ตอนที่ 10 : แม้อยู่เฉยๆ็มีเรื่องเข้ามาหา (รีไรต์)
" หม่อมฉันถวายพระพรองค์หญิงเพคะ "
หญิงสาวลุกขึ้นยอบกายลงคารวะสตรีน้อยสูงศักดิ์ตรงหน้า เมื่อเห็นว่าสตรีน้อยนางนั้นหันมามองนางที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากจวิ้นอ๋องเท่าใดนัก
เพียงปลายสายตาหันมามองนางเพียงเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ ก่อนที่จะหันกลับไปหาผู้เป็นพี่ชายและยิ้มแย้มตามปกติ เสมือนจางซูหนี่ว์ผู้นี้เป็นดั่งอากาศธาตุ
สารภาพตามจริงนางไม่เคยนึกอยากเขกมะเหงกใครเท่าเด็กสาวตรงหน้านี้จริงๆ ดูใบหน้าเชิด ลอยหน้าลอยตานั่นเถิด ดูก็รู้ว่าคงเฮี้ยวและเอาแต่ใจอยู่ไม่น้อยทีเดียว
" ทำกิริยาเช่นนี้ไม่น่ารักเลยนะฮวาเอ๋อร์ "
มู่หรงหย่งหมิงเอ่ยดุน้องสาว เหลียนฮวานั้นออกจะเอาแต่ใจและไม่สนใจความรู้สึกของผู้ใดไปสักหน่อย ด้วยว่าถูกฮองเฮานั้นตามใจตั้งแต่ยังเด็ก กระทั่งพระมารดาแท้ๆของตนเอง นางยังมิค่อยจะเชื่อฟังเท่าใด เพราะทรงดุนางอยู่บ่อยๆ ออกจะไปเชื่อฟังฮองเฮามากกว่าด้วยซ้ำ
หากจะมีแต่เขาและองค์ไท่จื่อที่นางนั้นเชื่อฟังอยู่ไม่น้อย แต่ถึงจะดื้อและเอาแต่ใจเพียงใดนางก็ไม่ใช่คนร้ายกาจอะไรนัก ออกจะเป็นคนตรงคิดอย่างไรก็แสดงออกอย่างนั้น
" เปิ่นกงมิเคยพบเจ้ามาก่อน มิทราบว่าเป็นบุตรีสกุลใดหรือ "
มู่หรงเหลียนฮวาหน้างอลงไปเล็กน้อยที่ถูกผู้เป็นพี่ชายดุต่อหน้าผู้อื่นเช่นนี้ ถึงจะไม่ได้ดุอย่างจริงจังนักก็เถิด จึงหันกลับไปส่งยิ้มเพียงเล็กน้อยให้สตรีผู้นั้น หากแต่ก็มิวายใช้สรรพนามแทนตัวที่เน้นเพื่อข่มสตรีตรงนี้อย่างชัดเจน
" หม่อมฉันจางซูหนี่ว์เพคะ เป็นบุตรีของเสนาบดีจาง เจ้ากรมการคลัง "
" อ้อ..บุตรีของเสนาบดีจางเองหรอกหรือ แล้วมาทำธุระใดที่นี่ล่ะ "
" หม่อมฉันมา...."
นางยังมิทันใดเอ่ยตอบสิ่งใด ก็ต้องชะงักไปเมื่อจวิ้นอ๋องนั้นเอ่ยแทรกนางขึ้นมา พลางเปลี่ยนหัวข้อสนทนานั้น
" พี่กำลังรับน้ำชาอยู่พอดี เมื่อสักครู่เจ้าว่าทำขนมของใดมาให้พี่หรือ ฮวาเอ๋อร์ "
" จริงด้วย เกือบลืมไปเลย กำลังอุ่นๆอยู่ทีเดียว มิรู้ป่านนี้ชืดไปหรือยัง ลี่จูข้าบอกให้เจ้าเข้ามาตรงนี้ยังยืนเฉยอยู่อีก นำของว่างที่เตรียมมาให้ท่านพี่ของข้าสิ "
เสียงใสหันไปเรียกผู้เป็นสหายที่อายุมากกว่านางอยู่สามปีให้เข้ามาใกล้ๆนางอีกรอบ
จางซูหนี่ว์ถอยออกมายืนอย่างสำรวมกิริยาเรียบร้อยอยู่ไม่ไกล ด้วยมีเชื้อพระวงศ์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน มิได้อยู่เพียงลำพังกับจวิ้นอ๋องดั่งเมื่อครู่ ตามมารยาทก็ไม่ควรร่วมโต๊ะเสวยอยู่แล้ว จึงถอยออกมาให้พี่น้องนั้นได้นั่งคุยกัน ทั้งคิดอยู่ว่าอีกสักครู่จะขอตัวออกไปจากตรงนี้ เพราะดูจากสายตาองค์หญิงน้อยผู้นี้คงจะมิชอบใจนางอยู่ในที ก็มิรู้ว่านางไปทำสิ่งใดให้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
แต่ก็ช่างเถิด...จางซูหนี่ว์ผู้นี้หาสนใจไม่ นางก็อยู่ในส่วนของนางต่างคนต่างอยู่ เด็กน้อยก็คงจะหวงพี่ชายไม่อยากให้ใครเข้าใกล้กระมัง นางยังคิดอยู่ว่าพี่ชายท่านออกจะใบหน้าโหดเพียงนี้ ใครกันจะกล้าเข้าใกล้ นางเองยังไม่อยากเข้าใกล้เลย หากว่าไม่จำเป็น อ้อ…คงจะยกเว้นคุณหนูต้วนผู้นี้หนึ่งคน
" ลี่จู ถวายพระพรจวิ้นอ๋องเพคะ "
" คุณหนูต้วนสบายดีหรือ มิได้พบกันเสียนาน "
" สะ สะ สบายดีเพคะ "
จางซูหนี่ว์มองท่าทางกระมิดกระเมี้ยนขวยเขินของคุณหนูต้วนผู้อวบอั๋น ยามที่จวิ้นอ๋องรับสั่งด้วยนั้น เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏอยู่บนใบหน้านางได้ไม่น้อย จากการลอบสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ เอ่ยพูดตะกุกตะกักเช่นนั้น ท่าทางคงจะมีใจให้จวิ้นอ๋องอยู่มากเป็นแน่
โธ่...แม่สาวน้อยใจเย็นๆ ค่อยๆพูด ไม่ต้องตื่นเต้นถึงเพียงนั้น จะว่าไปนางว่าคุณหนูต้วนผู้นี้ก็น่ารักดีไม่น้อย ดูเถิดแค่นางได้มองเพียงเท่านี้ก็ฮาแล้ว ไม่แน่จวิ้นอ๋องอาจจะนึกชอบสตรีผู้นี้ก็ได้ หากยอมเปิดใจให้คุณหนูต้วนสักนิด
" ลี่จูเจ้าเอาของว่างมาจัดวางให้ท่านพี่ของข้าสิ นี่ๆมายืนใกล้ๆตรงนี้ ยืนอยู่ตรงนั้นจะไปจัดวางได้ถนัดอย่างไรล่ะอยู่ตั้งไกล "
มู่หรงเหลียนฮวา ขยับเข้าไปดึงต้วนลี่จูให้เข้ามายืนจัดเรียงของว่างอยู่ใกล้ๆตนเองและพี่ชาย
" หม่อมฉันกับองค์หญิงทำของว่างมาถวายจวิ้นอ๋องเพคะ มี เสี่ยวหลงเปา และอิ่วก้วย มิทราบว่าจะถูกพระทัยจวิ้นอ๋องหรือไม่ "
ต้วนลี่จูเอ่ยเสียงหวาน พลางหันไปมองบุรุษสูงศักดิ์ที่นางหมายปอง แม้จะแปลกใจไม่น้อยว่าเพราะเหตุใดจวิ้นอ๋องจึงไว้หนวดเคราเขียวครึ้ม ให้มาบดบังใบหน้าคมคายต้องตาต้องใจอิสตรีด้วย ไปชายแดนเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง ทั้งที่ปกติก็มิเห็นเคยไว้หนวดเคราเช่นนี้เลย
แต่ถึงกระนั้นนางก็มิเปลี่ยนใจจากจวิ้นอ๋องผู้นี้ดอก เคยปักใจรักอย่างไร ก็ยังคงรักอย่างนั้น
สาเหตุของการปักใจรักจวิ้นอ๋องผู้นี้ มิใช่ว่าแค่รูปโฉมงามสง่าเท่านั้น หากแต่ว่าเมื่อหลายปีก่อนครั้งที่นางยังเด็กนัก บิดาของนางได้พานางมาเข้าเฝ้าฮองเฮาผู้มีศักดิ์เป็นท่านอาของนางนั้น ระหว่างรอบิดาของนางกับฮองเฮาสนทนากันอยู่ นางได้ออกมาวิ่งเล่นที่อุทยานดอกไม้และได้เล่นซ่อนหาอยู่กับนางกำนัล
นางในเวลานั้นได้เข้าไปซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้โดยไม่รู้เลยว่า ณ ที่ตรงนั้น ได้มีอสรพิษตัวน้อยหากแต่พิษร้ายแรงได้ขดตัวซุกซ่อนอยู่บริเวณนั้น และเมื่อนางเข้าไปใกล้จึงถูกมันฉกเข้าที่บริเวณขา นางกำนัลที่มาด้วยนั้นได้เดินไปหาผู้อื่นที่เล่นซ่อนแอบกันในบริเวณอื่น นางตกใจร้องไห้และเรียกให้คนมาช่วย
ในทันใดนั้น ดั่งว่าสวรรค์ได้ยินเสียงร้องไห้ของนาง จึงสงสารและส่งคนมาช่วยนางเอาไว้จากความตาย คนผู้นั้นเป็นชายหนุ่มรูปงาม ใบหน้าคมคาย วิ่งเข้ามาช่วยนาง ทั้งยังนำเอาผ้าเช็ดหน้ามามัดไว้ที่ขาเหนือบริเวณที่ถูกงูตัวนั้นฉก ซ้ำยังเป็นผู้แบกนางวิ่งไปหาผู้เป็นบิดาที่ตำหนักฮองเฮา ซึ่งก็อยู่ใกล้บริเวณนั้นที่สุด
ต้วนลี่จู ทราบในภายหลังว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็คือองค์ชายรอง มู่หรงหย่งหมิง ในตอนนั้นทรงมีพระชนม์ราวๆสิบห้าชันษา ทั้งยังไม่ได้รับพระราชทานตำแหน่งจวิ้นอ๋องดั่งเช่นปัจจุบันนี้
นางสำนึกและซาบซึ้งในพระคุณของบุรุษสูงศักดิ์ผู้นี้เสมอมา และปักใจรักมาตลอด แน่นอนว่านางอยากได้สิ่งใดก็ต้องได้ ไม่เคยมีใครกล้าขัดใจนาง ด้วยเพราะเป็นหลานของฮองเฮา....ท่านอาของนางเองก็เคยตรัสว่าจะทรงหาทางให้นางเป็นชายาเอกของจวิ้นอ๋องเช่นกัน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นจะมีพระราชทานสมรสจากฮ่องเต้เสียที
กระทั่งจวิ้นอ๋องทรงทูลขอฝ่าบาทว่าจะเป็นผู้เลือกจวิ้นหวางเฟยด้วยพระองค์เอง ความหวังของนางช่างริบหรี่นัก...
หากแต่เรื่องเพียงนี้นางจะนำมาเป็นอุปสรรค์มิได้ นางเองก็มิเห็นว่าจะมีสตรีใด ที่จะได้เข้าใกล้จวิ้นอ๋องเท่านาง ด้วยมีทั้งฮองเฮาและองค์หญิงเหลียนฮวาหนุนหลังนางเช่นนี้ สักวันจวิ้นอ๋องก็จะต้องมองเห็นความจงรักและภักดีของนางบ้างปะไร...
" ขอบใจพวกเจ้ามากนะ...รสชาติดีทีเดียว "
มู่หรงหย่งหมิง หยิบขนมอิ่วก้วยขึ้นมากัดไปหนึ่งคำ ก่อนเอ่ยชมผู้เป็นน้องสาว และคุณหนูจากสกุลต้วน ทำเอาพวกนางยิ้มแก้มปริไปไม่น้อย...
ความปราถนาดีต่างๆ ที่ต้วนลี่จูมีต่อเขาเสมอมานั้น นางแสดงออกให้เขารับรู้มาเสมอ จะให้กล่าวตามตรงมู่หรงหย่งหมิงก็มิได้รังเกียจคุณหนูต้วนผู้นี้แต่อย่างใด
แต่คนไม่รักอย่างไรก็คือไม่รัก และเขาก็เป็นผู้ที่ซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเองผู้หนึ่งเช่นกัน
อีกประการหนึ่งนั้น เป็นเพราะรู้เท่าทันเบื้องลึกในจิตใจของต้วนฮองเฮาเป็นอย่างดีเสียมากกว่า ว่ามุ่งหวังสิ่งใด จึงได้พยายามยัดเยียดหลานสาวตนเองมาให้เขา
ทั้งก่อนหน้าก็ได้ทูลขอฝ่าบาทพระราชทานสมรสระหว่างองค์ไท่จื่อกับเจิ้งจิวอิง เขาไม่เชื่อหรอกว่าอย่างต้วนฮองเฮานั้นหรือ จะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเจิ้งจิวอิงนั้นอยู่ในระดับใด
ไม่ใช่ว่าไม่รู้มาก่อนอย่างที่กล่าวกับเขาในภายหลังหรอก แต่เพราะรู้อย่างไรเล่าจึงได้ทำ....
กระนั้นก็ทำให้เขารู้ซึ้งถึงจิตใจของเจิ้งจิวอิงอีกเช่นกัน เพราะเมื่อมีโอกาสนางเองก็เลือกตำแหน่งไท่จื่อเฟย แทน จวิ้นหวางเฟย หากไม่มีความรู้สึกดีๆให้นางก็คงไม่เจ็บถึงเพียงนี้
แต่ทว่าตอนนี้กลับทำใจยอมรับได้แล้วว่านาง คือ พี่สะใภ้ แม้ว่าทุกครั้งที่พบกันนั้นอาจจะยังมองหน้ากันได้ไม่สนิทใจเท่าที่ควรก็เถิด กับองค์ไท่จื่อก็เช่นกัน
หากแต่ก็ยังดีกว่าคราแรกที่เขาโกรธมาก จนมิอาจทำใจมองหน้าผู้เป็นพี่ชายที่ครั้งหนึ่งเคยสนิทสนมอย่างมาก กับอดีตคนที่เคยมีความรู้สึกที่ดีต่อกันได้ ถึงตอนนี้เมื่อสงบใจไปได้มากและคิดใคร่ครวญให้ดี ต้นเหตุแท้จริงนั้นมิใช่ใคร แต่ล้วนมาจากต้วนฮองเฮาทั้งสิ้น....
" หม่อมฉันยินดีเพคะ หากมีพระประสงค์จะเสวยอีก ขอทรงรับสั่งมาเท่านั้น หม่อมฉันยินดีจะทำมาถวายเพคะ"
ใบหน้ากลมของต้วนลี่จูนั้นประดับไปด้วยรอยยิ้มยินดี แค่คนตรงหน้าชื่นชอบในสิ่งที่นางทำให้เพียงนี้นางก็ปลาบปลื้มใจยิ่งแล้ว
จางซูหนี่ว์ยืนดูความเป็นไปอยู่สักพัก จึงคิดว่าจะขอตัวออกไปจากตรงนี้เสียที ด้วยรู้สึกเหมือนว่าตนเองนั้นเป็นส่วนเกินอย่างไรก็ไม่ทราบได้
หากแต่เมื่อเงยหน้าไปก็สบเข้ากับสายตาของจวิ้นอ๋องที่หันมาทางนางพอดี ฉับพลันก็รู้สึกได้ว่าสายตาที่มองมานั้นมันแปลกๆต่างไปจากทุกที ที่บุรุษสูงศักดิ์ผู้นี้เคยมองนาง
สายตาหวานซึ้ง อ่อนโยน ถูกมอบมาให้นาง เอ...หรือนางตาฝาดไปหว่า ช่างเลอะเทอะเสียจริง สงสัยจะแอบมองสายตาชมดชม้อยของคุณหนูต้วนมากไป
ทว่ากระพริบตาก็แล้ว แอบหยิกแขนตัวเองก็แล้ว ไฉนเลยบุรุษหนวดเคราเขียวครึ้มผู้นี้ยังขยันส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้นางอยู่อีก คราวนี้มีส่งยิ้มหวานมาให้อีกแนะ....
ขนลุกซู่เลย ไม่นะ...ได้โปรดอย่าได้มามองนางด้วยสายตาเช่นนี้
และดูเหมือนว่าสตรีอีกสองนางก็จะเห็นสายตานั้นของจวิ้นอ๋องเช่นเดียวกันกับนาง เพราะอย่างนั้นสายตาเคลือบแคลง สงสัย และไม่พอใจจึงพร้อมใจกันส่งมาให้นางอย่างพร้อมเพรียง
อะไรกัน เหตุใดถึงมองนางเช่นนั้น นางไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยนะ ไม่ต้องมาทำหน้าตึง จิกตาใส่นางแบบนั้น จางซูหนี่ว์ยืนงงทั้งยังรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ กับสายตาของจวิ้นอ๋องชอบกล
" หนี่ว์เอ๋อร์ มานั่งใกล้ๆเปิ่นหวางตรงนี้สิ ยืนตรงนั้นนานๆ ไม่เมื่อยหรือ...มาทานขนมด้วยกันกับเปิ่นหวางก่อนนะ "
น้ำเสียงทุ้ม นุ่มนวล อ่อนโยน จากบุรุษเพียงหนึ่งเดียวในที่นี้ ถูกส่งไปให้คุณหนูสกุลจาง อย่างน้อยนักที่ใครจะได้ยินน้ำเสียงเช่นนี้จากมู่หรงหย่งหมิง
หนี่ว์เอ๋อร์ ....จวิ้นอ๋องทรงเรียกนางว่าหนี่ว์เอ๋อร์เช่นนั้นหรือ ไปกินสิ่งใดผิดสำแดงมา!!! เท่าที่จำได้เขาไม่เคยเรียกนางอย่างสนิทสนมแบบนี้เลยสักครั้ง เรียกแบบนี้ถ้าไม่สนิทสนมกันก็ไม่มีใครเรียกหรอก ส่วนใหญ่ก็เรียกชื่อจางซูหนี่ว์ หรือไม่ก็คุณหนูจาง ด้วยกันทั้งนั้น
จางซูหนี่ว์ยืนใบ้รับประทานไปเรียบร้อย ทั้งสายตาอ่อนหวานและไหนจะน้ำเสียงอ่อนโยนเรียกเสียสนิทสนม มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย...
หนี่ว์เอ๋อร์...หากไม่สนิทสนมกันจริงๆ มีหรือที่พี่ชายของนางจะเรียกสตรีตรงหน้าเช่นนั้น อยากรู้เสียจริงว่าทั้งสองนั้นสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อใด และความสัมพันธ์ไปถึงขั้นไหนแล้ว มู่หรงเหลียนฮวาคิดอยู่ภายในใจ
หนี่ว์เอ๋อร์ เช่นนั่นหรือ...ต้วนลี่จูอดที่จะรู้สึกอิจฉาสตรีตรงหน้าไม่ได้ นางไม่เคยที่จะถูกจวิ้นอ๋องเรียกชื่อนางเช่นนั้นเลยสักครั้ง ไม่มีเลยที่จะเรียกนางอย่างสนิทสนมและอ่อนหวานอ่อนโยนแบบนั้น จางซูหนี่ว์ผู้นี้มีความสัมพันธ์ใดกับจวิ้นอ๋องกัน
" หม่อมฉันคิดว่าคงไม่เหมาะสมเพคะ เชิญจวิ้นอ๋องกับองค์หญิงเถิดเพคะ "
หญิงสาวตอบออกไปอย่างแทบจะไม่มีอะไรที่นางต้องคิดเลย สถานการณ์เรียกได้ว่าไม่น่าจะปลอดภัย แม้ยังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด แต่อยู่ให้ไกลจากบุรุษผู้นี้น่าจะปลอดภัยที่สุด เขามันตัวอันตรายสำหรับนางที่สุดแล้วในเวลานี้
....หมับ....
" เจ้ากับเปิ่นหวางหาใช่คนอื่นไกล มิต้องเกรงใจถึงเพียงนั้นหรอกหนี่ว์เอ๋อร์ เปิ่นหวางบอกให้เจ้านั่ง เจ้าก็นั่งเถิด ของว่างเยอะแยะเพียงนี้เปิ่นหวางทานไม่หมดหรอก ถือว่าเปิ่นหวางชดเชยที่ผิดสัญญาไม่ได้กลับมาร่วมมื้อค่ำกับเจ้าเมื่อวานก็แล้วกันนะ หรือเจ้ายังเคืองเปิ่นหวางอยู่ "
มู่หรงหย่งหมิงลุกขึ้นไปจับข้อมือของจางซูหนี่ว์ รั้งนางให้มานั่งเก้าอี้ตัวเดิมที่อยู่ใกล้ๆกับเขา ดูเหมือนนางจะยังงุนงงต่อการกระทำของเขาอยู่ คิ้วของนางขมวดเล็กน้อย สายตาประหนึ่งคำถามที่อัดแน่นไปด้วยความสงสัยถูกส่งมาให้เขา ทว่านางก็ยังคงรักษามารยาทเป็นอย่างดี ไม่เอะอะโวยวายออกมา หากแต่ว่าหลังจากนี้ก็ไม่แน่
ต้วนลี่จูมองภาพนั้นอย่างอึ้งไป ไม่ต้องเดาให้ยากเลย การกระทำนั้นบ่งบอกทุกอย่าง สายตาและคำพูดอ่อนโยนกึ่งง้องอนนั้นอีกเล่า เจ็บใจจริงๆ ต้วนลี่จูรู้สึกเหมือนถูกแย่งชิงของรักของหวงไปโดยสตรีผู้นั้น...จางซูหนี่ว์
จางซูหนี่ว์รับรู้ได้ถึงแรงกดดันทางสายตาจากสตรีอีกสองนาง องค์หญิงเหลียนฮวานั้นสายตามองมาอย่างสงสัยและไม่เป็นมิตรเท่าไร ส่วนต้วนลี่จูนั้นบัดนี้น้ำตาคลอเบ้าแล้วแม่คุณเอ้ย..
แต่คนก่อเรื่องนี่ยังคงทำไม่รู้ไม่ชี้หน้าตาย ประหนึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวใดใด ยังเอาตะเกียบคีบเสี่ยวหลงเปามาใส่ถ้วยให้นางอีกแน่ะ คุณหนูต้วนเห็นดังนั้นก็น้ำตาร่วงเผาะน่าสงสารอยู่ไม่น้อยเชียว องค์หญิงน้อยเห็นอาการของสหายก็ยิ่งส่งสายตาขุ่นเคืองมาให้นางเพิ่มขึ้นอีก
หนึ่งนาง คือ องค์หญิงของแคว้น
อีกหนึ่งนาง คือ หลานสาวฮองเฮา
ไม่แน่ว่าอยู่ดีดี นางก็อาจจะมีคนที่ไม่ชอบนางเพิ่มขึ้นมาอีกสองคนเป็นแน่ อยู่เฉยๆ ก็มีงานวิ่งเข้ามาหาอีกแล้วหรือนี่ นางแค่ต้องการชีวิตที่สุขสบาย และสงบสุขเท่านั้นเองนะ จะไม่ได้เชียวหรือ....
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นางเอกเป็นหญิงสาวไม่ออกเรือน อยู่ๆให้มาอยู่ตำหนักจวิ้นอ๋องทั้งที่ไม่ได้หมั้นหมาย?
มันจะดีเหรอคะ
ไม่ขัดประเพณี ?
ไม่เสียชื่อเสียงเหรอคะ?
เรื่องชื่อเสียงชู้สาวก็อาจจะเพลาลง เพราะก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ในวังจวิ้นอ๋องอย่างไร้เหตุผล การทดแทนคุณผู้มีพระคุณก็เป็นเรื่องควรกระทำ อีกอย่างพี่ใหญ่ของนางเอกก็ตามน้องสาวมาพักอยู่ด้วย ถือว่านางเอกไม่ได้เข้ามาอยู่เพียงลำพัง กันข้อครหาไปได้บ้าง...
อ๋อ แผนแกล้งเป็นแฟนหรอเพคะ
แผนนี้เป้าหมายจริง ๆ คืออะไรเพคะ ท่านอ๋อง
แล้วองค์หญิงทำไมไปสนับสนุนยัยลี่จูแบบนั้นอ่ะ
ขอบคุณครับสนุกมาก