ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] งานนี้...พี่ต้องมี...ลูก YulsiC yuri x sica

    ลำดับตอนที่ #44 : Chapter 44 แก้ไขให้แล้วนะคะ ( แหมตกใจนึกว่าจะถูกแบนไปอีกเรื่องซะแล้ว )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.68K
      1
      5 ธ.ค. 55

     

     งานนี้...พี่ต้องมี...ลูก

     

    Chapter  44

     

    “ เรื่องทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น ยูริไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆเลยนะครับ มันไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยสักนิด แม้แต่ผมเองก็ไม่รู้มาก่อนหรอกครับ ไม่รู้ว่าคุณคือคนที่ดานี่บอกว่าเป็นคนรัก ”

    ยุนอาตามมาอธิบายให้เจสสิก้าเข้าใจยูริ หลังจากที่ทั้งคู่เล่นสงสารกันไปแล้ว ให้ตายเหอะ...เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมาเคลียร์ปัญหาให้ใคร แล้วไหนจะต้องบากหน้ามาของเมียจากสามีเก่าเขาอีก ดีนะที่ดานี่มีสามีเป็นผู้หญิง ไม่อย่างนั้นเขาว่าเรื่องมันจะยุ่งยากวุ่นวายไปกว่านี้แน่ๆ

    “ ดานี่เคยบอกคุณแบบนั้นเหรอ แล้วถ้ายูริไม่รู้เรื่องด้วย แล้วทำไม...ทำไมเค้ายอมรับว่ารู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่ะ ทำไมเค้าไม่ปฏิเสธว่าไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย หรือว่าคุณคิดที่จะมาแก้ตัวให้เค้า เพื่อที่จะให้ฉันรู้สึกดีขึ้น จากนั้นก็จะได้ยอมปล่อยดานี่ไป...ใช่มั้ย ”

    เจสสิก้าพูดได้ตรงไปตรงมา แบบที่ว่ายุนอาไม่จำเป็นต้องสรรค์หาคำพูดใดท่มันฟังดูดีมาพูดเลย ที่เจสสิก้าพูดมานั้นมันก็มีส่วนที่ถูกอยู่เยอะเลย ยุนอามาที่นี่เพื่อมาแก้ต่างให้ยูริ มาทำให้ทั้งคู่คืนดีกัน แล้วหลังจากนั้นเขาก็จะได้เอ่ยปากขอดานี่อย่างเป็นทางการสักที หลังจากที่ต้องทนกับการแย่งเด็กคนนี้มา

    “ จะพูดแบบนั้นมันก็ไม่ผิดอะไรหรอกครับ แต่ที่คุณคิดมันก็ใช่ว่าจะถูกไปซะหมด ยูริไม่รู้เรื่องอะไรด้วยจริงๆ มันก็แค่น้อยใจคุณ ที่ไม่ยอมฟังไม่ยอมเชื่อใจมันบ้าง เพราะมันรักคุณ มันรู้ว่าคุณคิดยังไงไปแล้ว ความจริงคุณก็ตัดสินว่ามันผิดไปก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้ายูริมันจะยอมรับผิดก็ไม่น่าจะแปลกอะไรหรอก คุณว่าจริงมั้ย คุณตัดสินว่ามันผิดไปเสร็จสรรพแล้ว คุณถึงได้มาถามมันซ้ำเพื่อต้องการย้ำว่าที่คุณคิดมันถูก แล้วยูริก็ไม่ทำให้คุณผิดหวัง มันบอกว่ามันรู้เรื่องทุกอย่าง มันยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา มันยอมรับในความผิดที่มันไม่ได้ทำ ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมเองไม่ผิด ผมก็ผิดเหมือนกันที่เริ่มเรื่องก่อน แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนั้น คุณเองก็มีครอบครัวแล้ว คุณก็ควรจะทุ่มเทเวลาของคุณให้กับครอบครัว ทุ่มเทเวลาให้กับคนที่คุณรัก ส่วนดานี่ก็ปล่อยเธอไปเถอะ เธอเจ็บเพราะคุณมามากแล้วนะ ผมเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ในเมื่อคุณหมดรักเด็กมันไปแล้ว ปล่อยแกเถอะนะ ผมรักแกมากเหมือนอย่างที่คุณรักแกนั่นแหละ ผมรักดานี่นะ หวังว่าคุณคงจะเข้าใจ ”

    ยุนอาพูดมาซะเจสสิก้ารู้สึกผิดขึ้นมาได้ทันทีเลย เธอปฏิเสธไม่ได้ว่าที่เขาพูดมานั้น มันถูกทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่ผิดพลาดไปเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอตัดสินว่ายูริผิดตั้งแต่ที่เขายังไม่พูดอะไร ที่เธอถามยูริว่ารู้เห็นด้วยไหม นั่นก็เพื่อจะได้เป็นดารยืนยันว่าที่ตัวเองคิดไปนั้น มันเป็นความจริง เธอไม่ได้คิดอะไรผิดลาดไป แต่ความจริงแล้วมันผิดพลาดไปหมดเลย ยูริไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ยอมรับว่าเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เธอได้ทำร้ายจิตใจของคนที่รัก แล้วที่หนักไปกว่านั้นก็คือ เธอได้ทำร้ายหัวใจของตัวเองลงไปด้วย แล้วไหนจะเรื่องของดานี่อีกล่ะ ที่ยุอาพูดมามันก็ถูกนะ เธอหมดรักดานี่แล้วจริงๆ เมื่นึกย้อนกลับไปถึงตอนที่ดานี่โทรหาเธอ หรือแม้แต่ตอนที่เธอทิ้งดานี่เอาไว้คนเดียวหลายต่อหลายครั้ง มันก็ยิ่งทำให้เธอมันใจได้ว่าตัวเองได้ทำให้เด็กสาวคนนึงต้องเสีย เสียใจเพราะคำหลอกลวงของเธอ เธอหลอกให้ดานี่รอ หลอกให้เด็กสาวมีความหวัง ทั้งที่มันไม่มีอยู่เลยสักนิด ดานี่คจะเจ็บปวดมาก เธอคงจะเจ็บปวดกับการที่ถูกคนรักหักหลัง แล้วยังจะมีหน้ากลับไปหาเด็กมันได้ยังไง ในเมื่อตัวเองน่ะเป็นคนที่ปันใจไปก่อนแล้ว

    “ ฉัน...ฉันเข้าใจแล้ว ยูริไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย ฉันมันผิดที่คิดเองเออเอง ผิดที่ไม่ยอมฟังยูริก่อน ด่วนตัดสินว่าเค้าผิดทั้งที่ไม่ใช่ ฉันมันแย่จริงๆนั่นแหละ แล้วที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ฉันทำให้เด็กคนนึงต้องเสียใจมาก ฉันก็ไม่มีหน้าที่จะไปบอกรักดานี่ได้อีกหรอก ในเมื่อฉันก็หมดรักดานี่ไปแล้วจริงๆ ที่คุณพูดมามันจริงทุกอย่าง แต่...คุณรักน้องเค้าจริงๆน่ะเหรอ อย่าหลอกฉันนะว่าคุณรักแก ทั้งที่คุณแค่อยากจะเล่นๆเท่านั้น”

    เจสสิก้ามั่นใจทุกอย่าง แต่ที่เธอยังไม่มั่นใจ นันก็คือยุนอาเองนั่นแหละ เจสสิก้าไม่มันใจว่ายุนอาจะรักดานี่จริงๆ เพราะเธอก็รู้อยู่หรอกว่ายุนอาเป็นเพื่อนซี้ของยูริ ซึ่งแน่นอนว่านิสัยมันจะต้องเข้ากันได้ นั่นก็คือเที่ยวควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า พอเบื่อหรือสุขสมอุราแล้วก็ตีจากไป ซึ่งยุนอาจะต้องเป็นแบบนั้น เพราะเท่าที่ดูแล้ว เขาค่อนข้างจะเจ้าชู้ไม่น้อยไปกว่ายูริหรือว่าพี่ชายของเธอเลย ดีไม่ดีอย่างจะร้ายกว่าคนทั้งคูนั่นก็ได้ เพราะยูริกับแทยอนดูจะไม่แรงเท่ายุนอาหรอก รายนี้ดูไม่แยแสอะไรด้วยสิ แล้วเขาจะรักดานี่จริงอย่างที่ปากว่ามาไหมนะ กลัววาดานี่จะช้ำซ้ำสองน่ะสิ

    “ ผมขอเอาเกียรติที่มีอยู่น้อยนิดนี่เป็นประกันเลยนะ ผมรักดานี่จริงๆ ถ้าไม่รักไม่ชอบเหมือนอย่างที่พูดไป ป่านนี้ผมคงจะทำกับเธอเหมือนอย่างที่ทำกับผู้หญิงคนอื่นๆไปแล้วล่ะ ผมจะไม่ปล่อยให้เด็กคนนั้นหลุดมือไปเหมือนทุกวันนี้หรอก ที่ผมเคยบอกว่าดานี่เป็นเมียของผมนั่นน่ะ ผมโกหก...ผมกับดานี่ไม่ได้เป็นอะไรกัน เราไม่เคยมีอะไรกันทั้งนั้นแหละ แต่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องอะไร เธอเชื่อไปตามที่ผมบอก อย่าถามผมนะว่าเรื่องมันเป็นยังไงก่อนที่ผมจะบอกดานี่ไปแบบนั้น รู้แค่ว่าผมรักดานี่อย่างบริสุทธิ์ใจ รักอย่างที่ผมต้องมารอคอยว่าแกจะเรียนจบม.ปลายเมื่อไหร่ เมื่อนั้นผมถึงจะได้ครอบครองตัวแกสักที คุณรู้มั้ยว่ามันทรมานนะ ผมทรมานที่ต้องมาโกหกดานี่ว่าเราเป็นอะไรกัน ทั้งที่ความจริงแล้วเราไม่มีอะไรต่อกันเลย แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนั้น เพราะผมไม่อยากจะเสียคนที่ตัวเองรักไปอีกครั้ง ในเมื่อผมหลงรักเด็กคนนี้ไปจนหมดใจแล้ว ผมไม่อยากจะสูญเสีเธอไปอีก ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยเดิม คนนี้ผมรักจริงหวังแต่งนะ ผมรักดานี่เหมือนกับที่คุณกับยูริรักกันน่ะแหละ แล้วผมก็มั่นใจว่าดานี่ก็รักผมเหมือนกัน เพราะฉะนั้น...คุณจะอนุญาตให้เธอรักกับผมได้มั้ย ให้เราสองคนรักกันอย่างเป็นทางการได้มั้ย ”

    ยุนอาพูดในสิ่งที่เขาคิดจริงๆ ในชีวิตนี้เขารักผู้หญิงที่ไม่ใช่แม่อยู่สองคน คนแรกก็คือซอฮยอน ซึ่งมันไม่มีทางที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว เนื่องจากเธอได้แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ส่วนอีกคนก็คือดานี่นี่แหละ คนนี้ยุนอาเพิ่งจะมาหลงรักเอาตอนที่เจสสิก้าทิ้งเธอเอาไว้ จะบอกว่าหลงรักเมียชาวบ้านก็น่าจะใช่ แต่ยังไงก็จะต้องเอามาเป็นเมียของตัวเองให้ได้ แม้ว่าจะต้องรอไปอีกนานหลายปีก็ตาม ตอนนี้ทำได้แค่บอกรัก แต่ในอนาคตจะทำให้มากกว่านี้

    “ ฉัน...ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวของดานี่แล้ว ทั้งหมดขึ้นอยูที่คุณกับน้องเค้า หากคุณกับดานี่รักกันจริงๆ ฉันก็ยินดีที่จะหลีกทางให้ แต่คุณอย่าเพิ่งได้ใจไปนะ ฉันน่ะไม่ใช่ปัญหาความรักของคุณกับดานี่หรอก แต่ปัญหาจริงๆมันอยู่ที่ท่านนายพลคิม ท่านเป็นคนที่หวงลูกสาวมาก คุณต้องเข้าใจนะว่าท่านมีลูกอยู่คนเดียว ดังนั้นดานี่จึงเปรียบเสมือนใข่ในหิน การที่จะเข้าใกล้เธอได้นั้นมันต้องเป็นที่ยอมรับของฝ่ายนั้นซะก่อน แล้วกะล่อนๆอย่างคุณอย่าหวังว่าจะได้เข้าใกล้ง่ายๆเลยนะ ขนาดฉันยังต้องใช้เวลาและกลอุบายเลย ถ้าคุณรักเด็กคนนี้จริงๆ คุณจะต้องอดทนเพื่อที่จะผ่านด่านของท่านนายพลไปให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็หมดสิทธิ์ ”

    “ ครับ...ผมจะพยายาม แต่คุณก็อย่าลืมพยายามปรับความเข้าใจกับยูริมันด้วยล่ะ มันก็รักคุณเหมือนอย่างที่คุณรักมันนั่นแหละ เอาล่ะ...ผมคงจะต้องกลับแล้วนะ พอดีคืนนี้จะย่องไปวิ่งหนีกระสุนปืนสักหน่อย ไว้วันหลังผมพาดานี่มาหาคุณได้มั้ย เธออยากจะเจอคุณอีกนะ ”

    “ ได้สิคะ ฉันก็อยากจะเจอกับดานี่อีกเหมือนกัน แม้ว่าเราสองคนจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกไม่ได้  แต่ฉันก็ยังอยากจะเป็นพี่สาวของเธอนะ อย่าลืมพาดานี่มาหาฉันนะคะ ถ้าคุณสามารถพาตัวแกมาได้อ่ะนะ ”

     

    *_*_*_*_*

    *_*_*_*

    *_*_*

    *_*

    *

     

    “ วันนี้เป็นยังไงบ้างลูก หนูตั้งใจเรียนหรือเปล่า ”

    ดงวอนเอ่ยถามบุตรสาว ที่ตอนนี้กำลังนั่งกินข้าวอย่างเอื่อยเฉื่อย ตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียน ดานี่กับพ่อแม่ก็ยังไม่ได้คุยอะไรกัน ดังนั้นเวลาที่จะได้พูดได้คุยกันมากที่สุด เห็นจะเป็นเวลาที่อยูร่วมโต๊ะอาหารนี่แหละ ทุกวันก็ไม่เคยได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันหรอก จะมีก็วันนี้นี่แหละ ซึ่งเป็นวันแรกในรอบหลายเดือน ที่พ่อแม่ลุกจะได้อยู่กับพร้อมหน้า และได้พูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบกันบ้าง โดยเฉพาะดงวอนกับดานี่ เพราะผู้เป็นพ่อรู้สึกได้ว่าลูกสาวดูเปลี่ยนไป แต่จะเราะสาเหตุอันใดนั้นเดี๋ยวเขาก็คงจะได้รู้ และดีไม่ดีอาจจะรู้ภายในคืนนี้เลยก็ได้ ครจะไปรู้เรื่องอนาคตล่ะจริงไหม

    “ ค่ะ...แต่ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร หนูสอบลีลาสไม่ผ่านค่ะหนูทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ต้องอับอาย หนูขอโทษนะคะ ”

    ดานี่ยอมรับว่าตัวเองสอบเต้นรำไม่ผ่าน นั่นเป็นเพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เธอถนัด หากแต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำให้ได้ ผายในการสอบแก้ตัวครั้งหน้า ซึ่งดงวอนเองก็เข้าใจว่าลูกสาวคิดหนักกับการสอบครั้งนี้ เขาก็เลยรู้สึกโล่งใจไปอีกเปาะ ดีแล้วล่ะที่ดานี่หนักใจกับเรื่องนี้ ดีหว่าที่ดานี่จะไปหนักใจกับเรื่องอื่น ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องที่เขารับไม่ได้ และถ้ามีเรื่องนั้นเกิดขึ้นมาจริงๆ เขาก็จะมีวิธีจัดการกับเรื่องนั้นอยู่แล้วล่ะ

    “ ไม่เป็นไรหรอกน่า เอาไว้สอบแก้ตัวใหม่ก็ได้ พ่อกับแม่ไม่ได้ติดใจอะไรกับเรื่องแค่นี้หรอก ”

    “ นั่นน่ะสิลูก แค่เรื่องสอบไม่ผ่าน มันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยูแล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องอะไรที่มันทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงก็ว่าไปอย่างนะ ”

    คำพูดของมินจูเล่นเอาซะดานี่กลืนข้าวไม่ลงคอเลย เพราะเด็กสาวรู้สึกได้ว่า ผู้เป็นแม่กำลังพูดจาทิ่งแทงใจของตัวเองอยู่ ไม่มั่นใจว่าแม่ไปรับรู้เรื่องที่เธอทำงามหน้ามาจากไหน แต่เชื่อได้เลยว่าท่านจะต้องรู้สึกระแคะระคายอะไรบ้างแหละ ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่พูดอะไรทำนองนี้ออกมาเป็นแน่

    “ พูดอะไรน่ะคุณ ลูกของเราจะไปทำเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงได้ยังไงกัน ในเมื่อเราสองคนก็เลี้ยงดูแกมาเป็นอย่างดี ดานี่...หนูบอกกับพ่อมาซิ ว่าหนูจะไม่มีวันทำอะไรที่มันเสื่อมเสียชื่อเสียของตระกลูเป็นอันขาด ”

    “ ค่ะ...หนูจะไม่มีวันทำเรื่องเสื่อมเสียเป็นอันขาด...ค่ะ ”

    ดานี่จำเป็นต้องตกปากรับคำของผู้เป็นพ่อ เพราะคำถามของดงวอนก็เหมือนกับคำขาดที่เธอจะต้องทำ แม้ว่าอีกฝ่ายจะทำเหมือนว่ามันเป็นคำถามทั่วไป หากแต่ดานี่รู้ดีว่ามันเป็นคำสั่ง คำสั่งที่เธอจะต้องทำตาม ทั้งที่ความจริงแล้วนั้น เธอทำตามที่พูดไปไม่ได้ ในเมื่อเรื่องเสื่อมเสียทั้งหลายที่พ่อกับแม่กล่าวมานั้น เธอได้ทำมันไปหมดแล้ว หรือจะให้พูดตรงๆก็คือเสียจนไม่รู้ว่าจะเสียยังไงแล้วน่ะสิ นี่ถ้าพ่อกับแม่รู้ว่าลูกสาวคนเดียวของท่าน เกิดเป็นเด็กใจแตกมีสามีก่อนวัยอันควรล่ะ เธอจะตายคามือของพ่อไหมนะ

    “ ดีแล้วล่ะลูก เห็นมั้ยคุณว่าลูกของเราน่ะ ไม่มีทางทำเรื่องงามหน้าให้เราสองคนหรอก เอาล่ะ...กินข้าวกันต่อดีกว่านะ จะได้ไปหลับไปนอนกัน ”

    เพื่อให้การทานอาหารเย็นดำเนินต่อไป ผู้นำของบ้านหลังนี้ก็ทำให้โต๊ะอาหารกลายมาเป็นโต๊ะอาหารอีกครั้ง มินจูมองหน้าดานี่อย่างจับผิดอีกครั้ง ก่อนที่ฌะอจะก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อไป ส่วนดานี่ก็ได้แต่กล้ำกลืนฝืนกิน แม้ว่าความจริงแล้วเธอแทบจะกลืนอะไรไม่ลงคออยู่แล้ว

    เวลาที่โต๊ะหาอารได้ผ่านพ้นไป ดงวอนกับมินจูก็กลับไปยังห้องนอนของตัวเอง ส่วนดานี่ก็มานั่งทำการบ้านในห้องนอนของตัวเองเหมือนกัน เด็กสาวกังวลใจกับเรื่องที่เพิ่งจะสนทนากับพ่อแม่ไป คำถามแต่ละคำของผู้เป็นแม่ มันช่างทิ่มแทงใจของเธอซะเหลือเกิน แต่ละคำที่ฑุดมามันเหมือนกับว่าท่านรู้อะไรอยู่ก่อนแล้ว แต่แค่เอามาสะกิดเธอเล่นเท่านั้น มันเป็นการสะกิดเบาๆแต่ปวดร้าวไปทั้งใจเลยล่ะ ตอนนี้เด็กน้อยทำการบ้านไม่ได้ อ่านคำถามก็แทบจะไม่รู้เรื่อง ในหัวมันตื้อมันตันไปหมด ในเมื่อทำการบ้านก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่มีดี ดานี่ก็เลยกระโดดขึ้นเตียงแล้วปิดไปนอน แต่ตอนนั้นเองที่มันมีเสียงดังมาจากหน้าต่างห้องของเธอ

    ก๊อกก๊อกก๊อก...!!!

    ดานี่หันไปมองตามเสียงเคาะนั่น เธอไม่แน่ว่ามันเป็นเสียงคนมาเคาะกระกระจก หรือว่ามันเป็นแค่เสียงของจิ้งจกที่ชอบมาดีดหางทำเสียงดังกันแน่ เพราะเสียงที่เอได้ยินมันไม่ได้ดังอะไรมากมายเลย เด็กสาวจ้องมองออกไปยังหน้าต่าง ซึ่งมีผ้าม่านลายการ์ตูนน่ารักปิดเอาไว้ ดานี่นอนมองอยู่สักพัก เสียงมันหายไปแล้ว เธอจึงข่มตาหลับอีกครั้ง

    ก็อกก็อกก็อก...!!!

    “ ดานี่...ฉันเองนะ เปิดหน้าต่างให้หน่อย ”

    คราวนี้ชัดแล้วล่ะว่ามันเป็นเสียงของคนหรือว่าจิ้งจก ดานี่รีบดีดตัวลุกขึ้นมาจากเตียง เธอมั่นใจว่าเสียงที่ได้ยินนั้นมันเป็นเสียงของยุนอา ก็วันนี้เขาบอกว่าจะแอบย่องมาขึ้นห้องของเธอ ตอนแรกก็นึกว่าเขาจะพูดเล่นซะอีก ที่ไหนได้ล่ะเขามาหาเธอตามที่พูดเอาไว้จริงๆด้วย

    “ คุณยุนอา คุณมาที่นี่ทำไม แล้วเข้ามาในบ้านของหนูได้ยังไง ทำไมคุณถึงผ่านเจ้ามิกกี้กับเจ้าบุคกี้มาได้ล่ะ ” 

    ดานี่เปิดหน้าต่างให้ยุนอา เพราะเอเห็นแล้วว่าเขาขึ้นมาหาเธอได้ยังไง ก็คงจะเป็นต้นไม้ที่มันถูกปลูกเอาไว้ใกล้ๆห้องของเธอนี่ล่ะมั้ง ที่ยุนอาใช้มันเป็นบันใดปีนขึ้นมา แต่ที่น่าสงสัยกว่าก็คือเขาเข้ามาในเขตรั้วบ้านของเธอได้ยังไง แล้วไอ้เจ้าหมาสองตัวที่ถูกปล่อยเอาไว้ตอนกลางคืนล่ะ มันพากันหายไปไหนหมด ปกติมันจะต้องเดินลาดตระเวนรอบบ้านแล้วนี่นา

    “ เธอหมายถึงเจ้าหมาสองตัวนั่นน่ะเหรอ ตอนนี้มันหลับไปแล้วล่ะ ฉันวางยานอนหลับมันน่ะ อย่าเพิ่งถามอะไรมากเลยนะ ขอเข้าไปข้างในก่อน ข้างนอกมันหนาวมากเลย ฉันจะแข็งตายอยู่แล้ว ” 

    ยุนอายืนเกาะขอบหน้าต่างพรางตัวสั่นหงักๆ เห็นแล้วก็น่าสงสาร ดานี่ก็เลยต้องปล่อยให้เขาเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง พอยุนอาเข้ามาในห้องของดานี่ได้ เขาก็รีบถอดรองเท้าผ้าใบทิ้งไว้ข้างๆผนังห้อง แล้วจากนั้นก็กระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงเล็กๆของเด็กสาวทันที พร้อมกันนั้นเขายังดึงเอาเจ้าของห้องขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยกันอีกต่างหาก ตอนนี้เตียงที่ว่าเล็กนั้น ก็ยิ่งดูเล็กลงไปถนัดตา เมื่อชายหญิงคู่นี้ขึ้นไปนอนกกกอดกัน

    ดานี่ที่ไม่ทันระวังตัวก็เลยต้องถูกอีกคนฉุดตัวเอาไปกอดไว้อีกจนได้ ตั้งแต่ที่รู้จักกับยุนอามา เธอรู้สึกได้ว่าตัวเองจะเปลืองตัวกับเขามากเลยนะ เปลืองตัวมากกว่าตอนที่อยู่กับเจสสิก้าซะอีก แต่เธอก็ไม่เคยที่จะขัดขืนยุนอาได้เลยสักครั้ง ทั้งที่ก็รู้ว่าเขาจะทำให้เธอเสียหายในหลายๆเรื่อง แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อเธอเองก็คิดว่าเขาเป็นสามีของตัวเองไปแล้วนี่นา ดังนั้นการที่เขาจะมีสิทธิ์ในตัวเองบ้าง มันก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกอะไรจริงไหม

    “ คุณยุนอา...คุณเอาเปรียบหนูอีกแล้วนะคะ ”

    “ เอาเปรียบที่ไหนกัน ก็ฉันหนาวนี่นา คนมันหนาวก็ต้องหาอะไรอุ่นๆมากอดสิ แล้วนี่เห็นมั้ย กอดเธอแล้วอุ่นขึ้นมาทันตาเห็นเลย ” 

    ยุนอาไม่กอดเปล่าๆนะ เขายังมีฉวยโอกาสหอมแก้มเนียนๆของดานี่อีกด้วย อุตส่าห์บุกเข้ามาในถ้ำเสือซะขนาดนี้แล้ว จะให้เขามาแค่นอนกอดลูกเสือที่น่ารักอย่างเดียวได้ยังไง มันต้องมีอะไรที่คุ้มค่ากับการมาของเขาบ้างสิ ไม่ใช่ว่าจะมาทำอะไรที่เกินเลยถึงขั้นต้องแก้ผ้าแก้ผ่อนกันหรอกนะ เขาแค่มาแสดงความรักที่มีต่อเด็กสาวคนนี้ ขอกอดขอหอมให้มันชื่นใจสักทีเถอะ ให้สมกับที่เขาทั้งรักและคิดถึงเธอ เพราะว่ารักไงถึงได้เสื่ยงตายเข้ามาหาถึงห้องนอนแบบนี้ ยังไงก็อยากได้รางวัลที่มันคุ้มค่ากับการมาหน่อยล่ะนะ

    “ แต่หนูว่าคุณจะได้อุ่นจนร้อนเลยนะคะ ถ้าคุณพ่อรู้ว่าคุณแอบมาหาหนูแบบนี้น่ะ ”

    “ ไม่รู้หรอก ก็ฉันสังเกตุการณ์มาหมดแล้ว ห้องพ่อกับแม่ของเธอน่ะปิดไฟไปแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะกล้าเข้ามาหาเธอเหรอ ไหนๆก็มาแล้วนะ คืนนี้ขอนอนด้วยคนได้มั้ย นอนที่คอนโดคนเดียวมันทั้งหนาวทั้งเหงาน่ะ ”

    ยุนอามันก็ออดอ้อนขอนอนค้างคืนกับเด็กอีก ก็จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อคนมันรักมันคิดถึงจนหมดใจไปแล้วนี่นา เคยนอนกอดดานี่อยู่ตั้งหลายคืน แล้วอยู่ๆจะให้ห่างหายกันไปเลย มันก็ดูจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างทำได้ยาก แม้ว่าเมื่อก่อนเขาจะนอนที่คอนโดคนเดียวมาตลอด แต่ก็มีบ้างที่เขาออกไปนอนกอดกับสาว นั่นมันก็คลายเหงาได้อยู่หรอก แต่กับดานี่แล้วเขาต้องบอกว่าขาดเธอไม่ได้ ใจมันจะขาดรอนๆเลย

    “ ไม่ได้หรอกค่ะ ทางที่ดีหนูว่าคุณรีบกลับไปซะนะคะ หนูไม่อยากให้คุณต้องมาเสี่ยงแบบนี้เลย ”

    “ เสี่ยงแค่ไหนฉันก็ยอมนะ ขอแค่ให้ได้อยู่กับเธอก็พอแล้ว ”

    ยุนอาป้อนคำหวานมาให้ดานี่ เล่นเอาซะสาวน้อยพูดอะไรไม่ออกเลยล่ะ จะว่าหลงไปกับคารมณ์ของชายคนนี้ก็ว่าได้นะ เขาชอบมอมเมาเธอด้วยว่าจาหวานหูแบบนี้อยู่เรื่อยเลย ดานี่ได้แต่นอนจ้องตาของคู่สนทนา เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับยุนอาอีกแล้ว ในเมื่อเขาออกจะรั้นซะขนาดนี้ ดื้อยิ่งกว่าเพื่อนร่วมห้องของเธอซะอีกนะเนี่ย

    “ ฉันรักเธอนะดานี่ รักจนต้องยอมเสี่ยงตายมาหาเลย แล้วเธอล่ะ...เธอรักฉันบ้างมั้ย ”

    “ หนูก็...รักคุณค่ะ คุณยุนอา ”

    ดานี่บอกรักยุนอาอย่างไม่เต็มปากมากนัก เพราะเธอเองก็ยังอายกับคำพูดของตัวเอง แต่อีกคนกลับยิ้มร่าออกมา เมื่อได้ยินคำว่ารักหลุดออกมาจากปากของเด็กสาว ยุนอาใช้นิ้วเรียวของตัวเองเชิดเอาคางแหลมของสาวน้อยขึ้นมา ดานี่มองสบตาเขาอย่างใคร่รู้ว่ายุนอาจะทำอะไรกับเธอ แล้วสาวน้อยก็ได้เข้าใจแล้วว่าอีกคนต้องการจะทำอะไรกับเธอ

    ใบหน้าหล่อเหลาของชายผู้สูงวัยกว่า ค่อยๆเลื่อนเคลื่นเข้ามาหาใบหน้าเล็กเนียนใสของอีกคน ยุนอาเชิดหน้าของตัวเองขึ้น จากนั้นเขาก็จูบลงไปที่หน้าผากของดานี่ เด็กสาวหลับตาพริ้มเมื่อเขากดจูบลงไปที่หน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา แต่แล้วดานี่ก็ต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อยุนอาเปลี่ยนตำแหน่งการจูบ จากที่เคยจูบตรงหน้าผาก บัดนี้เขาเปลี่ยนมาเป็นจูบที่ปากของดานี่แทนแล้ว  เด็กสาวก็ว่าจะขัดขืนยุนยู่นะ แต่ว่ามันก็ทำไม่ได้สักที นั่นเพราะเขาได้เอาใจของเธอไปแล้วน่ะสิ

    “ ทำไมฉันถึงหลงเธอแบบนี้นะ เธอทำเสน่ห์ใสฉันหรือเปลาเนี่ย ”

    “ เปล่านี่คะ หนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ คุณเป็นของคุณเองต่างหาก ”

    “ งั้นหรอกเหรอ อืม...แบบนี้มันต้องทำให้หายหลงนะ มามะ...มาให้สามีจูบอีกซะดีๆ ”

    ก๊อกก๊อกก๊อก...!!!

    “ ดานี่...หนูคุยอยู่กับใครหรือเปล่าลูก ”

    “ ตายแล้ว...พ่อหนูมา ”

     

    *_*_*_*_*

    *_*_*_*

    *_*_*

    *_*

    *

     

    “ อายูล...วันนี้อยู่กะหนูน๊า หนูกิ๊ดตึ๋ง ”

    ยูบินได้ทีก็ออดอ้อนยูริใหญ่เลย เพราะหนูน้อยไม่ได้เจอกับอาเขยมาตั้งหนึ่งวันแน่ะ พอได้เจอก็ต้องมรอ้อนกันน่ะสินะ หลังจากที่คุณอาคนสวยไปคุยกับแขกผู้แปลกหน้า ยูบินก็เลี่ยงออกมานั่งดูหนังกับอายูลสุดหล่อ เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เด็กจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้ แล้วอีกอย่าง...ยูริอยากให้เจสสิก้าได้ฟังที่ยุนอาพูด มากกว่าที่เขาจะเป็นคนไปพูดเอง เจสสิก้าอาจจะเชื่อยุนอามากกว่าที่เธอจะเชื่อเขาอีกนะ ดังนั้นให้ทั้งคู่ได้คุยกันตามลำพังท่าจะดีกว่า

    “ อาก็อยากจะอยู่ทีนี่กับยูบินนะครับ แต่ว่า...ไม่รู้ใครแถวนี้อยากจะให้อายูลอยู่หรือเปล่า ”

    พอดีว่ายูริเหลือบไปเห็นเจสสิก้าเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น เขาก็เลยแกล้งพูดใส่แบบลอยๆซะเลย แล้วมันก็ได้ผล เมื่อเจสสิก้าเดินผ่านมา เธอก็ต้องชะงักเท้าไม่ก้าวต่อ เมื่อได้ยินสามีพูดกระทบตัวเอง อยากจะพูดอะไรก็น่าจะพูดมาตรงๆเลยนะ ไม่เห็นจะต้องทำเป็นพูดกับหลานให้มันมากระทบเธอเลย ไม่ใจนี่หว่า( ว่าแต่เขาทีตัวเองก็เหมือนกันนั่นแหละ )

    “ อยากจะอยู่ก็อยู่สิ ฉันไม่ใช่เจ้าของบ้าน ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปไล่ใครอยู่แล้วนี่นา ”

    ใจจริงก็อยากจะให้ยูริค้างที่นี่ด้วยกัน แต่ก็ยังทำเป็นเก็กไปงั้นๆแหละ ทำเป็นวางมาดสร้างเกราะขึ้นมากำบังใจของตัวเอง เดี๋ยวอีกฝ่ายจะรู้ว่าเธอน่ะใจอ่อนแล้ว ยังไงมันก็ต้องทำเก็กเก็บอาการเอาไว้ก่อน ขืนปล่อยของออกมาเลยมันจะดูง่ายดายเกินไป ในเมื่อเข้าใจอะไรต่อมิอะไรไปหมดแล้วก็จริงนะ แต่ก็ยังไม่สามารถทิ้งไอ้คำว่าทิฐิที่ยังค้ำคอออกไปได้

    “ งั้น...บ้านหลังนี้ก็มีแต่ยูบินที่เป็นเจ้าของสินะ คืนนี้ให้อายูลค้างที่นี้ได้มั้ยครับ อายูลก็คิดถึงยูบินนะ คิดถึงคนที่อยู่ที่นี่ด้วย แต่จะมีใครคิดถึงอายูลด้วยมั้ยน๊า ”

    ยูริทั้งแกล้งถามยูบิน ทั้งยิ้มให้กับการกระทำของตัวเอง ทำไมเขาจะต้องมาแกล้งถามหลาน ให้มันส่งผ่านไปยังคุณอาคนสวยด้วยก็ไม่รู้ ทั้งที่ก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ อยู่ห่างกันแค่ไม่กี่ก้าว แต่เขากลับไม่ยอมพูดกับเจสสิก้าตรงๆ ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะพูดกับสุดที่รัก หากแต่เธอดันมาทำหน้าตายใส่เขาก่อนทำไมล่ะ แม้จะเป็นผู้ชายก็ตามทีนะ ยังไงมันก็ต้องมีการเล่นตัวกันบ้างสักนิดสักหน่อย แบบว่าอยากจะให้เจสสิก้าง้อเขาดูบ้างน่ะ หลังจากที่เธอถูกเธอยัดเยียดความผิดที่ไม่ได้ก่อให้แล้ว

    “ หนูไง...หนูกิ๊ดตึ๋งอายูลนะ อาเจสก็กิ๊ดตึ๋ง ”

    “ ยูบิน... ”

    เจสสิก้าแทบอยากจะวิ่งไปเอามืออุดปากน้อยๆของลูกหมา ทำไมมันถึงได้เอาอามาขายแบบนี้นะ แค่บอกว่าตัวเองคิดถึงยูริคนเดียวก็น่าจะพอแล้วนี่นา นี่ดันมาเอาเธอเข้าไปเกี่ยวด้วย มันใช้ได้ที่ไหนกัน แม้ว่าคำพูดที่หลุดอกมาจากปากของลูกหมา มันจะเป็นความจริงทุกอย่างทุกประการก็เถอะ แต่ยูบินก็ไม่น่าเอามาพูดให้ไอ้หล่อนี่ฟังเลย ขายหน้าชะมัด

    “ จริงเหรอ...อาเจสก็คิดถึงอายูลเหมือนกันเหรอครับ ”

    ยูริปลายตาไปทางเจสสิก้า แล้วเขาก้แกล้งถามยูบินอีก เพราะรู้สึกว่าเจ้าตัวน้อยจะกำความลับอะไรเอาไว้มากมายอยู่นะ ไม่อย่างนั้นเจสสิก้าจะเป็นเดือดเป็นร้อนด้วยทำไม แบบนี้มันต้องล้วงลับให้ถึงใจกันไปเลย เอาให้มันไม่เหลืออะไรให้เจสสิก้าอีกแล้วน่ะ อยากเห็นคนปากแข็งยอมรับความจริงซะบ้าง

    “ อื้อ...อาเจสกิ๊ดตึ๋งอายูลจนนอนร้องไห้เยย ”

    นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ยูบินทำให้เจสสิก้าหน้าแตก หนูน้อยไม่ได้ทำอะไรผิดไปหรอก หากแต่มันเอาสิ่งที่เจสสิก้าไม่คิดว่าจะพูดออกมาพูดน่ะสิ คราวนี้มันเล่นเอาซะอาสาวต้องเดินหนีไปพร้อมกับความอายกันเลยทีเดียว ยูบินนะยูบินไอ้ลูกหมาช่างจ้อเอ๊ย เอ่ยปากออกมาทีเล่นเอาซะไม่กล้าอยู่สู้หน้ายูริเลย ไม่น่าจะไปสนิทสนมกับเด็กเลยนะเนี่ย เป็นไงล่ะสุดท้ายเด็กมันก็มาเผาเราซะงั้นแหละ

    “ จริงเหรอยูบิน อาเจสนอนร้องไห้คิดถึงอายูลด้วย คิดถึงเค้าก็ทำปากแข็งนะ ”

    ยูริพูดไล่หลังเจสสิก้าไป เขาแอบยิ้มให้กับคนที่อายม้วนจนต้องเดินหนี เวลาที่เจสสิก้าอายนี่มันน่ารักเป็นบ้าเลย เคยเห็นไหมคนขี้เก็กมากๆอายน่ะ แบบว่าเธอทำหน้าไม่ถูกจริงๆนะ จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม จะโกรธก็ไม่โกรธ เห็นแล้วอยากจะวิ่งเข้าไปกระชากเอวบางๆนั่น แล้วก็แจกจูบให้สักจ๊วบสองจ๊วบซะจริงๆ

    “ อาเจสเดินหนีเราไปแล้ว ตามไปดีมั้ย ”

    “ ดีจ้า ตามอาเจสไปนะ ไปหาหม่าม๊าเจสกันนะป๊ะป๋า ”

    “ น่ารักมากลูกพ่อ งั้นเราไปหาแม่กันนะ ”

    พอตกลงเป็นพ่อลูกกันได้แล้ว ยูริก็อุ้มยูบินขึ้นบ้านไป เขาพาลูกหมาเดินเข้าไปในห้องที่เจสสิก้าอยู่ ดูเหมือนเจสสิก้าจะรู้อยู่ก่นแล้ว ว่าเขาจะตามเธอเข้ามาในห้อง เธอถึงไม่ได้ล็อคประตูเลย แบบนี้เข้าเรียกว่าปากไม่ตรงกับใจนะ แบบว่าทำเป็นแยแสอะไรใคร แต่ที่ไหนได้ล่ะก็มีห่วงเค้าอยู่เหมือนกันล่ะสิ วางเข้าไปมาดน่ะ เอาออกมาวางเยอะๆเลยนะ เพราะยังไงซะมันก็แทบจะไม่มีเหลือยู่แล้วแหละ

    “ เข้ามาทำไม ”

    เจสสิก้าทำเป็นหน้าบึ้งตึงใส่ยูริ ทั้งที่ตัวเองก็ดีใจจนจะเก็บอาการไม่อยู่ด้วยซ้ำไป อยากจะบอกว่าดีใจที่เขาตามเธอมา ดีใจที่เขาไม่ได้ไปจากบ้านหลังนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็อายเขาอยู่เหมือนกัน อายกับความจริงที่ตัวเองพยายามปกปิดมัน อายกับความรักความห่วงหาที่เธอมีต่อชายผู้นี้ อายที่จะบอกว่าคิดถึงยูรินั่นแหละ

    “ ก็เข้ามาหาเมียน่ะสิครับ เรามาหาแม่ใช่มั้ยยูบิน ”

    “ จ้า...หนูมาหาหม่าม๊านะ ”

    พอยูริวางยูบินลงกับพื้น ลูกหมามันก็ช่างรู้หน้าที่ของตัวเองดีแท้ พอเท้าแตะถึงพื้นได้เท่านั้นแหละ ยูบินมันก็ก้าวขาสั้นๆไปหาคนที่นั่งทำหน้าตาย ซึ่งนั่งนิ่งทำเป็นไม่สนใจใครอยู่บนเตียง ยูบินไปยืนเกาะขาของเจสสิก้า แล้วจากนั้นก็เริ่มทำการส่งสายตาเป็นประกายออกมาออดอ้อน เพื่อให้เจสสิก้าหลงรักตัวเอง

    ส่วนคุณอาคนสวยก็ปลายตามองหลานน้อยอยู่สักพัก ก่อนที่เธอจะถอนหายใจหนักๆ แล้วก็ก้มลงไปดึงเอาตัวของยูบินขึ้นมานั่งตักอย่างเอ็นดู พร้อมกันนั้นเธอก็เอาจมูกโด่งของตัวเองลงไปกดที่แก้มป่องๆของลูกหมาที่น่ารัก จะบอกว่ายังไงดีล่ะ บางทีก็อยากจะฆ่ายูบินเหมือนกันนะ ที่ชอบทำอะไรให้คนอื่นเค้าวุ่นวาย แต่อีกใจก็เริ่มจะหลงรักเด็กแก่แดดคนนี้เข้าเต็มเปาซะแล้วสิ

    “ หือ...เรียกอาว่าหม่าม๊า แล้วป๊ะป๋าของหนูล่ะอยู่ไหน ”

    “ นั่นไง...ป๊ะป๋าก๋องหนู ”

    ยูบินชี้นิ้วไปที่ยูริ ซึ่งตอนนี้เขาได้เดินเข้ามานั่งอยู่ข้างๆเจสสิก้าแล้ว ยูริทิ้งตัวลงไปนั่งเบียดกระแซะกับเจสสิก้า แต่ว่าคนมันจะเล่นตัวน่ะ ก็เลยขยับหนีอีกคน ยูริก็ขยับตามอีกน่ะสิ พอยูริขยับตามมาเจสสิก้าก็จะขยับหนีอีก แต่คราวนี้เธอหนีเขาไปไม่พ้น เพราะยูริรั้งเอวคอดของเธอเข้ามากอดเอาไว้แล้วน่ะสิ ให้มันรู้กันไปว่าจะหนีได้น่ะ

    “ นี่...นายจะมากอดฉันทำไมล่ะ ปล่อยได้แล้วมันอึดอัด ”

    “ อึดอัดตรงไหนกันครับ พี่ยังไม่เห็นอึดอัดเลยนะ ยูบินอึดอัดมั้ย ”

    ยิ่งอีกฝ่ายบอกว่าอึดอัด ยูริก็ยิ่งกอดกระชับร่างบางนั่นเอาไว้แน่นกว่าดิม ก็คนมันรักมันคิดถึงนี่นา กอดนิดกอดหน่อยจะเป็นไรไปล่ะ ใช่ว่าไม่เคยกอดกันมากอ่นงั้นแหละ มากกว่ากอดก็ทำมานักต่อนักแล้วใช่เหรอ กอดแค่นี้มันไม่ได้อึดอัดอะไรนักหนาหรอก ทีทำอะไรที่มันน่าอึดอัดกว่านี้ยังไม่เห็นเคยบ่นเลยนจ๊ะคนสวย

    “ หึ...ไม่อึดอัดเยย กอดกันอีกนะ ”

    พอยูบินสั่งให้กอดกันอีก ยูริก็ยิ่งกอดเจสสิก้าแน่นเข้าไปอีก ทำเอาคุณอาคนสวยต้องจำใจปล่อยให้สามีกับหลานเล่นงานตัวเองต่อ ไม่รู้ว่าไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้นะ สองคนนี้ถึงได้มาตามจองเวรจองกรรมกับเธออยู่เรื่อยเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบเวรกรรมที่น่ารักแบบนี้นะ ชอบสิ...แบบนี้แหละที่ชอบที่สุดเลย แต่ต้องทำเก็กเอาไว้ เดี๋ยวคนอื่นจะรู้ว่าตัวเองน่ะชอบ

    “ ปล่อยเถอะนะยูริ ฉันอึดอัดแล้ว ”

    “ พี่จะปล่อยก็ได้นะครับ แต่ว่า...น้องเจสต้องบอกพี่ก่อน ว่าน้องเจสเข้าใจพี่ถูกต้องแล้ว ไม่คิดว่าพี่เป็นคนวางแผนร้ายๆนั่นแล้ว พี่ไม่ได้ทำจริงๆนะ แต่ว่าน้องเจสเข้าใจผิดไปเองอ่ะ ”

    เจสสิก้ามองหน้าของยูริอยู่ครู่ใหญ่ๆ ก่อนที่เธอจะถอนหายใจอย่างทำสามาธิ จากนั้นดวงตาคู่สวยก็สบประสานกับดวงตาคม ที่เหมือนมีมนต์เส่หาซ่อนอยู่ข้างใน เจสสิก้าจ้องตาของสามีอย่างมาดมั่น พร้อมกันนั้นหัวใจของเธอมันก็เต้นกระส่ำเอาแบบที่ว่าจับจังหวะกันไม่ได้ ริมฝีปากบางที่ฉาบไปด้วยลิปสติกสีจางเผยอออกจากกันเล็กน้อย เพื่อให้เสียงของเธอได้ลอดออกมา

    “ รู้แล้ว ฉันรู้แล้วว่านายไม่ได้ทำ ฉัน...ขอโทษนะ ”

    “ อะไรนะ พี่ฟังไม่ชัดเลยอ่ะ พูดใหม่ได้มั้ยครับ ”

    ยูริทำเป็นไม่ได้ยินที่เจสสิก้าพูด เขาเอียงหน้าให้อีกคน เพื่อที่จะฟังให้มันชัดๆ ว่าเมื่อครู่นี้เจสสิก้าพูดอะไรออกมา ทั้งที่ก็ได้ยินมันทุกคำนั่นแหละ แต่ก็อยากจะแกล้งคนเล่นเฉยๆน่ะ แบบว่าเห็นเจสสิก้าหงุดหงิดหรือเขินอาย เห็นแล้วมันดูน่ารักน่าชังดีอ่ะ แบบว่านานๆทีถึงจะเห็นคนขี้เก็กกล่าวคำขอโทษคนอื่นก่อน

    “ ขอโทษ ”

    “ ขอโทษแบบนี้ไม่ต้องก็ได้มั้ง มีอย่างที่ไหนมาบอกว่าขอโทษแต่ทำหน้าเหมือนคนเบื่อโลกอย่างนั้นแหละ ”

    เจสสิก้าอยากจะยกกำปั้นขึ้นมากำเอาไว้ แล้วกระแทกเข้าไปที่ปากของไอ้หล่อนี่จริงๆเลยนะ แบว่าขอโทษแล้วไง แล้วมันยังจะเอาอะไรอีกเนี่ย ทำไมล่ะก็บอกขอโทษแล้วทำหน้านิ่ง มันไม่สื่อถึงความจริงใจเลยหรือไง เข้าใจมั้ยว่าคนมันยังทำใจยอมให้ใครไม่ได้อ่ะ เอาแต่ใจชะมัดเลยนะไอ้หื่นที่รัก

    “ เรื่องมากจริง ขอโทษค่ะ ”

    “ ขอโทษอะไรครับ ”

    “ ขอโทษที่เข้าใจนายผิดไปน่ะ หายงอนกันนะ ”

    เจสสิก้าชูนิ้วก้อยของตนขึ้นมา เพื่อหวังว่าสามีจะทำเหมือนกันกับเธอ ยูริมองใบหน้าที่เสไปทางอื่นของเจสสิก้าแล้วเขาก็มองมายังนิ้วก้อยน้อยๆของเธอ ก่อนที่จะเอานิ้วก้อยของตัวเองไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยของเจสสิก้า แถมยังมีนิ้วก้อยของยูบินมาเกี่ยวด้วยอีกต่างหาก ยูริกับยูรินมองหน้ากันอย่างมีแผน จากนั้นจมูกโด่งของยูริก็กดลงไปหอมเอาแก้มนุ่มๆของเจสสิก้า แบบที่ว่าเธอไม่ได้รู้ตัวมาก่อนด้วย

    “ ยูริ...ทำอะไรอายหลายมันบ้างสิ ”

    “ อายทำไมล่ะครับ มากกว่านี้ยูบินก็เคยเห็นแล้วนี่นา ใช่มั้ยลูกหมา ”

    “ เยสเช่อ ”

     

    *_*_*_*_*

    *_*_*_*

    *_*_*

    *_*

    *

     

    Talk…............

     

    ตอนนี้น่ารักกันดีมั้ยล่ะจ๊ะ แบบว่าเค้ากำลังมีความสุขอยู่น่ะ ก็เลยจัดอะไรที่มันยังไม่อืดมาให้ ตอนนี้คุณครูแอบไปหาเด็กแล้ว มีวางยานอนหลับให้หมาด้วย แต่ไม่ได้วางให้พ่อกับแม่เด็ก แล้วมันจะเป็นยังไงต่อไปนะ จะรุ่งหรือจะร่วงก็ไม่รู้นะเคอะ เห็นหลายคนบ่นหาน้องซอ เดี่ยวจะพาออกมาให้นะคะ แต่ว่ามันต้องรอก่อนนะ ให้ทะเลมันสงบมากๆก่อน แล้วพายุลูกใหญ่มันจะตามมา ตอนหน้าไม่แน่ใจว่าจะแดงหรือไม่แดงนะคะ แล้วแต่ดินฟ้าอากาศค่ะ สุดท้ายก็จะบอกว่า....เค้ารักทุกคนนะตัวเธอ รักนะคะจุฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
     
     
     
     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×