คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #85 : -- ๕ – การประชุมของเนฟิลิม - “แต่ความเป็นเนฟิลิม ไม่ใช่ ความพิการ !”
๕ – การประชุมของเนฟิลิม
“อย่างที่บอก ตอนนี้กำหนดกลับฉันไม่แน่นอน ถ้าไม่มีเรื่องอะไรคงหลังเทศกาลก่อตั้ง แต่ถ้ามีเรื่องของเจ้านิกซ์ ก็คงจัดการให้เสร็จเรียบร้อยก่อน” ในห้องกลางของที่พัก ราดาแมนธิสพูดกับเนฟิลิมอีกสามคน คือเวซาโน ทาลอส และเซลลี
“หมายความว่าแกจะพามันกลับมาด้วย?” เซลลีตั้งคำถาม
“ถ้ามันอยากกลับ” ชายหนุ่มยกเงื่อนไข...ซึ่งทำให้อารมณ์ของตนพลันขุ่นมัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “ซีเรนาบอกว่ามันอยู่คีรีเอสบายดี”
ชายบนรถเข็นพยักหน้า ทำหน้าเหมือนรู้ข้อมูลมาก่อนหน้าแล้ว จนหัวหน้าเนฟิลิมใคร่อยากถามว่ามันแอบฟังโทรศัพท์เขากับหญิงสาวบ้างหรือเปล่า แต่ไม่ทันทาลอสซึ่งกระแอม พูดช้าๆ ทีละคำ
“ฮั้น...ฮ่อ...ห่า....ฮา...ฮิก...หับ...ฮา...เฮย”
...งั้นก็อย่าพานิกซ์กลับมาเลย...
“แฮ...ไฮ่...เหาะ...หับ...ฮี...ฮิด...แหบ...ฮวก...เฮา”
...แกไม่เหมาะกับชีวิตแบบพวกเรา...
ราดาแมนธิสไม่สบตากับคนพูด แต่ก็ไม่วายแย้ง
“เนฟิลิมก็ต้องมีชีวิตแบบเนฟิลิม ถ้าเนฟิลิมด้วยกันไม่ช่วยกัน เอาแต่เห็นแก่ตัว ทำลายเขากับอวัยวะ ซ่อนตัวตน เลือกทางสบายคนเดียว แล้วจะทวงสิทธิ์ของพวกเราได้ยังไง จะอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีได้ยังไง”
“เหอะ เด็กมันมีโอกาสก็ปล่อยมันไปน่า” เซลลีพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก “เด็กก็คือเด็กวันยังค่ำ มันคิดง่ายๆ ว่าแค่อยู่ได้ มีที่นอน มีข้าวกิน มีคนดูแล มีความสุขก็พอแล้ว ตอนแกอายุเท่ามัน รู้รึยังว่าศักดิ์ศรีคืออะไร”
ชายหนุ่มเงียบไป ตระหนักได้ถึงคำตอบที่ตนไม่อยากยอมรับ...ว่าหากเป็นตนในเช้าวันที่ตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองมีเขาและดวงตาผิดแปลกจากคนอื่น ก็คงจะอยากกำจัดมันไปจากตนเอง คงอยากกลับเป็นคนปกติธรรมดา มากกว่าเป็นเนฟิลิมที่ถูกเกลียดชัง
...คงไม่คิดว่าความเป็นเนฟิลิมคือสิ่งที่ต้องปกป้อง สิ่งที่น่าภาคภูมิ หรือศักดิ์ศรีของตนเลยแม้แต่น้อย...
“ตอนฉันมีเขากับไอ้หูบ้านี่แรกๆ ก็คิดเหมือนกันว่าทรมานแทบตาย ถ้าตอนนั้นการแพทย์มันเจริญพอผ่าเอาออกได้ก็ทำไปแล้ว” ชายบนรถเข็นดึงปลายหูที่เหมือนค้างคาวของตนสองสามครั้ง แล้วก็ตบเข่าที่งออยู่ใต้ผ้าห่มของตน “ขานี่ก็เหมือนกัน ตอนแรกที่รู้ว่าจะใช้มันไม่ได้อีก ฉันก็ไม่อยากกลายเป็นไอ้ง่อยบนรถเข็นแบบนี้หรอก ไม่ว่าใครก็ไม่ชอบทั้งนั้น ถ้าชีวิตของตัวเองเปลี่ยนแปลงปุบปับจนรับไม่ได้...ถ้าเปลี่ยนแล้วเป็นทุกข์ละก็นะ”
“แต่ความเป็นเนฟิลิม ไม่ใช่ ความพิการ !” ราดาแมนธิสพูดเสียงแข็ง “นายจะบอกว่าฉัน ซีเรนา เวซาโน กับทาลอสพิการเพราะมีเขากับอวัยวะไม่หมือนคนอื่นงั้นเหรอ ! ต้องรักษาด้วยการเอาพวกมันออก ! ยอมเป็นคนพิการตาบอด ลิ้นขาด มือด้วน หูหนวก หรือมีลูกไม่ได้...ดีกว่างั้นเหรอ !”
เขาจ้องเนฟิลิมผู้มีหูแห่งเทพอนธการเขม็ง แต่อีกฝ่ายก็มีเพียงสีหน้าเรียบเฉย และพูดต่อไปช้าๆ
“ฉันไม่คิดว่าเขา หรืออวัยวะของเทพอนธการที่พวกเรามีเป็นความพิการหรอก ถ้าเรียกในแง่ลบก็ ‘วิปริต’ แต่ถ้าเรียกให้น่าภูมิใจก็ ‘มีอำนาจเหนือมนุษย์จนคนธรรมดากลัว’ เลยอยากทำลาย เป็นเหตุให้พวกเราโดนตามล่าโดนกำจัดกระมัง” คำพูดของเซลลีค่อยทำให้หัวหน้าเนฟิลิมมั่นใจ และคิดต่อไปได้มากขึ้น “ให้ทำลายหูฉันตอนนี้ก็ได้ตายพอดี แกก็รู้นี่ว่าพวกอัสลานมันเลี้ยงคนเดินไม่ได้อย่างฉันไว้เพราะยังใช้หูได้ ถ้าพวกมันตัดเก็บไว้แค่หัวกับหูแล้วยังใช้การได้ก็คงทำไปแล้ว”
“ก็นั่นยังไง” ราดาแมนธิสรีบเสริม “พวกเรามาอยู่ที่นี่เพราะอะไร ต่างคนต้องแยกจากครอบครัว ต่างคนถูกบังคับให้มา ต่างคนถูกเลี้ยงไว้ใช้งาน ทั้งหมดเพราะเราเป็นเนฟิลิม แต่ถ้าไม่มีความเป็นเนฟิลิม...พวกเราก็จะไม่ใช่พวกเรา ไม่มีเกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรี นายจะปล่อยให้เนฟิลิมด้วยกันทำลายความเป็นเนฟิลิมของตัว แล้วก็ใช้ชีวิตอยู่เหมือนไม่เคยเป็นเนฟิลิมมาก่อน ในโลกที่เนฟิลิมอื่นๆ ยังถูกกดขี่อย่างนี้น่ะเหรอ !”
“แล้วแกจะลากเด็กที่ไม่เคยฆ่าคนมาเป็นทุกข์แบบเดียวกับเราไปเพื่อความเป็นเนฟิลิมอะไร” เซลลีกลับย้อนถาม “เด็กคนเดียว ไม่ใช่วีรบุรุษที่จะมากู้โลกให้พวกเรานะเว้ย ขอโทษเถอะ ตอนนี้ฉันดูแล้วเหมือนแกอิจฉาเด็ก เลยอยากขัดความสุขมันมากกว่า”
“อิจฉา? ฉันน่ะเหรอ?” ชายหนุ่มทวนคำด้วยอารมณ์ที่เริ่มกรุ่น “ฉันคิดถึงความมั่นคงของพวกเราเนฟิลิมทุกคนต่างหาก นายคิดว่าเราจะรวมเป็นกลุ่มใหญ่ ปกป้องดูแลตัวเองกับเนฟิลิมรุ่นหลังได้ยังไง ถ้าไม่ทำให้รุ่นเด็กๆ มันเข้าใจอุดมการณ์กับสถานะของพวกเรา เนฟิลิมคนก่อนๆ หน้านายก็ตายไปกันหมดแล้ว พวกเราตอนนี้ก็มีกันแค่ห้าคน เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกันอยู่ตลอดเวลา ! ถ้าไม่มีกำลังคน เราก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ! แกอยากให้รุ่นลูกหลานเราเป็นทาสคนอัสลานมันต่อไป...หรือถ้าตอนนั้นไม่มีอัสลานอยู่แล้วก็โดนโซลาริสจับไปทดลองให้มันตายๆ กันหมดรึไง ! เข้าใจรึยังว่าทำไมเราถึงต้องดึงเนฟิลิมเด็กๆ ไว้ ทำไมฉันถึงต้องห่วงเรื่องคนสืบทอดตั้งแต่ตอนนี้ !”
“เออ เข้าใจชัดเจนแล้วว่าทำไมแกจับซีเรนา” เซลลีกลับพูดเสียงเครียดจนเขาสะอึก “ที่แท้ก็แค่อยากทำลูกที่เป็นเนฟิลิมแบบตัวเองงั้นสิ”
“ฉันรักซีเรนา นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของฉันกับเขา แกไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย” อารมณ์ของหัวหน้าเนฟิลิมเริ่มกรุ่นจนอดสวนมากกว่านั้นไม่ได้ “หรือแกอิจฉาฉัน ในเมื่อแก—“
...แกมีลูกไม่ได้ ผู้หญิงที่แกรักคนนั้นก็ตายไปแล้ว...
ราดาแมนธิสห้ามปากตนเองได้ทันควัน เมื่อจู่ๆ เวซาโนลุกจากเก้าอี้แล้วพูดดังลั่น
“เบื่อโว้ย ! เรียกข้ามาฟังอะไรยาวเหยียดอย่างนี้วะ ! ออกไปเผาของแก้เซ็งดีกว่า ! ถ้าไอ้เรื่องที่มันไม่เกี่ยวกับงานเผา ไม่ต้องให้ข้ารู้ก็ได้ ! แกจะไปฮันนีมูนกับซีเรนานานแค่ไหนก็เชิญตามสบายเลย ! ของฝาก...ขออะไรที่มันไหม้ไฟสวยๆ แล้วกัน !”
ชายหนุ่มหน้าชาไปทันที ขณะก้มมองพื้น ฟังเสียงชายบ้าไฟเดินกระแทกเท้าจากไป จนมีเสียงปิดประตูอย่างไม่เบานัก
“เออ ฉันอิจฉาแก” ชายอีกคนรับคำพูดที่เขาค้างไว้ “ฉันอิจฉาที่แกเดินได้ วิ่งได้ ไปไหนมาไหนนอกบ้านไปจนถึงนอกเวสต์แลนด์ได้ ไม่ต้องผูกติดกับเตียงกับรถเข็น ห้อยถุงปัสสาวะสวนทวารทุกวัน ดูขาที่เคยเดินเคยวิ่งของตัวเองลีบลงทุกวัน ฉันอิจฉาที่แกมีผู้หญิงที่รักแก ขนาดยอมแกได้ทุกอย่าง อิจฉาที่แกมีโอกาสมีลูก แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่เข้าใจแกเลย
“แกจะทุ่มตัวเองเพื่อเปลี่ยนโลกยังไงก็เป็นสิทธิ์ของแก แต่ทุ่มจนลืมทุกอย่างแล้วแกมีความสุขมั้ย ถ้าแกรักซีเรนา ก็ต้องอยากให้เขามีความสุข ถ้าแกเป็นห่วงเด็กนิกซ์นั่นในฐานะเนฟิลิมจริงๆ ก็ต้องรู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับมัน แกอาบน้ำร้อนมาก่อนเพื่อเตือนเด็กว่าน้ำมันร้อน จะได้ไม่โดนลวก หรือเพื่อโยนเด็กมันลงไปโดนลวกทั้งตัวอย่างแกกันแน่”
ชายหนุ่มกำมือแน่น พยายามดับโทสะที่ปิดกั้นความคิด นึกหาสิ่งที่ตนควรทำในฐานะหัวหน้า
เขาต้องเยือกเย็น...ต้องให้เนฟิลิมทุกคนยอมรับได้ในฐานะผู้นำ อย่างไม่มีข้อกังขา ต้องรับฟัง ต้องรู้วิธีโน้มน้าวเปลี่ยนความคิดคน
เขารู้...อ่านหนังสือพวกนี้มาตลอดตั้งแต่สมัยยังเตรียมตัวเป็นนักบวช แต่ทำไมตอนนี้กลับนึกจะไม่ออก ทำจะไม่ได้
“ขอโทษ” สุดท้าย ราดาแมนธิสก็ตัดสินใจพูดง่ายๆ “ทุกอย่างที่ฉันทำ ฉันทำเพื่อพวกเนฟิลิมทุกคน แล้วก็ทำเพื่อตัวเองด้วย ส่วนเด็กนิกซ์...ก็อย่างที่บอก ถ้ามันไม่อยากกลับ ฉันก็จะไม่บังคับมัน ไม่ดึงมันลงบ่อน้ำร้อนอีก...
“แต่ถ้ามีใครอื่นผลักมันลงบ่อน้ำร้อนแทนฉัน ฉันก็คงต้องลากมันมาสอนอยู่ดี ว่าจะรับมือกับแผลพุพองยังไง”
ครั้นแล้ว ชายหนุ่มก็พูดขอตัวสั้นยิ่งกว่า และถือกระเป๋าสัมภาระใบย่อมออกไปในไม่ช้า
* * * * *
ความคิดเห็น