ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Wings of Hope: Side Story (เบื้องหลังตำนาน)

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนพิเศษ - ดอกไม้กับจอมมาร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 112
      0
      6 ส.ค. 47

    Special - The Flower and The Demon

    ตอนพิเศษ ดอกไม้กับจอมมาร  



    กลางแสงแดดจ้าในยามเที่ยงวัน…มีเพียงกล้าไม้ที่ฉมเฉาโผล่พ้นจากผืนดินแตกระแหงอยู่เพียงลำพังต้นเดียวเท่านั้น ใบและก้านของมันแห้งกรอบเพราะถูกแสงแดดแผดเผา มันกำลังกระหายน้ำที่จะช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตให้อยู่รอดต่อไปท่ามกลางความทุรกันดาร แต่กล้าไม้น้อยก็ไม่เคยได้รับน้ำที่ชุ่มฉ่ำเช่นดังหวัง เพราะเมฆบนฟ้าไม่เคยปรานีส่งสายฝนลงมาบรรเทาความกระหายของมันเลย ขณะนี้ กล้าไม้น้อยรออยู่เพียงความตายเท่านั้น มันแทบจะไม่เหลือชีวิตอยู่อีกแล้ว สภาพของมันเหลือเพียงซากแห้งเกราะที่อาจแตกป่นเป็นผงได้แม้จะถูกกระทบอย่างเบาบางที่สุด…



    แต่แล้ว…กล้าไม้น้อยก็เห็นชายผู้หนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า เขาเป็นคนแรกที่กล้าไม้น้อยเคยเห็นย่างกรายเข้ามาในแดนทุรกันดารนี้ เขาโน้มกายลงเซาะดินแห้งแข็งที่เป็นที่ฝังรากของกล้าไม้น้อยขึ้นมาอย่างแผ่วเบาไม่ให้ได้รับความกระทบกระเทือน กล้าไม้ได้แต่มองเขาอย่างซาบซึ้ง มันนึกอยากพูดขอบคุณเขา แม้มันจะรู้ว่าความพยายามของชายหนุ่มที่จะยื้อยุดชีวิตกล้าไม้ไว้กับซากที่เกินเยียวยานี้จะไม่เป็นผล แต่เขาก็เป็นคนแรกที่อุตส่าห์ยื่นมือมาช่วยกล้าไม้น้อย…ทั้งๆ ที่น่าจะเห็นว่าเวลาของมันใกล้หมดลงแล้ว



    กระแสลมร้อนที่เคยกัดเซาะหน้าดินแตกเกราะพัดมาเช่นที่เคย หากในคราวนี้มันหอบเอาเศษใบและก้านของกล้าไม้น้อยที่ป่นเป็นผงปลิวไปด้วย กล้าไม้ที่พยายามยืนหยัดอยู่กลางแดนทุรกันดารไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว ทว่าอย่างน้อยในวาระสุดท้าย…มันก็ยังได้พบผู้ที่แสดงความอาทรต่อมัน



    ชายหนุ่มมองตามกระแสลมร้อนที่พัดผ่านไปด้วยดวงตาสีแดงดั่งโลหิตที่ล้ำลึก ไม่อาจมีใครคาดเดาความหมายที่แฝงอยู่ในดวงตาคู่นั้นได้เลย เขาทิ้งก้อนดินแห้งกรังนั้นลงสู่ผืนดินที่มีสภาพเช่นเดียวกัน ผงละอองดินสีแดงฟุ้งกระจายขึ้นก่อนจะถูกพัดพาไปในสายลม…



    เขาหวังเพียงแต่จะเยียวยาและต่อชีวิตให้กับกล้าไม้เท่านั้น หากดูเหมือนมันจะสายเกินไปเสียแล้ว…



    ชายหนุ่มกลับหลังหันเดินจากไปในทุ่งอันรกร้าง



    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    ยามดึกสงัด ณ อีกที่หนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปไกลแสนไกล ดวงจันทร์ข้างขึ้นเกือบเต็มดวงทอแสงสีเงินยวงลงทาบทาพื้นน้ำในทะเลสาบที่สงบนิ่งใสราวกระจก ป่ารอบด้านเงียบสงบมีเพียงเสียงจักจั่นเรไรร้องประสานกับเสียงใบไม้ไหวในยามที่ลมพัดโชยเท่านั้น ชายหนุ่มเพียงคนเดียวถือตะเกียงดวงเล็กยืนอยู่ริมทะเลสาบราวกับจะรอคอยใครบางคน…



    เสียงฝีเท้าที่ดังกระชั้นขึ้นด้านหลังปนกับเสียงหอบทำให้ชายหนุ่มหันกลับไป ที่เขาเห็นคือเด็กสาวร่างบางคนหนึ่งในชุดผ้าคลุมพรางกายในความมืดยืนพิงต้นไม้พลางหอบอย่างเหน็ดเหนื่อย



    \"ขอโทษจ้ะพี่เอมิล รอนานหรือเปล่า?\"



    ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ให้เธอแทนคำตอบ ถึงแม้ว่าเขาจะยืนรออยู่ที่นี่ตั้งแต่พลบค่ำแล้วก็ตาม



    \"ไม่หรอก สึมิเระ พี่เองก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน\"



    เด็กสาวผู้ถูกเรียกว่าสึมิเระกุมมือที่ค่อนข้างกร้านของเอมิลไว้อย่างแผ่วเบา



    \"มือเย็นเฉียบแบบนี้ยังจะบอกว่าเพิ่งมาถึงอีกเหรอ?\" น้ำเสียงนุ่มๆ ของสึมิเระแฝงแววตำหนิน้อยๆ \"ขอโทษนะที่ฉันมาช้า คืนนี้พ่อกับแม่เข้านอนดึก ก็เลยหลบออกมาลำบาก\"



    \"ไม่เป็นไรหรอก\" ชายหนุ่มสั่นศีรษะ \"ขอโทษนะ ที่พี่เรียกสึมิเระออกมากลางดึกแบบนี้ แต่พี่...มีเรื่อง...อยากจะพูด...\" เอมิลอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางราวกับชั่งใจว่าควรจะพูดดีหรือไม่ สึมิเระได้แต่มองใบหน้าคมเข้มของเอมิลด้วยดวงตาสีม่วงใสบ่งบอกความสงสัย



    \"อะไรหรือจ๊ะพี่เอมิล?\"



    \"ทางการกำลังเกณฑ์ทหารไปรบกับพวกชาวฟ้า…\" ชายหนุ่มพูดโดยไม่ยอมหันกลับมาสบตากับเด็กสาว...เพื่อซ่อนสีหน้าลำบากใจของเขาไม่ให้เธอเห็น \"พี่…ลงชื่อสมัครไปแล้ว\"



    สึมิเระชาวาบด้วยความตะลึงงัน



    \"ทำไมล่ะพี่เอมิล...?\"



    \"สึมิเระก็รู้ว่าพี่ไม่ใช่คนร่ำรวย ไม่มีอำนาจยศศักดิ์สูงๆ อย่างที่พ่อของสึมิเระต้องการ\" ชายหนุ่มพูดน้ำเสียงสั่นพร่าเหมือนกับจะระบายความในใจ \"แต่ถ้าชนะสงครามครั้งนี้กลับมาได้ พี่ก็จะได้เป็นทหารมียศ มีศักดิ์ศรี พ่อของสึมิเระจะได้ยอมรับพี่เสียที เราจะได้ไม่ต้องคบกันอย่างหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้อีก\"



    เด็กสาวนิ่งฟังอย่างค้านไม่ออก ทุกคำพูดของเขาล้วนเป็นความจริงทั้งนั้น พ่อของเธอไม่ชอบชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย เขาต้องการให้สึมิเระแต่งงานกับชายคนอื่นที่มีฐานะดีกว่าเพื่อความสุขสบายของทั้งครอบครัว...แม้มันจะหมายถึงการช่วงชิงความสุขของเด็กสาวที่อยากจะใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ตนเองรักจริงๆ ก็ตาม



    \"แต่ก่อนที่พี่จะไป...\" เอมิลเอ่ยขึ้นอีกครั้ง \"ยังมีเรื่องที่พี่อยากจะบอกให้สึมิเระรู้ไว้ก่อน\"



    สึมิเระได้แต่นิ่งอึ้งไม่รู้จะตอบว่าอะไร ในขณะที่เอมิลเองก็กำลังรวบรวมความกล้าเพื่อพูดคำนั้นออกมา นานแสนนานที่ทั้งสองได้แต่ยืนนิ่ง ต่างฝ่ายต่างจมอยู่ในห้วงความคิดของตน แต่แล้วในทันใดนั้นชายหนุ่มก็หันขวับกลับมาคว้ามือข้างซ้ายของเด็กสาวไป...แล้วบรรจงสวมแหวนวงหนึ่งไว้ที่นิ้วนางของเธออย่างอ่อนโยน



    เด็กสาวชูมือขึ้นมองตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ พลอยสีม่วงเม็ดเล็กที่ประดับหัวแหวนสะท้อนแสงจันทร์เข้าตาทำให้เธอตาพร่า น้ำตาแทบไหลออกมาด้วยความปีติ



    \"พี่เอมิล…นี่พี่…\"



    \"แต่งงานกับพี่เถอะนะสึมิเระ พี่จะกลับมา พี่สัญญา…\"



    สึมิเระพยักหน้าน้อยๆ อย่างขวยเขิน ผิวแก้มที่ขาวเนียนบัดนี้ปรากฏสีแดงเรื่อ และดวงตาที่เหลือบมองเอมิลก็ฉายแววดีใจอย่างสุดซึ้ง



    ชายหนุ่มประทับริมฝีปากลงกับริมฝีปากของเด็กสาวอย่างแผ่วเบาใต้แสงจันทร์นวล…ราวกับจะเป็นประจักษ์พยานในสัญญาและความหวังที่ทั้งสองมีร่วมกัน...



    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    \"ไม่จริง!!\" เด็กสาวกรีดร้องอย่างไม่อยากจะเชื่อ \"พี่เอมิล…พี่เอมิลต้องไม่…ไม่จริง-----!!\"



    \"จริงสิ สึมิเระ ไอ้เอมิลมันตายไปแล้ว\" เสียงของชายวัยกลางคนที่พูดตอกย้ำไม่มีแม้ความสงสารหรือเห็นใจ กลับแฝงแววเย้ยหยันอยู่ในทีเสียด้วยซ้ำ \"เป็นทหารไปรบแล้วเป็นไง…สุดท้ายก็ตายอย่างไอ้หมาข้างถนนตัวหนึ่ง!!\"



    \"ทำไมพ่อถึงพูดแบบนี้ล่ะ อย่างน้อยพี่เอมิลก็ออกรบตายอย่างมีเกียรตินะ!\"



    \"ตายอย่างมีเกียรติของแกน่ะสิ! เรือที่มันนั่งไปถูกพวกชาวฟ้าจมตั้งแต่ยังไม่ถึงฝั่งเซโรเลยด้วยซ้ำ! ดีแล้วที่ฉันไม่ให้แกแต่งงานกะมัน ไม่อย่างนั้นได้ขายขี้หน้าเขาตายแน่...ตายตั้งแต่ยังไม่ได้ลงสนามรบ!!\"



    \"พ่อ-----!!!\" สึมิเระอุทาน



    \"แกน่ะลืมไอ้เอมิลซะเถอะ ผู้ชายที่ดีกว่ามันยังมีอยู่ถมไป เมื่อวันก่อนลอร์ดฮัมฟรีย์เจ้าของที่ดินเพิ่งมาพูดเรื่องแกกับพ่อ พ่อว่าถ้าแกแต่งเป็นอนุที่สี่ของท่านลอร์ดจะดีกว่านะ พ่อแม่กับน้องๆ จะได้พลอยสุขสบายไปด้วย\"



    สึมิเระหันขวับมามองผู้เป็นบิดาทั้งน้ำตานองหน้า ดวงตาสีม่วงบัดนี้ฉายแววโกรธเคืองเป็นที่สุด



    \"พี่เอมิลตายไปทั้งคน พ่อก็คิดแต่จะให้ฉันแต่งกับผู้ชายคนอื่นงั้นเหรอ?! ฉันไม่แต่ง! ฉันไม่แต่งกับใครทั้งนั้น!! ฉันรักพี่เอมิลคนเดียว!!!\"



    หลังมือของผู้เป็นบิดาสะบัดฟาดฉาดจนเด็กสาวฟุบลงไปกับพื้น เจ็บปวดรวดร้าวทั้งกายใจ ชายวัยกลางคนปราดเข้ามาหมายจะซ้ำ แต่หญิงอีกคนหนึ่งกลับยุดมือเขาไว้



    \"พอเถอะน่าพ่อ เดี๋ยวลูกมันก็ได้ตายคามือเสียหรอก!\"



    \"มีลูกใฝ่ต่ำแบบนี้ ฆ่ามันให้ตายไปซะยังจะดีกว่า!!\"



    ตาย...ใช่สิ สึมิเระนึกในใจอย่างเจ็บปวด ถ้าเธอตายไปเสียจะได้พบกับเอมิลอีก ไม่ต้องทนอยู่ไปวันๆ อย่างไร้จิตใจเหมือนสิ่งของที่ขายให้ใครก็ได้ ดีกว่าต้องตกเป็นนางบำเรอของชายแก่ที่เธอไม่ได้รัก มีค่าเป็นเพียง \'เครื่องประดับ\' ชิ้นหนึ่งเท่านั้น...



    เด็กสาวผุดลุกขึ้นถลาไปกระชากประตู กระแทกให้เปิดออกเสียงดังปึงแล้ววิ่งออกไปโดยไม่คิดอะไรอีก หญิงวัยกลางคนผวาจะตามไป แต่ทว่าผู้เป็นพ่อกลับร้องห้าม



    \"ไม่ต้องตาม!! อีกเดี๋ยวมันก็ซมซานกลับมาเองนั่นแหละ จะมีน้ำยาไปไหนได้!\" เขาหันไปตวาดใส่ร่างที่กำลังวิ่งห่างออกไปหมายจะให้ได้ยิน



    \"แกน่ะไสหัวไป!! จะไปไหนก็เชิญ!! จะไปตายก็ไปซะ---!!!\"



    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    ท้องฟ้าในคืนนั้นไม่ได้ประดับด้วยแสงจันทร์นวลเช่นดังเคย...หากเป็นคืนเดือนมืด ไม่มีเสียงจั๊กจั่นเรไรขับกล่อมในยามค่ำคืนอีก มีเพียงเสียงใบไม้ไหวและสายลมสะอื้นไห้ ฝูงหิ่งห้อยที่เปล่งแสงริบหรี่บินวนไปมาดูราวกับหมู่วิญญาณของผู้วายชนม์ที่ยังหลงวนเวียนอยู่ด้วยความอาลัย



    ที่ริมทะเลสาบมีเพียงเด็กสาวยืนนิ่งอยู่เดียวดาย หัวใจของเธอทั้งมืดมนและสับสนดุจดังท้องฟ้าคลุ้มเมฆ



    เสียงสายลมที่พัดหวนไห้นั้นฟังเหมือนเสียงที่เอมิลพร่ำเรียกเธอจากในห้วงน้ำเหลือเกิน เด็กสาวมองดูพื้นน้ำที่กระเพื่อมไหวเป็นระลอกราวกับมือที่กวักเรียกให้เธอก้าวลงไป...ให้ท้องน้ำที่แฝงความร้ายกาจไว้ภายใต้ผิวหน้าแห่งความสงบนิ่งโอบอุ้มและกลืนกินร่างของเธอเฉกที่เคยทำกับคนที่เธอรัก



    สึมิเระก้าวเท้าลงไปในน้ำเย็นเฉียบอย่างไม่หวั่นไหว เธอก้าวลึกลงไปเรื่อยๆ ผิวน้ำที่เคยกระเพื่อมอยู่รอบข้อเท้าเริ่มสูงขึ้นเป็นรอบเข่า...รอบเอว...จนสุดท้ายก็เหลือเพียงใบหน้าขาวซีดของเด็กสาวเท่านั้นที่ยังลอยอยู่เหนือน้ำ ดวงตาเลื่อนลอยมองไปที่บางสิ่งบางอย่างที่ไม่ได้มีตัวตนอยู่ในที่นั้น ใช่แล้ว...เธอเห็นเงาของเอมิลยืนรออยู่อย่างโหยหา ณ อีกฟากหนึ่งของลำน้ำ และเด็กสาวก็ยื่นมืออันสั่นเทาถลาออกไปหมายจะเอื้อมให้ถึง การกระทำนั้นเองที่ทำให้เธอเสียหลักล้มคว่ำลงใต้ท้องน้ำที่มืดมิด เส้นผมยาวสีดำพลิ้วไหวในน้ำเหมือนสาหร่ายในขณะที่น้ำหลั่งไหลเข้าไปทั้งในปากและจมูก แขนทั้งสองข้างไขว่คว้าเปะปะไปในความมืดมิด...หากนั่นมิใช่การหาทางให้ตนเองรอดชีวิต สิ่งที่เธอพยายามไขว่คว้านั้นคือเงาของชายที่เธอรักต่างหาก...



    ทว่าในขณะที่กำลังจะหมดสติไปนั้น มืออีกมือหนึ่งกลับคว้าแขนของเด็กสาวฉุดขึ้นเหนือน้ำ เมื่อได้สูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งหนึ่งเธอก็ทั้งไอและสำลักจนตัวโยน...ภายในวงแขนที่แข็งแกร่งของชายผู้หนึ่ง



    \"ทำไม...?\" สึมิเระตัดพ้ออย่างแค้นใจ \"ทำไมถึงไม่ปล่อยให้ฉันตายไปซะ...?\"



    \"มนุษย์ที่อ่อนแอเอ๋ย...\" บุรุษผู้อยู่ตรงหน้าเอ่ยขึ้นเรียบๆ ด้วยเสียงเยียบเย็น ไม่มีกระแสความเห็นใจเจืออยู่เลยแม้เพียงเสี้ยวเล็ก \"มนุษย์ทั้งหลายล้วนเกรงกลัวความตาย แต่ทำไมเจ้ากลับเป็นฝ่ายเรียกร้องให้ความตายเข้าหาตัวเสียเองเล่า?\"



    \"ก็ฉันไม่เหลืออะไรอยู่อีกแล้วนี่!!\" เด็กสาวสะอื้น \"คนที่ฉันรัก...คนที่เคยสัญญาว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันกับฉัน...เขาตายจากไปเสียแล้ว!! ถ้าหากต้องอยู่ในโลกนี้โดยไม่มีสิ่งสำคัญในชีวิตล่ะก็...สู้ตายไปเสียเลยไม่ดีกว่าเหรอ!!!\"



    เธอเงยหน้าขึ้นมองชายผู้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ ทว่าภายใต้แสงสลัวรางนั้น เด็กสาวเห็นเพียงดวงตาสีแดงดุจโลหิตของเขาเท่านั้นที่ส่องสว่างอยู่ในความมืด...ดวงตาสีเลือดสัญลักษณ์ของเผ่าปีศาจ แต่สึมิเระไม่ได้เกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย ปีศาจหรือ? ดีเสียอีกหากเขาจะช่วยฆ่าเธอเสียให้ตายเร็วขึ้น...



    \"ได้โปรดเถอะ...ไม่ว่าท่านจะเป็นปีศาจหรืออะไรก็ตาม ได้โปรดฆ่าฉันทีเถอะ\" เด็กสาวร้องขอ ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับเป็นการสั่นศีรษะ



    \"ข้าไม่เคยหยิบยื่นความตายให้ผู้ที่ปรารถนาความตาย\" ชายหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงที่ยังเยือกเย็นเช่นเดิม



    \"ได้โปรดเถอะ...\" สึมิเระร่ำร้อง ดวงตาสีแดงเลือดกับดวงตาสีม่วงใสสบกันนิ่งนาน ฝ่ายหนึ่งสวมหน้ากากแห่งความเย็นชาไร้ความรู้สึก ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งกลับพยายามซ่อนความอ้างว้างสิ้นหวังไว้ภายใต้ม่านน้ำตา และความปรารถนาสุดท้ายอันแน่วแน่



    \"ข้าไม่อาจมอบความตายให้เจ้าได้...แต่ว่า...\" เสียงของชายหนุ่มขาดหายไปในขณะที่เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นช้าๆ ในขณะที่เด็กสาวหลับตาลงรอเวลาที่เงื้อมมือนั้นจะฟาดฟันลงมาคร่าชีวิตของเธอ...



    ทว่าเวลานั้นมิเคยมาถึง...



    เด็กสาวลืมตาขึ้นอีกครั้งหลังจากผ่านไปแสนนาน ไม่มีร่างสูงของบุรุษเจ้าของดวงตาสีแดงดั่งปีศาจให้เห็นอีก ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเธอนั้นกลับเป็นชายหนุ่มที่เธอจำได้ดีแม้จะเห็นเพียงกรอบร่างลางเลือนในความมืด



    \"พี่เอมิล-----!!!\" สึมิเระร้องอย่างตกตะลึง น้ำตาพรั่งพรูเต็มดวงตาสีม่วงใส เด็กสาวโผเข้าหาอ้อมแขนของชายหนุ่มทั้งที่ใจหนึ่งยังกลัวว่าเขาอาจจะสลายหายวับไปดุจภาพลวงตาในสายหมอก หากสัมผัสของความอบอุ่นและเสียงหัวใจเต้นที่ได้ยินยามแนบหูลงบนแผ่นอกนั้นเป็นประจักษ์พยานชัดว่าร่างที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้นมีร่างกาย มีเลือดเนื้อ และวิญญาณครบถ้วน สึมิเระซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขานิ่งนานพร้อมกับสะอื้นไห้...ในขณะที่มือของชายหนุ่มลูบไล้เส้นผมสีดำขลับที่เปียกลู่อย่างอ่อนโยน



    เธอไม่สนอีกแล้วว่าร่างที่อยู่ตรงหน้านั้นเป็นใคร...หรืออะไรก็ตาม สิ่งที่เธอต้องการในยามนี้ก็มีเพียงใครสักคนที่จะช่วยปลอบโยนหัวใจที่แตกสลายและหลงทางของเธอเท่านั้น...



    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นในยามเช้ามืด แสงเงินแสงทองเพิ่งจับขอบฟ้ารำไรเท่านั้น หากดวงตาสีแดงฉานของเขากลับมองเห็นสภาวะรอบด้านได้อย่างชัดเจน รวมทั้งทุกรายละเอียดของเด็กสาวที่ทอดร่างอยู่ข้างเขา มีผ้าคลุมของเขาห่มกายอยู่ ดวงตาของเธอหลับพริ้ม รอยยิ้มสดใสยังประดับอยู่ที่ริมฝีปากในห้วงนิทราอันสงบ ทำให้ชายหนุ่มหวนนึกถึงอีกใบหน้าหนึ่งที่ยังตราตรึงอยู่ในห้วงความทรงจำของเขาอย่างไม่มีวันลืมเลือน...ดวงหน้าของเด็กสาวอีกคนหนึ่งที่แม้จะหมดลมไปแล้วยังประดับรอยยิ้มได้ราวกับมีความสุขที่สุด



    รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของชายหนุ่มบ้าง ทว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่นอย่างที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน เขาไม่เคยยิ้มแบบนี้เลยด้วยซ้ำ มนุษย์ผู้ใดที่เคยเห็นรอยยิ้มที่โหดเหิ้ยมของเขามีอันต้องจบชีวิตลงทุกทีไป เพราะนั่นคือสิ่งที่เขาให้พวกมันเห็นเต็มตาในวาระสุดท้าย...ก่อนที่เทพมรณะ ไม่สิ... \'ปีศาจ\' ผู้โหดเหิ้ยมกระหายเลือดอย่างเขาจะกระชากวิญญาณของพวกมันออกจากร่าง



    น่าขัน...ชายหนุ่มยิ้มกับตนเองอย่างขื่นๆ ถูกแล้วเขาไม่เคยมอบความตายให้แก่ผู้ที่ปรารถนาความตาย แต่เขามอบอะไรให้เด็กสาวผู้นี้กันเล่า? ความหวังในการมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือ?...ทั้งๆที่ตัวเขาเองก็ใช้ชีวิตอยู่โดยปราศจากความหวังใดๆ การเยียวยาหัวใจที่แตกสลายเพราะต้องสูญเสียคนรักหรือ?...ทั้งๆ ที่หัวใจของตัวเขาเองไม่เคยได้รับการเยียวยาเลยแม้แต่น้อย



    บางทีชายหนุ่มอาจเพียงแต่ใช้เธอเป็นตัวแทนเท่านั้นกระมัง เป็น \'เงา\' ของผู้ที่เขาเคยรัก และจนบัดนี้ก็ยังรักเป็นที่สุดอยู่ และเด็กสาวผู้นี้เองก็ใช้เขาเป็น \'เงา\' ของคนรักที่เธอสูญเสียไปเช่นเดียวกัน



    ...เงาสองเงาที่ช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกัน...



    ชายหนุ่มโน้มกายลงจุมพิตหน้าผากขาวเนียนอย่างแผ่วเบาที่สุดมิให้รบกวนเด็กสาวผู้ยังตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน



    ได้โปรดเถิด ขอเวลาอีกสักนิดเถอะ...เขาคิด ขอเพียงเวลานี้ที่เขาจะปล่อยให้เธอมีความสุขอยู่กับความฝันเล็กๆ นั้นต่อไป เพียงในยามนี้เท่านั้น...ก่อนที่การตื่นจะทำลายความฝันนั้นจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ...



    เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะจัดเสื้อผ้าที่มีรอยยับให้เรียบร้อย ก่อนจะเหลือบมองดวงหน้าที่ใสบริสุทธิ์ราวเด็กน้อยเป็นครั้งสุดท้าย แล้วกลับหลังหันเดินจากไปโดยไม่เหลียวกลับมาอีก



    หลังจากเดินพ้นร่มไม้ อักขระโบราณรูป A กลางหน้าผากของเขาเจ็บแปลบขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อต้องแสงอรุณรุ่ง ชายหนุ่มยกมือขึ้นแตะรอยประทับนั้นอย่างแผ่วเบา นี่พี่สาวกำลังโกรธเคืองกับการกระทำของเขาอยู่หรือเปล่านะ? เขาไม่มีทางรู้ และได้แต่กระซิบกับตนเองเบาๆ เท่านั้น



    \"ดอกไม้งาม...ไม่มีวันผลิบานกลางแดนปีศาจได้หรอก\"



    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    สึมิเระค่อยรู้สึกตัวตื่นขึ้นเพราะแสงตะวันที่ส่องหน้า เด็กสาวลุกขึ้นนั่งเหลียวมองไปรอบๆ ทว่าเธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาร่างของบุรุษอีกผู้หนึ่งในบริเวณนั้นเลย เหลือเพียงผ้าคลุมสีแดงที่คลุมกายปกป้องเธอจากความเย็นและความชื้นของหยาดน้ำค้างเท่านั้นที่ยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานไม่ใช่ความฝัน...



    วัตถุชิ้นหนึ่งสีเงินเป็นประกายกลิ้งตกจากร่างของเด็กสาวลงไปกลางผืนผ้าคลุมในขณะที่เธอลุกขึ้นยืน สึมิเระหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความสงสัย ต่างหูเงินรูปไม้กางเขนประดับพลอยสีแดงเม็ดเล็กที่เย็นเฉียบในอุ้งมือสะท้อนแสงแดดยามเช้าเป็นประกายวาววับทำให้เธอตาพร่าอีกครั้ง ทว่าในครั้งนี้เธอยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าน้ำตาที่รินหลั่งลงมานั้นเป็นเพราะความรู้สึกใดกันแน่...โกรธเคือง โศกเศร้า เสียใจ อาลัย หรือดีใจ แต่สิ่งหนึ่งที่สึมิเระรู้แน่ๆ...บางทีอาจจะรู้มาตั้งแต่เมื่อคืนก่อนเสียด้วยซ้ำ คือชายหนุ่มในร่างของเอมิลที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าไม่ใช่ตัวจริง หากไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม เขาก็เป็นผู้ชายที่ช่วยเยียวยาและปลอบโยนหัวใจของเธอ...



    เด็กสาวตวัดผ้าคลุมขึ้นคลุมร่าง ความอบอุ่นที่หลงเหลืออยู่อีกด้านหนึ่งของผ้าผืนนั้นบ่งบอกว่าเจ้าของผ้าคลุมเพิ่งลุกจากไปเมื่อไม่นานมานี้เอง เธอก้าวเดินทั้งเท้าเปล่าไปหยุดยืนอยู่ริมทะเลสาบอีกครั้ง ทว่าในครั้งนี้ความคิดที่จะก้าวลงไปเพื่อจบชีวิตตนเองไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว เธอมีหน้าที่สุดท้ายที่ต้องกระทำต่อชายหนุ่มผู้เคยรักเป็นคนแรกต่างหาก



    สึมิเระถอดแหวนวงเล็กออกจากนิ้วนางข้างซ้ายก่อนจะขว้างมันลงไปกลางทะเลสาบอย่างไม่รู้สึกเสียดาย ผิวน้ำที่เคยสงบนิ่งกระเซ็นเป็นวงกว้างก่อนจะสงบลงอย่างรวดเร็ว แหวนวงนั้นคงจะจมลงไปถึงก้นทะเลสาบ...ไปให้ถึงมือของเอมิลในห้วงความคิดของเธอ เด็กสาวไม่มีสิทธิ์จะสวมแหวนหมั้นของเขาอีกแล้ว แต่เธอเองก็จะไม่มีวันลืมเขากับชายหนุ่มอีกผู้หนึ่ง...ตราบนานเท่านาน



    \"ลาก่อนพี่เอมิล...\" เด็กสาวพึมพำทั้งรอยยิ้มและน้ำตา \"และลาก่อน...ผู้ชายอีกคนที่ฉันรัก...\"



    นับจากวันนั้น...แม้สึมิเระจะหวนกลับมาที่ริมทะเลสาบอันเงียบสงบนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าเธอก็ไม่ได้พบเอมิลที่เธอรัก...หรือแม้แต่ \'เงา\' ของเขาอีกเลย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×