ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] My Harem ฮาเร็มของโดคยองซู

    ลำดับตอนที่ #1 : My Harem - 1 [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.27K
      11
      15 ต.ค. 56




    จีบ








     

    สวัสดีครับ ผมชื่อ โดคยองซู นักเรียนชั้นม.ปลายปีที่ 2 ของโรงเรียนคังชินไฮสคูล

    ผมเป็นนักเรียนของโรงเรียนนี้มานาน ก็ประมาณสามวันได้แล้ว(?) ถามว่าผมย้ายมาทำไม คืองี้ครับ พี่ชายผม พี่เรียวอุค เมื่อก่อนเขาเป็น โดเรียวอุคครับ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็น คิมเรียวอุคแล้วเพราะเขาไปแต่งงานกับพี่เยซอง หรือ คิมจงอุน เจ้าของธุรกิจแว่นยี่ห้อวายสไตล์รายใหญ่ของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งขณะนี้กำลังโด่งดังไปทั่วโลก

    เพราะพี่ชายผมแต่งงาน ครอบครัวของผมที่เพียงแค่สองคนพี่น้องก็ต้องย้ายไปอยู่กับพี่เยซอง และพี่เยซองก็อยู่กับน้องชายของเขาเพียงสองคนเช่นกัน ชื่อ คิมมินซอก และ มินซอกนี่แหล่ะ ที่เป็นเพื่อนคนแรกในโรงเรียนใหม่ของผม

    สามวันที่อยู่ภายในโรงเรียนแห่งนี้ก็ถือว่าโอเคมากๆเลยครับ วันแรกเข้ามาก็ถูกขอเบอร์จากชายแปลกหน้าที่เป็นรุ่นพี่ วันที่สองในล๊อกเกอร์ก็เต็มไปด้วยของขวัญนานาชนิดที่ไม่รู้ไอ้บ้าหน้าไหนเอามายัดไว้ซะล้นช่องของมัน วันที่สามซึ่งก็คือวันนี้ มีรุ่นน้องคนนึงมาสารภาพรักกับผมครับ ให้ตาย ผมจะดีใจกว่านี้ถ้าน้องเขาไม่ใช่ผู้ชายล่ะก็นะ

    ไม่ใช่ว่าผมเกลียดการรักร่มเพศนะครับ แต่ผมแค่…อืม ไม่รู้สิ ไม่ถูกใจมั้งครับ? แต่ก็นั่นแหล่ะ ผมบอกปฏิเสธเขาอย่างไม่ลังเลเลยทีเดียว

    “คยองซู”

    มินซอกที่นั่งอยู่ข้างๆผมเรียกขณะที่เรากำลังเรียนวิชาที่น่าหลับที่สุดอย่างประวัติศาสตร์อยู่ ผมหันไปหาเขาพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร

    “วันนี้ไปสนามบอลเป็นเพื่อนหน่อยดิ”

    “ฉันก็ไปเป็นเพื่อนนายทุกวันอยู่แล้วไม่ใช่?”

    “นั่นสิ” คนแก้มป่องหัวเราะเจื่อน มินซอกชอบมาขอให้ผมไปสนามบอลเป็นเพื่อนทุกๆเย็น เพราะเขาชอบเล่นฟุตบอลมาก


    ผมก็ไม่แน่ใจหรอกว่ามินซอกชอบเล่นฟุตบอล หรือชอบนักฟุตบอลกันแน่


    “ไม่ไปเจอพี่เขาสักวันคงไม่เป็นมะเร็งกระพุ้งแก้มหรอกม้าง”

    ผมแกล้งลากเสียงยาวอย่างล้อเลียน ทำเอาคนข้างๆแก้มขึ้นสีไปเลย มินซอกจัดเป็นผู้ชายที่น่ารักมากๆคนหนึ่ง ตัวเล็ก ผิวขาว แก้มป่อง งานอดิเรกค่อนข้างแมน แต่นิสัยก็น่ารักๆมุ้งมิ้งตามสไตล์เขานั่นแหล่ะ แต่ทำไมผู้ชาย(ผู้หญิงด้วย)ในโรงเรียนนี้ถึงได้สนใจแต่ผมกันนะ

    มินซอกทั้งยิ้มง่าย อัธยาศัยดี เข้ากับคนเก่ง ส่วนผมก็เอาแต่ทำหน้าเย็นชาเบื่อโลก ไม่ค่อยยิ้มให้ใครทั้งที่ยิ้มแล้วโลกใบนี้แทบละลายเหมือนไอศกรีมโดนแดดเผา ผมไม่ได้ยอตัวเองนะ มินซอกบอกมาทั้งนั้น

    ผมยิ้มบางๆกับท่าทางของมินซอกที่กำลังเขินนิดๆ จากนั้นเราทั้งคู่ก็หันกลับไปจ้องกระดานกันอีกครั้ง จ้องไปอย่างเดียวแต่ไม่ได้ฟังน่ะครับ ไม่รู้ว่าเขาเรียกหลับในหรือเปล่า แต่เนื้อหาที่อาจารย์พูดมามันไม่ได้เข้าโสตสมองผมเลยซักนิด...

     

    หมดคาบวิชาหน้าเบื่อในตอนเช้าทั้งหมด เราสองคนก็ลงไปทานข้าวกลางวันกันที่โรงอาหาร ดีหน่อยที่โรงเรียนนี้แบ่งโรงอาหารเป็นชั้นปี แบบตึกใครตึกมัน ปีหนึ่ง ปีสอง ปีสาม แยกกันหมด ก็ดีครับ ไม่วุ่นวายดี ผมเป็นคนรักความสงบ
     

    ผมนั่งเฝ้าโต๊ะโดยที่มินซอกอาสาเดินไปซื้อข้าวมาให้อย่างที่ทำประจำ เหม่อมองไปรอบโรงอาหารเพลินๆซักพักก็มีเสียงเซ็งแซ่เกิดขึ้น ผมหันไปมองเหตุการณ์ก็พบว่า นักเรียนปีหนึ่งคนนึงซึ่งเป็นตนเหตุของเสียงฮือฮานี้ เขากำลังเดินเข้ามาในโรงอาหารของปีสอง







    เดินมาที่โต๊ะของผม?






     

    “สวัสดีฮะ พี่คยองซู”



     

    “?”  ผมเลิกคิ้วมองน้องผู้ชายตัวสูงโย่งคนนี้ ที่ผมมั่นใจว่าเราไม่เคยรู้จักมาก่อน เด็กตัวสูงมองหน้าผมแล้วก็ยิ้ม รอยยิ้มนั้นทำเอาสาวๆแถวนี้ส่งเสียงครวญครางเหมือนได้ดูผู้ชายถอดเสื้อโชว์ซิกแพ็คอวดกล้ามล่ำๆก็ไม่ปาน


    “ผมเซฮุนนะฮะ”

    จู่ๆเขาก็แนะนำตัว ผมไม่ได้ถามซะหน่อย


    “ผมขอนั่งทานข้าวกับพี่ได้มั้ย?”

    อ้า เอาไงดี มินซอกจะว่ามั้ยนะ ถ้าเราจะมีเพื่อนร่วมโต๊ะเพิ่มขึ้นมา


    “ขอถามเพื่อนพี่ก่อนได้ป่ะล่ะ” ผมบอกน้องเขาไป


    “ก็ได้ฮะ”


    น้องเขายิ้มมุมปากแบบเท่ห์ๆแล้วจัดการหย่อนก้นตัวเองลงนั่งฝั่งตรงข้ามผมทันที ไอ้เด็กนี่ แบบนี้ไม่ต้องขอก่อนก็ได้มั้ง แหม่ ทำเป็นมีมารยาท

    แต่ก็ดีเหมือนกัน ผมขี้เกียจเงยหน้าคุยกับน้องเขา เมื่อยคอ

     

    “คยองซู มาแล้ว อ้าวนี่?”

    เจ้าเพื่อนแก้มป่องผมมาพอดี มินซอกหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกเมื่อเห็นคนแปลกหน้ามาแย่งที่ตัวเองไปซะงั้น ผมรับจานข้าวทั้งสองจานมาวาง แล้วดึงมินซอกให้มานั่งข้างๆผมแทน คงไม่ต้องขอความเห็นของเพื่อนแล้วล่ะในเมื่อน้องเขายังคงนั่งทำหน้าระรื่นอยู่ตรงข้ามผมอย่างนี้


    “สวัสดีครับพี่ ผมชื่อเซฮุน”

    เด็กเซฮุนหันมาทักทายและแนะนำตัวกับมินซอก และแน่นอน คนอัธยาศัยดีอย่างเจ้าแก้มป่องก็ยิ้มตอบและแนะนำตนเองกับรุ่นน้องคนนี้เหมือนกัน ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอะไร นั่งก้มหน้าก้มตาทานข้าวเที่ยงอย่างเดียว ผมหิวจะแย่แล้ว


    “พี่คยองซู”


    จู่ๆเซฮุนก็เรียกผม ทำให้ผมต้องเงยหน้ามองเขาอย่างหงุดหงิดนิดหน่อย ก็ผมไม่ชอบให้ใครมากวนเวลาทานข้าวนี่ และดูเหมือนมินซอกจะรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตของผม เขาเอามือมาวางไวบนขาของผม สื่อว่าให้ใจเย็นๆ

    “พี่ไม่คิดจะชวนผมทานข้าวมั่งเหรอ”

    “นายก็ไปซื้อมาสิ แล้วก็มานั่งกินด้วยกัน มัวแต่นั่งเฉยๆแล้วจะได้กินมะ?”

    ว่าจบผมก็ก้มหน้าก้มตาโซ้ยเส้นสปาเก็ตตี้ต่อ มินซอกที่นั่งเงอะๆงะๆอยู่นานก็เริ่มทานข้าวในจานตัวเองด้วยเช่นกัน จนตอนนี้สปาเก็ตตี้ผมหมดจานแล้ว ผมก็ยังไม่เห็นว่าเซฮุนมันจะลุกไปไหน

    “นายไม่หิวหรือไง?”


    ผมถามออกไปเมื่อรู้สึกได้ว่าไอ้เด็กนี่เอาแต่จ้องผมตลอด อึดอัดเป็นนะเว้ย


    “นั่งมองพี่คยองซูก็อิ่มแล้วฮะ”


    หือ! อะไรของน้องเขาวะ ผมทำหน้าอึนๆใส่คนตรงหน้าแล้วหันมามองมินซอกที่กำลังทานข้าวอย่างใจเย็นจนมันพร่องไปแค่ครึ่งจาน อืม ผมหิวน้ำมากๆ จะใช้มินซอกก็กระไรอยู่นะ


    “นาย พี่ขออะไรหน่อยสิ”


    “ครับ? พี่คยองซูจะขออะไรผม” เซฮุนยิ้มแก้มแทบปริเมื่อผมมีทีท่าสนใจเขา มองไปมองมาเด็กนี่ก็หล่อใช่เล่น บางทีเซฮุนอาจจะเป็นคนดังของโรงเรียนก็ได้มั้ง ตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาในพื้นที่โรงอาหารผมก็รู้สึกได้ว่ามีสายตาหลากหลายคู่กำลังมองมาที่พวกผมอยู่ตลอดเวลาจนถึงตอนนี้


    “ไปซื้อน้ำให้พี่หน่อยดิ พี่หิวน้ำมากๆเลย”

    ไม่ต้องขอร้องอะไรให้มากความ น้องเซฮุนคนงามก็แจ้นไปซื้อน้ำมาให้ผมได้รวดเร็วทันใจดีจริงๆ ผมพอรู้อยู่หรอกครับ ว่าน้องเขามีจุดประสงค์อะไรถึงได้มาเกาะแกะมาเอาใจผมอย่างนี้


    ก็ต้องการจะจีบผมไง



    แต่ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้มั้ง




    “ขอบใจนะ” ผมรับน้ำเปล่ามาแล้วกล่าวขอบคุณเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มบางๆ ตอนนี้มินซอกก็ทานข้าวเสร็จแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลาไปสิงสถิตอยู่หลังตึกปีสามซึ่งเป็นที่ประจำของพวกผมแล้วล่ะ


































     

    มินซอกกับผมเดินไปยังตึกปีสามที่อยู่ใกล้ๆ จากนั้นก็ลัดเลาะไปข้างๆเพื่อไปยังโต๊ะหินอ่อนที่อยู่ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ให้ความร่มรื่นและลมเย็นๆ ผมจึงชอบที่จะมาที่นี่ แม้จะมาอยู่ได้ไม่กี่วันก็ตาม แต่ที่นี่อ่ะ ผมจองแล้วนะ




    เอ แต่เหมือนผมจะลืมอะไรไปซักอย่าง



    “นาย??”



    เมื่อกี้ผมรู้สึกขนลุกเหมือนมีพลังงานบางอย่างมายืนอยู่ข้างหลัง เมื่อหันไปก็เจอเลยครับ ใช่ครับ ผมลืมไอ้เด็กเซฮุน น้องเขามายืนยิ้มหวานอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้



    “เรียกผมว่าเซฮุนดิพี่”


    “นายตามพวกพี่มาทำไมเนี่ย?” ผมไม่ได้สนใจคำพูดของเขา เซฮุนถือวิสาสะนั่งลงข้างๆผมซึ่งมีที่ว่าง มินซอกก็เอาแต่มองเหตุการณ์อย่าง งงๆอยู่ฝั่งตรงข้าม  ให้ตายสิ มินซอกนายอย่างงไปซะทุกเรื่องจะได้มั้ยยย ปล่อยให้ผมรับชะตากรรมอยู่คนเดียวเลย



    “เรียกผมเซฮุนก่อนสิฮะ”



    “นายไม่มีที่ไปรึไง?”



    “เรียกผมเซฮุนก่อน”



    “นี่! นายจะเอายังไง”



    “เรียกผม



    “เซฮุน!!!” เฮ้ ผมก็เรียกชื่อตามใจหมอนี่ไปแล้วยังจะมานั่งยิ้มทำหน้าติ๋มใส่อีก จะเอายังไงกับผมกันแน่วะ ชักเริ่มโมโหแล้วนะ ง่วงก็ง่วงมากวนอยู่ได้


    “พี่คยองซูฮะ”



    “นี่ถ้านายยังไม่เลิกก่อกวนฉันล่ะก็…!!











    O___O!





























    “เฮ้ย!!!”  ไอ้! ไอ้!! ไอ้เซฮุน!! ไอ้เด็กเวร!! มันหอมแก้มผมมมมมมมมมมมมม


























    “พี่คยองซูแก้มหอมจังเลย แล้วตัวพี่จะหอมเหมือนแก้มรึเปล่าฮะ?”


    มันยังมีหน้ามายิ้มแป้นแล้นให้ผมอีก ตอนนี้ผมยังคงช็อกค้างมองหน้าไอ้เด็กเปรตนี่ทำหน้าน่าหมั่นไส้อยู่ได้ และผมก็มั่นใจว่ามินซอกต้องช็อกค้างยิ่งกว่าผมหลายเท่าแน่นอน


    “แก แกทำแบบนี้ต้องการอะไรวะ!


    เมื่อได้สติ ผมก็ลุกขึ้นยืนแล้วชี้หน้าหาเรื่องไอ้เด็กตัวสูงนี่ทันที ตอนนี้ผมรู้สึกหน้าร้อนๆ เหมือนมีลมออกจากหูอีกต่างหาก คือผมไม่ได้เขินนะ ผมมั่นใจว่าผมโมโหไอ้เด็กนี่โคตรๆเลยล่ะ ไม่คิดว่าไอ้เด็กบ้ามันจะรุกเร็วขนาดนี้!


    ยังจะมายิ้มหวานอีก!


    “พูดไม่เพราะเลยฮะพี่คยองซู”


    “เรื่องของฉัน! นายออกไปจากตรงนี้เลยนะ!


    “ไม่อ่ะ ผมอยากอยู่ใกล้ๆพี่”


    เซฮุนพูดไปยิ้มไปเหมือนคนบ้า ไอ้เด็กนี่ทำไมมันทำตัวน่าหมั่นไส้อย่างนี้นี้นะ ได้ ถ้ามันไม่ไปผมไปเองก็ได้ ผมหันไปฉุดแขนมินซอกที่นั่งมองเหตุการณ์ตาถลนให้ลุกขึ้นแล้วเดินดุ่มๆออกจากบริเวณนี้โดยเร็ว ไม่สนว่าเซฮุนมันจะตามมาหรือไม่ เพราะยังไงตึกปีสอง ปีหนึ่งก็ขึ้นไปไม่ได้อยู่ดี เหอะ!














     



















                และแล้วผมนั่งหน้าบูดอยู่ที่โต๊ะตัวเอง เพราะอะไรล่ะ ก็เพราะผมง่วงแล้วก็ยังไม่ได้งีบซักนิด อีกอย่างก็ซวยมาโดนขโมยหอมแก้มจากไอ้เด็กบ้านั่นอีก แล้วสุดท้าย ไอ้เด็กบ้าที่ว่ามันมานั่งยิ้มมองหน้าผมอยู่นี่ไง!!



    ไหนกฎบอกไว้ว่าห้ามแต่ละชั้นปีขึ้นตึกของชั้นปีอื่นไงวะ!


    “พี่ทำอย่างบูดอย่างนี้ยังน่ารักเลยนะฮะ”


    “นายไปเรียนได้แล้วไป”

    ผมตอบกลับไปอย่างเนือยๆ หมดแรงจะตะคอกจะตวาด ในเมื่อก่อนหน้านี้ผมทั้งชี้หน้าด่า ทั้งไล่กลับไปมันก็ยังด้านที่จะอยู่ ผมเลยพอ เดี๋ยวผมจะเป็นลมบ้าหมูไปซะก่อน


    “คาบบ่ายผมว่าง”


    “แต่ฉันมีเรียนนะ!


    เป็นรอบที่ร้อยกว่าๆที่ผมตะคอกเซฮุน และมันก็ยังยิ้มระรื่นกลับมา ให้ตายสิ คนแบบนี้จัดการยากชิบเป๋ง อย่างรายอื่นๆที่มาตามตื้อผมอย่างนี้ แค่ผมเอ่ยปากไล่แบบอ้อมๆเขาก็ยอมไปกันดีๆและ แล้วนี่อะไร


    “ก็ได้ฮะ แต่พี่ต้องไปส่งผมนะ”


    บ๊ะ ไอ้เด็กนี่


    “เออๆๆๆๆๆๆ ก็ได้”


    ^_^


    “แต่แค่หน้าห้องฉันพอนะ”


    “โอเคฮะ”

    ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าประตูห้องเรียนตามมาด้วยเซฮุน พวกเพื่อนนักเรียนส่วนมากจะชอบมานั่งเล่นรอถึงคาบเรียนอยู่ที่หน้าห้องกันส่วนใหญ่ มันเลยทำให้ผมกับเซฮุนกำลังตกเป็นเป้าสายตาโดยทันที


    “ไว้ผมจะมาหาพี่อีกนะฮะ”


    “ไม่ต้อง” ผมตอบกลับทันทีพร้อมเมินหน้าไปทางอื่น


    “พี่ห้ามผมไม่ได้หรอกรู้มั้ย”


    ผมหันกลับไปมองเซฮุนที่ยังคงสีหน้าเดิมเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ผมไม่มีไรจะพูด บวกกับเซฮุนที่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อทำให้ผมมองหน้าน้องเขาค้างอยู่อย่างนั้น จะว่าไปหมอนี่ก็ดูดีไม่น้อย

    ต้องบอกว่าดูดีมากๆเลยล่ะ

    จังหวะที่ผมกำลังมองหน้าเขาอยู่เพลินๆ เซฮุนก็โน้มตัวเข้ามาจนผมตกใจ มือทั้งสองที่ควรจะยกมาป้องกันก็โดนไอ้เด็กนี่จับยึดไว้ข้างลำตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

    เซฮุนยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนริมฝีปากของเขาอยู่ใกล้กับใบหูของผม ลมหายใจร้อนๆเป่ารดใบหูผมจนขนลุกซู่อย่างห้ามไม่ได้ ผมตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก สติที่มีหลงเหลือก็ได้ยินแต่เสียงฮือฮาของเพื่อนนักเรียนแถวนี้ คงกำลังพูดคุยเรื่องของผมกับเซฮุนอยู่แน่นอน



    “ยังไงพี่ก็หนีผมไม่พ้นหรอกฮะ พี่คยองซู”



    โอ้ย พูดใกล้ๆหูอย่างนี้มันจั๊กจี้นะโว้ย!



    “ผมชอบพี่ และผมจะจีบพี่ฮะ”





























     

     









     

    “คยองซู วันนี้กลับบ้านไปก่อนก็ได้นะ” ขณะที่ผมกำลังเก็บข้าวของลงกระเป๋านักเรียน มินซอกที่นั่งอยู่ข้างๆก็พูดขึ้นมา


    “ทำไมล่ะ?”


    “วันนี้ฉันคงอยู่เล่นบอลจนดึก แล้วพี่เขาก็บอกว่าจะไปส่งด้วยไงก็เลย


    “โอเคๆ เข้าใจแล้ว ฉันไม่อยู่ให้เป็นก้างหรอกน่า”


    “ไม่ใช่อย่างนั้นน้า” มินซอกพูดแล้วทำแก้มพองๆปากจู๋ซะน่ารัก ผมเลยหยิกแก้มนุ่มนิ่มของเขาไปทีนึงก่อนจะส่งยิ้มให้ เพื่อจะบอกว่าผมไม่ได้น้อยจงน้อยใจอะไร


    “ฉันกลับก่อนดีกว่า แล้วเจอกันที่บ้านนะ บาย”


    ผมบอกลามินซอกแล้วเดินออกมาก่อน ก็ไม่ได้รีบเท่าไหร่หรอกครับแต่ผมกลัวจะเจอไอ้เด็กสูงคนนั้นมากกว่า หลังจากที่เซฮุนเอ่ยปากบอกที่จะรุกหน้าจีบผมแล้ว เขาก็เดินกลับไปทันที ปล่อยให้ผมยืนมองตามแผ่นหลังกว้างดูดีนั่นอย่างอึ้งๆ ก็แหม ไม่ค่อยมีคนมีบอกจะจีบผมตรงๆ(แถมใกล้ๆ)ขนาดนี้มาก่อนนี่ครับ พวกที่ผ่านมาก็ทำแต่เรื่องแปลกๆทั้งนั้น บ้างก็บอกรักเลย ใครเขาจะไปตอบตกลงปุบปับล่ะจริงมั้ย?


    การมาจีบอย่างนี้มันก็ดีไปอย่าง


    แล้วผมจะคอยดูว่าเซฮุนจะจีบผมติดมั้ย?




























    เนื่องจากมินซอกไม่ได้กลับบ้านพร้อมกัน ผมก็เลยต้องเดินกลับบ้านอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายท่ามกลางลมเย็นๆที่พัดหวือมาให้ขนลุกอยู่ตลอด เอ๊ะ นี่ตั้งแต่เจอไอ้เด็กสูงนั่นรู้สึกผมจะขนลุกบ่อยไปนะ อย่าไปนึกถึงมันดีกว่า เหมือนมีลางสังหรณ์ว่าจะได้เจอยังไงก็ไม่รู้สิ


    รู้สึกไม่สบายใจยังไงชอบกล


    เมื่อไหร่จะถึงบ้านวะ

















    “พี่คยองซู!” เสียงนี้มัน




















    “รอผมด้วยฮะ!


    กรรมๆๆๆๆ ลางสังหรณ์ของผมไม่แม่นซักครั้งจะได้มั้ย ผมหันกลับไปมองข้างหลัง ไอ้เด็กเซฮุนกำลังวิ่งหอบหน้าดำหน้าแดงมาเชียว



    “มีอะไรอีกล่ะ”



    เมื่อเซฮุนมาถึงก็ยืนก้มตัวหอบอยู่ข้างๆผม มันก็น่าสงสารอยู่หรอกนะอุตส่าห์วิ่งตามมา แต่ใครใช้ล่ะ เสร่อเองทั้งนั้น ไม่เจียมสังขารตัวเองเล้ย


    “ผมจะมาส่งพี่กลับบ้าน”


    “ฉันไม่ใช่เด็กๆที่จะกลับบ้านเองไม่เป็นนะ”


    “ก็ผมอยากอยู่กับพี่อ่ะ บอกแล้วไงว่าผมจะจีบพี่”


    นี่ห้ามไปก็ไม่ได้ผลใช่มะ? ผมคงต้องยอมให้เซฮุนเดินไปด้วยกันแล้วล่ะ เอาความจริง ผมก็โหวงๆอยู่เหมือนกันถ้าต้องเดินคนเดียว มีคนเดินเป็นเพื่อนก็ดีเหมือนกันนะ

    เซฮุนยื่นมือมาดึงกระเป๋าไปจากไหล่ของผม แล้วเอาไปพาดไว้บนไหล่อีกข้างของตนเอง ตอนแรกผมก็คิดจะห้าม แต่ก็ปล่อยเลยตามเลย เพราะยังไงเด็กนี่ก็ไม่ฟังผมอยู่ดีนั่นแหล่ะ








     



































     

    “บ้านพี่นี่ใหญ่ดีเนอะ”


    “บ้านพี่เขยฉัน”


    “อ่อ ครับ” ตอนนี้ผมกับเซฮุนยืนหน้าประตูรั้วคฤหาสน์หลังงามของผมแล้วล่ะครับ ผมไม่ได้เว่อร์นะ แต่พี่เยซองน่ะรวยจริงไรจริง อีกอย่างคฤหาสน์หลังนี้ก็เป็นของตระกูลพี่เขาด้วยล่ะ พี่เรียวอุคกับผมก็เลยสบายไป


    แต่ใช่ว่าผมกับพี่ชายจะมาเกาะเขากินนะ เพราะครอบครัวผมก็ไม่ได้จนอย่างที่คิด คฤหาสน์ตระกูลโดก็ใหญ่ไม่แพ้ของตระกูลคิมเลยด้วยซ้ำ แต่ผมกับพี่ชายเลือกที่จะมาอยู่ที่นี่เพราะต้องการความอบอุ่นมากกว่า

    อยู่ที่นั่นก็อยู่กันแค่สองคนกับพ่อบ้านแม่บ้านอีกเป็นโขยง อยู่ที่นี่ กับพี่เยซองและมินซอก มันดูเหมือนเราเป็นครอบครัวมากกว่า พวกเรามาเติมเต็มซึ่งกันและกัน เพราะพ่อแม่ของพวกเราก็เสียชีวิตกันไปหมดแล้ว

    พี่เยซองก็เหมือนพ่อ พี่เรียวอุคก็เหมือนแม่ พี่ทั้งสองดูแลผมกับมินซอกเปรียบเสมือนลูกแท้ๆ

    ผมมีความสุขมาก มันเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมเต็มใจทิ้งคฤหาสน์แสนว่างเปล่าหลังนั้นมาอยู่ที่นี่ไงล่ะ






    “พี่คยองซู”


    “ห้ะ?”


    “เหม่อไรฮะ ผมเรียกตั้งนาน” ผมส่ายหัวน้อยๆตอบกลับไป เซฮุนยิ้มตาหยีมาให้พร้อมกับยื่นกระเป๋าคืนมา ผมรับมาสะพายที่หลังก่อนจะโบกมือบ๊ายบายให้รุ่นน้องตัวสูง



















    “เดี๋ยวพี่!



    “ว่า?”



    “ขอไลน์ได้ป่ะ?”



    “ฉันไม่ได้เล่น”













    “ไลน์เธอตลอดปั๊กอ่ะ”

    อะไรวะ? ผมทำหน้างงใส่น้องเขา เซฮุนยิ้มอายๆก่อนจะพูดออกมา






















    “รักเธอตลอดไปไงฮะ”

























    เหยดดดด…. ขอกระโถนหน่อยครับ


































































     

    ผมน่ะ ตกหลุมรักพี่คยองซูตั้งแต่แรกเห็นเลยล่ะครับ เมื่อวานที่ผมไปทำธุระที่ตึกปีสาม พลันสายตาดุจเหยี่ยวของผมก็เหลือบไปเห็นนางฟ้ากำลังนั่งหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนข้างๆตึก









    ...รักแรกพบ...










    ผมรู้ในทันทีว่านี่มันเป็นรักแรกพบ




    หลังจากนั้นผมก็ไปสืบหาข้อมูลของพี่เขามาเล็กๆน้อยๆ พี่เขาเป็นเด็กใหม่เพิ่งย้ายเข้ามา บ้านก็อยู่ใกล้ๆโรงเรียน พ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้ว มีพี่ชายอยู่หนึ่งคน นอกนั้นผมก็ไม่รู้อะไรอีก นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมต้องรีบรุกหน้าจีบพี่เขายังไงล่ะ เพราะผมไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับตัวพี่คยองซูเลย(เหรอ) กลัวว่าจะเสียเปรียบคู่แข่งหลายๆคนที่จ้องจะงาบพี่คยองซูเหมือนกัน

    แล้ววันนี้ผมก็ทำคะแนนโดยการเดินมาส่งที่บ้านพี่เขาล่ะ แถมยังเล่นมุกเสี่ยวๆไปด้วย ฮ่าๆ พี่เขาทำหน้ายังกับคนแพ้ท้องแน่ะ แต่ผมมั่นใจว่าพี่เขาก็ต้องเขินบ้างแหล่ะน่า ตอนที่ผมขโมยหอมแก้มพี่เขาเหมือนกัน ใบหน้าน่ารักนั่นแดงเถือกซะผมอยากจะเข้าไปหอมอีกรอบ ถึงปากจะว่าผม แต่พี่คยองซูก็ต้องเขินบ้างล่ะ


    “หยุดยิ้มเหอะมึง เหมือนกูเดินกับคนบ้า”



    ไอ้เพื่อนรักมันหันมาแขวะผมด้วยใบหน้านิ่งๆ ก็คนมันมีความสุขอ่ะ มีความสุขก็ต้องยิ้มดิ



    “ไอ้ดำ มึงว่ากูจะจีบพี่เขาติดมั้ยวะ ต้องติดดิเนอะ ก็กูหล่อออกขนาดนี้”


    “แล้วจะถามเพื่อ?”

    ผมยักไหลไม่ใส่ใจ หลังจากส่งพี่คยองซูเสร็จก็เดินกลับมาที่โรงเรียนเพื่อมาหาไอ้เพื่อนรักตัวดำหวังจะติดรถจาร์กัวคันงามของมันกลับบ้านด้วย ที่จริงผมก็มีสปอร์ตอยู่คันนึงฮะ แต่ขี้เกียจขับมา เปลืองน้ำมัน


    “พรุ่งนี้กูคงไม่ได้ไปหาพี่เขาแน่เลยว่ะ แม่ม ต้องไปซ้อมดนตรีอีก เซ็งๆๆๆ”


    ผมเดินบ่นไปเรื่อยๆจนมาถึงที่จอดรถของพวกอาจารย์ที่ไอ้ดำเนียนเอามาจอดไว้ด้วย กลัวอะไรล่ะครับ ในเมื่อพวกผมเส้นใหญ่ซะอย่าง ไม่งั้นผมจะขึ้นไปตึกปีสองได้เหรอ

    ไอ้ดำขึ้นไปด้านคนขับ ส่วนผมก็ไปนั่งฝั่งข้างคนขับพร้อมหยิบไอพอดขึ้นมากดฟังเพลงร็อคเสนาะหูพลางทำไม้ทำมือเหมือนตีกลองชุดไปด้วย ไม่อยากจะคุยว่าผมน่ะเป็นมือกลองของวงลัคกี้เลยนะฮะ




    “มึง คาดเข็มขัดยัง?”




    เหมือนได้ยินเสียงเพื่อนผมดังแหว่วๆ เพราะเสียงเพลงในหูผมมันดังมากๆเลยทำให้ไม่ได้ยินเสียงจากข้างนอก แต่พอผมหันไปมองหน้ามัน มันก็ดูปกติเหมือนไม่ได้พูดกับผม หรือผมหูฝาดไปเอง





    ไอ้ดำเริ่มถอนหลังออกจากที่จอด  




     ผมเริ่มโยกหัวตามจังหวะอันเมามันส์











    บรื้นนนนนน!!!




    โป๊กกกก!!








    “โอ๊ยยยยยย!!!” หัวผมโขกกับแท่นหน้ารถอย่างจังเลยฮะ ผมหันไปมองหน้าไอ้เพื่อนตัวดำแถมยังใจดำไม่เตือนให้ผมคาดเข็มขัดนิรภัยก่อน มันยิ้มมุมปากขับรถต่อไปโดยไม่หันมามองผมที่หน้าผากเริ่มโนเลยซักนิด!















    “ฝากไว้ก่อน ไอ้เหี้ยจงอิน!!!
     



















    100%

     

     


      










     

    **********

     













     

     สวัสดีค่ะรีดเดอร์ 
    ผช.คนแรกในฮาเร็มของหนูโด้คือเซฮุนนั่นเองงงงงง

    10% ไม่มีไรหรอก แค่เอาจงอินมาผลุบๆโผล่นิดหน่อย 5555
    เห็นว่ามันสั้นไปไง เลยเอาเสริมนิสสสนึง

    ตอนหน้าฟินกว่านี้ไรท์รับรอง
    มาลุ้นว่าจะเป็นใครต่อไป อันนี้ก็เดาไม่ยากเหมือนเดิม 55555



     

    ช่วยเม้นเป็นกำลังใจด้วยนะค้า
    เม้นของรีดเดอร์เป็นกำลังใจในการอัพฟิคเลยนะ จุ๊บๆๆ


     

    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×