ตอนที่ 5 : 一 เหมันตฤดู (4)...สู่แคว้นอัน
แก้ไข : 24 กรกฎาคม 2560
“เจ้าเจออวิ๋นเจินหยาง? องค์ชายสามผู้เป็นตำนานคนนั้นมาอย่างนั้นหรืออวี่เอ๋อร์?” เทียนหานเฟิงเอ่ยถาม ขณะที่จิบชากลิ่นหอมสีฟ้าสวยราวท้องฟ้า
“ข้ารู้นะว่าเขาเป็นที่กล่าวขาน...เหตุใดจึงกลายเป็นตำนานเล่า?”
“เจ้าน่ะไม่เคยสนใจเรื่องใดนอกจากการค้าขายเลยจริงๆ” ยิ้มอย่างอ่อนใจ “ข้าจะเล่าให้ฟัง...แคว้นป๋อมีงานเทศกาลร้อยสีสันจัดขึ้นทุกปีแต่สองปีก่อนตรงกับวันพระราชสมภพของไทเฮาพอดี เลยมีการประลองทั้งบุ๋นและบู๊ไปด้วย งานนั้นได้กำเนิดจตุรบุรุษแห่งยุค ฮ่องเต้แห่งแคว้นป๋อ...ฉีหรงเฉิง องค์ชายสามแห่งอวิ้นหยาง...อวิ๋นเจินหยาง ท่านอ๋องสี่แคว้นอัน...เทียนซือเสียน คุณชายใหญ่แห่งเผ่าชมฟ้า...หลิงเจียวหั่ว”
ฟังรายนามเหล่านั้น หลิงซิ่นอวี่เลิกคิ้วอย่างสนใจ “หืม? อ๋องสี่เทียนซือเสียน...เขาคงไม่ดีใจจนจุดโคมแดงทั่วเมืองฉลองให้ตนเองหรอกกระมัง?”
เทียนหานเหิงยกแก้วชาขึ้นจิบขณะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงระอาใจ “แทบจะจุดโคมไฟสีแดงทั้งเมืองอย่างที่เจ้าว่า ข้าอ่านจดหมายเสร็จแล้วเผาทิ้งเลย อืม...และงานนั้นนอกจากเหล่าบุรุษยังมีการประชันความสามารถของบรรดาสาวงามมากมายทั่วหล้าด้วย”
“กล่าวคือมีจตุรบุรุษแล้วก็มีสี่หญิงงามอีก? เหตุใดข้าไม่เคยรู้เล่าว่าสามแคว้นมีงานที่คึกคักเช่นนี้”
“หากรู้เล่า?” เขาไม่คิดว่าสตรีเช่นนางจะไปร่วมงานรื่นเริงกับใครหรอก
“ข้าจะหาโอกาสค้าขาย ชาของร้านอวี่ต้องขายได้กำไรมากมายแน่นอน” งานใหญ่ระดับแคว้นเช่นนี้ทั้งที
“ข้าก็ว่าเช่นนั้น...โชคดีแล้วที่เจ้าไปเผ่าชมฟ้า”
“สี่หญิงงามเหล่านั้นมีใครบ้างเล่าท่านพี่?”
“ข้าไม่ได้สนใจผู้ใดมากนักการประลองของเหล่าสตรีล้วนเป็นการวาดภาพ เขียนอักษร ดีดพิณ ร่ายรำ เดินหมาก รูปโฉมพวกนางก็ไม่ได้ถือว่างามล้ำ น่าเบื่อยิ่งนัก”
“ขนาดท่านที่เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสนุกยังกล่าวว่าน่าเบื่อ?”
“ข้าล้วนทำได้ดีกว่าพวกนาง...และ...งามกว่าพวกนาง”หลิงซิ่นอวี่แทบจะสำลักชาที่ดื่ม
ชาลี่หยางชั้นเลิศของนางต้องมาเสียของเพราะคำพูดอวดอ้างของเขา แต่เทียนหานเฟิงก็ทำได้ดีจริงอย่างที่ตนกล่าวอ้าง
อวดดี...เพราะ...มีดีให้อวด...
“ถึงอย่างนั้นก็มีสตรีคนหนึ่งที่โดดเด่นเฉิดฉาย”
หลิงซิ่นอวี่สนใจขึ้นมาทันที หากเทียนหานเฟิงบอกว่าโดดเด่น...แสดงว่าต้องยิ่งกว่านั้นหลายเท่า
“ผู้ใดกันหรือ?”
“ลูกสาวเสนาบดีแห่งแคว้นป๋อ...เหลียนเยว่หยิน นางได้รับคำกล่าวขานว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในใต้หล้า ไม่ว่าจะเดินหมาก เพลงพิณ การร่ายรำ วาดภาพ เขียนอักษร ล้วนเป็นเลิศในทุกด้าน ความงามของนางทำให้ดอกไม้ในงานเทศกาลร้อยสีสันหม่นหมอง” แต่คนพูดกลับกล่าวได้ราบเรียบจนหากคนอื่นฟังอาจคิดว่านี่เป็นเพียงข่าวลือไม่มีมูล
“ขนาดนั้นเชียวรึ”
“เหตุที่นางเลื่องชื่อไปทั่วสามแคว้นนั้นมีอีกสาเหตุหนึ่ง...เพราะสองในสี่จตุบุรุษแห่งยุคล้วนผูกสมัครรักใคร่ในตัวนาง ต่างอยากแย่งชิงมาเป็นของตน...หนึ่งในนั้นก็คืออวิ๋นเจิ้นหยาง”
“แล้วอีกคน?”
“ฮ่องเต้แห่งแคว้นป๋อ ยังไม่นับเหล่าคุณชายจากตระกูลขุนนางและเศรษฐีผู้ร่ำรวยอีกหลายคน”
มิน่า...นอกจากรูปโฉมงามล้ำ มากความสามารถ ยังสามารถกุมหัวใจบุรุษผู้เลิศล้ำได้อีก จะไม่ให้สตรีนางนี้โด่งดังได้เช่นไร
“กล่าวได้ว่านางเป็นหนึ่งสีสันในหน้าประวัติศาสตร์ยุคสมัยนี้สินะ” หลิงซิ่นอวี่หัวเราะ
ไม่ว่าจะยุคใดสมัยใด...ก็ย่อมมีสตรีที่ถูกกล่าวขาน
ด้วยรูปโฉมงามล้ำล้มเมือง ด้วยยศถาสูงศักดิ์และวิถีที่เลือกดำเนิน
“ข้าเสียดายอยู่ไม่น้อยที่ไม่ได้ยลโฉมนางด้วยตาตนเอง” สตรีที่องค์ชายผู้ไม่ธรรมดาอย่างอวิ๋ นเจินหยางมอบหัวใจให้นั้น...ต้องพิเศษมากกว่าใครเป็นแน่
คิ้วเรียวของเทียนหานเฟิงเลิกขึ้น มือขาววางแก้วชาลงบนโต๊ะหยก คลึงขอบแก้วเล่นช้าๆ ก่อนเอ่ย “เช่นนั้นเจ้าก็รีบเตรียมตัวเสียเถิด”
“หืม?”
“ข้าจะไปรับนางมารน้อยกับปีศาจน้อยที่บ้านเจ้ารอง คาดว่าคงได้เข้าร่วมเทศกาลร้อยสีสันของแคว้นป๋อพอดี”
หลิงซิ่นอวี่ตื่นเต้นทันที “จรึงรึ?...ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปรีบเตรียมใบชาสำหรับงานนี้ ไม่ต้องกังวล...ท่านพี่ข้าจะจัดเตรียมของใช้ให้ท่านด้วย”
“หน้าที่ของเจ้าอยู่แล้ว” เทียนหานเฟิงตอบรับราวเป็นเรื่องธรรมดา หลิงซิ่อวี่คร้านจะสนใจเขา คิดถึงความสนุกในการได้ขายชาของตนก็รู้สึกร่าเริงไปทั้งวันแล้ว
“มองข้าเช่นนั้นทำไมหรืออวี่เอ๋อร์?” เสียงทุ้มนุ่มนวลเอ่ยถามเมื่อสัมผัสถึงดวงตาสีน้ำเงินคู่งามที่จดจ้องเขาอยู่พักใหญ่ ทั้งที่นางขี่ม้าคนละตัวกับเขาก็ยังบังคับฝีเท้าม้าให้มาเคียงกัน
“ข้ามองปีศาจงามล่มบ้านล่มเมืองอย่างไรเล่า...นี่หากไม่บอกกล่าวข้าคงนึกว่าท่านคือโฉมสะคราญในใต้หล้า” แทนที่จะโกรธเมื่อถูกเปรียบว่ามีใบหน้างดงามราวอิสตรีแต่เทียนหานเฟิงกลับหัวเราะในลำคอ
นางค่อนขอดเขาเช่นนี้เสมอ...
“เจ้ายังแปลกใจอยู่อีก...ในเมื่อ...” เว้นช่วงเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าขาวที่ขึ้นสีแดง “หึๆ” คนถูกแกล้งส่ายหน้า
รู้ว่าเถียงกับคนเจ้าเล่ห์ไปก็ไม่เคยชนะ...และเขาเองก็มีความสุขกับการได้กลั่นแกล้งนางที่สุด...
ช่างเป็นตัวร้ายกาจจริงๆ
“ข้าคิดถึงนางมารน้อยเหลือเกิน ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งเกือบเดือน เจ้าน้องชายน่าตายนั่นบังอาจเอานางมารน้อยของข้าไป เก่งกาจนักทำไมไม่ปั้นออกมาเองเล่า!!” เห็นเทียนหานเฟิงบ่นด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยน ยังคงมีรอยยิ้มประดับไว้ที่มุมปากแต่ดวงตาหงุดหงิด หลิงซิ่นอวี่ก็ยิ้มบาง
คนไม่กี่คนบนโลกนี้ที่ทำให้จอมมารร้ายเช่นเขารู้สึกหงุดหงิด หนึ่งในนั้นก็คือน้องชายร่วมสายเลือดที่เขาผลักภาระต่างๆ มอบให้...ส่วนตัวเองก็หนีมาใช้ชีวิตอิสระเสรี
“ข้ากลับได้เจอ...เด็กๆ สองคนสบายดี ไม่ต้องห่วงไปนัก ข้าคาดว่าหากท่านไม่ไปรับพวกเขากลับ ก็ต้องส่งกลับมา...เจ้าสองแสบนั่นพังของในบ้านน้องชายท่านจนจะหมดอยู่แล้ว”
“หึ...กล้าเอาเด็กๆ ไปจากข้า ก็สมควรรับผลตอบแทน หากไม่ใช่เพราะข้าติดค้างเขาไหนเลยจะยอมทำตามข้อตกลงไร้สาระเช่นนั้น”
“ถือว่าให้เด็กๆ ได้เรียนรู้อย่างไรเล่า...ท่านพี่”
“เหอะ กลับมาอยู่กับข้าได้ไม่กี่เดือนก็ต้องส่งพวกเขาไปเยือนเผ่าชมฟ้าอีก เฮ้อ...ความสนุกสนานของข้าหายไปหมด” หลิงซิ่นอวี่หัวเราะ...
นั่นสิ ใครให้ทั้งนางและเขาเลือกที่จะทิ้งหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อให้ตนได้ใช้ชีวิตเช่นนี้กันเล่า ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา
“ออกเดินทางมาสองวันแล้ว...อีกไม่เกินยี่สิบลี้ก็คงเข้าสู่แคว้นอัน”
“ยามนี่ที่ชุนเกอคงปกคลุมด้วยสีขาวไปทั่ว” แย้มรอยยิ้มคิดถึงสถานที่ในความทรงจำ “จิบชารสเลิศของข้า มองดอกเหมยที่บานสะพรั่งท่ามกลางหิมะก็งดงามไม่น้อย” หลิงซิ่นอวี่จำได้ดีว่า...
เหมยที่นั่นหลากหลายสายพันธุ์และงดงามยิ่งนัก
“นั่งชมดอกเหมยเฉยๆ ได้ที่ไหนอวี่เอ๋อร์ เจ้าติดค้างกระดานหมากกับข้ามาหลายครา คราวนี้อย่าบอกปัดอีกเชียว”
“ข้ารู้น่าท่านพี่...ครานี้หากข้าชนะ ท่านต้องยอมสวมอาภรณ์หงส์ที่จื่อลู่ปักด้วย” คนสนิทของนางมีฝีมือการปักผ้าที่งดงาม และชื่นชอบที่จะให้ผู้คู่ควรใส่ นอกจากเทียนหานเฟิงแล้วจะมีใครงดงามล่มบ้านล่มเมืองได้อีก...
สตรีที่สะคราญโฉมที่สุดในแผ่นดินยังไม่อาจสู้เขาได้
“เดินหมากกันมาเกือบสิบปี เจ้าชนะข้ากี่ครั้งกันเชียว” นางทำราวเขาเป็นตุ๊กตากระเบื้องไว้สวมเสื้อผ้าให้นางจรรโลงสายตา แม้เขาจะตามใจนางอย่างไรก็ต้องไว้หน้าตัวเองบ้างเล็กน้อย
พวกเขาสองคนชอบนั่งเดินหมาก จิบชารสเลิศ บางครั้งหากเทียนหานเฟิงนึกครึ้มอกครึ้มใจขึ้นมาก็บรรเลงเพลงพิณสะท้านไปทั่วหุบเขา ชมทิวทัศน์ของดอกจื่อเถิงหลัว หรือหากนางเว้นช่วงจากการค้าขายใบชาพวกเขาก็มักจะออกเดินทางท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ
ใช้ชีวิตอย่างเสรี...ตามที่ใจปรารถนา
“หึ...ท่านอย่าย่ามใจไปนัก ข้าประลองฝีมือกับพี่ชายและท่านพ่อบ่อยครั้งตอนอยู่ขอบชมฟ้า”
เทียนฟานเฟิงหลังม้าเลิกคิ้วขึ้นเพียงนิด “ท่านพ่อของเจ้า?”
“ท่านพ่อของท่านต่างหาก ยามนี้กำลังเที่ยวเล่นอยู่ขอบชมฟ้า”
ชายหนุ่มหัวเราะแผ่วเบาทันที “คงพาท่านแม่ทั้งหลายไปชมทัศนียภาพของเผ่าชมฟ้า ช่างสมใจข้าดีแท้ เจ้าน้องชายนั่นต้องกำลังทำงานหนักเป็นแน่ สบายใจนัก!”
แค่รู้ว่าน้องชายน่าตายเดือนร้อนเขาก็อารมณ์ดีเหลือคณา
หลิงซิ่นอวี่ส่ายหน้า คนหนึ่งเป็นน้องติดพี่ แต่อีกคนกลับชมชอบกลั่นแกล้งน้องชายตัวเอง...
“จะตรงไปยังบ้านน้องรองเลยหรือเข้าพักที่ตำหนักชุนเกอเจ้าคะท่านพี่?”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้างดงามแย้มพราย “ทำไมข้าต้องไปหาเจ้ารอง บ้านข้าก็มี เดี๋ยวเขาก็มาหาข้าเอง”
“ท่านเกียจคร้านเกินไปแล้ว จากชุนเกอไปบ้านน้องรองไม่ได้ไกลเท่าไหร่นัก” แต่คนผู้นี้กลับให้น้องชายตนมาหาเสียเอง
เฮ้อ...
นางอยู่ข้างกายเขามาหลายปียังไม่เคยเข้าใจความสัมพันธ์เพี้ยนๆ ของพี่น้องบ้านนี้
เดินทางรอนแรมมาได้สักพักก็พบเมืองที่คึกคักยิ่ง ในกลิ่นอายความสนุกสนานนั้นยังเปี่ยมความสงบอันมีเอกลักษณ์ การจัดระเบียบร้านรวง โรงเตี๊ยม และทางเดินล้วนเป็นระเบียบ มีทหารรักษาการณ์คอยตรวจตราและรับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน
ที่นี่ไม่เหมือนลี่เซียน...ในความครื้นเครงเงียบสงบยังแฝงความน่าเกรงขาม
นี่คือหนึ่งในสามแคว้นที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่สุดแห่งยุค...แคว้นอัน
เมืองที่รวบรวมผู้ทรงปัญญาและนักปกครองไว้ด้วยกัน ถึงขั้นถูกเรียกอีกสมญานาม
นครหลวงศักดิ์สิทธิ์...แผ่นดินแห่งเสรีภาพ
"ที่นี่บรรยากาศไม่เคยเปลี่ยนไปเลย" รอกลุ่มคนสนิทยื่นป้ายประจำตำแหน่งขอเข้าเมืองท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของนายทหารรักษาการณ์เรียบร้อยทั้งหลินซิ่นอวี่และเทียนหานเฟิงก็กระโดดลงจากหลังม้าและเปลี่ยนมาจูงม้าเดินแทน ร่างสูงใหญ่ของไป่เหลียวค้อมศีรษะลงเล็กน้อยขณะรายงาน
“จื่อลู่ไปจัดเตรียมความพร้อมที่ชุนเกอเรียบร้อยแล้วขอรับนายท่าน”
“ดี...เช่นนั้นเราไปกันเถิดอวี่เอ๋อร์”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

153 ความคิดเห็น
-
#80 Unnilium (จากตอนที่ 5)วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2561 / 23:14สนุกมากเลย#800
-
#51 Ana (จากตอนที่ 5)วันที่ 27 กรกฎาคม 2560 / 09:06ขอบคุณค่ะไรท์#510
-
#13 yuyuu (จากตอนที่ 5)วันที่ 27 มิถุนายน 2560 / 10:18ชอบค่ะ รออยู่นะคะอยากอ่านอีกกกกกก#130
-
#12 juiinarak (จากตอนที่ 5)วันที่ 27 มิถุนายน 2560 / 04:15นายท่านนี่ท่านพ่อรึเปล่าคะ#120