คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ๗.ฮองเฮากับหน้าที่ในวัง 130%
ร่างระหงเดินไปที่ห้องครัวหลวงซึ่งสร้างความประหลาดใจให้เหล่าพ่อครัวหลวงเป็นอย่างมาก
เขาพวกไม่คิดว่าจะได้เห็นใบหน้าหรือพบตัวจริงๆของหญิงที่ได้ชื่อว่าฮองเฮา
ถ้าจะพูดให้ถูกพวกเชื้อพระวงศ์แทบไม่มีใครเคยเดินมาที่ห้องครัวหลวงด้วยตัวเองเลยแม้แต่คนเดียว
หากพวกเชื้อพระวงศ์ต้องการพบหรือมอบรางวัลให้พวกพ่อครัวล่ะก็จะเรียกไปเข้าเฝ้าอย่างเดียว…ไม่มีใครเคยเดินมาถึงห้องครัวหลวงเพื่อปรุงอาหารด้วยตัวเองเลยแม้แต่คนเดียว
นางช่างเป็นฮองเฮาที่ผิดแปลกเสียจริง นี่คือสิ่งที่เหล่าพ่อครัวหลวงคิดเหมือนๆกันเมื่อเห็นผู้เป็นฮองเฮากำลังเลือกวัตถุดิบในครัวอยู่นานสองนาน
ร่างระหงก้มๆเงยๆอยู่ครู่ใหญ่พร้อมหยิบนู่นจับนี่อยู่นานสองนานก่อนจะหันมามองทางพวกพ่อครัวหลวงพร้อมยิ้มหวาน
“เปิ่นกงทำให้พวกท่านลำบากใจหรือรำคาญใจอย่างนั้นหรือ?”
แบมแบมหันมาถามเมื่อเห็นพวกพ่อครัวหลวงเอาแต่จับตามองเธออย่างไม่วางตา
“เอ่อ…มิใช่อย่างนั้นพะยะค่ะ” หัวหน้าพ่อครัวหลวงรีบเอ่ยปฏิเสธด้วยท่าทางเลิกลักจนแบมแบมอดหัวเราะไม่ได้
“ปากบอกไม่แต่กริยาตอบใช่นะ เอาเถอะ…เปิ่นกงอยากใช้ห้องครัวหลวงเสียหน่อย”
คำพูดของแบมแบมสร้างความประหลาดใจให้กับพวกพ่อครัวหลวงมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า
“เอ๊ะ!!!!” เหล่าพ่อหลวงครัวอุทานพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
“ไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
“เหนียงเหนียงเพคะ
หม่อมฉันเกรงว่าแบบนั้นจะไม่เหมาะสมแล้วจะทำให้พวกพ่อครัวหลวงต้องลำบากใจอีกด้วยนะเพคะ”
เสี่ยวไจ้รีบอธิบายขึ้นเมื่อเห็นว่าเหล่าพ่อครัวหลวงกำลังจะหาเหตุผลมาห้ามผู้เป็นนายแต่ไม่มีใครพูดออกเลยสักคน
“งั้นหรือ” คำตอบของผู้เป็นฮองเฮาทำให้เสี่ยวไจ้และเหล่าพ่อครัวหลวงพากันถอนหายใจอย่างโล่งอกแต่ก็ต้องกับมาหลักใจใหม่อีกครั้ง
“แต่เปิ่นกงแค่อยากทำหน้าที่ของภรรยาก็เท่านั้นเอง หากพวกท่านมิมองเปิ่นกงเป็นฮองเฮาแต่มองให้ฐานะของหญิงที่เป็นภรรยาเล่า…จะยอมให้เปิ่นกงใช้ห้องครัวหลวงหรือไม่?”
“เอ่อ…หัวหน้าจะเอาอย่างไรดีล่ะขอรับ?” พ่อครัวหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยถามหัวหน้าพ่อครัวหลวงที่ทำหน้าเครียดอยู่ข้างๆ
“เช่นนั้นก็ได้พะยะค่ะ” หัวหน้าพ่อครัวหลวงเอ่ยพร้อมมองใบหน้าของผู้เป็นฮองเฮาที่กำลังยิ้มอย่างร่าเริงก่อนจะเอ่ยต่อ
“แต่ต้องให้พวกกระหม่อมช่วยนะพะยะค่ะ”
“เป็นเช่นนั้นก็ได้ เปิ่นกงจะทำเกี๊ยวน้ำไส้หมูสับเห็ดหอมน้ำซุปผัก”
ทันทีที่พูดจบแบมแบมก็พับแขนเสื้อขึ้นก่อนจะหันไปหยิบหมูสับกับเห็ดหอมให้พ่อครัวหลวง
“พวกท่านช่วยทำเกี๊ยวก็แล้วกัน เดี๋ยวเปิ่นกงกับเสี่ยวไจ้จะทำน้ำซุปเอง
พวกท่านคงไม่มีปัญหานะ”
“มิมีพะยะค่ะ”
“เสี่ยวไจ้ เจ้าช่วยหอมหัวใหญ่กับกระเทียมนะ”
“เพคะ”
ทุกท่วงท่าการกระทำของแบมแบมอยู่ในสายตาของเหล่าพ่อครัวหลวงตลอดเวลา
พวกเขาพากันแปลกใจที่ผู้เป็นฮองเฮาดูคล่องแคล่วในการทำครัวจนน่าประหลาดใจ เสียวไจ้ที่เริ่มชินกับผู้เป็นนายที่พักหลังมักบ่นอยากกินนู่นนี่ประหลาดๆก็เริ่มชินตาที่เห็นผู้เป็นนายทำครัวหรือหยิบจับอุปกรณ์ในห้องครัวอย่างคล่องแคล่วโดยไม่มีท่าทีติดขัดเลยแม้แต่น้อย
แต่สิ่งที่นางกับโหย่วเจียนยังสงสัยเหมือนกันก็คือทั้งๆที่ฮองเฮาไม่ได้ต้องการที่จะให้ฮ่องเต้รักหรือโปรดปรานเป็นพิเศษ
แต่การกระทำของฮองเฮาในตอนนี้ช่างขัดกับคำพูดของนางในทุกครั้งเสียจริง
“เหนียงเหนียงเพคะ หม่อมฉันสงสัยน่ะเพคะ”
เสี่ยวไจ้กระซิบถามขณะที่ผู้เป็นนายกำลังชิมน้ำซุปอยู่
“ว่ามาสิ”
“เหตุใดต้องทุ่มเทถึงเพียงนี้ด้วยเพคะ?”
“มิใช่ความทุ่มเทแต่เป็นแค่หน้าที่ของภรรยาที่ดีก็เท่านั้นเอง”
แบมแบมตอบพร้อมตักเกี๊ยวใส่หม้อใบเล็กตามด้วยน้ำซุป จากนั้นจึงวานพ่อครัวหลวงหนึ่งช่วยยกมาวางในถาดก่อนจะวางถ้วยใบเล็กไว้ข้างๆ
“…อื่ม
เหมือนจะขาดอะไรไปนะ ชา!! เสี่ยวไจ้ชงชาแล้วยกตามเปิ่นกงมา”
“เพคะ”
ฮ่องเต้หนุ่มกำลังแปลกใจมากที่สุดในรอบวัน
เรื่องน่าแปลก็คือภรรยาเอกของเขามาหาถึงห้องทรงงานของเขาในยามไฮ่* นางบอกว่ากลัวเขาหิวในตอนดึกๆแล้วหากหิวขึ้นมาจริงๆจะให้เขากินอาหารหนักก็ไม่ได้
นางจึงทำเกี๊ยวน้ำมาให้เขาพร้อมทั้งให้นางกำนัลคนสนิทชงชามาให้อีกด้วย
ฮ่องเต้หนุ่มได้แต่ถอนหายใจให้กับความเอาแต่ใจเล็กๆของฮองเฮาของเขา
นางช่างดื้อดึงทั้งๆที่บอกว่าอย่างไรเขากินอาหารที่นางเอามาให้แน่ๆแต่นางกับดื้อตาใส
ไม่ฟังแล้วยังจะนั่งอยู่รอจนกว่าเขาจะกินเกี๊ยวน้ำถ้วยแรกหมดอีกต่างหาก ช่างเป็นฮองเฮาที่เอาแต่ใจเสียจริงๆเลย
“หม่อมฉันไม่ได้วางยาพิษให้พระองค์หรอกเพคะ”
แบมแบมเอ่ยขึ้นเมื่อให้ฮ่องเต้หนุ่มนั่งเงียบอยู่นาน
มือเรียวยื่นถ้วยใส่เกี๊ยวน้ำให้อีกฝ่ายโดยที่ถ้วยยังปิดฝาอยู่ “หรือความจริงพระองค์อยากให้หม่อมฉันป้อนกันเพคะ?
เสี่ยวไจ้รออยู่ข้างนอกไม่มีเหตุให้ต้องอายด้วย”
“มิต้องหรอก” ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยปฏิเสธพร้อมเปิดฝาถ้วยก่อนจัดตักเกี๊ยวตัวใหญ่เข้ามาแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
กว่าเขาจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เกี๊ยวถ้วยนั้นหมดไปแล้ว
“อร่อยหรือไม่เพคะ?”
“อื่ม ฮองเฮาทุ่มเทเพื่อเจิ้นเหลือเกินนะ”
ฮ่องเต้หนุ่มจิบชาพร้อมเอ่ยขึ้น
“ก็แค่หน้าที่น่ะเพคะ อยากจะเสวยอีกหรือไม่?”
“อื่ม” ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยเสียงเรียบพร้อมส่งถ้วยคืนให้ฮองเฮาก่อนจะเอ่ยต่อ
“หลังจากนี้ฮองเฮาคงต้องวุ่นวายมิใช่น้อยแน่ๆ”
“ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น”
แบมแบมตอบพร้อมส่งถ้วยที่มีเกี๊ยวคืนให้ฮ่องเต้หนุ่ม “คืนนี้อาการหนาวนะเพคะ
หากเป็นไปได้พระองค์ควรให้เฉินกงกงไปเอาผ้าห่มมาให้พระองค์นะเพคะ…ทำให้ร่างกายอุ่นไว้จะดีกว่านะเพคะ”
“เป็นห่วงงั้นหรือ?”
“เพคะ หากไม่ห่วงพระองค์จะให้ห่วงใครล่ะเพคะ?”
“นั้นสิ
เป็นห่วงเจิ้นเยอะๆและบ่อยๆก็ดีนะ”
“…เพคะ”
*ยามไฮ่ เท่ากับเวลา 21.00
น. จนถึง 22.59 น.
แบมแบมคิดว่าตัวเธอนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างรอบคอบมากถึงมากที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว
แต่ความรอบคอบของเธอมันกับรอบคอบไม่พอเมื่ออยู่ในวังหลัง
วังหลังนั้นหลายคนอาคิดว่าคนที่มีอำนาจมากที่สุดก็คือตัวเธอ
แต่ความจริงแล้วแม่สามีต่างหากที่มีอำนาจสูงสุด
หากมีเรื่องที่แบมแบมไม่สามารถตัดสินใจได้ก็ควรไปปรึกษาแม่สามี แต่ถ้าทำแบบนั้นมันก็จำทำให้เธอดูเป็นภรรยาเอกที่ไร้ซึ่งความสามารถในการปกครองวังหลัง
ทั้งๆที่วังหลังนั้นกว้างใหญ่แท้ๆแต่พวกนางกับหาเรื่องที่จะตบที่จะตีกันได้ทุกวัน
ที่บ้านพวกนางไม่เคยสอนรึอย่างไรกันว่าอย่างสร้างปัญหาให้ผู้อื่นต้องมาคอยตามล้างตามเช็ด!!! โชคยังดีที่วันนี้แบมแบมไปเยี่ยมพี่สะใภ้
นางเป็นภรรยาของต้วนอี้ฟาน แบมแบมได้ยินจากชินอ๋องทั้งสองว่านางกำลังตั้งครรภ์อยู่และนั้นคือเหตุผลที่ทำให้แบมแบมหาเหตุผลออกมาจากวังหลังเพื่อไปวังของชินอ๋องอี้ฟานได้อย่างไม่ยากเย็น
“พี่สะใภ้การที่ท่านออกมาจากวังหลังแบบนี้จะดีแล้วจริงๆน่ะหรือ?”
ต้วนควานลินเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“อย่าได้กังวลไปเลย เปิ่นกงพลาดที่คิดว่าพวกนางจะไม่สร้างเรื่องแต่เปิ่นกงไม่ได้พลาดรอบที่สองแน่นอน…ไม่จำเป็นต้องกังวลแทนเปิ่นกงขนาดนั้นหรอก”
ทันทีที่พูดจบแบมแบมก็หัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนานพร้อมหัวไปขยิบตาให้เสี่ยวไจ้ที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างหลัง
“อย่ารู้ผิดไปเลยนะเสี่ยวไจ้ เจ้าแค่ทำตามคำสั่งของเปิ่นกงก็เท่านั้นเอง”
“หืม? พี่สะใภ้ให้เจ้าทำสิ่งใด?”
ต้วนซือชุนเอ่ยถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
ดวงตาคู่คมที่เหมือนกับสามีของเธอมองไปที่เสี่ยวไจ้อย่างไม่วางตา “วางอย่างไร?”
“เอ่อ…”
เสี่ยวไจ้เงยหน้าขึ้นมามองแบมแบมที่ยักไหล่อย่างไม่สนใจ เสี่ยวไจ้เห็นดังนั้นก็ถอนหายใจก่อนจะเริ่มพูด
“เหนียงเหนียงให้หม่อมฉันไปตามจางมาม่ามาสอนมารยาทพวกพระสนมเพคะ”
“ห๊ะ!!!!”
ชินอ๋องทั้งสองร้องอุทานอย่างไม่เชื่อหูตัวเองพร้อมมองไปทางพี่สะใภ้ที่ยิ้มอย่างสบายๆอย่างเบื้องหน้า …นางร้ายกาจที่สุด!!!
จางมาม่านั้นเป็นนางกำนัลคนสนิทของอดีตฮองเฮา
แน่นอนว่าจางมาม่ามีเชื่อเสียในเรื่องการเป็นอาจารย์สอนมารยาทที่สตรีพึงมีและนางยังมีชื่อเสียงในเรื่องฝีปากที่จัดจ้านราวกับแม่ค้าปากตลาด!! เหตุผลที่ไม่มีใครสามารถทำอะไรนางได้นั้นก็คือนางเป็นคนสนิทของอดีตฮองเฮาและถึงนางจะปากจัดแต่คำพูดของนางล้วนเป็นความจริง
จางมาม่านั้นสามารถด่าได้โดยไม่สนพ่อสนแม่ของใครทั้งนั้นและยิ่งตอนนี้ได้รับความไว้ใจจากแบมแบมเพิ่มไปอีก
อื่ม…ก็รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ไปฟังตอนจางมาม่าสอนพวกนางอยู่ไม่น้อยล่ะนะ
“เหนียงเหนียงเพคะ!!!” นางกำนัลสาวคนหนึ่งวิ่งมาด้วยท่าทีกระหนืดกระหอบจนแบมแบมอดรู้สึกเหนื่อยตามนางไม่ได้จริงๆ
“ใจเย็นเถิด หายใจเข้า…หายใจออก”
แบมแบมพูดพร้อมทำท่าประกอบซึ่งนางเองก็ทำตามอย่างว่าง่ายจนท่าทีกระหนืดกระหอบของนางหมดไป
“มีสิ่งใดเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
“เรื่องใหญ่แล้วเพคะ จางเหนียงเหนียงทำร้ายหงเหนียงเหนียงเพคะ”
ทันทีที่นางกำนัลสาวพูดจบใบหน้าของแบมแบมก็มือครึ้มราวกับมีเมฆฝนมาปกคลุมใบหน้า
“หากพวกนางไม่มีเรื่องกันสักวันจะนอนไม่หลับอย่างนั้นหรืออย่างไรกัน”
แบมแบมพึมพำในขณะที่ก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ “ไปตามพวกนางทั้งสองมาหาเปิ่นกง”
“เพคะเหนียงเหนียง”
แบมแบมมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกเหมือนโดนค้อนตอกลงที่หัวอย่างจัง
ไหนนางกำนัลคนนั้นบอกว่าจางซินฟางทำร้ายหงจุนจุนอย่างไรเล่า
ดูจากรอยนิ้วมือบนหน้าบนหน้าของจางซินฟางและผมที่ชี้ฟูจงไม่เป็นทรงก็พอจะรู้ว่าหงจุนจุนน่าจะเป็นฝ่ายกระทำมากกว่า
ใบหน้าของหงจุนจุนนั้นแทบไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเลยแม้แต่น้อย…ถ้าไม่นับผมที่ไม่เป็นทรงของนางล่ะก็นะ
“ผู้ใดบอกเปิ่นกงได้บ้างว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร”
น้ำเสียงเย็นชาของแบมแบมทำให้หญิงงามทั้งสองหน้าซีดและตัวสั่นไปตามๆกัน “ว่าอย่างไรเล่า
ตอบเปิ่นกงมาสิ”
“ทูลหวงโฮ่วเหนียงเหนียง คืนนี้ฮ่องเต้จะมาค้างกับหม่อมฉันแต่นาง!! หม่อมฉันหมายถึงกุ้ยเฟยไปเสนอตัวจะปรนนิบัติให้ฮ่องเต้เพคะ”
จางซินฟางหันไปมองหงจุนจุนด้วยสายตาโกรธเคือง “แบบนี้หม่อมฉันไม่ยอมนะเพคะ กุ้ยเฟยโยนแจกันที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานให้หม่อมฉันจนแตกอีกด้วย…หวงโฮ่วเหนียงเหนียงโปรดให้ความยุติธรรมด้วยเพคะ”
“…กุ้ยเฟยมีสิ่งใดจะบอกเปิ่นกงหรือไม่?”
“ไม่มีเพคะ เพราะที่นางเล่าล้วนแต่เป็นเรื่องจริงทั้งหมด”
คำตอบของหงจุนจุนทำให้แบมแบมยกมือขึ้นกุมขมับอย่างเหนื่อยๆ “แต่หวงโฮ่วเหนียงเหนียงเพคะ
ตั้งแต่หม่อมฉันเข้าวังมายังไม่เคยได้ปรนนิบัติฮ่องเต้เลยนะเพคะ หม่อมฉันเองก็อยากปรนนิบัติฮ่องเต้เหมือนกันนะเพคะ”
บ้า!!!
ตั้งแต่เข้าวังมาเธอเองก็ไม่เคยมีอะไรกับสามีเหมือนนางนั้นแหละเว้ย!!! หงจุนจุน นางช่างกล้ากล่าวออกมาอย่างหน้าด้านยิ่งนัก!!!
“เปิ่นกงจะบ้าตาย” แบมแบมพึมพำ
ดวงตาคู่สวยเห็นเฉินกงกงที่กำลังเดินผ่านมาก็ยกยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะให้เสี่ยวไจ้ไปเรียกเฉินกงกงมา
“เฉินกงกงคงว่าอยู่สินะ
ช่วยไปถามฮ่องเต้ใหม่เปิ่นกงหน่อยว่าคืนนี้ต้องการให้ใครไปปรนนิบัติ”
“เอ่อ…พะยะค่ะ”
เฉินกงกงที่มีท่าทางสับสนก็รีบวิ่งไปทันทีเมื่อสบตากับดวงตาคู่สวยที่น่ากลัวคู่นั้นก็ทำให้รู้ว่าสิ่งใดควรทำและสิ่งใดไม่ควรทำ
แบมแบมถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆเมื่อคิดว่าไม่น่าหลงเชื่อความพูดของต้วนอี้ฟานเลยจริงๆ
ถึงแม้จื่อวีจะมีเพื่อนให้เล่น(?)แต่ก็ต้องลำบากเธอในการแก้ปัญหาทุกครั้ง!!
ตอนนี้เธอรู้สึกว่าจะแก่ก่อนวัยอยู่แล้วนะ!!
“ทูลหวงโฮ่วเหนียงเหนียง”
เฉินกงกงวิ่งมาอย่างกระหนืดกระหอบก่อนจะพูดต่อ “ฮ่องเต้บอกว่าอยากให้หวงโฮ่วเหนียงเหนียงไปปรนนิบัติดูแลพะยะค่ะ”
“อ่อ ที่แท้ก็เปิ่นกงที่เอง” แบมแบมพูดขึ้นพร้อมพยักหน้าน้อยๆก่อนจะได้สติ
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างในทันทีพร้อมอ้าปากพูด “อะไรนะ!!!”
“ฮ่องเต้ตรัสเช่นนั้นจริงๆนะพะยะค่ะ”
“!!!” แบมแบมโกรธจนคุมอารมณ์ทางสีหน้าไม่ได้เลยแม้แต่น้อย “เปิ่นกงจะไม่คุยกับฮ่องเต้อีกแล้ว!! ฝากเฉินกงกงไปทูลฮ่องเต้ด้วย!!”
“เอ่อ…”
“ส่วนพวกเจ้าสองคนไปคัดหนังสือที่เปิ่นกงเคยให้มาให้ครบ! หากวันพรุ่งนี้เปิ่นกงไม่เห็นหนังสือที่พวกเจ้าคัดเปิ่นกงจะให้จางมาม่ามาสอนมารยาทให้พวกเจ้าเป็นพิเศษ!!”
หญิงงามทั้งสองอ้าปากค้างในทันที
ฮองเฮาจะบ้าไปแล้วรึอย่างไรกัน!! หนังสือที่พระพันปีเขียนไว้นั้นกล่าวจะคัดจบจริงๆก็อย่างน้อยสองหรือสามวันแล้วนางจะให้พวกนางทั้งสองคัดให้เสร็จภายในคืนนี้อีกต่างหาก!!! ถ้าไม่ทำก็ต้องเจอกับยายแก่จางอีก!!
เธอโกรธผู้เป็นสามีที่หาเรื่องให้เธอทางอ้อมแต่เธอทำอะไรเขาไม่ได้นิ!!! ก็ต้องลงกับหญิงงามทั้งสองที่เป็นตัวต้นเหตุ!!! ข้าจะไม่คุยกับท่านจริงๆนะฮ่องเต้!!!
|
ความคิดเห็น