คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : :: SeCret III :: ขอเปลี่ยนได้ไหมล่ะเธอ
หลังจากนั้นมาคนที่บอกว่าตัวเองเป็นญาติห่างๆซึ่งมีสถานะเป็นคุณอาของร่างนี้ก็มาเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลทุกวัน แต่ถึงอย่างนั้นปากของผู้เป็นอาก็บอกตลอดก่อนกลับว่าอาจจะไม่ได้มาทุกวัน อาจจะของคุณอานี่คือวันไหนเหรอคะ รู้สึกสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
“คุณหนูครับ ได้เวลาทานยาแล้วครับ”
“ค่ะ”
อาาา แต่สิ่งที่แปลกใหม่คือมีคนมาคอยรับใช้นี่แหละ ตามที่คุณอาบอกว่าถ้าคุณอาไม่ว่างหรือไม่อยู่ก็จะให้คนสนิทมาดูแลข้างกายเธอแทนตัวเอง แต่ในกรณีนี้คือการที่คุณอาออกไปคุยโทรศัพท์เลยมอบให้คุณอลันมาคอยดูแลเธอแทนในช่วงเวลานึงเพียงเท่านั้น
ก็แบบ คนที่เป็นคุณอาของเธอปากบอกอาจจะไม่ว่าง แต่ดันมาได้ทุกวันเลย จะให้คุณอลันมาทำหน้าที่พ่อบ้านคอยดูแลเธอแบบเต็มที่ก็ไม่เห็นจะมีช่วงเวลานั้นสักที เพราะพอคุณอามาก็ไล่คุณอลันออกไปทันทีเลย
“คุณอลันคะ ฉันอยากออกไปสูดอากาศข้างนอก”
“……”
“คุณอลันคะ?”
“……”
แหนะ เห็นนะว่าแอบเหล่ตามองมาทางนี้ แล้วทำไมถึงเมินกันแบบนี้ล่ะเนี่ย เผลอทำอะไรผิดไปรึเปล่านะ? ขอเวลานึกสักครู่ รู้สึกว่าถ้านึกไม่ออกจะโดนเมินไปอีกสักพักและเธอก็จะอดได้ไปข้างนอกแน่นอน
และดูเหมือนเธอจะคิดออกแล้ว
“พี่อลันคะ หนูอยากออกไปสูดอากาศข้างนอกค่ะ”
“ครับ”
หันมาตอบอย่างรวดเร็วเหมือนเมื่อกี้ไม่เคยเมินกัน อืม ว่ากันว่าจ้านายเป็นแบบไหนลูกน้องจะเป็นแบบนั้นคือเรื่องที่เชื่อได้ครึ่งนึงจริงๆ ไอเรื่องที่ไม่ยอมให้เธอเรียกแบบห่างเหิน คุณ คุณอา แต่จะให้เรียก พี่ คนนึงก็ พี่เคน อีกคนก็ พี่อลัน พอเผลอเรียกผิดก็ทำเป็นไม่ได้ยินและเมินไม่ก็งอน เฮ้อออ สงสัยเธอต้องเรียกบ่อยๆจะได้ชินสักที
“ไปกันเถอะครับคุณหนูก่อนที่อาขี้หวงของคุณหนูจะกลับมา”
“ค่ะ”
ฉันหลุดขำเล็กน้อยตอนอลันพูดจบ ที่อลันพูดแบบนี้ไม่เกินจริงเลย คุณอาของเธอคนนี้ขี้หวงมาก ถามว่าหวงอะไร ก็หวงฉันนี่แหละ ใครจะแตะมาจับตัวฉันก็จ้องเขม็งแทบจะงับหัวคนนั้นแม้กระทั่งหมอพยาบาลยังไม่รอดจากสายตาจ้องเขม็งนี้ ยิ่งกับอลันที่ต้องมาดูแลเธอแทนในบางครั้งนี่ยิ่งโดนจ้องจนทะลุจนพรุนแล้วมั้ง แต่จะขวางไม่ให้อลันมาดูแลก็ไม่ได้ เพราะไม่ไว้ใจคนอื่น
สำหรับฉันเรื่องนี้ก็ไม่ได้รำคาญเลยแม้แต่น้อย รู้สึกดีมากด้วยซ้ำที่มีคนมาคอยห่วงและดูแลเธอขนาดนี้ มีคนคอยห่วงคอยดูแล ก็ยังดีกว่าโดดเดี่ยว มองไปทางไหนก็ไม่พบเจอใครที่หันมามอง..
“คุณหนูครับ!”
“คะ!?”
“คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ผมเห็นคุณหนูขมวดคิ้วแถมทำสีหน้าไม่ค่อยดี หรือคุณหนูบาดเจ็บตรงไหน?”
“ไม่ค่ะ แค่เผลอนึกถึงเรื่องในอดีตนิดหน่อย”
“อย่างนี้นี่เอง คุณหนูไม่ต้องฝืนมากนะครับ ถ้านึกไม่ออกก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”
“ค่ะ” ฉันยิ้มให้อลัน ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจไปอีกแบบว่าฉันกำลังพยายามนึกถึงเรื่องในอดีตแต่นึกไม่ออกสินะ ดีแล้วล่ะ เข้าใจแบบนี้ก็ดีแล้ว
“ดูเหมือนฝนกำลังจะตกนะครับ กลับเข้าห้องกันดีกว่าครับคุณหนู ถ้าเกิดอาแก่ๆของคุณหนูเห็นคุณหนูโดนฝนแม้เพียงนิดเดียว คงได้มาบ่นผมหูชาแน่ๆ”
“คิก เข้าใจแล้วค่ะ”
“นายว่าใครแก่!?”
“โอ้ คุยธุระเสร็จแล้วหรือครับคุณชาย” ถามกลับไปด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนใดๆ
“เสร็จแล้.. เฮ้ย! อย่าเปลี่ยนเรื่อง! นายว่าใครแก่!?” รีบเดินเข้ามากระชากคอเสื้ออลันเขย่าถามแบบรุนแรง
“ใครอยากรับก็รับไปสิครับ” ตอบกลับด้วยรอยยิ้มทั้งๆที่ยังโดนเขย่าอย่างรุนแรงอยู่
“เอ่อ…” มองทั้งสองคนไปมาก่อนจะส่ายหัวเบาๆแล้วเดินกลับเข้าไปคนเดียว
เอาที่ทั้งสองสบายใจเลยค่ะ
“เริ่มง่วงแล้วแฮะ”
พูดกับตัวเองเบาๆหลังจากเดินเข้าห้องมาคนเดียว ส่วนสองคนด้านนอกก็ปล่อยไปเถอะ เดี๋ยวก็หยุดเองแหละ ส่วนฉันก็ขอนอนเลยละกัน รู้สึกเพลียๆยังไงก็ไม่รู้
:: หลายนาทีผ่านไป ::
“ตื่นเถอะครับ”
“อืมมมม ขออีก 1 วัน”
“เค้ามีแต่ขออีก 5 นาที หรือ 10 นาที นี่ขอ 1 วันเลยเหรอครับ”
“หนวกหูน่า.."
เดี๋ยวก่อนนะ.... เสียงใคร? คุ้นๆนะ
“ลืมผมแล้วเหรอครับ น่าเศร้าใจจัง...”
พรึ่บ!!
“เฮ้ย! นายมาได้ไง!?”
ไอเทพเฮงซวย คนที่ถีบฉันมาโลกนี้!
“ความคิดยังรุนแรงเหมือนเดิมเลยนะครับ”
“ก็มันความคิดฉัน! มีอะไร? แล้วที่นี่ที่ไหนอีกเนี่ย?” มองไปรอบๆ อืมมม มาที่ทุ่งหญ้าเขียวขจีในจินตนาการอีกแล้ว
“ก็ที่เดิม แต่คนละสถานที่เท่านั้นแหล่ะครับ เอาล่ะ ผมว่าเรามาเข้าเรื่องดีกว่าครับ”
“เรื่องอะไรล่ะว่ามา”
“ท่านผู้นั้นฝากผมมาบอกถึงพรที่คุณได้น่ะครับ”
“พรที่ฉันได้? แล้วฉันได้พรอะไรล่ะ?”
แล้วทำไมหนังตาขวาเริ่มกระตุกอีกแล้วล่ะเนี่ย?
“พรที่คุณได้คือ พลังเหนือมนุษย์ มีเสน่ห์รุนแรงใครๆก็ชอบคุณ และสามารถสร้างฮาเร็มได้ครับ”
เดี๋ยวนะ? อันสุดท้ายนี่คืออะไรคะ?
“ก็สร้าง ฮาเร็ม ไงครับ”
“เข้าใจแล้ว! แต่จะมีไปทำไม?” ถามแบบงงๆ
“ก็เผื่อคุณอยากสร้างฮาเร็มพระเจ้าเลยให้คุณมั้งครับ”
พระเจ้าที่พูดถึงยังสติเต็มอยู่ไหมคะ?
“ผมก็ไม่มั่นใจเหมือนกันครับว่าท่านยังสติเต็มอยู่ไหม โอ๊ย!” มิคาเอลพูดจบก็มีอะไรบางอย่างหล่นใส่หัวอย่างแรง วอทเดอะ?
“หืม.. รองเท้า?” มองรองเท้าด้วยสีหน้ามึนงง มันหล่นลงมาได้ไงล่ะเนี่ย?
“ทะ ท่านหูดีน่ะครับอย่าสนใจเลย แหะๆ”
“หูดี? อ้ออออ เข้าใจละ อืมๆ งั้นขอถามอะไรหน่อยสิ”
“อะไรครับ?”
“ช่วงที่ฉันอยู่เนี่ย มันเป็นโคนันตอนไหนเหรอ?”
นี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่ค้างคาใจมากเหมือนกัน ก็ตอนมาถึงก็เจอชูอิจิเลย แถมชูอิจิตอนที่เจอยังไม่ตัดผมทีด้วย แสดงว่าต้องเป็นตอนที่ชินอิจิยังไม่ได้กลายเป็นโคนันแน่ๆ เพราะรู้สึกว่าชูอิจิจะตัดก็ตอน... ตอนไหนวะ? ไอตอนรถแพนด้าอะไรนั่นรึเปล่าหว่า? ประมาณตอนนั้นนั่นแหล่ะมั้ง?
“ถ้าถามว่าตอนไหนก็...อืมมม อ้อ ประมาณปี 7 ตอน คุโด้ ชินอิจิกับคดีในนิวยอร์กครับ”
“เฮ้ย! ก่อนชินอิจิจะกลายเป็นโคนันจริงๆด้วย! มิน่าชูอิจิถึงยังไม่ตัดผม!” พยักหน้าเข้าใจในทันทีก่อนจะถามต่อ
“แล้วตอนนี้ชินอิจิกลับไปญี่ปุ่นยังอ่ะ?” ถามด้วยสีหน้าลุ้นๆ อยากไปเห็นตอนที่รันช่วยเบลม็อทอ่ะ เอ้ย ช่วยชารอนสิ ไม่สิๆ จะช่วยใครก็ช่างเหอะ แต่อยากไปดูอ่ะ!
“อะ เอ่อออ ยังนะครับ รู้สึกพึ่งจะเริ่มเดินทางมาเองครับ”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!! อยากไปดูๆๆๆๆๆ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!” ด้วยความดีใจเลยกรี๊ดกระโดดโลดเต้นทันที เล่นเอาสนั่นลั่นโลกแห่งจินตนาการเลยล่ะ
:: ทางด้านเบื้องบน ::
‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!’
เพล้ง!
ตุบ!
ปัง!
อ๊ากกกกกกกกกก!
"ฮึ่ม... เสียงของใคร!?”
เสียงเด็กสาวเอ่ยถามขึ้นด้วยความหงุดหงิด มองไปรอบๆก็เจอเหล่าบริวารทำของหล่น สะดุดล้ม ไม่ก็เดินชนประตูหรือกำแพง บางคนนี่ร้องแบบสติแตกแล้วเอามือมาปิดหูตัวเองเลยก็มี สาเหตุก็มาจากเสียงกรี๊ดของใครสักคน ว่าแล้วก็สำรวจที่มาหน่อยเถอะ!
ภาพที่ปรากฏคือหญิงสาวหน้าตาน่ารักกำลังกระโดดกรี๊ดวี๊ดว้ายอยู่ด้วยความดีใจ เล่นเอาเด็กสาวที่ดูที่ถึงกับเส้นเลือดปูดขึ้นมาเลย จะกรี๊ดอะไรนักหนาเนี่ย!?
ว่าแล้วก็ส่งหญิงสาวที่กรี๊ดกลับไปที่ๆควรอยู่ทันทีด้วยความรำคาญ
:: กลับมาที่มาสะ ::
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!” ยังดีใจไม่เลิกค่ะ ดีใจมากๆเลย อร๊ายยยยย!
“ปวดหูจังครับ” มิคาเอลพึมพำแต่เธอที่ได้ยินก็ไม่สนใจยังคงกรี๊ดวี๊ดว๊ายต่อ
เอ๊ะ แต่ทำไมรู้สึกเท้ามันโหวงๆอีกแล้วล่ะ? เหมือนไม่ได้ยืนอยู่บนพื้นอีกแล้ว
ความรู้สึกเหมือนเคยเจอเหตุการณ์เท้าโหวงๆมาแล้วครั้งนึง..
ก้มลงมอง...
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก..ก...ก...ก”
และแล้วก็หล่นลับหายไป
“น่าสงสารจังนะครับ"
“ไม่ต้องไปสงสารคนอื่นเลยนะยะ! กลับมาทำงานได้แล้ว!” เสียงจากเบื้องบนเอ่ยด้วยน้ำเสียงรำคาญนิดๆ
“ครับๆ” มิคาเอลตอบกลับแล้วหายตัวไปทันที
:: ทางด้านมาสะที่หล่นลงมา ::
เฮือก!!
“กะ กลับมาอยู่บนที่นอนเหมือนเดิมสินะ? เฮ้อออออ ค่อยยังชั่ว” พึมพำเบาๆด้วยความโล่งอก นึกว่าจะต้องไปนอนบนพื้นที่ไหนสักแห่งซะอีก เอาเถอะ เริ่มจะเพลียอีกแล้วสิ คงเพราะกรี๊ดนานไปแน่ๆเลย นอนต่อก่อนดีกว่าแฮะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ละกันนะ...
จิ๊บๆๆ จิ๊บ....จิ๊บๆ (คิดซะว่าเป็นเสียงนกร้อง)
“อะ.... อืมมมม ฮ้าววววว เช้าแล้วเหรอเนี่ย?"
ก๊อกๆๆ
“คุณหนูครับตื่นรึยังครับ?” เสียงอลันนี่นา
“ตื่นแล้วค่ะ!” ตะโกนบอกกลับไป
“งั้นรอสักครู่นะครับ กำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่ เมื่อเสร็จแล้วผมจะนำมาให้นะครับ”
“ค่าาาา” ตอบกลับอลันไปด้วยน้ำเสียงสดใส ก่อนจะได้ยินเสียงเดินของอลันห่างออกไป
เอาเป็นว่าไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ฮ้าววววว
“มิคาเอลบอกว่าพวกชินอิจิพึ่งมาเมื่อวาน แสดงว่าวันนี้มั้งที่สองคนนั้นไปช่วยเบลม็อท ตื่นเต้นจังเลยยย”
หลังจากกินข้าวเสร็จเธอก็นั่งพูดคุยกับคุณอะ.. แค่ก คุยกับพี่เคน พี่เคนบอกว่าวันนี้จะไปซื้อเสื้อผ้าไว้ให้ พอเธอหายดีกลับบ้านก็จะได้มีเสื้อผ้าไว้ใช้ได้เลย
เพียงแต่วันนี้เธออยากออกไปข้างนอก! ต้องไปให้ได้! และเพียงแค่คิดก็ไม่มีผลอะไร ต้องลงมือทำด้วย! เรียกได้ว่าเพิ่งได้พลังมา ก็เริ่มใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองทันที
“ไปดูฉากนั้นดีกว่า ตื่นเต้นจังงง”
ว่าแต่ว่า สถานที่มันอยู่ตรงส่วนไหนของนิวยอร์กอ่ะ?
“มิคาเอลลลลลล บอกฉันที ฮืออออ”
ลองเอ่ยเรียกชื่อมิคาเอลทันที เผื่ออีกฝ่ายจะมาช่วย ฮือออออออ
.
.
กา…กา….กา….กาาา
เงียบ…
“มิคาเอ๊ลลลลลลลลลลลลล!!”
“ครับๆ เดี๋ยวผมจะบอกทางไปให้ละกันครับ”
“โอ๊ะ มาจริงๆด้วย”
“ร้องเรียกขนาดนี้ ไม่มาคงไม่ได้ อีกอย่างมันก็หน้าที่ผมด้วย เอาล่ะ ผมจะบอกทางแค่ครั้งเดียวนะครับ”
“อื้ม บอกมาเลย!” เห็นแบบนี้ความจำดีนะขอบอกกกกก
พอมิคาเอลบอกทางไปเสร็จ ฉันก็รีบไปทันที ระหว่างทางก็เริ่มถามอีกเรื่องนึงที่ลืมถามทุกที
“นี่มิคาเอล ทำไมฉันถึงฟังพวกเค้ารู้เรื่องอ่ะ? แถมฉันยังพูดกับพวกเค้ารู้เรื่องด้วย”
“ก็ท่านผู้นั้นต้องการแบบนั้นไงครับ”
อ้อออ เข้าใจละ ก็ดีที่ไม่ต้องมาศึกษาภาษาของที่นี่อยู่ ไม่ว่าจะอังกฤษ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน หรือภาษาต่างชาติอะไรก็แล้วแต่ ขอบอกเลยว่าตัวเธอนั้นนนน ไม่เก่งภาษาเป็นอย่างมาก เหอะๆ
พอวิ่งมาสักพักก็ถึงจุดหมาย ที่เหลือก็ยืนรอดูแล้วก็หามุมดีๆแอบ ระหว่างที่กำลังหามุมดีๆดูได้แล้วก็พยายามคิดหาอะไรทำแก้เบื่อระหว่างรอ และเหมือนเธอเพิ่งนึกขึ้นได้
ไอพลังเหนือมนุษย์ที่ได้มานี่ มันใช้ยังไงอ่ะ? อืมมมม มันใช้ยังไงหว่า? ไม่เหมือนในเมะหรือนิยายนะที่เข้ามาแล้วจะใช้ได้เลย เฮ้อออออออ มันใช้ยังไงเนี่ยยยยย!?
“เจ้าสงสัยช้าไปนะ ทั้งๆที่เจ้าก็เพิ่งใช้ไปเพื่อหนีออกมาจากโรงพยาบาลแท้ๆ”
เฮ้ย! เดี๋ยวเสียงใครอ่ะ เสียงผู้หญิง?
“เพราะเจ้ามิคาเอลไม่ว่างหรอกนะเราถึงต้องมาเอง”
“คะ?” ยังคงงงอยู่
“เจ้าอยากรู้วิธีใช้พลังสินะ? ง่ายๆแค่เพียงเจ้าคิดเจ้าก็ใช้ได้แล้ว”
“คิด?”
“ใช่ ก็เหมือนกับที่เจ้าคิดอยากหนีออกจากโรงพยาบาลตัวเจ้าก็วาร์ปมาข้างนอกทันที ไม่เอะใจเลยรึไง?”
“เอ้ออออ จริงด้วย… แหะๆ" หัวเราะแห้งๆ นั่นสิ ทำไมตอนนั้นไม่เอะใจเลยนะเรา
“เจ้าจะลองอีกสักรอบมั้ยล่ะ แค่คิดเจ้าก็ใช้พลังได้แล้ว”
“ไม่ๆ ไม่ลองแล้ว อืมมม แต่นี่มันก็เวอร์เกินไปอยู่นาาา”
“หืม เวอร์ยังไง?"
“คือพรที่ได้มามันไม่เหมาะกับโลกนี้เท่าไหร่ ถ้าเป็นโลกที่มีลูกบอล 7 ลูกและขอพรได้ หรือโลกที่ต้องใช้พลังสู้กันน่าจะเหมาะกว่า พรนี่เปลี่ยนได้มั้ยนะ?"
“ถ้าเจ้าอยากเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้”
“ห๊ะ? เปลี่ยนได้เหรอ?”
“อืม เปลี่ยนได้ ถ้าสิ่งที่เจ้าต้องการไม่เกินขอบเขตที่กำหนด เจ้าอยากเปลี่ยน?”
“อื้ม!”
“อะไรบ้างล่ะ?”
“ก่อนอื่นเลย พรที่ได้นี่เอาออกไปให้หมดเถอะ”
“ทำไม? เจ้าไม่ชอบ?”
“มันก็ชอบแหละแต่ก็ไม่ชอบอะ ยังไงดี” พึมพำเบาๆพร้อมใช้นิ้วชี้เกาแก้มตัวเองด้วยสีหน้าที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง
“เอาเถอะ เราลบพรพวกนั้นได้ แล้วเจ้าจะเปลี่ยนเป็นอะไร?”
“ขอเป็น เรียนรู้เร็วและสามารถนำมาใช้ได้ทันที เก่งพวกศิลปะการต่อสู้ทุกอย่าง เช่นพวก คาราเต้ มวยไทย เทควันโด อะไรพวกนี้อะ”
“เรื่องเก่งศิลปะการต่อสู้ก็อยู่ในพรเรียนรู้เร็วที่เจ้าขอนะ”
“เอ๊ะ?”
“ก็ก่อนที่เจ้าจะเก่ง เจ้าก็ต้องเรียนรู้ก่อนอยู่ดี”
“จริงด้วยแฮะ”
“เอาเป็นว่า ถ้าเจ้าเรียนรู้อะไรก็สามารถนำมาใช้ได้ทันทีและเก่งด้วย แบบนี้?”
“ใช่ๆ เอาแบบนี้”
“แล้วเรื่องเสน่ห์กับฮาเร็มเจ้าไม่ต้องการ?”
“ไม่เอาๆ ถ้าจะมาชอบฉันจริงๆ ก็ชอบที่เป็นฉัน ไม่ใช่มีพรคอยช่วย ส่วนพรฮาเร็มมีไว้ทำไมก่อน?”
“ก็เผื่อเจ้าอยากมีหลายคน เราเลยให้พรนี้ไปเพื่อให้โลกนี้เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา”
“แบบนั้นมันแปลกๆนะ มันเหมือนพรให้มีเสน่ห์เลย ไม่เอาๆ แค่พรความสามารถเรียนรู้เร็วแถมเอามาใช้ได้แบบนี้โครตเก่งและโกงพอแล้ว ที่เหลือปล่อยให้เป็นธรรมชาติหรือโชคชะตาอะไรก็แล้วแต่ลิขิตเองเถอะ ถ้ามันจะเกิดเรื่องแบบนั้นจริงๆ ก็คงต้องจัดการกันเอง แต่มันจะเป็นไปได้ด้วยเหรอ? หาคนให้มาชอบฉันให้ได้ก่อน”
“หึ อีกไม่นาน เดี๋ยวเจ้าก็จะได้คำตอบเอง”
“หืม?”
“มีพรอะไรอีกที่เจ้าต้องการ”
“อ๊ะ จริงสิๆ คือว่า เอ่อ.. คือออ”
“อ้ำๆอึ้งๆอยู่ได้ ว่ามา”
“คือออ นี่คือยังดูโคนันไม่จบเลยอะ”
“แล้ว?”
“ก็แบบ ถ้ามีตอนใหม่ก็อยากดูต่ออีก ถ้าอยากย้อนดูตอนเก่าก็ดูได้…” เอานิ้วชี้จิ้มกันไปมา
“……”
“เอ่อออ จะพอเป็นไปได้ไหม ที่แบบมีหน้าต่างที่เหมือนระบบแล้วท่องเว็บที่สามารถดูพวกอนิเมะได้…"
“….”
“อะ เอาแค่อนิเมะโคนันก็ได้!” ยกมือขึ้นมาประกบกันไว้เหนือหัวแนวไหว้ขอร้องแบบสุดๆ
“…เฮ้อออ” ถอนหายใจพร้อมใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งนวดระหว่างคิ้วไปพลาง
“ได้โปรดดดดด" ส่งสายตาอ้อนวอน
“เฮ้อออ ไม่ใช่ว่าจะให้ไม่ได้”
“จริงเหรอ!?”
“แต่ก็อย่างที่เจ้าพูด เราให้ได้แค่เรื่องนี้เท่านั้น เพราะที่นี่ก็คือโลกที่เราสร้างแยกออกมาจากโลกหลักของเรื่องนี้จะให้มีเรื่องอื่นให้ดูด้วยคงไม่ค่อยเหมาะมั้งนะ”
“เอ๊ะ? สร้างแยกออกมา?”
“ใช่ เจ้าคงเคยได้ยินใช่หรือไม่ว่าโลกหรือมิตินึงจะมีแยกแตกแขนงออกไปอีก”
“อื้ม ก็เคยได้ยินหรืออ่านมาบ้าง เหมือนแบบโลกนี้มิตินี้มีตัวฉัน โลกหรือมิติที่แตกแขนงออกไปก็มีตัวฉันที่แตกต่างกันอีกเยอะแยะเลย ประมาณโลกคู่ขนาน ใช่รึเปล่า?”
“ก็ตรงตามที่เจ้าพูดอยู่บ้าง”
“แล้วคือ?”
“โลกคู่ขนานนั้นไม่ว่าแยกแตกแขนงมากเพียงใดก็ยังคงมีตัวตนของคนในโลกหลักอยู่เช่นเดิมไม่ว่าจะยังมีชีวิตหรือเสียชีวิตก็ตาม…” เหลือบมองหญิงสาวด้วยหางตา
“???” มองทำไมเนี่ย กดดันนะ
“และแน่นอนว่าโลกแห่งนั้นไม่มีตัวตนของเจ้าอยู่”
“!”
“เราจึงสร้างแยกออกมาอีกที และทำให้มันเป็นโลกหลักโลกนึงที่ไม่เกี่ยวกับโลกหลักของคนที่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วใส่ตัวตนของเจ้าเข้าไประหว่างสร้าง”
“…..”
“แน่นอนว่าชีวิตของผู้คนในโลกนี้ก็ดำเนินไปตามที่เจ้าเคยดู เพียงแต่โลกนี้มีตัวตนของเจ้าด้วย”
“…..” ก้มหน้าลง กำมือทั้งสองข้างแน่น เม้มปากจนแดงก่ำ
“ทำไมต้องทำท่าทางแบบนั้น ที่เราบอกเจ้าเรื่องนี้ เพราะเราต้องการจะบอกเจ้าว่าเจ้าสามารถใช้ชีวิตในโลกนี้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องมากังวลว่าตัวเองจะเป็นคนนอกและไม่ได้เกี่ยวข้องกับโลกนี้อะไรแบบนั้น”
“อ่า..” เงยหน้ามองคนตรงหน้าที่จ้องเขม็งมาที่ตัวเอง
“เราสร้างโลกนี้มาเพื่อให้เจ้าได้ใช้ชีวิตที่มีความสุขนะ”
“…..” มองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าอึ้งๆ
“แถมยังเป็นโลกที่เจ้าอยากมาไม่ใช่รึไงกัน” ขมวดคิ้วเริ่มเท้าเอว
“ไม่ คือ ที่จริงอยากออกทะเลไปตามหาวันพีช”
“ห๊าาา?”
“อุ๊บ! ฮ่า ฮ่า ฮะๆๆ ล้อเล่นๆ ฮะๆๆ ฟู่ววว อื้ม! ฉันเข้าใจสิ่งที่ท่านต้องการจะบอกฉันค่ะ” ปาดน้ำตาที่หางตาแล้วยิ้มส่งไปให้คนที่ทำหน้าบึ้งอยู่
‘ถึงแม้อยากออกทะเลไปเป็นราชาโจรสลัดจริงๆก็เถอะ’
ชิ้ง…
“อุ้ย! แหะๆๆ” เหงื่อตก รู้สึกได้ถึงรังสีทะมึน หันไปมองก็พบว่าอีกคนกำลังมองแรงอยู่
“เฮ้อออ เอาล่ะ ได้เวลาที่เราต้องไปแล้ว ส่วนพรเราจะเปลี่ยนให้ตามที่เจ้าขอ ส่วนระบบที่เจ้าต้องการเราจะให้มิคาเอลมาบอกอธิบายเจ้าอีกทีละกัน”
“อ๊ะ ดะ เดี๋ยวก่อนสิ”
“เจ้ามีอะไรที่อยากได้อีกรึ?”
“ไม่ใช่ๆ ฉันแค่สงสัย ถ้าเปลี่ยนพรให้แบบนี้ เทพพระเจ้า เอ่อ ท่านผู้นั้นที่เลือกและส่งฉันมาจะไม่โกรธเหรอ?” ถามจบก็ถูกอีกฝ่ายมองมาที่ตัวเองด้วยสีหน้าอึ้งๆ นี่ฉันถามอะไรผิดไปงั้นเหรอ?
“เฮ้อออ เราว่าเราก็พูดชัดเจนอยู่นะ ความสามารถและตัวตนของเรามันไม่ชัดเจนรึไงกัน? หรือเพราะเป็นร่างนี้?" พึมพำเบาๆแต่ก็พอให้อีกคนได้ยิน
“??” งงนะ คำถามเรามันแปลกเหรอ?
“เจ้าถามว่าเราจะไม่ถูกโกรธใช่หรือไม่?”
“อื้ม!” พยักหน้า
"แล้วเราจะโกรธตัวเองทำไม?”
“ห๊ะ?”
“เสียเวลามากแล้ว เราไปล่ะ”
“…..” อ้าปากค้าง
กรี๊ดดดดดดดดดด เมื่อกี้ฉันคุยกับท่านผู้นั้นเหรอคะเนี่ยยยยยยยยยย!? (โหยหวน)
เอ๊ะ? ว่าแต่ท่านผู้นั้นเป็นเด็กผู้หญิงเหรอ!?
หลังจากผ่านความคิดที่วุ่นวายเกี่ยวกับท่านผู้นั้นไปสักพักสติก็ได้เดินทางกลับเข้าร่างมา ตอนนี้ก็เตรียมพร้อมที่จะพบเจอคนที่อยากจะเจอมาทั้งชีวิตแล้วววว
เมื่อไหร่จะมาหนออ รอฉันรอเธออยู่นะ เหอะๆ
โอ๊ะ เสียงคนเดินกำลังมาทางนี้ จะใช่รึเปล่านะ? อ๊ะ มาแล้วๆๆๆ หืม? อ้อ ดูเหมือนว่าจะเป็นตอนที่ผ้าเช็ดหน้าของรันปลิวออกมาจากรถสินะ?
“หรือว่าโดนลมพัดไปที่อื่นแล้วล่ะมั้ง”
“ช่างมันเถอะน่า แค่ผ้าเช็ดหน้าแค่ผืนเดียวเอง”
“แค่ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวซะที่ไหนล่ะ มันเป็นของสำคัญที่ได้มาจากชารอนนะ.. เอ๊ะ”
อาาา ตอนนี้ดูเหมือนรันจะนึกถึงคำพูดของชารอนรึเปล่านะ? อืมมม คำไหนกันนะ? อืมมมมมมม อ๊าาาาา นึกออกแล้ว! ดูเหมือนจะพูดว่า..
‘ว่าแล้วเชียว พระเจ้าน่ะไม่มีอยู่จริงหรอก’
“อ๊ะ นั่นใช่ไหมอะ”
“อะ! เฮ้อออ” กำลังคิดเพลินๆ จู่ๆก็มีเสียงพูดขึ้นมา ตกใจหมดเลย พอมองไปทางเจ้าของเสียงก็คือชินอิจินั่นเองที่พูดขึ้นมา
“นั่นไง ไปติดอยู่ที่ราวบันได้นั่นอะ สีขาวๆ” พูดพร้อมเดินไปสำรวจหน้าทางเข้าแล้วมองไปรอบๆแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “รู้สึกจะเป็นตึกร้างที่ไม่มีคนอยู่นะ” พูดจบก็หันหน้าไปหารันแล้วพูดต่อ
“เดี๋ยวฉันจะไปเก็บมาให้ รันกลับไปที่แท็กซี่ก่อนเถอะ” ชินอิจิพูดจบก็เดินเข้าไปข้างในทันทีโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าเพื่อนสาวของตัวเองมีสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
‘ถ้าพระเจ้ามีอยู่จริงล่ะก็ คงไม่เกิดเรื่องน่าสลดแบบนี้ขึ้นมาหรอก’
‘Thank you, sweet angel. You help me do it.’
(ขอบคุณนะนางฟ้าที่น่ารัก เพราะเธอความตั้งใจของฉันเลยสัมฤทธิ์ผล)
“รันจังดูไม่โอเคเท่าไหร่เลยนะ จะไหวไหมเนี่ย?” พึมพำกับตัวเองเบาๆพร้อมมองไปที่รันที่ทำสีหน้าพร้อมที่จะร้องไห้ออกมา ไม่สิ ต้องบอกว่าน้ำตาคลอแล้วต่างหาก หืม มีเสียงเดินกำลังมาทางนี้? จะว่าไปแล้ว หลังจากนี้มัน…นั่นไงๆ! เดินมาแล้ว!
อากาอิ ชูอิจิ!
อ๊ากกกกก ตอนนี้หัวใจคือเต้นตึกตักรัวเร็วมากๆเลย! อยากจะกรี๊ดลั่นโลกแล้ว! เฮ้ย! คุณอากาอิ คุณทำรันจังกลัวแล้วนะ! พูดดีๆหน่อยสิ แค่หน้าตาคุณก็ดูน่ากลัวแล้วนะโว้ย! ยังมาตะคอกขึ้นเสียงอีก แย่จริงๆเลย อ๊ะ รันจังจะเข้าไปข้างในนั้นแล้วแฮะ กำลังจะได้เจอเบลม็อทสินะ? อยากตามไปดูใกล้ๆจัง
เป็นห่วงรันจังอะ อยากตามไป อ๊ะ นั่นไง รันจังมีสีหน้าเศร้าใหญ่เลยคงกำลังโทษตัวเองอยู่สินะ ตามที่เคยดู เฮ้ย นั่นไงไอโรคจิต! เอ้ย เบลม็อทโผล่มาแล้ว! ว่าแต่สรุปเบลม็อทกับชารอนมันคนเดียวใช่รึเปล่า?
ช่างเถอะ ลองไปแอบดูอีกทางที่ด้านบนดีกว่า สกิลปีนและกระโดดต้องมาละ
โอ๊ะ เบลม็อทกำลังเล็งไปที่ชินอิจิแล้ว ถึงจะรู้อยู่แล้วก็เถอะว่าอีกฝ่ายจะไม่ยิงอะ แต่แบบ อดเป็นกังวลไม่ได้อยู่ดี
“อ๊ะ ว๊าย!”
ตุบ!!
“เจ็บๆๆๆ"
เพราะมัวแต่คิดเลยไม่ทันระวังเผลอลืมตัวว่าตัวเองปีนอยู่ ให้ตายเถอะ แสบแผลชะมัด มีแผลแบบนี้ แล้วจะกลับไปอธิบายให้สองคนนั้นฟังยังไงดีเนี่ย ซวยแล้วเรา แล้วเสียงดังขนาดนี้คนอื่นจะไม่ได้ยินเอาเหรอ หืม? โอ้ เป็นอย่างที่คิดจริงๆด้วยยย! (กรีดร้องในใจ)
“ขะ ขอโทษค่ะ พอดีฉันหลงทาง แล้วคือ ได้ยินเสียงคนก็เลย เอ่อ เดินมาดู แหะๆ” ฉันพูดพร้อมยิ้มแหยๆ หัวเราะแหะๆ เพราะคนตรงหน้าฉันคือชินอิจิที่กำลังอุ้มรันจังอยู่ เชื่อฉันเถอะ ถึงแม้จุดที่เราตกมาล้มจะแปลกๆก็เถอะ เหอะๆ
มองใหญ่เลย อย่ามองสิ เขินนะ ไม่ใช่ละ ชินอิจิกำลังมองมาทางเธอแบบอึ้งๆ แถมตาโตมาก คงเพราะตกใจอะไรสักอย่าง ส่วนเบลม็อท...เอ้ย ตอนนี้ต้องเป็นตาแก่โรคจิตสินะ? อีกฝ่ายกำลังมองมาทางนี้แล้วเบิกตากว้างเลยล่ะ ท่าทางแบบนั้นคืออะไร? ทำตัวเหมือนรู้จักเราเลย
“เธอเป็นใคร?”
เอ่อออ ชินอิจินายไม่ต้องขมวดคิ้วขนาดนั้นก็ได้ เราไม่ใช่คนร้ายนะ ฮือออออ
“เอ่อ ก็ที่บอก แค่คนหลงทางเฉยๆค่ะ อย่าสนใจฉันเลย ฉันว่าคุณพาคนที่คุณอุ้มอยู่ไปหาหมอเถอะอาการดูแย่ๆนะคะ” แถค่ะ เปลี่ยนเรื่องสักนิด ไม่ค่อยจะเนียนเลยเรา เหอะๆ
“จริงด้วย! รันทำใจดีๆไว้นะ!” ชินอิจิพูดจบก็วิ่งไปเลยค่ะ พอเป็นเรื่องรันจัง ชินอิจิเห็นฉันเป็นแค่สายลมที่พัดผ่านเลยค่ะ ตอนนี้ก็เหลือแค่...
“Princess... ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?” ห๊ะ? Princess? เจ้าหญิง? ทำไมเบลม็อท เอ้ย ตาแก่นี่ถึงเรียกเราแบบนี้ล่ะ?
“Princess?” ลองเนียนๆเอ่ยถามด้วยสีหน้างงๆ และดูเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจจึงรีบหุบปากเงียบไม่เอ่ยอะไรอีก
“ไปจากที่นี่ซะ” ตาแก่โรคจิตพูดจบก็วิ่งหายไปทันที แต่เรียกผู้หญิงว่าตาแก่โรคจิตมันจะดีไหมหว่า?
โวยวายหลังม่าน
มาสะ: สรุปแล้วเบลม็อทเป็นใคร อายุเท่าไหร่กันแน่นะ?
เบลม็อท: A secret makes a woman woman (กระซิบ)
มาสะ: ...มันเกี่ยวกับที่เราถามเหรอวะ? (คิดในใจไม่พูดออกมา)
กระต่ายน้อย: บทนี้มันยังไม่ถึงนะเบลม็อท (คิดในใจ)
(ไอโลกหลักหรือโลกแตกแขนง สร้างโลกแยกเนี่ย เรามั่วๆตามที่เราเข้าใจ
จากการหาอ่านตามเน็ต และใส่ความมโนเข้าด้วย อาจจะงงๆหน่อย ไม่หน่อย เหอะๆ)
ปล. ถ้ามีอะไรผิดพลาดหรือต้องแก้ไขตรงไหนบอกได้นะครับ
ความคิดเห็น