ตอนที่ 11 : สัญญาเจ็ดวันของเราสอง (รีไรต์)
" ร่วมมื้อค่ำกระนั้นหรือเพคะ ตั้งแต่เมื่อวานด้วย ท่านอย่าบอกนะ ว่านางอยู่ที่วังนี้ร่วมกับท่านน่ะ "
มู่หรงเหลียนฮวา เอ่ยขึ้นอย่างต้องการความกระจ่าง นางมิใช่คนเก็บความสงสัยอะไรเอาไว้กับตัวได้นานเท่าไรนักหรอก และนางก็จะไม่ทนด้วย
" เจ้าจะเสียงดังทำไมฮวาเอ๋อร์ หนี่ว์เอ๋อร์เป็นแขกของพี่ และนางมิได้ทำอันใดเสียหาย นางเองก็พำนักอยู่ที่เรือนรับรอง มิได้เข้ามาพำนักอยู่ร่วมชายคาที่ตำหนักกลางกับพี่ อย่างที่เจ้ากำลังคิด "
มู่หรงหย่งหมิงตีสีหน้าขรึมใส่ผู้เป็นน้องสาว เมื่อเห็นว่านางเริ่มใช้น้ำเสียงห้วนและดังขึ้นกว่าเดิม ใบหน้าหงิกงออย่างไม่ใคร่จะพอใจนั้นเป็นที่รู้กันดีว่าคงใกล้จะแผลงฤทธิ์เต็มที จำต้องวางมาดดุนางเอาไว้ก่อน พลางเอ่ยดักทางนางด้วยรู้ดีว่าผู้เป็นน้องสาวกำลังคิดสิ่งใดอยู่...
" จะอย่างไรก็ไม่เหมาะสม แล้วนางมีเหตุอันใดจึงต้องเข้ามาค้างอ้างแรมที่นี่กันเพคะ "
ต้วนลี่จู เอ่ยถามบุรุษสูงศักดิ์ตรงหน้าบ้าง อย่างอดรนทนไม่ได้ความใคร่รู้มันอัดแน่นอยู่ภายในใจจนแทบจะแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ
" เหมาะสมหรือไม่นั้น เปิ่นหวางจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง และเปิ่นหวางก็กล่าวไปแล้วว่านางเป็นแขกของเปิ่นหวาง ไม่ว่านางจะมาที่นี่ด้วยเหตุผลประการใดนั้น ความจริงก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเปิ่นหวาง ไม่คิดว่าเดี๋ยวนี้เปิ่นหวางจะทำสิ่งใด จำเป็นจะต้องคอยรายงานให้ผู้อื่นได้ทราบด้วย "
มู่หรงหย่งหมิงหันไปเอ่ยกับต้วนลี่จู แม้จะไม่ได้รังเกียจนางก็จริง แต่ก็ไม่ชอบการแสดงออกของนางในบางครั้ง ที่ออกจะก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของเขามากจนเกินไป ซึ่งเขาไม่ชอบนางในส่วนนี้เลย
" หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ "
ต้วนลี่จู ถึงกับสะอึกไปกับถ้อยคำที่จวิ้นอ๋องหันกลับมาเอ่ยกับนาง ใบหน้าเรียบเฉยปราศจากรอยยิ้มใดบนใบหน้านั้น เสียดแทงจิตใจของนางให้เกิดความเจ็บช้ำยิ่งขึ้นไปอีก
หนึ่งคำก็เรื่องส่วนตัว คำหนึ่งก็ผู้อื่น มิทรงทราบเลยเชียวหรือว่ามันทำร้ายจิตใจนางปานใด
ดั่งตอกย้ำสถานะให้นางรู้ว่านางนั้นเป็นคนอื่น คนที่อยู่นอกสายตาและห่างไกลหัวใจของชายผู้นี้มากทีเดียว
ร้ายกาจ...นอกจากหน้าโหดแล้ว วาจายังร้ายเหลือ ทำร้ายหัวใจสตรีที่แอบรักได้อย่างร้ายกาจที่สุด จางซูหนี่ว์เองได้ฟังก็ไม่ค่อยชอบคำพูดของจวิ้นอ๋องสักเท่าใดนัก และแม้จะรู้ว่าคุณหนูต้วนคงจะมินึกชอบหน้านางสักเท่าไรในขณะนี้ แต่ก็อดหน้าชาแทนนางไม่ได้อยู่ดี
จวิ้นอ๋องเอ่ยมานั้น..ถึงจะมิใช่คำด่าและแม้จะใช้คำพูดสุภาพ แต่ความหมายที่กล่าวนั้นก็ใช่ว่าจะดี..
พูดง่ายๆ ก็คือ มันเรื่องของข้า...ผู้อื่นอย่ามายุ่งประมาณนั้น นี่นางแปลอย่างสุภาพแล้วนะ
เอ๊ะ...แล้วนางจะมามัวเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอยู่ทำไมกัน นางเองก็ยังเอาตัวแทบไม่รอดเลย ดังนั้นจากสถานการณ์ตรงหน้า วิเคราะห์ดูแล้วนางมิควรจะเอ่ยทะลุกลางปล้องใดใดออกไปในตอนนี้ ทั้งควรเลือกที่จะเงียบและฟังต่อไปจะเป็นการดีกว่า
เพราะการที่จะเป็นอริกับเชื้อพระวงศ์มิใช่การดีเลยสำหรับสามัญชนธรรมดาอย่างนางในยุคนี้ หากมีผู้ใดถามนางจึงค่อยตอบก็แล้วกัน แต่ที่แน่ๆ สำหรับบุรุษสูงศักดิ์ผู้นี้คงต้องมีการสอบถามให้กระจ่างแจ้งแก่ใจในภายหลังเสียหน่อย
และแม้ว่าจากการแสดงละครของจวิ้นอ๋องเมื่อสักครู่ จะทำให้นางงุนงงอยู่บ้าง แต่ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดก็พอจะทำให้นางเห็นสิ่งใดลางๆ แล้วล่ะ...
หากคิดไม่ผิด ที่ส่งสายตาหวานละมุนมาให้นางต่อหน้าคุณหนูต้วนนั้น มิใช่ว่าจะให้นางเป็นดั่งไม้กันสุนัขหรอกหรือ เอ..หรือจะบอกว่าเป็นนกแก้วยักษ์ดีล่ะ
" ท่านพี่อย่าทรงดุลี่จูเลยเพคะ เพราะหม่อมฉันก็อยากทราบเช่นกันว่านางผู้นี้ จะเข้ามาทำอะไรที่นี่ "
มู่หรงเหลียนฮวาเอ่ยปกป้องสหายทันที
" พี่มิจำเป็นต้องตอบเจ้าทุกคำถามเสมอหรอกนะฮวาเอ๋อร์ รู้เพียงแต่ว่าเสด็จแม่เองก็ทรงทราบเรื่องที่นางมาพำนักที่นี่ อีกอย่างฮุ่ยหรานพี่ชายของนางก็มาพำนักอยู่ที่นี่ด้วย เพียงเจ้าไม่เห็นเท่านั้นเอง แค่นี้คงตอบในสิ่งที่เจ้าอยากรู้ได้บ้างนะ เอาล่ะ...ได้เวลาที่พี่จะต้องไปสะสางงานที่ค้างไว้เสียที เปิ่นหวางขอตัวนะคุณหนูต้วน ขอบใจสำหรับขนมที่นำมาให้เปิ่นหวางรสชาติดีมิน้อย หากแต่คราวหลังนั้นอย่าลำบากเลย เปิ่นหวางเกรงใจนัก..."
มู่หรงหย่งหมิง เอ่ยกับมู่หรงเหลียนฮวา จากนั้นจึงหันมาพูดกับต้วนลี่จูในประโยคสุดท้าย ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนพลางหันไปเอ่ยกับจางซูหนี่ว์ โดยมิได้หันไปสนใจต่อใบหน้าที่เผือดลงของคุณหนูต้วนแต่อย่างใด
" หนี่ว์เอ๋อร์ ไหนว่าจะไปช่วยฝนหมึกให้เปิ่นหวางเขียนรายงานมิใช่หรือ "
" เพคะ "
เสียงหวานเสียงละมุนมาอีกแล้ว หยุดโยนอุจจาระมาให้นางเสียทีจะได้หรือไม่ หากเปรียบสายตาพวกนางเป็นดั่งคมมีดตอนนี้ร่างนางก็คงพรุนไปด้วยบาดแผลเสียแล้วล่ะ...
หากทำร้ายเชื้อพระวงศ์แล้วไม่ต้องโทษหนัก และเกรงว่าคนในตระกูลจะเดือดร้อน นางก็อยากจะกระโดดเข้าไปตบปากจวิ้นอ๋องเจ้าเล่ห์ผู้นี้สักทีสองทีเลยเชียว
ทว่าก็ได้แค่คิดและมโนภาพไปเท่านั้น ความเป็นจริงนั้นหรือนางต้องข่มใจครั้งแล้วครั้งเล่า นั่งนับหนึ่งถึงร้อยอยู่ภายในใจตอนนี้ ถึงว่าสิให้นางมาที่นี่แต่มิได้ให้ทำสิ่งใด มิใช่ว่ารู้อยู่แต่แรกแล้วหรือ...ว่าอย่างไรคุณหนูต้วนผู้นี้ต้องมาแน่ จึงนำนางมาคอยกันคุณหนูต้วนเช่นนี้
แต่เชื่อเถอะ นางว่าเรื่องไม่จบเพียงนี้แน่ และคนที่ต้องซวยนอกจากนางก็ไม่เห็นจะมีผู้ใดอีกแล้ว
ณ ห้องทรงพระอักษร
หลังจากที่กล่าวขอตัวออกมาจากเหตุการณ์อันน่าอึดอัดและรำคาญใจแล้วนั้น มู่หรงหย่งหมิงก็ได้พาจางซูหนี่ว์มาที่ห้องเขียนอักษร ซึ่งเขาเอาไว้ใช้ทำงานต่างๆด้วยเช่นกัน ดั่งที่ได้เอ่ยกับนางเมื่อครู่
แม้ว่ามือของเขานั้นกำลังถือพู่กันและจรดมันเขียนอักษรลงบนกระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่า เพื่อเขียนรายงานต่างๆถวายผู้เป็นพระบิดาอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ หากแต่สมาธิของมู่หรงหย่งหมิงนั้นกลับมิได้จดจ่อที่ตัวอักษรสักเท่าใดเลย
สายตานั้นอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองสตรีที่กำลังนั่งฝนหมึกให้เขาใช้อยู่ไม่ไกลเป็นระยะๆ พลางนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย นางนิ่งและเงียบเกินไปแล้ว...
ตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามาในห้องนี้ นางแทบจะมิได้กล่าวสิ่งใดกับเขาแม้สักน้อย มีบ้างที่เขาถามคำ นางก็จะตอบกลับมาสักคำ
เมื่อครู่จากสายตาของนางดั่งว่ามีคำถามมากมายภายในใจที่อยากจะถามเขาให้กระจ่าง ซึ่งเขาก็พอจะรู้แก่ใจดีว่านางจะถามสิ่งใดเช่นกัน และก็สามารถเดาได้ว่าตอนนี้นางเองก็คงพอจะเข้าใจอะไรๆขึ้นมาแล้วจากการกระทำเมื่อครู่ ถึงนางมิพูดออกมาก็ใช่ว่านางนั้นเขลาจนอ่านสถานการณ์ไม่ออก ทั้งยังฉลาดพอที่จะไม่เอ่ยถามเขา ณ ตอนนั้น กลับเลือกที่จะสงบและเงียบไม่โวยวายสิ่งใด
มู่หรงหย่งหมิง คิดว่าหากเมื่ออยู่เพียงลำพัง นางคงจะซักไซ้สอบถามเอาความจากเขาเป็นแน่...หากแต่ก็ผิดไปจากที่คาดการณ์อยู่ไม่น้อย ในเมื่อลอบมองนางอยู่นาน นางก็ไม่ยอมเอ่ยสิ่งใดเสียที ก็เป็นเขาเสียเองที่กลับเป็นฝ่ายอึดอัด ด้วยก็รู้ตัวว่าสิ่งที่ทำนั้นมิถูกต้องนัก จึงทำลายความเงียบนั้นในที่สุด
" เอาล่ะ...เปิ่นหวางต้องขอโทษเจ้าด้วย "
มู่หรงหย่งหมิง เอ่ยขึ้นด้วยมั่นใจแล้วว่าสตรีตรงหน้าคงรู้แล้วว่าถูกเขานำมาที่นี่ โดยหวังผลบางอย่าง
" ทรงทำเช่นนี้กับหม่อมฉันทำไมเพคะ "
จางซูหนี่ว์วางมือจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ และหันกลับไปกล่าวกับจวิ้นอ๋อง พลางสบตาเขาอย่างจริงจัง ที่เห็นนางยังคงนิ่งเงียบอยู่นั้น ไม่ใช่เพราะนางไม่โกรธเคือง ในสิ่งที่จวิ้นอ๋องให้นางมาที่นี่เพื่อใช้นางเป็นกันชนคุณหนูสกุลต้วนหรอกนะ
แต่การโวยวายไปก็ไร้ประโยชน์ กับบุรุษเจ้าเล่ห์มากเพทุบายเช่นนี้ การนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวนั้นดีที่สุด หากแต่ก็แสดงออกให้เขารู้เช่นกันว่านางกำลังไม่พอใจ
" เจ้าไม่คิดหรือว่าทุกการกระทำนั้น เปิ่นหวางอาจจะกำลังพึงพอใจเจ้าอยู่จริงๆ จึงอยากสนิทสนมด้วยน่ะ "
มู่หรงหย่งหมิง ลองหยั่งเชิงสตรีตรงหน้า
" แน่นอน...ว่าหม่อมฉันไม่คิดเช่นนั้นเพคะ ระหว่างเราทั้งสองคน มิเคยพบพานกันมาก่อน หรือต่อให้ทรงพอพระทัยหม่อมฉันจริง ก็คงไม่อาจสนิทสนมกันได้รวดเร็วภายในวันสองวันเพียงนี้หรอกเพคะ...นอกจากจวิ้นอ๋องจะมีจุดประสงค์ใดแอบแฝง "
นางเอ่ยออกไปตามสิ่งที่นางคิด เจอกันคราแรกนางก็พลั้งมือตีศีรษะบุรุษผู้นี้จนได้แผล เพียงแรกพบก็ไม่มีสิ่งใดให้ตราตรึงใจเสียแล้ว จะกล่าวว่าพึงพอใจนางอย่างไรได้ ช่างเป็นเหตุผลที่เลอะเลือนนักในความคิดของนาง ฟังอย่างไรก็ไม่สมเหตุสมผล
แล้วยิ่งเหตุการณ์ในวันนี้...การกระทำของจวิ้นอ๋องก็ยิ่งตอกย้ำให้นางคิดเป็นอื่นไปไม่ได้ นางก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเท่านั้น
ในความเงียบเมื่อสักครู่นางได้มีเวลาคิดทบทวนในสิ่งที่ท่านแม่เคยเล่าให้นางฟัง เรื่องไท่จื่อเฟยที่ฮองเฮาทรงขอฝ่าบาทให้พระราชทานสมรสให้องค์ไท่จื่อกับคุณหนูสกุลเจิ้ง รวมทั้งที่เสี่ยวไป๋บอกว่าฮองเฮาหมายใจให้หลานสาวแต่งเข้าเป็นชายาเอกของจวิ้นอ๋อง นางว่าเรื่องนี้มันมีสิ่งใดแปลกๆอยู่ ชะรอยว่าเรื่องนี้อาจมีตื้นลึกหนาบางอยู่ก็เป็นได้
มิเช่นนั้น..เหตุใดจึงพยายามยัดเยียดหลานสาวตนเองให้จวิ้นอ๋องเพียงนั้น ทั้งที่ก่อนหน้าก็มีเรื่องผิดใจกันเรื่องไท่จื่อเฟยมาก่อน และอีกอย่างดูจากท่าทางของจวิ้นอ๋องแล้วก็มิได้มีใจต่อต้วนลี่จูแน่นอน และคงหาทางหลีกเลี่ยงมาตลอด จนถึงขนาดทูลขอฝ่าบาทเป็นผู้เลือกจวิ้นหวางเฟยด้วยตัวเองก็คงหาทางหนีหลานสาวฮองเฮาอีกนั่นล่ะ หรือสมมติว่านางคิดมากไปเองเรื่องนี้อาจไม่มีสิ่งใดก็ได้
แต่แล้วอย่างไรล่ะ...ใช่เรื่องที่นางจะต้องถูกดึงให้เข้ามาสู่วังวนความวุ่นวายนี้ด้วยหรือ !!
" เปิ่นหวางมิแก้ตัวใดใด สารภาพตามจริงว่าที่ให้เจ้ามาช่วยดูแลเปิ่นหวางในครั้งนี้ เปิ่นหวางมุ่งหวังให้เจ้าช่วยกันต้วนลี่จูออกห่างจากเปิ่นหวางเสียที ไม่แน่ว่าหากนางได้ประจักษ์แก่สายตาแล้วว่าเปิ่นหวางมีเจ้าเป็นนางในดวงใจ ต้วนลี่จูก็อาจจะตัดใจจากเปิ่นหวางได้เสียที "
" แล้วทรงคิดบ้างหรือไม่ว่าถ้าหากนางไม่ยอมตัดใจจะเป็นเช่นไร คนที่จะถูกเล่นงานก็คงจะเป็นหม่อมฉัน หาใช่จวิ้นอ๋องไม่...แล้วชื่อเสียงและเกียรติของหม่อมฉันล่ะเพคะ หากมีผู้ใดมิรู้ความนี้ว่าเป็นเพียงแผนการของพระองค์ เอาไปพูดกันเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเรา ซึ่งพวกเขาไม่ได้มารู้ด้วยนี่ว่ามันเป็นสิ่งจอมปลอม ทุกคนก็คงเข้าใจผิดกันไปใหญ่ แล้วถ้าวันเวลาผ่านไปความสัมพันธ์ของเรามิคืบหน้าคนอื่นไม่เอาหม่อมฉันไปนินทาเสียๆหายๆหรอกหรือเพคะ "
" ก็แล้วใครบอกว่าเปิ่นหวางเสแสร้งทั้งหมด "
" ทรงหมายความเช่นไรเพคะ "
" หากบอกว่าเปิ่นหวางสนใจเจ้า เจ้าจะเชื่อเปิ่นหวางหรือไม่ "
จริงที่เขาคิดจะใช้นางกันต้วนลี่จูให้ออกห่าง แต่ทว่าเรื่องที่เขานึกสนใจจางซูหนี่ว์ก็เป็นเรื่องจริงอีกนั่นล่ะ
" ไม่เชื่อเพคะ "
" แต่เปิ่นหวางพูดจริง "
" สนใจได้อย่างไร เจอกันหม่อมฉันก็ตีศีรษะแบบนั้น จวิ้นอ๋องคงไม่ใช่ผู้ที่นิยมความเจ็บปวดหรอกนะเพคะ "
หน้าโหดๆแบบนี้ หรือเป็นพวกที่มีรสนิยมแปลกๆ ชอบความเจ็บปวดทรมาน บุคลิกก็ให้เสียด้วยสิ หญิงสาวคิดอยู่ภายในใจ
" ไม่ใช่เช่นนั้น...เปิ่นหวางก็เป็นบุรุษทั่วไปที่นิยมชมชอบสตรีรูปโฉมงดงามเช่นเจ้า แต่ที่ทำให้นึกสนใจก็คงจะเป็นท่าทางของเจ้า ที่ดูไม่สนใจเปิ่นหวางดั่งเช่นสตรีอื่น จึงทำให้เปิ่นหวางนึกสนใจเจ้าขึ้นมาอยู่ไม่น้อย "
อยากฟังความจริงก็จะเอ่ยความจริงให้ฟังอย่างไรเล่า บุรุษใดบ้างที่ไม่นิยมชมชอบสตรีงดงาม หากแต่เรื่องให้ความสนใจในตัวสตรีนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเขาก็ไม่ได้นึกสนใจใครง่ายๆเช่นกัน...สนใจสตรีคนแรกก็ต้องเจ็บปวดใจจนต้องหาเรื่องออกไปอยู่ให้ไกลนางจนถึงตอนนี้
ทว่าคนที่สองก็คือ จางซูหนี่ว์ ที่ทำให้เขานึกสนใจนางได้ รูปโฉม ฐานะ วงศ์ตระกูล หากจะหาใครสักคนที่เหมาะจะเป็นจวิ้นหวางเฟย เขาก็เห็นสมควรว่าเป็นนาง
" ทรงทำกับคนที่นึกสนใจแบบนี้หรือเพคะ สร้างศัตรูให้หม่อมฉันเช่นนี้ เรียกว่าสนใจหรือเพคะ "
หญิงสาวพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ขุ่นเคืองมากไปกว่านี้
" เปิ่นหวางเพียงคิดให้ต้วนลี่จูออกห่างจากเปิ่นหวางเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรหากมีเรื่องวุ่นวายขึ้น เปิ่นหวางก็ยินดีปกป้องและรับผิดชอบทุกอย่าง แม้แต่ตำแหน่งชายาเอก เปิ่นหวางก็ให้เจ้าได้ "
มู่หรงหย่งหมิง เอ่ยกับจางซูหนี่ว์เขาคิดน้อยไปจริงๆ แต่เพราะคิดแผนได้ในตอนนั้นก็ลงมือทำเลยไม่คิดให้ถี่ถ้วนสักหน่อย หากแต่ก็มีเหตุผลเบื้องลึกอีกหลายอย่างที่ไม่สามารถเอ่ยให้นางฟังได้อยู่ดี
" ขอบพระทัยเพคะ แต่หม่อมฉันขออยู่อย่างสามัญชนดีกว่า มิอาจเอื้อมเป็นจวิ้นหวางเฟยหรอกเพคะ "
จวิ้นหวางเฟย จะยกให้นางอย่างนั้นหรือ แต่เผอิญนางไม่ชอบความวุ่นวายแก่งแย่งอำนาจและความโปรดปรานกัน นางรักในความสุขสบายและหรูหราก็จริง หากแต่สกุลจางก็มิได้จนเสียเมื่อไร แม้มีไม่เท่าวังหลวง แต่ก็สุขสบายดีอยู่แล้ว
" เจ้านี่ก็แปลก มีคนยกตำแหน่งสูงศักดิ์ให้ก็ไม่เอา...แต่ เป็นเจ้าเช่นนี้ก็ดี เปิ่นหวางถึงบอกว่าน่าสนใจอย่างไรล่ะ "
มู่หรงหย่งหมิงอมยิ้ม...สตรีเช่นนี้มิใช่หรือ ที่เขาต้องการ คนที่ไม่สนยศศักดิ์ ไม่สนใจอำนาจวาสนา ทั้งที่มีคนนำมาวางอยู่ตรงหน้าเช่นนี้
" เอาเถิดเรื่องทั้งหมด ในเมื่อมันผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป หากแต่ไม่กี่วันที่เหลือต่อจากนี้จนกว่าจะครบเจ็ดวัน หม่อมฉันจะทำหน้าที่แต่เดิมที่ตกลงเอาไว้เท่านั้น คือดูแลพระองค์ และหากคุณหนูต้วนมาอีกและถามหม่อมฉัน หม่อมฉันก็จะบอกตามความเป็นจริง นางจะเชื่อหรือไม่นั้นหม่อมฉันคงมิอาจห้ามความคิดนางได้ แต่หม่อมฉันทูลขอสิ่งใดจวิ้นอ๋องสักอย่างได้หรือไม่เพคะ "
หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง
" ขอสิ่งใดหรือ "
" หากไม่จำเป็น ระหว่างเราทั้งสองอย่าได้ข้องเกี่ยวกันจะได้หรือไม่ "
จางซูหนี่ว์คิดเช่นนั้นจริงๆ นางรู้ว่าเบื้องหลังเรื่องนี้ต้องมีอะไรอีกแน่ เพียงแต่เขาไม่กล่าวออกมาเท่านั้น คลื่นใต้น้ำเหล่านั้นรุนแรงปานใดก็ไม่อาจรู้ได้ นางยังไม่อยากถูกดึงให้เข้าไปอยู่ในวังวนเหล่านั้น ถอยออกมาอยู่ให้ห่างเป็นดีที่สุด บุรุษผู้นี้ก็เช่นเดียวกัน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หน้าไม่อาย บอกสนใจเค้าตรงๆ
เด็ดขาดมากนางเอกเรา
ตอนบอกว่า 'จูเอ๋อร์' นึกถึง zhu ที่แปลว่าหมู
แล้วไส้เป็นไม้กันอีกคนหนึ่งคือหลานฮองเฮาคนนี้