ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Wings of Hope: Side Story (เบื้องหลังตำนาน)

    ลำดับตอนที่ #6 : Christmas Fanfiction - Hazy Wish to the Little Flame

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 100
      0
      9 ก.ย. 47

    Wings of Hope-Side Story

    Chismas Fanfiction - Hazy Wish to the Little Flame

    By Runaway Guy




    “โอ๊ย!”



    เสียงของเด็กผู้หญิงที่คุ้นหูซาอิดังแทรกความเงียบในย่ามบ่ายอันขมุกขมัวขึ้น เด็กชายลดตะกร้าบรรจุสมุนไพรสดในมือลงก่อนมองไปทางหน้าบ้านทิศที่มาของเสียง



    เสียงนั้นดังขึ้นเพียงครั้งเดียวแล้วเงียบหายไปหลายนาที นานจนซาอินึกว่าเขาอุปทานขึ้น งานตากสมุนไพรในวันที่เมฆครึ้มฟ้า ไม่เห็นแดดออกแต่เช้าทำให้จิตใจว้าวุ่น ความกลัวว่าสมุนไพรจะแห้งไม่ทันใช้คงทำให้เกิดอุปทานขึ้นมา



    แต่พอเขาหันกลับไปจะตากสมุนไพรต่อ เสียงนั่นก็ดังขึ้นอีกครั้ง



    “มันเจ็บนะ โฮโน ปล่อย! โอ๊ย!”



    คราวนี้ชัดจนไม่ใช่อุปทาน ซาอิทิ้งตะกร้าสมุนไพรไว้ที่ลานหลังบ้าน ก่อนจะวิ่งพรวดพราดไปหน้าบ้าน กระจาดที่เด็กชายใช้เวลาเรียงสมุนไพรหล่นลงพื้น สมุนไพรกระจายทั่วลาน แต่เขาไม่สนใจ การรีบไปที่ต้นตอของเสียงสำคัญกว่า



    เจ้านั่น...มันเอาอีกแล้ว



    ภาพที่ต้อนรับสายตาซาอิเมื่อพ้นหัวมุมบ้านยืนยันการคาดเดาของเขา น้องสาวของเขายืนหน้าตาเหยเก หางแกละสั้นๆ สีน้ำตาลเข้มข้างหนึ่งอยู่ในมือของเด็กผมแดงตัวแสบประจำหมู่บ้าน ขณะที่เด็กคนอื่นๆ มองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี



    “หลี่โฮโน! ปล่อยผมโครินเดี๋ยวนี้!” เสียงของซาอิแผดขึ้นอย่างไม่พอใจขณะที่เจ้าตัวเสาวเท้าฉับๆ ตรงไปหาน้องสาวและคู่กรณี โฮโนเหลือบสายตามองซาอิอย่างไม่แยแส แต่เมื่อเห็นชัดว่าซาอิเดินตรงมาทางเขาหน้าตาขึ้งเครียด ก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เขากระตุกผมโครินแรงๆ อีกหนึ่งครั้งเป็นการตบท้ายแล้วจึงปล่อยผมหล่อนตามที่ซาอิว่า



    การกระตุกตบท้ายของโฮโนแรงจนโครินน้ำตาซึม



    ภาพน้องสาวกุมหัวตรงที่เจ็บ น้ำตาคลอดวงตาสีเขียวน้ำทะเล รวมกับหน้าตาที่ยิ้มเยาะโครินในทีของโฮโนทำให้ความไม่พอใจของซาอิพุ่งขึ้นเป็นทวีคูณ ความคิดที่อยากจะสั่งสอนเจ้าเด็กตรงหน้าในมันรู้แล้วรู้รอดไป แวบเข้ามาในหัว แต่การใช้กำลังมันไม่ใช่เรื่องที่เขาถนัดเลย แล้วขืนลงไปมีเรื่องกับโฮโนที่เชี่ยวชาญการใช้อวัยวะทุกส่วนตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นอาวุธ มีหวังเขาได้หมอบกระแตตั้งแต่นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ



    แล้วเรื่องนี้โฮโนก็รู้ดีเสียด้วย มันถึงได้ไม่เคยเกรงใจเขาเลย แต่อย่างว่า กระทั่งหัวหน้าหมู่บ้านโฮโนยังแลบลิ้นใส่มาแล้ว นับประสาอะไรกับเขาที่แก่กว่าแค่ปีเดียว มันจะมาฟัง



    แต่เขาก็ต้องพูด ถึงจะรู้ว่าไม่ได้อะไรขึ้นมาเลยก็ตาม



    “แกล้งโครินอีกแล้ว เราต้องแกล้งน้องสาวผมเท่าไหร่ถึงจะพอใจ หา? หลี่โฮโน!?” ซาอิถาม มันเป็นคำถามเดิมๆ ที่เขาถามโฮโนได้ทุกครั้งที่มันลงมือแกล้งโคริน แล้วเขาก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะต้องถามคำถามนี้ไปอีกกี่ครั้ง ในเมื่อคำถามถูกยกขึ้นมาถามได้ทุกสัปดาห์ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา



    “ไม่เห็นมีป้ายบอกซักหน่อย ถ้าแกล้งไม่ได้ก็แขวนป้ายไว้ที่ยัยโครินสิว่า ‘ห้ามแกล้ง’” โฮโนท้าเหยง ประโยคเดิมๆ ถูกหยิบขึ้นมาพูดเหมือนกับคำถามของเขา นัยน์ตาสีฟ้าใสของเจ้าตัวแสบเป็นประกายท้าทายเหมือนกับจะพูดว่าถ้ากล้าแขวนจริง มันก็กล้าเลิกแกล้งเหมือนกัน



    ซาอิเคยพิจารณาคำท้าทายพิสดารของโฮโนหลายหน เขาเคยกระทั่งเอาไปคุยกับโครินด้วยซ้ำว่าจะแขวนป้ายดูไหม แต่การที่น้องสาวส่ายหน้าดิก หลับตาปี๋แล้วปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เอาทำให้เขาใจอ่อน ไม่เซ้าซี้อีก เขาพอจะเข้าใจเหตุผลที่โครินอธิบาย มันน่าอายน้อยอยู่เมื่อไหร่ถ้าเดินไปเดินมาในหมู่บ้านพร้อมป้ายแขวนไว้ที่คอว่า ‘ห้ามแกล้ง’



    “เราทำเกินไปแล้วนะ ดึงผมโครินซะแรงขนาดนั้น” ซาอิย้อนกลับ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมโฮโนต้องแกล้งกันขนาดนี้ ก่อนที่โครินจะเริ่มไว้ผม อย่างมากที่โฮโนทำก็คือเปิดกระโปรง โยนแมลงใส่ หรือหลอกให้ตกใจ แต่พอผมโครินเริ่มผูกเป็นหางแกละได้เท่านั้น เจ้าตัวแสบก็เอาแต่กระตุกหางแกละ บางครั้งแรงขนาดโครินน้ำตาซึม...อย่างวันนี้



    “ก็แล้วไง มันน่าดึงนี่ ถ้าไม่อยากให้ดึงก็ตัดทิ้งซะสิ” โฮโนตอบกลับมาอย่างไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลย คำพูดกับหน้าตากวนประสาทของโฮโนทำให้ความไม่พอใจของซาอิกลายเป็นความโกรธ แต่เขาก็ข่มโทสะตัวเองไว้ได้ด้วยการเตือนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โฮโนพูดแบบนี้



    แทนที่จะต่อความยาวสาวความยืดให้อารมณ์ขุ่นมัวมากไปกว่านี้ ซาอิตัดสินใจพาโครินเข้าบ้านตัดปัญหา การเจรจาล้มเหลวตั้งแต่เขารู้สึกโกรธ



    แม้ซาอิจะยอมถอนทัพไปแล้ว แต่โฮโนก็ยังไม่เลิกรา เขายังคงตะโกนล้อเลียนและเสียดสีโครินไล่หลังมาเป็นระยะๆ อารมณ์ของซาอิขุ่นขึ้นเป็นลำดับๆ จนถึงขนาดที่จะปิดประตูบ้านอย่างแผ่วเบาตามวิสัยนั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้พลังใจอย่างยิ่ง



    ถึงไม่มีเรื่องอะไร ซาอิก็ไม่ถูกโฉลกกับหลี่โฮโนอยู่แล้ว อาจจะเป็นเพราะความที่ทั้งสองนิสัยต่างกันราวฟ้ากับเหว แล้วยิ่งมามีคดีกับโครินแบบนี้แล้ว ความไม่ถูกโฉลกจึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความไม่ชอบหน้า จนกระทั่งในวันนี้เขามั่นใจว่าเขา ‘เกลียด’ หลี่โฮโน



    ทั้งที่ในชีวิตเขาเคยไม่คิดว่าเขาจะเกลียดใครมาก่อน



    แล้วอะไรก็ไม่แย่เท่าที่เขาจะต้องมารับรู้ความเกลียดในใจเอาวันนี้ วันซิลฟ์ที่ 3 เดือนโปเซดอน(วันที่ 23 ธันวาคม) สองวันก่อนคริสต์มาส



    วันคริสต์มาส วันที่ชาวบ้านในหมู่บ้านจะเฉลิมฉลองรื่นเริงเพื่อให้บรรพบุรุษรู้ว่าพวกตนมีความสุขดี เป็นการขอบคุณบรรพบุรุษที่คุ้มครองพวกตน แล้วมันก็เป็นการบังเอิญเหลือเกินที่ผู้นับถือองค์อาร์โคสก็จัดงานฉลองเหมือนกัน ถึงแม้ซาอิจะไม่รู้สาเหตุก็ตาม



    เทศกาลคริสต์มาสไม่มีอะไรเลวร้าย นอกจากการแต่งต้นสนเตรียมงานเทศกาล รับประทานอาหารที่ประกอบจากไก่กับครอบครัว ร่วมงานเต้นรำรอบต้นสนในยามค่ำคืน ให้ของกับคนพิเศษ แล้วก็ส่งความปรารถนาดีหรืออวยพรให้กับทุกคนในหมู่บ้าน



    และนั่นเป็นจุดที่ซาอิคิดว่าเขาทำใจได้ยากที่สุด



    เมื่อก่อน การอวยพรให้โฮโนยังไม่ใช่เรื่องหนักหนา เขาทำใจได้ว่ามันเป็นธรรมชาติที่คนเราจะต้องมีคนที่ไม่ถูกโฉลกด้วยซักคนสองคน อย่างแย่ที่สุดก็คือคิดซะว่าโฮโนมันเป็นเด็กขี้แกล้ง



    แต่วันนี้เขาไม่แน่ใจแล้วว่าเขายังจะทำใจอวยพรให้โฮโนได้อีก ในเมื่อเขารู้สึกเกลียดโฮโนจนแม้หน้ายังไม่อยากจะเห็น อย่าว่าแต่อวยพรเลย แค่บังคับใจไม่ให้แช่งโฮโนได้ก็เหนื่อยแล้ว แต่ถ้าไม่อวยพรให้บรรพบุรุษก็จะรู้ว่าในหมู่บ้านมีความขัดแย้งกัน แล้วการทำให้บรรพบุรุษกลุ้มใจในวันคริสต์มาสไม่ใช่พฤติกรรมที่ดี



    แค่คิดว่าต้องทำใจอวยพรให้โฮโน ซาอิก็กลุ้มใจแล้ว



    กลุ้มหนักจนออกทางสีหน้า กลุ้มจนบิดามารดาทัก แต่ซาอิก็อุบเงียบไม่พูดอะไร เพราะเขารู้ ถึงพูดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา พวกท่านจะกลุ้มใจเปล่า ไม่ใช่เขาไม่เชื่อใจไม่ไว้ใจบิดากับมารดา แต่เพราะเขารู้ว่าท่านทั้งสองทำอะไรไม่ได้



    ช่วงแรกๆ ที่โครินถูกโฮโนแกล้ง บิดากับมารดาของเขาเคยไปคุยกับคุณลุงคุณป้าหลี่ โฮโนทั้งถูกดุถูกว่าหลายรอบแต่โครินก็ยังถูกแกล้งไม่เลิกรา แถมจะดูเหมือนแรงขึ้นด้วยราวกับเป็นการแก้แค้นที่ถูกดุ จนครั้งสุดท้าย คุณป้าหลี่ได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงตก พ่อกับแม่เขาก็ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากบอกโครินให้ทนกับพยายามเลี่ยงเสีย



    ถ้าให้เลี่ยงโฮโน ภาวนาให้หิมะตกในเขาฮอลลัมยังจะง่ายเสียกว่า เขายังแปลกใจและอดนับถือโครินไม่ได้ที่ทนมาได้ตลอดทั้งที่ถูกแกล้งไม่เว้นอาทิตย์



    ซาอิได้แต่หวังว่าโฮโนจะทำตัวสงบเสงี่ยมจนถึงมะรืน เพื่อบางทีเขาจะทำใจพออวยพรให้ได้บ้าง



    แม้ในใจเขาจะรู้ว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยก็ตามที



    วันเทียแมทที่ 3 เดือนโปเซดอน (วันที่ 24 ธันวาคม)



    ลมหนาวที่พัดหวิวรวมกับฟ้าที่ขมุกขมัวด้วยเมฆทึบตั้งแต่เมื่อวานทำให้โครินอดใจหายไม่ได้ยามมองบิดากับพี่ชายออกไปเก็บสมุนไพรบนเขา ไม่ใช่เธอกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับทั้งสองคน แต่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้โครินรู้สึกไม่สบายใจที่ซาอิไม่อยู่ใกล้ๆ ถึงพี่ชายเธอจะทำอะไรโฮโนไม่ได้ แต่การที่เขาอยู่ใกล้ๆ นั้นทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเมื่อโดนแกล้งมา



    ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชินกับการถูกโฮโนแกล้ง แต่พักหลังๆ เขายิ่งแกล้งเธอหนักขึ้นๆ หนักจนเธออยากอยู่ในบ้านตลอดเวลาด้วยซ้ำ จะได้ไม่ต้องเจอโฮโน แต่ก็กลัวพ่อกับแม่จะกลุ้มใจ เธอจึงจำใจออกไปเล่นข้างนอกบ้าง



    เล่นก็เด็กคนอื่นๆ ก็สนุกดี สนุกมากด้วย แต่ที่แย่ก็คือ พอโฮโนเห็นเธอเท่านั้นเขาก็ไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากแกล้งเธออย่างเดียว คนอื่นๆ ก็ไม่กล้าทำอะไรหัวโจกอย่างโฮโนเสียด้วย



    แล้วเมื่อที่พึ่งทางใจเพียงคนเดียวของโครินไม่อยู่บ้าน เธอก็ภาวนาขอให้วันนี้ไม่ต้องออกไปข้างนอกบ้าน พอมารดาของเธอมาขอให้เธอเอาของไปส่งให้ในตอนบ่าย โครินก็เกือบปฏิเสธไปทันที เธอคงจะไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่หากที่ที่ต้องไปส่งนั้นไม่ใช่บ้านคุณลุงหลี่



    บ้านของโฮโน



    ด้วยความที่โครินเป็นเด็กดี เธอจึงไม่ปฏิเสธมารดาทั้งที่ใจนั้นไม่อยากไปเลยแม้แต่นิดเดียว โครินได้แต่ปลอบใจตัวเองไปตลอดทางว่า คนซุกซนอย่างโฮโนไม่มีทางที่จะอยู่บ้านเฉยๆ อยู่แล้ว เธอคงไม่เจอเขาที่บ้านคุณลุงหลี่หรอก



    แล้วเธอก็แทบถอนหายใจด้วยความโล่งใจที่ในบ้านหลี่ไม่มีเงาของคนขี้แกล้งอยู่



    แต่ความรู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์ในก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อโครินจัดการธุระเสร็จแล้วเดินออกจากบ้านไปนั้น เสียงที่คุ้นหูก็ดังขึ้นจากในบ้าน เสียงของคนที่เธอไม่อยากเจอในเวลานี้ที่สุด



    “มาทำอะไรถึงที่นี่ล่ะ ยัยโคริน”



    “มาส่งของให้แม่” โครินตอบสั้นๆ การต่อความยาวสาวความยืดรังแต่จะเปิดโอกาสให้โฮโนมากขึ้นเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นโฮโนก็ยังหาเรื่องได้



    “ทั้งที่ฉันอยู่บ้านตลอดแต่ไม่เห็นเธอเลย โกหก!”



    “ไม่ได้โกหกนะ!” โครินเถียงกลับ น้ำตาเริ่มคลอเบ้า เธอไม่ชอบที่ใครมากล่าวหาว่าเธอโกหก แล้วยิ่งแย่กว่าที่คนโกหกมาหาว่าเธอโกหก ก็ในเมื่อในบ้านหลี่ไม่มีแม้แต่เงาโฮโนชัดๆ แล้วเขาจะมาอยู่บ้านตลอดได้ไง “โฮโนต่างหากที่โกหก! ฉันไม่เห็นเธออยู่บ้านซักหน่อย”



    “ฉันอยู่หลังบ้าน เธอจะไปเห็นฉันในบ้านได้ไง” คำตอบพร้อมรอยยิ้มยียวนทำให้โครินชักใจเสีย “มาว่าฉันโกหกแบบนี้ฉันเสียใจมากนะ”



    โครินกล้ำกลืนน้ำตาลงไปอย่างยากลำบาก โฮโนเสียใจแล้วเธอไม่เสียใจหรือไงกัน



    “จะกลับแบบนี้แสดงว่าเสร็จแล้วใช่ไหม” โฮโนยังถามต่อไป เมื่อคำตอบเรียบๆ สั้นๆ ว่าใช่ดังขึ้นจากโครินแล้วเขาจึงพูดขึ้นมา หน้าตาระรื่น “งั้นไปกับฉัน”



    “ไปไหน!?” โครินอุทานเสียงหลง คำชวนของโฮโนไม่เคยมีดีแม้แต่ครั้งเดียว แล้วการที่โฮโนชวนเธออาจเป็นได้ว่าเขาได้ที่ใหม่ที่แกล้งเธอได้แล้ว



    “ไปแล้วก็รู้เองแหละ” โฮโนตอบพลางลากข้อมือโครินวิ่งลิ่วไปตามอยาก เด็กหญิงถลาหัวซุกหัวซุนตามหลัง ปากก็ประท้วงอ่อยๆ ไปตลอดทาง แต่เสียงประท้วงของเธอไม่เคยถึงหูเด็กชายเลยสักครั้ง หรือถึงแต่โฮโนก็ไม่แสดงท่าทีสนใจ



    โครินทำได้แต่วิ่งตามคนขี้แกล้งไปเท่านั้น



    ฟ้าที่ขมุกขมัวเริ่มมืดสลัวลงในยามอัสดง แสงสีแดงที่ส่องจากทางทิศตะวันตกย้อมหมู่บ้านจนแดงฉาน รวมไปถึงใบหน้ากลัดกลุ้มของซาอิที่เดินวนไปวนมาอยู่หน้าบ้าน จะไม่ให้เขากลุ้มยังไงไหว ในเมื่อยามที่เขากลับมาบ้านพร้อมกับบิดา ภาพที่ต้อนรับสายตาคือมารดาที่หันรีหันขวาง หน้าตาเลิ่กลั่ก เมื่อสอบถามก็ได้ความว่า โครินไปส่งของที่บ้านหลี่แล้วยังไม่กลับ



    ไปส่งของที่บ้านโฮโนแล้วหายไปร่วมสี่ชั่วโมง จะว่าโครินเล่นกับโฮโนจนเพลินเลยลืมเวลานั้นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ตัวเลือกที่เป็นไปได้ที่สุดคือ โครินโดนโฮโนแกล้งอีกแล้ว แต่จะเป็นการแกล้งแบบไหนนั้นก็สุดจะคาดเดาได้ ที่แน่อยู่อย่างหนึ่ง มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่



    แล้วซาอิก็ไม่ต้องเสียเวลาคาดเดาให้วุ่นวายใจ เมื่อเสียงสะอื้นของโครินลอยมาตามลม เขาก็หันขวับไปทางต้นเสียงทันที



    ภาพที่เห็นทำให้ความกลัดกลุ้มใจแปรเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจอย่างสุดซึ้ง



    โครินหัวกระเซอะกระเซิง ผมแกละข้างขวาที่เคยมีถูกหั่นสั้นจนไม่เป็นทรง เหลือไว้เพียงแต่แกละสีน้ำตาลข้างซ้ายที่รุงรังไปด้วยเศษกิ่งไม้ น้ำตาคลอเบ้าและไหลย้อยอาบแก้มจนชุ่มหน้า เสียงสะอื้นลอดออกมาเป็นระยะๆ ข้างๆ เธอคือโฮโนที่เดินตามมา สีหน้าบูดสนิท



    “โคริน! เกิดอะไรขึ้น” ซาอิทักทันทีที่น้องสาวเดินเข้ามาใกล้ แต่ไม่มีคำตอบใดๆ ลอยมาจากโครินที่เอาแต่ส่ายหน้า เสียงสะอื้นและน้ำตายังคงมีอยู่ไม่ขาดสาย



    เมื่อไม่ได้คำตอบจากน้องสาว ซาอิจึงหันไปเล่นงานเด็กชายคนข้างๆ แทน



    “โฮโน! เราทำอะไรน้องสาวผม!?”



    “เป็นพี่น้องกันไม่ใช่เรอะ ซักกันเอาเองสิ” โฮโนตอบอย่างรำคาญก่อนจะเปลี่ยนทิศ หันไปทางบ้านของตนเอง ท่าทางอวดดีไม่สำนึกอะไรของโฮโนบวกกับน้องสาวที่ร้องไห้ไม่หยุดทำให้ความโกรธของซาอิพุ่งขึ้นจุดสูงสุดอย่างที่เขาไม่เคยคิดว่าจะโกรธใครได้ขนาดนี้มาก่อน เขาไม่สนแล้วว่าโฮโนจะเป็นใคร หัวโจกหรือแสบขนาดไหน ในหัวเขาคิดได้แต่อย่างเดียวว่างานนี้ต้องพูดกันให้รู้เรื่อง



    ซาอิจ้ำพรวดตามโฮโนไปทันที



    “หลี่โฮโน!” เสียงของซาอิดังขึ้นไล่หลัง โฮโนถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะหันไปมองอย่างไม่แยแส แต่หน้าตาขึ้งเครียดของซาอิที่จ้ำตามมาทำเอาลมหายใจเขากระตุก ไม่ใช่หน้าตาเฉยๆ ที่ดูออกไปทางอ่อนแอตามปกติ แล้วไม่ใช่หน้าที่ดูเกรี้ยวกราดตามวิสัยของคนมีอารมณ์ แต่หน้าที่ไม่สามารถเดาอารมณ์ได้ดูขึ้งเครียดเอาจริงเอาจังทำให้โฮโนรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก



    โฮโนสูดลมหายใจลึกๆ ย้ำเตือนตัวเองวันคนตรงหน้าคือซาอิที่อ่อนแอกว่าเขาทุกด้าน เขาย้อนตอบซาอิด้วยเสียงยียวนตามวิสัยไปว่า



    “มีอะไรอีกล่ะ”



    “เรื่องของโคริน…เราทำอะไรโครินกันแน่?” ซาอิถามเสียงเรียบเย็น ความโกรธเจืออยู่ในน้ำเสียงเล็กๆ



    “ก็ทำไมไม่ถามยัยโครินซะล่ะ มาถามฉันทำ…” แต่โฮโนเถียงยังไม่ทันจบซาอิก็สวนขึ้นมาเสียก่อน



    “ผมจะถามเรา เราเดินกลับมากับโคริน แล้วอีกอย่างโครินไปที่บ้านเราก่อนจะหายไปด้วย บอกมาหลี่โฮโน เราแกล้งอะไรโครินกันแน่!?”



    “ไม่ได้แกล้ง ฉันไม่ได้แกล้งอะไรทั้งนั้นล่ะ” โฮโนปฏิเสธเสียงแข็ง จะให้เขายอมรับว่าแกล้งได้ไงในเมื่อเขาไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นความผิดเขาที่ไหนที่โครินต้องมีสภาพอย่างนั้น ยัยโครินที่ยืดยาดต่างหากที่ผิด



    “ไม่ได้แกล้งอะไร! ผมโครินแหว่งหายไปแบบนั้น แถมยังมอมแมมกลับมาอีก หลี่โฮโน! คราวนี้มันเกินไปแล้วนะ!”



    “บอกไม่ได้แกล้งก็ไม่ได้แกล้งสิ นายจะมาคาดคั้นอะไรกับฉันเล่า!” โฮโนเผลอแผดเสียงใส่เมื่อถูกรุกหนักเข้า ซาอิชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่สีหน้าที่เคยขึ้งเครียดนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นไร้อารมณ์อย่างที่สุด น้ำเสียงที่เคยเจือความโกรธกลับเยือกเย็นเหมือนผู้พูดไม่ได้มีอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น



    “ตกลงจะไม่ยอมรับใช่ไหม?”



    “ใช่!” โฮโนยืนยันหนักแน่น เมื่อซาอิสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาก็รีบพูดต่อไป “จะมีเรื่องกันเรอะ? มาเลย”



    แต่ผิดคาด ซาอิเพียงสูดลมหายใจลึกๆ แล้วหันหลังกลับไปทางบ้านตัวเอง เขาทิ้งท้ายไว้เพียงแต่ว่า



    “ผมไม่มีอะไรจะพูดกับคนที่ไม่ใช่ลูกผู้ชายพอที่จะยอมรับความผิดของตัวเองอย่างคุณหรอก” พูดแล้วซาอิก็เดินจากไปอย่างเงียบๆ



    โฮโนยืนนิ่งค้างมองร่างที่ค่อยๆ เล็กลงจนหายไปของซาอิ ความรู้สึกเขามึนงงเหมือนถูกชกเข้าอย่างจัง เหมือนทั้งเกรงทั้งกลัวซาอิคนอ่อนแออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การที่ถูกซาอิเมินเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก แล้วคำพูดที่ทิ้งท้ายของซาอิอีก...



    เขาไม่ใช่ลูกผู้ชาย



    โฮโนยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่สุภาพบุรุษอย่างที่พ่อแม่พร่ำสอนให้เป็น แต่การที่ถูกว่าว่าไม่ใช่ลูกผู้ชายมันเจ็บใจกว่า ดูตรงไหนเขาก็ดูเป็นผู้ชายทั้งแท่ง ดีไม่ดียังสมชายมากกว่าซาอิที่เอาแต่หลบการมีเรื่องกันเสียอีก ที่สำคัญมันเป็นความผิดเขาที่ไหนที่ยัยโครินมีสภาพแบบนั้น ทำไมเขาต้องยอมรับด้วย? แต่คนอย่างซาอิก็ไม่เคยลุกขึ้นมาว่าใครมาก่อน เมื่อรวมกับน้ำตาของโครินที่ไหลไม่ขาดสายตั้งแต่บนเขาก็ทำให้โฮโนต้องคิดมาก คิดไปคิดมาโฮโนก็เริ่มเหงื่อตก... อากาศที่หนาวเย็นอยู่แล้วเยือกไปถึงหัวใจ



    หรือเขาจะผิดจริง?



    ข้อสรุปที่โฮโนได้แต่เตะฝุ่นอย่างขัดใจ



    เทียนเล่มน้อยพริ้วตามลมแผ่วที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างห้อง แสงไฟดวงน้อยจุดให้ห้องส่วนตัวของเด็กหญิงสว่างอย่างสลัวๆ แต่มันก็มากพอที่จะส่องให้เห็นคราบน้ำตาที่วาดเป็นวงทวีปบนปลอกหมอนสีขาวสะอาด เสียงสะอื้นยังคงดังมาจากโครินไม่ขาดสาย แม้ว่าตอนนี้ผมของเธอจะถูกมารดาตัดสั้นให้ดูดีแล้วก็ตาม



    ความฝันที่เธอจะไว้ผมตามมารดากับพี่ชายถูกโฮโนทำลายจนย่อยยับ ความเสียใจพุ่งรื้นถึงขีดสุดจนเธอไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้ยามมารดาตัดผมให้ ถึงเธอไม่ร้องไห้ มารดาก็เป็นกังวลมากพอแล้วยามเห็นผมที่ถูกหั่นสั้นไม่เป็นทรง แต่โครินก็เลี่ยงการตอบคำถามที่มารดาคาดคั้นมาจนได้



    เธอเลี่ยงด้วยการร้องไห้แล้วส่ายหน้าตลอดเวลา



    ให้พยายามเท่าไหร่โครินก็อดคิดไม่ได้ เธอคาดไว้แล้วว่าโฮโนชวนต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ แต่ก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเขาจะเล่นแรงขนาดนี้ ไม่ฟังไม่สนใจเธอประท้วงแล้วยังทั้งลากทั้งบังคับให้ขึ้นเขาไปด้วย หนำซ้ำยังพาเธอไปที่ๆ ต้นไม้ทั้งรกทั้งเป็นหนามจนแกละข้างขวาของเธอไปเกี่ยวแล้วพันตุงนังแกะไม่ออก พอโครินต่อว่ามากๆ เข้าเขาก็ว่าเธอแรงๆ พอร้องไห้เข้าเขาก็หงุดหงิดจนชักมีดที่ชอบพกเดินอวดคนอื่นไปทั่วฟันฉันเข้าที่แกละเธอเข้าให้ ผมสีน้ำตาลที่ถูกหั่นสั้นพริ้วตามลมขณะที่ส่วนที่ถูกหั่นออกไปหลุดร่วงจากกิ่งไม้ที่พันกัน



    โครินตะลึงไปชั่วขณะก่อนที่จะร้องไห้ไม่หยุดจนกระทั่งถึงตอนนี้



    ไม่ใช่แค่ความเสียดายผมที่อุตส่าห์เลี้ยงเป็นเดือนๆ แต่เธอยังเสียใจที่ถูกโฮโนแกล้ง ถึงแม้จะเคยชินกับการแกล้งแล้วก็ตามแต่ครั้งนี้มันเกินที่เธอจะทานทนต่อไปแล้ว น้ำตาของโครินถึงได้ไหลไม่หยุด



    โครินเคยเข้าใจมาตลอดว่าโฮโนเป็นคนขี้แกล้งแล้วเธอก็คงมีลักษณะที่น่าแกล้งเป็นพิเศษตามที่เขาว่า ทว่าวันนี้เธอไม่แน่ใจอีกต่อไป ถึงเมื่อสี่ปีก่อนโฮโนจะแกล้งดะไปหมด แต่เมื่อเขาโตขึ้น คนที่ตกเป็นเหยื่อการเล่นแผลงๆ ของโฮโนก็มีน้อยลงเรื่อยๆ จนปีนี้โครินคิดว่านอกจากเธอแล้วก็เหลือแต่สัตว์เลี้ยงแถวนี้ละมั้งที่ยังถูกโฮโนแกล้งอยู่



    ที่จริงโฮโนอาจจะเกลียดเธอก็ได้ถึงได้แกล้งเสียขนาดนั้น



    พอคิดว่ามีคนเกลียดน้ำตาก็ไหลรื้นขึ้นมาคลอดวงตาสีเขียวทะเลที่บัดนี้เจ็บเพราะการร้องไห้ที่ยาวนาน โครินก้มลงไปร้องไห้กับหมอนอีกครั้ง ความคิดสุดท้ายแวบขึ้นมาในหัวของเด็กหญิงที่เริ่มผลอยหลับไปเพราะร้องไห้จนเหนื่อย



    แล้วแบบนี้เธอจะทำใจอวยพรให้โฮโนในวันพรุ่งนี้ได้อย่างไรกันในเมื่อเขาเกลียดเธอ



    วันไดรแอดที่ 4 เดือนโปเซดอน (วันที่ 25 ธันวาคม)



    ฟ้าที่ขมุกขมัวมาตลอดสองวันที่ผ่านมามืดครึ้มหนัก ลมหนาวอุณหภูมิต่ำลงจนบางครั้งก็รู้สึกเหมือนกรีดผิว ซาอิยืนมองมารดากับน้องสาวอย่างกังวล กิจกรรมที่ปีที่แล้วคอยอย่างใจจอใจจ่อกลับเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากทำมากที่สุดในตอนนี้



    การที่ต้องขึ้นไปล่าไก่ป่าในวันคริสต์มาสพร้อมกับผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ชายทั้งหมู่บ้าน



    แล้วเขาก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธแต่อย่างใดในเมื่อประเพณีระบุไว้ชัดว่าเด็กผู้ชายที่อายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปต้องไปล่าไก่ป่าทุกคน คิดแล้วมันก็น่าแค้นใจลึกๆ ที่เขาต้องไปในขณะที่หลี่โฮโนต้องอยู่ที่หมู่บ้าน สาเหตุเดียวก็คือเพราะอายุของโฮโนยังไม่ถึงเกณฑ์



    เขาไม่อยู่แบบนี้โฮโนมันเล่นงานโครินอีกแน่ แล้ววันแบบนี้โครินไม่มีทางเลี่ยงไม่ออกมาข้างนอกได้เด็ดขาด เพียงเพราะประเพณีที่ว่าผู้หญิงและเด็กที่อยู่ที่หมู่บ้านทุกคนต้องออกมาช่วยกันแต่งต้นสนขนาดใหญ่สำหรับงานเทศกาลคืนนี้ ทั้งที่ในทางปฏิบัติแล้วคนที่แต่งต้นสนจริงๆ แล้วคือผู้ใหญ่เท่านั้น เด็กที่เหลือจะถูกไล่ไปเล่นกลางลมหนาวกันหมด



    งานนี้โครินแย่แน่ๆ



    คิดเสร็จซาอิก็หันขวับไปมองโฮโนที่ออกมาส่งคุณลุงหลี่พร้อมคุณป้าหลี่ เจ้าตัวดีหลบสายตาวูบอย่างไม่ยอมสบตา มีพิรุธแบบนี้ไม่รู้ว่าโครินจะโดนอะไรบ้าง แต่ซาอิก็ทำได้แต่ขบฟันก่อนที่จะต้องเดินตามผู้ใหญ่ขึ้นเขาไป



    และเมื่อเขากลับมาก็พบว่าที่เขากังวลล่วงหน้านั้นเป็นการคิดมาก



    วันนี้ทั้งวันโครินปลอดภัยไร้กังวล เธอเล่นกับเด็กคนอื่นๆ อย่างมีความสุขดีถึงแม้จะถูกทักว่าทำไมผมสั้นไปให้อึกอักบ้าง แต่วันทั้งวันโฮโนไม่มาแตะเธอเลยแม้แต่ปลายก้อย ที่ถูกก็คือวันนี้ทั้งวันไม่มีใครเห็นโฮโนเลยตั้งแต่เที่ยง ด้วยความที่โฮโนขึ้นชื่อลือชาในความซนและความแผลง ทุกๆ คนจึงเข้าใจว่าโฮโนไปหาที่เล่นที่มันสะใจเขาตามเคย



    แต่ความเข้าใจนั้นก็กลายเป็นความกังวลเมื่อท้องฟ้าแดงฉานเพราะอาทิตย์อัสดงแล้วโฮโนก็ยังไม่กลับบ้าน ทั้งหมู่บ้านเริ่มโกลาหลเพราะตัวแสบหายไป ผู้ใหญ่หลายคนคว้าคบเพลิงออกตามหาทั่วหมู่บ้านและเขารอบๆ ที่บางครั้งเด็กๆ จะไปวิ่งเล่นกัน



    แต่ไม่มีใครเห็นหลี่โฮโนแม้แต่เงา



    การประชุมปรึกษากันถูกเปิดขึ้นข้างๆ ต้นสนใหญ่ที่ถูกประดับเรียบร้อย มติความเห็นทุกคนลงพร้อมกันว่าต้องขึ้นเขาให้ลึกไปกว่านี้เพื่อหาโฮโน และด้วยความที่ภูเขานั้นกว้างใหญ่ คนเกือบทุกคนในหมู่บ้านต้องขึ้นไปช่วยกันหา เว้นแต่ผู้หญิงกับเด็ก



    คราวนี้ซาอิถูกจัดอยู่ในเกณฑ์เด็กที่ต้องอยู่เฝ้าหมู่บ้าน



    เขามองบิดาที่คว้าคบเพลิงกับพลองด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ เพราะไม่เคยชินแล้วก็อดโทษโฮโนไม่ได้ ความแผลงของเด็กชายผมแดงทำให้พ่อเขาต้องลำบาก ความหงุดหงิดในจิตใจทำให้ความคิดว่าน่าจะปล่อยโฮโนไว้อย่างนั้นแวบขึ้นมาในหัวเด็กชายชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะสะบัดหัวไล่ความคิดชั่วร้ายไป



    วันคริสต์มาสทั้งที ถ้ากินข้าวไม่พร้อมทั้งครอบครัวก็น่าสงสารแย่



    “เอ่อ...พี่ซาอิจ๊ะ” เสียงของโครินดังขึ้นข้างตัว น้องสาวเขายืนกระสับกระส่ายเหมือนกังวลใจ “โคริน...โครินอยากไป...ไปหาโฮโนเหมือนกัน”



    คำขอที่ซาอิมึนงงเหมือนถูกชกไปชั่วขณะ น้องสาวเขาจะขึ้นเขาทั้งมืดๆ เพื่อไปหาคนที่แกล้งเธอจนเธอร้องไห้เป็นวรรคเวรเมื่อวาน



    “ทำไม...” ซาอิมึนงงจนพูดอะไรไม่ออก เขารู้นิสัยน้องสาวอยู่แล้วว่าเป็นคนใจดี กังวลแทนคนอื่นแทน แต่ขนาดนี้...



    “ก็พี่ลองคิดดูสิจ๊ะ วันนี้วันคริสต์มาส ถ้าโฮโนไม่อยู่กินข้าวพร้อมหน้ากับคุณลุงคุณป้าหลี่แล้วมันจะมีความหมายอะไรที่ต้องไปล่าไก่ป่ามาล่ะจ๊ะ อีกอย่าง...โครินคิดว่าโฮโนต้องเจออะไรแน่เลยป่านนี้ถึงยังไม่กลับมา”



    “โคริน... คิดว่าโฮโนเจอ...อุบัติเหตุเหรอ?” ซาอิถามช้าๆ ถึงเขาไม่ชอบหน้าโฮโน แต่เขาก็ไม่เคยคิดอยากให้โฮโนต้องบาดเจ็บหรือตาย แล้วแค่คิดว่าโฮโนเป็นอะไรไปแล้วใจของเขาก็หล่นวาบทันที



    “ก็...โฮโนเก่งออกจะตาย ไปไหนมาไหนก็คล่อง ถ้าไม่มีอะไรจริงทำไมป่านนี้ยังไม่กลับมาอีกล่ะจ๊ะ?”



    “แต่ว่า…แม่ต้องไม่ให้พวกเราไปแน่เลย”



    “โครินเห็นแม่ไปปลอบคุณป้าหลี่ ถ้าแอบไปประเดี๋ยวเดียว…” เสียงของโครินแผ่วเบาหายไปเหมือนกับเธอไม่กล้าแนะนำต่อ ซาอิมองหน้าน้องสาวครู่เดียวก็ถามขึ้นช้าๆ ว่า



    “แบบนี้แปลว่าโครินรู้แล้วใช่มั้ยว่าโฮโนไปไหน”



    เด็กหญิงพยักหน้าหงึกจนผมกระเพื่อมเป็นคำตอบ



    สองพี่น้องวิ่งฝ่าป่าที่รกทึบบนเขาท่ามกลางลมหนาวกรีดผิว ลมหายใจเป็นไอต้องแสงไฟจากคบในมือซาอิ พวงเชือกที่คล้องรอบไหล่ขวาเขย่าตามจังหวะการวิ่ง ฟ้ามืดลงจนกลายเป็นสีน้ำเงินคล้ำที่แต้มไปด้วยดาวเล็กน้อยที่ลอดเมฆหนาทึบมาได้



    โครินนำพี่ชายมาตามทางรกชัฏที่ทำให้เธอเสียแกละไปเมื่อวาน ป่านี้ไม่ติดอยู่หนึ่งในที่ๆ เด็กชอบไปเล่นกันด้วยเหตุผลที่ว่ามันรกเกินไป แต่การที่โฮโนพาเธอมานั้นน่าจะมีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง ถ้าตัดประเด็นแง่ที่เขาจะแกล้งเธอออกไปแล้วคิดในแง่ดีนั้น เขาดูเหมือนอยากจะให้เธอเห็นอะไรซักอย่าง



    เสียงหินกลิ้งตามผาเบาๆ ทำให้เด็กหญิงหยุดฝีเท้าทันที



    “โคริน…เป็นอะไรไป” ซาอิถามอย่างเป็นห่วง โครินหันไปรอบๆ ก่อนที่จะตอบอย่างหวาดๆ ว่า



    “โคริน…โครินได้ยินเสียงหินหล่น อาจจะมี…”



    “พี่ไปดูให้เอง” ซาอิตอบพลางกระชับพลองให้มือขวาให้มั่น เด็กชายยื่นคบเพลิงให้น้องสาวถือก่อนจะก้าวไปทิศที่น้องสาวว่าได้ยินเสียงมาจากทางนั้น



    เด็กหญิงกลัวต้นเหตุของเสียงหินหล่น แต่การถูกให้ยืนอยู่คนเดียวกลางป่าทึบมันน่ากลัวกว่า เธอรีบวิ่งตามพี่ชายไปทันที เมื่อแสงไฟในมือของน้องสาวมาถึง ซาอิถึงได้เห็นต้นเหตุของเสียงหินที่น้องว่า เขาเกือบหยุดหายใจไปชั่วขณะ ความเกลียดในใจหายไปหมดสิ้น



    หลี่โฮโนเกาะกิ่งไม้ที่งอกยื่นไปในผาพลางตะกายตัวขึ้นอย่างยากลำบาก



    ด้วยลักษณะผาที่ยังมีชะง่อนเล็กๆ ขนาดเด็กยืนได้ยื่นออกมา ความผิดพลาดจากปีนจึงไม่อาจทำให้โฮโนถึงตาย แต่ถ้าเขาหลุดมือเมื่อไหร่ซาอิรับประกันได้ว่ากระดูกหักแน่ หลายท่อนเสียด้วย



    “หลี่โฮโน! จับเชือกนี่ไว้” ซาอิตะโกนพลางโยนปลายข้างหนึ่งไปให้โฮโน อีกข้างเขารีบผูกเข้ากับไม้ใหญ่ข้างๆ ไม้ที่ลำต้นใหญ่ขนาดที่เขามั่นใจว่ามันจะไม่ถอนรากถอนโคนออกมาเมื่อถูกแรงเด็กดึง



    ทันทีที่โฮโนคว้าเชือกได้ ซาอิก็ออกแรงดึงทันที นับว่าเป็นโชคดีที่โฮโนเป็นเด็กแข็งแรงเกินพิกัดเจ้าตัวจึงยังพอมีแรงเหลือไต่ผาตามเชือกขึ้นมาได้ เมื่อพ้นวิกฤติได้เจ้าตัวแสบก็ล้มลงนอนแผ่ราบอย่างหมดแรงระคนโล่งใจทันที



    ซาอิเปิดฉากต่อว่าทันทีที่โฮโนรอดมาได้



    “หลี่โฮโน! เรามาทำอะไรที่แบบนี้ รู้ไหมเขาตามหากันให้ควักทั้งหมู่บ้าน”



    “ก็พอเดาได้” โฮโนตอบเสียงอ่อยๆ ผิดวิสัยก่อนที่เจ้าตัวจะหันไปทางโครินที่ยืนหลังพี่ชาย “แต่ยังไงฉันก็ต้องมาให้ได้ มันมีของที่ฉันจะต้องเอาให้ได้”



    “มันจะสำคัญอะไรขนาดนั้น ชีวิตเราสำคัญกว่าเป็นกอง ถ้าพลาดบาดเจ็บไปจะเป็นยังไง คิดถึงคุณลุงคุณป้าหลี่บ้างสิ!”



    “แต่ฉันอยากขอโทษโครินนี่นา!” โฮโนแผดเสียงลั่นทำเอาซาอิชะงักกึก เด็กชายผมแดงตรงหน้าหลับตาสารภาพน้ำตาหยดเป็นระยะๆ “ฉันมีของอยากให้โครินเห็น แต่เพราะเรื่องเมื่อวานโครินคงไม่ตามฉันขึ้นมาอีกแล้วล่ะ เมื่อวานฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ถึงก่อนหน้านั้นฉันจะจงใจแกล้งเธอแต่เมื่อวานฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ ขอโทษ...ฉันขอโทษนะโคริน!”



    “เพราะงั้นเราก็เลยขึ้นเขามาเอาของที่อยากให้โครินเห็นเหรอ?” ซาอิถาม เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเด็กตรงหน้าคือหลี่โฮโนคนที่แกล้งโครินเป็นว่าเล่น ไม่มีสามัญสำนึก และไม่ใช่ลูกผู้ชาย



    โฮโนพยักหน้าหงึกพลางปาดน้ำตาทิ้ง



    “แล้ว...โฮโนอยากให้โครินเห็นอะไรล่ะ” น้องสาวเขาเดินเขาไปนั่งข้างหน้าโฮโนพลางถามขึ้น ผู้ถูกถามไม่ตอบอะไรนอกจากจะควักกิ่งไม้เล็กๆ ที่เสียบไว้ข้างหลังขึ้นมาจากขอบกางเกง ดอกสีขาวนวลสวยเล็กๆ แซมด้วยใบสีเขียวสด ดอกไม้ที่ทนและบานในฤดูหนาว ดอกสโนว์ดรอป



    ไม่ใช่ของที่เห็นได้ง่ายๆ ในหมู่บ้าน มิน่าเล่าโฮโนถึงได้ลากเธอขึ้นมาที่นี่



    “ฉันเห็นว่ามันสวยดี เลยอยากให้เธอเห็น แล้ว...ฉันรู้สึกว่ามันเหมือนกับเธอด้วย สวย...แล้วก็ทน” โฮโนพูดต่อ คำชมของเขาทำเอาโครินพูดอะไรไม่ออก ซาอิฟังแล้วก็รู้สึกเหมือนโลกกลับตาลปัตร เขานึกอะไรไม่ออกแล้วนอกจากว่า



    สงสัยหิมะตกแน่ๆ



    ไม่ทันขาดคำปุยสีขาวๆ เล็กๆ เย็นๆ ก็ร่วงจากฟ้ามาตกใส่มือเขา แล้วคงไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเมื่อโฮโนกับโครินเงยหน้าขึ้นมองฟ้าสีดำพร้อมกัน มองปุยสีขาวเย็นที่ตกลงใส่พวกเขาไม่ขาดสาย จากคำบรรยายที่เขาเคยได้ยินร่ำลือกันมาทำให้ซาอิสรุปได้คำเดียวว่า



    หิมะตก



    “หิมะ...” โครินพึมพำอย่างไม่เชื่อสายตา ซาอิพอจะเข้าใจ ในเมื่ออยู่มาตั้งนานหิมะไม่เคยตกมาตกเอาวันนี้มันก็น่าดีใจประหลาดใจระคนกัน



    “เอ่อ...โคริน” โฮโนเรียกน้องสาวเขาขึ้นอย่างหวาดๆ “ถ้าฉันให้ดอกสโนว์ดรอปเธอแล้วเธอจะยกโทษให้ฉันที่แกล้งเธอมาตลอดได้ไหม? ที่ฉันดึงผมเธอก็เพราะว่า...จริงๆ แล้ว....ฉันอยากบอกว่าเธอไว้ผมสั้นน่ารักกว่า”



    โครินฟังคำสารภาพที่หลุดออกมาจากโฮโนแล้วก็ยิ้ม ถามเขากลับไปด้วยเสียงอ่อนโยนร่าเริงตามปกติของเธอว่า



    “ถ้าโครินจะขอดอกสโนว์ดรอปนั่น โฮโนจะให้โครินไหม?”



    รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าเด็กชายผมแดงก่อนที่เขาจะยื่นดอกไม้นั่นให้โครินอย่างเต็มใจ พลางพูดออกมาสั้นๆ ว่า



    “สุขสันต์วันคริสต์มาสนะโคริน”



    ซาอิมองแล้วก็อดยิ้มไม่ได้



    ตั้งแต่ปีนี้ไปเขาคงเต็มใจอวยพรให้โฮโนได้ซักที

    ------------------------------------------------------------



    ขอขอบคุณ คุณ Runaway Guy ที่แต่งแฟนฟิคคริสต์มาสของ WoH มากครับ ผมรู้สึกดีใจจริงๆ ที่มีแฟนฟิคของเรื่องนี้ออกมา ^^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×