ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Sun Seeker - ผู้ตามหาตะวัน (จบภาค)

    ลำดับตอนที่ #83 : -- ๓ – ความรู้สึกของครูเซเดอร์หนุ่มต่อสาวขายดอกไม้ - ...คุณคิดยังไงกับแอนเธีย...

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 189
      0
      31 ธ.ค. 53

    ความรู้สึกของครูเซเดอร์หนุ่มต่อสาวขายดอกไม้

     

    ...คุณคิดยังไงกับแอนเธีย...

    ขณะเหลือบมองหญิงสาวที่เดินอยู่ข้างตัวกับเด็กชายอีกคน ใต้แสงโคมไฟตามท้องถนน คำถามของหมอโจเซฟกลับผุดขึ้นในใจของแม็กนัสอีกครั้ง (หลังจากอีกหลายครั้งจนเขาเลิกนับไปแล้ว)

    อดีตหมอครูเซเดอร์ตั้งคำถามนั้นกับเขาในวันเดินทางกลับ หลังจากดึงตัวเขามาพูดด้วยตามลำพัง นัยน์ตาของชายวัยกลางคนจริงจัง จนครูเซเดอร์หนุ่มรู้สึกเหมือนถูกเอาปืนจ่ออกขอคำตอบพิกล แต่ขณะเดียวกันก็ยังแฝงความห่วงใยต่อคนที่ถูกเอ่ยชื่อในคำถามไม่น้อย

    ...เธอเล่าให้ผมฟังแล้ว ว่าคุณเป็นเพื่อนเธอ เธอจึงบอกความจริงเรื่องความสามารถของเธอกับคุณ นั่นเท่ากับเธอให้ความสำคัญคุณมาก... หมอลึกลับพูดต่อไปโดยไม่รอคำตอบ ...ผมหวังว่าคุณจะช่วยดูแลเธอได้ เธอไม่อยากให้ใครเป็นห่วง เลยชอบทำตัวเข้มแข็งกว่าที่เป็นจริง พยายามรับมือหรือแก้ไขทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่เธอก็มีขีดจำกัดของเธอ หากคุณช่วยระวังแทนเธอได้จะดีมาก...

    ...และอย่าบังอาจคิดอะไรพิเรนทร์ๆ กับเธอเด็ดขาด หากคุณไม่อยากเป็นเป้าซ้อมยิงให้ครูเซเดอร์ปลดเกษียณคนหนึ่ง กับบริจาคร่างให้หมอครูเซเดอร์ปลดเกษียณอีกคนผ่าเล่น... หมอโจเซฟทิ้งท้ายหน้าตายจนเขากลืนน้ำลายเอื๊อก

    แต่จะว่าไป เขาก็รู้มาจากแอนเธียแล้วว่าหมอโจเซฟกับหลวงพ่อนิโคลัสรักเธอเหมือนลูกแท้ๆ และเพราะตนเองมีน้องสาว จึงเข้าใจความเป็นห่วงนั้น (ถ้ามีไอ้หนุ่มที่ไหนมาทำรุ่มร่ามเกินเลยกับมิแรนดา เขากับแม่คงรุมกระทืบมันตาย) และพร้อมจะพยายามทำตาม (เว้นเพียงความคิดชั่วแวบที่ห้ามยาก และเขาหวังว่าเธอคงไม่รู้)

    ความรู้สึกว่าหญิงสาวเป็นคนสวยน่าชิดใกล้ และคนแปลกเกินความเข้าใจยังคงอยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปโดยมีแอนเธียในฐานะ เพื่อน แม็กนัสก็ค่อยๆ เห็นด้านอื่นๆ ของเธอมากขึ้น

    จากคนที่ยอมถูกรมควันบุหรี่ในรถอย่างไร้ปากเสียงมาตลอดทางก่อนช่วยเด็กทั้งสอง คราวนี้แอนเธียกลับค้านเสียงแข็งไม่ให้เขาสูบบุหรี่เป็นอันขาด (มีเด็กในรถนะคะ) ครั้นมาถึงคีรีเอ เธอก็กลายร่างเป็นอาสาสมัครรณรงค์เลิกบุหรี่ไปแทบทันที โดยนำทั้งแผ่นพับที่มีภาพอวัยวะน่ากลัวๆ ของคนสูบบุหรี่ หมากฝรั่ง ขนมขบเคี้ยว (ใส่กระเป๋าเสื้อแทนซองบุหรี่ เวลาอยากสูบขึ้นมาก็หยิบมากินแทนสักชิ้นสองชิ้น) และแผนการเลิกแบบมีตัวล่อมาให้เขาพิจารณา (วันไหนที่คุณไม่สูบบุหรี่เลย วันต่อมาฉันจะทำข้าวกล่องให้ ตกลงมั้ยคะ...แต่ถ้าจับได้ว่าคุณสูบบุหรี่อีก จะริบของรางวัลนะ) พร้อมสารพัดเหตุผล ตั้งแต่เงินเก็บที่เพิ่มกลับไปให้แม่กับน้องมากขึ้น สุขภาพดีขึ้น อายุยืนขึ้น และ...ความประทับใจที่ดีขึ้นของเธอ

    ...ฉันเป็นห่วงคุณในฐานะเพื่อน เมื่อก่อนฉันเคยเป็นอาสาสมัครดูแลผู้ป่วย เจอทั้งคนเป็นมะเร็งปอดกับมะเร็งกล่องเสียง พวกเขาลำบากมาก แล้วก็เสียใจมากด้วยที่เป็นภาระให้คนที่บ้าน คุณไม่อยากมีโรคพวกนี้ตอนอายุมากขึ้นแน่...

    ไปๆ มาๆ ...แม็กนัสซึ่งพึ่งบุหรี่ลดความเครียดตอนประจำชายแดนก็เลิกสูบสำเร็จในเวลาแค่เดือนกว่า  ทั้งๆ ที่ถูกแม่จ้ำจี้จ้ำไชโดยไร้ผลตอนกลับไปเยี่ยมบ้านหลายครั้ง ไม่รู้เป็นเพราะการทำงานและใช้ชีวิตในคีรีเอเครียดน้อยลง หรือเพราะใครบางคนช่วยลดความเครียดให้แทนบุหรี่กันแน่

    แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือ แอนเธียเป็นเพื่อนที่ดี กระทั่งบิวเรนที่เขาไปบ่นด้วยเรื่องอดบุหรี่ยังหัวเราะหึๆ บอกว่ามี แม่คนใหม่ มาคอยคุมให้ชีวิตของไอ้ซกมกกินเหล้าดูดควันเป็นอาจิณอย่างเขาเข้าที่เข้าทางขึ้นก็ดี

    ...แม่แอนเธียคนนั้นแปลกพิลึก แต่ก็สวยเข้าขั้น แถมทำอาหารอร่อยเหมาะฝากท้องกว่าหอพักที่นี่ (แอนเธียมักฝากข้าวกล่องมาให้บิวเรนอีกกล่อง ทุกครั้งที่ทำให้เขา) แกควงไว้เหอะ ลองทุ่มตัวช่วยแกเลิกบุหรี่ถึงขั้นนี้ คงไม่คิดร้ายอะไรกับแกหรอก...

    กระทั่งครูเซเดอร์หน่วยปกป้องเมืองที่แม็กนัสมาประจำยังพูดทีเล่นทีจริง ว่าอิจฉาที่เขามีสาวสวยมาส่งปิ่นโตแทบทุกวัน แถมขู่พกคล้ายๆ หมอโจเซฟในรายที่เคยอยู่ร่วมบ้านเด็กกำพร้าด้วยกัน แต่พวกเขาก็ฟังแอนเธีย ดูเหมือนจะเชื่อสนิทใจที่หญิงสาวบอกว่าเธอกับแม็กนัสเป็น (แค่) เพื่อนกัน บางคนบอกว่าใครๆ ที่เคยหวังจีบหญิงสาวจะถูกดักทางและปฏิเสธแบบไม่ตัดไมตรี ก่อนจัดไว้ในประเภทเพื่อนโดยละม่อม

    แต่เธอยอมรับเป็นเพื่อน ก็ดีกว่าเมินหนีหรือทำเป็นไม่รู้จักอยู่แล้วไม่ใช่หรือ...ทุกคนเห็นพ้องกัน

    แม็กนัสมองต่อไป และเพียงรับคำเบาๆ เมื่อแอนเธียฝากให้ช่วยดูแลนิกซ์ ก่อนเธอจะตรงไปทักทายชายวัยกลางคนตรงหัวมุมสี่แยก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่จัดสรรที่ตั้งให้ร้านแผงลอยในงานเทศกาล ดูเหมือนเธอจะรู้จักอีกฝ่ายมาก่อน และพูดคุยสนุกสนานกันดี

    แต่หากไม่รู้จักกัน หญิงสาวคงไม่ได้ทำเลตั้งรถเข็นดีขนาดนี้เป็นแน่ คอนเวิร์ตเป็นพลเมืองชั้นสองของโซลาริส มีหลายอย่างที่ไม่อาจทำได้สะดวก ร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร ร้านของชำ รวมทั้งห้างสรรพสินค้ามีระดับในเมืองใหญ่อย่างแซงค์ชัวรีและคีรีเอห้ามคอนเวิร์ตเข้าเด็ดขาด กระทั่งอาคารที่อยู่อาศัยก็ถูกจำกัดให้อยู่ได้แต่รอบนอก ซึ่งเป็นอพาร์ตเมนต์เก่าโทรมราคาถูก เต็มไปด้วยผู้อาศัยที่แม็กนัสรู้สึกเหมือนเพิ่งได้สิทธิ์ย้ายมาจากเก็ตโตหรือพ้นโทษออกจากคุก จนเขานึกเป็นห่วงแอนเธียที่ต้องเดินไปกลับระหว่างที่พักกับโบสถ์เซนต์แชริตีแทบทุกวันอย่างบอกไม่ถูก ถึงเธอจะยืนยันว่าป้องกันตัวได้อย่างไรก็ตาม

    ที่จริง ถึงอยู่รอบนอกก็ยังมีป้ายรถรางอยู่ไม่ไกล ชายหนุ่มจึงถามไปว่าทำไมไม่นั่งรถรางไปกลับโบสถ์ แล้วก็ได้คำตอบกลั้วหัวเราะที่ทำให้เพิ่งตระหนักได้ว่า...ถึงอย่างไรแอนเธียก็เป็นคอนเวิร์ต หลังจากเลือนไปเสียนานเพราะเขาแค่มองว่าแอนเธียก็คือแอนเธีย ซ้ำเธอรู้จักที่ทางในคีรีเอและธรรมเนียมปฏิบัติของโบสถ์มากกว่าครูเซเดอร์ชายแดนที่นับถือศาสนาโซลาริสแต่เกิดอย่างเขาเสียอีก

    ...ถึง ฉัน ใช้รถรางก็ได้แต่ยืนขาแข็งตลอดทางค่ะ เลยเดินออกกำลังกายดีกว่า...

    ตอนอยู่เก็ตโตหรือชายแดนไม่มีรถรางให้ใช้ แต่พออยู่คีรีเอ เขาก็ได้ใช้สิทธิ์ครูเซเดอร์ขึ้นรถรางฟรีบ่อยๆ เวลาต้องไปยังย่านอื่นของเมืองที่อยู่ไกลออกไป จึงได้พบว่าที่นั่งของคอนเวิร์ตถูกกันไว้ท้ายรถแค่แถวเดียว จะขึ้นรถรางทีก็ต้องจ่ายเงินกับคนขับที่ด้านหน้ารถ แล้วค่อยลงไปเดินขึ้นประตูหลัง ห้ามเดินผ่านบริเวณที่นั่งของคนโซลาริส หากคนขับรถนึกอยากแกล้งคอนเวิร์ตด้วยเหตุผลใดก็ตาม หรือกลัวออกรถช้ากว่ากำหนด ก็จะออกรถทั้งที่คอนเวิร์ตผู้จ่ายเงินไปแล้วยังไม่ได้กลับขึ้นมาด้วยซ้ำ

    นั่นเป็นแค่เรื่องที่คนขับบางคนทำกัน แต่ที่แย่กว่านั้นคือเมื่อที่นั่งของคนโซลาริสเต็ม คอนเวิร์ตก็ต้องลุกขึ้นยืนให้คนโซลาริสที่ขึ้นมาใหม่นั่งแทนทั้งแถว ต่อให้มีคนโซลาริสขึ้นรถมาใหม่แค่คนเดียวก็ตาม

    แม็กนัสรู้สึกว่านั่นไม่ยุติธรรม ยิ่งเมื่อแอนเธียเล่าว่าเธอเคยต้องลุกให้ผู้ชายโซลาริสนั่ง ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเธอเป็นเด็กนักเรียนในเครื่องแบบ ทว่าหญิงสาวกลับยักไหล่ บอกว่าเรื่องก็ผ่านไปนานแล้ว วิถีของโลกก็เป็นอย่างนี้ และสักวันหนึ่งมันอาจเปลี่ยนแปลง

    แต่ในเมื่อมันยังไม่เปลี่ยน และตัวเธอคนเดียวเรียกร้องให้ใครเปลี่ยนไม่ได้ ก็มีแต่ต้องยอมรับ และหาทางเอาตัวรอดอย่างอื่น

    เท่าที่ฟังมา ชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าแอนเธียช่างเป็นคนที่ยอมรับง่ายดายเหลือเกิน กระทั่งเขาสงสัยว่าที่เธอพูดคุยกับคนโซลาริสทั่วไป...กระทั่งครูเซเดอร์คนอื่นๆ นอกจากเขา...ได้อย่างเป็นมิตรจนน่าประหลาดใจ เป็นแค่การเอาตัวรอดอย่างหนึ่งหรือเปล่า

    แต่เธอก็คงรู้สึกดีกับเขาอยู่ไม่น้อยกระมัง ไม่อย่างนั้นคงลบความทรงจำเขาไปได้ง่ายๆ แล้วทำเป็นไม่รู้จักกันอีก แม็กนัสหวังว่าเขาคงไม่คิดเข้าข้างตนเองเกินไป ที่ดีใจตอนเห็นช่อดอกไม้พลาสติกสีชมพูของตนใส่แจกันตั้งบนชั้นวางของอันหนึ่ง ในห้องพักของแอนเธียซึ่งเขามีโอกาสเข้าไปวันนี้วันแรก

    มันสวยน้อยกว่าบรรดาดอกไม้ที่เธอทำ แต่เธอก็ยังอุตส่าห์เอามันมาประดับห้องด้วยไม่ใช่หรือ

    ชายหนุ่มปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปเรื่อย จนได้ยินเสียงเครื่องยนต์กระหึ่ม

    เงาดำพลันครอบคลุมร่างและท้องถนน เขาเงยหน้าขึ้น เห็นรถบรรทุกคันใหญ่แล่นผ่านไปพร้อมกับบีบแตรเสียงดัง

    ครั้นลับเงารถจึงมีเสียงฝีเท้าถี่กระชั้น แม็กนัสหันตามเสียง เห็นแผ่นหลังของนิกซ์ซึ่งสวมแจ็คเก็ตกับฮู้ดสีน้ำเงินเคลื่อนห่างออกไปริมบาทวิถี ราวกับไม่สนไฟสัญญาณข้ามถนนที่ยังเป็นสีแดงอยู่

    เฮ้ย !” ชายหนุ่มสบถ กระโจนไปคว้าแขนเด็กชาย กระชากเต็มแรงจนอีกฝ่ายหน้าหงาย รถยนต์อีกคันวิ่งตัดหน้าร่างผอมบางพร้อมเสียงแตรลั่น เฉียดไปเพียงเสี้ยวยาแดงผ่าแปด

    เป็นบ้าอะไรของแก ! จะวิ่งไปให้รถทับเล่นรึไง !” แม็กนัสหมุนไหล่เด็กชายให้หันกลับมาเผชิญหน้า ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดมันถึงจะวิ่งข้ามถนนไม่ดูตาม้าตาเรือ

    ข...ขอโทษฮะ นิกซ์ตอบเสียงสั่น มิหนำซ้ำแววตายังพร่าพอกัน ชายหนุ่มตั้งท่าจะพูดว่าลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้ด้วยเรื่องถูกดุว่าแค่นี้ แต่แอนเธียตรงเข้ามาหาทั้งสองเสียก่อน เธอถามเสียงเครียด

    เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ

    นิกซ์มันจะวิ่งข้ามถนน เกือบโดนรถชนแล้ว แม็กนัสปากไวกว่าตอบไปก่อน

    ...ผ...ผมเห็น...รถฮะ เด็กชายตอบตะกุกตะกัก เบาจนแทบไม่ได้ยิน

    รถเหรอ หญิงสาวรับอย่างสงสัย

    ...รถ...เซอร์คัส...แม็กซิมัส...

    แอนเธียยิ่งขมวดคิ้ว

    งั้นเหรอ

    รถนั่นเป็นอะไร แม็กนัสตั้งคำถาม

    รถคณะละครสัตว์ของนิกซ์ หญิงสาวอธิบาย ก่อนจะโน้มตัวลงโอบไหล่เด็กชาย ไม่เป็นไรแล้วนะจ๊ะ นิกซ์ พวกนั้นไม่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ จะไม่มีใครมาเอาตัวเธอไป หรือทำร้ายเธออีกหรอก

    ชายหนุ่มมองแอนเธียปลอบเด็กชาย...ทั้งที่ตนเองนึกสงสัย รถของคณะละครสัตว์ที่ว่าคงเป็นรถบรรทุกใหญ่ที่วิ่งผ่านไป แต่นิกซ์ไม่ได้วิ่งหนีไม่ใช่หรือ รถวิ่งผ่านแยกนี่ไป มันก็วิ่งตามไปทางเดียวกันชัดๆ

    ...ไม่รู้คิดทำเรื่องบ้าบิ่นอะไร เหมือนตอนเอาตัวไปขวางกระสุนปืนให้ยายท่านหญิงอีก...

    ผ...ผมรู้ฮะ ไม่ได้กลัวถูกเอาตัวไปหรอก แต่...อยากไปหาทุกคนมากกว่า เด็กชายตอบในทางที่เขาเดาไม่มีผิด ย...อยากรู้ว่าพี่ๆ ทุกคนปลอดภัยมั้ย ผม...ผมขอแวะไปหาทุกคนได้มั้ยฮะ พี่แอนเธีย ตอนนั้น...ไม่รู้ตอนวางระเบิดคีรีเอ ทุกคนเป็นยังไงบ้าง

    ไว้วันหลังแทนนะ แอนเธียปฏิเสธอย่างนุ่มนวล นี่ค่ำแล้ว ทางนั้นคงต้องจัดของอีกเยอะ เราไปตอนนี้จะเด่นเกินไป มีคนที่ไม่ควรเห็นนิกซ์อยู่ที่นั่นด้วยไม่ใช่หรือ

    แต่ว่า...

    วันหลังจะพาไปจ้ะ จะรีบพาไป ตอนที่แน่ใจได้ว่านิกซ์จะปลอดภัย สัญญานะ หญิงสาวยังตะล่อม เธอเป็นห่วงคนอื่น คนอื่นก็เป็นห่วงเธอ ไม่อยากให้เป็นอันตรายเหมือนกัน เข้าใจความรู้สึกนี้ใช่ไหม

    สุดท้ายเด็กชายก็ยอมพยักหน้า และเธอก็หันมาทางแม็กนัส

    ขอโทษนะคะ วันนี้คงไม่ได้พาไปร้านอาหารที่คุยไว้แล้ว แต่กลับไปที่อพาร์ตเมนต์แล้วฉันจะทำอะไรให้กินนะคะ

    ไม่เป็นไร ยังไงก็ได้ ชายหนุ่มรับคำง่ายๆ แม้จะกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง ที่ไม่รู้เลยว่าตนควรพูดหรือทำอะไรในสถานการณ์แบบนี้

    นิกซ์ยังคงนิ่งเงียบ แต่ก็ปล่อยให้แอนเธียจูงมือไปโดยดี ก่อนคนทั้งสามจะบอกลาผู้จัดสถานที่ออกร้าน แล้วเดินกลับไปทางเดิม

    ตอนหันกลับ แม็กนัสรู้สึกเหมือนเห็นคนที่อีกฟากถนนยืนนิ่งราวกับกำลังจับตามองทั้งสาม...แต่แล้วเงาร่างเพรียวบางในเสื้อโค้ตนั้นก็เดินต่อไป ให้เขารู้สึกเหมือนจู่ๆ ตนกลายเป็นคนระแวงไม่เข้าเรื่องไปโดยปริยาย

    แค่เจอรถคณะละครสัตว์ที่นิกซ์เคยอยู่ด้วยก็บังเอิญเกินพอแล้ว กลางเมืองอย่างนี้จะมีใครสะกดรอยตามพวกเขา และทำไปเพื่ออะไร

     

    * * * * *

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×