ลำดับตอนที่ #20
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : Chapter Jeon : 19
Chapter 19
"แต่พี่ไม่คิดแบบนั้น...เราจะทิ้งจองกุกมันไปโดยที่ไม่บอกกันแบบนี้ไม่ได้นะ"
"....."
ตัวรถยังคงแล่นไปตามท้องถนนกว้างไปตามเส้นทางอันใหญ่หลวง...ร่างเล็กเอนกายพลางปิดปากเงียบ ใบหน้าหวานที่เหม่อลอยมองออกนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย..คำพูดของชายหนุ่มถึงจะเป็นแค่คำพูดเตือนใจ แต่มันก็สามารถทำให้ผู้หญิงคนนี้จุกอกอยู่ไม่น้อย แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อทุกอย่างเตรียมไว้แล้ว และตัดสินใจกันแล้วคงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้
เพียงแค่ว่า..จะมีใครสักคนที่ต้องรอ
หรือไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไป...
@สนามบิน
กระเป๋าเดินทางถูกลากไปตามพื้นที่มีผู้คนเดินกันให้วุ่น ท่ามกลางสนามบินอันกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยผู้คนที่ต้องการเดินทางไปที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้..
ร่างเล็กเดินแหงกฝูงชนมาที่จุดนักพบก่อนที่จะปรากฏร่างของมารดาที่กำลังยืนรออยู่ไม่ไกลนัก..ผู้เป็นแม่ยืนโบกมือเรียกเป็นสัญญาณให้ลูกสาวเดินเข้าไปหาตนให้เร็วที่สุด เพราะเวลานี้ใกล้จะถึงเวลาออกเดินทางแล้ว
"แม่คะ..." ร่างบางเดินเข้าไปอย่างใจเย็นพลางกระชับกอดร่างของอึนพาไว้แน่นขณะที่เด็กน้อยหลับซบไหล่ตั้งแต่ลงรถมา
"เราต้องไปกันแล้ว....ขอบคุณนะจีมินที่มาส่ง^^"
"ไม่เป็นไรครับ"
"งั้นก็ฝากดูแลตาแก่นั่นด้วยนะ ลูกสาวไม่อยู่คงซึมอยู่สักวันสองวัน"
"หึๆ ครับ ผมจะคอยดูแลคุณลุงให้...คุณน้ากับ(ชื่อคุณ)เดินทางปลอดภัยนะ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ:)" ชายหนุ่มเอื้อมมือขึ้นมาลูบหัวคนตัวเล็กอย่างเบามือ ก่อนจะฝากคำพูดที่แสนจะเป็นห่วงให้เพราะใกล้จะถึงเวลาแล้ว..ตอนนี้จีมินคงทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้เวลามันผ่านไป แล้วได้แต่ยืนมองอย่างเป็นห่วง
"ดูแลตัวเองด้วยล่ะ ห้ามเคลียดอีกนะ.."
"ค่ะ...พี่จีมิน ฝากคุณพ่อด้วยนะคะ"
"ครับ พี่สัญญา...แล้วพี่ก็จะคอยดูไอ้จองกุกให้ ว่ามันคงไม่ตายก่อนที่เราจะกลับ^^"
"ฝากดูแล...ด้วยนะคะ" เพียงแค่มองตากันก็รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง และต้องการอะไร..ถึงแม้ความรู้สึกเหล่านี้จะยังไม่สามารถแสดงออกมาอย่างเต็มอกก็ตามที
แต่เพียงแค่รู้ว่า...รัก ก็ไม่สามารถปฏิเสธสิ่งใดๆได้แม้แต่นิดเดียว
สองร่างยืนฝากฝั่งกันอยู่สักพัก เสียงประกาศตามสายก็ดังขึ้น...และนั่นเป็นสัญญาณที่บอกว่าต้องไป
"เราต้องไปแล้ว...."
"ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ^^"
"ค่ะ :)"
และนี่คือภาพสุดท้ายที่เราอยู่ที่เกาหลี
YOU
"มะ....มี๊" น้ำเสียงน้อยๆของลูกสาวพูดอ้อน พร้อมลืมมองตาใส อึนพาในอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นมองขณะที่พวกเราสามคนอยู่บนเครื่อง..ตอนนี้อึนพายังไม่รู้เรื่องอะไร และฉันก็ไม่อยากบอกด้วยเพราะกลัวว่าลูกจะเสียใจ
อึนพาต้องทำตัวให้ชินหากไม่ได้เจอจองกุกอีก..อีกนานแค่ไหนฉันก็ไม่รู้..แต่ขอให้ลูกรู้ว่าแกยังมีฉันและฉันจะปกป้องเธอจนกว่าทุกอย่างจะพร้อม
"เราไปอยู่ด้วยกันก่อนนะคะ^^"
แล้วมันก็ถึงเวลาที่เครื่องบินทยานขึ้นเหนือฟ้าและลับหายไปในกลีบเมฆ....
"....."
ตัวรถยังคงแล่นไปตามท้องถนนกว้างไปตามเส้นทางอันใหญ่หลวง...ร่างเล็กเอนกายพลางปิดปากเงียบ ใบหน้าหวานที่เหม่อลอยมองออกนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย..คำพูดของชายหนุ่มถึงจะเป็นแค่คำพูดเตือนใจ แต่มันก็สามารถทำให้ผู้หญิงคนนี้จุกอกอยู่ไม่น้อย แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อทุกอย่างเตรียมไว้แล้ว และตัดสินใจกันแล้วคงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้
เพียงแค่ว่า..จะมีใครสักคนที่ต้องรอ
หรือไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไป...
@สนามบิน
กระเป๋าเดินทางถูกลากไปตามพื้นที่มีผู้คนเดินกันให้วุ่น ท่ามกลางสนามบินอันกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยผู้คนที่ต้องการเดินทางไปที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้..
ร่างเล็กเดินแหงกฝูงชนมาที่จุดนักพบก่อนที่จะปรากฏร่างของมารดาที่กำลังยืนรออยู่ไม่ไกลนัก..ผู้เป็นแม่ยืนโบกมือเรียกเป็นสัญญาณให้ลูกสาวเดินเข้าไปหาตนให้เร็วที่สุด เพราะเวลานี้ใกล้จะถึงเวลาออกเดินทางแล้ว
"แม่คะ..." ร่างบางเดินเข้าไปอย่างใจเย็นพลางกระชับกอดร่างของอึนพาไว้แน่นขณะที่เด็กน้อยหลับซบไหล่ตั้งแต่ลงรถมา
"เราต้องไปกันแล้ว....ขอบคุณนะจีมินที่มาส่ง^^"
"ไม่เป็นไรครับ"
"งั้นก็ฝากดูแลตาแก่นั่นด้วยนะ ลูกสาวไม่อยู่คงซึมอยู่สักวันสองวัน"
"หึๆ ครับ ผมจะคอยดูแลคุณลุงให้...คุณน้ากับ(ชื่อคุณ)เดินทางปลอดภัยนะ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ:)" ชายหนุ่มเอื้อมมือขึ้นมาลูบหัวคนตัวเล็กอย่างเบามือ ก่อนจะฝากคำพูดที่แสนจะเป็นห่วงให้เพราะใกล้จะถึงเวลาแล้ว..ตอนนี้จีมินคงทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้เวลามันผ่านไป แล้วได้แต่ยืนมองอย่างเป็นห่วง
"ดูแลตัวเองด้วยล่ะ ห้ามเคลียดอีกนะ.."
"ค่ะ...พี่จีมิน ฝากคุณพ่อด้วยนะคะ"
"ครับ พี่สัญญา...แล้วพี่ก็จะคอยดูไอ้จองกุกให้ ว่ามันคงไม่ตายก่อนที่เราจะกลับ^^"
"ฝากดูแล...ด้วยนะคะ" เพียงแค่มองตากันก็รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง และต้องการอะไร..ถึงแม้ความรู้สึกเหล่านี้จะยังไม่สามารถแสดงออกมาอย่างเต็มอกก็ตามที
แต่เพียงแค่รู้ว่า...รัก ก็ไม่สามารถปฏิเสธสิ่งใดๆได้แม้แต่นิดเดียว
สองร่างยืนฝากฝั่งกันอยู่สักพัก เสียงประกาศตามสายก็ดังขึ้น...และนั่นเป็นสัญญาณที่บอกว่าต้องไป
"เราต้องไปแล้ว...."
"ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ^^"
"ค่ะ :)"
และนี่คือภาพสุดท้ายที่เราอยู่ที่เกาหลี
YOU
"มะ....มี๊" น้ำเสียงน้อยๆของลูกสาวพูดอ้อน พร้อมลืมมองตาใส อึนพาในอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นมองขณะที่พวกเราสามคนอยู่บนเครื่อง..ตอนนี้อึนพายังไม่รู้เรื่องอะไร และฉันก็ไม่อยากบอกด้วยเพราะกลัวว่าลูกจะเสียใจ
อึนพาต้องทำตัวให้ชินหากไม่ได้เจอจองกุกอีก..อีกนานแค่ไหนฉันก็ไม่รู้..แต่ขอให้ลูกรู้ว่าแกยังมีฉันและฉันจะปกป้องเธอจนกว่าทุกอย่างจะพร้อม
"เราไปอยู่ด้วยกันก่อนนะคะ^^"
แล้วมันก็ถึงเวลาที่เครื่องบินทยานขึ้นเหนือฟ้าและลับหายไปในกลีบเมฆ....
หลายชั่วโมงต่อมา...
ณ ประเทศอิตาลี
ประเทศอิตาลีในทวีปยุโรป บริเวณยุโรปใต้ ตั้งอยู่ในคาบสมุทรอิตาลีที่มีรูปทรงคล้ายรองเท้าบูต..เป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลากหลายรูปแบบ ทั้งความโรแมนติก แฟชั่น และประวัติศาสตร์...และในบรรยากาศที่ฟ้ากำลังเข้าสู่ค่ำคืนแห่งแสงไฟ ตัวรถตู้คันสีขาววิ่งไปตามท้องถนนจากตัวเมืองเข้าเขตชนบท
บรรยากาศชนบทด้านนอกเงียบสงบ มีบ้านและฟาร์มต่างกำลังเปิดไปเพื่อสร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่นมากขึ้น..ใช้เวลาไม่นานนัก คนขับรถก็ขับมาถึงบ้านของแม่ ที่ห่างจากตัวเมืองประมาณ5กิโล ก็ถือว่าไม่ใกล้มากและไม่ลำบากต่อการเดินทาง
"พรุ่งนี้ค่อยมารับฉันเข้าเมืองนะ.."
"ครับนายหญิง"
ฉันเดินลงจากรถพร้อมหันไปมองแม่ที่กำลังคุยกับคุณลุงคนขับรถ..จากนั้นเราสองคนก็เดินเข้าไปในบ้านโดยที่มี่แม่บ้านวิ่งออกมาช่วยถือของ
"เซียโอค่ะคุณผู้หญิง^^"
"เซียโอจ้ะ...นี่ช่วยพา(ชื่อคุณ)ขึ้นไปดูห้องนอนหน่อยนะ แล้วก็เตรียมข้าวเย็นไว้ให้อร่อยๆล่ะ อุส่าห์เดินทางมาเหนื่อยๆ"
"พรุ่งนี้ค่อยมารับฉันเข้าเมืองนะ.."
"ครับนายหญิง"
ฉันเดินลงจากรถพร้อมหันไปมองแม่ที่กำลังคุยกับคุณลุงคนขับรถ..จากนั้นเราสองคนก็เดินเข้าไปในบ้านโดยที่มี่แม่บ้านวิ่งออกมาช่วยถือของ
"เซียโอค่ะคุณผู้หญิง^^"
"เซียโอจ้ะ...นี่ช่วยพา(ชื่อคุณ)ขึ้นไปดูห้องนอนหน่อยนะ แล้วก็เตรียมข้าวเย็นไว้ให้อร่อยๆล่ะ อุส่าห์เดินทางมาเหนื่อยๆ"
"ได้เลยค่ะ~"
"เชิญทางนี้เลยค่ะคุณหนู^^" ทุกคนในบ้านดูตื่นเต้นที่เห็นฉันกลับมาบ้านเกิดในรอบหลายปี...
ฉันเดินตามแม่บ้านมาอย่างเงียบๆ พลางกวาดสายตาสำรวจไปรอบๆบ้านที่ยังคงเหมือนเดิม ความทรงจำในวัยเด็กของฉัน ที่หายไปและสิ่งของพวกนั้นก็คอยช่วยเป็นเครื่องเตือนใจให้ฉันไม่ลืมเรื่องราวในวัยเด็ก...ทุกอย่างยังถูกเก็บรักษา และฉันก็รู้สึกดีที่ได้มองพวกมัน
"ถึงแล้วค่ะ..ห้องนอนของคุณหนู เราตัดแปลงนิดหน่อย" แม่บ้านเปิดประตูออกก่อนจะเผยให้เห็นสภาพห้องนอนของฉัน ซึ่งฉันก็ไม่ไดรู้สึกโกรธเคืองอะไร แถมยังดูดียิ่งกว่าเมื่อก่อนอีก
"ขอบคุณนะคะที่ถือกระเป๋ามาส่ง^^"
"ด้วยความยินดีค่ะ...คุณหนูคงเดินทางมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆแล้วลงมาทานข้าวเย็นกันนะคะ"
"ค่ะ^^"
หลังจากนั้น แม่บ้านก็เดินออกไป ร่างเล็กย้ายกระเป๋าเสื้อผ้ามาวางไว้ข้างเตียงก่อนจะวางร่างกลมๆของเด็กน้อยนอนลงบนเตียง..ก่อนที่ฉันจะตัดสินใจคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินหายไปในห้องน้ำ..หลังจากอาบน้ำเสร็จ ร่างบางก็เดินออกมาพร้อมชุดนอนกระโปรงยาวสีขาวสะอาด กลิ่นอายหอมๆจากคลีมอาบน้ำมันทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและรู้สึกเบาสบายตัวมากขึ้น
"ตื่นแล้วหรอยัยหนู^^"
"อื้อ><"
"อ่าาาาา มาให้มามี๊หอมทีสิ!><" ฉันเดินเข้าไปอุ้มอึนพาขึ้นมาฟัดแก้มด้วยความหมั่นไส้..อึนพายิ้มถูกใจอยู่สักพักก่อนจะมองหน้าฉันราวกับว่ากำลังสงสัย
"มีอะไรหื้ม?" ฉันเอ่ยถามลูกสาวเสียงเบา
"...ปะ..ป๊า...?"
เสียงน้อยๆของลูกสาว..มันก้องอยู่ในหัวของฉัน และน้ำเสียงของอึนพามันทำให้ฉันรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย สิ่งที่อึนพากำลังพูดออกมาหมายความว่ากำลังถามหาถึงจองกุกสินะ...แต่ว่าตอนนี้เราไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว และอึนพาคงไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกนาน
ขอโทษนะลูก...หนูคงคิดถึงปาป๊า
แต่อดทนรอหน่อยนะ...
แม่จะพยายามพาหนูกลับไป
"หึ..มามี๊ว่าเราลงไปทานมื้อค่ำกับคุณยายกันเถอะ" แววตาของหญิงสาวหม่องลงได้ไม่นานก็รีบเปลี่ยนอารมณ์เพื่อตัดใจ ก่อนที่จะอุ้มอึนพาออกไปจากห้องนอน
"เชิญทางนี้เลยค่ะคุณหนู^^" ทุกคนในบ้านดูตื่นเต้นที่เห็นฉันกลับมาบ้านเกิดในรอบหลายปี...
ฉันเดินตามแม่บ้านมาอย่างเงียบๆ พลางกวาดสายตาสำรวจไปรอบๆบ้านที่ยังคงเหมือนเดิม ความทรงจำในวัยเด็กของฉัน ที่หายไปและสิ่งของพวกนั้นก็คอยช่วยเป็นเครื่องเตือนใจให้ฉันไม่ลืมเรื่องราวในวัยเด็ก...ทุกอย่างยังถูกเก็บรักษา และฉันก็รู้สึกดีที่ได้มองพวกมัน
"ถึงแล้วค่ะ..ห้องนอนของคุณหนู เราตัดแปลงนิดหน่อย" แม่บ้านเปิดประตูออกก่อนจะเผยให้เห็นสภาพห้องนอนของฉัน ซึ่งฉันก็ไม่ไดรู้สึกโกรธเคืองอะไร แถมยังดูดียิ่งกว่าเมื่อก่อนอีก
"ขอบคุณนะคะที่ถือกระเป๋ามาส่ง^^"
"ด้วยความยินดีค่ะ...คุณหนูคงเดินทางมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆแล้วลงมาทานข้าวเย็นกันนะคะ"
"ค่ะ^^"
หลังจากนั้น แม่บ้านก็เดินออกไป ร่างเล็กย้ายกระเป๋าเสื้อผ้ามาวางไว้ข้างเตียงก่อนจะวางร่างกลมๆของเด็กน้อยนอนลงบนเตียง..ก่อนที่ฉันจะตัดสินใจคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินหายไปในห้องน้ำ..หลังจากอาบน้ำเสร็จ ร่างบางก็เดินออกมาพร้อมชุดนอนกระโปรงยาวสีขาวสะอาด กลิ่นอายหอมๆจากคลีมอาบน้ำมันทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและรู้สึกเบาสบายตัวมากขึ้น
"ตื่นแล้วหรอยัยหนู^^"
"อื้อ><"
"อ่าาาาา มาให้มามี๊หอมทีสิ!><" ฉันเดินเข้าไปอุ้มอึนพาขึ้นมาฟัดแก้มด้วยความหมั่นไส้..อึนพายิ้มถูกใจอยู่สักพักก่อนจะมองหน้าฉันราวกับว่ากำลังสงสัย
"มีอะไรหื้ม?" ฉันเอ่ยถามลูกสาวเสียงเบา
"...ปะ..ป๊า...?"
เสียงน้อยๆของลูกสาว..มันก้องอยู่ในหัวของฉัน และน้ำเสียงของอึนพามันทำให้ฉันรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย สิ่งที่อึนพากำลังพูดออกมาหมายความว่ากำลังถามหาถึงจองกุกสินะ...แต่ว่าตอนนี้เราไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว และอึนพาคงไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกนาน
ขอโทษนะลูก...หนูคงคิดถึงปาป๊า
แต่อดทนรอหน่อยนะ...
แม่จะพยายามพาหนูกลับไป
"หึ..มามี๊ว่าเราลงไปทานมื้อค่ำกับคุณยายกันเถอะ" แววตาของหญิงสาวหม่องลงได้ไม่นานก็รีบเปลี่ยนอารมณ์เพื่อตัดใจ ก่อนที่จะอุ้มอึนพาออกไปจากห้องนอน
เวลาต่อมา เมื่อทานข้าวเย็นเสร็จ ทุกคนก็ต่างแยกย้ายพักผ่อน เด็กน้อยอย่างอึนพาได้อาบน้ำกินนมแค่นี้ก็นอนหลับสนิทจนไม่อยากปลุก...หน้าต่างบานคู่ถูกเปิดออกเบาๆ พร้อมสายลมอ่อนๆพัดเข้ามาปะทะใบหน้าหวานด้วยความอ่อนโยน ก่อนที่หญิงสาวจะเลื่อนเก้าอี้มานั่งค้ำขอบหน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอกบ้าน
บ่อยครั้งที่ฉันเผลอแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เฝ้ามองความสวยงามของดวงดาว พระจันทร์ในยามค่ำคืนที่แสนเงียบสงบ มันสวยดีนะ บางครั้งฉันก็แอบจินตนาการว่าตัวเองกำลังวิ่งโลดแล่นอยู่บนกลุ่มดาว
หรือแม้แต่แอบหวังเล็กๆว่าจะเห็นกระต่ายวิ่งเล่นบนดวงจันทร์ด้วยซ้ำ
บ่อยครั้งที่ฉันเผลอแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เฝ้ามองความสวยงามของดวงดาว พระจันทร์ในยามค่ำคืนที่แสนเงียบสงบ มันสวยดีนะ บางครั้งฉันก็แอบจินตนาการว่าตัวเองกำลังวิ่งโลดแล่นอยู่บนกลุ่มดาว
หรือแม้แต่แอบหวังเล็กๆว่าจะเห็นกระต่ายวิ่งเล่นบนดวงจันทร์ด้วยซ้ำ
ทุกคราที่ฉันมองไป ท้องฟ้ามันช่างกว้างไกลเสียจริง ทำให้มีความรู้สึกหว่าเหว่ เหงา เศร้าในคราวเดียวกัน มีความรู้สึกที่อยากจะมีใครสักคนอยู่เคียงข้างมานั่งดูดาวด้วยกัน มันคงจะมีความสุขไม่น้อยเลยทีเดียว...
"ทำไมถึงได้รู้สึก เหงาแบบนี้นะ.." แต่ฉันคิดว่าคงไม่ดีแน่ถ้าหากเป็นจริง เพราะดวงดาวบนท้องฟ้าต้องแซวฉันเป็นแน่นอน
เหตุการณ์การนั่งดูดาวก็ปรากฎในความคิดฉันอีกครั้งจนได้ เมื่อย้อนกลับไปครั้งหนึ่ง ฉันได้มีโอกาสไปมองหมู่ดาวบนฝากฟ้าที่ต่างส่องแสงระยิบระยับแข่งกันกับชายผู้เป็นที่รัก..ท้องฟ้าในค่ำคืนนั้นสวยงามมากจริงๆ ดวงดาวนับล้านปรากฎสู่สายตาฉัน ฉันหลับตาสบถกับตัวเองภายในใจ และ ลืมตาขึ้นมา ส่งยิ้มให้กับดวงดาวนับล้านดวง
แม้ว่าครั้งนั้นจะยังคงมีความเจ็บปวดอยู่ก็ตาม...ฉันก็กลับรู้สึกมีความหวังและรู้สึกรัก อยากให้กลุ่มดาวพวกนั้นช่วยทำให้ฉันสมหวังสักที...
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นโผล่เข้ามาในความคิดฉัน ทำให้ฉันอดนึกถึงอดีตเสียไม่ได้ ซึ่งตอนนี้ัมันได้กลายเป็นความทรงจำที่ล้ำค่าสำหรับฉัน เพราะในตอนนี้ฉันกับเขา เราได้เลิกราแยกย้ายกันไปแล้ว
"ฉัน...ไม่ได้เลิกรักนายสินะ"
แม้กาลเวลาผ่านไป ความรู้สึกเราอาจจะเปลี่ยนผัน แต่ทุกคราที่เรามองขึ้นไปบนท้องฟ้ามันมักจะสวยงามเสมอ บางครั้งธรรมชาติสิ่งต่างๆที่ยังอยู่รอบตัว มันไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยซ้ำ มันก็ยังอยู่ของมัน สวยงามในแบบของมัน...และความรู้สึกก็ยังคงอยู่กับฉันแบบนี้ อย่างไม่มีวันสิ้นสุด
"ทำไมถึงได้รู้สึก เหงาแบบนี้นะ.." แต่ฉันคิดว่าคงไม่ดีแน่ถ้าหากเป็นจริง เพราะดวงดาวบนท้องฟ้าต้องแซวฉันเป็นแน่นอน
เหตุการณ์การนั่งดูดาวก็ปรากฎในความคิดฉันอีกครั้งจนได้ เมื่อย้อนกลับไปครั้งหนึ่ง ฉันได้มีโอกาสไปมองหมู่ดาวบนฝากฟ้าที่ต่างส่องแสงระยิบระยับแข่งกันกับชายผู้เป็นที่รัก..ท้องฟ้าในค่ำคืนนั้นสวยงามมากจริงๆ ดวงดาวนับล้านปรากฎสู่สายตาฉัน ฉันหลับตาสบถกับตัวเองภายในใจ และ ลืมตาขึ้นมา ส่งยิ้มให้กับดวงดาวนับล้านดวง
แม้ว่าครั้งนั้นจะยังคงมีความเจ็บปวดอยู่ก็ตาม...ฉันก็กลับรู้สึกมีความหวังและรู้สึกรัก อยากให้กลุ่มดาวพวกนั้นช่วยทำให้ฉันสมหวังสักที...
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นโผล่เข้ามาในความคิดฉัน ทำให้ฉันอดนึกถึงอดีตเสียไม่ได้ ซึ่งตอนนี้ัมันได้กลายเป็นความทรงจำที่ล้ำค่าสำหรับฉัน เพราะในตอนนี้ฉันกับเขา เราได้เลิกราแยกย้ายกันไปแล้ว
"ฉัน...ไม่ได้เลิกรักนายสินะ"
แม้กาลเวลาผ่านไป ความรู้สึกเราอาจจะเปลี่ยนผัน แต่ทุกคราที่เรามองขึ้นไปบนท้องฟ้ามันมักจะสวยงามเสมอ บางครั้งธรรมชาติสิ่งต่างๆที่ยังอยู่รอบตัว มันไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยซ้ำ มันก็ยังอยู่ของมัน สวยงามในแบบของมัน...และความรู้สึกก็ยังคงอยู่กับฉันแบบนี้ อย่างไม่มีวันสิ้นสุด
เช้าวันใหม่
ณ ประเทศเกาหลีใต้
เวลา 06:00 น.
"เราต่างออกเดินทาง เพื่อตามหาอะไรสักอย่างในชีวิต..." คำๆนี้วนอยู่ในหัวไม่จางหาย
จุดประสงค์การเดินทาง ของแต่ละคนนั้นย่อมแตกต่างกัน..หลายคนออกเดินทางเพียงเพราะประโยคที่ว่า อยากจะเที่ยว...หลายคนออกเดินทางเพื่อตามหาความฝัน...หลายคนออกเดินทางเพราะอยากจะเจอผู้คนใหม่ๆ...หลายคนออกเดินทางเพราะความเศร้าที่เข้ามาทักทายหัวใจ...หลายคนออกเดินทางเพื่อค้นหาความหมายของชีวิต
ณ ประเทศเกาหลีใต้
เวลา 06:00 น.
"เราต่างออกเดินทาง เพื่อตามหาอะไรสักอย่างในชีวิต..." คำๆนี้วนอยู่ในหัวไม่จางหาย
จุดประสงค์การเดินทาง ของแต่ละคนนั้นย่อมแตกต่างกัน..หลายคนออกเดินทางเพียงเพราะประโยคที่ว่า อยากจะเที่ยว...หลายคนออกเดินทางเพื่อตามหาความฝัน...หลายคนออกเดินทางเพราะอยากจะเจอผู้คนใหม่ๆ...หลายคนออกเดินทางเพราะความเศร้าที่เข้ามาทักทายหัวใจ...หลายคนออกเดินทางเพื่อค้นหาความหมายของชีวิต
เช้าตรู่ที่แสนจะหมองหม่น ความหนาวเย็นประมาณ 17°
รถLamborghini เคาะราคา 24,590,000 ถูกขับเคลื่อนออกไปตามท้องถนนในยามเช้าแสนเงียบเพราะบรรยากาศยังเช้าตรู่...อากาศเย็นเฉียบพร้อมกับหัวใจที่ตายด้านไปเพียงชั่วข้ามคืน..ชายหนุ่มประคับประคองรถด้วยจิตใจอันเหม่อลอยด้วยความเงียบ
"..." หัวใจที่เย็นยะเยือกราวความหนาว ความรู้สึกโดดเดี่ยวที่เคลือคลุมทุกรอบกาย..ทั้งเศร้าและท้อ
รถLamborghini เคาะราคา 24,590,000 ถูกขับเคลื่อนออกไปตามท้องถนนในยามเช้าแสนเงียบเพราะบรรยากาศยังเช้าตรู่...อากาศเย็นเฉียบพร้อมกับหัวใจที่ตายด้านไปเพียงชั่วข้ามคืน..ชายหนุ่มประคับประคองรถด้วยจิตใจอันเหม่อลอยด้วยความเงียบ
"..." หัวใจที่เย็นยะเยือกราวความหนาว ความรู้สึกโดดเดี่ยวที่เคลือคลุมทุกรอบกาย..ทั้งเศร้าและท้อ
แต่...ไม่มีเสียงกระซิบของคำว่า 'ยอมแพ้เถอะนะ' แม้แต่น้อย 'หัวใจ' บอกให้ก้าวเดินต่อไปอย่าหยุดยั้งหรือยอมแพ้ให้กับอุปสรรคที่อยู่ตรงหน้า...เพราะ จุดหมายปลายทางของเรามันแน่นอนแล้ว เหลือแค่หัวใจที่มั่นคงเท่านั้นเอง
"เราต้องไปให้ถึงตามที่ตั้งใจไว้" หัวใจเต้นแรง พร้อมกับความหนาวเย็นจนตัวสั่น ณ เวลานั้น เพียงแค่ไม่กี่นาทีต่อมา ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า เราได้เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทาง
รถของจองกุกขับเข้ามาจอดภายในบริเวณตัวบ้านหลังใหญ่ ชายหนุ่มเดินลงมาจากรถพร้อมสูทสีดำที่ดูดีต่างจากสีหน้าที่ดูหม่องลงอย่างเห็นได้ชัด..และดวงตาที่คมกลับบวมแดงผลจากการร้องไห้มาอย่างหนัก
ร่างสูงย่างกายเข้ามาในตัวบ้านโดยที่มีสาวใช้คอยมองอยู่อย่างเงียบๆและแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นสภาพของจองกุกกลายเป็นแบบนี้...เมื่อจองกุกเดินเข้ามาในบ้านก็เจอกับร่างของจีมินที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ในห้องนั่งเล่น สายตาคมๆจากพี่ชายตวัดมองก่อนจะพยักหน้าเรียกให้จองกุกไปนั่งลงข้างกาย
"ร้องไห้มาสิท่า..." เมื่อจองกุกนั่งลง จีมินก็เปิดปากพูดใส่ทันที
"ก็ใครเป็นคนทำให้ผมตกอยู่ในสภาพแบบนี้ล่ะ...ก็ฮยองไม่ใช่รึไงที่บอกความจริงกับผม" จองกุกยิ้มออกมาอย่างน่าสมเพช หลังจากที่รู้ความจริงว่า(ชื่อคุณ)กับลูกนั้นหนีเขาไปอยู่ที่ทวีปอื่น และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือไม่มีใครสามารถตามเธอไปได้เพราะถูกห้ามเอาไว้ ฉะนั้นชายหนุ่มจึงรู้สึกเศร้าและคิดหนักในคราวเดียวกัน...
ว่า(ชื่อคุณ)จะกลับมาอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
"หึๆ เอาหน่า ถึงเอ็งรู้ความจริงมันก็แก้ไขอะไรไม่ได้...ทำใจและอย่ายอมแพ้ แม้ว่า(ชื่อคุณ)จะไม่อยู่ เอ็งก็ยังสามารถพิสูจน์ตัวเองได้"
"ไม่รู้สิ...แล้วเธอจะกลับมาเมื่อไหร่"
"อันนี้ก็แล้วแต่ทางนั้นนะว่าจะกลับมารึเปล่า"
"เห้อ!!.."
หนึ่งครั้งของการกระทำ..คือตลอดไปของความรู้สึก ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ ใครบางคนทำให้จองกุกเข้าใจในความรู้สึกบางอย่าง ในความหมายของคำหลายๆ คำนั้น..มีสิ่งต่างๆหลายอย่างเป็นปัจจัย..คนบนโลกนี้ แม่งมีเป็นร้อยเป็นล้าน...แต่ทำไม โลกถึงเหวี่ยงเราสองคนเข้าหากัน ทำไม ต้องให้คนสองคนมาร่วมสร้างความทรงจำที่ ดี-ไม่ดี ร่วมกัน
จากหนึ่ง กลายเป็นสอง กลายเป็นสาม จนกลายเป็นตลอดไปของความรู้สึก..ที่รู้สึกว่า 'รัก'
ร่างสูงย่างกายเข้ามาในตัวบ้านโดยที่มีสาวใช้คอยมองอยู่อย่างเงียบๆและแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นสภาพของจองกุกกลายเป็นแบบนี้...เมื่อจองกุกเดินเข้ามาในบ้านก็เจอกับร่างของจีมินที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ในห้องนั่งเล่น สายตาคมๆจากพี่ชายตวัดมองก่อนจะพยักหน้าเรียกให้จองกุกไปนั่งลงข้างกาย
"ร้องไห้มาสิท่า..." เมื่อจองกุกนั่งลง จีมินก็เปิดปากพูดใส่ทันที
"ก็ใครเป็นคนทำให้ผมตกอยู่ในสภาพแบบนี้ล่ะ...ก็ฮยองไม่ใช่รึไงที่บอกความจริงกับผม" จองกุกยิ้มออกมาอย่างน่าสมเพช หลังจากที่รู้ความจริงว่า(ชื่อคุณ)กับลูกนั้นหนีเขาไปอยู่ที่ทวีปอื่น และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือไม่มีใครสามารถตามเธอไปได้เพราะถูกห้ามเอาไว้ ฉะนั้นชายหนุ่มจึงรู้สึกเศร้าและคิดหนักในคราวเดียวกัน...
ว่า(ชื่อคุณ)จะกลับมาอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
"หึๆ เอาหน่า ถึงเอ็งรู้ความจริงมันก็แก้ไขอะไรไม่ได้...ทำใจและอย่ายอมแพ้ แม้ว่า(ชื่อคุณ)จะไม่อยู่ เอ็งก็ยังสามารถพิสูจน์ตัวเองได้"
"ไม่รู้สิ...แล้วเธอจะกลับมาเมื่อไหร่"
"อันนี้ก็แล้วแต่ทางนั้นนะว่าจะกลับมารึเปล่า"
"เห้อ!!.."
หนึ่งครั้งของการกระทำ..คือตลอดไปของความรู้สึก ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ ใครบางคนทำให้จองกุกเข้าใจในความรู้สึกบางอย่าง ในความหมายของคำหลายๆ คำนั้น..มีสิ่งต่างๆหลายอย่างเป็นปัจจัย..คนบนโลกนี้ แม่งมีเป็นร้อยเป็นล้าน...แต่ทำไม โลกถึงเหวี่ยงเราสองคนเข้าหากัน ทำไม ต้องให้คนสองคนมาร่วมสร้างความทรงจำที่ ดี-ไม่ดี ร่วมกัน
จากหนึ่ง กลายเป็นสอง กลายเป็นสาม จนกลายเป็นตลอดไปของความรู้สึก..ที่รู้สึกว่า 'รัก'
"ลงมือทำมันเถอะ ถ้าอยากให้ทุกคนยอมรับในตัวเอ็ง" ชายหนุ่มวางทุกอย่างพร้อมหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลมาให้จองกุก..จองกุกรับมันมาอย่างเงียบๆก่อนที่จะเปิดเอกสารชุดนี้ขึ้นมาอ่านอย่างตั้งใจ
"อืม"
ถ้าโดนปล่อยให้รออยู่แบบนี้..คงอยู่เฉยๆไม่ได้แล้วล่ะ
เพราะเราเชื่อมาตลอดว่า ความรักคือสิ่งที่สวยงาม
แม้จะรอนานแค่ไหน แต่ก็รอเพราะเราเชื่อมาตลอดว่าความรักคือสิ่งที่สวยงาม เชื่อในคำว่า'เวลา' เชื่อในผลลัพธ์ของเวลาว่ามันจะให้ค่าตอบแทนที่คุ้มค้าเสมอ....
"อืม"
ถ้าโดนปล่อยให้รออยู่แบบนี้..คงอยู่เฉยๆไม่ได้แล้วล่ะ
เพราะเราเชื่อมาตลอดว่า ความรักคือสิ่งที่สวยงาม
แม้จะรอนานแค่ไหน แต่ก็รอเพราะเราเชื่อมาตลอดว่าความรักคือสิ่งที่สวยงาม เชื่อในคำว่า'เวลา' เชื่อในผลลัพธ์ของเวลาว่ามันจะให้ค่าตอบแทนที่คุ้มค้าเสมอ....
เราไม่เคยเจอกันอีกเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างนาน..ด้วยระยะเวลาที่เราไม่เจอกันมาสักพักใหญ่ คิดถึงคำนี้ จึงได้มีอานุภาพทำลายร้างสูงขนาดนั้น เกือบ3ปีที่เราห่าง แต่ไม่เคยหายจากกันไปไหน เรายังอยากมีคุณในชีวิต ในความสัมพันธ์ที่แตกต่างจากครั้งนั้น จองกุกไม่มั่นใจมากนักว่าจะทำได้เต็มร้อยเลยหรือเปล่า
เพราะถึงตอนนี้ จองกุกก็ยังพยายามมาตลอด
(ชื่อคุณ)ไม่ใช่คนที่เข้าถึงยาก เพราะเหตุนี้มันทำให้เราไม่เคยได้คำตอบจากคำว่าชัดเจนของกันและกันเลยนอกจากคำว่า 'เรารู้จักกัน' แต่อย่ากังวลวันนี้มันไม่ได้สาหัสเหมือนดั่งเช่นวันนั้นสักหน่อย
มันเป็นเพียงแค่ความคิดถึง
ส่วนวันนี้ ถ้าถามว่าความรู้สึกเป็นอย่างไร ขอสารภาพตรงนี้ว่า...ฉันยังรักเธออยู่
เพราะถึงตอนนี้ จองกุกก็ยังพยายามมาตลอด
(ชื่อคุณ)ไม่ใช่คนที่เข้าถึงยาก เพราะเหตุนี้มันทำให้เราไม่เคยได้คำตอบจากคำว่าชัดเจนของกันและกันเลยนอกจากคำว่า 'เรารู้จักกัน' แต่อย่ากังวลวันนี้มันไม่ได้สาหัสเหมือนดั่งเช่นวันนั้นสักหน่อย
มันเป็นเพียงแค่ความคิดถึง
ส่วนวันนี้ ถ้าถามว่าความรู้สึกเป็นอย่างไร ขอสารภาพตรงนี้ว่า...ฉันยังรักเธออยู่
3ปีต่อมา . . . .
จริง ๆ 3ปีที่ผ่านมา ฉันรู้สึกไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตสักเท่าไหร่ แป๊ป ๆ ก็ผ่านไปหนึ่งเดือน สองเดือน 3ปี..จนตอนนี้เวลาก็เดินทางมาถึงวันสุดท้ายของปีนี้อีกแล้ว !
3ปีที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าตัวเองโตขึ้นบ้างรึเปล่า ไม่ค่อยมั่นใจ...เพราะบางเวลาก็งอแงเหมือนเด๊กเหมือนเด็ก บางทีก็แอบคิดว่เลี้ยงลูกหนักเกินไปจนกลายเป็นเด็กเหมือนลูกซะแล้วสิ
"มามี๊ขา สนใจอึนพาหน่อย-*-"
"หื้ม?" ฉันหลุดจากความคิดเรื่อยเปื่อยก่อนจะก้มมองเด็กน้อยที่ตอนนี้กำลังยืนแก้มป่องและต้องการความสนใจจากฉัน
"มามี๊ไม่สนใจอึนพาเลย!"
"อ่าาาา ขอโทษค่ะ พอดีมามี๊คิดเพลินไปหน่อยแหะๆ^^" ฉันก้มลงอุ้มอึนพาขึ้นมานั่งบนตักก่อนที่เด็กน้อยจะหลุดยิ้มออกมา..ทำไมถึงได้เปลี่ยนอารมณ์ไวขนาดนี้นะ-..-
"แล้วอึนพามีอะไรจะพูดกับมามี๊หรอคะ?"
"คุณยายบอกว่า..เราจะไปแล้ว..."
"ไป?" ฉันชั่งใจคิดอยู่สักพัก..หมายความว่ายังไง นี่แม่บอกอะไรกับอึนพาอีกแล้วล่ะ
เราจะไปหรอ...อย่าบอกนะว่า...
แม่จะส่งฉันกลับเกาหลีน่ะ !
' เราๆก็โตกันแล้ว '
' พ่อกับแม่ก็อยากพักเหมือนกัน...มันถึงเวลาที่เราต้องปล่อยให้ลูกไปเผชิญหน้าชีวิตของตัวเองแล้วล่ะ^^ '
ร่างเล็กก้มหน้างุด สมองที่ไม่สามารถปัดคำสอนจากแม่ออกจากหัวได้เลยสักนิด..นี่มันแย่ชะมัด ความคิดของผู้ใหญ่น่ะเป็นผลดีจริงๆหรอ ?
หญิงสาวถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยกายและใจ ทั้งโดนลากกลับมาและต้องมาคิดหนักอีกว่าต่อไปจะเจอกับอะไรข้างหน้า...ทุกคนจะยังเหมือนเดิมรึเปล่านะ
ใจจริงก็ไม่อยากให้เวลามันผ่านไปไวเหมือนกันนะ..ฉันยังอยากให้เวลาเดินช้าลงเพื่อตัวเองจะได้มีเวลาทำใจอยู่บ้าง แต่ว่า..แต่ไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรให้เพียงพอต่อชีวิตที่มีได้ในทุกวันนี้ ขอบคุณในทุกๆ ก้าวเดินของตัวเองที่ทำให้ได้พบเจอสิ่งดีๆ คนดีๆ ในชีวิต และพบเจอปัญหา อุปสรรคต่างๆ และยังยืนหยัดก้าวข้ามผ่านไปได้
โคตรเจ๋งเลยว่ะแก-..-
ขอบคุณครอบครัวที่ทำให้ฉันมีวันนี้แบบไม่ต้องการเหตุผล คำถามหรือสิ่งใดๆตอบแทน การให้ที่แสนบริสุทธิ์ที่นำพาให้เราเติบโตมาได้อย่างเข้มแข็ง นี่แหละ! ความรักของพ่อแม่!...3ปีที่ผ่านมานี้ ทุกๆคนคือส่วนหนึ่งของความสำเร็จแต่..ขอบคุณตัวเราเองเหมือนกัน ที่กล้าก้าวจากความกลัวของตัวเองมาได้ แม้มันอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง แต่อย่างน้อย..การได้เรียนรู้มันก็ดีกว่านั่งอยู่เฉยๆใช่มั้ยล่ะ ?
ชีวิตมันก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลานั่นแหละ...ตราบใดที่เวลายังคงเดิน ชีวิตก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเสมอเช่นเดียวกันนั่นแหละเนาะ^^
ฉันน่ะ..ไม่กลัวอะไรแล้ว และกลับมาเป็นตัวของตัวเองได้แล้วล่ะ : )
เอี๊ยดดด !!
"ถึงแล้วครับคุณหนู"
"อ๊ะ! นี่มันไม่ใช่บ้านเราหนิ?"
รถของคุณพ่อจอดลงที่ประตูหน้าบ้านของใครก็ไม่รู้..ฉันลดกระจกแล้วโผล่หัวออกไปมองก่อนจะพบว่าบ้านโมเดิร์นหลังใหญ่ตรงหน้าเป็นของคนอื่น และมันไม่ใช่คนในเครือครอบครัวฉันแน่ที่ซื้อไว้น่ะ..มาผิดหลังรึเปล่าเนี่ย?
"นายขับมาผิดทางรึเปล่า?"
"ไม่ครับ เรามาถูกแล้วครับ^^" คนขับรถยิ้มแฉ่งจนน่าสงสัย ฉันหรี่ตามองก่อนจะเค้นคำตอบจากหมอนั่นมา
"จะถูกได้ไง!..นี่บ้านใคร!?"
"เอ่อ คุณหนูครับ เรามาถูกบ้านแล้วครับ..คือว่าคุณท่านสั่งให้ผมพาคุณหนูมาบ้านหลังนี้เพราะที่นี่คือที่พักใหม่ของคุณหนูครับ แล้วอีกอย่างหมู่บ้านนี้ก็ใกล้ตัวเมืองอีก คุณหนูจะได้เดินทางได้ง่ายๆ"
"จริงอ่ะ..." ดูเหมือนคนขับจะร่ายยาวจนฉันต้องเชื่อแล้วล่ะ..เห้อ! พ่อนะพ่อขยันซื้อบ้านจริงๆ ฉันว่าตอนนี้ในโซลคงมีบ้านฉันเยอะทุกที่ทุกทิศแน่ๆ เพลียใจจริงๆ
"มาครับ คุณท่านจัดการทุกอย่างให้แล้ว เดี๋ยวผมจะขนของไปเก็บไว้ในบ้านให้เอง"
"อืม..อื้มๆ!" ฉันตอบออกไปอย่างว่าง่าย ก่อนจะตัดสินใจเดินลงจากรถพร้อมจูงมืออึนพาเดินเข้ามาในบ้าน
เวลาต่อมา..ตอนนี้คนของคุณพ่อกลับไปแล้ว และคุณพ่อก็ส่งสารมาว่าตอนนี้ท่านหนีไปพักร้อนกับแม่เป็นที่เรียบร้อย และทิ้งลูกกับหลานอยู่บ้านกันตามลำพัง ใจร้าย!!
"มามี๊ขา ทำไมบ้านหลังนี้เงียบจัง..อึนพากลัว" เด็กน้อยวัย3ขวบที่ดูพูดเก่งซะ ตอนนี้กำลังทำท่ากลัวแล้วเดินเตอะแตะมากอดขาฉัน
"หึๆ ก็เพราะบ้านหลังนี้มีผีอยู่น่ะสิ~"
"งือ...ไม่เอาอึนพาเกลียดผี.." ใบหน้ากลมๆเริ่มเบ้ปากจะร้องไห้
"แต่ผีชอบอึนพานะ...แฮร่!!"
เปรี๊ยงงง!!
"กรี๊ดดดด!!/แง๊งงงงง!!"
ฝนตกอีกแล้ว..ทั้งๆที่ไม่ใช่ฤดูฝน จะออกไปไหนมาไหนก็ลำบากซะเหลือเกิน!
เป็นอะไรที่เต็มไปด้วยความน่าเบื่อแต่คงจะมีอยู่สิ่งเดียวที่ฉันชอบเวลาฝนตก แน่นอน! คงหนีไม่พ้น 'การนอน' ซึ่งฉันมั่นใจว่า คงไม่ใช่ฉันคนเดียวที่ชอบแน่ๆ
หลังจากที่กรี๊ดจนบ้านแตก ฉันกับลูกก็กอดกันกลมใต้ผ้าห่มผืนหนา ตอนนี้ฝนกำลังตกหนักจนน่าแปลกใจ ฉันพึ่งกลับเกาหลีมาวันแรกก็โดนฟ้าฝนต้อนรับเลยหรอ เห้อ!-^-
"หนูนอนไปก่อนนะคะ เดี๋ยวมามี๊ลงไปหาของว่างมาให้"
"อึนพากินคุกกี้~"
"รู้แล้วคร้าาาา"
16 : 00
ฝนยังคงตกลงมาอยู่เรื่อยๆ และไม่มีท่าทีจะหยุด..ช่วงเวลานี้เป็นเวลาดูการ์ตูนของหนูน้อยอึนพาส่วนฉันก็นั่งอ่านนิตยาสารทั่วไปเพื่อดูการเคลื่อนไหวของวงการบันเทิง..แต่มันก็ไม่มีอะไรให้ดูน่าตื่นเต้น จนเสียงข้อความจากสมาร์ทโฟนเครื่องบางก็ดังขึ้น
ติ๊ง!
ข้อความเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ พร้อมปรากฏชื่อของพี่จีมินที่เราสองคนยังติดต่อกันอยู่ตลอดเวลา
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่าน พร้อมปรากฏข้อความของพี่จีมินที่ส่งมาว่า 'กลับมาเกาหลีวันแรก ต้องเริ่มทำงานได้แล้วและต้องไปฝึกงานจนกว่าจะผ่านแล้วได้ขึ้นบริหารแทนคุณปีเตอร์'..ว่าไงนะ! จะให้ฉันไปทำงาน มันไม่เร็วไปหน่อยหรอ...
"พ่อนะพ่อ...ทำไมไม่เห็นบอกกันเลย!!" นี่คงเป็นแผนของพ่ออีกสินะ จะให้ลูกทำงานแล้วทำไมไม่บอกกันก่อน แถมยังต้องไปฝึกงานจนกว่าจะได้ขึ้นบริหารบริษัทอีก..แบบนี้ตั้งตัวแทบไม่ทันเลยแฮะ!
นี่มันบ้าที่สุด!!
"หึ่ย!!!"
เช้าวันใหม่
เวลา 08 : 00 น.
เช้าวันต่อมาที่แสนมืดครึ้ม สายฝนก็โปรยปราย จมูกฉันทำหน้าที่สัมผัสกลิ่นดินกลิ่นละอองของฝน หอมกรุ่นของสปอร์ในดินที่แตกตัว..ในเวลานี้เรานั่งอยู่บนรถส่วนตัวที่มองไปเห็นกระจกข้างๆ ตัว..มีหยดน้ำใสเกาะอยู่พร่างพราย เห็นเป็นเจ้าหยดน้ำใสเล็กๆ สวยมาก บรรยากาศแบบนี้ชวนล่องลอยเสียจริง..ขณะที่ติดไฟแดง สายตาพลางเหลือบมองลูกสาวเป็นระยะ ก่อนนะหลุดยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูกับความน่ารักของเด็กน้อย
"ถึงแล้วครับคุณหนู"
"อ๊ะ! นี่มันไม่ใช่บ้านเราหนิ?"
รถของคุณพ่อจอดลงที่ประตูหน้าบ้านของใครก็ไม่รู้..ฉันลดกระจกแล้วโผล่หัวออกไปมองก่อนจะพบว่าบ้านโมเดิร์นหลังใหญ่ตรงหน้าเป็นของคนอื่น และมันไม่ใช่คนในเครือครอบครัวฉันแน่ที่ซื้อไว้น่ะ..มาผิดหลังรึเปล่าเนี่ย?
"นายขับมาผิดทางรึเปล่า?"
"ไม่ครับ เรามาถูกแล้วครับ^^" คนขับรถยิ้มแฉ่งจนน่าสงสัย ฉันหรี่ตามองก่อนจะเค้นคำตอบจากหมอนั่นมา
"จะถูกได้ไง!..นี่บ้านใคร!?"
"เอ่อ คุณหนูครับ เรามาถูกบ้านแล้วครับ..คือว่าคุณท่านสั่งให้ผมพาคุณหนูมาบ้านหลังนี้เพราะที่นี่คือที่พักใหม่ของคุณหนูครับ แล้วอีกอย่างหมู่บ้านนี้ก็ใกล้ตัวเมืองอีก คุณหนูจะได้เดินทางได้ง่ายๆ"
"จริงอ่ะ..." ดูเหมือนคนขับจะร่ายยาวจนฉันต้องเชื่อแล้วล่ะ..เห้อ! พ่อนะพ่อขยันซื้อบ้านจริงๆ ฉันว่าตอนนี้ในโซลคงมีบ้านฉันเยอะทุกที่ทุกทิศแน่ๆ เพลียใจจริงๆ
"มาครับ คุณท่านจัดการทุกอย่างให้แล้ว เดี๋ยวผมจะขนของไปเก็บไว้ในบ้านให้เอง"
"อืม..อื้มๆ!" ฉันตอบออกไปอย่างว่าง่าย ก่อนจะตัดสินใจเดินลงจากรถพร้อมจูงมืออึนพาเดินเข้ามาในบ้าน
เวลาต่อมา..ตอนนี้คนของคุณพ่อกลับไปแล้ว และคุณพ่อก็ส่งสารมาว่าตอนนี้ท่านหนีไปพักร้อนกับแม่เป็นที่เรียบร้อย และทิ้งลูกกับหลานอยู่บ้านกันตามลำพัง ใจร้าย!!
"มามี๊ขา ทำไมบ้านหลังนี้เงียบจัง..อึนพากลัว" เด็กน้อยวัย3ขวบที่ดูพูดเก่งซะ ตอนนี้กำลังทำท่ากลัวแล้วเดินเตอะแตะมากอดขาฉัน
"หึๆ ก็เพราะบ้านหลังนี้มีผีอยู่น่ะสิ~"
"งือ...ไม่เอาอึนพาเกลียดผี.." ใบหน้ากลมๆเริ่มเบ้ปากจะร้องไห้
"แต่ผีชอบอึนพานะ...แฮร่!!"
เปรี๊ยงงง!!
"กรี๊ดดดด!!/แง๊งงงงง!!"
ฝนตกอีกแล้ว..ทั้งๆที่ไม่ใช่ฤดูฝน จะออกไปไหนมาไหนก็ลำบากซะเหลือเกิน!
เป็นอะไรที่เต็มไปด้วยความน่าเบื่อแต่คงจะมีอยู่สิ่งเดียวที่ฉันชอบเวลาฝนตก แน่นอน! คงหนีไม่พ้น 'การนอน' ซึ่งฉันมั่นใจว่า คงไม่ใช่ฉันคนเดียวที่ชอบแน่ๆ
หลังจากที่กรี๊ดจนบ้านแตก ฉันกับลูกก็กอดกันกลมใต้ผ้าห่มผืนหนา ตอนนี้ฝนกำลังตกหนักจนน่าแปลกใจ ฉันพึ่งกลับเกาหลีมาวันแรกก็โดนฟ้าฝนต้อนรับเลยหรอ เห้อ!-^-
"หนูนอนไปก่อนนะคะ เดี๋ยวมามี๊ลงไปหาของว่างมาให้"
"อึนพากินคุกกี้~"
"รู้แล้วคร้าาาา"
16 : 00
ฝนยังคงตกลงมาอยู่เรื่อยๆ และไม่มีท่าทีจะหยุด..ช่วงเวลานี้เป็นเวลาดูการ์ตูนของหนูน้อยอึนพาส่วนฉันก็นั่งอ่านนิตยาสารทั่วไปเพื่อดูการเคลื่อนไหวของวงการบันเทิง..แต่มันก็ไม่มีอะไรให้ดูน่าตื่นเต้น จนเสียงข้อความจากสมาร์ทโฟนเครื่องบางก็ดังขึ้น
ติ๊ง!
ข้อความเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ พร้อมปรากฏชื่อของพี่จีมินที่เราสองคนยังติดต่อกันอยู่ตลอดเวลา
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่าน พร้อมปรากฏข้อความของพี่จีมินที่ส่งมาว่า 'กลับมาเกาหลีวันแรก ต้องเริ่มทำงานได้แล้วและต้องไปฝึกงานจนกว่าจะผ่านแล้วได้ขึ้นบริหารแทนคุณปีเตอร์'..ว่าไงนะ! จะให้ฉันไปทำงาน มันไม่เร็วไปหน่อยหรอ...
"พ่อนะพ่อ...ทำไมไม่เห็นบอกกันเลย!!" นี่คงเป็นแผนของพ่ออีกสินะ จะให้ลูกทำงานแล้วทำไมไม่บอกกันก่อน แถมยังต้องไปฝึกงานจนกว่าจะได้ขึ้นบริหารบริษัทอีก..แบบนี้ตั้งตัวแทบไม่ทันเลยแฮะ!
นี่มันบ้าที่สุด!!
"หึ่ย!!!"
เช้าวันใหม่
เวลา 08 : 00 น.
เช้าวันต่อมาที่แสนมืดครึ้ม สายฝนก็โปรยปราย จมูกฉันทำหน้าที่สัมผัสกลิ่นดินกลิ่นละอองของฝน หอมกรุ่นของสปอร์ในดินที่แตกตัว..ในเวลานี้เรานั่งอยู่บนรถส่วนตัวที่มองไปเห็นกระจกข้างๆ ตัว..มีหยดน้ำใสเกาะอยู่พร่างพราย เห็นเป็นเจ้าหยดน้ำใสเล็กๆ สวยมาก บรรยากาศแบบนี้ชวนล่องลอยเสียจริง..ขณะที่ติดไฟแดง สายตาพลางเหลือบมองลูกสาวเป็นระยะ ก่อนนะหลุดยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูกับความน่ารักของเด็กน้อย
ใช้เวลาไม่นาน ฉันก็ขับรถมาถึงบริษัทที่พี่จีมินส่งโลเคชั่นมาให้..ที่นี่คือสถานที่ฝึกงานของฉันและฉันต้องย่างกายเข้าไปในตัวตึกนั่นพร้อมกับลูก
"เอ่อ ขอโทษนะคะ ชั้นท่านบริหารอยู่ชั้นไหนหรอคะ?" ฉันจูงมืออึนพามาที่เคาน์เตอร์พร้อมถามพนักงานที่กำลังยืนทำหน้าที่อยู่ หล่อนเหลือบมามองฉันแล้วก้มมองอึนพาอย่างสำรวจ
"มีธุระอะไรคะ?"
"เอ่อคือฉันมาฝึกงานน่ะค่ะ...เลยต้องไปพบ.."
"อะไรกัน ทำไมต้องขึ้นไปพบบอส..เธอน่ะไปอยู่ห้องถ่ายเอกสารเลยดีกว่า ดูท่าทางแล้วคงกำลังหาเงินเลี้ยงลูกสินะ"
น้ำเสียงเหยียดหยามที่ออกมาจากปากของพนักงานคนนั้นกำลังดูถูกฉันอยู่งั้นหรอ..ที่หล่อนไม่รู้จักฉันใช่มั้ยถึงได้กล้าพูดแบบนี้น่ะ !! หน็อยยัยพวกชั้นต่ำไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!..ถ้าไม่ติดว่ามีลูกมาด้วย แม่จะตบเข้าให้!!
แต่ฉันต้อง..เก็บกักอารมณ์โกรธไว้ก่อน !
"ห้องถ่ายเอกสาร ฉันว่าไม่ใช่นะคะ..!"
"ใช่สิ มาฝึกงานวันแรกต้องไปอยู่แผนกถ่ายเอกสารอยู่แล้ว..แล้วเด็กนั่นน่ะ ทางบริษัทเราไม่อนุญาตให้พามาด้วย บอสของฉันไม่ชอบเด็ก"
"นี่เธอ!--"
"ใครบอกว่าฉันไม่ชอบเด็ก..."
To be continued
#TALK
ไรท์มาต่อ ใครคิดว่าจะมีดราม่าค่ะ5555 มีดราม่าเยอะมันไม่ดีต่อใจคนอ่าน ผ่อนคลายค่ะๆๆๆ
เม้น กดหัวใจ
เป็นกำลังใจให้จองกุกด้วย
คิดจะง้อเมียมั้ยหน่า~
ฝากติดตามเรื่องใหม่
มาแทนเรื่องของจีมิน
#Addiction TAE
[TAEHYUNG X YOU]
*เสพติดร้าย*
เปิดเรื่องให้อ่านแล้ว
อัพตอนแรก พรุ่งนี้นะคะ
ฝากติดตามกันเยอะๆนะคะ~
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น