ตอนที่ 18 : Young and Beauty ep2 [JohnJae]
มันต้องมีอะไรผิดพลาดระหว่างกรมการสื่อสารระบบดาวเทียมกับธนาคารแห่งชาติอเมริกาเกิดขึ้นแน่ๆ มือถือผมถึงได้กลายสภาพเป็นเศษเหล็กไร้ค่าใช้งานอะไรไม่ได้แบบนี้ การพยายามโทรกลับไปยังเบอร์มือถือของป้าในประเทศที่เจริญแล้วยิ่งทำให้ผมประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีสถานที่ไหนในอเมริกามีจุดบอดสัญญาณโทรศัพท์ได้ แม้แต่รัฐที่ตั้งอยู่ซะไกลปืนเที่ยงติดตะเข็บชายแดนพวกเค้าก็ยังมีสัญญาณดาวเทียมใช้กันชัดแจ๋ว! และอยู่ๆประกายความคิดผมก็บังเกิดขึ้น ผมแบมือขอยืมโทรศัพท์มือถือของเจ้าแว่นเฉิ่ม แต่ผลตอบรับมันยิ่งทำให้จุดเดือดในสมองผมพุ่งปรี๊ดยิ่งไปกว่าเดิม เขาตอบกลับมาเพียงว่าเขาไม่ต้องเป็นต้องใช้มัน และแน่นอนเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้จะมีมันไปทำไม ผมกรอกตามองบนจนแทบจะเห็นแต่ตาขาว ไม่น่าเชื่อว่าปี 2017 จะมีมนุษย์ยุคหินหลงยุคมาเดินลอยหน้าลอยหน้าอยู่ตั้ง1EA!
แต่นั้นละครับ ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ของมันเสมอ และทางแก้ที่ง่ายที่สุดของผมคือ”เงิน”
ไม่รู้ว่าควรแสดงความดีใจต่อตัวเองไหม? ผมยืนอยู่หน้าช็อปมือถือยี่ห้อดังเป็นเวลาเกือบ15นาทีแล้ว เรามาที่นี้เพื่อที่จะซื้อมือถือใหม่
ผมทึกทักเอาเองว่าการที่โทรศัพท์มือถือใช้ไม่ได้สาเหตุคงเพราะมันเป็นเครื่องจากต่างประเทศ(?)
และผมจะสามารถติดต่อป้าได้ก็ต่อเมื่อผมซื้อเครื่องที่ผลิตและมีเครือข่ายในประเทศเล็กๆแสนกันดารนี้
“เออ… I’m sorry บัตรคุณใช้ไม่ได้จริงๆครับ ” พนักงานขายคนเดิมเดินกลับมาหาผมรอบที่3 พร้อมส่งบัตรเดบิตแบล็คการ์ดสีดำสนิทสกินตัวหนังสือสีทองใบที่5! คืนให้ผม
“Damn!! you f*cking waste my time! It’s a black card and it.. “
(แม่ง!! เสียเวลาจริงโว้ย นี้แบล็คการ์ดนะ แล้วมันก็...)
“ต้องขอโทษแทนเพื่อนผมที่พูดจากับคุณไม่สุภาพ ยังไงพวกผมขอตัวก่อนนะครับ ขอบคุณครับ”
อยู่ๆเจ้ามนุษย์หินก็โพล่งออกมาพูดตัดบทผมเฉย เค้าโค้งให้พนักงานขายกล่าวขอโทษก่อนเดินลากกระเป๋าเดินทางผมนำลิ่วๆ
ไปทางเชื่อมเพื่อเดินต่อไปขึ้นรถไฟเข้าเมือง
“hey! you don’t have to say sorry to that stupid man”
(นี้! นายไม่จำเป็นต้องพูดขอโทษไอ้โง่นั้นเลยนะ)
“you shouldn’t call him stupid man”
(คุณไม่ควรเรียกเขาว่าคนโง่นะครับ)
“Why not? he doesn't understand English act like idiot,seem like he blame me No! that not my fault”
(ทำไมจะไม่ได้? มันไม่เข้าใจภาษาอังกฤษหรอก ซ้ำทำท่ายังกับพวกปัญญาอ่อน แล้วก็เอาแต่โทษฉัน ไม่ นั้นไม่ใช่ความผิดชั้น)
“we don’t know why it doesn't work yet but you call him stupid
you should respect another people and he do his best“
(เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมการ์ดถึงใช้ไม่ได้ แต่คุณก็ดันไปว่าเขาว่าคนโง่ซะแล้ว คุณควรให้เกียรติคนอื่น เขาทำดีที่สุดแล้ว”
ผมตัวชาไปครึ่งซีกกับคำตอกกลับของไอ้เนิร์ดหน้าจืด เขาใช้คำพูดเสียดสีผมทั้งๆที่คงใบหน้าเรียบเฉยแบบนั้นไว้ได้ยังไงกัน! ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครต่อปากต่อคำผมเกิน 2 ประโยค เพราะอะไรนะหรอ? ปกติพวกมนุษย์โง่เขลาอวดดีเนี้ยต้องโดนผมซัดปากไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มในโรงบาลก่อนเริ่มประโยคที่ 3 นะซิ!
“go fu*k yourself!”
(ไปไกลๆตีนเลยไป)
ผมผลักหมอนั้นจนล้มก้นจ่ำเป้าไปกองอยู่ที่พื้น สำออยชะมัด แค่ปัดเบาๆก็ล้ม ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ออกแรงอะไรเลยสักนิด ยอมรับว่าผมโมโห แต่ไม่ถึงขนาดเดือดจนควบคุมสติตัวเองไม่ได้ ไม่งั้นไอ้แว่นนี้โดนผมต่อยปากแตกไปแล้ว
“I’m gonna tell ya something 4 kind of thing that i fu*king hate
1. trard
2.cocky
3.untidiness
and the last one… is… you!!
your glasses reminded me to creepy nerd you look like a chicken… noob!”
(ฉันจะบอกอะไรนายให้เอาบุญ กับ 4 อย่างที่ฉันโคตรจะเกลียด 1.พวกชอบทำตัวปัญญาอ่อน 2.พวกอวดดี 3.ความสกปรก และอย่างสุดท้าย.. นายไง! แว่นของนายทำให้ฉันนึกถึงพวกเนิร์ดที่น่าขนลุก สภาพนายเหมือนพวกไก่อ่อน พวกกาก)
พูดพร้อมกับเอานิ้วจิ้มไปที่หน้าผากไอ้เนิร์ดตัวขาว เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับ เอาแต่นั้งก้มหน้าให้ผมรังแกและด่าทอ ไม่มีเสียงสะอื้นไม่มีหยดน้ำตา แต่ผมรับรู้ว่าเขากลัวจากแรงสั่นน้อยๆของร่างกายบอบบางนั้น ผมยืดตัวยืนขึ้น จับหัวหิ้วกระเป๋าแล้วลากมันออกมาทิ้งให้หมอนั้นนั้งจุ่มปุกอยู่อย่างนั้น
6 ชั่วโมงแล้วตั้งแต่ที่ผมลงเครื่องมา ผมก็ยังไม่สามารถออกจากสนามบินได้ มือถือผมใช้การไม่ได้ และน่าขำ ผมรู้สาเหตุที่บัตรของผมไม่สามารถใช้การได้แล้วจากความช่วยเหลือของผู้จัดการธนาคารสาขาหนึ่งที่ผมพึ่งเดินออกมา
ผมไม่มีเงินเหลือในบัญชีแม้แต่ดอลเดียว และมันเกิดขึ้นกับทุกบัญชีทุกบัตรของผม!
ผมเหนื่อยกับการเดินเข้านั้นออกนี้เป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อที่จะแก้ปัญหางี่เง่าไร้สาระ ที่ผมไม่ได้เป็นคนก่อ ที่นี้หนาวและผมก็ไม่ได้ใส่ใจเตรียมชุดมาให้พร้อมเพราะคิดว่าต้องมีคนเตรียมมาให้อยู่แล้วในทันทีที่ผมเหยียบสนามบิน ผมหิว…. ปกติอยู่ที่นู่นผมต้องได้กินข้าวทุกมื้ออย่างตรงต่อเวลา แม่บ้านและพ่อครัวต้องเตรียมอาหารสามสี่อย่างเพื่อผมคนเดียวเพราะผมเป็นคนเบื่อง่ายและกินเหลือถ้ามันไม่ถูกปาก แต่ตอนนี้ผมหิวจนไส้จะขาด เพราะแม้แต่น้ำเปล่าผมก็ไม่มีปัญญาซื้อ สบดกับตัวเองที่ไม่แลกเงินสดติดตัวมาไว้ ไม่คิดถึงสถานการณ์หรือเหตุฉุกเฉินล่วงหน้าใดๆ สรุปคือ ผมเป็นพวกไม่สนใจอะไรเลยมากกว่าเพราะเคยตัวกับการที่มีคนทำทุกอย่างให้
ผมเริ่มชั่นเข่าขึ้นมากอดเอาไว้เมื่อความหนาวและความเหนื่อยเข้าเล่นงานจนผมยอมแพ้เอาแต่ ผมนั้งขดตัวฟุบหน้ากับแขนตัวเอง รอบตัวผมเริ่มเงียบลง ผู้คนที่ใช้สนานบินบางตาคงเป็นเพราะช่วงนี้จะไม่มีเครื่องบินจากสายการบินไหนเอาเครื่องลงหรือขึ้นแล้ว
ความเงียบสงบและเวลาที่ไหลไปทำให้ผมว่างพอที่จะคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น มือถือผมใช้ไม่ได้นั้นไม่ใช่เพราะมันพังหรือมันเป็นเครื่องจากต่างประเทศ แต่มันถูกยกเลิกการใช้งานเครือข่ายไปเลยต่างหาก บัตรเดบิตและเงินในบัญชีของผมก็เช่นกัน บัตรมันไม่ได้เสีย ไม่มีใบไหนเสียหรือชำรุด แค่เงินถูกถอนออกไปหมดและทำการปิดบัญชี
และทุกสิ่งทุกอย่างมันจะเป็นใครไปไม่ได้ คนที่ทำได้มีเพียงคนเดียว ป้าผม....
ผมไม่ได้ถูกส่งมาเรียน ผมถูกทิ้งต่างหาก!! หลานชายที่ไม่เอาไหนอย่างผมคงเป็นภาระการเลี้ยงดูที่ใหญ่หลวงเกินไปสำหรับป้า ผมโกรธป้าที่หลอกผมให้มาที่นี้และทิ้งผมเหมือนเศษขยะไร้ค่า ผมโกรธพ่อกับแม่ผม เพราะถ้าท่านไม่ด่วนจากผมไป ท่านต้องไม่ยอมให้ผมมาตกระกำลำบากแบบนี้แน่นอน ผมเกลียด เกลียดทุกคน เกลียดทุกอย่…
(ฟืบ)
ในขณะที่ผมตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดที่เปรียบเสมือนเข็มของยาพิษที่ใช้ทิ่มแทงตัวเอง ผ้าห่มผืนเล็กก็ถูกวางคลุมลงที่หัวของผม ผมแหวกแนวผ้าขึ้นเพื่อดูว่าใครเป็นคนคลุมมันลงมา
ผิวกายขาวซีด ปากสีแดงสดดั่งเชอร์รี่ป่า ผมสีน้ำตาลคาราเมลปกลงมาครึ่งใบหน้า สวมแว่นตาอันเท่าเขื่อน
“กลับบ้านกันนะครับ เย็นแล้ว”
มองมือของเขาที่ยื่นมาให้ผมตรงหน้า มันช้ำและแดงเป็นปืด ผมเบือนหน้าหนี มันช่วยไม่ได้ที่ผมไม่อยากจะรู้สึกผิดในสิ่งที่ผมทำลงไป ได้แต่ย้ำกับตัวเองว่าสิ่งที่หมอนี้โดนมันสมควรแล้ว แต่ทำไมผมถึงได้แย่งกระเป๋าจากมือเขามาลากเองก็ไม่รู้
และผมก็ไม่ยอมให้พี่เลี้ยงตัวขาวช่วยถืออะไรเลยจนกระทั้งถึงที่พัก
60%
โอเค มันชักจะไม่สนุกขึ้นทุกทีแล้ว ไม่สนุกระดับ10เลยละ! จุดหมายปลายทางของเราทั้งคู่มาจบลงที่บ้านไม้หลังเล็กเท่ารังนกโกโรโกโสสีชมพูพาสเทลฟรุ้งฟริ้งน่ารักซึ่งผมคิดอยากจะเผามันตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้สบตากับปานประตู
เจ้าแว่นเฉิ่มไขประตูบ้านและเชื้อเชิญให้ผมเข้าไป ให้ตายเถอะ อยากจะร้องไห้เป็นภาษาเยอรมันผสมโปรตุเกส ข้างนอกว่าดูแคบแล้วข้างในดันแคบยิ่งกว่า มันไม่เหมือนห้องแห่งความลับในแฮร์รี่พอตเตอร์
ที่ผมแอบหวังไว้ว่าพอเปิดเข้าไปจริงๆข้างในอาจเป็นแบบนั้น
“Well.. where’s my bedroom?”
(เอาละ.. ห้องนอนฉันละ?)
เขายิ้มอีกแล้ว ยิ้มแล้วไม่ตอบ ผมมองตามทิศทางที่ถูกชี้ไป มันเป็นชั้นลอยกึ่งห้องใต้หลังคาที่ต้องใช้บันไดในการปีนขึ้นไป
“uh.. where's your bedroom?”
ผมถามขึ้นอีกครั้งเมื่อมองไปทางไหนก็ไม่เห็นห้องนอนอื่น ในบ้านมีเพียงมุมทำครัวแคบๆ ห้องน้ำที่เล็กขนาดเท่าผู้ชายสองคนยืนแทบล้นออกมาและโซฟาขนกำมะหยี่สีครีมขนาด1คนนั้งตัวเดียว นี้บ้านคนหรือรังนก? ทำไมมันแคบแบบนี้
“เราต้องนอนด้วยกันครับ”
“No way!”
“งั้นคุณนอนโซฟาไหมครับ?เพราะจริงๆนั้นที่ผม”
“No, I’ll sleep on bed and you go sleep on sofa!”
“...... “
ผมไล่เขา ออกคำสั้งให้ไปนอนที่โซฟา ใจจริงอยากจะด่าคำหยาบคายแต่ทำไงได้ผมเรียนเกาหลีมาแต่คำสุภาพ เราไม่สามารถจะนอนด้วยกันได้ เพราะผมไม่เคยแชร์ที่นอนกับใคร(ส่วนพวกคู่นอนไม่นับ) ไม่ได้และจะไม่มีวัน! และผมก็นอนไม่หลับเหมือนกันถ้าต้องนอนบนโซฟาแข็งๆ จากคนที่เคยนอนเตียงสปริงเกรดพรีเมี่ยมมีเครื่องปรับอุณหภูมิตามฤดูต้องมานอนบนแผ่นผ้าที่เอามาปูแล้วเรียกว่าที่นอนก็ทุเรศเต็มกลืนแล้ว ดังนั้นไม่ว่าหัวเด็ดตีนขาดยังไง ผมก็ต้องได้นอนบนที่นอนนั่น!
สายตาแข็งกร้าวของผมทรงอิทธิพลเสมอ เจ้าของบ้านตัวขาวเดินคอตกไปยังโซฟามุมห้อง เขาวางกระเป๋าลงข้างๆมันก่อนถอดเสื้อยืดสีขาวคอยานของตัวเองออกพรืดในพริบตาเดียว
“Hey! นายถอดเสื้อทำไม??”
“ผมจะอาบน้ำครับ”
“ไปถอดในห้องน้ำซิ”
“ขอโทษครับ ผมคงชินกับการใช้ชีวิตคนเดียว.. มากไปหน่อย “
เขาตอบโดยปราศจากความเขินอาย ร่างกายท่อนบนยังเปลือยเปล่า ผิวขาวๆของเค้าเนียนเรียบราวกับน้ำนมสด
เขาถอดแว่นออก เสยผมด้านหน้าของตัวเองขึ้นจากนั้นก็ถอดกางเกงยีนส์สีซีดขนาดใหญ่ลงไปกองที่พื้นและหยิบมันโยนลงตะกร้าหน้าห้องน้ำ
ผมกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ พี่เลี้ยงของผมที่ตอนนี้เหลือเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียวปกปิดร่างกายและมันก็หมิ่นแหม่จนทำให้จิตนาการของผมเตลินไปไกล เขาเป็นผู้ชาย และเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้ผมเลี้ยวหลังมองจนคอแทบเคล็ด ผมมองเขาที่หายเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ ทำไมผมถึงรู้สึกใบหน้าร้อนแผ่วทั้งๆที่มันเป็นฤดูหนาวในเดือนธันวา เดือนที่หน้าหนาวจะหนาวที่สุด เขาทำทุกอย่างเป็นธรรมชาติ ไร้ท่าที่เขินอายและการปรุงแต่ง พฤติกรรมที่เขาแสดงออกเป็นนิสัยของคนที่ใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังมาเป็นระยะเวลายาวนาน
งั้นก็ไม่ต้องเดาเลยว่าใบหน้าหวานหลังแว่นกรอบหนากับร่างกายสวยงามราวกับเทพธิดานั้น ผมคงเป็นคนแรกที่ได้เห็น
“คุณจอห์นนี่”
“คุณจอห์นนี่ครับ”
“เออ.. คุณครับ”
“w w what?”
“3 ทุ่มแล้วไปอาบน้ำเถอะครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า คุณมีรายงานตัวการเข้าเรียนวันแรกที่โรงเรียน”
“อืม”
ผมตอบตะกุกตะกัก เพราะไม่รู้ต้องวางสายตาตัวเองไว้ไหน ก็เจ้าตัวเล่นออกมาทั้งผ้าขนหนูตัวจิ๋วผืนเดียวถ้วนความยาวแค่2คืบฝ่ามือผม แน่นอนว่าตอนอยู่อเมริกาผมมีเพื่อนผู้ชายเยอะแยะกลุ่มผมมันชอบมาอาบน้ำที่คอนโด แก้ผ้าวิ่งรอบห้องเพราะเมากัญชาก็เคยเห็นมาแล้ว แต่ทำไมกับสถานการณ์ตอนนี้มันไม่เหมือนกับตอนนั้น
“นี้ผ้าเช็ดตัวครับ ผืนเล็กไปนิด ผมได้มาฟรีตอนทำงานพิเศษที่โรงอาบน้ำ ลุงเจ้าของที่นั้นให้มาตุนเยอะเลยครับ^^”
อย่ายิ้ม ยิ้มทำไม?? ยิ้มอีกแล้ว นายกำลังคิดจะทำอะไร? จะฆ่าฉันด้วยลักยิ้มกับฟันเขี้ยวขาวคมนั้นหรือไง?
ป้าผมจ้างหมอนี้มาฆ่าผมด้วยวิธีพิศดารนี้แน่เลย เลือดเย็นที่สุด!
“นายชื่ออะไร?”
“แจฮยอนครับ จองแจฮยอน^^”
“รู้หรือเปล่า?ตอนยิ้มนายขี้เหร่มาก”
“รู้ครับ จะตอนยิ้มหรือตอนไหนผมก็ขี้เหร่^^”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

84 ความคิดเห็น
-
#84 SasitronPakawan (จากตอนที่ 18)วันที่ 8 ธันวาคม 2563 / 19:53แงงง พิจอห์น เขินรอยยิ้มน้องล่ะเซ่! ลักยิ้มน้องน่ารักสุดๆ อห.!!!#840
-
#69 imagine_me (จากตอนที่ 18)วันที่ 5 กรกฎาคม 2560 / 01:37จอห์นปากร้ายจริงๆ เอาแต่ใจด้วย แต่อะไร เหลียวหลังมองน้องเดินเข้าห้องน้ำเนี่ยนะ ไม่นอดแน่จอห์นเอ้ยยยย#690
-
#67 ~๋฿eat๛ (จากตอนที่ 18)วันที่ 4 กรกฎาคม 2560 / 02:31จอนนิสัยเสีย ไปผลักน้องแบบนั้นได้ไง#670
-
#66 wuingpcx (จากตอนที่ 18)วันที่ 3 กรกฎาคม 2560 / 23:23เออ ถ้านี่เป็นป้าพี่จอนก็จะตัดหางปล่อยวัดเลยเด้อ นิสัยเสียมากๆ แต่ก็ไม่ถึงขั้นว่าไม่ฟังใครไม่เห็นใจใครล่ะนะ ก็ยังมีข้อดี สงสารน้อง น้องก็เป็นคนดีเกิ๊น ถ้าเป็นเราก็คือไร ก็คือทิ้งพี่จอนจ้า555555#660
-
#65 imagine_me (จากตอนที่ 18)วันที่ 3 กรกฎาคม 2560 / 19:11สงสารแจฮยอน แต่ก็คิดว่าการดัดนิสัยจอห์นนี่จากคุณป้าก็คงทำให้จอห์นโตขึ้นและคิดอะไรได้มากขึ้นนะ#650