ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Sun Seeker - ผู้ตามหาตะวัน (จบภาค)

    ลำดับตอนที่ #23 : -- ๗ – หญิงสาวผู้ทิ้งชื่อของตน - “ถ้าอย่างนั้น ฉันจะเป็นซีเรนา”

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 290
      0
      21 ต.ค. 53

    หญิงสาวผู้ทิ้งชื่อของตน

     

    ชีวิตของหญิงสาวเริ่มต้นตั้งแต่เกิดมาในท้องแม่ที่ไม่ต้องการเธอแต่แรก

    เด็กหญิงคงลงเอยเป็นก้อนเลือดในถังขยะไปแล้ว หากว่าผู้เป็นแม่ซึ่งยังไม่พ้นวัยเด็กสาวไม่รู้ตัวเมื่อสายเกินไป จึงไม่อยากเสี่ยงชีวิตเอาเธอออก

    เด็กหญิงจึงต้องอยู่กับแม่ กับชายคนหนึ่งที่เป็น หุ้นส่วน ทางการค้าของแม่ แต่ไม่ใช่พ่อเธอ บางที พวกเขาคงเลี้ยงเธอต่อไปเพราะเธอเป็นเด็กผู้หญิง สักวันจะโตขึ้นและมีหนทางทำเงินเลี้ยงดูทั้งสองได้...ด้วยอาชีพเดียวกับที่แม่ทำอยู่

    พวกเขาไม่ปิดบังเรื่องนี้ต่อเธอ แต่ก็รอเวลาให้เธอโตเป็นสาวเสียก่อน เด็กหญิงไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรกับเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้ นอกจากชิงชัง เธอไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องมีเรื่องเช่นนั้น เหตุใดชายจึงต้องการ เหตุใดหญิงจึงต้องสนอง เหตุใดบางครั้งต้องยอมถูกตบตี ถูกทำร้าย เธอหาเหตุผลอื่นใดไม่ได้ นอกจากเกิดมาเป็นผู้หญิงก็ต้องเป็นอย่างนี้เอง

    ด้วยเหตุนี้ เด็กหญิงจึงเกลียดความเป็นผู้หญิง เกลียดเสื้อผ้า เครื่องประดับ และน้ำหอม เธอชอบตัดผมตนเองให้สั้นกุด แหว่งวิ่นเหมือนเด็กผู้ชาย และทำสิ่งที่เด็กผู้ชายในเก็ตโตนิยมทำ

    เธอฝากตัวกับพวกนักเลงหัวไม้แถวนั้น ล้วงกระเป๋าวิ่งราว ดูต้นทางให้พวกเด็กโตงัดแงะบ้าน

    ที่จริง เธอไม่ได้อยากเป็นชายหรอก แต่อาจรู้สึกกระมังว่าหากเป็นหญิงก็ต้องเจ็บปวดเหมือนแม่ ถ้าหากโตมาเป็นขโมยมีฝีมือเหมือนพวกพี่ชายที่คุมเด็กอื่นๆ ก็อาจเลี่ยงชะตากรรมที่แม่กับหุ้นส่วนวางไว้ได้

    และคงเพราะเธอทั้งกล้าและห้าวผิดเด็กผู้หญิง สวมเสื้อหลวมโคร่งกับกางเกงปิดบังรูปทรง หน้าตามอมแมมแทบตลอดเวลา พวกเด็กผู้ชายจึงไม่มองเธอในฐานะเพศตรงข้ามเลย

    เธอดื่มเหล้าสูบบุหรี่ ร่วมวงพูดเรื่องตลกหยาบโลน แม่ไม่พอใจ คอยดุด่าเธออยู่เรื่อย แต่หุ้นส่วนกลับคิดว่าดีเสียอีกที่เธอหัดวิชาพวกนี้ เผื่อเอาตัวรอดและเปิดหนทางทำมาหากินเพิ่มในอนาคต ซ้ำยังซ่อนรูปโฉมของผู้หญิงไว้ ไม่ให้ชายที่ไหนสนใจและเอาเปรียบ

    เธอปล่อยให้พวกเขาเชื่อของเขาไป ...และหากไม่มีเหตุบางอย่างเกิดขึ้น เธอคงเชื่อว่าเธอจะใช้ชีวิตแบบผู้ชายได้ชั่วนิรันดร์เช่นกัน

    เขาของเธองอกเมื่ออายุสิบสาม และลวดลายสีดำบางอย่างก็ปรากฏที่ท้องน้อย

    เด็กหญิงตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดศีรษะ มึนงง ...อาจเป็นคราวเคราะห์ด้วยกระมัง ตอนที่เธอนั่งหน้าตื่น คิดว่าจะจัดการอย่างไรกับตนเองที่มีเขางอกในชั่วข้ามคืนและปวดร้อนในท้องอย่างประหลาด หุ้นส่วน ของแม่ก็เข้ามา

    เธอจำไม่ได้ว่าเขาเข้ามาเพราะอะไร รู้แต่เขาเดินอ้อมมุมที่มีม่านกั้นไว้เป็นที่นอนของเธอ ด้วยสีหน้าท่าทางราวกับเป็นคนละคน เขาไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ปราดเข้ามาจับตัวเธอ ...จนทิ้งเธอนอนคุดคู้บนฟูกของตนอย่างเงียบๆ กับน้ำตา กับเลือด กับความเจ็บปวด

    ครั้นแม่รู้ก็ตบเธอ ด่าเธอว่านังแพศยาให้ท่าผู้ชาย หาว่าเธอเป็นปีศาจมาเกิด และโมโหที่จู่ๆ หุ้นส่วนคนนั้นทำลายโอกาสประมูลขายสิ่งที่เด็กหญิงสูญเสียไป

    ฝ่ายผู้ชายทะเลาะกับแม่อย่างรุนแรง ถึงขั้นยกเก้าอี้ขึ้นฟาดแม่จนแน่นิ่งก่อนเด็กหญิงทันห้าม จากนั้นก็จับเธอมัดขังไว้ในบ้าน ก่อนจะลากร่างของแม่ออกไป ทิ้งรอยเลือดไว้เป็นทางบนพื้น

    เด็กหญิงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากหนี

    เธอหลุดจากเชือกมาได้อย่างไรไม่แน่ใจ แต่ก็พยายามใช้โต๊ะ ลัง และเครื่องเรือนประดามีต่อเป็นบันได ปีนขึ้นไปถึงหน้าต่างระบายอากาศจนสำเร็จ เธอร่วงลงไปกระแทกถุงขยะข้างล่าง ได้แผลฟกช้ำเพิ่มมาอีกพอควร แต่ก็ยังวิ่งกะเผลกไปจนถึงที่ชุมนุมของพวกแก๊งเด็กผู้ชายที่เธอร่วมกลุ่มด้วย

    เธอหวังพึ่งพวกเขา ...แต่ไม่ทันคิดว่าจะต้องแลกอะไรกับการพึ่งพานั้น

    ...ให้อยู่ด้วยน่ะได้... หัวโจกของกลุ่มพูดขณะมองเธอไม่วางตา เช่นเดียวกับทุกๆ คนซึ่งล้อมวงจ้องมองเธอตั้งแต่เข้ามาในที่ซ่อน ด้วยสายตาที่แปลกไป ...แต่มีเขางอกอย่างนี้จะออกปล้นได้ยังไง ทุกคนที่นี่ต้องทำงาน ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีกิน...

    ...งั้นลูกพี่ก็หาอย่างอื่นให้ข้าทำสิ... เด็กหญิงยังพูดแบบผู้ชายตามเดิม ...ให้ทำอะไรก็ได้...ที่เขามันไม่ขวาง ข้าจะทำทุกอย่าง...

    ...งั้นก็ได้... เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดพยักหน้า ...มีงานที่เหมาะกับแกอยู่แล้วนี่...

    เธอเริ่มรู้สึกแปลกๆ เมื่ออีกฝ่ายใช้มือทั้งสองยึดไหล่ของตนไว้ และเพิ่งตระหนักในตอนนั้นเอง

    ...จ...จะทำอะไร...

    ...ผู้หญิงก็มีงานของผู้หญิง... เขาพูดเรียบๆ ...ไม่ใช่เรอะ...

    คงเมื่อนั้นกระมัง ที่เด็กหญิงรู้ว่าเธอไม่มีวันหนีจากฝันร้ายที่ตนกลัวมาตลอดได้ ...และฝันนั้นก็คงไม่มีวันจบสิ้น ทั้งเพื่อนและพี่ๆ ที่เคยร่วมปล้น ร่วมดื่ม ร่วมคุยกันล้วนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่ต่างจากหุ้นส่วนของแม่ เด็กหญิงพยายามปฏิเสธในทีแรก ต่อมาก็ดิ้นรน แต่เธอมีตัวคนเดียว ซ้ำบาดเจ็บอยู่ หากหนีพ้นเด็กผู้ชายราวสิบคนได้คงเป็นปาฏิหาริย์...

    นับแต่นั้น ถึงพวกเขาจะมองเธอเปลี่ยนไป เด็กหญิงมีเขาก็ยังอยู่กับ อดีต เพื่อนของตน พวกเขากักตัวเธอไว้ในแหล่งกบดาน ให้น้ำ อาหาร และสิ่งของจำเป็น...แลกกับ งาน ที่พวกเขาให้เธอทำ

    ส่วนเธอก็ยอมรับว่าตนเป็นได้เพียงผู้หญิง และยอมรับชะตากรรมของผู้หญิง..เพียงเท่านั้นเอง เธอจำไม่ได้ว่าตนเองอยู่กับพวกเขานานเท่าไร แต่ก็คงนานเป็นปี นานพอจะตั้งท้องและทำแท้ง ตามมาด้วยการแท้งเองอีกสองครั้ง จนวันหนึ่ง ใครสักคนในกลุ่มเริ่มทะเลาะกับคนอื่นๆ เพราะอยากครอบครองเธอคนเดียว

     เมื่อนั้น เธอจึงเพิ่งรู้ว่าความเป็นหญิงก็มีข้อได้เปรียบของมัน

    เธอยุให้พวกเขาไม่ลงรอยกัน และยุให้แต่ละคนเกลียดต่างฝ่าย ไม่ช้า พวกเขาก็ทะเลาะแบ่งพรรคพวก และเข่นฆ่ากันเอง จนเหลือคนสุดท้ายซึ่งเธอหลอกพึ่งพาเกาะกินไปสักพัก ก่อนจะฆ่าเสียเมื่อไม่รู้ตัว

    จากนั้น เธอรวบรวมเงินหนีไปตามลำพัง มีผู้ชายที่ไหนเกาะแกะก็ทำเป็นโอนอ่อนผ่อนตาม รอจังหวะฆ่าหรือทำให้สลบก่อนขโมยของหนีมา เธอมีเงินใช้ไม่ขาดมือ แต่ก็อยู่ที่ไหนไม่ได้นาน ทั้งเพราะต้องปกปิดเขา และต้องหนีออกจากเก็ตโตแต่ละแห่งก่อนผู้มีอิทธิพลในนั้นตามล่าตัว

    ร้ายกว่านั้น วันหนึ่งเหยื่อของเธอบังเอิญเป็นพวกครูเซเดอร์ เด็กสาวจึงถูกโซลาริสตามล่าอย่างจริงจังในไม่ช้า ยิ่งเมื่อพวกเขาจับได้ว่าเธอเป็น เด็กปีศาจ

    พวกครูเซเดอร์พาคนมารุมจับเธอพร้อมปืนครบมือ เด็กสาวเกือบถูกยิง แต่รอดมาได้เพราะหญิงคนหนึ่งช่วย อย่างไรก็ดี อีกฝ่ายไม่ได้ช่วยเหลือเธอเปล่าๆ

    หญิงคนนั้นเป็นสายลับของพวกอัสลาน

    เธอกล่อมเด็กสาวให้มาร่วมมือด้วย ทั้งยกเรื่องที่พวกครูเซเดอร์กับโซลาริสไม่มีวันปล่อยเด็กสาวไป และพวกอัสลานเป็นมิตรกับคนมีเขาทั้งหลาย ทว่าไม่มีประโยคใดแทงใจเธอที่สุดเท่าคำถามนี้

    ...เธอคิดจะเป็นแค่ผู้หญิงข้างถนน เป็นขโมย เป็นฆาตกรไปเรื่อยๆ อย่างนี้หรือ...

    บางที เธอคงไปกับสายลับหญิง เพราะเบื่อที่ต้องหลบหนีไปเรื่อยๆ ใช้มารยากับผู้ชายไม่เลือกหน้าไปเรื่อยๆ และฆ่าคนพวกนั้นไปเรื่อยๆ กระมัง

    ในทีแรกยังคงมีปัญหาเดิมๆ ...เด็กสาวพบว่ากระทั่งพวกผู้ชายอัสลานก็ต้องการเธอ ไม่ต่างจากผู้ชายอื่นๆ ที่เธอเคยเจอ แต่อย่างน้อยก็ยังดี ที่สายลับหญิงคนนั้นคอยดูแลไม่ให้ใครมีช่องทางรังแกเธอได้ และเด็กสาวก็ได้รู้ความจริงว่าถึงจะเกิดความปรารถนาในตัวเธออย่างรุนแรงไร้สาเหตุ ชายบางคนก็ยังพอยับยั้งชั่งใจ ห้ามตนเองไม่แตะต้องเธอได้

    พวกคนมีเขารุ่นเก่าก่อน รวมทั้งหมอผู้หญิงมาช่วยกันตรวจร่างกาย เพื่อหา ความสามารถ ของเธอ ...เมื่อนั้นเอง เด็กสาวจึงได้รู้สาเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด

    เธอมีความสามารถในเชิงอำนาจเสน่ห์ ครอบงำเพศตรงข้ามให้เกิดความปรารถนาไม่อาจทานทน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความสามารถนี้ทำงานโดยที่เธอไม่รู้ตัว และไม่ทันควบคุม

    นึกถึงเรื่องนี้ทีไร ซีเรนายังขำตนเองอย่างขื่นๆ ไม่หาย บางทีหากรู้เร็วกว่านี้สักนิด เธอคงไม่ต้องพบเจอเรื่องทั้งหมด แต่นั่นก็เป็นอดีตที่ผ่านไปแล้ว เด็กสาวในตอนนั้น เมื่อรู้แล้วก็ได้แต่ฝึกควบคุมความสามารถของตน บังคับให้ใช้ได้อย่างใจนึก เพื่อทำงานตามที่พวกอัสลานมอบหมาย

    พวกเขาเห็นว่าความสามารถของเธอเหมาะแก่การจารกรรม เพื่อให้ทำงานสะดวกขึ้น จึงได้เสี่ยงตัดเขา ดูแลเธอให้รอดพ้นจากการติดเชื้อจนแผลหายดี แล้วก็ให้สายลับหญิงนั้นฝึกเธอ ทั้งเรื่องปลอมแปลงหน้าตา ล้วงข้อมูลข่าวสาร ไปจนถึงลอบสังหาร เด็กสาวทำงานให้พวกอัสลานจนกลายเป็นหญิงสาว รอดพ้นจากงานเสี่ยงอันตรายมาได้หลายครั้ง แล้ววันหนึ่ง ก็ได้พบพวกเดียวกัน

    ตอนนั้นเธออายุยี่สิบเอ็ด ราดาอายุมากกว่าเธอสองปี เขาเข้าร่วมกลุ่มทีหลัง พร้อมกับเวซาโน มีข่าวว่าสองคนนี้ร่วมมือกันปล้นฆ่ามาก่อน โดยอาศัยความสามารถสร้างไฟ

    ครั้งแรกที่พบราดา หญิงสาวรู้สึกทันทีว่าเขาสะดุดตาผู้คนอย่างบอกไม่ถูก ที่จริงชายหนุ่มไม่ได้ล่ำสันกำยำแต่อย่างใด หากพบกันตอนที่เธอยังเด็กกว่านี้ เธออาจค่อนขอดเขาว่าบอบบางอย่างกับผู้หญิงด้วยซ้ำ แต่ตอนนั้นเธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว และพบในไม่ช้า ว่าราดาก็มีดีของราดา

    เขาเข้ามาหลังเธอ แต่ออกทำงานแค่ไม่กี่ครั้ง ก็สามารถเจรจาให้พวกมีเขาที่อยู่กับอัสลานในตอนนี้ได้ร่วมทำงานเป็นหน่วยเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเริ่มสนิทกับเขา เวซาโน ทาลอส...ซึ่งในตอนนั้นยังไม่ได้ชื่อทาลอส และเนฟิลิมพิการอีกคนที่อยู่มาก่อน ทั้งยังได้รู้ว่าราดามีจุดประสงค์ใด

    ...โลกที่พวกเราไม่ถูกกดขี่...และมีอำนาจ...

    หญิงสาวหัวเราะร่วนเมื่อได้ฟังในทีแรก ทว่าชายหนุ่มยังคงยิ้มไม่เปลี่ยน เขายักไหล่ บอกว่าจะทำการใหญ่ก็ต้องมีจุดมุ่งหมายใหญ่ในใจ

    ...แต่พวกเรามีกันกี่คน... เธอแย้ง ...ตอนนี้มีแค่ห้า จะสู้รบปรบมือกับคนทั้งโลกยังไง...

    ...ฉันเชื่อ...ว่าต้องมีพวกเดียวกับเราอยู่อีกมาก... ราดาบอก ...แต่ต่อให้มีไม่ถึงสิบ ความสามารถ ของพวกเราแต่ละคน บวกกับแผนการดีๆ ก็ต้องทำได้ ตอนนี้ให้เกาะพวกอัสลานไปก่อน ให้พวกมันช่วยลิดรอนอำนาจของโซลาริส จากนั้น เมื่อถึงวันที่พวกมันสู้กันถึงขั้นแตกหัก ใครจะรู้...

    หญิงสาวไม่เชื่อในตอนนั้น และเพียงแต่มองเขาเงียบๆ บางครั้งเธอรู้สึกเหมือนราดาเป็นคนบ้ายิ่งกว่าเวซาโนซึ่งคลั่งเพียงของง่ายๆ อย่างเดียวแค่ไฟ เขาพูดเรื่องที่ใครๆ ไม่เคยรู้ ชื่อที่ใครๆ ไม่รู้จัก เช่นเทพเจ้าโบราณมากมาย และฝันถึงการปฏิวัติพลิกวิถีโลก

    แต่เธอก็รู้ ราดามีสติปัญญา เขารู้เรื่องของคีรีเอกับโซลาริสมากกว่าใคร และพยายามเรียนรู้เรื่องของพวกอัสลานให้มากที่สุด ...ทว่าสำคัญกว่านั้น ราดาไม่ใช่คนเลวเลย กับ พวกเดียวกัน ตามที่เขาว่า ราดาปกป้องทุกๆ คนในทุกทางจริงๆ งานใดเสี่ยงมาก เขาก็รับไปทำเอง หากตนทำไม่ได้ก็ยังแสดงความห่วงใยคนทำ โดยเฉพาะงานที่มีแต่ต้องใช้ผู้หญิง ซึ่งมีเธอเพียงคนเดียว

    วันหนึ่ง เมื่อชายหนุ่มรู้ว่าเธอเกลียดชื่อเดิมของตน ซึ่งแม่ที่ไม่เคยต้องการเธอตั้งให้ เขาก็มอบชื่อใหม่ให้เธอ

    ...ชื่อ...ซีเรนา เป็นอย่างไร...

    ...ซีเรนา... เธอแกล้งย่นจมูก ...ชื่อประหลาด ไม่เคยได้ยินมาก่อน...

    ...มาจาก ไซเรน หมายถึงพวกภูตพรายหญิงที่มีรูปร่างเป็นนก อาศัยบนเกาะร้างกลางทะเล พวกนั้นร้องเพลงไพเราะนัก ล่อลวงให้กะลาสีกระโดดลงจากเรือ ว่ายน้ำเข้าไปให้กินเป็นอาหาร แต่เธอคงไม่ชอบชื่อไซเรนหรอก ประเดี๋ยวใครๆ จะนึกถึงรถพยาบาล...

    หญิงสาวหัวเราะ เธอไม่ได้มีปัญหากับชื่อนี้เลย แต่ชอบเสียงของมันแต่แรกด้วยซ้ำ ยิ่งรู้ความหมาย...ก็ยิ่งชอบมากขึ้นอีก

    ราดาบอกว่าเขาเคยเป็นคนตระกูลลูเชียส ชื่อจริงของเขาเป็นชื่อที่ตนเองทิ้งไปแล้ว ส่วนชื่อเต็มว่าราดาแมนธิสหมายถึงผู้พิพากษาแห่งปรโลก ซีเรนากับราดาแมนธิส...นางพรายผู้ล่อลวงคร่าชีวิตคน และผู้พิพากษาวิญญาณคนตาย...จะมีสิ่งใดเหมาะสมกันยิ่งกว่านี้อีก

    ...ถ้าอย่างนั้น ฉันจะเป็นซีเรนา... เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา พร้อมรอยยิ้มแน่วแน่ ...ฉันจะล่อลวงพวกนั้นมาให้ราดาตัดสินโทษเยอะๆ ...อย่างนี้ดีไหม...

    ไม่รู้เมื่อใด ซีเรนาผู้เคยคิดว่าเพศชายน่ารังเกียจไปเสียหมด ก็พบว่าเธอเว้นความรังเกียจให้ผู้ชายกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็น พวกเดียวกัน ซ้ำยิ่งมีความรู้สึกเป็นพิเศษกับใครคนหนึ่งในนั้น บางที หากพบราดาในตอนที่ยังควบคุมพลังของตนเองไม่ได้ เธออาจไม่รู้สึกเช่นนี้ แต่เธอไม่สน และบางที มันอาจเป็นความรู้สึกที่เขาไม่มีวันตอบสนอง แต่หญิงสาวก็พอใจจะรู้สึกอยู่คนเดียวเงียบๆ และพอใจจะช่วยเขาทุกทางที่ทำได้

    ประตูสังกะสีด้านหลังสั่นโครมคราม ดึงหญิงสาวออกจากห้วงภวังค์ ตามด้วยเสียงตะโกนสั่นๆ

    ส...เสร็จแล้ว! เอาเสื้อผ้ามาด...เดี๋ยวนี้นะ! น...หนาวจะตายอยู่แล้ว!”

    ซีเรนากลอกตา แล้วก็ผลุบเข้าไปในห้องน้ำโดยเร็ว เพื่อเฝ้าดูเด็กหญิงแต่งตัวให้เสร็จโดยไม่หนีไปไหน และก็ไม่วายต้องทนเสียงแหวของท่านหญิง ผู้ไม่พอใจเสื้อผ้าชุดใหม่ของตนเลยแม้แต่นิดเดียว

    ที่จริงเธอไม่อยากทำนักหรอก แต่เพื่อราดา...มันก็ช่วยไม่ได้นี่นา

     

    * * * * *

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×