ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] งานนี้...พี่ต้องมี...ลูก YulsiC yuri x sica

    ลำดับตอนที่ #62 : Chapter 62

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.27K
      0
      21 ม.ค. 56

     

    งานนี้...พี่ต้องมี...ลูก

     

    Chapter  62

     

    “ พี่แท อย่าเป็นอะไรไปนะ อยู่กับฟานี่ก่อน รอฟานี่ก่อนนะคะ ”

    เสียงพร่ำบอกพร้อมกับร่ำไห้ของคุณหมอคนสวยดังอยู่ไม่ขาด เมื่อเธอวิ่งตามรถเข็นที่พาร่างของสามีเข้ามาในโรงพยาบาล คุณหมอคนงามร่ำไห้พร้อมกับวิ่งกุมมือของสามีเข้าไปยังห้องฉุกเฉิน ร่างไร้สติที่มีแต่เลือดสีแดงฉานไหลท่วมกาย ไม่มีทางได้รับรู้ ว่าคนที่เขาพยายามไล่ตามอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น ตอนที่แทบจะขาดใจไปกับเขาอยู่มะรอมมะร่อแล้ว ทิฟฟานี่ทั้งห่วงลูกน้อยซึ่งกำลังอยู่ในอาการตกใจ ที่ได้เห็นภาพนาทีอันเลวร้ายซึ่งเกิดกับผู้เป็นพ่อ แล้วไหนเธอจะห่วงสามีที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดหรือไม่ เพราะชีพจรของแทยอนนั้นแทบจะไม่เต้นเลยด้วยซ้ำ ที่เขายังมีลมหายใจอยู่ในตอนนี้ ก็เนื่องมาจากการปั้มหัวใจและให้อ๊อกซิเจนเท่านั้น ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าถอดเครื่องช่วยหายใจออก หัวใจของเขายังจะเต้นและยังจะมีลมหายใจอยู่อีกไหม ภาวนาขอให้มันอย่าเป็นเหมือนอย่างที่เธอคิดเลย

    “ พี่แท อย่าเป็นอะไรนะ เดี๋ยวฟานี่จะช่วยพี่แทเองนะคะ อดทนหน่อยนะที่รัก ”

    “ คุณทิฟฟานี่ ผมว่าคุณอย่าเข้าไปเลยนะครับ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมกับหมอคนอื่นเถอะ ”

    ทิฟฟานี่ถูกคิบอมขวางทางเอาไว้ เขาไม่ให้เธอเข้าไปทำการรักษาแทยอน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมหมอคิมถึงได้ทำแบบนี้ เขาขวางทางเธอเพื่ออะไร คนที่ถูกคนเข้าไปในห้องฉุกเฉินเป็นสามีของเธอนะ แล้วทำไมเธอถึงจะเข้าไปดูแลรักาเขาไม่ ทำไมเธอถึงจะเข้าไปช่วยชีวิตของสามีไม่ได้ นั่นคือหัวใจของเธอเชียวนะ แทยอนคือทุกสิ่งทุกอย่างของเธอและลูก หมอคิมคิดว่าทำถูกแล้วเหรอที่มาขวางเธอไว้แบบนี้ ได้โปรดที...ได้โปรดปล่อยให้เธอได้เข้าไป เพื่อยื้อชีวิตของสุดที่รักเอาไว้ให้อยู่กับเธอไปอีกตราบนานเท่านาน อยากขอแค่นั้นจริงๆ

    “ ทำไมฉันถึงเข้าไปรักษาพี่แทไม่ได้คะ นั่นสามีของฉันนะ พี่แทเป็นสามีของฉัน ฉันมีสิทธิ์ที่จะเข้าไปรักษาเค้านะคะคุณหมอคิม ให้ฉันเข้าไปเถอะนะคะ ”

    “ ไม่ได้ครับ ผมให้คุณเข้าไปทำการรักษาคนไข้ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าผมจะกีดกันคุณสองคนหรอกนะครับ ที่ผมต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่า ตอนนี้คุณหมอไม่ได้อยู่ในภาวะปกติ สภาพจิตใจของคุณไม่พร้อมที่จะทำการรักษาใครหรอกครับ ยิ่งเป็นคนไข้รายนี้คุณก็ยิ่งไม่มีสมาธิในการรักษาหรอก เชื่อผมเถอะนะครับ ปล่อยให้ผมกับคุณหมอท่านอื่นได้ทำงานเถอะ ส่วนคุณไปดูแลยูบินดีกว่านะครับ เด็กคงจะตกใจกับสิ่งที่ได้เจอมากนะครับ ดูแลแกให้ดี ส่วนคุณแทยอนผมสัญญาว่าจะช่วยให้เต็มที่ แต่ไม่รับปากว่าจะช่วยให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ยนะครับ ขอให้คุณรับรู้เอาไว่เราทุกคนจะทำให้สุดความสามารถที่เรามี ”

    คิบอมอธิบายถึงสาเหตุที่ว่าทำไมถึงไม่ยอมให้ทิฟฟานี่เข้าไปในห้องฉุกเฉิน นั่นเพราะว่าสภาวะทางจิตใจของเธอยังไม่นิ่งพอ เขาพิจารณาแล้วว่าทิฟฟานี่ไม่สามารถรักษาใครได้ ยิ่งเป็นแทยอนแล้วด้วยนะ โอกาสที่ทิฟฟานี่จะใช้อารมณ์รักษามันมีมากว่าการใช้ความเป็นแพทย์ ถึงเธอจะเป็นศัลยแพทย์ที่มีฝีมือมากคนนึง แต่ในกรณีนี้ทิฟฟานี่ดูจะไร้ความสามารถไปโดยปริยาย เพราะอารมณ์ความห่วงหาห่วงใยของเธอนั้น มันจะไปรบกวนการทำงานของแพทย์ท่านอื่นๆ ดังนั้นวิธีนี้ดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ทิฟฟานี่สมควรที่จะไปดูแลยูบิน มากกว่าที่จะพยายามช่วยแทยอน เพราะแทยอนมีหมอดูแลอยู่แล้ว อีกอย่างหากมันถึงเวลาที่แทยอนจะไป ต่อให้ทิฟฟานี่กอดขาของเขาเอาไว้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย แต่ยูบินนี่สิต้องการคนดูแล และคนๆนั้นก็ต้องเป็นคนในครอบครัวหรือคนที่ใกล้ชิด ซึ่งที่แห่งนี้ก็มีแต่ทิฟฟานี่คนเดียวเท่านั้น

    คุณหมอคนสวยจ้องหน้าของหมอหนุ่มอย่างเข้าใจ เพิ่งจะรู้นะว่าคิบอมเป็นห่วงเธอแค่ไหน เขารู้ด้วยว่าเธอไม่พร้อมที่จะดูแลรักษาใคร แล้ววันนี้เธอก็ต้องมองหมอหนุ่มคนนี้ใหม่ จากที่เมื่อก่อนรู้สึกเฉยๆไม่สนใจ แต่ตอนนี้เริ่มมองเห็นแล้วว่าเขามีดีเกินกว่าที่ตาของเธอจะมองเห็น มีจิตวิญญาณของความเป็นหมอ ทั้งที่เขาก็ไม่ชอบหน้าของแทยอนเลยเธอรู้เรื่องนี้ดี แต่เขาก็ยืนยันและให้คำมั่นว่าจะรักษาสามีของเธอให้ถึงที่สุด แม้จะไม่ได้รับปากว่าจะช่วยให้กลับมาเป็นปกติได้ไหม แต่ยังไงเขาก็จะช่วยอย่างสุดความสามารถที่หมอคนนึงพึงมีต่อคนไข้

    “ ขอบคุณนะคะคุณหมอคิม ขอบคุณที่จะช่วยพี่แท ”

    ทิฟฟานี่กล่าวคำขอบคุณคิบอม ที่เขารับปากว่าจะช่วยสามีของเธอ ใบหน้างามล้ำถูกอาบฉาบไปด้วยน้ำตาใส ที่ไหลเอ่อล้นอย่างไม่มีขาด ทิฟฟานี่ดูเศร้ามากในสายตาของคนที่มองอยู่ตรงนี้ คิบอมรู้ดีว่าเธอรักสามีของเธอมากแค่ไหน ถึงจะบอกว่าไล่แทยอนไปให้ห่าง แต่ทว่ามันไม่มีทางจะเป็นจริง เธอไล่ให้สามีไปไกลๆ แต่ว่าใจของเธอมันยังโหยหาอาลัยอาวรชายคนนั้นอยู่ คิบอมได้แต่ยืนทองหน้าของทิฟฟานี่นี่ด้วยความน้อยใจ เขาอยากยกมือขึ้นไปวางทาบบนใบหน้างามนั้นจริงๆ อยากช่วยซับปาดน้ำตาที่เปียกแก้มขาวนั่นออกไป แต่เขาไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นได้ เพราะว่าเขายังไม่มีสิทธิ์

    “ ไม่เป็นไรครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะ ได้เรื่องยังไงจะบอกอีกครั้งนะครับ ”

    ว่าแล้วคิบอมก็หันหลังให้ทิฟฟานี่ เขามุ่งหน้าตรงไปยังห้องฉุกเฉิน ซึ่งมีกยูริและแทยอนอยู่ในนั้น คุณหมอหนุ่มทำใจแข็งเดินตรงไปยังห้องฉุกเฉิน มือใหญ่เอื้อมไปจับที่ประตูห้องนั้น แล้วก็หันกลับมายิ้มให้คนที่ยื่นน้ำตาเอ่อ รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยการให้กำลังใจ ถูกส่งลอยไปในอากาศและมาตกอยู่กับคุณหมอคนสวย ไม่รู้ว่าทิฟจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ส่งผ่านรอยยิ้มนั่นไหม แต่เขารู้ว่าเขาส่งใจไปให้เธอหมดแล้ว แม้ว่ามันอาจจะเทียบไม่ได้กับรอยยิ้มของคนที่นอนเจ็บ แต่นี่มันก็คือยิ้มที่มาจากใจของเขา ยิ้มที่มีแต่ความรักและหวังดีให้กับเธอเสมอ

    “ ถ้าเขาจากคุณไป คุณจะรักกับผมได้มั้ย...คนดี ”

    คำพูดเบาๆที่ไม่มีใครเขาได้ยิน มันเป็นคำพูดที่ฟังแล้วอาจจะไม่มีคำตอบ ทิฟฟานี่คงจะไม่ตอบคำถามของเขาแน่นอน แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะบอกกับแทยอนไป ว่าเขาจะกลายมาเป็นพ่อใหม่ให้กับยูบินและเด็กที่อยู่ในท้องของเธอ เขารู้ว่านั่นมันไม่จริงเลยสักนิด ที่ทิฟฟานี่พูดมาก็แค่พลั้งปากประชดประชันแทยอนเท่านั้น แต่เขาก็ดีใจกับคำพูดที่มันหลุดออกมาจากปากของเธอ ดีใจที่เธอเลือกให้เขาเป็นพ่อของลูกที่เธอรักมาก หากแทยอนเป็นอะไรไป ทิฟฟานี่จะทำเหมือนอย่างที่เธอพูดเอาไว้หรือเปล่านะ อยากให้มันไม่ใช่แค่ฝันไปจริง

    “ หากไม่มีแทยอนอยู่ คุณจะยังเลือกให้ผมทำหน้าที่คนรักแทนเขาอยู่อีกมั้ย ”

     

    *-*-*-*-*

    *-*-*-*

    *-*-*

    *-*

    *

     

    “ อ่ะอ้าม...กินให้เยอะๆนะนายคนขับรถ ”

    เจสสิก้าตักอาการป้อนสามีอย่างหมั่นไส้ ก็จะอะไรซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะยูริมาคอยจับเวลา แถมยังนั่งเฝ้านั่งบังคับ ให้เธอกินอาหารที่ผู้เป็นพ่อกำชับให้กินน่ะสิ ช่างตั้งกฎขึ้นมาได้นะคะคุณพ่อ กินช้าปรับเช็คลดราคานาทีละแสน แล้วคุณแม่มือใหม่ผู้รักและเป็นห่วงอนาคตของลูกน้อย จะยอมปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้นได้หรือ ไม่มีทางอยู่แล้วล่ะนะคะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปเปล่าๆ ไม่ใช่ว่าเห็นแก่เงินตราเห็นแก่ของมีค่านะ หากแต่ที่ทำไปก็เพื่ออนาคตที่ดีของลูกทั้งนั้น

    ก็อย่างที่ว่ามาทั้งหมดทั้งมวลนั่นแหละ พ่อแม่ที่ดีก็ควรจะมีอะไรเอาไว้ให้ลุกน้อยที่รอวันลืมตามาดูโลกใช่มั้ย ดังนั้นยูริก็ควรจะช่วยเธอทำหน้าที่ของพ่อที่ดีด้วยสิ มีอะไรที่กินได้อยู่บนโต๊ะ เจสสิก้าก็เลยจับของเหล่านั้นยัดเข้าปากของสามีแบบไม่คิดชีวิตกันเลยทีเดียว ไม่ว่ามันจะมีอะไรหลงเหลืออยู่บนโต๊ะอาหารก็ตาม เธอคงคิดว่าจะไม่ให้มันมีอะไรหลงเหลือ แม่คุณไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเลย เธอไม่สนใจด้วยซ้ำว่าสามีเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด แถมยังกลืนลงคอแทบจะไม่ทันกับสิ่งที่เธอพยายามจะป้อนเขา

    ไม่ว่าจะเป็น หมู เห็ด เป็ด ไก่ อะไรที่เจสสิก้ากินไม่ได้เธอก็จะให้สามีกินแทน ภรรยาก็เห็นแก่เงินแบบว่าหน้าเลือด จนไม่ได้สนใจใส่ใจสามีของตนเลยสักนิด ส่วนไอ้คนเป็นสามีก็ตามใจมียจนเกินดี ไม่ว่าเจสสิก้าจะยัดอะไรใส่ปาก ยูริก็รอรับแบบว่าไม่มีเกี่ยงงอนเลย มันช่างเข้ากันได้ดีจริงๆเลยนะสองคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ดูจะไปกันได้ด้วยดี แม้ว่าก่อนหน้าที่ทั้งคู่จะแต่งงานกันนั้น มันแทบจะฆ่ากันตายทุกวันอยู่แล้ว แต่มาวันนี้มันกลับรักและใส่ใจกันอย่างกับเป็นคนละคน

    “ นี่...พอได้แล้วลูก สามีเรากำลังจะขาดใจตายนะ อาหารไม่ไปติดหลอดลมแล้วเหรอนั่น ”

    แทอูต้องเอ่ยปรามลูกสาวเอาไว้ หลังจากที่เขานั่งมองเจสสิก้าซึ่งพยายามจะฆ่ายูริด้วยอาหาร ก็รู้มาตลอดนะว่าลูกสาวของตัวเองน่ะมันงก แต่ก็ไม่คิดว่าอาการมันจะหนักได้ขนาดนี้ เห็นเงินเป็นไม่ได้เลยนะตาโตเท่าไข่นกกระจอกเทศเลย ที่พ่อบอกไปว่านาทีละแสนนั้น มันก็เป็นแค่คำขู่เฉยๆ มันเป็นลูกไม้ตื้นๆที่เขาเอามาล่อลวงลูกสาวเท่านั้น แต่เจสสิก้าดันอินจัดจนดูเวอร์มากไปหน่อย ปากก็บอกว่าห่วงลูกทำเพื่ออนาคตของลูก แต่ผู้พ่อเป็นกลับคิดว่ามันทำเพื่อตัวเองมากกว่า ลูกยังไม่เกิดเลยมันจะรีบเก็บเงินไว้เป็นทุนการศึกษาทำไม เอาไว้ให้มันคลอดออกมาหายใจด้วยตัวเองได้ก่อนดีไหม แล้วค่อยหาทุนการศึกษาไว้ให้มัน เห็นแบบนี้แล้วห่วงอนาคตของหลานจริงๆเลย กลัวว่ามันจะได้เชื้อขี้งกไปจากแม่ของมันจริงๆเลยล่ะ

    “ นายจะตายแล้วเหรอยูริ ”

    เจสสิก้ามองหน้าของสามี แล้วก็เอ่ยถามออกมาอย่างดูซื่อบื้อ ทั้ที่ความจริงนั้นเธอก็เห็นอยู่เต็มตา ว่าสามีกลืนอาหารแทบจะไม่ได้อยู่แล้ว ยูริกล้ำกลืนฝืนกินอาหารมากมายที่ผู้เป็นภรรยายัดเยียดให้ ทั้งที่เขาก็พยายามยกมือขึ้นมาแสดงอาการห้ามปรามแล้วนะ แต่เจสสิก้าไม่ได้สนใจอะไรเขาเลยสักนิด เธอเอาแต่ตักนั่นหยิบนี่มาให้เขากินตลอด ถ้าเขาหุบปากไม่ยอมกินเธอก็จะเอามือน้อยๆของเธอมาบีบที่แก้มทั้งสองข้างของเขา เพื่อทำให้ยูริเปิดปากรับอาหารจากเธอให้จงได้ พอทำไปทำมาปรากฎว่าอาหารเต็มปากของสามีไปแล้ว แถมเขายังทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีกด้วย คุณภรรยาคนสวยก็เอาแต่ยิ้มให้อย่างชอบใจ เจสสิก้ายิ้มร่าออกมาเมื่อเธอพบว่าตัวเองกำลังจะฆ่าสามีด้วยอาหาร

    “ ไอ้อะอายแอ๊วอั๊บ ” ( ใกล้จะตายแล้วครับ )

    “ อี๋ ยูริ หุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้บ้า ”

    ทั้งที่อาหารยังมีอยู่เต็มปาก แต่ยูริก็ยังพยายามที่จะพูดออกมา แล้วไอ้ของที่อยู่ในปากมันก็กระเด็นกระดอนออกมา แน่นอนว่าคนที่ได้รับผลกระทบก็คงจะเป็นเจสสิก้า ซึ่งเป็นผู้ที่นั่งอยู่ใกล้กับยูริ เธอหันหน้ามาถามสามีพอดี แล้วยุริก็หันมาตอบคำถามของเธอแบบที่ว่าลืมตัว ผลมันก็เลยออกมาเป็นว่า เศษอาหารที่ยูริกำลังกินอยู่นั้น มันพุ่งใส่ใบหน้างามของคุณผู้จัดการคนสวยทันที เมื่อรับของขวัญจากสามีแบบไม่ทันตั้งตัว เจสสิก้าก็ฟาดผ้าเช็ดปากใส่หน้าของยูริทันทีเหมือนกัน แค่ถามว่าจะตายแล้วเหรอค่นั้นเองนะ ไอ้คนขับรถนี่มันก็ปล่อยของใส่เธอแบบไม่มียั้งเลย ทำแบบนี้เดี๋ยวแม่ก็จับหักคอซะหรอก

    เอื้อก...!!!

    “ ขะ ขอโทษครับ พี่ไม่ได้ตั้งใจ มาพี่เช็ดหน้าให้นะครับ ”

    ยูริรีบกลืนอาหารคำใหญ่ลงคอไป ก่อนที่เขาจะกุลีกุจอดึงผ้าเช็กหน้าของตนออกมา เพื่อที่จะเอามาเช็ดหน้าให้กับภรรยาผู้เป็นที่รัก มือใหญ่ที่มาพร้อมกับคามรักความอบอุ่น ยื่นเข้าไปหาใบหน้างามล้ำของคนที่ตนรักพร้อมกับผ้าเช็ดหน้าผืนสะอาด ยูริต้องการที่จะเช็ดเศษอาหารที่ทำให้ใบหน้าคนรักต้องสกปรก ทั้งที่เค้าหวังดีกับเจสสิก้าขนาดนั้น แต่แม่คนงามดันปัดมือเขาหนีอย่างไม่ใยดี แถมยังทำท่ากระฟัดกระเฟียดใส่เขาอีกต่างหาก นี่ไม่ดีหรือไงที่คนรักเอาอกเอาใจเธอขนาดนี้เนี่ย

    “ ไม่ต้องมายุ่งกับฉันเลยนะไอ้บ้า ดูสิเสื้อผ้าของฉัน โอย...ซื้อมาแพงด้วยอ่ะ จ่ายเงินค่าเสียหายมาเลยนะ ไม่งั้นฉันจะยึดบัตรเครดิตของนายจริงๆด้วย ”

    เจสสิก้าโวยวายใส่สามี ไม่ใช่เพราะว่าเธอห่วงหน้าตาที่เลอะไปด้วยเศษอาหาร แต่เป็นเพราะว่าเธอเสียดายเสื้อผ้าของตัวเองต่างหาก อุตส่าห์ซื้อมาด้วยราคาที่เรียกว่าแพง นี่กลั้นใจหยิบบัตรเครดิตขึ้นมาเลยนะ ขนาดว่าตอนที่ยื่นให้พนักงานขายก็แทบจะขาดใจอยู่แล้ว ชุดที่เธอใส่อยู่นี้เพิ่งจะได้มีโอกาสใช้แค่ไม่กี่ครั้งเองนะ แล้วดูสามีที่รักทำกับชุดทำงานสุดสวยของเธอสิ ชุดนี้เป็นชุดโปรดเชียวนะจะบอกให้ วันนี้มันกลายมาเป็นผ้าเช็ดเศษอาหารซะงั้น งานนี้ยูริต้องรับผิดชอบ ด้วยการชดใช้ค่าเสียหายเป็นสองเท่าของราคาเดิม ถ้าสามีไม่ยอมจ่ายให้เธอนะ เธอจะยึดบัตรเครดิตของสามีไปเลย จะเอาเงินมาเก็บไว้ให้มันเยอะๆ

    “ มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอเจสสิก้า เสื้อผ้าเลอะแค่นี้เองนะ แค่เอาไปซักก็น่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วนี่นา ไม่ต้องไปตามใจนะยูริ พ่อรู้ว่าลูกสาวคนนี้น่ะงกแค่ไหน เพราะฉะนั้นไม่ต้องให้อะไรทั้งสิ้น อย่าคิดว่าพ่อไม่รู้นะเจสสิก้า เงินน่ะมันมีไว้ให้ใช้เมื่อจำเป็นต้องใช้ ไม่ได้มีเอาไว้ให้เป็นอาหารของปลวก ”

    “ พ่ออ๊า ช่วยมองหนูในแง่ดีหน่อยได้มั้ยคะ นี่ลูกของพ่อนะคะ ไปเข้าข้างยูริทำไมกันล่ะ ไม่รักลูกสาวคนนี้แล้วเหรอคะ ”

    พอถูกผู้เป็นพ่อว่าให้นิดว่าให้หน่อยเท่านั้นแหละ เจสสิก้าก็ทำเป็นงอนเพื่อออดอ้อนพ่อ หญิงสาวเอนตัวไปเกาะแขนของแทอูเอาไว้ จากนั้นแธอก็โน้มตัวเข้าไปเอาใบหน้าซบลงที่ต้นแขนของผู้เป็นพ่อ ยูรินั่งมองเมียของตัวเองทำท่าน่ารักใส่พ่อตา ก็นึดในใจว่าเจสสิก้าดูน่ารักน่าชังดี ไม่ว่าจะเป็นท่าทางที่เธอแสดงออกมา และสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเป็นคนขี้อ้อน มันทำให้เขาอึ้งนั่นเพราะว่าไม่เคยเห็นคนรักในด้านนี้มาก่อนเลย เจสสิก้าคนที่เขาเห็นมาจนชินตานั้น จะมีแต่ความโหด หื่นนิดๆ ฮาหน่อยๆ แต่ด้านนี้ไม่เคยมีให้เขาได้เห็น ดังนั้นนี้ถือเป็นภาพที่น่าประทับใจอยู่ไม่น้อย

    “ ทำไมจะไม่รักล่ะลูก พ่อรักลุกของพ่อทุกคนนั่นแหละ แล้วอีกอย่างนะ ยูริก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน เขาก็เป็นลุกของพ่ออีกคนนึงนะ แม้ว่าจะเป็นลูกเขยก็ตามเถอะ ยังไงก็ได้ชื่อว่าลูก เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องคิดเงินกับสามีของเรานะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวพ่อจ่ายค่าเสียหายให้เอง แถมจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวมื้อนี้ด้วย ตกลงมั้ย ”

    “ จะดีเหรอครับคุณพ่อ ผมว่าค่าอาหารมื้อนี้ผมจ่ายเองดีกว่านะครับ ”

    “ คุณพ่อท่านอุตส่าห์มีน้ำใจนะนายจะไปขัดทำไมกันล่ะ ผู้ใหญ่ท่านว่าอะไรมาก็น่าจะทำตามนะ อย่าดื้อสิยูริ เป็นเด็กดีนะ ถ้านายดื้อมากฉันจะลงโทษนาย เอาแบบที่ว่าไม่ให้ได้หลับได้นอนกันเลย ”

     

    *_*_*_*_*

    *_*_*_*

    *_*_*

    *_*

    *

     

    “ หม่าม๊า ป๊ะป๋าเป็นอาราย ”

    ลูกหมาน้อยผู้ยังไม่ประสีประสาเอ่ยถามมารดาอย่างสงสัย รู้อยู่หรอกว่าก่อนหน้านี้รถของพ่อเป็ยอะไร แต่ที่ไม่รู้ก็คือว่าทำไมหมอกับพยาบาลถึงได้พาพ่อวิ่งเข้าไปในห้องอะไรนั้นด้วยก็ไม่รู้ แถมพ่อก็ยังนอนหลับมีเลือดออกเต็มตัวอีกต่างหาก ยูบินไม่รู้ว่าแทยอนเป็นอะไรไป รถชนกันพ่อต้องนอนแบบนี้เลยเหรอ ขนาดแม่ก็ปลุกพ่อก็ยังไม่ตื่นขึ้นมาเลย พ่อจะเป็นอะไรไหมนะอยากรู้จริงเลย

    ทิฟฟานี่ไม่รู้ว่าจะตอบลูกสาวของตนยังไงดี ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นมันตรงไหนดี ไม่รู้ว่าจะหาคำพูดใดมาอธิบายให้ลูกหมาที่น่ารักเข้าใจได้ ถึงแม้ว่ายูบินจะเป็นเด็กที่ฉลาดมากก็ตาม แต่การที่จะทำให้หนูน้อยเข้าใจเรื่องราวของผู้ใหญ่มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างยากอยู่เหมือนกัน ผู้เป็นแม่จึงได้แต่กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา แม้ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน แต่น้ำตาก็ไหลไม่มีหยุดเลยสักนิด คำถามของลูกเธอก็ยังตอบไม่ได้ วันนี้คุณแม่คนเก่งกลายเป็นใบ้ไปแล้ว ปกติทิฟฟานี่ไม่เคยที่จะไม่ตอบคำถามของใคร โดยเฉพาะคำถามของลูกหมา ไม่ว่ายูบินจะถามอะไรมาก็ตาม เธอจะใช้ความสามารถที่มีตอบไปได้หมด ยกเว้นตอนนี้เท่านั้นที่เธอไม่สามารถตอบอะไรกับลูกได้ สิ่งที่เธอสามารถทำได้ในตอนนี้ ก็มีเพียงการกอดลูกหมาเอาไว้แนบอกเท่านั้น

    “ หม่าม๊า หม่าม๊าร้องไห้ทามมายอ่ะ ร้องไห้ทามมาย อย่าร้องน๊า ”

    ทั้งที่ตัวเองก็เพิ่งจะหายจากอาการช๊อคมาได้ไม่นาน แต่หนูน้อยก็ไม่วายที่จะเป็นห่วงแม่ ยูบินผละใบหน้าออกจากอ้อมอกของทิฟฟานี่ ลูกหมาจึงได้เห็นว่าแม่กำลังร้องไห้อยู่ หลาดน้ำใสๆ ไหลรินออกจากดวงตาค่สวยของผู้เป็นแม่อยู่ไม่ขาดสาย ยิ่งคุณหมอคนงามได้เห็นหน้าของลูก เธอก็ยิ่งร่ำไห้หนักเข้าไปอีก ก็เพราะว่าลูกหมาที่เธอกำลังมองอยู่นี้ มีใบหน้าที่ถอดแบบออกมาจากผู้เป็นที่รักอย่างไม่มีผิดเพี้ยน แค่นี้มันก็เรียกน้ำตาของเธอได้แล้วล่ะ

    “ หม่าม๊าอย่าร้องไห้นะ มาหนูเช็ดน้ำตาให้ ”

    ว่าแล้วมือน้อยๆก็ถูกยกขึ้นมา จากนั้นยูบินก็ค่อยๆวางมือของตัวเองลงไปประทับที่ใบหน้าของทิฟฟานี่ แล้วก็ลงมือปาดเช็ดเอาเจ้าน้ำใสๆที่ไหลไม่รุ้จักหมดของแม่ออกไป ยิ่งลูกหมาปาดน้ำตาออกจากแก้มของผู้เป็นแม่มากเท่าไหร่ หนูน้อยก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าน้ำใสๆนั้นก็ยิ่งพรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ เมื่อมือน้อยๆมันไม่สามารถเช็ดน้ำตาของแม่ให้แห้งเหือดไปได้ เจ้าตัวแสบก็เลยตัดสินใจดึกชายเสื้อของตัวเองขึ้นมา โชว์ให้เห็นพุงป่องน่ารักของเด็กในวัยนี้ พร้อมกันนั้นยูบินก็เอาชายเสื้อของตัวเองนั่นแหละซับน้ำตาห็แม่ ทิฟฟานี่เห็นความพยายามของลูกน้อย ที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้น้าตาของแม่หายไป เธอจึงได้ยกมืของตัวเองปาดน้ำตาช่วยลูกหมามันบ้าง จากนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาอย่างใจดี ทำให้ยูบินยิ้มอวดฟันน้ำนมตามเธอไปได้อย่างไม่ยาก

    “ หม่าม๊ายิ้มแย๊ว ”

    “ จ้ะ แม่ยิ้มแล้ว แม่ยิ้มเพราะหนูคนเดียวเลยรู้มั้ย ”

    เสียงกระซิบปนสะอื้นดังออกมาจากปากสวยที่สั่นระริก ทิฟฟานี่พยายามฝืนใจของตัวเองเป็นอย่างมาก เธอต้องใช้ความพยายามสูงสุดที่จะเค้นเอารอยยิ้มนี้ออกมา แม้ว่ามันจะเป็นรอยยิ้มที่ดูขัดหูขัดตา แต่อย่างไรเสียมันก็คือยิ้มล่ะว่าไหม ทิฟฟานี่มองหน้าของลูกน้อยอย่างเพ่งพินิจ ยิ่งมองก็ยิ่งเห็นเงาของคนเจ็บ อยากให้แทยอนมาอยู่ตรงนี้กับเธอจังเลย อยากให้เขามานั่งยิ้มให้เธอกับลูกเหมือนอย่างที่เคยเป็น อยากให้สามีปลอดภัยแล้วกลับมาช่วยกันเลี้ยงลูกหมาแสนซนตัวนี้ กลับมาเลี้ยงลุกหมาที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นมาตัวนี้มันต้องการพ่อ

    “ หม่าม๊า ป๊ะป๋าเป็นอาราย ทามมายนอนไม่ลุกแบบน๊าน ”

    คำถามเดิมของเจ้าลูกหมาขี้สงสัยกลับมาอีกแล้ว คราวนี้ทิฟฟานี่มีสติพอที่จะให้คำตอบกับลูกหมาได้แล้วล่ะ เพราะถ้าเธอไม่ยอมตอบคำถามของยูบินนะ เจ้าตัวป่วนมันก็จะเฝ้ารบเร้าถามเธออยู่แบบนี้ไม่หยุด เพราะยูบินเป็นเด็กที่ช่างซักช่างสงสัย ไม่ว่าด้วยเรื่องอะไรก็ตาม ลูกหมามันจะต้องรู้ทุกเรื่อง ดังนั้นตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่แม่จะต้องตอบคำถามของหนูน้อยมา ไม่ว่าตอบมาแล้วลูกหมามันจะเข้าใจด้ยหรือไม่ก็ตาม อย่างไรก็ต้องบอกออกมาให้ได้ฟัง

    “ ป๊ะป๋าไม่สบายค่ะ ก็เลยต้องนอนพักน่ะ อย่าห่วงไปเลยนะ เดี๋ยวป๊ะป๋าก็จะตื่นขึ้นมาเล่นกับเราแล้วนะคะ ” 

    จะเรียกว่าโกหกดีหรือไม่ เพราะว่าที่เธอบอกกับลูกน้อยไปนั้น มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เธอบอกเธอต้องการก็ได้ เพราะว่าอาการล่าสุดเท่าที่เธอรู้ก็คือ แทยอนไม่มีสติและชีพจรก็อ่อนมาก นั่นหมายความว่าเขาอาจะไม่รอดก็ได้ ตอนนี้ก็หวังพึ่งทีมหมอที่เข้าไปรักษาเท่านั้น แต่ว่าจนป่านนี้แล้วก็ยังไม่เห็นมีใครออกมาเลยสักคน แล้วก็ไม่มีใครที่จะมายืนยันถึงความปลอดภัยของสามีเธอได้เลย แม้แต่คิม คิบอมเองก็ตาม ในใจของคุณหมอคนสวยภาวนาให้คนที่เธอรักรอดปลอดภัย ขอให้แทยอนยังมีลมหายใจต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็กลับมาสร้างเสียงหัวเราให้กับเธอและลูกอีกครั้ง

    “ อ๊ะ...คุณหมา ”

    ยูบินเอ่ยเรียกคนที่ตัวเองคุ้นเคย คุณหมาในที่นี้ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย จะมีอยู่แค่คนเดียวเท่านั้นที่ลูกหมามันเรียกแบบนี้ ทิฟฟานี่จึงหันไปมองยังด้านหลัง แล้วเธอก็เห็นคณะแพทย์และพยาบาลหลายคนเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน หนึ่งในนั้นก็มีคิบอมที่เดินออกมาด้วย หมอและพยาบาลทุกคนมีสีหน้าที่เรียบเฉย มันเป็นเรืองปกติอยู่แล้วที่หมอจะไม่ค่อแสดงอารมณ์ออกมาเทาไหร่นัก หมอคนอื่นจะนิ่งจะเฉยยังไงเธอก็ไม่รู้สึกอะไร แต่ทำไมคิบิมถึงได้ดูนิ่งมากมายขนาดนั้น สีหน้าของเขาในตอนนี้ไม่สู้ดีเลยสักนิด มันเหมือนเป็นการบอกโดยนัยว่าสามีของเธอนั้นไม่มีหวังแล้ว อยากจะคิดแบบนั้นนะ แต่ว่าใจยังพยายามหาเหตุผลมาแย้งในส่วนที่สอมงมันคิด ขออย่าให้เป็นเหมือนอย่างที่สมองมันนึกคิดเลยนะ ขอให้คิบอมบอกว่าแทยอนปลอดภัยด้วยเถิด

    “ คุณหมอคิม สามีของฉันเป็นยังไงบ้างคะ พี่แทเป็นยังไงบ้าง พี่แทปลอดภัยดีใช่มั้ยคะ คุณกยูริก็ด้วยใช่มั้ย ทั้งคู่ปลอดภัยแล้วใช่มั้ย บอกฉันหน่อยสิคะ บอกให้ฉันรู้หน่อยได้มั้ย...ฉันขอร้อง ”

    เมื่อเห็นว่าคิบอมเดินเข้ามาหาตน ทิฟฟานี่ก็รีบลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ แล้วก็ตรงเข้าไปยืนเผชิญหน้ากับหมอหนุ่มทันที หญิงสาวหมายมั่นเป็นอย่างยิ่งเลยนะว่า คำตอบที่เธอจะได้จากเพื่อนหมอคนนี้ก็คือคำว่าปลอดภัย นั่นคือสิ่งที่เธอต้องการจะฟังมันคือสิ่งที่เธออยากได้ยิน แต่ดูเหมือนว่าคิบอมจะไม่อยากตอบคำถามของเธอเท่าไหร่นัก เพราะเขามีสีหน้าที่บ่งบอกถึงความหนักใจอย่างเห็นได้ชัด และนั่นมันไม่ใช่สัญญาณที่ดีกับเธอเลยสักนิด แต่ถึงกระนั้นทิฟฟานี่ก็ยังคะยั้นคะยอให้คิบอมบอกเล่าถึงอาการของสามีตน และแน่นอนว่าใครล่ะจะไปทนกับการรบเร้านั่นไหว

    “ คุณหมอทิฟฟานี่ครับ ผมและหมอคนอื่นๆได้ทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่แล้ว คุณผู้หญิงที่เราพามานั้น เธอพ้นขีดอันตรายแล้วครับ ส่วนคุณแทยอน... ”

    “ พี่แท พี่แททำไมคะ พี่แทปลอดภัยแล้วใช่มั้ยคะหมอ พี่แทพ้นขีดอันตรายเหมือนคุณกยูริแล้วใช่มั้ยคะ ”

    “ เราทุกคนพยายากันจนสุดความสามารถแล้วนะครับ แต่คนไข้ไม่สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง และรู้สึกว่าจะหายใจช้าลงเรื่อยๆ เพราะงั้นผมขอแนะนำว่าให้คุณทำใจไว้ด้วยนะครับ ผมไม่แน่ใจว่าเค้าจะผ่านคืนนี้ไปได้มั้ย แม้ว่าผมไม่อยากจะพูดแบบนี้ แต่...ผมเสียใจด้วยนะครับผมเสียใจริงๆ ”

     

    *_*_*_*_*

    *_*_*_*

    *_*_*

    *_*

    *

     

    TALK…………………….

     

    กลับมาอีกครั้ง มาพร้อมความั่นใจ ว่าคราวนี้เค้าจะได้รองเท้าจากรีดเดอร์ 555 ก็ไม่รู้ว่ารีดเดอร์จะฆ่าเค้ามั้ยนะคะ แบบว่ารู้สึกหวาดระแวงยังไงก็ไม่รู้ อย่าค่ะ...อย่าเพิ่งคิว่ามันจะจบค่นี้ ความดราม่ามนยังมีต่อไปอีก ทำไมเค้าถึงได้ใจร้ายกับแทนี่จะงเลย 5555 ตอนหน้ามาม่าของแทนี่ยังอยู่นะจ๊ะ แต่จะปวดตับมากมายหรือไม่นั้น ก็ขอให้ติดตามกันต่อไป

    ส่วนคู่รักคู่เรทของเราก็ยังอยู่กับอาหารเหมือนเดิม ก็น่ารักกุ๊กกิ๊กกันไป แบบว่าพอตัดกับมาม่าของพี่ใหญ่ได้บ้างนิดนึง เพื่อไม่หั้นอืดเกินไปไงคะ สุดท้ายก็จบด้วยคำพูดติดเรทอีกเช่นเคย มันเป็นนิสัยไปแล้วมั้ง 5555555555

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×