คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ๖.ฮองเฮากับการคัดเลือกเหล่าอนุภรรยา 115%
“คิดจะเล่นอะไรของท่านกันแน่ พี่ใหญ่”
ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยถามพี่ชายร่วมสายเลือดพร้อมส่งแววตาไม่พอใจไปให้อีกฝ่าย ตอนแรกต้วนอี้เอินนึกโกรธในความอยากเล่นพิเรนทร์ของฮองเฮาแต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่านางกับเขาอยู่ร่วมกันอย่างสันติก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีคนชักใยอยู่เบื้องหลังแน่นอน
“ตอบเจิ้นสิ”
“อย่างทรงกริ้วสิพะยะค่ะ หากทรงกริ้วมากๆจะแก่ก่อนวัยได้นะพะยะค่ะ”
ต้วนอี้ฟานเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
แต่ผู้เป็นน้องชายอย่างต้วนอี้เอินรู้ดีว่าพี่ชายของเขานั้นเสแสร้ง
“พี่ใหญ่
เจิ้นรู้จักท่านมาทั้งชีวิตย่อมรู้ดีว่าเวลาไหนที่ท่านกำลังเสแสร้งแกล้งทำอยู่”
น้ำเสียงราบเรียบของฮ่องเต้หนุ่มทำให้ต้วนอี้ฟานหัวเราะเบาๆ
“จริงๆแล้วเป็นคำสั่งของเสด็จแม่อีกทีนะพะยะค่ะ”
คำตอบของต้วนอี้ฟานทำให้ฮ่องเต้หนุ่มแปลกใจไม่น้อย
“เสด็จแม่อย่างนั้นหรือ? พี่ใหญ่ท่านจะบอกว่าเสด็จแม่กลัวฮองเฮาไม่ได้หนังสือยอดหญิงวังหลังที่เสด็จแม่เขียนรึอย่างไร?”
ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราะในลำคออย่างไม่อยากเชื่อมากนัก
“ก็คงเป็นแบบนั้น หากพระองค์มิพอพระทัยล่ะก็…พี่คงต้องแนะนำให้ไปบอกเสด็จแม่ของพวกเราเอง”
ทันทีที่ต้วนอี้ฟานพูดจบเขาก็ยกยิ้มอย่างพอใจขึ้นมา “เสด็จแม่อยากอุ้มหลาน”
“…ท่านไม่มีน้ำยางั้นรึ พี่ใหญ่”
ต้วนอี้เอินสวนกลับอย่างเจ็บแสบพร้อมยักคิ้วอย่างเหนือกว่า “ประเด็นคือตัวเจิ้นนั้นได้ผิดสัญญากับจื่อวีมาแล้วครั้งหนึ่ง…เจิ้นไม่อยากให้มีครั้งที่สอง”
“ใครๆก็รู้ว่าฮ่องเต้นั้นต้องมีภรรยามากกว่าหนึ่ง
หากนางรับไม่ได้ก็ปล่อยให้ตรอมใจตายไปเสียหรือไม่ก็ไปช่วยเลือกภรรยาให้พระองค์มิดีกว่าหรือ?”
น้ำเสียงเย็นชาของต้วนอี้ฟานทำให้ต้วนอี้เอินเหนื่อยหน่ายใจไม่น้อย
“ท่านวางแผนไว้แล้วสินะ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไม่ตอบต้วนอี้เอินจึงได้พูดต่อ “ได้ เจิ้นจะรับภรรยาเพิ่มแต่ไม่ใช่ด้วยความเต็มใจแต่เป็นเพราะต้องรักษาภาพพจน์ก็เท่านั้น”
“เป็นเช่นนั้น”
“ต้องสนุกแน่ๆเลย” แบมแบมที่กำลังอารมณ์ดีเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มร่า
ท่าทางดีใจอย่างผิดแปลกของฮองเฮาทำให้เหล่านางกำนัลและขันทีผู้ติดตามรู้สึกตกใจไม่น้อย
“ทีนี้นางก็จะได้เลิกวอแวกับข้าเสียที”
“เหตุใดเหนียงเหนียงถึงได้อารมณ์เช่นนี่ล่ะเพคะ?”
เสี่ยวไจ้เอ่ยถามขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัวๆ
“นั้นก็เพราะหลังจากนี้จะต้องมีงิ้วมาให้ข้าดูไม่มากก็น้อย” ท่าทางร่าเริงของผู้เป็นนายทำให้เหล่านางกำนัลและขันทีไม่รู้จะเถียงหรือพูดอย่างไรดี
“เอาเถอะๆ เรื่องมันต้องเกิดอยู่แล้วจะกลัวไปไย”
“เหนียงเหนียงกล่าวได้ถูกแล้วเพคะ
เรื่องมันต้องเกิดอยู่แล้วเราจะกลัวไปไย”
น้ำเสียงอันคุ้นเคยทำให้แบมแบมรู้เบื่อหน่ายไม่น้อย
ทันทีที่หันไปก็เห็นโจวจื่อวียืนอยู่พร้อมยิ้มหวาน “ถวายพระพรหวงโห่วเหนียงเหนียงเพคะ”
“ตามสบายเถิด”
แบมแบมยิ้มหวานให้อีกฝ่ายก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “หวังว่าหวงกุ้ยเฟยจะรู้ว่าเหล่าสตรีที่คัดเข้าวังมารอบนี้จะเป็นพวกที่คัดมาให้รับตำแหน่งกุ้ยเฟย*”
“อะไรนะเพคะ!!!” นางร้องออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“เป็นเรื่องจริงตามที่เปิ่นกงได้กล่าวมา”
*กุ้ยเฟย
เป็นตำแหน่งภรรยาขั้นสูงมียศน้อยกว่าหวงกุ้ยเฟยนะคะ
แต่มีนางกำนัลกับขันทีเท่ากันเลย
อันนี้ขอแก้ประเด็นที่เพื่อนบางคนเข้าใจผิดนิดหน่อยนะคะ หวงกุ้ยเฟยเป็นตำแหน่งภรรยาขั้นสูงซึ่งมีได้ 2 ตำแหน่ง คือ 1.หวงกุ้ยเฟย 2.กุ้ยเฟย ซึ่งหวงกุ้ยเฟยมีอำนาจปกครองวังหลังรองจากฮองเฮานะจ๊ะ
“ไม่มีหญิงใดที่พอพระทัยพระองค์หรือเพคะ?” แบมแบมเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นฮ่องเต้หนุ่มทำท่าคิดหนักก่อนจะพูดขึ้นต่อ
“หากไม่รีบๆเลือกล่ะก็ยังจะมีชุดที่สองอีกนะเพคะ”
“ยังมีชุดที่สองอีกงั้นรึ?” ฮ่องเต้หนุ่มหันมาถามพร้อมสีหน้าตกใจเล็กน้อย
“เพคะ เสด็จแม่กับท่านอี้ฟานเตรียมไว้เผื่อพระองค์ไม่ทรงพอพระทัย”
แบมแบมตอบตามความจริง
เธอหันไปมองโจวจื่อวีที่ทำสีหน้าไม่พอใจอยู่ด้านหลังแล้วเปลี่ยนมามองเหล่าหญิงงามตรงหน้า
“ให้หม่อมฉันช่วยดีหรือไม่?”
“ฮองเฮาช่วยแนะนำทีเถิด หากให้เจิ้นตัดสินใจเองคงไม่ดีแน่ๆ” ไม่พูดเปล่าเขาหันไปมองโจวจื่อวีที่แสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“อื่ม~~ บุตรสาวของเสนาบดีสำนักตรวจราชการก็ดีนะเพคะ
นางเป็นบุตรสาวของฮูหยินเอกด้วยแล้วจากที่หม่อมฉันดูภาพรวมแล้วนางค่อนข้างเหมาะที่จะรับตำแหน่งกุ้ยเฟยนะเพคะ”
จริงๆแล้วเธอเองก็ไม่ได้รู้เรื่องพวกนี้มากนักหรอกแต่คนที่เอาเรื่องพวกนี้มาบอกก็คือพี่สามีอย่างต้วนอี้ฟานต่างหาก
[[ต่อนะคะ]]
“หากฮองเฮาคิดแบบนั้นก็เรียกตัวนางมาให้เจิ้นดูเถิด” ฮ่องเต้หนุ่มรู้สึกแปลกใจไม่น้อยกับท่าทางจริงจังของผู้เป็นภรรยาเอก
“เฉินกงกง
ท่านจงเรียกตัวบุตรสาวของเสนาบดีสำนักตรวจราชการมาพบฮ่องเต้กับเปิ่นกง”
“พะยะค่ะ”
“น่าแปลก”
คำพูดของฮ่องเต้หนุ่มทำให้แบมแบมหันไปมองพร้อมขมวดคิ้วเป็นปมอย่างไม่เข้าใจ “หากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงไม่ยอมให้สามีมีภรรยาเยอะหรอกนะ
ฮองเฮานี่ช่างประหลาดเสียจริง”
“ชายแต่งภรรยามากๆเพื่อเสริมบารมีของตัวเอง หม่อมฉันแค่กำลังเสมอบารมีให้พระองค์ก็เท่านั้นเองเพคะ
แต่ไม่ใช่ว่าหม่อมฉันกล่าวหาว่าพระองค์มิมีบารมีหรอกนะเพคะ
ในความหมายของหม่อมฉันก็คือการที่พระองค์ขึ้นเป็นฮ่องเต้ทำให้ขุนนางบางคนไม่พอใจ…เพราะฉะนั้นการแต่งบุตรของพวกเขาเข้ามาก็ทำให้พวกเขาคิดว่าตัวเองมีอำนาจมากขึ้นแต่ในขณะเดียวกัน
ฝ่ายเราก็สามีควบคุมพวกเขาได้เช่นกัน” แบมแบมอธิบายเสียงเรียบ “หญิงที่แต่งงานออกไปแล้วต้องเชื่อฟังสามี
ข้อนี้ใครๆก็รู้”
“…ดูเหมือนว่าฮองเฮาจะรู้เรื่องในวังต้วนมากพอสมควรเลยนะ” ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมมองหน้าภรรยาเอกอย่างแปลกใจ
“ทำไปเพื่ออะไรกัน?”
“เพื่อตัวหม่อมฉันเองเพคะ หากพระองค์สิ้นพระชนไปก็เท่ากับหม่อมฉันต้องตายไปกับพระองค์ด้วย”
คำตอบของแบมแบมทำให้ฮ่องเต้หนุ่มอึ้งไปชั่วขณะ “หม่อมฉันยังสาวยังสวยนะเพคะ
ไม่ยอมมาตายง่ายๆหรอกนะเพคะ”
“ฮ่าๆ ที่แท้ก็เพื่อตัวของฮองเฮาเองงั้นรึ?” ฮ่องเต้หนุ่มหัวเราะอย่างพอใจ
“ช่างซื่อตรงเสียจริงนะ”
“ก็เราจะอยู่ด้วยกันในฐานะเพื่อนหนิเพคะ เพื่อนย่อมปกป้องเพื่อน” วูบหนึ่งฮ่องเต้หนุ่มรู้สึกไม่พอใจกับคำตอบของภรรยาเอกเสียเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร
“ข้าจะปกป้องเจ้าเองอี้เอิน เพื่อนรัก”
“…”
“ฮ่าๆ หม่อมฉันต้องขอประทานอภัยจริงเพคะ
เมื่อครู่หม่อมฉันแค่หยอกพระองค์เล่นๆเฉยๆนะเพคะ”
“หึๆ เพื่อนหยอกเพื่อหนิเนอะ”
ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยอย่างไม่ได้ใส่อะไรแต่น้ำเสียงกับเยือกเย็นจนถึงขั้นเย็นชา
“หลังจากนี้คงต้องเหนื่อยฮองเฮาแย่เลยสินะ” ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมมองภรรยาเอกที่กำลังบิดขี้เกียจอย่างลืมตัว
ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะแกล้งพูดเหน็บขึ้น “กริยาไม่สุภาพเลยนะฮองเฮา”
“ก็เมื่อยจริงหนิเพคะ
อีกอย่างตอนนี้ก็มีเพียงแค่พระองค์กับหม่อมฉันก็หมายความว่าไม่มีคนอื่นเห็นนะเพคะ”
แบมแบมพูดขึ้นพร้อมยิ้มร่า
“ก็จริงตามที่ฮองเฮากล่าวมา” ฮ่องเต้หนุ่มตอบแล้วจึงบิดขี้เกียจตามที่ผู้เป็นภรรยาเอกทำไปเมื่อครู่
ทันทีที่หันไปก็สบตากับดวงตากลมโตที่มองมาอย่างซุกซนพร้อมรอยยิ้มทะเล้น “เหตุใดจึงมองเจิ้นเช่นนั้นเล่า?”
“คิกๆ ทั้งที่เมื่อครู่พระองค์พึ่งตำหนิหม่อมฉันที่ทำกริยาไม่สุภาพแต่พระองค์ก็ทำเสียเองนะเพคะ”
แบมแบมพูดขึ้นพร้อมหัวเราะอย่างสนุกสนาน “แต่ไม่เป็นไรหรอกเพคะ
เรื่องเมื่อครู่จะเป็นความลับของเราสองคน”
“ความลับของเราสองคน? หึ…นั้นสินะ ช่วยเก็บเป็นความลับให้เจิ้นทีนะ
หากเสด็จแม่รู้เข้าคงโกรธที่เจิ้นทำตัวไม่เรียบร้อยน่าดู” มือหนายกขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างลืมตัว
“เสด็จแม่ดุมากหรือเพคะ?” แบมแบมถามอย่างสงสัย
“ก็ประมาณหนึ่ง
หากท่านสั่งหรือตัดสิ้นสิ่งใดแล้วต้องเป็นไปตามที่ท่านบอก” ฮ่องเต้หนุ่มพูดขึ้น
ในหัวของเขากำลังนึกถึงเหตุการณ์ที่เคยโดนผู้เป็นแม่ตีสมัยยังเด็ก
“เป็นหญิงที่เด็ดขาดสินะเพคะ”
“อื่ม เสด็จแม่เป็นคนเด็ดขาดมากเลยล่ะ”
“งั้นอย่าทำให้เสด็จแม่โกรธจะดีกว่าสินะเพคะ”
“อื่ม จริงสิ…เจิ้นมีงานที่ค้างไว้อยู่คงต้องให้ฮองเฮาอบรมพวกนางที่เข้ามาใหม่ด้วย”
ฮ่องเต้หนุ่มพูดขึ้นพร้อมมองหน้าภรรยาเอกที่กำลังยิ้มหวานอยู่ข้างๆ “หากไม่ไหวจะให้เจิ้นเชิญเสด็จแม่มาช่วยฮองเฮอก็ได้นะ เสด็จแม่คงไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว”
“ไม่มีเรื่องไหนเกินกำลังหม่อมฉันหรอกเพคะ พระองค์ไว้ใจหม่อมฉันได้”
“อื่ม งั้นเจิ้นก็วางใจ” ทันทีที่ฮ่องเต้หนุ่มพูดจบเขาก็เดินจากไปในทันทีแต่ก็ยังปลายตามามองผู้เป็นภรรยาเอกอย่างห่วงๆ
“พวกเจ้าไปเรียกหวงกุ้ยเฟยกับพวกนางที่เข้ามาใหม่ในวันนี้มารวมตัวกันที่วังหลัง”
แบมแบมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นก่อนจะหันไปสั่งนางกำนัลคนนั้นอีกรอบ “บอกว่าเปิ่นกงมีเรื่องจะสนทนากับพวกนาง”
“เพคะ”
“ส่วนพวกเจ้าไปหยิบหนังสือยอดหญิงหลังมาตามจำนวนคน อย่าให้ขาดล่ะ”
“เพคะ”
เหล่านางกำนัลคนอื่นต่างวิ่งไปตามคำสั่งของผู้เป็นนายเหลือเพียงแค่เสี่ยวไจ้อยู่คนเดียว
เสี่ยวไจ้มองใบหน้าของผู้เป็นนายที่กำลังยกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างไม่เข้าใจ
“เหนียงเหนียงจะทรงทำสิ่งใดหรือเพคะ?” เสี่ยวไจ้เอ่ยถามอย่างสงสัย
“สอนมารยาทพวกนางอย่างไรเล่า”
แบมแบมกวาดสายตามองเหล่าอนุภรรยาของสามีพร้อมยกยิ้มอย่างภูมิใจ
เธอเห็นใบหน้าของโจวจื่อวีมองมาที่เธอย่างไม่พอใจ แต่บอกเลยว่าแบมแบมไม่สนหรอกนะ!!
ดวงตาคู่สวยมองไปที่บุตรสาวของเสนาบดีสำนักตรวจราชการต้องยอมรับว่านางเป็นหญิงที่มีหน้าตางดงามใช่เล่นแต่ออกแนวสวยแบบสาวหวานเสียมากกว่า…รู้สึกว่านางจะชื่อหงจุนจุน นางมาอยู่ในวังในฐานะของกุ้ยเฟยซึ่งเป็นตำแหน่งรองจากโจวจื่อวี
ถัดจากหงจุนจุนไปก็คือจางซินฟางนางเองก็เป็นบุตรสาวของเสนาบดีขั้นเดียวกับหงจุนจุน
แต่จางซินฟางนั้นอยู่ในฐานะสนมชั้นเฟย
ถัดจากจางซินฟางไปก็คือฮวงยู่จูนางเป็นสนมชั้นเฟยเช่นเดียวกับจางซินซิน พอมองๆแล้วหญิงสาวสองคนนี้มีใบหน้าคล้ายกันอยู่มากทีเดียว…แบมแบมได้ยินที่ต้วนอี้ฟานกระซิบบอกว่าสองคนนี้เป็นญาติกัน
เพราะแบบนี้แบมแบมถึงได้จับพวกเธอมาอยู่ตำแหน่งเดียวกันโดยหวังว่าสองคนที่เป็นญาติกันจะไม่ตบตีกันเอง
แบมแบมรู้สึกแย่ไม่น้อยที่มีคนที่ถูกใจสามีของเธอเพียงสามคน…แต่หากมากกว่านี้คงควบคุมไม่ไหวเหมือนกัน
“ถวายพระพรหวงโห่วเหนียงเหนียง”
พวกนางคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมก้มหน้าทำความเคารพแบมแบม
“จริงๆที่เปิ่นกงเรียกพวกเจ้ามาก็เพื่อที่จะเอาหนังสือพวกนี้มาให้พวกเจ้าทุกคนอ่าน
โดยหวังว่าเมื่อพวกเจ้าอ่านแล้วจะจำแล้วปฏิบัติใช้อย่างเคร่งครัด”
ทันทีที่พูดจบแบมแบมก็ให้พวกนางกำนัลยกหนังสือที่แม่สามีเป็นคนเขียนไปให้พวกนางคนละเล่ม
โดยที่หนังสือพวกนี้หนามาก!!
“เหนียงเหนียงเพคะ ตอนหม่อมฉันเข้ามาไม่เห็นต้องอ่านพวกนี้เลยนะเพคะ”
โจวจื่อวีเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจพร้อมมองไปทางพวกนางทั้งสามที่เข้ามาใหม่ “เหตุใดถึงให้หม่อมฉันอ่านตอนนี้กันล่ะเพคะ?”
“เสด็จแม่บอกเปิ่นกงว่ามาพฤติกรรมของหวงกุ้ยเฟยน่าเป็นห่วงมาก
เปิ่นกงนั้นรู้สึกอายมากเลยนะตอนที่โดนเสด็จแม่เรียกไปตำหนิ”
แบมแบมแสร้งทำท่าน่าสงสารจนโจวจื่อวีลนลาน
ความจริงแล้วแม่สามีแค่บ่นๆให้ฟังเฉยๆก็แค่นั้นเอง “หรือหวงกุ้ยเฟยไม่พอใจในการตัดสินใจของเปิ่นกงกัน”
“หามิได้เพคะ”
“ก็ดี พวกเจ้าไปได้แล้ว”
“ทูลลาเพคะ” พวกนางทั้งสี่เดินออกไปทีละจนหมด โดยที่คนที่มีสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดก็คือโจวจื่อวี
“คืนนี้อากาศจะหนาวนะพะยะค่ะ”
โหย่วเจียนที่ทำหน้าที่องครักษ์เงาเอ่ยขึ้น
“งั้นรึ? สามีของเปิ่นกงทำงานจนดึกจนดื่น…เห็นทีเปิ่นกงจะต้องหาอะไรอุ่นไปให้สามีเสียหน่อยแล้ว”
|
ความคิดเห็น