ตอนที่ 21 : บุปผาเริงรมย์ (รีไรต์)
" นะ นะ พี่รอง...ท่านช่วยพาหนี่ว์เอ๋อร์ไปหน่อยนะเจ้าคะ "
จางซูหนี่ว์พยายามใช้น้ำเสียงออดอ้อนสุดฤทธิ์ พลางกระพริบตาปริบ ทั้งยังส่งสายตาละห้อยไปให้ผู้เป็นพี่ชายคนรอง เพื่อหวังให้เขาเป็นคนพานางเข้าไปยังหอคณิกา หลังจากที่เล่าถึงจุดประสงค์ในการไป และความตั้งใจทำการค้าเกี่ยวกับสถานเริงรมย์ของนางให้พี่ชายได้ฟัง
ไม่ หากท่านพ่อ ท่านแม่ และพี่ใหญ่รู้เข้ามีหวังเอาข้าตายแน่ ที่พาเจ้าเข้าไปยังหอคณิกานั่น "
จางฮุ่ยเฟิงปฏิเสธเสียงแข็ง พลางตั้งท่าจะเดินหนีผู้เป็นน้องสาวไปเสียอีกทาง หากแต่นางก็ไม่ยินยอมให้เขาทำเช่นนั้นโดยง่าย ยังคงเดินตามตื๊อ ออดอ้อน พร่ำรำพันหาเหตุผลมากล่าวอ้างกับเขาเสียมากมายให้ยอมพานางไป
สองสามวันมานี้นางเกาะติดเขาเสียยิ่งกว่าอะไร ซึ่งเขาก็คงใจอ่อนกับนางไปนานแล้ว หากว่าสถานที่ที่นางจะให้เขาพาไปนั้นมิใช่หอคณิกา
ดูเถิด...สตรีในห้องหอดีดีที่ไหนเขาคิดพิเรนทร์จะไปสถานที่เช่นนั้น ดั่งน้องสาวของเขาบ้างเล่า
" ท่านพี่...ข้าก็แค่อยากเข้าไปดูการแสดงของพวกนางเท่านั้น ได้ยินว่าพวกนางถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ล้วนมีฝีมือในศาสตร์ของการร่ายรำ ขับร้อง เล่นดนตรีเป็นเลิศ หนี่ว์เอ๋อร์เพียงอยากเข้าไปดูเพื่อที่จะนำมันมาต่อยอด พลิกแพลง คิดการแสดงที่แตกต่างไปจากเดิมที่มีอยู่แล้ว สร้างความแปลกใหม่ให้กลุ่มลูกค้า มิได้หรือเจ้าคะ "
นางเอ่ยเหตุผลให้จางฮุ่ยเฟิงได้ฟัง พลางโน้มน้าว เรื่องทำการค้าคงไม่มีผู้ใดให้คำปรึกษากับนางได้ดีเท่าพี่รองผู้นี้อีกแล้ว
" ข้าไม่เข้าใจเจ้าจริงๆ หนี่ว์เอ๋อร์ กิจการค้าของตระกูลเราก็ใหญ่โตครอบคลุมเกือบทุกอย่าง หากเจ้าเบื่ออยากหาสิ่งใดทำก็มาช่วยข้าที่หอการค้าสกุลจางก็ได้ งานมีให้เจ้าเลือกทำเยอะแยะ "
จางฮุ่ยเฟิง พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของน้องสาว เผื่อนางจะเปลี่ยนความตั้งใจ ก็ไม่รู้ว่าน้องสาวหัวอ่อน ว่าง่ายของเขาหายไปอยู่เสียที่ใด ตอนนี้เขาชักจะคิดถึงนางในตอนนั้นเสียแล้ว ด้วยนางเปลี่ยนไปราวกับคนละคนเลยทีเดียว
" ก็ข้าไม่ชอบทำการค้าเช่นนั้นนี่นา ข้าชอบการแสดง การร่ายรำ ขับร้อง ชอบอะไรที่ดูแล้วเพลิดเพลินเจริญตาเจริญใจ ดูแล้วสนุกสนาน ยิ่งถ้ามีคนชอบในสิ่งที่เราทำ หนี่ว์เอ๋อร์คงมีความสุขมาก"
" เจ้าจึงคิดจะเปิดกิจการสถานเริงรมย์นี่นะ "
" เจ้าค่ะ"
หญิงสาวตอบรับ พลางฉีกยิ้มแป้นส่งให้พี่ชายเป็นการประจบ ความออดอ้อนของน้องสาวที่มีต่อพี่ชายที่คอยตามใจอยู่เรื่อย ประจบอีกสักหน่อย เอาผลกำไรโน้มน้าวอีกสักนิด นางเชื่อว่าอย่างไรเสียจางฮุ่ยเฟิงต้องยอมช่วยนางแน่นอน
" เฮ้อ..."
จางฮุ่ยเฟิง ได้แต่ถอนหายใจในความดื้อรั้นของน้องสาว ความคิดการค้าของนางที่ได้เล่ามามันก็เข้าทีดีอยู่หรอก แต่อีกใจก็ไม่อยากให้น้องสาวต้องมาเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้เลย
เพราะถ้าเปิดสถานเริงรมย์ขึ้นมาจริงๆ ดูท่าทางนางคงจะควบคุมดูแลด้วยตนเองเป็นแน่ และก็อาจจะได้พบเจอคนมากหน้าหลายตาด้วย ทั้งดีและไม่ดี กล่าวตามตรงเขานั้นก็ทั้งห่วงและหวงผู้เป็นน้องสาวอยู่มาก
อีกอย่างสิ่งที่คิดจะทำ...แค่คิดมันง่าย แต่กว่าจะสำเร็จนั้นไม่ได้ง่ายเลย นางถูกเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมมาตลอดทั้งชีวิตของนาง จะรับแรงกดดันและปัญหาที่จะเกิดขึ้นระหว่างการทำงานได้หรือ..
" พี่รอง ท่านลองคิดดูสิ ตระกูลจางน่ะยังไม่เคยทำกิจการเกี่ยวกับสถานเริงรมย์ใช่หรือไม่ ถือเสียว่าข้าช่วยขยายกิจการการค้าของตระกูลให้ครอบคลุมในทุกด้านยิ่งขึ้น ไม่ดีหรือไร...ท่านดูแลในเรื่องค้าขายสินค้า ส่วนข้าดูแลในเรื่องค้าขายความสนุกสนาน ความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า สถานเริงรมย์ของข้าไม่ได้ร่วมค้าขายประเวณีดั่งหอคณิกา เพียงนำเสนอการร่ายรำสวยงาม การแสดงแปลกใหม่ การขับร้อง การเล่นดนตรี เป็นสถานที่ให้กลุ่มลูกค้าได้ใช้พบปะสังสรรค์ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า ความกังวล หากเราวางแผนกลยุทธ์การค้าดี คาดว่าทุกอย่างจะดำเนินไปได้ด้วยดีเป็นแน่...กำไรก็จะงอกเงยขึ้นๆ "
จางซูหนี่ว์ เอ่ยหว่านล้อม...
" ทุกอย่างย่อมมีการลงทุน และความเสี่ยง "
จางฮุ่ยเฟิง ยังค้านอยู่ แม้ว่าจะคล้อยตามน้องสาวไปเสียเกือบครึ่งแล้วก็ตาม
" แน่นอน ทุกอย่างย่อมมีความเสี่ยง...แต่อย่าลืมว่าทุกอย่างต้องมีการเริ่มต้นเช่นกันเจ้าค่ะ หากกลัวที่จะเสี่ยงก็ไม่มีการลงมือทำเสียที..หนี่ว์เอ๋อร์จึงได้ชวนให้พี่รองพาไปดูหอคณิกาอย่างไรเจ้าคะ ไปดูเพื่อเอามาเป็นแนวทางเฉยๆ ส่วนที่โรงเตี๊ยมน่ะ ข้าไปดูเองเมื่อใดก็ได้ "
หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ แต่สายตาเว้าวอน
" เอาล่ะๆ ก็ได้ๆ หากข้าไม่ช่วยเจ้า เจ้าคงหาทางไปอยู่ดีใช่หรือไม่..."
จางฮุ่ยเฟิงตัดสินใจในที่สุด เมื่อเห็นว่าล้มล้างความตั้งใจของจางซูหนี่ว์ไม่ได้ ช่างดื้อรั้นเสียจริงๆ แต่อย่างน้อยความเป็นห่วงน้องสาวก็มีมากกว่า ครั้นจะปล่อยให้นางเข้าไปสถานที่เช่นนั้น ตามลำพังอิสตรีได้อย่างไรกัน หากนางรูปโฉมขี้ริ้วขี้เหร่ก็ว่าไปอย่าง
แต่ตรงข้ามรูปโฉมนางสะดุดตาผู้พบเห็นเช่นนี้ ให้เข้าไปเองตามลำพังคงแย่ และยังดีที่นางก็คงจะรู้ตัวในข้อนี้ดีอยู่ จึงได้มาขอให้เขาเป็นผู้พานางเข้าไป ก็ถือว่ายังรู้จักหาความปลอดภัยให้ตัวนางเองในระดับหนึ่ง
" พี่รอง ท่านใจดีกับหนี่ว์เอ๋อร์ที่สุดเลย...คิดไว้แล้วว่าอย่างไรท่านก็ต้องช่วยข้าได้ ไม่เหมือนพี่ใหญ่หรอกชอบหายหน้าหายตา ยามที่ข้าต้องการความช่วยเหลืออยู่เรื่อยเลย "
จางซูหนี่ว์ เข้าไปเกาะแขนจางฮุ่ยเฟิง พลางเอนศีรษะพิงต้นแขนพี่ชายเป็นการประจบ
" พี่ใหญ่ทำไมหรือ แล้วเจ้าต้องการความช่วยเหลือใด "
จางฮุ่ยเฟิง เอ่ยพลางขมวดคิ้วอย่างนึกสงสัย
" ก็ ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ ข้าแค่บ่นไปตามประสาเท่านั้น "
เผลอบ่นไปเสียแล้ว จะให้บอกอย่างไรได้ว่าพี่ใหญ่ชอบหายอยู่เรื่อย ปล่อยนางลอยแพอยู่ในวังนั่นกับจวิ้นอ๋องอย่างไรเล่า แล้วอย่างไรล่ะ...น้องตัวเองถูกเขารังแกยังไม่รู้เลย
" พูดถึงพี่ใหญ่ก็ดี เรื่องที่เราจะไปหอคณิกานี่ห้ามให้ผู้ใดรู้เป็นอันขาดเข้าใจหรือไม่ ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ ก็ห้ามรู้ เดี๋ยวเจ้าถูกลงโทษข้าไม่รู้ด้วยนะ ตัวข้าเองก็คงโดนบ่นไปอีกนานเลย โดยเฉพาะท่านแม่ผ่านไปเป็นปีก็ไม่ลืมหรอก "
จางฮุ่ยเฟิง เอ่ยย้ำน้องสาว
" แน่นอน ข้าจะเก็บเป็นความลับ "
นางตกปากรับคำต่อพี่ชายเป็นอย่างดี จากนั้นจึงพากันวางแผนขออนุญาตมารดาไปช่วยงานจางฮุ่ยเฟิงที่หอการค้าสกุลจาง ซึ่งตั้งอยู่ในย่านการค้าและอาจจะค้างคืนที่นั่น ด้วยว่าที่นั่นนั้นมีห้องพักที่จัดเตรียมเอาไว้สำหรับรับแขกอยู่ชั้นบนสุด
ซึ่งจางฮุ่ยเฟิงก็อาศัยนอนค้างที่นั่นอยู่บ่อยๆเช่นกันยามที่การงานรัดตัว และครั้งนี้ก็คงใช้เหตุผลเดิมแต่เพิ่มเติม คือ มีจางซูหนี่ว์อาสาไปช่วยงานพี่ชายเท่านั้น
ช่วงค่ำของวันต่อมา ณ หอบุปผาเริงรมย์
" พร้อมหรือไม่ คุณชายซู "
จางฮุ่ยเฟิง หันไปพูดกับหนุ่มน้อยหน้ามนที่ยืนอยู่ข้างกายเขาในขณะนี้ หรือก็คือจางซูหนี่ว์ที่เขาให้นางแต่งกายเป็นบุรุษแทน แม้จะดูขัดตาไปบ้างกับรูปหน้าหวานละมุนเกินชาย แต่ถ้ามองว่าเป็นบุรุษหน้าหวานก็คงพอจะได้อยู่กระมัง ให้นางปรับท่าทางการเดิน การนั่ง กิริยาเลียนแบบบุรุษก็ใช่ว่าจะดูน่าเกลียด ทั้งเลือกมาในยามค่ำจะได้ไม่เป็นที่สังเกตของใครมากนัก
" พร้อมแล้วขอรับ คุณชายจาง "
จางซูหนี่ว์เอ่ยตอบรับผู้เป็นพี่ชายพลางกดเสียงให้ต่ำลงอีกนิด พี่ชายของนางมิได้ให้เพ่ยเพ่ยตามมาด้วย เพราะถ้าหายมาพร้อมกันทั้งนายทั้งบ่าวจะเป็นที่สังเกต จึงให้เพ่ยเพ่ยรออยู่ที่หอการค้า ทั้งให้บอกกับทุกคนว่าจางซูหนี่ว์เข้านอนเร็วกว่าปกติ นายอยู่ที่ใดสาวใช้คนสนิทก็อยู่ที่นั่น
ส่วนตัวจางซูหนี่ว์นั้นแอบออกมาทางด้านหลังกับผู้เป็นพี่ชาย และบ่าวคนสนิทของพี่ชายอีกสองคนที่คอยอารักขา
ทำไมต้องแอบน่ะหรือ ดูการแต่งกายของนางสิ หากเดินออกมาอย่างสง่าผ่าเผยตามปกติ ทุกคนในหอการค้าก็ต้องสงสัยว่าจะไปที่ใด คนที่พบเจอหน้ากันบ่อยๆ เหตุใดจะจำใบหน้านางมิได้ แม้จะแต่งกายเป็นบุรุษก็เถิด ดีหน่อยที่จางซูหนี่ว์นั้น มิค่อยออกไปที่ใดบ่อยนักจึงไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าใด...
" ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมา "
จางฮุ่ยเฟิง ออกเดินนำผู้เป็นน้องสาวเข้าไปด้านใน
บรรยากาศด้านในนั้น เมื่อก้าวเข้าไปนั้นมีสาวงามหลายนางเข้ามาเชื้อเชิญให้ไปนั่งที่โต๊ะ คอยพะเน้าพะนอรินสุรา พลางบีบนวดให้อย่างเอาใจ ซึ่งก็ไม่ได้ต่างไปจากที่คิดเท่าไรนัก ตัวนางออกจะประดักประเดิดอยู่สักหน่อย ที่มีคนมาคอยบีบนวดถึงเนื้อถึงตัวเช่นนี้ จึงบอกปัดพวกนางไปอย่างสุภาพ
ให้แตะเนื้อต้องตัวมากไปเดี๋ยวได้รู้กันพอดีว่าเป็นสตรีหาใช่บุรุษ หากแต่ก็ยอมรับสุราที่พวกนางรินให้มาจิบพอเป็นพิธี เพื่อไม่ให้ดูต่างจากบุรุษอื่นทั่วไปนัก แต่ที่ดูจะเคลิบเคลิ้มสุขใจเป็นที่สุดคงหนีไม่พ้นพี่รองของนาง
ดูเอาเถิด..ขอร้องแทบตายกว่าจะพานางมาที่นี่ นางนั้นหรือก็นึกว่าเป็นห่วงน้อง ไฉนพอเข้ามาแล้วจึงมิใคร่สนใจนางสักเท่าใดเลย หันไปหัวร่อต่อกระซิกหยอกเย้ากับนางนางเหล่านั้นเฉย
ดูท่าทางจะมาบ่อยเสียด้วยสิ เห็นนางที่นั่งข้างๆพี่ชายนั้นพูดคุยแลสนิทสนมอยู่พอสมควร คราที่เดินเข้ามาที่นี่สตรีนางนั้นเมื่อเหลือบมาเห็นพี่รอง ก็ยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ตรงดิ่งเข้ามาหาทันที
พิโธ่เอ๋ย...พี่ชายนางประมาทไม่ได้นะนี่ มาดคุณชายเจ้าสำราญออกลายเสียแล้ว
" คุณชายจาง บอกว่าคุณชายเป็นสหายที่มาจากต่างเมืองหรือเจ้าคะ "
หญิงสาวชุดส้มสีสันออกจะแสบตาไปสักหน่อยเอ่ยถามนาง พลางนั่งเบียดกายเข้ามาใกล้นางเล็กน้อย ทั้งยิ้มหวานหยดย้อยถูกส่งมาให้ แม้นเป็นหญิงด้วยกันก็ขอสารภาพว่านางก็เขินไม่น้อยเลย คงเป็นวิธีมัดใจลูกค้าอย่างหนึ่งสินะ
" ใช่แล้ว ข้าเพิ่งมาจากต่างเมือง เอ่อ มาทำธุระน่ะ จึงแวะมาหาคุณชายจางผู้เป็นสหายเสียหน่อย...ว่าแต่เจ้าชื่ออันใดหรือแม่นางคนงาม "
จางซูหนี่ว์เอ่ยตอบ พลางเบี่ยงประเด็นให้ไปไกลๆตัว ทั้งเอื้อมมือไปเชยคางนางเป็นการหยอกล้อ ยังสายตากรุ้มกริ่มที่ส่งไปให้แม่นางชุดส้มอีก เอาน่าไหนๆก็ปลอมเป็นชายแล้วก็ต้องเอาให้สุด ดูท่าทางแม่นางเองก็ขวยเขินอยู่ไม่น้อย
" เลี่ยงลี่ เจ้าค่ะ "
" เลี่ยงลี่ ความงามที่สว่างไสว ช่างเหมาะสมกับแม่นางยิ่งนัก เพราะความงามของเจ้านั้นส่องประกายจนดวงตาข้าแทบบอดอยู่แล้ว "
จางซูหนี่ว์หยอดคำหวานไปอีกหนึ่งคำรบ
" อ่ะ แฮ่ม คุณชายซู ท่านนี่ก็ปากหวานปานน้ำผึ้งมิใช่เล่นนะ ดูเถิด..แม่นางเลี่ยงลี่เขินจนชายเสื้อยับเสียแล้วนั่น "
จางฮุ่ยเฟิง ที่แม้จะหันไปพูดคุยกับแม่นางที่นั่งอยู่ข้างกาย หากทว่าความจริงแล้วก็ยังให้ความสนใจน้องสาวอยู่เพียงนางไม่รู้ตัวเท่านั้น และเมื่อเห็นการกระทำของจางซูหนี่ว์ที่พูดจาหวานหูเกี้ยวพาแม่นางเลี่ยงลี่อยู่ ก็ออกจะขำท่าทางนั้นอยู่ไม่น้อย ด้วยว่าไม่เคยเห็นมุมนี้ของน้องสาวเลยสักครา
เล่นหูเล่นตาแพรวพราวเหลือเกินนะเจ้าตัวแสบ ขนาดนางคณิกาแท้ๆยังขวยเขินบิดชายเสื้อไปจนแทบขาดแล้วนั่น เอ่ยสัพยอกน้องสาวแล้วก็ต้องหลุดขำออกมา เมื่อจางซูหนี่ว์หันมาถลึงตาใส่เขา และหันกลับไปส่งยิ้มหวานให้แม่นางเลี่ยงลี่ต่อ
" คุณชายจางพูดไม่ผิดเลยเจ้าค่ะ สหายของท่านผู้นี้ปากหวานนัก สตรีใดต้องคารมไม่อายม้วนก็ให้รู้ไป วาจาหวานหู ใบหน้าหรือหวานละมุนนัก ผิวพรรณก็ดียิ่ง หากมิติดที่ว่าเป็นชาย คงเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงดงามหาใครเปรียบยากเป็นแน่ "
แม่นางชุดม่วงที่นั่งข้างกายของจางฮุ่ยเฟิงเอ่ยขึ้นบ้าง
" คงเป็นไปไม่ได้หรอก ข้าเป็นชายไหนเลยจะกลายเป็นอิสตรีได้เล่า "
จางซูหนี่ว์ เอ่ยเสียงเข้มเป็นการกลบเกลื่อน
" อ่ะนั่น!! ฉางเยว่กำลังจะเริ่มร่ายรำแล้ว "
แม่นางเลี่ยงลี่ เอ่ยขึ้นเป็นการเรียกความสนใจของทุกคนไปยังบริเวณพื้นที่ด้านหน้าอันว่างเปล่า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เตรียมไว้สำหรับการแสดง
" ฉางเยว่ นางเป็นคนเด่นของที่นี่หรือ "
จางซูหนี่ว์เอ่ยถาม เพราะดูหลายโต๊ะรอบข้างนั้นให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย รวมถึงพี่ชายของนางด้วย
" ใช่เจ้าค่ะ นางเป็นดาวเด่นของที่นี่ เพิ่งเข้ามาอยู่ได้ไม่กี่เดือนแต่มีฝีมือในการร่ายรำ ขับร้อง ทั้งยังเล่นเครื่องดนตรีได้เกือบทุกชนิด จึงมิแปลกที่จะโดดเด่น รูปโฉมก็งดงามไม่น้อย แต่นางมิได้หลับนอนกับผู้ใดนะเจ้าคะ หลังจากแสดงเสร็จแล้ว ก็มีเพียงพูดคุยเป็นเพื่อนแขกบ้างเท่านั้น "
" อ้อ เป็นเช่นนั้นหรอกหรือ "
นางพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ จากนั้นเพียงไม่นานเสียงบรรเลงดนตรีก็ดังขึ้น มีสาวงามสี่คนร่ายรำออกมาด้วยชุดที่ออกจะกรุยกรายเล็กน้อย หากแต่ชายผ้าที่แขนนั้นยาวออกมา ...ระบำชายผ้าสินะ
พวกนางยักย้ายส่ายสะโพก ร่ายระบำสวยงามอยู่มิน้อยหากแต่นางก็ว่ายังมิงามจับตานางสักเท่าใด
จนกระทั่งมีสตรีอีกนางที่ออกมาเป็นคนสุดท้าย รูปโฉมงดงามอ่อนหวานยิ่งนัก รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น กำลังร่ายรำด้วยท่วงท่าและชายผ้าที่พลิ้วไหว ชุดสีฟ้าที่นางสวมใส่พลิ้วไปตามจังหวะเคลื่อนไหวเหมือนดั่งสายน้ำ ทักษะการร่ายรำของนางไม่ธรรมดาจริงๆ นี่ก็คงจะเป็นแม่นางฉางเยว่ เป็นแน่
จางซูหนี่ว์เหลือบไปมองพี่ชายของนางก็เห็นว่าตกตะลึงไปเป็นที่เรียบร้อยเสียแล้ว หลงโฉมแม่นางฉางเยว่เข้าอีกคนแล้วเป็นแน่
แต่ก็คงไม่แปลกเพราะเมื่อลองหันไปสังเกตเหล่าบุรุษโดยรอบ ก็พากันเคลิบเคลิ้มมองนางกันตาละห้อยเชียว คิดๆดูหลายคนก็น่าจะมีลูกเมียอยู่ที่บ้านกันเสียแล้ว ยังมาหาเศษหาเลยกันนอกบ้านอยู่อีก แต่ก็นั่นล่ะของสวยๆงามๆใครบ้างจะไม่อยากดู
นี่ถ้าวันใดนางต้องมีสามี..แล้วสามีหนีออกมาเที่ยวหาความสำราญกับสตรีอื่นเช่นนี้ บ้านคงแตกเป็นแน่
" เอ๊ะ!! "
จางซูหนี่ว์รำพึงออกมาอย่างแปลกใจ เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นใครบางคนช่างคุ้นตานักเดินออกไปทางประตู เห็นเพียงหลังไวไวเท่านั้น หากแต่ก็คล้ายพี่ใหญ่ของนางมิน้อยเลย
จากนั้นจึงไล่สายตาแหงนหน้าขึ้นไปชั้นบนก็ไปปะทะเข้ากับสายตาของใครบางคน ที่กำลังมองมายังด้านล่างดูเหมือนเขากำลังยืนมองการแสดงร่ายรำนั้นอยู่ แต่ทำไมนางจึงรู้สึกว่าสายตาเขานั้นมองโต้ตอบกับนางอยู่มากกว่า...
บุรุษที่สวมหน้ากากไว้เพียงครึ่งหน้าด้านบน คุ้นแหะ...
ในใจแวบคิดไปถึงคนๆหนึ่งที่เป็นเจ้านายของพี่ชายนาง ด้วยเมื่อครู่นั้นรู้สึกคล้ายเห็นหลังจางฮุ่ยหรานอยู่ไหวไหว ทว่าตรองดูอีกครานั้นคงไม่ใช่เแน่ เขาจะมาทำสิ่งใดที่หอคณิกากันเล่า...
อีกอย่างเขาคนนั้นหนวดเคราครึ้มเชียว แต่.....คนนี้ไม่มี
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชอบมากๆเลยค่ะติดแล้วค่ะตอนนี่
เออๆเราก็ว่าแม่ชายห้า งืมๆ
พูดถึงว่าขนาดสตรีที่งามที่สุดในวังยังสั่งฆ่าท่านอ๋องอันนี้คงเป็นฮองเฮาละเนอะ กับพระเอกนะนางเอกเราคงต้องรักอ๋องในแบบเถื่อนๆแบบนี้แระ
ตอนนี้ยังไม่รักอะดิทำไงก็ไม่ดีในสายตานางไปเสียหมดแระ ไว้ให้รักก่อนเหอะ คิกคิกๆ
พรางตัว ใช้ ร. เรือ
นางเอกซนนะลูก หาเรื่องเที่ยวซะงั้น ว่าแต่จะไปเปิดการค้าอะไรเหรอ...
ต่อค่ะไรท์//มีเรื่องให้คิดตามตลอดเลย