ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Wings of Hope - ตำนานพลิกฟ้า

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 6 - รอยจารึกแห่งโศกนาฏกรรม

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 139
      0
      1 ส.ค. 47

    บทที่ 6

    Scars of Tragedy

    รอยจารึกแห่งโศกนาฏกรรม




    เปลวเพลิงจากกองไฟกลางถ้ำยังคงเต้นระริก...ก่อให้เกิดเงาไหววูบวาบบนผนังหินเป็นจังหวะยามลมเย็นจากป่ามืดด้านนอกพัดเข้ามา



    โครินจ้องมองชายหนุ่มที่ยังนอนหมดสติอย่างเป็นกังวล แผ่นหลังที่แดงฉานด้วยเลือดปรากฏรอยแผลยาวถึงสามรอย สองรอยที่เหมือนกับถูกกรีดยาวตามแนวดิ่งบนแผ่นหลังทั้งสองข้างคือแผลเป็นเก่า ที่เด็กสาวถึงแม้จะประหลาดใจก็ไม่มีเวลามานั่งเดาว่าเกิดจากสาเหตุใด ส่วนอีกรอยหนึ่งที่เฉียงจากบ่าขวาลงมาถึงชายโครงซ้ายเป็นแผลที่เกิดขึ้นเพราะเธอ...ในตอนที่ชายหนุ่มถลาเข้าไปรับดาบของปีศาจผู้ทำลายหมู่บ้านแทนร่างของเด็กสาว



    ทั้งตำแหน่งที่เกิดแผล ทั้งความกว้างและความลึกของบาดแผลทำให้เธอไม่อาจใช้วิธีใดห้ามเลือดได้เลย หากจะเย็บปิดแผลก็ต้องมีเข็ม มีด้าย แถมยังต้องต้มฆ่าเชื้อเสียก่อนอีกไม่อย่างนั้นจะทำให้แผลเกิดการติดเชื้อในภายหลัง และถึงมีอุปกรณ์ครบก็ใช่จะรับประกันว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสถึงขนาดนี้ได้...โครินคิด ในใจของเธอรู้สึกเหมือนกับอับจนหนทางสิ้นดี ทั้งๆ ที่รู้วิธีพยาบาลแท้ๆ กลับไม่มีอุปกรณ์เลยสักอย่าง



    เด็กสาวอังมือลงกับหน้าผากของเขา สัมผัสความเย็นชืดบอกเธอว่าเหลือเวลาอีกไม่มากนัก สีหน้าของชายหนุ่มซีดจนแทบเขียวจากการเสียเลือด อุณหภูมิร่างกายก็ลดลงทุกขณะ ถ้าหากไม่รีบทำอะไรสักอย่าง...ก็คงจะหมดโอกาสแล้วจริงๆ



    \"คุณจะตายไม่ได้นะ...\" โครินร่ำร้อง \"ทำใจดีๆ เอาไว้นะ ฉันจะ...\"



    ฉันจะทำอะไรได้เล่า?...ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เด็กสาวก็ได้แต่นึกในใจอย่างสิ้นหวัง น้ำตาของเธอพาลจะไหลลงมาอีก



    น้ำตา...หรือ?



    น้ำ...



    อควาเวล
    ...



    คำคำนั้นวาบเข้ามาในห้วงความคิดราวกับมีผู้กระซิบบอก โครินเลื่อนมือขึ้นมากำผลึกสีฟ้าไว้แน่น



    ใช่แล้ว...



    อควาเวล...พลอยแห่งวารีธาตุ



    พลอยที่มีพลังแห่งการรักษา




    เด็กสาวชูผลึกสีฟ้าขึ้นตรงหน้าก่อนจะจ้องมอง เธอคลับคล้ายกับจะเห็นกระแสพลังสีฟ้าอ่อนเหมือนห้วงน้ำหมุนวนอยู่ภายใต้ผิวแก้วใส ว่าแต่เธอจะต้องทำอย่างไรถึงจะดึงพลังของมันออกมาใช้ได้เล่า?



    โครินเพ่งมองผลึกนั้นอยู่เป็นนาน...ทว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย



    ไม่ได้ผลหรอกหรือ?



    เด็กสาวค่อยๆ คลายมือจากผลึกสีฟ้า...แต่ไม่ทันที่เธอจะปล่อยมือก็รู้สึกเหมือนกับมีน้ำเย็นเฉียบหยดหนึ่งตกลงกระทบฝ่ามือ ส่งความรู้สึกเย็นให้แผ่ซ่านไปทั่ว เธอยกมือข้างนั้นขึ้นมองดู...ไม่มีร่องรอยของน้ำหรือความเปียกชื้น หรือว่าจะเป็น...



    โครินคว้าผลึกสีฟ้าขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เธอเห็นหยดน้ำใสค่อยๆ หยาดลงมาตามผิวหน้าของผลึกจริงๆ เด็กสาวลองถือมันไว้เหนือแผ่นหลังของชายหนุ่ม ปล่อยให้น้ำแต่ละหยดตกลงกระทบแผล



    หยดน้ำใสดูราวกับจะซึมลงไปตามรอยแผล...ทำให้ปากแผลสมานตัวอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายก็ปรากฏเพียงรอยแดงจางๆ เหมือนแผลเป็นที่กำลังแห้งเท่านั้น



    เด็กสาวแตะบริเวณที่เคยเป็น \'รอยแผล\' อย่างไม่อยากเชื่อ ถ้าหากไม่เหลือรอยเลือดแห้งบนแผ่นหลังของชายหนุ่ม เธอคงจะคิดว่าแผลที่เคยเห็นนั้นเป็นภาพลวงตาด้วยซ้ำ



    ได้ผล...ได้ผลจริงๆ...



    โครินลองใช้อควาเวลรักษาแผลที่ขาของเขาเช่นกัน และแผลในคราวนี้ก็หายเร็วกว่าครั้งแรกเสียอีก



    เด็กสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก สังเกตดูใบหน้าของชายหนุ่มที่ค่อยๆ มีสีเลือดกลับคืน และอุณหภูมิร่างกายที่เพิ่มทีละน้อยแสดงถึงอาการที่ดีขึ้น ตอนนี้ก็เหลือเพียงแต่รอเวลาที่เขาจะฟื้นขึ้นมาเท่านั้น...



    โครินถอดเสื้อคลุมตัวนอกของเธอออกมาให้ชายหนุ่มห่มแทนผ้าคลุมสีดำที่เปียกโชกด้วยเลือด ก่อนจะถอยกลับไปนั่งขดตัวอยู่ริมผนังถ้ำอีกด้านหนึ่ง ข้างๆ หมาป่าสีเงินที่ตื่นขึ้นมาแล้วจ้องมองเธออย่างสงสัย ดวงตาสีน้ำทะเลที่เคยสดใสแห้งผากและแดงช้ำจากการร้องไห้ ทอดลงต่ำอย่างเลื่อนลอยไร้จุดหมาย



    การรอคอยช่างยาวนานเหลือเกิน เวลาที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหมือนกับจะตอกย้ำให้เด็กสาวหวนนึกถึงความสูญเสียขึ้นมาอีกครั้ง ภาพของหมู่บ้านที่ตกอยู่กลางเปลวเพลิง...ภาพซากศพของเหล่าชาวบ้าน...ภาพของพ่อที่ตายต่อหน้า...ทุกสิ่งช่างเกินจะยอมรับ



    หลายครั้งที่เธอพยายามข่มตาหลับด้วยหวังว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจะได้หายไปกับความฝัน...หากได้หลับไปและตื่นขึ้นอีกครั้งเธอจะได้พบตนเองอยู่ที่บ้านหลังเดิม ตื่นเช้ามาพบพ่อ แม่ กับพี่ชาย พร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร ทักทายเธอด้วยใบหน้าสดใสเช่นเคย หลังอาหารเช้าแล้วพ่อต้องรีบไปเปิดร้านรอคนไข้ โดยมีพี่ซาอิคอยช่วยเรื่องจัดยาและทำบัญชี พอแม่กับโครินล้างจานเสร็จแล้ว แม่ก็จะทำงานเล็กๆ น้อยๆ เช่นปะชุนหรือเย็บเสื้อผ้า ส่วนโครินก็จะออกมาช่วยพ่อกับพี่ชายที่ด้านนอก ได้พบ ได้พูดคุย กับพวกชาวบ้านที่มารับการรักษา หรือบางครั้งแวะเวียนมาหาพร้อมกับของฝากเล็กน้อยตามประสาเพื่อนบ้าน...



    แค่ชีวิตเรียบง่ายในแต่ละวัน...แสนสงบ...มีความสุข...



    ทว่าวันเหล่านั้นจะไม่มีวันหวนกลับมาอีกแล้ว...



    น้ำตาไหลลงมาหยดหนึ่ง โครินใช้นิ้วปาดมันทิ้งไป ทั้งๆ ที่เธอพร่ำบอกกับตนเองว่าจะไม่ร้องไห้อีกแล้วแท้ๆ...ทั้งๆ ที่เธอบอกกับตนเองว่าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างเข้มแข็ง ให้สมกับที่พ่ออุตส่าห์สละชีวิตเพื่อรักษาชีวิตเธอเอาไว้...



    สัมผัสอุ่นๆ แตะที่ขาของเธออย่างอ่อนโยน เด็กสาวก้มลงไปสบตากับดวงตาสีทองของหมาป่าที่มองเธอเหมือนจะช่วยปลอบประโลม



    \"ขอบใจมากนะ\" โครินฝืนยิ้มพร้อมกับลูบหัวมันเบาๆ \"ฉันไม่เป็นไรหรอก ก็ฉันสัญญากับตัวเองแล้วนี่ว่าจะต้อง...เข้มแข็ง...ขึ้นให้ได้ ไม่เป็นไร...\"



    เด็กสาวเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ลูบหัวหมาป่าสีเงินที่นอนหนุนตักเธอไปเรื่อยๆ เธอคอยชำเลืองมองอาการของชายหนุ่มอยู่เป็นระยะๆ หากยังไม่มีทีท่าว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาเมื่อใด



    ขณะนี้เธอทำได้แต่รอ...เท่านั้น ไม่มีสิ่งอื่นให้ทำได้อีก ไม่มีที่ให้เธอไป และไม่มีใครที่พอจะเป็นที่พึ่งได้อีกแล้ว



    เว้นเสียแต่...



    พี่ซาอิจ๋า...พี่จะรู้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ กับแม่ กับโคริน?...เด็กสาวร่ำร้องอยู่ในใจ พี่ซาอิจะกลับมาเมื่อไหร่? แล้ว...



    เราจะได้พบกันอีกหรือเปล่า?
    ...



    คำถามเหล่านั้นล้วนหาคำตอบไม่ได้ทั้งสิ้น โครินหลับตาลงเอนศีรษะพิงผนังหิน นานแสนนาน...ก่อนที่เธอจะผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย จิตใจบัดนี้เหมือนกับจะล่องลอยไปหาพี่ชาย...ญาติเพียงคนเดียวที่เธอยังเหลืออยู่ ในที่ที่ไกลแสนไกลออกไป



    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    เ...ร...เ...ว...เ...นี...ย...ย...ย...ย...



    เสียงเย็นยะเยียบจับขั้วหัวใจดังเพียงแผ่วก่อนจะสะท้อนก้องไปทั่วความมืดมิดไม่รู้จักจบสิ้น ไร้วี่แววของต้นเสียง ปล่อยให้หญิงสาวได้แต่มองหาไปรอบทิศทาง



    เ...ร...เ...ว...เ...นี...ย...ย...ย...ย...



    น้ำเสียง...และชื่อที่มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นจะขนานนามเธอเช่นนี้ หญิงสาวย่างเท้าไปในความมืด ไม่ได้ยินแม้เสียงฝีเท้าหรือลมหายใจของตน



    ไม่รู้นานเท่าใดที่เธอได้แต่ไล่ตามเสียงอันไร้ที่มานั้น จนกระทั่งมาพบประตูบานหนึ่ง...ประตูบานเดียวที่ตั้งอยู่ในความมืดไร้ที่สิ้นสุด หญิงสาวยกมือขึ้นทาบบานประตู ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปิดเข้าไป...



    บัลลังก์นิลขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า...พร้อมกับร่างหนึ่งที่ประทับนั่งอยู่ด้วยกริยาซบศีรษะลงราวกับกำลังหลับใหล ผมสีเงินยาวสยายย้อยลงปรกใบหน้าจนเห็นเพียงเงามืด ทั่วร่างไม่มีการไหวติงราวกับสิ้นชีวิตไปแล้ว



    ไร้เสียงของการเคลื่อนไหว...ทว่าสัมผัสของคลื่นพลังบางอย่างทำให้หญิงสาวหันกลับไปทันที ร่างของบุรุษผู้มีอักขระโบราณสีแดงสลักอยู่กลางหน้าผากปรากฏขึ้นด้านหลัง สีหน้าของเขาเรียบเฉยเย็นชาราวกับรูปปั้นหิน



    \"อาร์เซนิคซ์...\" หญิงสาวเรียกชื่อเขา \"ท่านเอลโนอิล...นี่เป็นฝีมือของเจ้าใช่ไหม!?\"



    ชายหนุ่มสั่นศีรษะน้อยๆ



    \"ไม่จริง!! ตอบข้ามาสิอาร์เซนิคซ์!! เจ้าฆ่าท่านเอลโนอิลใช่ไหม!?!\"



    \"ข้าไม่ได้ฆ่าเอลโนอิล\" อาร์เซนิคซ์ยังคงตอบเสียงเรียบ แต่หญิงสาวไม่ฟังอีกต่อไปแล้ว เธอคว้าคทาขึ้นมาจ่อไปที่คอของอาร์เซนิคซ์...ที่ไม่พยายามแม้แต่จะเอี้ยวหลบ



    น่าประหลาดที่บนริมฝีปากของชายหนุ่มกลับปรากฏรอยยิ้มเหิ้ยมเกรียม...ส่งผลให้หญิงสาวหนาวเยือกเหมือนกับกำลังยืนอยู่ต่อหน้ามัจจุราชผู้ประทานความตาย



    \"ข้าไม่ได้ฆ่าเอลโนอิล...และไม่ได้คิดจะฆ่าเจ้าด้วย\" อาร์เซนิคซ์เอ่ยเสียงเย็น \"เพราะเจ้ามันอ่อนแอ...น่าสมเพชจนไม่มีค่าพอที่จะเอาชีวิตเสียด้วยซ้ำ\"



    เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นแบตรงมาทางหญิงสาว ดวงตาดุจทับทิมสีเลือดมีอำนาจราวกับจะสะกดไม่ให้เธอขยับกายได้...ก่อนที่ภาพรอบด้านจะมืดลงอย่างรวดเร็ว



    เหลือเพียงหญิงสาวยืนอยู่ตามลำพังในความมืด...อีกครั้ง



    สัมผัสของมือมือหนึ่งคว้าหมับเข้าที่ไหล่ของเธอ กระชากหญิงสาวให้ล้มลงกับพื้นเย็นเยียบ อีกหลายมือช่วยกันกดแขนขาตรึงร่างเธอไว้ หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความหนักของอีกร่างหนึ่งที่โถมขึ้นทับ...และลมหายใจร้อนผ่าวชวนสะอิดสะเอียนที่รดลงบนต้นคอ



    เหมือนกับตอนนั้น...



    หญิงสาวกรีดร้องสุดเสียง...ขณะพยายามดิ้นรนจากมือที่ไม่อาจเห็นตัวตนเหล่านั้น



    ทั้งๆ ที่ไร้ผล...



    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    สโนวี่ปล่อยมือจากลูกแก้วทรงกลมโปร่งใสบนโต๊ะหินอ่อนสีดำก่อนจะปาดเหงื่อที่หน้าผาก แม้ทั้งอากาศและบรรยากาศในห้องจะเย็นเยือก การใช้อำนาจ \'แทรกซึม\' ความฝันก็ทำให้เขาเสียพลังไปไม่ใช่น้อยทีเดียว



    ภาพของโอลิเวียที่ดิ้นรนเปะปะจากเงามืดยังคงแจ่มชัดอยู่ในลูกแก้วใส เงาสะท้อนของจ้าวปีศาจผู้กุมอำนาจสูงสุดแห่งโซลเบ็นบนผิวลูกแก้วปรากฏรอยยิ้มอย่างพึงใจ



    \"น่าสนุกดีไม่ใช่รึ?\" อาร์เซนิคซ์เอ่ยขึ้น \"ภาพของนางผู้หญิงที่น่าสมเพช...กับอดีตที่ไม่มีทางหนีพ้น\" ชายหนุ่มผู้มีอักขระโบราณกลางหน้าผากหยิบหน้ากากหนังสีดำที่วางอยู่ข้างๆ ลูกแก้วขึ้นมาเดาะเล่นในมือ ก่อนจะหันไปมองชายคนสนิทซึ่งเบือนหน้าไปจากภาพนั้น



    \"เจ้าไม่ชอบหรอกรึ...สโนวี่?\"



    \"ผมมีหน้าที่แค่ทำตามคำบัญชาของท่านเท่านั้นครับ...ท่านอาร์เซนิคซ์\" สโนวี่ตอบด้วยเสียงที่พยายามข่มให้เรียบ \"ผมไม่มีสิทธิ์ \'ชอบ\' หรือ \'ไม่ชอบ\' อะไรไม่ใช่หรือครับ?\"



    ผู้ที่เป็นถึงจ้าวแห่งปีศาจยิ่งหัวเราะ



    \"นั่นสิ ข้าลืมไปว่าเจ้าคงไม่อยากจะมองมันนักหรอก\" เขาคว้าไหล่สโนวี่พลิกให้หันหน้ากลับมา ดวงตาสีแดงดั่งโลหิตมองลึกลงไปในดวงตาสีขาวใสดุจแก้วราวกับจะค้นหาทุกสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังตาคู่นั้น \"ก็เจ้า \'เคย\' เห็นภาพแบบนี้มาเต็มตาแล้วนี่ เมื่อตอนที่น้องสาวของเจ้า...\"



    เขาทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นราวกับจะยั่วยุคู่สนทนา หากสโนวี่นิ่งเงียบไม่ยอมตอบ อาร์เซนิคซ์ยังคงยิ้มเหมือนกับจะเยาะหยันเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยมือจากไหล่ของผู้ใต้บังคับบัญชาแล้วหันกลับไป



    \"ไปตามลีก้ามาหาข้า\" เขาสั่ง \"หลังจากนั้นจะไปทำอะไรที่ไหนก็เชิญ พอมีธุระแล้วข้าจะ \'เรียกใช้\' เจ้าอีกที\"



    \"ขอรับท่านอาร์เซนิคซ์\" สโนวี่โค้งคำนับให้แผ่นหลังของผู้ที่เป็นจอมมาร ก่อนจะรีบออกไปจากห้องตามคำสั่งในทันที



    หลังจากเสียงปิดประตูดังขึ้น อาร์เซนิคซ์ก็หันกลับมามองลูกแก้วอีกครั้ง ภาพของโอลิเวียในขณะนี้หยุดดิ้นรนเหมือนกับยอมจำนนโดยสิ้นเชิง ชายหนุ่มอดยิ้มเย้ยหยันไม่ได้ น่าขันจริงๆ ที่จอมเวทผู้เป็นถึง \'มือซ้าย\' ของอดีตจอมมารเอลโนอิลกลับอ่อนแอน่าสมเพชได้ถึงเพียงนี้เมื่อถูกคุกคามด้วย \'ความฝัน\'



    \"โชคร้ายสำหรับเจ้านะ...เรเวเนีย\" อาร์เซนิคซ์ยกหน้ากากในมือขึ้นเพ่งพินิจ ก่อนจะหัวเราะน้อยๆ ในลำคอ \"ในเมื่อรู้จุดอ่อนของศัตรูแล้วก็ต้องนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับ \'แผนการ\' ของเรา...\"



    เขานึกย้อนถึงคราที่ตนยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าร่างสูงสง่าเจ้าของผมสีเงินยาวสยายกับดวงตาสีแดงฉานสุดจะหยั่งถึงก้นบึ้ง...ร่างสูงสง่าที่แทบทำให้เขายอมสยบได้อย่างสิ้นเชิง



    แต่ก็แค่ \'แทบ\' เท่านั้น...



    \"นั่นคือบทเรียนที่ท่านสอนให้ข้าไม่ใช่หรือ...เอลโนอิล?\"



    เอลโนอิลผู้สิ้นชีพไปแล้วหาตอบคำถามของบุรุษผู้มีอำนาจเหนือปีศาจตนใดในปัจจุบันกาลได้ไม่...



    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    เสียงน้ำหยดกระทบผิวน้ำ...พื้นน้ำกระเพื่อมเป็นวงกว้างก่อนจะกลับนิ่งสนิท



    ชายหนุ่มผู้ยืนนิ่งอยู่กลางห้วงน้ำสีแดงยกสองมือที่กอบน้ำขึ้นมองอย่างประหลาดใจ คราบของของเหลวข้นสีแดงสดที่ยังติดมือส่งกลิ่นคาวคลุ้ง



    กลิ่นคาวเลือด...



    กลิ่นที่น่าจะคุ้นเคยแล้วสำหรับเขา...หากคราวนี้กลับให้รู้สึกพะอืดพะอมอย่างบอกไม่ถูก



    เขาเหลียวมองไปรอบๆ เห็นเพียงห้วงน้ำสีแดงฉานจรดผืนฟ้าสีดำสนิทเหมือนหมึก ทั่วบริเวณทั้งวังเวงและเดียวดายเหมือนมีเขาอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น



    เพียงคนเดียวกลางทะเลเลือด...



    /เพราะเธอ...ไม่ใช่หรือ?/...เสียงเยียบเย็นที่ล่องลอยมาดุจสายลมโหยหวนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกขนลุกซู่



    /เพราะเธอไม่ใช่หรือ...ที่ทำให้เป็นแบบนี้...?/



    /เพราะเธอ.../



    ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งผุดขึ้นมาจากทะเลเลือดเบื้องหน้าชายหนุ่ม...เริ่มจากส่วนศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลทองเปียกโชก ปรกบังใบหน้าที่ก้มลงจนมิด ตามมาด้วยเรือนร่างบอบบางในชุดสีขาวตัดกับสีแดงของโลหิตและดำของบรรยากาศโดยรอบ ปีกสีน้ำตาลอ่อนที่ด้านหลังเป็นรอยแผลเหวอะหวะราวกับถูกกรดกัดกร่อน...



    เธอเงยหน้าขึ้นช้าๆ เส้นผมที่ปรกหน้าค่อยๆ แยกตัวออกเผยให้เห็นใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือด ริมฝีปากเขียวคล้ำ เรียบเฉย...ไร้ความรู้สึก แม้กระทั่งดวงตาสีน้ำตาลของเธอก็ไม่สะท้อนภาพใด เลื่อนลอยเหมือนกับไม่เห็นทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแม้แต่น้อย



    ชายหนุ่มเบิกตากว้างจ้องร่างนั้นเขม็ง...ดุจดังภาพสะท้อนอีกด้านหนึ่งของหญิงสาวที่เขารัก ริมฝีปากของเขาเผยอน้อยๆ ราวกับจะเอ่ยนามของเธอออกมา แต่ไม่อาจเปล่งเสียงใดได้ เขาได้แต่มองหญิงสาวเลื่อนมือเรียวบางขึ้นมาแนบทรวงอกด้านซ้าย เลื่อนไหล่เสื้อลงมาให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใต้...รอยแผลกว้างขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือยังมีรอยเลือดริน ส่วนเนื้อที่ฉีกขาดหายไปลึกถึงขนาดเห็นสีขาวของกระดูกซี่โครงได้เป็นบางซี่...และหัวใจภายในที่ยังเต้นตุบๆ



    หากแต่หัวใจนั้นเป็นสีดำสนิท...



    มือขาวซีดล้วงเข้าไปภายในช่องอก ทั้งที่สีหน้าของหญิงสาวยังเรียบเฉย เสียงที่ดังขึ้นเป็นเสียงประหลาดอย่างที่ชายหนุ่มเองก็บรรยายไม่ถูก มือที่เปื้อนเลือดถูกชักออกมาในที่สุด...พร้อมกับอีกสิ่งหนึ่ง



    หัวใจที่เพิ่งถูกเจ้าของร่างควักออกมาสดๆ ถูกยื่นให้ตรงหน้าชายหนุ่ม...ใกล้ชิดจนจมูกได้กลิ่นคาวชวนคลื่นเหิยน และตาเห็นได้ทุกรายละเอียดของหัวใจที่บัดนี้ยังคงเต้นอยู่



    /อยากได้...ไม่ใช่เหรอ?/...เสียงเย็นเยียบที่ลอดริมฝีปากเขียวคล้ำเหมือนกับจะยิ่งตอกย้ำความแตกต่างกับน้ำเสียงอ่อนหวานที่เขาเคยได้ยินข้างหู /หัวใจดวงนี้...หัวใจสีดำที่มีแต่บาป.../



    มือเปื้อนเลือดบีบโดยแรงจนหัวใจในอุ้งมือแตกกระจาย เลือดอุ่นๆ สาดกระทบหน้าชายหนุ่มตามมาด้วยเสียงของเลือดที่หยดลงสู่พื้นน้ำ



    /แต่...น่าเสียดาย/...เสียงเยียบเย็นเอ่ยต่อไป /มัน...แตกสลายไปหมดแล้ว/...ผิวหน้าที่ขาวซีดเริ่มปริออก  /เหมือนกับทุกสิ่ง...สูญสิ้น...ไปจนหมด.../



    ภาพที่ปรากฏต่อสายตาช่างน่าสะพรึงกลัว หากชายหนุ่มกลับไม่อาจละสายตาไปจากมันได้ แม้ในขณะที่ผิวเนื้อหลุดร่อนออกจนดวงตาข้างหนึ่งหลุดร่วงลงไปในน้ำ เหลือเพียงเบ้าตาลึกโบ๋กับผมกระเซิงแห้งกรังติดกะโหลก มือที่เห็นกระดูกขาวโผล่ออกมาจากรอยแยกของเนื้อยื่นมาหาเขา



    /มาสิ...เธอก็ทำ \'บาป\' นั้นเหมือนกันไม่ใช่หรือ...?/



    /\'บาป\' นั้นเหมือนกันไม่ใช่หรือ...?/



    /เหมือนกันไม่ใช่หรือ...?/




    ท้องน้ำสีเลือดปั่นป่วน...ขุ่นข้น มือที่อยู่ในสภาพที่ไม่น่าจะเรียกได้ว่ามือทาบลงบนไหล่ของชายหนุ่มทั้งสองข้าง กดให้เขาผลุบลงไปใต้ผิวน้ำด้วยกัน ฉุดรั้งเขาลึกลงไปเบื้องล่าง มืดมิด...หายใจไม่ออก มีแต่น้ำเลือดหลั่งไหลเข้ามาให้แสบจมูกและขมปร่าในปาก ความกดดันยิ่งทำให้อึดอัดราวกับร่างกายจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ...ขณะที่ภาพใบหน้าที่ไม่ผิดอะไรกับซากศพยังคงตราตรึงในสายตา...



    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่งในทันใดก่อนจะงอตัวลงเมื่อเกิดความรู้สึกแน่นที่หน้าอก...ราวกับจะบีบรัดร่างกายให้ฉีกกระจุยกระจายเป็นชิ้นๆ เขาได้แต่ขบฟัน...พยายามสะกดมันไว้อย่างยากเย็น



    ผ่านไปครู่หนึ่ง ความเจ็บปวดจึงเริ่มทุเลาลง สายตาที่ค่อยๆ หายพร่าปรับเข้ากับแสงสลัวของกองไฟใกล้มอดกลางถ้ำ ซึ่งส่องให้เห็นรายละเอียดของสิ่งต่างๆ ในถ้ำได้ลางๆ จากมุมที่เขานอนตะแคงอยู่นี้ ทั้งข่ายเวทมนตร์เป็นม่านแสงสีขาวคุ้มกันอยู่หน้าปากถ้ำ เด็กสาวผู้รอดชีวิตที่บัดนี้นั่งกอดเข่าอยู่ริมผนังถ้ำโดยมีหมาป่าสีเงินซุกตัวอยู่ข้างๆ ผ้าคลุมสีดำ ชุดเกราะกับเสื้อของเขาที่ถูกตากไว้ในมุมถ้ำด้านหนึ่ง



    และตะกร้าสมุนไพรกับกระเป๋าสัมภาระใบคร่ำคร่าของชายหนุ่มที่วางอยู่ในอีกมุมหนึ่ง...



    ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแม้จะซวนเซอยู่เล็กน้อย แล้วเดินตรงไปที่กระเป๋าสัมภาระของตน เขาเปิดกระเป๋าออกควานหาจนกระทั่งสัมผัสสิ่งหนึ่ง...



    ขวดแก้วเล็กๆ ข้างในบรรจุน้ำยาสีดำสนิท...



    เขาเปิดฝาขวดออกกลืนของเหลวสีดำกลิ่นฉุนข้างในลงไป ความร้อนวาบเป็นทางลงไปตามลำคอ และกระจายไปทั่วร่างในเวลาต่อมา...อีกไม่นานอาการแน่นในอกก็จะค่อยๆ สลายไปเช่นกัน



    ไม่นึกเลยว่า \'สัญญาณ\' ครั้งนี้จะมาเร็วกว่ากำหนดมากทีเดียว...



    อาจจะเป็นเพราะการที่เขาใช้ \'พลัง\' นั้นกระมัง...



    ชายหนุ่มปิดจุกขวดก่อนจะยกขึ้นมอง ข้างในขวดเล็กที่พอกำได้ในฝ่ามือนั้นยังมีน้ำยาสีดำเหลืออยู่ประมาณครึ่งหนึ่ง พอจะใช้ประทังไปได้เกือบสองเดือนหากไม่มีเหตุจำเป็นใดๆ



    เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเก็บขวดใบนั้นเข้ากระเป๋า แล้วย้ายมานั่งข้างกองไฟ สุมไฟที่ใกล้มอดให้ลุกขึ้นอีกครั้ง



    จากสภาวการณ์ที่เห็นเป็นอยู่ทำให้ชายหนุ่มพอปะติดปะต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าได้คร่าวๆ



    เขารู้สึกได้ถึงแรงกระแทกของมนต์อัคคีระดับสูงสุด...เพียงครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่จะร่ายมนต์ย้ายร่างจบโดยที่ยังไม่ได้กำหนดจุดหมายปลายทางเลยด้วยซ้ำ ผลของคาถาคงจะส่งเขามาที่นี่ หรือในบริเวณใกล้ๆ ที่เด็กสาวพอจะพาเขามาที่ถ้ำแห่งเดิมได้กระมัง



    ว่าแต่...แผลนั้นเล่า? เขาจำได้ว่าตนเองถูกฟันที่กลางหลังขณะที่เอาตัวเข้าไปป้องกันเด็กสาวจากคมดาบของปีศาจตนนั้น แต่ในตอนนี้กลับไม่มีร่องรอยของบาดแผล ไม่มีแม้ความรู้สึกเจ็บปวด ทุกสิ่งอันตรธานไปสิ้นเหมือนกับได้รับการรักษาจากเวทมนตร์...



    ฝีมือของเด็กสาวกับอควาเวลอย่างนั้นหรือ? เขาได้แต่ตั้งคำถามกับตนเองเมื่อเหลียวไปมองร่างเล็กๆ ที่ซบหลับอยู่กับผนังถ้ำ



    ลมเย็นพัดกรูเกรียวเข้ามาในถ้ำ ชายหนุ่มได้ยินเสียงครางเบาๆ จากเด็กสาวที่ดูเหมือนจะยังหลับอยู่ เขาหันไปเห็นร่างเล็กๆที่พิงผนังหินสั่นน้อยๆ มือทั้งสองที่ยกขึ้นมากอดแขนบอกได้ชัดถึงความหนาว



    ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนอีกครั้ง คราวนี้ตรงไปหยิบเสื้อคลุมที่เด็กสาวห่มให้เขาตอนที่ยังไม่ได้สติขึ้นมาก่อนจะเดินเข้าไปหาเธอ



    เสียงของผู้ที่เข้ามาใกล้ทำให้หมาป่าสีเงินเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นว่าเป็นชายหนุ่มที่ไม่ได้ส่อเจตนามุ่งร้ายแต่อย่างใด มันก็เอนหัวลงนอนทำเป็นไม่สนใจเช่นเดิม



    เขาคุกเข่าลงข้างๆ ก่อนจะคลี่ผ้าคลุมร่างเด็กสาว เธอขยับตัวน้อยๆ แล้วพึมพำเบาๆ ออกมาคำหนึ่ง



    \"พี่จ๋า...\" พร้อมกันนั้นมือเล็กๆ ก็เลื่อนขึ้นมาแตะมือของชายหนุ่ม แต่แรกเขาตะลึงงัน...ตั้งใจจะชักมือออก หากแล้วก็ยับยั้งตนเองไว้เมื่อเห็นหยาดน้ำใสๆ ที่รื้นออกมาจากหางตาของเด็กสาว



    \"จับมือโครินไว้หน่อยสิจ๊ะพี่...พี่ยังอยู่ใกล้ๆ โครินใช่มั้ย?...พี่จ๊ะ...\"



    ชายหนุ่มจำใจนั่งลงข้างๆ เด็กสาวซึ่งเอนศีรษะลงพิงไหล่ของเขาขณะที่มือเย็นเฉียบกำมือเขาไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะอีกฝ่ายจะสลายหายไปเป็นอากาศธาตุหากสองมือหลุดจากกัน สีหน้าของเธอค่อยดูสงบลง รอยยิ้มน้อยๆ ที่ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากบ่งบอกว่าสิ่งที่เธอกำลังเห็นต้องเป็นความฝันอันแสนสุขอย่างไม่ต้องสงสัย



    \"พี่ชายต้องอยู่กับโครินตลอดไปนะ...อย่าจากโครินไปไหนเลย...\" คำละเมอของเด็กสาวทำให้ชายหนุ่มไม่วายถอนใจเบาๆ ก่อนจะบ่นกับตนเองด้วยภาษาเดิมจากถิ่นกำเนิดของเขา



    \"/ข้าไม่ใช่พี่ชายของเจ้า.../\" ดวงตาสีฟ้าสลดลงวูบหนึ่ง \"/ไม่ใช่พี่ชายของใครทั้งนั้น.../\"



    เขายกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นมอง...ความรู้สึกคลับคล้ายเหมือนจะเห็นคราบสีแดงบนฝ่ามือนั้น



    คราบของเลือดที่เคยชโลมสองมือจนแดงฉานและติดแน่นอยู่ในความทรงจำ



    ถูกแล้ว...\'ไอด้า\' พูดถูกแล้วว่าเขาเป็นคนบาป บาปอันใหญ่หลวงที่ไม่อาจไถ่ถอนประทับอยู่บนมือคู่นี้...บนร่างนี้...ไม่มีวันเจือจางลงแม้กาลเวลาจะผันผ่านไปนานเท่าใด



    \"/เธอคงไม่ยกโทษให้ฉันเลยสินะ...ไอด้า/\" ชายหนุ่มรำพึงกับตนเอง \"/แม้กระทั่งในความฝัน...ฉันก็คงจะไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มของเธออีก/\"



    ภาพของใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด ดวงตาสีน้ำตาลว่างเปล่าไร้ความรู้สึกย้อนเข้ามาวนเวียนในห้วงสำนึก น่าแปลกที่บัดนี้ชายหนุ่มนึกไม่ออกแม้ภาพดวงตาสีน้ำตาลที่เคยเป็นประกายสดใสดุจแสงอรุณรุ่ง หรือรอยยิ้มแสนอบอุ่นที่เคยประดับบนริมฝีปากคู่นั้น...



    \"/แต่ฉันอยากให้เธอรู้.../\" เขาพูดต่อไป \"/ทุกสิ่งที่ฉันพยายามทำตลอดสิบปีที่ผ่านมา...ไม่ใช่เพื่อการไถ่บาป.../\"



    มีแต่จะทำให้เขาจมลึกลงไปในห้วงบาปอีกครั้งด้วยซ้ำไป



    \"/มันผิดนักหรือ...ถ้าฉันอยากจะเห็นรอยยิ้มของเธออีกครั้ง...ก็เท่านั้น.../\"



    สายลมเบื้องนอกยังคงพัดโหยหวนเช่นปกติ ไม่มีคำตอบสำหรับสิ่งที่เขาถามออกไปนั้น...



    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    To be continued...

    บทที่ 7 - วันพรุ่ง




    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    Magic

    ดร็อปออฟเอลิกเซอร์ (Drop of Elixir)

    ประเภทมนต์รักษา ธาตุน้ำ ระดับสุดยอด เป็นเวทมนตร์รักษาที่ใช้ได้เฉพาะผู้ครอบครองอควาเวลเท่านั้น ประสิทธิภาพของคาถาจะขึ้นอยู่กับระดับพลังเวทของผู้ใช้



    ดรีมเกซเซอร์ (Dream Gazer)

    ประเภทมนต์เฉพาะ เป็นเวทมนตร์ที่ใช้ได้เฉพาะชาวเผ่าการ์แรนเท่านั้น มีความสามารถในดูหรือแทรกแซงความฝันของผู้อื่น แต่มีเงื่อนไขว่าจะใช้ได้ต่อเมื่อสัมผัสกับตัวคนที่ต้องการดูความฝัน หรืออาศัยสิ่งของที่มีคลื่นพลังออร่าของคนคนนั้นเป็นสื่อกลางเท่านั้น



    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    Characters\' Depth



    โอลิเวีย คีลทาส (Olivia Kieltas)

    ธาตุ: ไฟ

    เชื้อสาย: มนุษย์

    ถิ่นกำเนิด: ฟานฟาร่า

    หมู่เลือด: B

    อายุ: ไม่ทราบ (ดูเหมือน 22 ปี)

    วันเกิด: วันไตตันที่ 2 เดือนซูส

    ส่วนสูง - น้ำหนัก: 165 ซม. 51 กก.

    สีผม - สีตา: แดง - น้ำตาล

    อาวุธ: คทา

    เวทมนตร์ที่ถนัด: ทุกสาย ธาตุไฟ และขั้นพื้นฐานธาตุต่างๆ

    ข้อมูลโดยสังเขป: ในอดีตเป็นเด็กหญิงที่ถูกบ้านที่ยากจนจับมาขายให้กับพ่อค้าทาส และถูกทารุณกรรมจนอยู่ในสภาพเหมือนตกนรกทั้งเป็น วันหนึ่งเธอได้หนีออกมาจนพบกับเอลโนอิล ผู้ช่วยเหลือเธอไว้ โอลิเวียจึงรับถ่ายทอดพลังปีศาจของเอลโนอิล และคอยติดตามรับใช้เอลโนอิลด้วยความจงรักภักดียิ่งชีวิต จนกระทั่งถูกขนานนามเป็นมือซ้ายของเอลโนอิล และแม้หลังจากที่เอลโนอิลสิ้นชีวิตไป โอลิเวียก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะชุบชีวิตเขาขึ้นมา...

    เจ้าของตัวละคร: Mai

    เบื้องหลังการออกแบบ: น้องไหมสำแดงฝีมือวาดเช่นเคยครับ ผมแค่รับมาตัดเส้น ลง CG เท่านั้น (ถ้าใครไปเห็นภาพที่ผมเคยลงไว้แต่ตอนแรกคงจำได้ว่าลงสีไร้น้ำหนักแค่ไหน) ภาพลักษณ์ของโอลิเวียจะเป็นทั้งผู้หญิงที่โดดเดี่ยว และจงรักภักดีต่อเอลโนอิลที่เปรียบเสมือนทุกสิ่งในชีวิตเธอเท่านั้น (ท่านที่อ่านในไซด์สตอรี่ของโอลิเวียมาแล้วคงเข้าใจนะครับ) เหมือนที่มีผู้อ่านเคยทักนั่นแหละครับ ส่วนหนึ่งของอดีตโอลิเวีย ผมได้โครงเรื่องมาจากแคสก้าในเบอร์เซิร์ก (แถมพออ่านคำบรรยายลักษณะของเอลโนอิล หลายๆ ท่านคงจะนึกภาพกรีฟีสซะด้วยสิ) ถึงจะดูเหมือนคนเย็นชา แต่โอลิเวียจะมีจุดอ่อนที่อดีตและความรู้สึกที่เธอมีต่อเอลโนอิล ซึ่งหากใครยกเรื่องพวกนี้ขึ้นมาพูดล่ะก็เธอจะโมโหเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทีเดียว ตรงจุดนี้เองที่ทำให้โอลิเวียเกลียดอาร์เซนิคซ์ (ก็ชอบจี้ใจดำเขานี่หว่า) บวกกับเหตุผลที่เธอสงสัยว่าอาร์เซนิคซ์อาจจะเป็นคนที่ฆ่าเอลโนอิลก็เป็นได้ (ส่วนความจริง...ผมก็ยังไม่เฉลยอยู่ดีนั่นแหละ เดากันไปพลางๆได้เลย)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×