ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] My Harem ฮาเร็มของโดคยองซู

    ลำดับตอนที่ #2 : My Harem - 2

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 56


    เพื่อนใหม่



     

    เช้าวันนี้อากาศสดใสเป็นพิเศษ ดูได้จากอารมณ์ของใครบางคนแถวนี้ที่สดใสยิ่งกว่าอากาศเสียอีก มินซอกกระชับกระเป๋านักเรียนที่หลังพลางเดินอมยิ้มไปด้วยตลอดทาง เราสองคนเดินไปโรงเรียนด้วยกันทุกๆวัน ไม่ใช่ว่าไม่มีรถขับหรอกนะครับ แต่โรงเรียนมันอยู่ใกล้แค่นี้เอง อีกอย่าง ผมชอบที่จะเดินไปเรื่อยๆเพื่อดูธรรมชาติยามเช้าพร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดไปด้วยมากกว่า ผมว่ามีความสุขจะตาย

    “ไง ยิ้มไม่หุบเลยนะ”

    “หือ ก็ไม่มีอะไร” ปากบอกว่าไม่มีอะไร แต่หน้านี่แดงเถือกลามไปถึงหูแล้วครับเพื่อนผม

    “มีไรดีๆไม่เล่าให้ฉันฟังเลยนะมินซอก”

    ผมยังพยายามกระแนะกระแหนเจ้าแก้มป่องต่อไป เห็นเพื่อนเขินจนตัวแทบบิดอย่างนี้แล้วมันสนุกดีครับ ผมว่าเมื่อวานต้องมีอะไรพิเศษๆแน่เลย มินซอกถึงดูมีความสุขจนโลกทั้งใบกลายเป็นสีชมพูขนาดนี้ เสียดายที่เมื่อคืนผมเข้านอนก่อนสองทุ่ม ฮ่าๆ ผมเป็นเด็กอนามัยครับ

     

    “ไม่มีอะไรจริงๆ ก็พี่เขาแค่ขับมอไซค์มาส่งที่บ้านแค่นั้น”

    “แค่นั้นจริงดิ?”

    ผมอมยิ้มแล้วยื่นหน้าไปถามใกล้ๆ ถ้ามินซอกระเบิดตัวได้ ผมว่าเขาเละตุ้มเปะไปนานละ

    “อื้มมมมม แค่นั้นแหล่ะ รีบเข้าโรงเรียนเถอะคยองซู”

    แหมๆ ทำมาเปลี่ยนเรื่อง ผมก็ได้แต่เดินตามแรงลากของมินซอกเข้าโรงเรียนไปที่เดินแปปเดียวก็ถึง บอกแล้วไงว่าบ้านผมกับโรงเรียนอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง ถึงจะรวยมากๆแต่จะให้ขับรถมาก็กระไรอยู่ เดินมานี่แหล่ะช่วยโลกประหยัดพลังงานดีครับ








     

    ห้องเรียนวันนี้เต็มไปด้วยเสียงอึกทึกครึกโครมเช่นเคย วันนี้เป็นวันที่สี่แล้วแต่ผมก็ยังไม่คุ้นชินเสียที โรงเรียนเก่าผมค่อนข้างที่จะมีระเบียบเรียบร้อยกว่านี้อ่ะนะ แต่เอาเถอะ ผมก็ขี้เกียจจะทำตัวให้อยู่ในระเบียบตลอดเวลาเหมือนกัน

    จะว่าไป เพื่อนในห้องมองผมบ่อยไปแล้วนะ

    มองแล้วหันไปซุบซิบกันน่ะ

    “มินซอก นายว่าพวกเขากำลังนินทาฉันป่ะ?”

    ผมหันไปกระซิบถามคนข้างๆที่กำลังตรวจทานดูการบ้านก่อนจะส่ง มินซอกเงยหน้าขึ้นมาสังเกตบรรยากาศรอบห้อง ผมก็มองตามเขาเหมือนกัน หลายคนที่หลบตาผมแล้วทำเป็นคุยนู่นคุยนี่กับเพื่อนๆ

    นี่มันอะไรกัน ผมไม่ชอบนะแบบนี้

    “อืม ฉันก็ว่ามันแปลกๆนะ”




     

    “นี่ มินซอก นายได้นสพ.โรงเรียนหรือยัง?”

    นักเรียนหญิงคนหนึ่งที่ผมจำได้ว่าเป็นหัวหน้าห้องเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะของมินซอกพร้อมกระดาษในมือที่คาดว่าน่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ตามที่เธอเอ่ยเมื่อกี้ มินซอกส่ายหน้า จากนั้นเธอก็ยื่นกระดาษในมือให้แล้วเดินจากไป


    “เฮ้ย! นี่มัน


    อยู่ๆมินซอกก็อุทานขึ้นมาซะผมตกใจไปด้วย ผมเสนอหน้าเข้าไปมองข้อความกับรูปภาพที่แทบจะกินพื้นที่ทั้งหมดของกระดาษใบนี้ และภาพนั้นทำเอาผมนิ่งค้างไปหลายวินาที







     

    หนุ่มสุดฮอตปี1. หอมแก้มนักเรียนใหม่ปี2. ที่ข้างตึกปีสามสองต่อสอง







     

    บ้าชิบ! ไอ้คนทำข่าวนี้ไปตายซะ อยู่กันสองต่อสองบ้าบออะไร มินซอกก็นั่งหัวโด่อยู่ทั้งคน! แล้วไอ้รูปภาพเนี่ย ถ่ายได้มุมจริงๆเลยนะ ถ่ายให้เห็นผมกับเซฮุนสองคน แล้วอีกอย่าง หน้าชัดขนาดนั้นมึงไม่ต้องย่อชื่อก็ได้เถอะ!


    “บ้าเอ๊ย!

    “ใจเย็นน่าคยองซู”

    หึ ถึงว่า ผมตกเป็นขี้ปากของชาวบ้านแต่เช้า

    เพราะไอ้เด็กเซฮุนคนเดียวเลย!!

     







     

    ออดดดดดดดดดดดด

    ออดหมดคาบเรียนที่สามแล้ว ต่อไปเป็นวิชาพละแล้วก็จะได้ลงไปกินข้าวเสียที ผมเครียดลงกระเพาะจนหิวไส้จะขาดแล้วเนี่ย! แล้ววันนี้ถ้าไอ้เซฮุนมาหาผมที่โรงอาหารอีกนะ แม่จะด่าไล่ตะเพิดให้วิ่งกลับไปไม่ทันเลยทีเดียว


    ขอหาทำให้โดคยองซูเป็นตัวประหลาดภายในชั่วข้ามคืน!


    แค่เพื่อนในห้องผมก็แทบจะมุดโต๊ะหนีแล้วนะครับ แล้วถ้าออกไปข้างนอกอย่างเช่นโรงอาหารไรงี้ ผมล่ะไม่อยากจะคิด ทำไมไอ้เด็กนี่ต้องนำความวุ่นวายมาใส่ชีวิตผมด้วยนะ  

    “คยองซู รีบไปเปลี่ยนชุดกัน”

    มินซอกฉุดแขนผมให้เดินตามไปทั้งๆที่ตอนนี้หัวสมองผมมันเบลอจนงุนงงไปหมด เฮ้อ เครียดไปก็เท่านั้นแหล่ะจริงมั้ย? ผมปล่อยเลยตามเลยดีกว่า ก็แค่ไม่แคร์ว่าใครจะพูดยังไงก็เท่านั้น อย่างที่ผมเคยทำเป็นประจำอยู่แล้ว

    แต่ถ้าเรื่องมันเสียหายกว่านี้ผมก็คงต้องแคร์เหมือนกัน

    เป็นไปได้มั้ยว่าข่าวนี้จะไม่ไปถึงหูอาจารย์ในโรงเรียน


                เฮ้อ...ช่างแม่ม



     

     


     

    ตอนนี้พวกเราอยู่บนโรงยิม ผมกับมินซอกเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดยูนิฟอร์มโรงเรียนมาเป็นชุดพละเรียบร้อย เสื้อยืดสีน้ำเงินแขนสั้นกับกางเกงผ้าสบายๆขาสั้นสีน้ำเงินคล่องตัว ใส่รองเท้าพละเรียบร้อยก็ออกไปจากห้องเตรียมเรียน

    อาจารย์ชานซองให้พวกเราวอร์มร่างกายนิดหน่อยก่อนจะเริ่มทดสอบสมรรถภาพทางกายกัน เพราะนี่เพิ่งเปิดภาคเรียน อาจารย์เขาต้องการดูว่านักเรียนคนใดมีสุขภาพไม่ดีบ้าง จะได้ระวังในเวลาต้องเรียนอะไรที่มันหนักๆ

    เมื่อพากันวอร์มเสร็จแล้ว อาจารย์ก็สั่งให้พวกผมเข้าแถวเป็นสองแถวตอนลึก ผมอยู่ท้ายสุดส่วนมินซอกอยู่ข้างหน้าผม คือเราสองคนต้องตัวติดกันตลอดๆเพราะในห้องผมรู้จักแค่มินซอกคนเดียว ก็ผมขี้เกียจจะเสวนากับคนอื่นนี่ครับ

    แต่ถ้าใครอยากรู้จักกับผมแล้วเข้ามาทักก่อน ผมก็ยินดี

    “เอ้านักเรียน สองแถวหันหน้าเข้าหากันนะ”

    ทุกคนทำตามที่อาจารย์บอก ในห้องผมมียี่สิบหกคนทำให้ปลายแถวเท่ากันพอดี ผมหันไปเจอกับคนคนหนึ่งที่หน้าสวยเอามากๆ แต่เขาเป็นผู้ชายตัวพอๆกับผมแต่สูงกว่านิดนึง เอ่อ เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าผมด้วยซ้ำ สายตาคู่นั้นเอาแต่จดจ้องมาที่




    ขาผม??



    “จับคู่ที่อยู่ตรงหน้ากัน เราจะซิทอัพเป็นอันดับแรก”

    โหย อย่างนี้ผมก็ต้องคู่กับนายหน้าสวยคนนี้อ่ะดิ ไม่เอานะ ผมว่าเขาไม่น่าไว้ใจยังไงชอบกล

    อาจารย์สั่งให้แต่ละคู่หาพื้นที่ว่างเพิ่มทำการซิทอัพได้เลย มินซอกกับคู่ไปนู่นแล้ว เหลือผมนี่แหล่ะที่ยังไม่เดินไปหาคู่ของตัวเอง หมอนั่นก็ไม่ได้มาหาผมซะด้วยสิ
     

    “คู่นั้นน่ะ! นั่งลงเตรียมตัวได้แล้ว”

    “คร้าบๆ”

    อาจารย์ชานซองตะโกนมาที่คู่ของผม หมอนั่นก็ขานรับไปแบบกวนๆแล้วเดินดุ่มๆเข้ามาคว้าข้อมือผมไป แล้วฉุดให้นั่งลง คือว่านะ บอกให้ผมนั่งก็ได้หรอก ไม่เห็นจะต้องมาจับมือ

    “นายชื่อคยองซูใช่ป่ะ?” นายหน้าหวานเป็นคนเปิดบทสนทนาระหว่างรออาจารย์วิ่งไปเอานาฬิกาจับเวลาอยู่ เขาเป็นคนที่ยิ้มแล้วน่ารักมากกกก และดูเหมือนจะเป็นพวกเดียวกับมินซอก พวกอัธยาศัยดี เข้ากับคนง่าย

    “อืม”

    “ฉัน บยอนแบคฮยอนนะ”

    ผมพยักหน้าแล้วยิ้มบางๆกลับไป

    “ขานายขาวจัง”

    หืม

    “อะไรนะ?” ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้ยินที่เขาพูด แต่ผมกำลังให้โอกาสเขาพูดใหม่อีกที เผื่อว่าเมื่อกี้เขาอาจจะล้อผมเล่นก็ได้ แล้วทำไมขนขาผมต้องพร้อมใจกันลุกขึ้นมาด้วยล่ะเนี่ย

    “มาแล้วๆ เอาล่ะ พร้อมนะ”

    เสียงของอาจารย์แทรกมาก่อนที่แบคฮยอนจะพูดอะไรต่อ ผมให้เขาเป็นคนเริ่มก่อน แบคฮยอนนอนราบลงไปแล้วชันเข่าขึ้นมา ผมตามไปใช้เข่ากดทับที่เท้าของแบคฮยอนแล้วใช้แขนอ้อมไปใต้ขาเพื่อล็อกเอาไว้ คางผมแทบจะไปเกยเข่าเขาแน่ะ

    “สองนาที ยี่สิบห้าครั้ง เริ่ม!

    สิ้นเสียงอาจารย์ชานซอง แบคฮยอนก็ดีดตัวขึ้นมาพร้อมกับผมที่นับหนึ่ง เคยดูซีรี่ส์เรื่องซีเคร็ทการ์เด้นมั้ยครับ? มันเป็นฉากอย่างนั้นเลย จมูกผมกับแบคฮยอนแทบจะชนกันอยู่แล้ว

    ผมไม่รู้ว่าผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้มากไป หรือเขาจงใจยื่นหน้าเข้ามาหาผมกันแน่ จนอาจารย์ชานซองประกาศเหลือหนึ่งนาที ผมก็นับได้ยี่สิบครั้ง เห็นแบคฮยอนตัวเล็กๆหน้าสวยๆงี้แต่แข็งแรงมากๆ แล้วผมจะไหวมั้ยเนี่ย



    “ยี่สิบห้า”



    เมื่อผมนับครั้งสุดท้ายเสร็จ แบคฮยอนที่ควรจะนอนราบลงไปก็ดีดตัวขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้หน้าเราสองคนอยู่ใกล้กันจนสัมผัสลมหายใจอุ่นๆของแต่ละฝ่ายได้  แล้วทำไมผมต้องไม่กล้าขยับด้วยล่ะ


    นานไปแล้ว








     

    ปี๊ดดดดด!!

    “หมดเวลา ใครทำไม่ครบบ้าง?”

    ผมรีบผละออกจากแบคฮยอนทันที เขายิ้มบางๆเหมือนกับชอบใจในท่าทีของผม หมอนี่เป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย

    เมื่อไม่มีใครทำไม่ครบ อาจารย์ก็สั่งให้เปลี่ยนคนทำบ้าง ผมนอนราบลงไปแล้วชันเข่าขึ้น แบคฮยอนก็เข้ามาล็อกขาผมไว้อย่างที่ผมทำกับเขา



    “เริ่ม!


    โอ้ย ทำไมวันนี้ผมรู้สึกว่าตัวมันหนักกว่าปกตินะ ผมคงไม่ได้อ้วนขึ้นหรอกใช่มั้ยถึงได้ซิทอัพไม่ขึ้นอย่างนี้ กว่าจะขึ้นได้แต่ละทีก็เล่นเอาผมเสียเหงื่อไปไม่ใช่น้อย



    “เหลือหนึ่งนาที”


    “สิบเร็วๆเข้าคยองซู”


    ให้ตาย เพิ่งถึงแค่สิบเองเรอะ! ผมเริ่มลุกไม่ไหวแล้วนะโว้ย


    “จับมือฉันไว้นะ” จังหวะที่ผมดีดตัวขึ้นไป แบคฮยอนก็ยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูผม ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องทำตามที่เขาบอก แต่ตอนนี้มือผมก็ไปจับมือเขาไว้เรียบร้อยแล้ว แบคฮยอนคอยฉุดให้ผมซิทอัพได้ง่ายขึ้นโดยที่เราคอยมองอาจารย์ชานซองไว้ตลอดเพื่อไม่ให้โดนจับได้


    อันที่จริง นายก็ใจดีนะเนี่ยแบคฮยอน






    “หมดเวลา ใครทำไม่ครบบ้าง”

    จะบอกว่าผมทำได้แค่ยี่สิบเอ็ดครั้งเองแหล่ะ แต่แบคฮยอนไม่บอกอาจารย์ไป ผมส่งยิ้มให้เขาเป็นการขอบคุณที่ช่วยโกง แบคฮยอนก็ยิ้มตอบกลับมาก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือมาข้างหน้าผม

    “ขอบใจ” ผมพูดแค่นั้นแล้วก็จับมือเขาไว้เป็นที่ยึดแล้วลุกขึ้น อาจารย์ชานซองบอกให้ออกกำลังกายท่าต่อไปคือท่าวิดพื้น งานนี้คงไม่มีใครช่วยผมโกงได้เพราะมันต้องทำคนเดียว เฮ้อ จะบ้าตาย ผมหิวข้าวแล้วอ่ะ

    “จับคู่เดิมนะนักเรียน ครูจะให้วิดเป็นคู่”

    เฮ้ย วิดพื้นเป็นคู่ วิดยังไงวะ?




    “แบคฮยอน วิดพื้นเป็นคู่วิดยังไงเหรอ?” ผมไม่เก็บความสงสัยไว้นาน ผมหันไปถามคนข้างๆที่ยืนอมยิ้มอย่างไร้สาเหตุ เขาไม่ตอบผมแต่กลับถามผมกลับมาแทน


    “นายจะอยู่ล่างหรืออยู่บน”

    “ห้ะ?” รู้สึกว่ามันไม่ได้เกี่ยวกันเลยนะครับ

    “เร็วๆนักเรียน ระดับปีสองวิดพื้นแบบธรรมดาไม่ได้แล้ว รีบๆลงไปอยู่ท่าเตรียมเร็วๆ”

    เสียงอาจารย์ชานซองตะโกนมาทางพวกผมที่ยังคงยืนมองหน้ากันอย่างมึนๆ ต้องบอกว่าผมมึนอยู่คนเดียว เพราะดูลักษณะแล้ว แบคฮยอนเหมือนจะชอบการวิดพื้นแบบคู่นี้ซะเหลือเกิน ก็เล่นยิ้มไม่หุบซะขนาดนั้น

    “งั้นรอบแรกนายอยู่ล่างแล้วกันคยองซู”

    “ห้ะ?”

    วันนี้ผมเหวอไปกี่รอบแล้ววะ แบคฮยอนตัดสินใจให้ผมเสร็จสรรพก่อนที่เขาจะลงไปนั่งคุกเข่ารอผม ผมมองไปที่คู่อื่นๆที่อีกคนต้องนอนราบอยู่ใต้ร่างของเพื่อนอีกคน ส่วนอีกคนคร่อมอยู่ด้านบนในท่าเตรียมวิดพื้น

    ผมต้องทำอย่างนั้นจริงๆอ่ะ!?

    ช่วยไม่ได้ครับ รีบๆทำให้มันเสร็จๆดีกว่า ผมจะได้ไปกินข้าวเที่ยงซะที ว่าแล้วผมก็ลงไปนอนหงายกับพื้นโดยมีแบคฮยอนตามมาคร่อมติดๆ คนวิดพื้นขามันต้องติดกันใช่มั้ยครับ? ฉะนั้นผมก็ต้องเป็นคนอ้าขาออกให้ขาของแบคฮยอนเข้ามาอยู่หว่างขาของผม



    อย่าคิดทะลึ่งตึงตังครับ มันเป็นแค่การออกกำลังกาย




    ที่โคตรล่อแหลมเลย











     

    “หนึ่งนาทีสิบห้าครั้ง เริ่ม!

    สิ้นเสียงอาจารย์แล้ว แบคฮยอนก็เหยียดขาตึงแล้วเริ่มงอแขนโน้มตังลงมาทันที เนื่องจากตัวผมกับแบคฮยอนค่อนข้างใกล้เคียงกัน มันเลยทำให้หน้าผมกับหน้าเขาอยู่ตรงกันพอดี

    “หนึ่ง”

    ผมนับหลังจากที่เขายกตัวออกไปแล้ว เมื่อกี้ผมต้องหันหน้าหนีเพราะถ้าไม่หลบ หน้าของเราก็คงจะแนบชิดกันไปแล้ว แบคฮยอนโน้มตัวลงมาจนหน้าอกติดกับหน้าอกผม ใบหน้าสวยแทรกมาตรงข้างๆลำคอ ลมหายใจเขาเป่ารดต้นคอผมจนลุกซู่


    แม่งจะติดเรทไปไหน


    “สอง”

    เรื่องวิดพื้นนี่ เหมือนแบคฮยอนจะไม่สู้นะครับ หน้าของเขาเริ่มแดงๆแล้ว

    “สาม”

    “สี่”

    อ๊ะ จมูกเขาเฉียดแก้มผมด้วยล่ะ

    “สิบ….สิบเอ็ด”

    ผมว่าแบคฮยอนเริ่มจะไม่ไหวแล้ว เม็ดเหงื่อใสๆของเขาหยดลงมาที่หน้าผากผมพอดี อีกไม่กี่ครั้งเองแบคฮยอน ไฟท์ติ้ง

    “สิบสามสิบสี่”

    “สิบห้า”


    พอนับครั้งสุดท้ายเสร็จปุ๊ป แบคฮยอนก็ทิ้งน้ำหนักลงบนตัวผมทันที ดูเหมือนว่าเขาจะลืมไปว่ามีตัวผมอยู่ตรงนี้ไม่ใช่พื้นโรงยิมนะ ตัวเราแนบกันจนผมสัมผัสได้ถึงจังหวะของอะไรบางอย่าง


    หัวใจเขาเต้นแรงมากเลย เขาคงเหนื่อยสินะ





     

    “แบคฮยอน ตาฉันแล้วนะ” ผมดันตัวเขาออก แต่เหมือนว่าเขาจะไม่ยอมลุกง่ายๆ ผมเลยพลิกตัวไปด้านข้างจนตัวเขาไหลไปกองอยู่กับพื้น หมอนั่นครวญครางนิดหน่อยก่อนจะเปลี่ยนท่าเป็นนอนราบแล้วอ้าขาออก ผมมองเขาอย่างอึนๆ

    “ตานายไง มาบนอยู่ตัวฉันดิ”

    ให้ตายเหอะ ทำไมเขาต้องพูดอย่างนั้น ผมรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาแปลกๆ สูดหายใจเข้าลึกให้กำลังใจตัวเองก่อนจะคลานไปคร่อมตัวของแบคฮยอนแล้ววางขาลงในช่องว่างตรงหว่างขาคนข้างล่าง

     โอ้ย! ผมไม่ชอบใบหน้ายิ้มกรุ่มกริ่มของเขาเลย

    “เหมือนเดิมนะ เริ่ม!

    อาจารย์ชานซองเริ่มจับเวลา รู้สึกว่าแขนทั้งสองข้างมันอ่อนล้าขึ้นมาทันที ผมไม่กล้างอแขนลงไปอ่ะครับ ดูสายตาหมอนี่ดิ! แต่ผมก็ต้องจำใจทำเพราะถ้าใครไม่ผ่านเกณฑ์ก็ต้องไปทดสอบใหม่ในคราวหน้าอีก ผมขี้เกียจ



    “หนึ่งสอง”



    ผ่านไปสองทีผมก็เริ่มจะหน้ามืด สงสัยต้องกินให้น้อยลงแล้วหันมาออกกำลังกายมั่งแล้วล่ะคยองซู


    “สามสี่ห้า”

    พอผมได้มาวิดเองก็ได้รู้ว่าแบคฮยอนเขาไม่ได้แกล้งผมแต่อย่างใด ทั้งหน้าอกที่แนบติดกัน จมูกที่เผลอเฉียดแก้มในบางครั้ง หน้าที่แทบจะซุกคอกันอยู่แล้ว เหงื่อแต่ละเม็ดที่หยดลงใบหน้าสวยของเขา ผมเป็นหมดทุกอย่าง แต่ผมมั่นใจว่าในครั้งสุดท้ายผมคงไม่ได้ลงไปนอนบนตัวของหมอนี่แน่ๆ


    “สิบ”


    “อีกหกสิบวิ!


    “สิบเอ็ดสิบสองอีกนิดเดียวคยองซู”


     เขาพูดขึ้นข้างๆหูผมขณะที่ผมโน้มตัวลงไป ไอ้บ้านี่ ผมจั๊กจี้นะเว้ยย


    “สิบสามสิบสี่สิบห้าแอ้ก!


    ผมได้ยินแบคฮยอนร้องเสียงหลงเมื่อผมทิ้งตัวลงไปนอนทับบนตัวเขา ก็แขนมันล้าจนผมประคองตัวไม่อยู่แล้วนี่ อีกอย่างเราก็เจ๊ากันแล้วเนอะ

    “เอ้า วันนี้พอแค่นี้ก่อน จะหมดคาบแล้ว ใครที่ไม่ผ่านมารายงานตัวกับครูด้วย ที่เหลือไปเปลี่ยนชุดแล้วไปพักทานข้าวได้”

    เย้!


















     

    ผมกับมินซอกพากันไปล้างเนื้อล้างตัวนิดหน่อยก่อนจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดยูนิฟอร์ม เพื่อนๆนักเรียนคนอื่นๆก็ทยอยกันมาเปลี่ยนเช่นกัน รวมถึงแบคฮยอนด้วย

    “มินซอก นายรู้จักคนนั้นมั้ย?”

    “แบคฮยอน?” ผมพยักหน้าเบาๆ มินซอกอยู่ที่นี่มาหนึ่งปี อย่างน้อยก็ต้องรู้อะไรบ้างแหล่ะน่า

    “เขาก็มีชื่อเสียงอยู่พอควรนะ เป็นหนุ่มดอกไม้อันดับสองของโรงเรียนน่ะ”

    “อ่อ” ตามที่มินซอกเคยเล่า หนุ่มดอกไม้คือบุคคลที่ถูกโหวตว่าหน้าสวยที่สุด แบคฮยอนก็ติดเหรอเนี่ย ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอก เขาคงจะดูแค่หน้าไม่ดูนิสัยสินะ

    “แต่ฉันไม่ค่อยสนิทกับเขาซักเท่าไหร่ เพราะตอนปีหนึ่งฉันก็อยู่แต่ในกลุ่มมินอาหัวหน้าห้องน่ะ”

    “อยากรู้ไปทำไมเหรอ?”


    ผมส่ายหัวยิ้มๆให้กับเจ้าแก้มป่องแล้วชวนกันไปกินข้าว วันนี้ออกแรงไปเยอะเลยทำให้หิวมากกว่าปกติ ถ้ามีคนมารบกวนผมแบบเมื่อวานล่ะก็ รับรองผมไม่ไว้หน้าแน่




    “คยองซู เดี๋ยว!

    ขณะที่กำลังจะออกจากโรงยิม เสียงอันคุ้นหูแม้จะได้ยินมาไม่นานนักก็เรียกผมไว้ก่อน แบคฮยอนถือกระเป๋าวิ่งตามมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ก่อนจะยิ้มหวานราวสาวแรกแย้มมาให้

    “ฉันไปทานข้าวกับพวกนายได้มั้ย?”

    ผมกับมินซอกหันไปมองหน้ากันโดยอัตโนมัติ

    “อื้ม”

    “ต่อจากนี้ไปเราเป็นเพื่อนกันนะ” คนหน้าสวยพูดแล้วยิ้มตาหยี ผมยิ้มบางๆแล้วเดินนำหน้าไปยังโรงอาหารแสนรัก วันนี้มีคนมีนั่งกินข้าวเพิ่มอีกคนก็ดีไม่น้อย และคาดว่าแบคฮยอนก็คงมานั่งกับพวกผมบ่อยๆเช่นกัน

    ยังไงก็ยินดีต้อนรับนะเพื่อนใหม่

    ไม่สิ ผมต้องเป็นเพื่อนใหม่ของเขาต่างหาก









































     

     

    หลังเลิกเรียน ผมก็จัดการกวาดข้าวของบนโต๊ะลงกระเป๋าอย่างรีบร้อน เพราะว่ากลัวจะไปไม่ทันไอ้เพื่อนตัวดีมัน เดี๋ยวไอ้บ้านั่นมันจะบ่นจนหูชาอีก นี่มันเป็นพ่อผมได้เลยนะครับ

    ผมหันไปมองดูคนน่ารักที่แอบมองตั้งแต่วันแรกที่ร่างเล็กก้าวเข้ามาในห้อง คยองซูกำลังง่วนกับการเก็บของใส่กระเป๋าพลางคุยกับมินซอกไปด้วย ปากสีสวยเผยรอยยิ้มออกมาทำเอาคนมองใจเต้นไม่เป็นจังหวะ


    หูย น่ารักจัง


    ผมอยากให้เขายิ้มให้ผมอย่างนั้นมั่งอ่ะ...

     

    อยากให้คยองซูยิ้มกว้างๆให้แบคฮยอนบ้าง


     

    ไม่รู้ว่าผมกลายเป็นคนโรคจิตเมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆมันมีอาการตั้งแต่พบคยองซูนั่นแหล่ะครับ ไอ้อาการที่อยากจะจับเขา หอมเขา จูบเขา สัมผัสเขา โอ๊ย ผมอยากทำหมดเลยอ่ะ ผมโรคจิตป่ะ?

    ไม่หรอก ทุกคนก็คงมีอาการแบบนี้กับคนที่แอบชอบบ้างแหล่ะเนอะ





     “แบคฮยอน ฉันไปล่ะนะ บาย”

    นี่ผมนั่งคิดอะไรเพลินๆจนไม่รู้สึกตัวเลยว่าคนน่ารักเดินมาอยู่ตรงหน้าผมเมื่อไหร่ ผมยิ้มกว้างกลับไปตามนิสัยแล้วโบกมือลาคนตัวเล็กกว่าผม คยองซูเดินออกไปแล้ว นี่ผมเก็บของก่อนเขาอีกนะ มัวแต่นั่งมองจนลืมเวลาไปเลย




     

    วันนี้ผมคงมีเรื่องฟินๆไปเล่าให้ไอ้เพื่อนตัวสูงของผมฟัง อิอิ ไม่อยากจะคุยว่าผมได้แตะเนื้อต้องตัวคยองซูตั้งหลายครั้งแน่ะ เฮ้! อย่ามองว่าผมโรคจิตนะ ผมก็แค่ห้ามใจไม่ไหวเท่านั้นเอง


     

    “ไงคุณมึง กว่าจะมาได้นะ”

    เจอหน้าปุ๊บก็เตรียมเทศเลยครับเพื่อนผม

    “เออน่า มาช้าดีกว่าไม่มาละกัน ไปรีบซ้อมกัน” ผมเดินนำหน้ามันไปที่ห้องซ้อมดนตรีแถวๆโรงเรียนก่อนที่มันจะได้บ่นผมไปมากกว่านี้  มันก็เดินตามมาเงียบๆผิดปกติ ช่างมันเถอะ ที่จริงมันก็เป็นคนเฮฮา ฮาจนบ้า บ้าจนเอ๋อ เอ๋อจนไม่ปกติ ไม่ปกติจนเป็นเรื่องปกติของมันไปและ (ไม่งงนะ)




    “ไอ้แบค เด็กใหม่ที่ชื่อคยองซูอยู่ห้องมึงป่ะวะ?”



    ชื่อคยองซูทำให้ผมต้องหันขวับไม่หามันทันที อย่าบอกนะว่ามันจะจีบตัวเล็กของผมอ่ะเฮ้ย! ไม่นะ คนนี้หวง แบคฮยอนคนนี้ไม่ยอมเด็ดขาดเลยนะ ไม่ๆๆๆๆๆ


    “กูถามก็ตอบดิว้า”


    “เออ...ถามไมวะ??”


    “ก็เซฮุนมันคลั่งนักคลั่งหนาจนไม่เป็นอันซ้อมเลยนี่หว่า กูล่ะอยากเห็นหน้าจริงๆ แม่งจะน่ารักเท่าน้องลอว์ร่ากูหรือเปล่าเหอะ โด่”


    หนอย ไอ้เพื่อนปากปีจอ เอาคยองซูไปเปรียบกับนางเอกหนังเอวีได้ยังไง!



    แต่เดี๋ยวนะเมื่อกี้เพื่อนผมมันบอกว่าเซฮุนคลั่งคยองซูงั้นเหรอ?



    “เมื่อวานแม่งก็ไม่มาซ้อม บอกจะไปส่งว่าที่แฟน แต่วันนี้กูโทรจิกมันเรียบร้อยและ ยังไงก็ต้องคืบหน้าบ้างล่ะวันนี้ เดี๋ยวไม่ทันงาน”



    เซฮุนมันจะจีบคยองซูงั้นเหรอ?



    “ไอ้แบค”



    ผมจะทำไงดีล่ะทีนี้! ไอ้เด็กนั่นมันหล่อกว่าผมด้วย!



    “โอ๊ยย! ไอ้เพื่อนเชี่ย ตบหัวกูทำไมวะ?” ผมหันไปแหวใส่มัน ไอ้บ้านี่มือก็ใหญ่เท่าใบตาลยังจะฟาดลงมาบนหัวผมได้นะ ดีที่หัวผมไม่หลุดไปซะก่อนอ่ะ ไม่งั้นคยองซูไม่รักแน่เลยยย


    “มึงมัวแต่เหม่ออะไรล่ะ ไปซ้อมเหอะเสียเวลา”


    “แล้วพวกไอ้เซฮุนล่ะ?”


    “อยู่ในห้องซ้อมแล้วมั้ง”


    นี่ผมต้องทำงานร่วมกับอนาคตศัตรูหัวใจอย่างนั้นเหรอ เฮ้อ


    แค่เซฮุนคนเดียวน่ะผมพร้อมไฟท์อยู่แล้ว แต่อย่างคยองซูคงไม่มีคนมาจีบแค่นี้แน่นอน ผมรู้สึกได้ แต่ผมได้เปรียบกว่านะเพราะอยู่ห้องเดียวกัน โอกาสทำคะแนนมีมากกว่าหลายเท่า คิคิ   

    “ยืนขำอยู่คนเดียวทำหอยทากอะไรวะ! เร็วๆเชี่ยแบค”




    “ไอ้ชานยอล! รอกูด้วยยยย”




















     

    **********








    มาลงตอนที่ 2 อย่างรวดเร็ว ไรท์แต่งด้วยความมึนๆอึนๆงงๆ 5555
    ยังไงก็อ่านแล้วเม้นติชมได้เน้ออ ไรท์จะได้เอาไปพัฒนาฝีมือ


     

     

    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×