ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 7 - วันพรุ่ง
บทที่ 7
Tomorrow
วันพรุ่ง
ความเจ็บปวดกลับคืนมาสู่สำนึกในทันทีที่ลืมตาขึ้น โอลิเวียผุดลุกเร็วเกินไปจนต้องงอตัวลงพร้อมกับครางเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่ชายโครง...ซึ่งได้รับฝากรอยแผลจากชายหนุ่มไร้นามและถูกอาร์เซนิคซ์กระแทกซ้ำเข้าอีกทีหนึ่ง
หลังจากนั่งนิ่งอยู่สักพักความเจ็บปวดจึงทุเลาลง หญิงสาวก้มลงมองสำรวจร่างของตน สิ่งที่คลุมร่างเธออยู่มีเพียงผ้าห่มผืนเดียวเท่านั้น หากบาดแผลของเธอได้รับการใส่ยาและพันผ้าไว้อย่างเรียบร้อย คาดได้ว่าผู้ที่ทำแผลให้ต้องมีความรู้ในด้านนี้พอสมควรทีเดียว
เธอลองมองไปรอบๆ ภายในห้องเล็กที่มืดทึมเพราะผ้าม่านหนาหนักปิดทับหน้าต่างซึ่งมีอยู่เพียงบานเดียว ในห้องจัดแบ่งเป็นมุมวางสิ่งของสารพัดอย่างอันประกอบด้วยเตียงเดี่ยวเสาสูงประดับม่านลูกไม้โปร่งที่เธอนอนอยู่ ตั้งชิดผนังห้องตรงข้ามประตูไม้ ริมผนังด้านหนึ่งมีตู้หนังสือใส่คัมภีร์เวทมนตร์เล่มหนาจนเต็มทุกชั้นวาง ส่วนที่กลางห้องมีโต๊ะเขียนหนังสือขนาดเล็กกับเก้าอี้เข้าชุดกัน...
และที่แปลกตาที่สุดคือกรงสัตว์เล็กบ้างใหญ่บ้างที่วางซ้อนชิดผนังอีกด้านหนึ่งเป็นแถว ข้างในกรงเหล่านั้นมีสัตว์หลากหลายชนิดตั้งแต่แมงมุม แมงป่อง งู คางคก ไปจนถึงพวกหน้าตาประหลาดๆ อย่างนกค็อกคาทริส และงูบาซิลิสก์ซึ่งล้วนแต่เป็นสัตว์มีพิษทั้งนั้น
ที่นี่คือที่ไหน?
และเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?
โอลิเวียกวาดสายตามองหาเสื้อผ้าที่ตนพอจะสวมใส่ได้ไปรอบห้อง แต่เมื่อไม่พบเธอจึงตลบผ้าห่มขึ้นคลุมร่างแทนแล้วลุกขึ้นนั่ง ขบฟันกลั้นอาการเจ็บที่แปลบร้าวตามสีข้างก่อนจะค่อยๆ วางเท้าเปล่าลงบนพื้นไม้...ซึ่งอุ่นอย่างประหลาดเมื่อเท้าสัมผัส
หญิงสาวค่อยๆ ก้าวไปที่โต๊ะซึ่งมีหนังสือเล่มหนึ่งเปิดกางอยู่ ทว่าความรู้สึกวิงเวียนที่เกิดขึ้นในทันใดทำให้เธอเซถลาล้มลงกับพื้น...หากมือข้างหนึ่งยังฉวยขอบโต๊ะไว้เป็นหลักได้ทัน
เธอได้ยินเสียงประตูเปิด...พร้อมกับที่แสงอาทิตย์สีส้มจากด้านนอกส่องเข้ามาเป็นลำทำให้ตาพร่าไปในทันที...
\"ตายจริงโอลิเวีย!!! ลุกขึ้นมาทำไมกัน!?!\" เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นก่อนที่มือนุ่มๆ สองมือจะตรงเข้ามาประคองแขนโอลิเวียให้ลุกขึ้น...กลิ่นหอมจางที่เคยคุ้นอย่างประหลาดโชยมาแตะจมูกของเธอขณะที่เจ้าของเสียงพยุงเธอกลับไปที่เตียง เมื่อได้เอนหลังลงบนพื้นฟูกโอลิเวียเพิ่งมีโอกาสมองเธอให้ชัด...ภาพใบหน้าที่ฉายแววห่วงใยของหญิงสาวผิวคล้ำ ผมสีม่วงอ่อนที่ปรากฏต่อสายตานั้นคือคนที่เธอรู้จัก
\"เอสเทลล่า?...\" โอลิเวียพึมพำด้วยความประหลาดใจ \"เจ้าเองเหรอ? ถ้าอย่างนั้นที่นี่ก็คือ...\"
\"บ้านข้าเอง\" อีกฝ่ายตอบเรียบๆ \"ข้าสิน่าจะถามว่าเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เมื่อวานตอนเช้าข้าจะออกไปเก็บสมุนไพร ก็พบเจ้าบาดเจ็บหมดสติอยู่ในป่า ข้าเลยพาเจ้ามารักษา เจ้าสลบไปวันเต็มๆ เลยทีเดียว\"
\"ไนป่าเหรอ?\" โอลิเวียทวนคำพลางยกมือขึ้นกุมศีรษะกลั้นอาการปวดแปลบในสมองเมื่อพยายามหวนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า \"แล้วข้า...ไปอยู่ที่นั่นได้ยังไงกัน?\"
เอสเทลล่าหรี่ตาอย่างสงสัยก่อนจะดึงเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียง
\"ข้าก็ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนที่ข้าพบเจ้าอยู่ในป่าใกล้บ้านข้ามาก...เหมือนกับมีคนตั้งใจจะให้ข้ามาพบเจ้าแต่แรกยังไงยังงั้น\" หญิงสาวเอ่ยอย่างครุ่นคิด \"ค่อยๆ นึกดูซิโอลิเวีย ว่าก่อนหน้านี้เจ้าไปทำอะไรที่ไหน\"
ก่อนหน้านี้...
\"ข้าตามล่า \'กรีนเซเฟอร์\' ไปจนพบ \'อควาเวล\' อยู่กับเด็กคนหนึ่งในหมู่บ้านเทเซ็น\" โอลิเวียพูดช้าๆ ราวกับจะทวนความจำของตน \"ข้าเกือบจะชิงมันมาได้แล้ว...ถ้าไม่ใช่เพราะมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาขวาง แล้วก็อาร์เซนิคซ์...มันเผาหมู่บ้านเสียวอดวาย แต่ก็ไม่ยอมฆ่าข้า...กลับใช้มนต์ย้ายร่างพาข้าไปด้วย ทำไม...ข้าไม่เข้าใจ\"
\"ข้าก็เดาไม่ออกเลย...\" เอสเทลล่าติงอย่างแปลกใจ \"ว่าคนอย่างอาร์เซนิคซ์จะทำแบบนั้นเพื่ออะไร\"
ข้ายังไม่ฆ่าเจ้าหรอก โอลิเวีย ให้เจ้าตามนายสุดที่รักของเจ้าไปตอนนี้ก็สบายเกินไปน่ะสิ...คำพูดเยาะเย้ยของอาร์เซนิคซ์ที่หมู่บ้านเทเซ็นย้อนกลับมาในห้วงความคิดอีกครั้ง โอลิเวียได้แต่กำมือแน่นเพื่อสะกดอารมณ์โทสะ เมื่อนึกถึงภาพใบหน้าที่มีรอยยิ้มราวกับจะเหยียดหยามไปทุกสิ่งของชายผู้นั้น...ขณะที่มันดึงหน้ากากออกไปจากไปหน้าของเธอ เพราะฉะนั้นข้าขอนี่ไปเป็นมัดจำก็แล้วกัน...
เสียงประตูที่เปิดออกในทันใดนั้นขัดจังหวะการสนทนาของทั้งสอง หญิงสาวทั้งคู่หันไปเห็นเงาร่างหนึ่งยืนขวางแสงแดดอยู่ในทางประตูทำให้ไม่อาจเห็นชัดว่าเป็นใคร
\"ใครกันน่ะ!?\" เอสเทลล่าร้องถามพร้อมกับลุกขึ้นยืน \"เวลาจะเข้าบ้านผู้หญิงก็หัดเคาะประตูซะบ้างสิ\"
ส่วนศีรษะของเงาร่างขยับเล็กน้อยเป็นกริยาเหลียวมองรอบด้าน ก่อนที่สายตาของเขาจะไปหยุดอยู่ที่กรงสัตว์ที่วางเรียงเป็นตั้ง
\"ถ้าไม่บอก...ข้าก็ไม่รู้หรอกว่านี่เป็นบ้านผู้หญิง\" เสียงของชายหนุ่มที่ตอบกลับแฝงรอยประชดนิดๆ \"รกจนงูเงี้ยวเข้ามาอยู่เต็มแบบนี้\"
เอสเทลล่ายิ้มเหยียดๆ เมื่อได้ยินเสียงนั้น เธอลุกขึ้นปลดม่านที่รวบอยู่สองข้างเตียงให้คลุมเตียงที่โอลิเวียเอนพักอยู่ แล้วจึงหันมาสู้หน้าผู้มาเยือน
\"ปิดประตูหน่อยได้มั้ย? เผอิญพวก \'งูเงี้ยว\' ของข้าไม่ค่อยชอบแสงแดดเท่าไหร่\"
เขาทำตามแต่โดยดี เมื่อปราศจากแสงที่ย้อนเข้ามาเบื้องหลังทำให้เอสเทลล่าเห็นภาพของชายหนุ่มผู้ถือกล่องสี่เหลี่ยมใบเล็กอยู่ในมือข้างหนึ่งได้ชัดเจนขึ้น เขามีดวงตาสีดำสนิท กับผมสีน้ำตาลเข้มยาวประมาณคาง สวมผ้าคลุมและหมวกคลุมสีขาวแบบนักบวชทำให้สีหน้าดูอ่อนเยาว์ผิดกับรอยยิ้มชั่วร้ายที่มุมปาก
\"นึกว่าใคร ที่แท้ก็เจ้าลีก้า...นักบวชนอกรีตลูกน้องจอมมารนี่เอง\" หญิงสาวตอบกึ่งประชดเช่นกัน
\"หาว่าผมเป็นคนนอกรีตหรือครับ?\" ใบหน้าของลีก้ายังยิ้มได้โดยไม่เปลี่ยนแปลงกับคำพูดนั้น \"คุณเอสเทลล่าที่มาจากเผ่าซอลมาน่าก็เป็นพวกนอกรีตเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?\"
เอสเทลล่าไม่พูดตอบ แต่ถลึงตาใส่เขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
\"มีธุระอะไรกับพวกเรามิทราบ?\" หญิงสาวถามเสียงขุ่น
ชายหนุ่มยักไหล่น้อยๆ
\"ตัวผมเองน่ะไม่ได้มีธุระอะไรหรอก แต่เจ้านายของผมสิสั่งให้ผมเอา \'ของขวัญ\' มาเยี่ยมไข้คุณโอลิเวียสักหน่อยน่ะครับ\"
\"แหม! ไม่นึกแฮะว่าท่านจอมมารยังอุตส่าห์มีแก่ใจเป็นห่วงข้ารับใช้ผู้ต่ำต้อยกับเขาด้วยนะ\" เอสเทลล่าขึ้นเสียงสูงเหมือนจะประชด \"ว่าแต่ \'ของขวัญ\' ที่ว่านี่มันอะไรกันล่ะ?\"
\"ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะครับ ก็ผมเป็นแค่คนส่งของเท่านั้น\"
เอสเทลล่าแบมือยื่นให้เขา
\"ตอนนี้อาการของโอลิเวียยังไม่ค่อยดี ฝากมาให้ข้าก่อนก็แล้วกัน\"
\"เห็นทีผมคงทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะผมได้รับคำสั่งจากท่านอาร์เซนิคซ์ให้ส่งของขวัญกล่องนี้ให้กับมือของโอลิเวียโดยตรง\"
\"ข้าก็อยู่นี่แล้ว\" โอลิเวียที่อยู่หลังม่านเริ่มทนไม่ได้จึงแทรกขึ้นมา \"ส่งให้เอสเทลล่าไปสิ\"
\"งั้นเหรอครับ...ขอโทษจริงๆ ที่ผมทำแบบนั้นไม่ได้\" ลีก้ายังคงตอบแบบกวนๆ \"ยังไงผมต้องส่งมันให้ถึงมือของคุณโดยตรงนะครับ ท่านจอมมารอุตส่าห์กำชับผมมา\"
\"ข้าว่าอย่าเสี่ยงดีกว่านะโอลิเวีย\" เอสเทลล่าพยายามเตือน \"มันอาจจะเป็นกับดักก็ได้\"
\"เอามาเถอะ\" โอลิเวียพูดอย่างหนักแน่น \"ถ้าหากข้าไม่ยอมรับ \'ของขวัญ\' อะไรนี่ เจ้าก็จะอยู่กวนประสาทเราต่อไปใช่ไหม?\"
\"ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ขอมือของคุณหน่อยสิครับ\"
โอลิเวียชันกายขึ้นนั่ง ยื่นมือข้างหนึ่งออกมาจากรอยแยกของผ้าม่าน แต่ลีก้ากลับกระแอม
\"อ่า...ท่านจอมมารบอกให้ผมส่งให้ \'มือซ้าย\' ของคุณนะ\"
\"เรื่องมากจริงๆ\" เอสเทลล่าแอบบ่นเบาๆ
โอลิเวียชักมือขวากลับไปก่อนจะยื่นมือซ้ายออกมาแทน คราวนี้เธอกระชากกล่องใบนั้นออกมาจากมือของนักบวชหนุ่มแทบจะในทันที
\"เท่านี้เจ้าก็กลับไปได้แล้วใช่ไหม?\"
ลีก้าผงกศีรษะรับ
\"เมื่อหมดหน้าที่แล้วผมคงต้องขอตัวกลับไปรายงานท่านจอมมารก่อนนะครับ\"
\"รีบๆ ไปซะได้ก็ดีเพราะแถวนี้ไม่ค่อยมีใครเขาอยากจะต้อนรับเจ้านักหรอก\" เอสเทลล่าแขวะ
ลีก้ายักไหล่น้อยๆ อย่างไม่ใส่ใจกับคำพูดนั้นนัก...ก่อนจะกลับหลังหันเดินไปเปิดประตู แต่ก่อนจะจากไปกลับชะงักอยู่ครู่หนึ่งแล้วเหลียวกลับมาอีกครั้ง
\"อ๋อใช่...ผมเกือบลืม ท่านอาร์เซนิคซ์ฝากคำพูดมาถึงคุณโอลิเวียด้วยนะครับ ท่านว่าหน้าของคุณโอลิเวียน่ะสวยออก ไม่เข้าใจว่าจะใส่หน้ากากปิดไม่ให้คน...เอ่อ...ปีศาจเห็นทำไมล่ะครับ เท่านี่แหละ\"
\"เจ้า!!\" โอลิเวียอุทานอย่างโกรธเคือง สีก้าเพียงแต่ทำสีหน้าเยาะ (แบบจอมมารอาร์เซนิคซ์) อยู่แวบหนึ่งก่อนจะรีบเดินออกไปแล้วปิดประตูลง ทิ้งหญิงสาวที่โกรธจนหน้าชาอยู่กับเอสเทลล่าเพียงสองคนอีกครั้ง
\"ทรามพอกันทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง!\" เอสเทลล่าด่ากระทบประตูที่ปิดสนิท ก่อนจะหันมารวบเก็บม่านที่สองข้างเตียง...เผยให้เห็นโอลิเวียที่กำลังจ้องมองกล่องใบเล็กในมือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
\"ข้าว่าทิ้งมันไปจะดีกว่านะ...โอลิเวีย อย่าเสี่ยงเลย เราไม่รู้ว่าอาร์เซนิคซ์จะมาไม้ไหน\"
\"แล้วให้มันมาเยาะเย้ยความขี้ขลาดของข้าในทีหลังเหรอ?\" โอลิเวียย้อน \"ข้าจะเปิดดู...จะได้รู้เสียทีว่าเจ้านั่นมันคิดจะเอาอะไรกับข้ากันแน่\"
หญิงสาวเปิดฝากล่องใบเล็กออกดู...โดยมีเอสเทลล่าคอยระวังอยู่ห่างๆ หากว่าจะเกิดอะไรขึ้น
โอลิเวียขมวดคิ้วมองอยู่ครู่หนึ่ง...ก่อนที่เธอจะขว้างกล่องใบนั้นลงบนพื้นอย่างแรง
เพียงสิ่งเดียวที่กระเด็นออกมาคือหน้ากากหนังสีดำ...
เอสเทลล่าก้มลงเก็บมันขึ้นมา ทีแรกเธอยังไม่เข้าใจว่าแค่ \'หน้ากาก\' ที่ถูกส่งคืนมาทำไมจึงทำให้โอลิเวียโกรธเคืองได้ปานนั้น แต่เมื่อเธอพลิกกล่องที่ตะแคงอยู่บนพื้นขึ้นมาดูแล้วจึงได้เห็นอีกสิ่งหนึ่งที่ติดอยู่กับก้นกล่อง...ซากของสัตว์ชนิดหนึ่งที่แหลกเหลวจนแทบมองไม่ออกว่าเป็นสัตว์ชนิดใด หากไม่ทันสังเกตกระจุกขนนกที่ติดมาด้วย
\"นี่มัน...\"
\"นกที่ข้าใช้ส่งสารถึงท่านซิลเวนัส!!\" โอลิเวียพูดอย่างเดือดดาล \"มิน่า...อาร์เซนิคซ์ถึงได้รู้ว่าอควาเวลอยู่ที่ไหน!! ข้านี่โง่จริง!!\"
\"ใจเย็นๆ ก่อนเถอะ\" เอสเทลล่าติง
\"มันได้นกตัวนี้มาจากไหน?!...ก็ข้าส่งมันไปที่หอคอยของท่านซิลเวนัสนี่!!!\"
หญิงสาวผมสีม่วงอ่อนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแปลกๆ
\"หวังว่าคงไม่ใช่อย่างที่ข้าคิดหรอกนะ...\"
โอลิเวียจ้องมองเธอเหมือนกับจะถามด้วยสายตา เอสเทลล่าจึงพูดต่อเบาๆ
\"อาจจะมีหนอนบ่อนไส้อยู่ในกลุ่มพวกเราก็ได้\"
คำตอบนี้ทำเอาคู่สนทนาตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
\"ข้าก็ไม่อยากคิดอย่างนั้นหรอกโอลิเวีย แต่หมู่นี้ดูเหมือนอาร์เซนิคซ์จะรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเราอยู่ตลอด...รู้ดีเกินไปเสียด้วย คนของอาร์เซนิคซ์ไม่ว่าจะมีพลังเวทแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่มีทางผ่านอาณาเขตที่ท่านซิลเวนัสกั้นไว้ได้แน่ อาร์เซนิคซ์ก็คงไม่มีวันยอมลดตัวลงมาทำงานสกปรกแบบนี้ด้วยตัวเอง หมายความว่าต้องมี \'คนใน\' ฝ่ายเราที่เป็นสายให้กับมัน\"
โอลิเวียผลุนผลันลุกขึ้น หากเอสเทลล่ารีบมาขวางเอาไว้เสียก่อน
\"คิดจะไปไหนน่ะโอลิเวีย!?\"
\"ข้าจะไปลากตัวไอ้คนทรยศนั่นมาฆ่าซะให้สาสม!!\"
\"อย่าเพิ่งบุ่มบ่ามสิ\" หญิงสาวผมสีม่วงอ่อนติง \"ตอนนี้เรายังไม่มีหลักฐานยืนยันว่า \'ใคร\' เป็นคนทรยศ และเราจะทำอะไรโดยพลการโดยที่ไม่มีคำสั่งของท่านซิลเวนัสไม่ได้ มีทางเดียวคือต้องรอ...\"
\"แต่กว่าจะถึงตอนนั้นมันอาจจะสายไปแล้วก็ได้\" โอลิเวียพูดอย่างขมขื่น
\"พวกนกสองหัวไม่เคยอยู่ได้นานหรอก ถึงเราจะไม่กำจัดมัน...ทางนั้นก็ต้องเป็นฝ่ายกำจัดมันอยู่ดี คนอย่างจอมมารอาร์เซนิคซ์ถ้าหากได้ข้อมูลที่ต้องการแล้ว...ข้าคิดว่าเมื่อหมดผลประโยชน์มันต้องไม่ปล่อยคนคนนั้นเอาไว้แน่\"
หญิงสาวผมแดงพยายามนิ่งฟัง...แม้ในดวงตาของเธอจะยังมีแววแค้นฝังลึกอย่างยากจะลืมเลือน เอสเทลล่าแตะไหล่เธอเหมือนกับจะปลอบโยน
\"ในตอนนี้ข้าว่าเจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะไปรายงานท่านซิลเวนัสเอง หลังจากอาการของเจ้าดีขึ้นแล้วเราค่อยมาว่ากันอีกที\"
โอลิเวียจำใจเอนหลังลงนอนอีกครั้ง เอสเทลล่าหันมาคว้ากล่องที่ยังมีซากนกอยู่ข้างในเดินไปที่กรงของพวกสัตว์ เธอเปิดฝากรงที่มีบาซิลิสก์...งูมีหงอนคล้ายกิ้งก่าหน้าตาประหลาดขนาดปานกลางสองตัวที่เลิ้อยชนกันไปมาเพราะมีผ้าคาดปิดตาจนมองไม่เห็นทาง กลิ่นของเนื้อใกล้เน่าทำให้ทั้งสองตัวพยายามดุนจมูกขึ้นหาฝากรงทันที หญิงสาวคว่ำกล่องเขย่าสองสามครั้ง ซากนกก็หล่นปุลงไปให้งูทั้งสองแย่งกันฉีกกินอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีสายตาของนกค็อกคาทริสในกรงข้างๆ มองมาอย่างเสียดาย
\"ข้าจะไปพบท่านซิลเวนัสก่อนนะ\" เธอหันมาร้องบอกโอลิเวีย \"ตอนนี้พักผ่อนไปก่อน ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น พอรายงานกับท่านซิลเวนัสเสร็จแล้วข้าจะรีบกลับมา\"
เสียงฝีเท้าเงียบหายไปพร้อมกับเสียงประตูที่เปิดขึ้นและปิดลง ทิ้งโอลิเวียให้นอนลืมตาโพลงอยู่ลำพัง
หญิงสาวยกมือซ้ายขึ้นมองรอยแผลเป็นยาวเหมือนถูกของมีคมกรีดบนข้อมือ...ที่เมื่อก่อนอยู่ภายใต้ถุงมือมาโดยตลอด สายตาของเธอยังเรียบเฉย ความเคียดแค้นทั้งมวล...ความโศกเศร้าทั้งหมดถูกซ่อนลึกไว้เบื้องหลังดวงตาสีน้ำตาลเข้มด้านชา...ดุจดังหน้ากากที่สวมทับไว้อีกชั้นหนึ่ง
\"ท่านเอลโนอิล...\" หญิงสาวกระซิบแผ่วเบา เพียงคำพูดเดียวเท่านั้น...ที่ไม่อาจถ่ายทอดความรู้สึกของเธอได้หมดสิ้น
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
\"โคริน...ตามพี่มาเร็วสิ\" เด็กชายผมสีดำที่อยู่เบื้องหน้าร้องเรียกก่อนจะวิ่งนำออกไป เด็กหญิงพยายามจะวิ่งตาม...หากยิ่งวิ่งเร็วขึ้นเท่าใดกลับดูเหมือนเขาจะยิ่งห่างออกไปเท่านั้น
\"พี่ซาอิ...เดี๋ยวสิพี่จ๋า รอโครินด้วย!!\"
\"เร็วสิโคริน...เร็วๆ สิ...\" เสียงหัวเราะของซาอิเหมือนจะเร่งเร้า
\"พี่ซาอิจะไปไหน? รอโครินด้วยสิ โครินไม่ไหวแล้ว...\"
เด็กหญิงทรุดลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน น้ำใสๆ เริ่มรินออกมาจากดวงตากลมโตที่เหลียวมองหาเด็กชายผู้พี่ไปทุกทิศทาง
ทว่าไม่พบแม้แต่เงา...
\"พี่ซาอิอย่าทิ้งโครินไว้แบบนี้สิ พี่ซาอิอยู่ที่ไหน? พี่ซาอิ...\"
ไร้วี่แวว...สิ่งเดียวที่เธอทำได้มีเพียงคุกเข่าร้องไห้เท่านั้น
\"นี่...\" เสียงเสียงหนึ่งดังแว่วเพียงแผ่วเหมือนกับอยู่ห่างออกไปแสนไกล ก่อนที่เด็กหญิงจะรู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งกุมมือของเธอเอาไว้...ช่วยให้รู้สึกโล่งอกอย่างท่วมท้น
\"พี่ซาอิ...พี่ซาอิใช่มั้ยจ๊ะ?...พี่...\"
เธอบีบมืออันอบอุ่นนั้นไว้แน่น...ให้รู้สึกอุ่นใจว่าอย่างน้อยเธอมิได้อยู่เพียงลำพัง ยังมีอีกคนหนึ่งที่คอยอยู่เคียงข้างและปกป้องเธอ...ณ ที่นี่...ตอนนี้...
\"นี่...\"
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โครินลืมตาขึ้น...สบตากับดวงตาสีฟ้าที่มีเพียงความรู้สึกเรียบเฉยของชายหนุ่มอย่างประหลาดใจ เด็กสาวรีบชักมือกลับก่อนจะเบือนหน้าหลบ ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
\"ดูเหมือนเจ้าจะฝันร้าย ข้าก็เลยปลุกขึ้นมา\" น้ำเสียงของชายหนุ่มยังราบเรียบราวกับไม่รู้สึกอะไรสักนิด เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวยาวๆ ไปยังมุมที่วางสัมภาระ โครินนั่งก้มหน้านิ่งเพื่อซ่อนสีแดงเรื่อบนสองข้างแก้ม สองมือได้แต่บีบเสื้อคลุมที่ห่มอยู่ด้วยความรู้สึกละอาย เธอไม่รู้ตัวเลยว่าผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไร แถมยังนอนพิงไหล่กับกุมมือของชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นไว้แน่นเสียด้วย
หมาป่าสีเงินใช้จมูกดุนมือเธอเบาๆ เหมือนกับเป็นคำทักทายอรุณสวัสดิ์ เด็กสาวจึงลูบหัวมันแทนการตอบด้วยวาจา ท่าทางของมันดูสดชื่นขึ้นมาก..แม้ดูเหมือนแผลที่ขาจะยังไม่หายดีก็ตาม
แล้วแผลของผู้ชายคนนั้นล่ะ?
\"คุณ...เอ่อ...อาการเป็นยังไงบ้างคะ?\" เด็กสาวเงยหน้าขึ้นถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ เห็นชายหนุ่มกำลังค้นหาบางสิ่งในกระเป๋า
\"ได้เจ้าใช้อควาเวลรักษาให้ก็หายดีแล้วนี่\" เขาตอบโดยไม่หันมามอง
\"ล...แล้วคุณตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่?\"
\"น่าจะเป็นตอนเช้ามืด...ประมาณหนึ่งหรือสามยามก่อนหน้านี้ได้กระมัง\"
ชายหนุ่มค้นในกระเป๋าจนพบสิ่งหนึ่งแล้วถือมันกลับมานั่งลงใกล้ๆ กับโคริน...ซึ่งเห็นได้ว่ามันคือห่อกระดาษสีน้ำตาลเหลืองขนาดย่อม
เขาคลี่กระดาษห่อออกก่อนจะส่งของสิ่งหนึ่งที่มีลักษณะเป็นแผ่นแข็งสีน้ำตาลเข้มให้เธอ
\"กินสิ\" ชายหนุ่มสั่งสั้นๆ
โครินมองสิ่งที่ดูคล้ายกับเปลือกไม้แห้งในสายตาของเธออย่างหวาดๆ
\"อะไรเหรอคะนั่น?\"
\"เนื้อแห้ง...อาจจะแข็งไปหน่อย แต่ของกินข้ามีอยู่เท่านี้\"
\"ฉันไม่หิวค่ะ\" โครินตอบตามจริง \"คุณกินไปเถอะ\"
\"ถึงไม่อยากกินก็น่าจะกินเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นจะไปเอาแรงที่ไหน\" เสียงของเขาเหมือนกับจะดุ \"เจ้าไม่ได้กินอะไรมาเป็นวันแล้วไม่ใช่หรือ?\"
เด็กสาวจำใจรับเนื้อแห้งชิ้นนั้นมา...บังคับตนเองให้กัดไปคำหนึ่ง เคี้ยวเหมือนกับไม่รู้รสชาติก่อนจะกลืนลงคออย่างฝืดเฝือ ลิ้นของเธอแทบไม่รู้รสอะไรเลยด้วยซ้ำ ลักษณะกับกลิ่นคาวแปลกๆ ของเนื้อแห้งทำให้เธอรู้สึกพะอืดพะอมจนทนไม่ไหว เหมือนกับจะยิ่งตอกย้ำให้นึกถึงภาพของร่างหงิกงอที่ถูกย่างสด...กับกลิ่นไหม้ของเนื้อหนัง...
แต่ดูเหมือนชายหนุ่มที่เพิ่งผ่านสถานการณ์เดียวกันกับเธอมาหมาดๆ จะไม่รู้สึกอะไรแบบเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะเขาคว้าเนื้อแห้งอีกชิ้นขึ้นมากัดคำโตเคี้ยวกร้วมๆ สีหน้าสีตาก็ดูเฉยเมยเหมือนเดิมไม่มิผิด
โครินทนกินไปได้แค่สี่ห้าคำก็ต้องส่งชิ้นเนื้อคืนให้กับเขา
\"ฉัน...กินไม่ลง...จริงๆ\"
ชายหนุ่มรับเนื้อแห้งชิ้นนั้นคืนมาอย่างเงียบๆ ก่อนจะวางลงตรงหน้า.หมาป่าสีเงิน มันขยับจมูกดมชิ้นเนื้ออยู่ครู่หนึ่ง แล้วเริ่มกัดแทะอย่างหิวโหย
\"ในเมื่อ \'เจ้านาย\' แกไม่กินก็เอาไปแล้วกัน\" เด็กสาวได้ยินเขาพึมพำเบาๆ ก่อนจะคว้าถุงหนังใส่น้ำส่งให้เธอ โครินมองท่าทีของเขาอย่างประหลาดใจ
\"ไม่หิวน้ำเหรอ?\"
\"ข...ขอบคุณค่ะ\" เด็กสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับรีบรับถุงน้ำมาจากเขา แต่ชายหนุ่มก็ทำเป็นไม่สนใจแล้วหันไปกินเนื้อแห้งส่วนของตนต่อ
โครินดื่มน้ำล้างคอไปเพียงสองสามอึกก็วางถุงหนังลงข้างผนังหิน นั่งกอดเข่าเหม่อมองออกไปด้านนอก แสงอาทิตย์อ่อนๆ ที่ส่องรำไรเข้ามาจากปากถ้ำบ่งบอกว่านี่เป็นยามเช้าตรู่...
เธออดสงสัยไม่ได้ว่านี่เป็นเช้าของวันที่หนึ่งหรือวันที่สองกันนะ...
หลังจาก...
โครินกลืนก้อนแข็งๆ ที่ขึ้นมาจุกคอลงไปอย่างฝืดเฝือ
ทุกสิ่งไม่ได้เป็นเพียงความฝันอย่างที่เธอหวังให้เป็นเลย...
แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไปเล่า? เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว ญาติเพียงคนเดียวที่ยังเหลืออยู่บัดนี้ก็อยู่ห่างออกไปแสนไกล...ไกลจนกระทั่งไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อใด
\"แล้วเจ้า...คิดไว้หรือยังว่าจะทำอะไรต่อไป\" เสียงถามของชายหนุ่มทำให้โครินหันกลับมาหาเขาอีกครั้ง ปรากฏว่าเนื้อแห้งที่ชิ้นใหญ่พอดูหมดไปแล้วเรียบร้อย
เด็กสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ
\"ถึงยังไงเจ้าคงจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ เพราะพวกปีศาจที่อยากได้ \'อควาเวล\' ต้องกลับมาหาตัวเจ้าอีกแน่ๆ\" เขาพูดต่อด้วยเสียงเรียบๆ แต่ในความรู้สึกของโครินเหมือนกับจะยิ่งตอกย้ำให้นึกถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น \"ยิ่งเจ้าเก็บมันไว้กับตัวก็มีแต่จะทำให้ตัวเองเป็นอันตรายเท่านั้น\"
เด็กสาวหยิบผลึกที่ร้อยติดกับสร้อยขึ้นมาจ้องมอง กระแสพลังสีฟ้าภายในยังคงหมุนช้าๆ อย่างอ้อยอิ่ง...ดูราวกับมีชีวิตซ่อนอยู่
ทว่ามันก็เป็นเพียงแค่สิ่งของชิ้นหนึ่งเท่านั้น...สิ่งของที่ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยว่ามันเป็นต้นเหตุก่อให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ทั้งการทำลายล้าง...ความสูญเสีย...
แต่ในบางขณะมันกลับช่วยชีวิตเธอ...และชายหนุ่มคนนี้เอาไว้
แล้วมัน...เป็นสิ่งที่ดีหรือเลวร้ายกันแน่เล่า?
\"คุณจะบอกให้ฉันส่งมันให้คุณ...ใช่มั้ยล่ะ?\" เด็กสาวดักทางเขา
\"ข้าไม่ได้บอกว่าจะเอา \'อควาเวล\' ไปเฉยๆ สักหน่อย\" ชายหนุ่มพยายามแย้งอย่างใจเย็น \"เอาอย่างนี้...คิดเสียว่าเป็นค่าตอบแทนก็แล้วกัน ข้าจะพาเจ้าไปส่ง...ในที่ที่ปลอดภัย หลังจากนั้นข้าจะขอ \'อควาเวล\' จากเจ้าแล้วแยกทางไป ถ้าเป็นอย่างนี้เราก็ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายไม่ใช่หรือ\"
ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย...โครินสะกดอารมณ์ที่พลุ่งขึ้นมาในใจ นี่มันการหาประโยชน์จากคนที่ไม่มีทางเลือกชัดๆ...
\"แล้วฉัน...ยังจะมีทางเลือกอื่นอีกเหรอ?\" เธอพยายามกดเสียงให้เรียบ
ใช่สิ...ก็เธอไม่มีทางเลือกแล้วนี่ พ่อกับแม่ก็ตายไปแล้ว หมู่บ้านก็พังพินาศย่อยยับ ไม่มีที่จะให้เธอไปได้อีก เว้นเสียแต่...
\"ข้าไม่ได้บังคับเจ้านะ\"
ไม่ได้บังคับก็เหมือนถูกบังคับนั่นแหละ...
ชายหนุ่มจับตามองทีท่าของเด็กสาวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
\"ว่ายังไง...ตกลงเจ้าคิดจะไปที่ไหนกันล่ะ\"
โครินนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบเบาๆ
\"มาจิเซีย...\"
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไป แต่เธอไม่ทันสังเกตเห็น
\"มาจิเซีย...เหรอ?\"
\"พี่ชายฉัน...ตอนนี้ไปสอบที่มาจิเซีย\" เด็กสาวพูดต่อ \"แต่พี่...ก็ไม่ได้ติดต่อมานานแล้ว\"
\"มาจิเซีย...เห็นทีคงจะไปลำบากอยู่ เพราะตอนนี้คงจะเดินทางผ่านอาร์โคเซียไม่ได้ ต้องอ้อมลงทางฟานฟาร่า แล้วไปขึ้นเรือที่มอร์ติกาอีกที...ถึงจะเสียเวลาไปบ้างแต่ก็ปลอดภัยกว่า หรือเจ้าว่ายังไง?\"
โครินนิ่งฟังโดยไม่คัดค้านอะไร เขาจึงถามย้ำอีกครั้ง
\"เป็นอันว่าตกลงใช่ไหม?\"
ก็มันเป็นทางเดียวที่จะพาเธอไปหาพี่ชายได้มิใช่หรือ?
เด็กสาวพยักหน้ารับในที่สุด ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวยาวๆไปคว้าเสื้อกับผ้าคลุมมาสวมแล้วพูดขึ้น
\"ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปกันเถอะ\"
\"เร็วขนาดนี้เชียวเหรอคะ!?\" โครินอุทานอย่างตกใจ
\"พวกเราต้องรีบออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด...ก่อนที่พวกปีศาจจะกลับมาอีก เจ้าคงไม่คิดว่าพบทั้ง \'อควาเวล\' กับ \'กรีนเซเฟอร์\' แล้ว พวกมันจะยอมปล่อยไปง่ายๆ หรอกนะ\"
\"แต่ว่า...\" เด็กสาวเหลือบมองหมาป่าสีเงินที่นั่งหมอบอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเป็นกังวล \"แล้ว...เค้าล่ะคะ? ขาของเค้ายังไม่หายดีเลย ถ้าหาก...\"
\"หมาป่านั่น...ถ้าหากไปไม่ไหวจริงๆพวกเราก็ต้องทิ้งมันไว้\"
โครินผุดลุกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
\"ไม่ได้นะ!!!\" เธอร้อง \"คุณก็เห็นนี่นาว่าเค้ายังเดินไม่ได้ด้วยซ้ำ!! ถ้าทิ้งเค้าไว้ที่นี่ก็เท่ากับทิ้งเค้าไว้ให้ตายน่ะสิ!!!\"
\"แล้วเจ้าคิดว่าข้า...ไม่ใช่สิ...\'พวกเรา\' จะพามันไปได้ตลอดเหรอ?\" ชายหนุ่มแย้งเสียงเรียบๆ \"ขอพูดตามตรงเถอะนะ...ว่าข้าไม่ใช่คนที่จะลุกขึ้นมาปกป้องคนอื่นได้ตลอดเวลา แค่ดูแลคนชอบหาเรื่องใส่ตัวอย่างเจ้าแค่คนเดียวก็เต็มกลืนแล้ว\"
คำพูดที่เหมือนจะแสดงความเห็นแก่ตัวออกมาทำให้อารมณ์ของโครินปะทุขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
\"ก็ไม่เห็นจำเป็นที่คุณต้องมาดูแลฉันเลยนี่!!!\" เธอเถียง \"ไปสิ!!! คุณจะไปไหนก็ไป!!! ฉันจะอยู่กับเค้าที่นี่เอง!!! คุณไม่ต้องมา...\"
ชายหนุ่มไม่พูดอะไรตอบแต่กลับชักดาบออกมา โครินชะงักค้างเมื่อเห็นปลายดาบที่จ่อห่างจากทรวงอกของตนเพียงไม่กี่นิ้ว หมาป่าสีเงินเริ่มคำรามขู่ทันที
\"อย่าได้คิดว่าข้าทำทุกอย่างเพื่อเจ้านะ...\" เขาเอ่ยเสียงเย็น \"ข้าบอกแล้ว...ว่าสิ่งที่ข้าตามหาคือพลอยมนตราทั้งเจ็ดที่เจ้าบังเอิญครอบครองอยู่เท่านั้น ข้าจะปล่อยให้มันตกเป็นของเผ่าปีศาจ...หรือใครอื่นไม่ได้\" ดวงตาสีฟ้าบัดนี้คมกริบเป็นประกายชวนให้เด็กสาวนึกถึงอีกสายตาของนักล่าผู้มีดวงตาสีแดงฉาน...\"ถ้าหากจำเป็นจริงๆ ข้าจะไม่สนชีวิตของเจ้าเลยสักนิด ข้าจะฆ่าเจ้าแล้วเอาอควาเวลไปก็ยังได้!!\"
ปลายดาบเสือ.กตรงมาด้านหน้า สัญชาตญาณบอกให้โครินก้าวถอยไปพร้อมกับหลับตาลง ทว่าคมดาบหาได้ต้องร่างของเธอไม่ เสียงคำรามของหมาป่าสีเงินดังขึ้นอีกครั้งในขณะที่เด็กสาวรู้สึกถึงแรงลมที่พุ่งผ่านไปเพียงครู่ เมื่อเธอลืมตาขึ้น...ก็เห็นหมาป่าสีเงินที่กระโจนขึ้นคร่อมร่างชายหนุ่มไว้ เขี้ยวขาวแสยะพร้อมจะฝังลงไปได้ทุกเมื่อ แต่ชายหนุ่มกลับไม่มีสีหน้าแปลกใจแม้แต่น้อย เขาเพียงแต่ยกแขนขึ้นปล่อยวงแสงสว่างวาบกลางฝ่ามือ...จนแม้แต่โครินที่อยู่ห่างออกมายังรู้สึกแสบตาจนต้องยกมือขึ้นบัง
เมื่อแสงจางลง...การณ์กลับเปลี่ยนไป หมาป่าสีเงินขณะนี้ถอยมายืนคำรามอยู่ชิดผนังถ้ำ...โดยมีชายหนุ่มถือดาบคุมเชิงอยู่
\"อย่านะ!!!\" เด็กสาวกรีดร้อง ทว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อมาก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดคิด ชายหนุ่มเก็บดาบเข้าฝัก ส่วนหมาป่าสีเงินกลับเงียบเสียงลง เขาหันมามองโครินที่ยังตกตะลึงด้วยสายตาเฉยเมยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
\"เก็บของของเจ้าสิ เราจะออกเดินทางกันแล้ว\" เขาพูดเรียบๆ \" \'หมาป่า\' ของเจ้าก็เดินได้แล้วนี่\"
เธอจ้องมองหมาป่าสีเงินอย่างประหลาดใจ ขณะนี้มันยืนได้แล้วจริงๆ...ถึงแม้ขาข้างที่บาดเจ็บจะยังสั่นอยู่เล็กน้อย
เป็นเพราะแรงที่ผลักดันให้มันลุกขึ้นมาปกป้องเธออย่างนั้นหรือ?
โครินไม่มีเวลาทันได้คิดอะไรเพราะชายหนุ่มคว้ากระเป๋าสัมภาระขึ้นพาดบ่าก่อนจะหันมาเร่งเธออีกครั้ง
\"เร็วสิ\"
เด็กสาวพยักหน้ารับทั้งที่ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ เธอหยิบเสื้อคลุมมาสวม สะพายตะกร้าสมุนไพร ก่อนจะเดินตามชายหนุ่มที่ก้าวยาวๆ นำหน้าออกไปจากถ้ำโดยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น มีหมาป่าสีเงินเดินกะเผลกตามมาเบื้องหลัง...
นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางอย่างที่โครินไม่เคยนึกฝัน...
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เพียงไม่นาน...ทั้งสามก็มาจนถึงทางเดินริมเขาที่เปิดโล่งให้ทอดสายตาลงมองเบื้องล่าง ภาพของลำธารสายเล็กๆ และแมกไม้เขียวขจีแห่งต้นฤดูใบไม้ผลิปรากฏให้เห็น...พร้อมกับบริเวณที่เคยเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านที่บัดนี้ทลายราบด้วยแรงระเบิดซึ่งส่งลูกเพลิงขนาดมหึมามาทำลายล้างทุกสิ่ง...ทิ้งไว้เพียงซากของความสูญเสียในคราบของโครงอาคารที่ไหม้เกรียม...กับเศษซากของสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นร่างกายมนุษย์ซึ่งดำเป็นตอตะโก
โครินหยุดก้าวต่อไป ยืนตะลึงจ้องมองภาพตรงหน้านิ่งราวกับถูกสะกด...ทั้งๆ ที่ไม่เหลือสิ่งใดอยู่อีกแล้วแท้ๆ
ไม่เหลืออีกแล้วหมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบ ไม่เหลืออีกแล้วครอบครัวที่เธอรัก ไม่เหลืออีกแล้วทุกสิ่งที่เธอรู้จักและผูกพันในสถานที่นี้ หมดสิ้น...ทุกสิ่ง
เด็กสาวทรุดลงคุกเข่า...ร้องไห้ออกมาอย่างไม่สนใจกับอะไรอื่นอีก น้ำตาที่รินหลั่งช่วยชำระคราบเขม่าบนแก้มของเธอออกไป หากมันไม่อาจขจัดความรู้สึกเจ็บปวดจากการสูญเสียไปจากหัวใจของเธอได้เลย
ชายหนุ่มอีกผู้หนึ่งกลับทอดสายตามองบริเวณรอบๆ ด้วยสายตาที่ไม่อาจบรรยายความรู้สึกได้ หากกริยาของเขายังนิ่งเฉย...เหมือนกับ...
ทำใจยอมรับได้...อย่างนั้นหรือ?
ไม่ใช่หรอก...\'ชินชา\' แล้วต่างหากกับความสูญเสียที่ไม่เหลือสิ่งใดให้สูญเสียได้อีก
นอกจากชีวิตของตนเท่านั้น...
นาน...นับนาน ก่อนที่เขาจะเอ่ยคำคำหนึ่งออกมา
\"เอรอน...\"
เธอไม่ตอบ...ไม่มีทีท่าเหมือนจะได้ยินด้วยซ้ำ หากเขาก็ผ่อนลมหายใจช้าๆ แล้วพูดต่อไป
\"ในภาษาของ...ที่ที่ข้าจากมา...แปลว่า \'การมีชีวิตอยู่\' \"
โครินหันกลับมามองเขา สายตาของเธอเหมือนกับจะใช้แทนคำพูดถามเขาว่า...ต้องการจะบอกสิ่งใดกับเธอกันแน่
\"เอรอน...เป็นชื่อของข้า\"
สิ่งเดียวเท่านั้นกระมังที่ผู้ให้กำเนิดทิ้งไว้ให้เขา...
การมีชีวิตอยู่ทั้งที่ไม่มีอะไรหลงเหลือสำหรับเขาอีกแล้ว...
\"ข้าก็แค่อยากจะบอกให้เจ้ารู้ ว่าตอนนี้เจ้ายังมีลมหายใจอยู่ ตราบใดที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่...ทุกสิ่งก็ยังไม่สิ้นสุดไม่ใช่หรือ?\"
ใช่แล้ว สำหรับเขาเวลายังคงเวียนผ่าน...ทุกสิ่งยังดำเนินต่อไป...แม้ไม่เหลือสิ่งใดให้รัก...ให้ปกป้อง...
มีเพียงภารกิจเดียวที่ต้องกระทำ...
\"ไปกันเถอะ\"
เพียงคำพูดเท่านั้นก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปอีกทางหนึ่ง...ไม่มีคำปลอบโยนใดๆ ไม่มีแม้มือที่ยื่นส่งมาให้ โครินใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาที่นองหน้าออกก่อนจะลุกขึ้น เดินตามแผ่นหลังของชายหนุ่มผู้เดียวที่พอจะเป็นที่ยึดเหนี่ยวสุดท้ายของเธอไป...ทิ้งเศษซากของความสุขที่สูญสลายไว้เบื้องหลัง
เด็กสาวเพียงแต่เหลียวหลังกลับไปแวบเดียวเท่านั้น...
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
To be continued...
บทที่ 8 - ระหว่างทาง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Magic
แฟลช (Flash)
ประเภทมนต์พื้นฐาน ธาตุแสง ก่อให้เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามตาพร่า
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Character\'s Depth
เอสเทลล่า ซาเรล (Estella Sarel)
ธาตุ: น้ำ
เชื้อสาย: มนุษย์
ถิ่นกำเนิด: ดินแดนเผ่าซอลมาน่า
หมู่เลือด: A
อายุ: 21 ปี
วันเกิด: วันจินน์ที่ 3 เดือนโปเซดอน
ส่วนสูง - น้ำหนัก: 161 ซม. 47 กก.
สีผม - สีตา: ม่วงอ่อน - ฟ้า
อาวุธ: ยาพิษ เข็มเคลือบยาพิษ อาวุธลับอาบยาพิษ
เวทมนตร์ที่ถนัด: สายสภาวะผิดปกติ
ข้อมูลโดยสังเขป: อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของเอลโนอิล ขณะนี้ร่วมมือกับซิลเวนัสในแผนการชุบชีวิตเอลโนอิล แท้จริงแล้ว เอสเทลล่ามาจากเผ่าซอลมาน่าซึ่งเชี่ยวชาญในไสยเวทมนต์ดำ (จึงถูกศาสนจักรกำจัด) เธอทิ้งตำแหน่งจอมเวทย์ประจำเผ่ามาเพื่อรับใช้จอมมารเอลโนอิล เพราะหลงใหลในพลังอำนาจอันมหาศาลของเอลโนอิล เอสเทลล่ามีความเชี่ยวชาญด้านยาพิษต่างๆมากเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมีบุคลิกสบายๆหลอกให้ศัตรูตายใจ เหมาะแก่การสอดแนมอย่างยิ่ง และเธอยังเป็นมิตรที่โอลิเวียไว้ใจคนหนึ่ง
เจ้าของตัวละคร: Mai
เบื้องหลังการออกแบบ: เจ้าของตัวละครเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนผมเองครับ เจอกันในชุมนุมเมื่อปีที่แล้ว เค้าวาดรูปสวยและตัดเส้นเฉียบมากๆ (พยายามดึงเข้าบอร์ดแล้ว ปรากฏเจ้าตัวบอกว่าไม่ว่าง) เค้าออกแบบตัวละครมาให้ผมเป็นสองสาวคู่กัน (เปล่า Y นา ไม่หนับหนุน) คือโอลิเวีย กับเอสเทลล่านั่นเอง รวมทั้งวาดรูปตัวละครทั้งสองตัวนี้ให้ด้วย ผมมีหน้าที่แค่ลงสีอีกเช่นเคยครับ (แต่น้องคนนี้น่ารักมากอุตส่าห์ใช้ดินสอกำหนดสีที่จะให้ผมลงมาในภาพร่างด้วย ไม่ต้องคิดนาน) โดยคอนเซ็ปต์ของเจ้าตัวบอกว่าอยากให้เอสเทลล่าเป็นผู้หญิงที่มีบุคคลิก \"ลื่นไหลเหมือนสายน้ำ\" และใช้อาวุธลับอาบยาพิษ ก็เลยออกมาเป็นแบบนี้ (ปนโรคจิตเล็กๆแฮะ) แต่ก็เข้ากันดีกับโอลิเวียที่ซีเรียสและไม่ค่อยพูด ผมยังเคยคิดเล่นๆ กับเค้าว่าอาหารที่เอสเทลล่าชอบกินน่าจะเป็น \"เห็ดพิษ\" และมีความสามารถขนาดชิมพิษได้ทุกชนิดโดยไม่เป็นอะไร (ก็น่าจะเป็นคนชิมอาหารให้จอมมารเนอะ) พูดง่ายๆก็ \"สาวสารพัดพิษ\" ดีๆ นี่แหละ ^^;;;
Tomorrow
วันพรุ่ง
ความเจ็บปวดกลับคืนมาสู่สำนึกในทันทีที่ลืมตาขึ้น โอลิเวียผุดลุกเร็วเกินไปจนต้องงอตัวลงพร้อมกับครางเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่ชายโครง...ซึ่งได้รับฝากรอยแผลจากชายหนุ่มไร้นามและถูกอาร์เซนิคซ์กระแทกซ้ำเข้าอีกทีหนึ่ง
หลังจากนั่งนิ่งอยู่สักพักความเจ็บปวดจึงทุเลาลง หญิงสาวก้มลงมองสำรวจร่างของตน สิ่งที่คลุมร่างเธออยู่มีเพียงผ้าห่มผืนเดียวเท่านั้น หากบาดแผลของเธอได้รับการใส่ยาและพันผ้าไว้อย่างเรียบร้อย คาดได้ว่าผู้ที่ทำแผลให้ต้องมีความรู้ในด้านนี้พอสมควรทีเดียว
เธอลองมองไปรอบๆ ภายในห้องเล็กที่มืดทึมเพราะผ้าม่านหนาหนักปิดทับหน้าต่างซึ่งมีอยู่เพียงบานเดียว ในห้องจัดแบ่งเป็นมุมวางสิ่งของสารพัดอย่างอันประกอบด้วยเตียงเดี่ยวเสาสูงประดับม่านลูกไม้โปร่งที่เธอนอนอยู่ ตั้งชิดผนังห้องตรงข้ามประตูไม้ ริมผนังด้านหนึ่งมีตู้หนังสือใส่คัมภีร์เวทมนตร์เล่มหนาจนเต็มทุกชั้นวาง ส่วนที่กลางห้องมีโต๊ะเขียนหนังสือขนาดเล็กกับเก้าอี้เข้าชุดกัน...
และที่แปลกตาที่สุดคือกรงสัตว์เล็กบ้างใหญ่บ้างที่วางซ้อนชิดผนังอีกด้านหนึ่งเป็นแถว ข้างในกรงเหล่านั้นมีสัตว์หลากหลายชนิดตั้งแต่แมงมุม แมงป่อง งู คางคก ไปจนถึงพวกหน้าตาประหลาดๆ อย่างนกค็อกคาทริส และงูบาซิลิสก์ซึ่งล้วนแต่เป็นสัตว์มีพิษทั้งนั้น
ที่นี่คือที่ไหน?
และเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?
โอลิเวียกวาดสายตามองหาเสื้อผ้าที่ตนพอจะสวมใส่ได้ไปรอบห้อง แต่เมื่อไม่พบเธอจึงตลบผ้าห่มขึ้นคลุมร่างแทนแล้วลุกขึ้นนั่ง ขบฟันกลั้นอาการเจ็บที่แปลบร้าวตามสีข้างก่อนจะค่อยๆ วางเท้าเปล่าลงบนพื้นไม้...ซึ่งอุ่นอย่างประหลาดเมื่อเท้าสัมผัส
หญิงสาวค่อยๆ ก้าวไปที่โต๊ะซึ่งมีหนังสือเล่มหนึ่งเปิดกางอยู่ ทว่าความรู้สึกวิงเวียนที่เกิดขึ้นในทันใดทำให้เธอเซถลาล้มลงกับพื้น...หากมือข้างหนึ่งยังฉวยขอบโต๊ะไว้เป็นหลักได้ทัน
เธอได้ยินเสียงประตูเปิด...พร้อมกับที่แสงอาทิตย์สีส้มจากด้านนอกส่องเข้ามาเป็นลำทำให้ตาพร่าไปในทันที...
\"ตายจริงโอลิเวีย!!! ลุกขึ้นมาทำไมกัน!?!\" เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นก่อนที่มือนุ่มๆ สองมือจะตรงเข้ามาประคองแขนโอลิเวียให้ลุกขึ้น...กลิ่นหอมจางที่เคยคุ้นอย่างประหลาดโชยมาแตะจมูกของเธอขณะที่เจ้าของเสียงพยุงเธอกลับไปที่เตียง เมื่อได้เอนหลังลงบนพื้นฟูกโอลิเวียเพิ่งมีโอกาสมองเธอให้ชัด...ภาพใบหน้าที่ฉายแววห่วงใยของหญิงสาวผิวคล้ำ ผมสีม่วงอ่อนที่ปรากฏต่อสายตานั้นคือคนที่เธอรู้จัก
\"เอสเทลล่า?...\" โอลิเวียพึมพำด้วยความประหลาดใจ \"เจ้าเองเหรอ? ถ้าอย่างนั้นที่นี่ก็คือ...\"
\"บ้านข้าเอง\" อีกฝ่ายตอบเรียบๆ \"ข้าสิน่าจะถามว่าเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เมื่อวานตอนเช้าข้าจะออกไปเก็บสมุนไพร ก็พบเจ้าบาดเจ็บหมดสติอยู่ในป่า ข้าเลยพาเจ้ามารักษา เจ้าสลบไปวันเต็มๆ เลยทีเดียว\"
\"ไนป่าเหรอ?\" โอลิเวียทวนคำพลางยกมือขึ้นกุมศีรษะกลั้นอาการปวดแปลบในสมองเมื่อพยายามหวนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า \"แล้วข้า...ไปอยู่ที่นั่นได้ยังไงกัน?\"
เอสเทลล่าหรี่ตาอย่างสงสัยก่อนจะดึงเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียง
\"ข้าก็ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนที่ข้าพบเจ้าอยู่ในป่าใกล้บ้านข้ามาก...เหมือนกับมีคนตั้งใจจะให้ข้ามาพบเจ้าแต่แรกยังไงยังงั้น\" หญิงสาวเอ่ยอย่างครุ่นคิด \"ค่อยๆ นึกดูซิโอลิเวีย ว่าก่อนหน้านี้เจ้าไปทำอะไรที่ไหน\"
ก่อนหน้านี้...
\"ข้าตามล่า \'กรีนเซเฟอร์\' ไปจนพบ \'อควาเวล\' อยู่กับเด็กคนหนึ่งในหมู่บ้านเทเซ็น\" โอลิเวียพูดช้าๆ ราวกับจะทวนความจำของตน \"ข้าเกือบจะชิงมันมาได้แล้ว...ถ้าไม่ใช่เพราะมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาขวาง แล้วก็อาร์เซนิคซ์...มันเผาหมู่บ้านเสียวอดวาย แต่ก็ไม่ยอมฆ่าข้า...กลับใช้มนต์ย้ายร่างพาข้าไปด้วย ทำไม...ข้าไม่เข้าใจ\"
\"ข้าก็เดาไม่ออกเลย...\" เอสเทลล่าติงอย่างแปลกใจ \"ว่าคนอย่างอาร์เซนิคซ์จะทำแบบนั้นเพื่ออะไร\"
ข้ายังไม่ฆ่าเจ้าหรอก โอลิเวีย ให้เจ้าตามนายสุดที่รักของเจ้าไปตอนนี้ก็สบายเกินไปน่ะสิ...คำพูดเยาะเย้ยของอาร์เซนิคซ์ที่หมู่บ้านเทเซ็นย้อนกลับมาในห้วงความคิดอีกครั้ง โอลิเวียได้แต่กำมือแน่นเพื่อสะกดอารมณ์โทสะ เมื่อนึกถึงภาพใบหน้าที่มีรอยยิ้มราวกับจะเหยียดหยามไปทุกสิ่งของชายผู้นั้น...ขณะที่มันดึงหน้ากากออกไปจากไปหน้าของเธอ เพราะฉะนั้นข้าขอนี่ไปเป็นมัดจำก็แล้วกัน...
เสียงประตูที่เปิดออกในทันใดนั้นขัดจังหวะการสนทนาของทั้งสอง หญิงสาวทั้งคู่หันไปเห็นเงาร่างหนึ่งยืนขวางแสงแดดอยู่ในทางประตูทำให้ไม่อาจเห็นชัดว่าเป็นใคร
\"ใครกันน่ะ!?\" เอสเทลล่าร้องถามพร้อมกับลุกขึ้นยืน \"เวลาจะเข้าบ้านผู้หญิงก็หัดเคาะประตูซะบ้างสิ\"
ส่วนศีรษะของเงาร่างขยับเล็กน้อยเป็นกริยาเหลียวมองรอบด้าน ก่อนที่สายตาของเขาจะไปหยุดอยู่ที่กรงสัตว์ที่วางเรียงเป็นตั้ง
\"ถ้าไม่บอก...ข้าก็ไม่รู้หรอกว่านี่เป็นบ้านผู้หญิง\" เสียงของชายหนุ่มที่ตอบกลับแฝงรอยประชดนิดๆ \"รกจนงูเงี้ยวเข้ามาอยู่เต็มแบบนี้\"
เอสเทลล่ายิ้มเหยียดๆ เมื่อได้ยินเสียงนั้น เธอลุกขึ้นปลดม่านที่รวบอยู่สองข้างเตียงให้คลุมเตียงที่โอลิเวียเอนพักอยู่ แล้วจึงหันมาสู้หน้าผู้มาเยือน
\"ปิดประตูหน่อยได้มั้ย? เผอิญพวก \'งูเงี้ยว\' ของข้าไม่ค่อยชอบแสงแดดเท่าไหร่\"
เขาทำตามแต่โดยดี เมื่อปราศจากแสงที่ย้อนเข้ามาเบื้องหลังทำให้เอสเทลล่าเห็นภาพของชายหนุ่มผู้ถือกล่องสี่เหลี่ยมใบเล็กอยู่ในมือข้างหนึ่งได้ชัดเจนขึ้น เขามีดวงตาสีดำสนิท กับผมสีน้ำตาลเข้มยาวประมาณคาง สวมผ้าคลุมและหมวกคลุมสีขาวแบบนักบวชทำให้สีหน้าดูอ่อนเยาว์ผิดกับรอยยิ้มชั่วร้ายที่มุมปาก
\"นึกว่าใคร ที่แท้ก็เจ้าลีก้า...นักบวชนอกรีตลูกน้องจอมมารนี่เอง\" หญิงสาวตอบกึ่งประชดเช่นกัน
\"หาว่าผมเป็นคนนอกรีตหรือครับ?\" ใบหน้าของลีก้ายังยิ้มได้โดยไม่เปลี่ยนแปลงกับคำพูดนั้น \"คุณเอสเทลล่าที่มาจากเผ่าซอลมาน่าก็เป็นพวกนอกรีตเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?\"
เอสเทลล่าไม่พูดตอบ แต่ถลึงตาใส่เขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
\"มีธุระอะไรกับพวกเรามิทราบ?\" หญิงสาวถามเสียงขุ่น
ชายหนุ่มยักไหล่น้อยๆ
\"ตัวผมเองน่ะไม่ได้มีธุระอะไรหรอก แต่เจ้านายของผมสิสั่งให้ผมเอา \'ของขวัญ\' มาเยี่ยมไข้คุณโอลิเวียสักหน่อยน่ะครับ\"
\"แหม! ไม่นึกแฮะว่าท่านจอมมารยังอุตส่าห์มีแก่ใจเป็นห่วงข้ารับใช้ผู้ต่ำต้อยกับเขาด้วยนะ\" เอสเทลล่าขึ้นเสียงสูงเหมือนจะประชด \"ว่าแต่ \'ของขวัญ\' ที่ว่านี่มันอะไรกันล่ะ?\"
\"ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะครับ ก็ผมเป็นแค่คนส่งของเท่านั้น\"
เอสเทลล่าแบมือยื่นให้เขา
\"ตอนนี้อาการของโอลิเวียยังไม่ค่อยดี ฝากมาให้ข้าก่อนก็แล้วกัน\"
\"เห็นทีผมคงทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะผมได้รับคำสั่งจากท่านอาร์เซนิคซ์ให้ส่งของขวัญกล่องนี้ให้กับมือของโอลิเวียโดยตรง\"
\"ข้าก็อยู่นี่แล้ว\" โอลิเวียที่อยู่หลังม่านเริ่มทนไม่ได้จึงแทรกขึ้นมา \"ส่งให้เอสเทลล่าไปสิ\"
\"งั้นเหรอครับ...ขอโทษจริงๆ ที่ผมทำแบบนั้นไม่ได้\" ลีก้ายังคงตอบแบบกวนๆ \"ยังไงผมต้องส่งมันให้ถึงมือของคุณโดยตรงนะครับ ท่านจอมมารอุตส่าห์กำชับผมมา\"
\"ข้าว่าอย่าเสี่ยงดีกว่านะโอลิเวีย\" เอสเทลล่าพยายามเตือน \"มันอาจจะเป็นกับดักก็ได้\"
\"เอามาเถอะ\" โอลิเวียพูดอย่างหนักแน่น \"ถ้าหากข้าไม่ยอมรับ \'ของขวัญ\' อะไรนี่ เจ้าก็จะอยู่กวนประสาทเราต่อไปใช่ไหม?\"
\"ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ขอมือของคุณหน่อยสิครับ\"
โอลิเวียชันกายขึ้นนั่ง ยื่นมือข้างหนึ่งออกมาจากรอยแยกของผ้าม่าน แต่ลีก้ากลับกระแอม
\"อ่า...ท่านจอมมารบอกให้ผมส่งให้ \'มือซ้าย\' ของคุณนะ\"
\"เรื่องมากจริงๆ\" เอสเทลล่าแอบบ่นเบาๆ
โอลิเวียชักมือขวากลับไปก่อนจะยื่นมือซ้ายออกมาแทน คราวนี้เธอกระชากกล่องใบนั้นออกมาจากมือของนักบวชหนุ่มแทบจะในทันที
\"เท่านี้เจ้าก็กลับไปได้แล้วใช่ไหม?\"
ลีก้าผงกศีรษะรับ
\"เมื่อหมดหน้าที่แล้วผมคงต้องขอตัวกลับไปรายงานท่านจอมมารก่อนนะครับ\"
\"รีบๆ ไปซะได้ก็ดีเพราะแถวนี้ไม่ค่อยมีใครเขาอยากจะต้อนรับเจ้านักหรอก\" เอสเทลล่าแขวะ
ลีก้ายักไหล่น้อยๆ อย่างไม่ใส่ใจกับคำพูดนั้นนัก...ก่อนจะกลับหลังหันเดินไปเปิดประตู แต่ก่อนจะจากไปกลับชะงักอยู่ครู่หนึ่งแล้วเหลียวกลับมาอีกครั้ง
\"อ๋อใช่...ผมเกือบลืม ท่านอาร์เซนิคซ์ฝากคำพูดมาถึงคุณโอลิเวียด้วยนะครับ ท่านว่าหน้าของคุณโอลิเวียน่ะสวยออก ไม่เข้าใจว่าจะใส่หน้ากากปิดไม่ให้คน...เอ่อ...ปีศาจเห็นทำไมล่ะครับ เท่านี่แหละ\"
\"เจ้า!!\" โอลิเวียอุทานอย่างโกรธเคือง สีก้าเพียงแต่ทำสีหน้าเยาะ (แบบจอมมารอาร์เซนิคซ์) อยู่แวบหนึ่งก่อนจะรีบเดินออกไปแล้วปิดประตูลง ทิ้งหญิงสาวที่โกรธจนหน้าชาอยู่กับเอสเทลล่าเพียงสองคนอีกครั้ง
\"ทรามพอกันทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง!\" เอสเทลล่าด่ากระทบประตูที่ปิดสนิท ก่อนจะหันมารวบเก็บม่านที่สองข้างเตียง...เผยให้เห็นโอลิเวียที่กำลังจ้องมองกล่องใบเล็กในมือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
\"ข้าว่าทิ้งมันไปจะดีกว่านะ...โอลิเวีย อย่าเสี่ยงเลย เราไม่รู้ว่าอาร์เซนิคซ์จะมาไม้ไหน\"
\"แล้วให้มันมาเยาะเย้ยความขี้ขลาดของข้าในทีหลังเหรอ?\" โอลิเวียย้อน \"ข้าจะเปิดดู...จะได้รู้เสียทีว่าเจ้านั่นมันคิดจะเอาอะไรกับข้ากันแน่\"
หญิงสาวเปิดฝากล่องใบเล็กออกดู...โดยมีเอสเทลล่าคอยระวังอยู่ห่างๆ หากว่าจะเกิดอะไรขึ้น
โอลิเวียขมวดคิ้วมองอยู่ครู่หนึ่ง...ก่อนที่เธอจะขว้างกล่องใบนั้นลงบนพื้นอย่างแรง
เพียงสิ่งเดียวที่กระเด็นออกมาคือหน้ากากหนังสีดำ...
เอสเทลล่าก้มลงเก็บมันขึ้นมา ทีแรกเธอยังไม่เข้าใจว่าแค่ \'หน้ากาก\' ที่ถูกส่งคืนมาทำไมจึงทำให้โอลิเวียโกรธเคืองได้ปานนั้น แต่เมื่อเธอพลิกกล่องที่ตะแคงอยู่บนพื้นขึ้นมาดูแล้วจึงได้เห็นอีกสิ่งหนึ่งที่ติดอยู่กับก้นกล่อง...ซากของสัตว์ชนิดหนึ่งที่แหลกเหลวจนแทบมองไม่ออกว่าเป็นสัตว์ชนิดใด หากไม่ทันสังเกตกระจุกขนนกที่ติดมาด้วย
\"นี่มัน...\"
\"นกที่ข้าใช้ส่งสารถึงท่านซิลเวนัส!!\" โอลิเวียพูดอย่างเดือดดาล \"มิน่า...อาร์เซนิคซ์ถึงได้รู้ว่าอควาเวลอยู่ที่ไหน!! ข้านี่โง่จริง!!\"
\"ใจเย็นๆ ก่อนเถอะ\" เอสเทลล่าติง
\"มันได้นกตัวนี้มาจากไหน?!...ก็ข้าส่งมันไปที่หอคอยของท่านซิลเวนัสนี่!!!\"
หญิงสาวผมสีม่วงอ่อนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแปลกๆ
\"หวังว่าคงไม่ใช่อย่างที่ข้าคิดหรอกนะ...\"
โอลิเวียจ้องมองเธอเหมือนกับจะถามด้วยสายตา เอสเทลล่าจึงพูดต่อเบาๆ
\"อาจจะมีหนอนบ่อนไส้อยู่ในกลุ่มพวกเราก็ได้\"
คำตอบนี้ทำเอาคู่สนทนาตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
\"ข้าก็ไม่อยากคิดอย่างนั้นหรอกโอลิเวีย แต่หมู่นี้ดูเหมือนอาร์เซนิคซ์จะรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเราอยู่ตลอด...รู้ดีเกินไปเสียด้วย คนของอาร์เซนิคซ์ไม่ว่าจะมีพลังเวทแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่มีทางผ่านอาณาเขตที่ท่านซิลเวนัสกั้นไว้ได้แน่ อาร์เซนิคซ์ก็คงไม่มีวันยอมลดตัวลงมาทำงานสกปรกแบบนี้ด้วยตัวเอง หมายความว่าต้องมี \'คนใน\' ฝ่ายเราที่เป็นสายให้กับมัน\"
โอลิเวียผลุนผลันลุกขึ้น หากเอสเทลล่ารีบมาขวางเอาไว้เสียก่อน
\"คิดจะไปไหนน่ะโอลิเวีย!?\"
\"ข้าจะไปลากตัวไอ้คนทรยศนั่นมาฆ่าซะให้สาสม!!\"
\"อย่าเพิ่งบุ่มบ่ามสิ\" หญิงสาวผมสีม่วงอ่อนติง \"ตอนนี้เรายังไม่มีหลักฐานยืนยันว่า \'ใคร\' เป็นคนทรยศ และเราจะทำอะไรโดยพลการโดยที่ไม่มีคำสั่งของท่านซิลเวนัสไม่ได้ มีทางเดียวคือต้องรอ...\"
\"แต่กว่าจะถึงตอนนั้นมันอาจจะสายไปแล้วก็ได้\" โอลิเวียพูดอย่างขมขื่น
\"พวกนกสองหัวไม่เคยอยู่ได้นานหรอก ถึงเราจะไม่กำจัดมัน...ทางนั้นก็ต้องเป็นฝ่ายกำจัดมันอยู่ดี คนอย่างจอมมารอาร์เซนิคซ์ถ้าหากได้ข้อมูลที่ต้องการแล้ว...ข้าคิดว่าเมื่อหมดผลประโยชน์มันต้องไม่ปล่อยคนคนนั้นเอาไว้แน่\"
หญิงสาวผมแดงพยายามนิ่งฟัง...แม้ในดวงตาของเธอจะยังมีแววแค้นฝังลึกอย่างยากจะลืมเลือน เอสเทลล่าแตะไหล่เธอเหมือนกับจะปลอบโยน
\"ในตอนนี้ข้าว่าเจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะไปรายงานท่านซิลเวนัสเอง หลังจากอาการของเจ้าดีขึ้นแล้วเราค่อยมาว่ากันอีกที\"
โอลิเวียจำใจเอนหลังลงนอนอีกครั้ง เอสเทลล่าหันมาคว้ากล่องที่ยังมีซากนกอยู่ข้างในเดินไปที่กรงของพวกสัตว์ เธอเปิดฝากรงที่มีบาซิลิสก์...งูมีหงอนคล้ายกิ้งก่าหน้าตาประหลาดขนาดปานกลางสองตัวที่เลิ้อยชนกันไปมาเพราะมีผ้าคาดปิดตาจนมองไม่เห็นทาง กลิ่นของเนื้อใกล้เน่าทำให้ทั้งสองตัวพยายามดุนจมูกขึ้นหาฝากรงทันที หญิงสาวคว่ำกล่องเขย่าสองสามครั้ง ซากนกก็หล่นปุลงไปให้งูทั้งสองแย่งกันฉีกกินอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีสายตาของนกค็อกคาทริสในกรงข้างๆ มองมาอย่างเสียดาย
\"ข้าจะไปพบท่านซิลเวนัสก่อนนะ\" เธอหันมาร้องบอกโอลิเวีย \"ตอนนี้พักผ่อนไปก่อน ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น พอรายงานกับท่านซิลเวนัสเสร็จแล้วข้าจะรีบกลับมา\"
เสียงฝีเท้าเงียบหายไปพร้อมกับเสียงประตูที่เปิดขึ้นและปิดลง ทิ้งโอลิเวียให้นอนลืมตาโพลงอยู่ลำพัง
หญิงสาวยกมือซ้ายขึ้นมองรอยแผลเป็นยาวเหมือนถูกของมีคมกรีดบนข้อมือ...ที่เมื่อก่อนอยู่ภายใต้ถุงมือมาโดยตลอด สายตาของเธอยังเรียบเฉย ความเคียดแค้นทั้งมวล...ความโศกเศร้าทั้งหมดถูกซ่อนลึกไว้เบื้องหลังดวงตาสีน้ำตาลเข้มด้านชา...ดุจดังหน้ากากที่สวมทับไว้อีกชั้นหนึ่ง
\"ท่านเอลโนอิล...\" หญิงสาวกระซิบแผ่วเบา เพียงคำพูดเดียวเท่านั้น...ที่ไม่อาจถ่ายทอดความรู้สึกของเธอได้หมดสิ้น
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
\"โคริน...ตามพี่มาเร็วสิ\" เด็กชายผมสีดำที่อยู่เบื้องหน้าร้องเรียกก่อนจะวิ่งนำออกไป เด็กหญิงพยายามจะวิ่งตาม...หากยิ่งวิ่งเร็วขึ้นเท่าใดกลับดูเหมือนเขาจะยิ่งห่างออกไปเท่านั้น
\"พี่ซาอิ...เดี๋ยวสิพี่จ๋า รอโครินด้วย!!\"
\"เร็วสิโคริน...เร็วๆ สิ...\" เสียงหัวเราะของซาอิเหมือนจะเร่งเร้า
\"พี่ซาอิจะไปไหน? รอโครินด้วยสิ โครินไม่ไหวแล้ว...\"
เด็กหญิงทรุดลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน น้ำใสๆ เริ่มรินออกมาจากดวงตากลมโตที่เหลียวมองหาเด็กชายผู้พี่ไปทุกทิศทาง
ทว่าไม่พบแม้แต่เงา...
\"พี่ซาอิอย่าทิ้งโครินไว้แบบนี้สิ พี่ซาอิอยู่ที่ไหน? พี่ซาอิ...\"
ไร้วี่แวว...สิ่งเดียวที่เธอทำได้มีเพียงคุกเข่าร้องไห้เท่านั้น
\"นี่...\" เสียงเสียงหนึ่งดังแว่วเพียงแผ่วเหมือนกับอยู่ห่างออกไปแสนไกล ก่อนที่เด็กหญิงจะรู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งกุมมือของเธอเอาไว้...ช่วยให้รู้สึกโล่งอกอย่างท่วมท้น
\"พี่ซาอิ...พี่ซาอิใช่มั้ยจ๊ะ?...พี่...\"
เธอบีบมืออันอบอุ่นนั้นไว้แน่น...ให้รู้สึกอุ่นใจว่าอย่างน้อยเธอมิได้อยู่เพียงลำพัง ยังมีอีกคนหนึ่งที่คอยอยู่เคียงข้างและปกป้องเธอ...ณ ที่นี่...ตอนนี้...
\"นี่...\"
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โครินลืมตาขึ้น...สบตากับดวงตาสีฟ้าที่มีเพียงความรู้สึกเรียบเฉยของชายหนุ่มอย่างประหลาดใจ เด็กสาวรีบชักมือกลับก่อนจะเบือนหน้าหลบ ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
\"ดูเหมือนเจ้าจะฝันร้าย ข้าก็เลยปลุกขึ้นมา\" น้ำเสียงของชายหนุ่มยังราบเรียบราวกับไม่รู้สึกอะไรสักนิด เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวยาวๆ ไปยังมุมที่วางสัมภาระ โครินนั่งก้มหน้านิ่งเพื่อซ่อนสีแดงเรื่อบนสองข้างแก้ม สองมือได้แต่บีบเสื้อคลุมที่ห่มอยู่ด้วยความรู้สึกละอาย เธอไม่รู้ตัวเลยว่าผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไร แถมยังนอนพิงไหล่กับกุมมือของชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นไว้แน่นเสียด้วย
หมาป่าสีเงินใช้จมูกดุนมือเธอเบาๆ เหมือนกับเป็นคำทักทายอรุณสวัสดิ์ เด็กสาวจึงลูบหัวมันแทนการตอบด้วยวาจา ท่าทางของมันดูสดชื่นขึ้นมาก..แม้ดูเหมือนแผลที่ขาจะยังไม่หายดีก็ตาม
แล้วแผลของผู้ชายคนนั้นล่ะ?
\"คุณ...เอ่อ...อาการเป็นยังไงบ้างคะ?\" เด็กสาวเงยหน้าขึ้นถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ เห็นชายหนุ่มกำลังค้นหาบางสิ่งในกระเป๋า
\"ได้เจ้าใช้อควาเวลรักษาให้ก็หายดีแล้วนี่\" เขาตอบโดยไม่หันมามอง
\"ล...แล้วคุณตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่?\"
\"น่าจะเป็นตอนเช้ามืด...ประมาณหนึ่งหรือสามยามก่อนหน้านี้ได้กระมัง\"
ชายหนุ่มค้นในกระเป๋าจนพบสิ่งหนึ่งแล้วถือมันกลับมานั่งลงใกล้ๆ กับโคริน...ซึ่งเห็นได้ว่ามันคือห่อกระดาษสีน้ำตาลเหลืองขนาดย่อม
เขาคลี่กระดาษห่อออกก่อนจะส่งของสิ่งหนึ่งที่มีลักษณะเป็นแผ่นแข็งสีน้ำตาลเข้มให้เธอ
\"กินสิ\" ชายหนุ่มสั่งสั้นๆ
โครินมองสิ่งที่ดูคล้ายกับเปลือกไม้แห้งในสายตาของเธออย่างหวาดๆ
\"อะไรเหรอคะนั่น?\"
\"เนื้อแห้ง...อาจจะแข็งไปหน่อย แต่ของกินข้ามีอยู่เท่านี้\"
\"ฉันไม่หิวค่ะ\" โครินตอบตามจริง \"คุณกินไปเถอะ\"
\"ถึงไม่อยากกินก็น่าจะกินเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นจะไปเอาแรงที่ไหน\" เสียงของเขาเหมือนกับจะดุ \"เจ้าไม่ได้กินอะไรมาเป็นวันแล้วไม่ใช่หรือ?\"
เด็กสาวจำใจรับเนื้อแห้งชิ้นนั้นมา...บังคับตนเองให้กัดไปคำหนึ่ง เคี้ยวเหมือนกับไม่รู้รสชาติก่อนจะกลืนลงคออย่างฝืดเฝือ ลิ้นของเธอแทบไม่รู้รสอะไรเลยด้วยซ้ำ ลักษณะกับกลิ่นคาวแปลกๆ ของเนื้อแห้งทำให้เธอรู้สึกพะอืดพะอมจนทนไม่ไหว เหมือนกับจะยิ่งตอกย้ำให้นึกถึงภาพของร่างหงิกงอที่ถูกย่างสด...กับกลิ่นไหม้ของเนื้อหนัง...
แต่ดูเหมือนชายหนุ่มที่เพิ่งผ่านสถานการณ์เดียวกันกับเธอมาหมาดๆ จะไม่รู้สึกอะไรแบบเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะเขาคว้าเนื้อแห้งอีกชิ้นขึ้นมากัดคำโตเคี้ยวกร้วมๆ สีหน้าสีตาก็ดูเฉยเมยเหมือนเดิมไม่มิผิด
โครินทนกินไปได้แค่สี่ห้าคำก็ต้องส่งชิ้นเนื้อคืนให้กับเขา
\"ฉัน...กินไม่ลง...จริงๆ\"
ชายหนุ่มรับเนื้อแห้งชิ้นนั้นคืนมาอย่างเงียบๆ ก่อนจะวางลงตรงหน้า.หมาป่าสีเงิน มันขยับจมูกดมชิ้นเนื้ออยู่ครู่หนึ่ง แล้วเริ่มกัดแทะอย่างหิวโหย
\"ในเมื่อ \'เจ้านาย\' แกไม่กินก็เอาไปแล้วกัน\" เด็กสาวได้ยินเขาพึมพำเบาๆ ก่อนจะคว้าถุงหนังใส่น้ำส่งให้เธอ โครินมองท่าทีของเขาอย่างประหลาดใจ
\"ไม่หิวน้ำเหรอ?\"
\"ข...ขอบคุณค่ะ\" เด็กสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับรีบรับถุงน้ำมาจากเขา แต่ชายหนุ่มก็ทำเป็นไม่สนใจแล้วหันไปกินเนื้อแห้งส่วนของตนต่อ
โครินดื่มน้ำล้างคอไปเพียงสองสามอึกก็วางถุงหนังลงข้างผนังหิน นั่งกอดเข่าเหม่อมองออกไปด้านนอก แสงอาทิตย์อ่อนๆ ที่ส่องรำไรเข้ามาจากปากถ้ำบ่งบอกว่านี่เป็นยามเช้าตรู่...
เธออดสงสัยไม่ได้ว่านี่เป็นเช้าของวันที่หนึ่งหรือวันที่สองกันนะ...
หลังจาก...
โครินกลืนก้อนแข็งๆ ที่ขึ้นมาจุกคอลงไปอย่างฝืดเฝือ
ทุกสิ่งไม่ได้เป็นเพียงความฝันอย่างที่เธอหวังให้เป็นเลย...
แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไปเล่า? เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว ญาติเพียงคนเดียวที่ยังเหลืออยู่บัดนี้ก็อยู่ห่างออกไปแสนไกล...ไกลจนกระทั่งไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อใด
\"แล้วเจ้า...คิดไว้หรือยังว่าจะทำอะไรต่อไป\" เสียงถามของชายหนุ่มทำให้โครินหันกลับมาหาเขาอีกครั้ง ปรากฏว่าเนื้อแห้งที่ชิ้นใหญ่พอดูหมดไปแล้วเรียบร้อย
เด็กสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ
\"ถึงยังไงเจ้าคงจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ เพราะพวกปีศาจที่อยากได้ \'อควาเวล\' ต้องกลับมาหาตัวเจ้าอีกแน่ๆ\" เขาพูดต่อด้วยเสียงเรียบๆ แต่ในความรู้สึกของโครินเหมือนกับจะยิ่งตอกย้ำให้นึกถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น \"ยิ่งเจ้าเก็บมันไว้กับตัวก็มีแต่จะทำให้ตัวเองเป็นอันตรายเท่านั้น\"
เด็กสาวหยิบผลึกที่ร้อยติดกับสร้อยขึ้นมาจ้องมอง กระแสพลังสีฟ้าภายในยังคงหมุนช้าๆ อย่างอ้อยอิ่ง...ดูราวกับมีชีวิตซ่อนอยู่
ทว่ามันก็เป็นเพียงแค่สิ่งของชิ้นหนึ่งเท่านั้น...สิ่งของที่ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยว่ามันเป็นต้นเหตุก่อให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ทั้งการทำลายล้าง...ความสูญเสีย...
แต่ในบางขณะมันกลับช่วยชีวิตเธอ...และชายหนุ่มคนนี้เอาไว้
แล้วมัน...เป็นสิ่งที่ดีหรือเลวร้ายกันแน่เล่า?
\"คุณจะบอกให้ฉันส่งมันให้คุณ...ใช่มั้ยล่ะ?\" เด็กสาวดักทางเขา
\"ข้าไม่ได้บอกว่าจะเอา \'อควาเวล\' ไปเฉยๆ สักหน่อย\" ชายหนุ่มพยายามแย้งอย่างใจเย็น \"เอาอย่างนี้...คิดเสียว่าเป็นค่าตอบแทนก็แล้วกัน ข้าจะพาเจ้าไปส่ง...ในที่ที่ปลอดภัย หลังจากนั้นข้าจะขอ \'อควาเวล\' จากเจ้าแล้วแยกทางไป ถ้าเป็นอย่างนี้เราก็ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายไม่ใช่หรือ\"
ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย...โครินสะกดอารมณ์ที่พลุ่งขึ้นมาในใจ นี่มันการหาประโยชน์จากคนที่ไม่มีทางเลือกชัดๆ...
\"แล้วฉัน...ยังจะมีทางเลือกอื่นอีกเหรอ?\" เธอพยายามกดเสียงให้เรียบ
ใช่สิ...ก็เธอไม่มีทางเลือกแล้วนี่ พ่อกับแม่ก็ตายไปแล้ว หมู่บ้านก็พังพินาศย่อยยับ ไม่มีที่จะให้เธอไปได้อีก เว้นเสียแต่...
\"ข้าไม่ได้บังคับเจ้านะ\"
ไม่ได้บังคับก็เหมือนถูกบังคับนั่นแหละ...
ชายหนุ่มจับตามองทีท่าของเด็กสาวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
\"ว่ายังไง...ตกลงเจ้าคิดจะไปที่ไหนกันล่ะ\"
โครินนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบเบาๆ
\"มาจิเซีย...\"
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไป แต่เธอไม่ทันสังเกตเห็น
\"มาจิเซีย...เหรอ?\"
\"พี่ชายฉัน...ตอนนี้ไปสอบที่มาจิเซีย\" เด็กสาวพูดต่อ \"แต่พี่...ก็ไม่ได้ติดต่อมานานแล้ว\"
\"มาจิเซีย...เห็นทีคงจะไปลำบากอยู่ เพราะตอนนี้คงจะเดินทางผ่านอาร์โคเซียไม่ได้ ต้องอ้อมลงทางฟานฟาร่า แล้วไปขึ้นเรือที่มอร์ติกาอีกที...ถึงจะเสียเวลาไปบ้างแต่ก็ปลอดภัยกว่า หรือเจ้าว่ายังไง?\"
โครินนิ่งฟังโดยไม่คัดค้านอะไร เขาจึงถามย้ำอีกครั้ง
\"เป็นอันว่าตกลงใช่ไหม?\"
ก็มันเป็นทางเดียวที่จะพาเธอไปหาพี่ชายได้มิใช่หรือ?
เด็กสาวพยักหน้ารับในที่สุด ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวยาวๆไปคว้าเสื้อกับผ้าคลุมมาสวมแล้วพูดขึ้น
\"ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปกันเถอะ\"
\"เร็วขนาดนี้เชียวเหรอคะ!?\" โครินอุทานอย่างตกใจ
\"พวกเราต้องรีบออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด...ก่อนที่พวกปีศาจจะกลับมาอีก เจ้าคงไม่คิดว่าพบทั้ง \'อควาเวล\' กับ \'กรีนเซเฟอร์\' แล้ว พวกมันจะยอมปล่อยไปง่ายๆ หรอกนะ\"
\"แต่ว่า...\" เด็กสาวเหลือบมองหมาป่าสีเงินที่นั่งหมอบอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเป็นกังวล \"แล้ว...เค้าล่ะคะ? ขาของเค้ายังไม่หายดีเลย ถ้าหาก...\"
\"หมาป่านั่น...ถ้าหากไปไม่ไหวจริงๆพวกเราก็ต้องทิ้งมันไว้\"
โครินผุดลุกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
\"ไม่ได้นะ!!!\" เธอร้อง \"คุณก็เห็นนี่นาว่าเค้ายังเดินไม่ได้ด้วยซ้ำ!! ถ้าทิ้งเค้าไว้ที่นี่ก็เท่ากับทิ้งเค้าไว้ให้ตายน่ะสิ!!!\"
\"แล้วเจ้าคิดว่าข้า...ไม่ใช่สิ...\'พวกเรา\' จะพามันไปได้ตลอดเหรอ?\" ชายหนุ่มแย้งเสียงเรียบๆ \"ขอพูดตามตรงเถอะนะ...ว่าข้าไม่ใช่คนที่จะลุกขึ้นมาปกป้องคนอื่นได้ตลอดเวลา แค่ดูแลคนชอบหาเรื่องใส่ตัวอย่างเจ้าแค่คนเดียวก็เต็มกลืนแล้ว\"
คำพูดที่เหมือนจะแสดงความเห็นแก่ตัวออกมาทำให้อารมณ์ของโครินปะทุขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
\"ก็ไม่เห็นจำเป็นที่คุณต้องมาดูแลฉันเลยนี่!!!\" เธอเถียง \"ไปสิ!!! คุณจะไปไหนก็ไป!!! ฉันจะอยู่กับเค้าที่นี่เอง!!! คุณไม่ต้องมา...\"
ชายหนุ่มไม่พูดอะไรตอบแต่กลับชักดาบออกมา โครินชะงักค้างเมื่อเห็นปลายดาบที่จ่อห่างจากทรวงอกของตนเพียงไม่กี่นิ้ว หมาป่าสีเงินเริ่มคำรามขู่ทันที
\"อย่าได้คิดว่าข้าทำทุกอย่างเพื่อเจ้านะ...\" เขาเอ่ยเสียงเย็น \"ข้าบอกแล้ว...ว่าสิ่งที่ข้าตามหาคือพลอยมนตราทั้งเจ็ดที่เจ้าบังเอิญครอบครองอยู่เท่านั้น ข้าจะปล่อยให้มันตกเป็นของเผ่าปีศาจ...หรือใครอื่นไม่ได้\" ดวงตาสีฟ้าบัดนี้คมกริบเป็นประกายชวนให้เด็กสาวนึกถึงอีกสายตาของนักล่าผู้มีดวงตาสีแดงฉาน...\"ถ้าหากจำเป็นจริงๆ ข้าจะไม่สนชีวิตของเจ้าเลยสักนิด ข้าจะฆ่าเจ้าแล้วเอาอควาเวลไปก็ยังได้!!\"
ปลายดาบเสือ.กตรงมาด้านหน้า สัญชาตญาณบอกให้โครินก้าวถอยไปพร้อมกับหลับตาลง ทว่าคมดาบหาได้ต้องร่างของเธอไม่ เสียงคำรามของหมาป่าสีเงินดังขึ้นอีกครั้งในขณะที่เด็กสาวรู้สึกถึงแรงลมที่พุ่งผ่านไปเพียงครู่ เมื่อเธอลืมตาขึ้น...ก็เห็นหมาป่าสีเงินที่กระโจนขึ้นคร่อมร่างชายหนุ่มไว้ เขี้ยวขาวแสยะพร้อมจะฝังลงไปได้ทุกเมื่อ แต่ชายหนุ่มกลับไม่มีสีหน้าแปลกใจแม้แต่น้อย เขาเพียงแต่ยกแขนขึ้นปล่อยวงแสงสว่างวาบกลางฝ่ามือ...จนแม้แต่โครินที่อยู่ห่างออกมายังรู้สึกแสบตาจนต้องยกมือขึ้นบัง
เมื่อแสงจางลง...การณ์กลับเปลี่ยนไป หมาป่าสีเงินขณะนี้ถอยมายืนคำรามอยู่ชิดผนังถ้ำ...โดยมีชายหนุ่มถือดาบคุมเชิงอยู่
\"อย่านะ!!!\" เด็กสาวกรีดร้อง ทว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อมาก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดคิด ชายหนุ่มเก็บดาบเข้าฝัก ส่วนหมาป่าสีเงินกลับเงียบเสียงลง เขาหันมามองโครินที่ยังตกตะลึงด้วยสายตาเฉยเมยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
\"เก็บของของเจ้าสิ เราจะออกเดินทางกันแล้ว\" เขาพูดเรียบๆ \" \'หมาป่า\' ของเจ้าก็เดินได้แล้วนี่\"
เธอจ้องมองหมาป่าสีเงินอย่างประหลาดใจ ขณะนี้มันยืนได้แล้วจริงๆ...ถึงแม้ขาข้างที่บาดเจ็บจะยังสั่นอยู่เล็กน้อย
เป็นเพราะแรงที่ผลักดันให้มันลุกขึ้นมาปกป้องเธออย่างนั้นหรือ?
โครินไม่มีเวลาทันได้คิดอะไรเพราะชายหนุ่มคว้ากระเป๋าสัมภาระขึ้นพาดบ่าก่อนจะหันมาเร่งเธออีกครั้ง
\"เร็วสิ\"
เด็กสาวพยักหน้ารับทั้งที่ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ เธอหยิบเสื้อคลุมมาสวม สะพายตะกร้าสมุนไพร ก่อนจะเดินตามชายหนุ่มที่ก้าวยาวๆ นำหน้าออกไปจากถ้ำโดยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น มีหมาป่าสีเงินเดินกะเผลกตามมาเบื้องหลัง...
นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางอย่างที่โครินไม่เคยนึกฝัน...
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เพียงไม่นาน...ทั้งสามก็มาจนถึงทางเดินริมเขาที่เปิดโล่งให้ทอดสายตาลงมองเบื้องล่าง ภาพของลำธารสายเล็กๆ และแมกไม้เขียวขจีแห่งต้นฤดูใบไม้ผลิปรากฏให้เห็น...พร้อมกับบริเวณที่เคยเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านที่บัดนี้ทลายราบด้วยแรงระเบิดซึ่งส่งลูกเพลิงขนาดมหึมามาทำลายล้างทุกสิ่ง...ทิ้งไว้เพียงซากของความสูญเสียในคราบของโครงอาคารที่ไหม้เกรียม...กับเศษซากของสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นร่างกายมนุษย์ซึ่งดำเป็นตอตะโก
โครินหยุดก้าวต่อไป ยืนตะลึงจ้องมองภาพตรงหน้านิ่งราวกับถูกสะกด...ทั้งๆ ที่ไม่เหลือสิ่งใดอยู่อีกแล้วแท้ๆ
ไม่เหลืออีกแล้วหมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบ ไม่เหลืออีกแล้วครอบครัวที่เธอรัก ไม่เหลืออีกแล้วทุกสิ่งที่เธอรู้จักและผูกพันในสถานที่นี้ หมดสิ้น...ทุกสิ่ง
เด็กสาวทรุดลงคุกเข่า...ร้องไห้ออกมาอย่างไม่สนใจกับอะไรอื่นอีก น้ำตาที่รินหลั่งช่วยชำระคราบเขม่าบนแก้มของเธอออกไป หากมันไม่อาจขจัดความรู้สึกเจ็บปวดจากการสูญเสียไปจากหัวใจของเธอได้เลย
ชายหนุ่มอีกผู้หนึ่งกลับทอดสายตามองบริเวณรอบๆ ด้วยสายตาที่ไม่อาจบรรยายความรู้สึกได้ หากกริยาของเขายังนิ่งเฉย...เหมือนกับ...
ทำใจยอมรับได้...อย่างนั้นหรือ?
ไม่ใช่หรอก...\'ชินชา\' แล้วต่างหากกับความสูญเสียที่ไม่เหลือสิ่งใดให้สูญเสียได้อีก
นอกจากชีวิตของตนเท่านั้น...
นาน...นับนาน ก่อนที่เขาจะเอ่ยคำคำหนึ่งออกมา
\"เอรอน...\"
เธอไม่ตอบ...ไม่มีทีท่าเหมือนจะได้ยินด้วยซ้ำ หากเขาก็ผ่อนลมหายใจช้าๆ แล้วพูดต่อไป
\"ในภาษาของ...ที่ที่ข้าจากมา...แปลว่า \'การมีชีวิตอยู่\' \"
โครินหันกลับมามองเขา สายตาของเธอเหมือนกับจะใช้แทนคำพูดถามเขาว่า...ต้องการจะบอกสิ่งใดกับเธอกันแน่
\"เอรอน...เป็นชื่อของข้า\"
สิ่งเดียวเท่านั้นกระมังที่ผู้ให้กำเนิดทิ้งไว้ให้เขา...
การมีชีวิตอยู่ทั้งที่ไม่มีอะไรหลงเหลือสำหรับเขาอีกแล้ว...
\"ข้าก็แค่อยากจะบอกให้เจ้ารู้ ว่าตอนนี้เจ้ายังมีลมหายใจอยู่ ตราบใดที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่...ทุกสิ่งก็ยังไม่สิ้นสุดไม่ใช่หรือ?\"
ใช่แล้ว สำหรับเขาเวลายังคงเวียนผ่าน...ทุกสิ่งยังดำเนินต่อไป...แม้ไม่เหลือสิ่งใดให้รัก...ให้ปกป้อง...
มีเพียงภารกิจเดียวที่ต้องกระทำ...
\"ไปกันเถอะ\"
เพียงคำพูดเท่านั้นก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปอีกทางหนึ่ง...ไม่มีคำปลอบโยนใดๆ ไม่มีแม้มือที่ยื่นส่งมาให้ โครินใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาที่นองหน้าออกก่อนจะลุกขึ้น เดินตามแผ่นหลังของชายหนุ่มผู้เดียวที่พอจะเป็นที่ยึดเหนี่ยวสุดท้ายของเธอไป...ทิ้งเศษซากของความสุขที่สูญสลายไว้เบื้องหลัง
เด็กสาวเพียงแต่เหลียวหลังกลับไปแวบเดียวเท่านั้น...
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
To be continued...
บทที่ 8 - ระหว่างทาง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Magic
แฟลช (Flash)
ประเภทมนต์พื้นฐาน ธาตุแสง ก่อให้เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามตาพร่า
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Character\'s Depth
เอสเทลล่า ซาเรล (Estella Sarel)
ธาตุ: น้ำ
เชื้อสาย: มนุษย์
ถิ่นกำเนิด: ดินแดนเผ่าซอลมาน่า
หมู่เลือด: A
อายุ: 21 ปี
วันเกิด: วันจินน์ที่ 3 เดือนโปเซดอน
ส่วนสูง - น้ำหนัก: 161 ซม. 47 กก.
สีผม - สีตา: ม่วงอ่อน - ฟ้า
อาวุธ: ยาพิษ เข็มเคลือบยาพิษ อาวุธลับอาบยาพิษ
เวทมนตร์ที่ถนัด: สายสภาวะผิดปกติ
ข้อมูลโดยสังเขป: อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของเอลโนอิล ขณะนี้ร่วมมือกับซิลเวนัสในแผนการชุบชีวิตเอลโนอิล แท้จริงแล้ว เอสเทลล่ามาจากเผ่าซอลมาน่าซึ่งเชี่ยวชาญในไสยเวทมนต์ดำ (จึงถูกศาสนจักรกำจัด) เธอทิ้งตำแหน่งจอมเวทย์ประจำเผ่ามาเพื่อรับใช้จอมมารเอลโนอิล เพราะหลงใหลในพลังอำนาจอันมหาศาลของเอลโนอิล เอสเทลล่ามีความเชี่ยวชาญด้านยาพิษต่างๆมากเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมีบุคลิกสบายๆหลอกให้ศัตรูตายใจ เหมาะแก่การสอดแนมอย่างยิ่ง และเธอยังเป็นมิตรที่โอลิเวียไว้ใจคนหนึ่ง
เจ้าของตัวละคร: Mai
เบื้องหลังการออกแบบ: เจ้าของตัวละครเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนผมเองครับ เจอกันในชุมนุมเมื่อปีที่แล้ว เค้าวาดรูปสวยและตัดเส้นเฉียบมากๆ (พยายามดึงเข้าบอร์ดแล้ว ปรากฏเจ้าตัวบอกว่าไม่ว่าง) เค้าออกแบบตัวละครมาให้ผมเป็นสองสาวคู่กัน (เปล่า Y นา ไม่หนับหนุน) คือโอลิเวีย กับเอสเทลล่านั่นเอง รวมทั้งวาดรูปตัวละครทั้งสองตัวนี้ให้ด้วย ผมมีหน้าที่แค่ลงสีอีกเช่นเคยครับ (แต่น้องคนนี้น่ารักมากอุตส่าห์ใช้ดินสอกำหนดสีที่จะให้ผมลงมาในภาพร่างด้วย ไม่ต้องคิดนาน) โดยคอนเซ็ปต์ของเจ้าตัวบอกว่าอยากให้เอสเทลล่าเป็นผู้หญิงที่มีบุคคลิก \"ลื่นไหลเหมือนสายน้ำ\" และใช้อาวุธลับอาบยาพิษ ก็เลยออกมาเป็นแบบนี้ (ปนโรคจิตเล็กๆแฮะ) แต่ก็เข้ากันดีกับโอลิเวียที่ซีเรียสและไม่ค่อยพูด ผมยังเคยคิดเล่นๆ กับเค้าว่าอาหารที่เอสเทลล่าชอบกินน่าจะเป็น \"เห็ดพิษ\" และมีความสามารถขนาดชิมพิษได้ทุกชนิดโดยไม่เป็นอะไร (ก็น่าจะเป็นคนชิมอาหารให้จอมมารเนอะ) พูดง่ายๆก็ \"สาวสารพัดพิษ\" ดีๆ นี่แหละ ^^;;;
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น