ตอนที่ 7 : ตอนที่ 2 แฟนมารับ [3]
ตอนที่ 2 แฟนมารับ
ร่างสูงใหญ่กอดอกไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์พลางมองไปยังประตูอย่างจดจ่อ ปลายนิ้วเคาะลำแขนแข็งแกร่งของตัวเองอย่างรอคอย ทว่าไม่นานเกินรอประตูบานนั้นก็ถูกผลักเข้ามาพร้อมกับร่างของใครบางคน ทำให้พันเดชกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างอารมณ์ดี
“เข้ามาสิ”
เสียงเข้มส่งเสียงเรียกเมื่อเห็นสาวเสิร์ฟคนสวยประจำผับยืนนิ่งอยู่หน้าประตูไม่ยอมก้าวเท้าเข้ามา
“คุณ!”
นาราลักษณ์หันไปทางต้นเสียงก่อนจะอุทานอย่างตกใจ เธอจำเขาได้เพราะเมื่อช่วงบ่ายเพิ่งเจอกับเขาที่หน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เขาคือคนที่รับใบปลิวจากเธอเป็นคนสุดท้าย
‘ว่าแต่เขามาทำอะไรที่นี่’
หญิงสาวตั้งคำถามในใจก่อนจะกวาดสายตามองไปทั่วเลานจ์ เมื่อไม่พบใครนอกจากชายหนุ่มมาดเซอร์คนนี้ พลันดวงตาคู่สวยก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ
“คะ...คุณพันเดช”
“หึ รู้จักฉันด้วยหรือ”
พันเดชแกล้งถามไปอย่างนั้น ก็เขาจงใจทำให้เธอรู้ หากนาราลักษณ์ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใครอีก ชายหนุ่มจะสั่งให้เธอไปค้นประวัติในอินเตอร์เน็ตแล้วคัดเป็นบทความมาส่งเสียให้เข็ด
“ขอโทษที่เสียมารยาทเมื่อตอนกลางวันนะคะ”
เมื่อเริ่มเข้าใจเหตุผลที่ทำให้เขาทักเธอแปลกๆ เมื่อตอนกลางวันนาราลักษณ์ก็รีบขอลุแก่โทษทันที รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ กับคำถามเมื่อสักครู่ของชายหนุ่มชอบกล เพราะมันเหมือนเขาจงใจตำหนิเธอทางอ้อมว่าหญิงสาวไม่ใส่ใจศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับที่ทำงานของตัวเอง ทั้งที่ชื่อและรูปร่างหน้าตาของคนเป็นเจ้านายเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
“เข้ามาสักที มาชงเหล้าให้ฉันดื่มหน่อย”
“ค่ะ”
หญิงสาวค้อมศีรษะอย่างข่มใจ ทำงานบริการ ความสามารถพื้นฐานเช่นการชงเหล้าเป็นสิ่งจำเป็นที่นาราลักษณ์ต้องเรียนรู้และทำให้ได้ แม้หญิงสาวจะไม่ค่อยชอบเท่าไรก็ตาม
แต่เพื่อเงิน หญิงสาวคิดเท่านั้น
ร่างบอบบางปิดประตูลงเบาๆ แล้วก้าวเข้าไปหาคนที่นั่งกอดอกไขว่ห้างอยู่บนโซฟาบุหนังสีน้ำตาลเข้มอย่างนอบน้อม แต่ขณะเดินเข้าไปก็อดเหลือบสายตาไปมองภาพเบื้องล่างอย่างทึ่งๆ ไม่ได้
เพิ่งเคยเห็นเลานจ์ส่วนตัวของเจ้านายหนุ่มกับตาเป็นครั้งแรก ปกติเคยแต่มองจากด้านล่างซึ่งเป็นกระจกเงาสะท้อนทั้งหมด จึงไม่ทราบมาก่อนว่ามันสามารถมองเห็นแทบทุกซอกทุกมุมของผับได้อย่างนี้
“นั่งลงสิ จะยืนค้ำหัวฉันหรือไง”
‘แม่เลี้ยงด้วยรังแตนหรือไงเนี่ย ดุจริง’
แน่นอนว่าเธอทำได้เพียงคิดในใจ เพราะหากเผลอหลุดปากออกไปอย่างที่คิดคงไม่แคล้วถูกไล่ออกจากงานเป็นแน่
“ขออนุญาตค่ะ”
“เอาสักที”
“คะ?”
“หมายถึงชงเหล้าน่ะ ชงสักที รออยู่”
“รบกวนรอสักครู่นะคะ”
เสียงหวานบอกอย่างใจเย็นก่อนจะหยิบแก้วขึ้นมาหนึ่งใบแล้วคีบน้ำแข็งใส่ทีละก้อนจนเต็ม จากนั้นก็รินเหล้าผ่านน้ำแข็งอย่างชำนาญโดยไม่สนใจสายตาคู่คมที่กำลังมองเธอไม่วางตาเลยสักนิด
พันเดชประเมินท่าทีของหญิงสาวสักพักก็ฟันธงด้วยความมั่นใจ เด็กคนนี้คงไม่เรียบร้อยอย่างที่เห็นเป็นแน่ เพราะเธอดูไม่มีความเคอะเขินต่อสายตาของเขาเลยสักนิด ทั้งที่ปกติหากเป็นผู้หญิงคนอื่นป่านนี้คงประหม่าจนทำเหล้าหกไปเรียบร้อยแล้ว
หากเขาคิดผิดก็คงมีอยู่อย่างเดียวเท่านั้น คือผู้หญิงคนนี้เป็นพวกตายด้าน ซึ่งเจ้าของผับหนุ่มมั่นใจเหลือเกินว่าไม่มีทางเป็นอย่างนั้นไปได้
เมื่อมีโอกาสได้อยู่ตามลำพังกับสตรีที่ใครต่อใครต่างพากันยอมแพ้ในความยากของเธอ พลันความคิดอยากพิสูจน์ปนอยากเอาชนะก็ผุดพรายขึ้น
“ได้ยินว่าทำลูกค้าฉันทะเลาะกันแทบทุกคืนเลยนี่ ใช่ไหม?”
เพียงแค่ถูกเจ้าของผับสะกิดเรื่องที่แอบกังวลอยู่ลึกๆ ก็ทำเอานาราลักษณ์ตกใจจนเผลอทำเหล้าหกจนได้ ทั้งที่ตั้งสมาธิมั่นกับมันแล้วแท้ๆ
“ขะ...ขอโทษค่ะ” หญิงสาวกล่าวก่อนจะหันไปหยิบกระดาษทิชชูมาซับน้ำเมาที่เธอทำหกแล้วรินต่อจนได้ปริมาณที่พอเหมาะ
“เห็นผู้จัดการบอกว่ามีคนเสนอเงินให้ด้วยไม่ใช่หรือ”
ไม่รู้ว่าคนถามกำลังมีจุดประสงค์ใด แต่นาราลักษณ์สังหรณ์ใจว่าเจตนาของเขาคงไม่ใคร่จะดีเท่าไร จึงชะงักมือที่กำลังชงเครื่องดื่มไปเล็กน้อย ก่อนจะข่มใจตอบอย่างใจเย็นและพยายามตัดบทสนทนาในเรื่องที่ชวนอึดอัดให้จบลงโดยเร็ว
“ค่ะ แต่ดิฉันไม่สนใจ”
“ทำไม?...มันน้อยไปหรือ”
ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมองคนถามอย่างไม่พอใจ ยิ่งได้เห็นสายตาท้าทายและรอยยิ้มที่ไม่รู้ความหมายจากเจ้าของผับหนุ่ม ยิ่งทำให้นาราลักษณ์โกรธจนต้องสวนกลับไปบ้างอย่างอดไม่ได้
“ไม่น้อยหรอกค่ะ แต่ไม่เคยคิดจะรวยทางนั้น”
คำตอบที่ไม่มีแววล้อเล่นของหญิงสาวทำให้คนตั้งคำถามเลิกคิ้วขึ้นอย่างสนใจ ก่อนจะถามต่อ
“สักสิบล้านก็ไม่สนหรือ?”
“ร้อยล้านหรือพันล้านก็ไม่มีวันทำแบบนั้นหรอกค่ะ...เสร็จแล้วค่ะ”
ตอบเสร็จก็ตัดบทโดยการเลื่อนแก้วเหล้าไปตรงหน้าเขา รู้สึกไม่ชอบเจ้านายคนนี้ขึ้นมาครามครัน ทั้งน้ำเสียงและแววตาของเขาที่มองเธอ มันชวนให้คนถูกมองรู้สึกเหมือนโดนหมิ่นเกียรติอยู่เนืองๆ
นาราลักษณ์ไม่เข้าใจสักนิด เพียงเพราะเธอจนและทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟหรือ ใครๆ ถึงได้พากันมาเสนอราคาให้เธอเป็นว่าเล่น หน้าตาเธอดูเป็นคนหิวเงินขนาดนั้นเชียวหรือ
จริงอยู่ว่าเธอต้องการเงินไปจุนเจือแม่และน้อง แต่หญิงสาวแน่ใจว่าความคิดที่จะขายตัวแลกกับเศษเงินของพวกเศรษฐีไม่เคยมีอยู่ในหัวของเธอแม้แต่เสี้ยวเดียว ต่อให้ยากจนข้นแค้นหญิงสาวก็จะยอมทนลำบากเพื่อพาชีวิตตัวเองและครอบครัวรอดพ้นไปให้ได้
“หึ...ก็เผื่อเดือดร้อน ถ้าเกิดเปลี่ยนใจ ใส่ชุดนักศึกษามาหาฉันได้”
“คุณ!”
หมดแล้วความอดทนและความเคารพตามหน้าที่ นาราลักษณ์มองคนพูดตาขุ่น กำมือแน่นด้วยความกรุ่นโกรธที่โดนดูถูกซึ่งๆ หน้า ทว่าคนพูดกลับไม่รู้สึกรู้สากับความคิดต่ำช้าของตัวเองสักนิด
พันเดชมองเธอยิ้มๆ แล้วยกแก้วเหล้าที่หญิงสาวเป็นคนชงให้ขึ้นดื่มอย่างไม่สะทกสะท้าน พลางสายตาคมก็มองหน้าเธออย่างไม่วางตา ทำเอาคนถูกมองหน้าร้อนผ่าวอย่างช่วยไม่ได้
ทั้งที่เธอไม่ใช่ของเหลวที่อยู่ในแก้ว แต่เหตุใดจึงรู้สึกเหมือนกำลังถูกดื่มกินผ่านสายตาของเขาเช่นนี้ก็ไม่รู้
“อร่อยดี ไว้วันหลังจะเรียกขึ้นมาอีก” เขาพูดเนิบๆ พลางยกมุมปากขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นเต็มความสูง
นาราลักษณ์ไม่ตอบ ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่นอย่างสะกดกลั้นความโกรธ แต่ก่อนร่างสูงจะผละไปก็ไม่วายออกคำสั่งอย่างเผด็จการ
“ฉันต้องไปทำงานแล้ว คืนนี้เธออยู่เฝ้าเลานจ์ไปก็แล้วกัน” เขาว่า “อ้อ...แล้วก็รออยู่ในนี้ก่อนล่ะ เสร็จงานฉันจะไปส่ง”
“ส่งอะไรคะ?” หญิงสาวถามอย่างไม่แน่ใจ
“ก็ส่งเธอกลับบ้านไง หรือจะนอนค้างกับฉันที่นี่ก็ไม่ติดนะ…เตียงคิงไซซ์”
“นี่คุณ! ฉันไม่ตอบโต้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้คุณพูดจาแบบนี้ใส่ได้โดยไม่เกรงใจกันนะคะ”
หญิงสาวตอบโต้อย่างเหลืออด แต่ยิ่งเธอแสดงความกรุ่นโกรธกลับยิ่งทำให้พันเดชอารมณ์ดีขึ้นอย่างประหลาด
ชายหนุ่มไหวไหล่ยิ้มๆ
“หึๆ โทษที เห็นเงียบก็นึกว่าคิดเหมือนกัน”
“กรุณาอย่าคิดไปเองค่ะ”
“โอเค๊” เขาพูดยิ้มๆ แล้วเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี ต่างจากนาราลักษณ์ที่มองตามร่างสูงตาขุ่น
“กวนประสาท! ใครยอมให้ไปส่งก็บ้าเต็มทนแล้ว”
หญิงสาวเขม่นเข่นเขี้ยวด้วยความโมโห เดิมทีเธอเป็นคนมีสัมมาคารวะพอควรทีเดียว โดยเฉพาะกับเจ้านายและคนที่อายุมากกว่า เพราะนาราลักษณ์ถูกสอนมาให้มีมารยาทและเคารพผู้ใหญ่
แต่คนที่โตแต่ตัวอย่างพันเดชหญิงสาวหมดความนับถือตั้งแต่ที่เขาบอกให้เธอใส่ชุดนักศึกษามาหาเขาแล้ว
‘คิดได้ยังไง’
นาราลักษณ์ส่ายหน้า ขนาดยังไม่ทันแก่ก็ตัณหากลับเสียแล้ว ไม่อยากจะคิดเลย หากเขาแก่ตัวไปกว่านี้จะเป็นภัยสังคมแค่ไหน
“เฮ้อ...สงสัยคงต้องเริ่มหางานใหม่จริงๆ แล้วสิเนี่ย”
มือเล็กยกขึ้นคลึงขมับ เสียดายงานที่นี่ก็เสียดาย แต่หากต้องเสี่ยงกับคนบ้าตัณหาและช่างดูถูกอย่างพันเดช นาราลักษณ์ยอมเปลี่ยนงานยังจะดีกว่า
**********************
มือหนาจรดปลายปากกาลงบนเอกสารหลังอ่านมันอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา เมื่อเข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลขหนึ่งเขาก็วางงานลงทุกอย่าง ก่อนจะยกยิ้มขึ้นอย่างอารมณ์ดีแล้วเดินออกจากห้องทำงานไปอย่างรวดเร็ว
ทว่าทันทีที่ผลักประตูเข้าไปก็พบว่าภายในเลานจ์ส่วนตัวเต็มไปด้วยความว่างเปล่า หัวคิ้วของพันเดชขมวดเข้าหากันทันที ก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงและต่อสายถึงผู้จัดการหนุ่มใหญ่
“ครับคุณเดช”
“เด็กเสิร์ฟคนนั้นอยู่ข้างล่างหรือเปล่า”
“หมายถึงนาวหรือครับ”
“ก็มีคนเดียวนั่นละ”
เสียงที่บ่งบอกถึงอารมณ์หงุดหงิดทำเอาชัชนันท์ออกอาการเลิ่กลั่ก เพราะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเจ้านายหนุ่มกับลูกน้องสาว
“เอ่อ...นาวกลับบ้านไปแล้วครับ เพิ่งเดินออกไปเมื่อกี้นี้เอง”
“กี่นาที”
“ครับ?” ชัชนันท์ย้ำถามอย่างงงๆ
“เมื่อกี้ของคุณมันประมาณกี่นาที” คนเป็นนายขยายความเสียงหงุดหงิด
“ยังไม่ถึงนาทีครับคุณเดช น่าจะกำลังเดินลงบันไดครับ”
“ให้คนไปเรียกไว้ บอกให้รออยู่หน้าผับ ผมกำลังลงไป”
“คะ...ครับๆ”
ชัชนันท์รับคำอย่างงุนงงก่อนจะรีบหันไปไหว้วานลูกน้องที่กำลังเคลียร์ของบนโต๊ะให้วิ่งไปเรียกนาราลักษณ์ตามคำสั่งของผู้เป็นนาย
ด้านคนสั่งเมื่อรู้ว่ามีคนแอบหนีกลับก่อนก็รีบสาวเท้าไปที่ลิฟต์ทันที โชคดีที่เขาทำช่องทางพิเศษนี้เอาไว้ ไม่เช่นนั้นคงต้องเสียเวลาเดินลงบันไดอีกหลายนาทีเป็นแน่
เมื่อประตูลิฟต์ส่วนตัวเปิดออก ร่างสูงใหญ่ก็สาวเท้าไปที่รถซึ่งจอดอยู่ด้านหลังผับด้วยอากัปกิริยาที่เรียกได้ว่ารีบร้อน หากเจ้าตัวไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำเพราะใจจดจ่ออยู่ที่ปลายทางแล้ว
ทว่าพอขับรถไปจอดที่หน้าผับ พันเดชกลับต้องนั่งนิ่งอยู่หน้าพวงมาลัยรถเป็นหลายนาที เนื่องจากคนที่เขาขันอาสาไปส่งถึงบ้านกระโดดซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ชายคนหนึ่งด้วยท่าทางสนิทสนม
ชายหนุ่มคนดังกล่าวคว้าหมวกกันน็อกหน้ารถมาสวมให้เธอพลางบ่นอะไรสักอย่าง ทว่าสีหน้าและแววตากลับเต็มไปด้วยความเอ็นดูจนพันเดชต้องขมวดหัวคิ้วอย่างหงุดหงิด
“เฮอะ! ที่แท้ก็แฟนมารับ”
สายตาคมจ้องรถคันดังกล่าวที่ขี่ออกไปจากผับของตนเขม็ง ก่อนจะขยับเกียร์แล้วเหยียบคันเร่งออกสู่ถนนใหญ่บ้าง
ได้คำตอบแล้วละ
เหตุผลที่นาราลักษณ์ปฏิเสธเงินหลายล้านที่ลูกค้าของเขารวมถึงตัวชายหนุ่มเสนอให้อย่างไร้เยื่อใย นั่นคงเป็นเพราะเธอมีคนรักแล้ว และน่าจะรักหมอนั่นไม่น้อย
“แต่จะไม่ไปก็น่าจะปฏิเสธตรงๆ นี่อะไรวะ! ปล่อยให้เข้าใจว่าจะให้ไปส่ง สุดท้ายนั่งรถไปกับแฟนเฉย!”
เสียงสบถดังอยู่ภายในรถและมีเพียงเจ้าตัวนั่นละที่ได้ยินเสียงตัวเองแล้วก็พาลหงุดหงิดฟาดงวงฟาดงาอยู่เพียงลำพัง
**********************
55555555555
โถชีวิต หล่อรวยแต่ก็ยังถูกสาวเมินอยู่ดีนะคะเสี่ย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

467 ความคิดเห็น
-
#448 MALiTTLE BOSS (จากตอนที่ 7)วันที่ 31 มกราคม 2564 / 16:23คุณคะ ตลกไม่ไหว เห็นแววคนคลั่งรัก#4480
-
#101 150221 (จากตอนที่ 7)วันที่ 27 กันยายน 2563 / 18:53ลำบากเกินไปค่ะ สงสารไม่ได้พักเลย#1010