ แต่ใครจะเป็นคนไปตามเจ้าเมืองล่ะ ใครที่จะบอกเจ้าเมืองได้ว่า ช่วยไปเจรจากับลิมนาเดสที โดยไม่โดนอีกฝ่ายหัวเราะแล้วสั่งคนให้จับโยนออกมาเสียก่อน แม่มดดำแย้ง แล้วอีกอย่าง ลาคุสเป็นเมืองค่อนข้างใหญ่ เจ้าเมืองมีภารกิจรัดตัว ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่คิดว่าเร่งด่วนน่ะเหรอ รอเวลานัดสักสัปดาห์เถอะ

    แต่ว่า... เด็กผมเขียวพยายามพูด แต่เอริเธียตัดบทเสียก่อน

    เรามีเวลาไม่มาก ลิมนาเดสก็ควรจะได้รำชำระล้างผืนน้ำเสียที ส่งเหรียญเงินขึ้นมาให้ข้าแล้วกัน ข้าจะเปิดทางเข้าโกดังมิติส่วนตัวไว้กลางอากาศ แล้วเอาพวกมันไปเก็บไว้ที่นั่นก่อน

    พรายน้ำผงกศีรษะ ครั้นแล้วก็โบกมือ

    ผืนน้ำในทะเลสาบปั่นป่วนขึ้นครู่หนึ่ง ก่อนจะยกตัวขึ้นสูงราวกับเสาใหญ่ ทูนเอาเหรียญกองมหาศาลเท่าเกาะกลางน้ำขนาดย่อม ซึ่งคงจะมีน้ำหนักรวมทับคนตายได้ง่ายๆ ขึ้นมา

    แม่มดดำตวัดมือทั้งสองมือ พร้อมกับบริกรรมคาถา

    บนอากาศธาตุที่สูงราวยอดไม้ ปรากฏความมืดมิดเป็นรูปวงกลม ขอบไหวพร่าแผ่ขยาย และกลืนกินเหรียญเหล่านั้นเข้าไปในความว่างเปล่า...ทิ้งเสาน้ำให้หดตัวลง และแตกกระเซ็นกลับสู่ทะเลสาบดังเดิม

    รีบไปเสีย ลิมนาเดสไม่ยอมเสียเวลาให้แก่มารยาทแม้แต่นิด มนุษย์ เราหมดธุระกันแล้ว

     

    * * * * *

    ข้ายังคิดว่า...เราน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้อยู่ดี เป็นเสียงเปรยของอาเน่ ซึ่งนั่งอยู่บนไหล่ของมาเทียส

    มันก็อย่างที่ช่างตีเหล็กบอกนั่นล่ะ เอริเธียเอ่ยขึ้นบ้าง ถ้าพวกลิมนาเดสไม่ยอมออกมาพูดเอง มนุษย์หน้าโง่ที่ไหนมันจะไปรู้ มีคนโยนขยะเข้ามาในบ้านของตัว จะนิ่งเฉยทนรอให้ขยะมันท่วมหัว หรือตะโกนบอกเพื่อนบ้านว่าอย่าทำบ้าแบบนั้นอีกล่ะ

    ...นี่คือสิ่งที่มนุษย์เรียกว่า ความเกรงใจ ใช่ไหมนะเด็กผมเขียวถาม

    มันคือความกลัวต่างหาก แม่มดตอบ พรายน้ำก็แบบนี้ ปิดตัวเองอยู่แต่ในทะเลสาบแคบๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องของโลกภายนอก เลยกลัวนั่นกลัวนี่ไปหมด จนไม่ยอมกระทั่งจะสู้เพื่อทวงสิทธิ์ของตัวเอง

    แต่ท่านเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือ ว่าถ้ามนุษย์รู้ว่ามีพรายน้ำอยู่ จะรังควานพวกนางมากขึ้น มาเทียสตั้งคำถาม เลยไม่เห็นด้วยที่จะให้พวกนางเปิดเผยตัว

    อ้อ ข้าก็แค่พูดเพื่อที่พวกนางจะไม่หาทางทำให้คนเลิกโยนเหรียญต่างหาก เอริเธียตอบหน้าตายเฉย ไม่งั้นข้าก็มาหาเงินเปล่าๆ แบบนี้ไม่ได้อีกน่ะสิ

    หา... ชายหนุ่มอุทาน อย่าบอกนะ ว่าที่ท่านเสนอให้ตั้งแผงขายอาหารปลา กับแผงขายปลานั่นก็...

    อ้อ ข้าจะได้ซื้อสัมปทานมาขายหาเงินเพิ่มนั่นไง

    ...ตกลงยัยนี่คิดแต่จะหาเงินจริงๆ หรือนั่น... มาเทียสนึกอยากปาดเหงื่อ เสียแต่มือยังไม่ว่าง

    แต่เราไม่ควรช่วยพวกนางจริงๆ เหรอ เด็กหญิงแมนเดรกถามขึ้นบ้าง พวกคุณต้นไม้ก็ด้วย พวกเขาน่าสงสารออกนะ

    ถ้าเจ้าอยากทำอะไรเพื่อพวกนั้น ก็รอปราบไวเวิร์นเสร็จแล้วมาลองดู ไม่เกี่ยวอะไรกับข้านี่ แม่มดพูดง่ายดาย แต่เตือนไว้ก่อน... ผู้กล้า น่ะ ไม่ใช่คำตอบของทุกปัญหาในอิลลูเซียหรอก

    หมายความว่ายังไง อาเน่ตั้งคำถาม

    ก็หมายความว่า...ต่อให้ใครๆ พูดอย่างสวยหรูว่าผู้กล้ามีไว้เพื่อช่วยเหลือประชาชน อย่างเก่งที่ผู้กล้าทำได้ก็มีแต่กำจัดตัวอะไรที่พูดจากันไม่รู้เรื่อง จำพวกมังกร หรือสัตว์อสูรเท่านั้นเอริเธียเชิดหน้า เพราะอย่างนี้ พี่ชายโง่ๆ ดีแต่ใช้กำลังของข้าถึงได้เป็นผู้กล้านั่นอย่างไร

    แม่มดดำพูดได้เท่านั้น มนุษย์ทั้งสองกับแมนเดรกอีกหนึ่งก็พากันเงียบไปเป็นนาน

    แสงโคมส่องทางที่สว่างเป็นแนวเบื้องหน้า บ่งบอกว่าใกล้ถึงตัวเมืองแล้ว เอริเธียจึงเรียกไม้กวาดออกมา ก่อนจะหันกลับมาทางเพื่อนร่วมทางทั้งสอง

    ข้าจะบินกลับ จากนี้พวกเจ้าสองคนเดินไปเองก็แล้วกัน

    มาเทียสกะพริบตาปริบๆ ...เมื่อจู่ๆ แม่มดดำก็ดูเหมือนจะกวาดมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งทั้งเนื้อทั้งตัวคลุมด้วยเสื้อคลุมเดินทาง เสื้อผ้าอย่างอื่นเปียกน้ำจนเวลานี้ถอดพาดบ่าพาดแขนไว้ตามสะดวก

    ท...ทำไมหรือ

    เอริเธียไม่ตอบ แต่โบกมืออีกครั้ง

    ฉับพลันนั้น ลมร้อนวูบใหญ่ก็พัดเข้าปะทะหน้าช่างตีเหล็กที่สะดุ้งโหยง กับแมนเดรกที่ร้องเบาๆ อย่างตกใจ แต่ไม่ช้า ลมนั้นก็ผ่านไปโดยเร็ว

    ท...ทำอะไรของท่าน ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าไอร้อนวาบยังจับใบหน้าเขาอยู่ อย่างกับเอาหัวยื่นเข้าไปในเตาไฟไม่มีผิด คิดจะฆ่ากันรึไง!”

    เสื้อเจ้าแห้งแล้ว หรือคิดจะเดินโทงๆ กลับเมืองทั้งอย่างนั้น แม่มดดำสะบัดหน้ากลับไป

    มาเทียสเพิ่งตระหนัก เสื้อผ้าทุกชิ้น รวมทั้งเรือนผมที่เปียกน้ำของเขาแห้งสนิทดีจากลมร้อนเมื่อครู่จริงๆ

    ข...ขอบคุณมาก ชายหนุ่มพูด

    ไม่ต้องขอบคุณ นี่แค่แลกเปลี่ยนกับที่เจ้าช่วยข้าขึ้นจากน้ำเท่านั้น หญิงสาวตอบเสียงเย็น ข้าไม่ชอบติดค้างใคร อ้อ...เรื่องคำสาปของภูตเงาสะท้อนก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นซะล่ะ ข้าโดนคำสาปของข้าเอง ข้าก็แก้เองได้

    ครั้นแล้ว แม่มดก็นั่งไม้กวาดบินจากไป ทิ้งช่างตีเหล็กกับเด็กหญิงแมนเดรกไว้เพียงลำพัง

    ...แล้วทำไมต้องเป่าให้ข้าด้วยล่ะเป็นอาเน่ที่พูดขึ้นก่อน

    หือม์?

    ก็...ข้าไม่ได้ช่วยอะไรนางเลยนี่นา เด็กผมเขียวลูบเนื้อตัวของตน นางยังอุตส่าห์เป่าชุดของข้าให้แห้งด้วย

    นางคงไม่ได้คิดอะไรกระมัง ช่างตีเหล็กตอบอย่างครุ่นคิด แต่ที่จริง ข้าว่านางไม่น่าจะเป็นคนไม่ดีนะ

    ข้าก็คิดอย่างนั้น อาเน่รับ เหมือนว่า...นางแค่ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของตัวเอง นั่นเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ใช่ไหมนะ

    ก็คงใช่มาเทียสเห็นด้วย ข้าว่า...เรื่องที่นางติดต่อกับโยเวียส อย่าเพิ่งบอกให้ท่านเฮลิออสรู้ดีกว่าไหม เราเพียงแต่จับตามองนางไว้ เมื่อไรที่นางทำท่าจะทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อคนอื่นจริงๆ ค่อยบอกไป

    ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน อาเน่พยักหน้า

    เจ้าเองก็อย่าคิดมากเรื่องลิมนาเดสล่ะ ช่างตีเหล็กอดพูดไม่ได้ ที่เอริเธียพูดก็จริงส่วนหนึ่ง หากพวกนางไม่ลุกขึ้นสู้เพื่อตนเอง คนอื่นก็สู้แทนไม่ได้ เราจะช่วยได้เท่าที่เราทำได้เท่านั้น

    อือม์... เด็กหญิงแมนเดรกรับคำ

    มาเทียสเงยมองจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้า ด้วยความรู้สึกเหมือนฝันในวัยเด็กของตนหายไปหนึ่งอย่าง

    บางที... เขาอดคิดตามที่แม่มดดำเอ่ยไว้ไม่ได้ ...หากไวเวิร์นพูดจากับมนุษย์รู้เรื่อง พวกเขาจะต้องเดินทางไปปราบมันตั้งแต่แรกไหมนะ

     

    * * * * *

     

    คนเขียนขอคุย

     

    รู้สึกเหมือนตอนนี้เป็นตอนที่อัพระดับความซีเรียสของเรื่องขึ้นมาพอควร กับปัญหาของเหล่าลิมนาเดส ซึ่งผู้กล้าของเราก็คงจะแก้ไขไม่ได้ในเวลานี้ ตอนเขียนก็สองจิตสองใจเหมือนกัน ว่าจะให้กลับมาทำเควสต์ที่นี่ดีมั้ยนะ แต่ถ้ามีการแก้ไขเรื่องนี้ ก็อาจจะเป็นเล่มและเรื่องของคนอื่นในโลกทัศน์เดียวกันมากกว่า เพราะ ผู้กล้า ในอิลลูเซียก็ใช่จะมีแต่เฮลิออสกับอาเน่ด้วย

    ระหว่างที่เขียนก็อดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้ ที่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องเบาๆ ที่จริงก็ยังอยากใส่ปัญหาอะไรที่กระตุกให้คนอ่านคิดลงไปบ้างเหมือนกัน จนตอนนี้ก็รู้สึกว่าประเด็นสำคัญของเรื่องเริ่มชัดและแตกแขนงออกไป ในแง่หนึ่งก็ดี แต่ในอีกแง่ก็อาจจะเป็นอะไรที่เก็บไม่หมด เพราะคนเราแต่ละคนก็ไม่อาจแก้ทุกปัญหาในโลก แก้ได้แต่สิ่งที่เกี่ยวข้องและอยู่ในกำลังของตนกระมัง (พูดง่ายๆ ก็คือแถ หาเรื่องทิ้งปมค้างข้ามเรื่องนั่นเอง ฮะๆ)

    ส่วนตัวค่อนข้างจะชอบเอริเธียโหมดนี้ และก็คิดว่าเอริหรือเซเลเวลามีเหตุผลก็รับมือกับอะไรหลายๆ อย่างได้ดี (อาจดีกว่าคุณพี่ชายอีก) แต่ถ้าอยู่ในโหมดอารมณ์เหวี่ยงวีน ก็คงตัวใครตัวมันพอๆ กับมาเทียสละครับ

    ป.ล. ชักเริ่มเห็นเอริเธียซึน แต่นึกภาพตอนเดเระเต็มที่ยังไม่ออกเลยแฮะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×