ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Sun Seeker - ผู้ตามหาตะวัน (จบภาค)

    ลำดับตอนที่ #85 : -- ๕ – การประชุมของเนฟิลิม - “แต่ความเป็นเนฟิลิม ไม่ใช่ ความพิการ !”

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 195
      0
      3 ม.ค. 54

    การประชุมของเนฟิลิม

     

    อย่างที่บอก ตอนนี้กำหนดกลับฉันไม่แน่นอน ถ้าไม่มีเรื่องอะไรคงหลังเทศกาลก่อตั้ง แต่ถ้ามีเรื่องของเจ้านิกซ์ ก็คงจัดการให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ในห้องกลางของที่พัก ราดาแมนธิสพูดกับเนฟิลิมอีกสามคน คือเวซาโน ทาลอส และเซลลี

    หมายความว่าแกจะพามันกลับมาด้วย? เซลลีตั้งคำถาม

    ถ้ามันอยากกลับ ชายหนุ่มยกเงื่อนไข...ซึ่งทำให้อารมณ์ของตนพลันขุ่นมัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ซีเรนาบอกว่ามันอยู่คีรีเอสบายดี

    ชายบนรถเข็นพยักหน้า ทำหน้าเหมือนรู้ข้อมูลมาก่อนหน้าแล้ว จนหัวหน้าเนฟิลิมใคร่อยากถามว่ามันแอบฟังโทรศัพท์เขากับหญิงสาวบ้างหรือเปล่า แต่ไม่ทันทาลอสซึ่งกระแอม พูดช้าๆ ทีละคำ

    ฮั้น...ฮ่อ...ห่า....ฮา...ฮิก...หับ...ฮา...เฮย

    ...งั้นก็อย่าพานิกซ์กลับมาเลย...

    แฮ...ไฮ่...เหาะ...หับ...ฮี...ฮิด...แหบ...ฮวก...เฮา

    ...แกไม่เหมาะกับชีวิตแบบพวกเรา...

    ราดาแมนธิสไม่สบตากับคนพูด แต่ก็ไม่วายแย้ง

    เนฟิลิมก็ต้องมีชีวิตแบบเนฟิลิม ถ้าเนฟิลิมด้วยกันไม่ช่วยกัน เอาแต่เห็นแก่ตัว ทำลายเขากับอวัยวะ ซ่อนตัวตน เลือกทางสบายคนเดียว แล้วจะทวงสิทธิ์ของพวกเราได้ยังไง จะอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีได้ยังไง

    เหอะ เด็กมันมีโอกาสก็ปล่อยมันไปน่า เซลลีพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก เด็กก็คือเด็กวันยังค่ำ มันคิดง่ายๆ ว่าแค่อยู่ได้ มีที่นอน มีข้าวกิน มีคนดูแล มีความสุขก็พอแล้ว ตอนแกอายุเท่ามัน รู้รึยังว่าศักดิ์ศรีคืออะไร

    ชายหนุ่มเงียบไป ตระหนักได้ถึงคำตอบที่ตนไม่อยากยอมรับ...ว่าหากเป็นตนในเช้าวันที่ตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองมีเขาและดวงตาผิดแปลกจากคนอื่น ก็คงจะอยากกำจัดมันไปจากตนเอง คงอยากกลับเป็นคนปกติธรรมดา มากกว่าเป็นเนฟิลิมที่ถูกเกลียดชัง

    ...คงไม่คิดว่าความเป็นเนฟิลิมคือสิ่งที่ต้องปกป้อง สิ่งที่น่าภาคภูมิ หรือศักดิ์ศรีของตนเลยแม้แต่น้อย...

    ตอนฉันมีเขากับไอ้หูบ้านี่แรกๆ ก็คิดเหมือนกันว่าทรมานแทบตาย ถ้าตอนนั้นการแพทย์มันเจริญพอผ่าเอาออกได้ก็ทำไปแล้ว ชายบนรถเข็นดึงปลายหูที่เหมือนค้างคาวของตนสองสามครั้ง แล้วก็ตบเข่าที่งออยู่ใต้ผ้าห่มของตน ขานี่ก็เหมือนกัน ตอนแรกที่รู้ว่าจะใช้มันไม่ได้อีก ฉันก็ไม่อยากกลายเป็นไอ้ง่อยบนรถเข็นแบบนี้หรอก ไม่ว่าใครก็ไม่ชอบทั้งนั้น ถ้าชีวิตของตัวเองเปลี่ยนแปลงปุบปับจนรับไม่ได้...ถ้าเปลี่ยนแล้วเป็นทุกข์ละก็นะ

    แต่ความเป็นเนฟิลิม ไม่ใช่ ความพิการ !” ราดาแมนธิสพูดเสียงแข็ง นายจะบอกว่าฉัน ซีเรนา เวซาโน กับทาลอสพิการเพราะมีเขากับอวัยวะไม่หมือนคนอื่นงั้นเหรอ ! ต้องรักษาด้วยการเอาพวกมันออก ! ยอมเป็นคนพิการตาบอด ลิ้นขาด มือด้วน หูหนวก หรือมีลูกไม่ได้...ดีกว่างั้นเหรอ !”

    เขาจ้องเนฟิลิมผู้มีหูแห่งเทพอนธการเขม็ง แต่อีกฝ่ายก็มีเพียงสีหน้าเรียบเฉย และพูดต่อไปช้าๆ

    ฉันไม่คิดว่าเขา หรืออวัยวะของเทพอนธการที่พวกเรามีเป็นความพิการหรอก ถ้าเรียกในแง่ลบก็ วิปริต แต่ถ้าเรียกให้น่าภูมิใจก็ มีอำนาจเหนือมนุษย์จนคนธรรมดากลัว เลยอยากทำลาย เป็นเหตุให้พวกเราโดนตามล่าโดนกำจัดกระมัง คำพูดของเซลลีค่อยทำให้หัวหน้าเนฟิลิมมั่นใจ และคิดต่อไปได้มากขึ้น ให้ทำลายหูฉันตอนนี้ก็ได้ตายพอดี แกก็รู้นี่ว่าพวกอัสลานมันเลี้ยงคนเดินไม่ได้อย่างฉันไว้เพราะยังใช้หูได้ ถ้าพวกมันตัดเก็บไว้แค่หัวกับหูแล้วยังใช้การได้ก็คงทำไปแล้ว

    ก็นั่นยังไง ราดาแมนธิสรีบเสริม พวกเรามาอยู่ที่นี่เพราะอะไร ต่างคนต้องแยกจากครอบครัว ต่างคนถูกบังคับให้มา ต่างคนถูกเลี้ยงไว้ใช้งาน ทั้งหมดเพราะเราเป็นเนฟิลิม แต่ถ้าไม่มีความเป็นเนฟิลิม...พวกเราก็จะไม่ใช่พวกเรา ไม่มีเกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรี นายจะปล่อยให้เนฟิลิมด้วยกันทำลายความเป็นเนฟิลิมของตัว แล้วก็ใช้ชีวิตอยู่เหมือนไม่เคยเป็นเนฟิลิมมาก่อน ในโลกที่เนฟิลิมอื่นๆ ยังถูกกดขี่อย่างนี้น่ะเหรอ !”

    แล้วแกจะลากเด็กที่ไม่เคยฆ่าคนมาเป็นทุกข์แบบเดียวกับเราไปเพื่อความเป็นเนฟิลิมอะไร เซลลีกลับย้อนถาม เด็กคนเดียว ไม่ใช่วีรบุรุษที่จะมากู้โลกให้พวกเรานะเว้ย ขอโทษเถอะ ตอนนี้ฉันดูแล้วเหมือนแกอิจฉาเด็ก เลยอยากขัดความสุขมันมากกว่า

    อิจฉา? ฉันน่ะเหรอ? ชายหนุ่มทวนคำด้วยอารมณ์ที่เริ่มกรุ่น ฉันคิดถึงความมั่นคงของพวกเราเนฟิลิมทุกคนต่างหาก นายคิดว่าเราจะรวมเป็นกลุ่มใหญ่ ปกป้องดูแลตัวเองกับเนฟิลิมรุ่นหลังได้ยังไง ถ้าไม่ทำให้รุ่นเด็กๆ มันเข้าใจอุดมการณ์กับสถานะของพวกเรา เนฟิลิมคนก่อนๆ หน้านายก็ตายไปกันหมดแล้ว พวกเราตอนนี้ก็มีกันแค่ห้าคน เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกันอยู่ตลอดเวลา ! ถ้าไม่มีกำลังคน เราก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ! แกอยากให้รุ่นลูกหลานเราเป็นทาสคนอัสลานมันต่อไป...หรือถ้าตอนนั้นไม่มีอัสลานอยู่แล้วก็โดนโซลาริสจับไปทดลองให้มันตายๆ กันหมดรึไง ! เข้าใจรึยังว่าทำไมเราถึงต้องดึงเนฟิลิมเด็กๆ ไว้ ทำไมฉันถึงต้องห่วงเรื่องคนสืบทอดตั้งแต่ตอนนี้ !”

    เออ เข้าใจชัดเจนแล้วว่าทำไมแกจับซีเรนา เซลลีกลับพูดเสียงเครียดจนเขาสะอึกที่แท้ก็แค่อยากทำลูกที่เป็นเนฟิลิมแบบตัวเองงั้นสิ

    ฉันรักซีเรนา นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของฉันกับเขา แกไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย อารมณ์ของหัวหน้าเนฟิลิมเริ่มกรุ่นจนอดสวนมากกว่านั้นไม่ได้หรือแกอิจฉาฉัน ในเมื่อแก—“

    ...แกมีลูกไม่ได้ ผู้หญิงที่แกรักคนนั้นก็ตายไปแล้ว...

    ราดาแมนธิสห้ามปากตนเองได้ทันควัน เมื่อจู่ๆ เวซาโนลุกจากเก้าอี้แล้วพูดดังลั่น

    เบื่อโว้ย ! เรียกข้ามาฟังอะไรยาวเหยียดอย่างนี้วะ ! ออกไปเผาของแก้เซ็งดีกว่า ! ถ้าไอ้เรื่องที่มันไม่เกี่ยวกับงานเผา ไม่ต้องให้ข้ารู้ก็ได้ ! แกจะไปฮันนีมูนกับซีเรนานานแค่ไหนก็เชิญตามสบายเลย ! ของฝาก...ขออะไรที่มันไหม้ไฟสวยๆ แล้วกัน !”

    ชายหนุ่มหน้าชาไปทันที ขณะก้มมองพื้น ฟังเสียงชายบ้าไฟเดินกระแทกเท้าจากไป จนมีเสียงปิดประตูอย่างไม่เบานัก

    เออ ฉันอิจฉาแก ชายอีกคนรับคำพูดที่เขาค้างไว้ ฉันอิจฉาที่แกเดินได้ วิ่งได้ ไปไหนมาไหนนอกบ้านไปจนถึงนอกเวสต์แลนด์ได้ ไม่ต้องผูกติดกับเตียงกับรถเข็น ห้อยถุงปัสสาวะสวนทวารทุกวัน ดูขาที่เคยเดินเคยวิ่งของตัวเองลีบลงทุกวัน ฉันอิจฉาที่แกมีผู้หญิงที่รักแก ขนาดยอมแกได้ทุกอย่าง อิจฉาที่แกมีโอกาสมีลูก แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่เข้าใจแกเลย

    แกจะทุ่มตัวเองเพื่อเปลี่ยนโลกยังไงก็เป็นสิทธิ์ของแก แต่ทุ่มจนลืมทุกอย่างแล้วแกมีความสุขมั้ย ถ้าแกรักซีเรนา ก็ต้องอยากให้เขามีความสุข ถ้าแกเป็นห่วงเด็กนิกซ์นั่นในฐานะเนฟิลิมจริงๆ ก็ต้องรู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับมัน แกอาบน้ำร้อนมาก่อนเพื่อเตือนเด็กว่าน้ำมันร้อน จะได้ไม่โดนลวก หรือเพื่อโยนเด็กมันลงไปโดนลวกทั้งตัวอย่างแกกันแน่

    ชายหนุ่มกำมือแน่น พยายามดับโทสะที่ปิดกั้นความคิด นึกหาสิ่งที่ตนควรทำในฐานะหัวหน้า

    เขาต้องเยือกเย็น...ต้องให้เนฟิลิมทุกคนยอมรับได้ในฐานะผู้นำ อย่างไม่มีข้อกังขา ต้องรับฟัง ต้องรู้วิธีโน้มน้าวเปลี่ยนความคิดคน

    เขารู้...อ่านหนังสือพวกนี้มาตลอดตั้งแต่สมัยยังเตรียมตัวเป็นนักบวช แต่ทำไมตอนนี้กลับนึกจะไม่ออก ทำจะไม่ได้

    ขอโทษ สุดท้าย ราดาแมนธิสก็ตัดสินใจพูดง่ายๆ ทุกอย่างที่ฉันทำ ฉันทำเพื่อพวกเนฟิลิมทุกคน แล้วก็ทำเพื่อตัวเองด้วย ส่วนเด็กนิกซ์...ก็อย่างที่บอก ถ้ามันไม่อยากกลับ ฉันก็จะไม่บังคับมัน ไม่ดึงมันลงบ่อน้ำร้อนอีก...

    แต่ถ้ามีใครอื่นผลักมันลงบ่อน้ำร้อนแทนฉัน ฉันก็คงต้องลากมันมาสอนอยู่ดี ว่าจะรับมือกับแผลพุพองยังไง

    ครั้นแล้ว ชายหนุ่มก็พูดขอตัวสั้นยิ่งกว่า และถือกระเป๋าสัมภาระใบย่อมออกไปในไม่ช้า

     

    * * * * *

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×