ตอนที่ 20 : ตอนที่ 7 ล่อลวงเด็ก [1]
ตอนที่ 7 ล่อลวงเด็ก
นาราลักษณ์คิดเรื่องที่ได้รับรู้มาจากน้องชายตลอดทั้งคืน เงินสองแสนไม่ใช่น้อยๆ แน่นอนว่าเวลาสามวันมันไม่เพียงพอให้เธอหาเงินจำนวนนั้นมาคืนเจ้าหนี้ได้ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวจะอยู่เผชิญหน้าและปกป้องแม่และน้องของเธออย่างสุดความสามารถ
ร่างบอบบางลงจากรถบัสในตอนเช้า ก่อนจะนั่งรถสองแถวต่อเข้าหมู่บ้าน และเดินจากกลางหมู่บ้านไปยังบ้านหลังเล็กที่อาศัยมาตั้งแต่เกิด
“พี่นาว”
เสียงใสของน้องชายตะโกนขึ้นอย่างดีใจ ก่อนที่เด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีจะวิ่งเข้ามากอดพี่สาวด้วยความคิดถึง
“นนท์คิดถึงพี่นาวครับ”
“พี่ก็คิดถึงเรา...แล้วแม่ล่ะ”
“แม่อยู่ในบ้านครับ” ว่าแล้วคนเป็นน้องก็รีบรับกระเป๋าเป้ของพี่สาวมาถือแล้วจูงมือพาร่างบางเข้าไปในบ้าน
นาราลักษณ์หยุดชะงักอยู่หน้าประตูเมื่อเห็นมารดานั่งเย็บผ้าด้วยสีหน้าอิดโรย โดยที่มีผ้าก๊อซปิดแผลสีขาวแปะอยู่เหนือคิ้วด้านซ้าย
ด้านคนเป็นแม่เมื่อรู้สึกเหมือนมีคนเดินเข้ามาในบ้านจึงหยุดกิจกรรมในมือลงชั่วครู่แล้วเงยหน้าขึ้นดู ก่อนจะตกใจจนแทบช็อกเมื่อเห็นลูกสาวปรากฏตัวโดยไม่บอกกล่าวให้รู้ล่วงหน้า
“นะ...นาว กลับมาทำไมลูก วันนี้วันธรรมดาไม่ใช่หรือ”
เอ่ยถามพร้อมกับลุกเดินไปหา หากบุตรสาวกลับโผเข้ากอดมารดาแทนทุกคำตอบ
“นาวกลับมาอยู่กับแม่และน้องค่ะ”
หญิงสาวบอกเสียงสั่นเครือ พยายามจะควบคุมแล้วแต่มันก็ยากเหลือเกิน ยิ่งเห็นสภาพของมารดายิ่งทำให้นาราลักษณ์เป็นทุกข์ใจ ร่างบางกอดผู้ให้กำเนิดแน่นราวกับจะขอกำลังใจจากท่านในวันที่เธอเหนื่อยล้า
นารีรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของลูกสาว ดวงตาของคนเป็นแม่จึงเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตา นนท์เห็นแม่และพี่สาวกอดกันแน่นจึงเดินเข้ามาโอบกอดทั้งสองคนด้วย
สามคนแม่ลูกสะอื้นฮักโดยไม่มีใครพูดอะไรอยู่พักใหญ่ ก่อนที่นาราลักษณ์จะพยายามตั้งสติและพามารดากับน้องชายไปนั่งคุยกันที่โซฟาและสอบถามความเป็นมาว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
นารีหันไปมองลูกคนเล็กอย่างตำหนิเมื่อถูกลูกสาวคนโตเอ่ยถามถึงเรื่องหนี้สินที่เธอปกปิดมาโดยตลอด เพราะนาราลักษณ์อยู่กรุงเพพฯ ไม่มีทางรู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายในบ้านหากนนท์ไม่เป็นคนโทร.ไปบอก
“อย่าว่าน้องเลยค่ะ ถ้าน้องไม่บอกนาวคงไม่รู้ว่าแม่กับน้องลำบากกันขนาดไหน” นาราลักษณ์เอ่ยขอเมื่อเห็นสายตาของมารดาที่มองไปยังน้องชาย
แววตาของนารีเศร้าลงเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าตัวจะถอนหายใจอย่างยอมรับ เพราะเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วคงไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องปิดบังกันอีก
“แม่ขอโทษที่ปิดบังนาวมาตลอดนะ แต่แม่ไม่อยากเอาเรื่องเครียดไปใส่หัวนาวอีก เพราะลำพังที่นาวต้องทำงานหาเงินคนเดียวมาตลอดมันก็หนักหนาแล้ว...”
“แม่...นาวบอกแล้วไงคะว่านาวโอเค นาวไม่ได้ลำบากอะไร” หญิงสาวพยายามปฏิเสธเพราะไม่อยากให้มารดาเป็นห่วง หากนารีรู้ดีว่าลูกสาวของเธอต้องลำบากสายตัวแทบขาด
“อย่าโกหกเลยลูก แม่รู้ว่านาวก็เหนื่อย”
สายตาของผู้เป็นแม่มองลูกสาวอย่างอ่อนโยน แม้ตัวเองจะสุขภาพไม่ค่อยดี แต่ก็ยังเป็นที่พึ่งทางใจให้ลูกได้เสมอ มือที่เริ่มเหี่ยวย่นเลื่อนขึ้นไปลูบศีรษะเล็กแผ่วเบาราวกับจะปลอบโยน
“หนูอ่อนแอได้นะลูก...แสดงให้แม่กับน้องเห็นได้ การที่หนูร้องไห้และระบายความรู้สึกออกมาไม่ได้แปลว่าใจของหนูไม่สู้...แม่รู้ว่านาวของแม่เก่งที่สุด”
“ฮึก...แม่”
เหมือนลูกโป่งที่อัดแก๊สไว้เกินกำลัง เพียงแค่ถูกมารดาสะกิดนิดเดียวก็ทำให้นาราลักษณ์ระเบิดความรู้สึกออกมาทันที ร่างบางสะอื้นจนตัวโยน ก่อนจะโผเข้ากอดผู้เป็นแม่อย่างเหนื่อยล้า นารีกอดปลอบลูกสาวอยู่พักใหญ่ เมื่อเห็นว่าอาการของนาราลักษณ์เริ่มดีขึ้นจึงเล่าสาเหตุที่ทำให้ต้องเป็นหนี้ให้ลูกได้รับรู้
“ความจริงหนี้ก้อนนี้มันก็เป็นมานานแล้วละ...ตั้งแต่สมัยที่พ่อของเรายังอยู่ พ่อกับแม่ไปกู้เงินเสี่ยเส็งมาและเอาบ้านไปค้ำประกัน ตอนนั้นกู้มาแปดหมื่น แต่มันก็หลายปีแล้วดอกเบี้ยมันเลยทวีขึ้นจนเป็นสองแสน เพราะหลังจากที่พ่อตายและแม่ไม่ได้ทำงานประจำเหมือนแต่ก่อน เงินที่จะไปตัดดอกแต่ละเดือนมันก็ไม่พอ แต่แม่ก็ขอผัดผ่อนมาตลอด และเสี่ยเส็งก็ยอมโดยการทบดอกเบี้ยเป็นเงินต้นแทน”
“นาวถามได้ไหมคะว่าพ่อกับแม่ไปกู้เงินมาทำไม”
“กู้มาทำทุนค้าขายนั่นละลูก ตอนแรกมันก็ทำท่าจะไปได้ดี แต่พอพ่อเราเสียทุกอย่างมันก็แย่ลง...อย่างที่นาวรู้นั่นละ”
“แล้วทำไมอยู่ๆ เสี่ยเส็งถึงมาทวงหนักขนาดนี้คะ หรือว่าเป็นเพราะแม่ไม่ได้ตัดดอกเขานานเกินไป”
“ไม่ใช่ลูก ช่วงหลังๆ แม่จ่ายทุกเดือน แต่เหมือนเสี่ยเส็งแกกำลังจะทำธุรกิจใหญ่ แกเลยเรียกเก็บเงินคืนจากลูกหนี้ทุกราย”
ไม่ใช่นารีคนเดียวหรอกที่โดนทวงหนี้ทั้งต้นทั้งดอก แต่ลูกหนี้ทุกคนต่างโดนกันหมด
“คนอื่นเขาหาเงินมาจ่ายครบหมดแล้ว น่าจะเหลือแค่แม่ที่ยังไม่มีเงินมาคืนเขา”
พูดแล้วนารีก็ถอนหายใจอย่างหนักอึ้ง เพราะนึกไม่ออกว่าจะหาเงินก้อนใหญ่มาคืนเจ้าหนี้ได้อย่างไร ลำพังบ้านหลังนี้ต่อให้ถูกยึดไปขายก็ไม่พอใช้หนี้อยู่ดี
“ถ้าเขาจะยึดบ้านก็ปล่อยให้เขายึดไปเถอะค่ะแม่”
“ถ้าให้เขายึดแล้วเราจะไปอยู่ไหนล่ะพี่นาว” ด้วยความเป็นเด็กนนท์จึงกังวลเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
“อาจจะต้องหาบ้านเช่าสักหลัง เดี๋ยวพี่จัดการเองไม่ต้องเป็นห่วง” บอกทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะมีเงินเพียงพอสำหรับจ่ายค่าเช่าบ้านหลังใหม่ให้แม่กับน้องหรือเปล่า ก่อนจะหันไปกล่าวกับมารดา “ส่วนหนี้ที่เหลือเดี๋ยวนาวค่อยๆ ผ่อนคืนเขาเองนะคะ”
“ถ้ามันจบแค่นั้นก็ดีสิลูก...” นารีเอ่ยอย่างหนักใจ
“ทำไมหรือคะแม่?”
“ลูกน้องเสี่ยเส็งขู่ว่าถ้าเขาได้เงินไม่ครบจะส่งคนไปตามทวงนาวที่กรุงเทพฯ และถ้านาวไม่มีเงินให้มันจะจับนาวไปขาย...” ปลายเสียงของผู้เป็นแม่สั่นเครืออย่างสะเทือนใจ
“ไม่มีใครทำแบบนั้นได้หรอกค่ะแม่ อย่ากลัวไปเลย”
“แต่เสี่ยเส็งเขาน่ากลัวนะลูก”
“ตำรวจก็น่ากลัวไม่แพ้เขาหรอกค่ะแม่”
หญิงสาวยิ้มบางๆ ให้มารดาอย่างคนไม่คิดมาก ทั้งที่ในใจก็กลัวอยู่ไม่น้อย เพราะนาราลักษณ์รู้ดีว่าอำนาจเงินน่ากลัวกว่าทุกสิ่ง
************************
รถสปอร์ตคันหรูแล่นมาจอดหน้าบ้านหลังหนึ่งในเช้าวันต่อมา สายตาคมมองเข้าไปในบ้านปูนชั้นเดียวที่สภาพค่อนข้างเก่าและถูกปิดเงียบราวกับไม่มีคนอยู่อย่างไม่แน่ใจ
หลังจากส่งมารดาเข้านอนเมื่อคืน พันเดชก็ได้รับรายงานจากนักสืบของน่านนทีว่าพบร่องรอยของนาราลักษณ์แล้ว และเมื่อทราบว่าหญิงสาวนั่งรถกลับบ้านเกิดอย่างปัจจุบันทันด่วนเขาก็เร่งให้นักสืบหาสาเหตุทันที ขณะที่ตัวเองตัดสินใจบึ่งรถจากกรุงเทพฯ มาหาหญิงสาวโดยไม่เสียเวลาคิด
เขามั่นใจว่าต้องเกิดเรื่องอะไรสักอย่างขึ้นอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นนาราลักษณ์คงไม่รีบร้อนมาขนาดนี้ และพันเดชก็ได้รู้สาเหตุในตอนตีสาม แต่ก่อนจะขับรถมาที่บ้านของคนตัวเล็ก เขาได้แวะไปที่แห่งหนึ่ง
ที่นั่นคือบ้านของเจ้าหนี้ที่ตามทวงเงินกับมารดาของนาราลักษณ์จนทำให้หญิงสาวต้องรีบมาที่นี่นั่นเอง
“คุณเป็นใคร” เสี่ยเส็งเอ่ยถามเมื่อลูกน้องวิ่งมาบอกว่ามีคนต้องการพบตน ยิ่งเห็นว่าไม่ใช่คนท้องถิ่นก็ยิ่งแปลกใจ
“ไม่ใช่ธุระของคุณ รู้แค่ว่าผมเป็นคนที่จะเอาเงินมาให้คุณก็พอแล้ว”
“เงินอะไร?”
“หนี้สินของคุณนารีทั้งหมดเท่าไร ผมจะจ่าย”
พันเดชพูดอย่างไม่อ้อมค้อม และเมื่อฝ่ายนั้นรู้ว่ากำลังจะได้เงินคืนก็เผยยิ้มทันที ก่อนจะกุลีกุจอต้อนรับชายหนุ่มด้วยท่าทีที่แปลกไปอย่างเดิมชนิดหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยเจ้าของผับหนุ่มก็รีบขับรถมาหาคนตัวเล็กที่บ้านทันที แต่ไม่รู้ว่าม้าจอมพยศของเขาไปหลบอยู่หลืบไหนของบ้าน พันเดชอยากเห็นหน้าแม่จอมดื้อเร็วๆ เขาจะลงโทษให้หายโมโหเลย โทษฐานที่ทำให้ชายหนุ่มเป็นห่วงจนแทบคลั่งและไปเสียอาการต่อหน้าเพื่อนอย่างหลุดลุ่ย
ร่างหนานั่งสังเกตการณ์อยู่ในรถสักพัก เมื่อไม่เห็นวี่แววว่าจะมีใครเดินออกมาจึงตัดสินใจเปิดประตูก้าวลงจากรถ ทว่าในจังหวะที่ชายหนุ่มกำลังจะเดินเข้าไป พลันประตูบ้านที่ปิดเงียบก็ถูกเปิดออกพร้อมการปรากฏตัวของคนตัวเล็ก
“คุณ!”
นาราลักษณ์ตกใจแทบช็อกเพราะไม่คิดว่าพันเดชจะมายืนอยู่หน้าบ้านเธอได้ หญิงสาวแอบหยิกตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ฝัน และเมื่อรู้สึกเจ็บจึงเชื่อว่านี่มันคือความจริง
“ไง? หนีกลับบ้านไม่คิดจะบอกกันเลยนะ หรือว่าเธอจะเบี้ยวหนี้”
“ปะ...เปล่า”
“แล้วหนีมาทำไม”
พันเดชเอ่ยถามเสียงเข้มและดังจนร่างบางนึกกลัวว่าเสียงของเขาจะลอยไปถึงมารดาและน้องชายที่อยู่ในบ้าน เพราะเธอยังไม่พร้อมจะตอบคำถามมารดาเกี่ยวกับคนตัวโตจึงรีบเดินเร็วๆ เข้าไปหาเขาเพื่อลดระดับเสียงในการสนทนา
“คุณมาทำอะไรที่นี่คะ”
“มาดูให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้คิดจะเบี้ยวหนี้”
“แล้วคุณรู้จักบ้านฉันได้ยังไง”
“เคยบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรเกี่ยวกับเธอที่ฉันไม่รู้” พันเดชยกมุมปากขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะมองเข้าไปในบ้าน “แล้วนี่ไม่คิดจะเชิญแขกเข้าไปในบ้านเลยหรือไง ฉันอุตส่าห์ขับรถมาจากกรุงเทพฯ เลยนะ เหนื่อยฉิบหาย”
“แล้วใครใช้ให้คุณมาเล่า” หญิงสาวหน้ามุ่ยก่อนจะถูกคนอายุมากกว่าใช้หลังมือเคาะศีรษะอย่างหมั่นไส้
“แล้วใครใช้ให้เธอปิดเครื่องล่ะฮะ? แล้วจะมาบ้านก็ไม่คิดจะบอกใครเลยสักคำ คนอื่นก็เป็นห่วงไปสิ”
“ใครคะ?” ดวงตาคู่สวยถามอย่างซื่อๆ ทำเอาคนถูกถามออกอาการเลิ่กลั่ก
“ก็...ทุกคน เพื่อนเธอ ผู้จัดการ และอีกมากมาย”
“เมื่อคืนฉันรีบจนเผลอทำโทรศัพท์หล่นพื้น เครื่องมันเลยดับและเปิดไม่ติดจนถึงตอนนี้ คงไม่มีมือถือใช้ไปอีกสักพักค่ะ”
“ซุ่มซ่าม” เสียงเข้มว่าดุๆ เมื่อรู้สาเหตุที่ทำให้เขาติดต่อไม่ได้
“นอกจากกลัวฉันเบี้ยวหนี้ คุณมีอะไรอีกหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีแล้วฉันจะได้ไปซื้อของมาทำกับข้าว”
“ก็ไปสิ เดี๋ยวฉันไปด้วย” เขาพูดหน้าตาย
“คุณจะมาตามฉันไปทุกที่แบบนี้ไม่ได้นะคะคุณพันเดช ฉันไม่สนุก และฉันก็ไม่สะดวกให้คุณมาทำตัวเอาแต่ใจเหมือนตอนอยู่กรุงเทพฯ ด้วย” นาราลักษณ์มองคนตัวสูงด้วยสีหน้าจริงจัง
“แล้วใจคอเธอจะไล่ฉันกลับบ้านทันทีเลยหรือไง นี่ฉันอดหลับอดนอนขับรถมาทั้งคืนนะ ไม่กลัวฉันเกิดอุบัติเหตุบ้างเหรอ?”
แววตาของคนถามมีแววตัดพ้อนิดๆ ทำเอานาราลักษณ์ถึงกับงง แต่มันก็จริงอย่างที่เขาว่า เพราะกลัวมารดาจะรู้เรื่องของเธอกับเขามากจนเกินไป หญิงสาวจึงลืมเรื่องความปลอดภัยของชายหนุ่ม แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อาจยอมให้เขาตามติดเหมือนอย่างตอนอยู่กรุงเทพฯ ได้อยู่ดีนั่นละ
“งั้นคุณก็ไปเช่าโรงแรมนอนพักเอาแรงสิคะ”
“ไม่! ฉันจะอยู่กับเธอ เพราะฉันไม่รู้จักใคร และไม่ชอบนอนโรงแรมตามต่างจังหวัดคนเดียวด้วย”
คนเอาแต่ใจยืนกระต่ายขาเดียวราวกับเป็นเด็กๆ ทำเอานาราลักษณ์ถึงกับอ่อนใจ แต่ครั้นจะยืนทะเลาะกับพันเดชอยู่ตรงนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วมารดาของเธอคงออกมาเห็นเป็นแน่
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง ฉันไม่ได้บังคับให้คุณมานะ”
“ก็แค่ให้ฉันเข้าไปนั่งพักในบ้านเธอมันจะเป็นอะไรนักหนา”
“ไม่ได้ค่ะ”
“ทำไม?” เขาขมวดคิ้วและจ้องเธออย่างขอคำตอบ
“ฉันไม่สะดวกจริงๆ ถือว่าขอร้องนะคะ แค่นี้ที่บ้านฉันก็มีเรื่องมากพอแล้ว ฉันไม่อยากหาเรื่องให้แม่มาเครียดเพิ่ม”
หากคนเป็นแม่รู้ว่าพันเดชเป็นเจ้าหนี้อีกรายของนาราลักษณ์ คนที่ร่างกายไม่แข็งแรงคงเครียดจนอาการทรุดเป็นแน่
“ฉันไม่ได้จะมาปล้นบ้านเธอนะ แค่ให้ฉันเข้าบ้านทำไมแม่เธอต้องเครียดด้วยนาว”
“ก็เพราะฉันติดหนี้คุณอยู่ไงคะ ถ้าแม่รู้ต้องเครียดกว่าเดิมแน่ เพราะลำพังตอนนี้พวกเราก็เครียดกับเรื่องนี้มากพอแล้ว เห็นใจกันบ้างเถอะ”
ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ หากหญิงสาวก็ไม่ถึงกับร้องไห้ออกมา แต่นั่นก็ทำให้คนมองขบกรามอย่างเครียดๆ ทันที เพราะรับรู้ได้ถึงความเครียดและความเหนื่อยล้าที่สะสมอยู่ในตัวของนาราลักษณ์
พันเดชกำลังชั่งใจกับอะไรบางอย่างที่เขาคิดมาตลอดทั้งคืนแต่ก็ยังคิดไม่ตก ก่อนจะตัดสินใจได้ในที่สุด
“ถ้าเธอรับปากว่าจะช่วยอะไรบางอย่าง ฉันจะไม่บอกเรื่องหนี้กับแม่ของเธอ”
“อะไร?”
*************************
ขอฝากหน่อยนะคะ
กดติดตามคลิกลิ้งที่ชื่อเรื่องเลยจ้า
เรื่อง * ศัตรูแพ้ทางรัก *
-//////////////////////////////////-
ปัณฑารีย์ทักทาย...
หายไปนานเป็นเดือน วันนี้ได้ฤกษ์มาเปิดตัวพี่ริษฐ์ พี่ชายมาดนิ่งของน้องนีลเรื่อง ปรปักษ์รักล้นใจ
ใครที่อ่านในเรื่องนั้นแล้วยังไม่จุใจ ปมบางอย่างยังไม่ถูกเปิดเปยมาตามอ่านในเรื่องนี้ได้นะคะเราจะได้รู้จักตัวคนร้ายที่คอยยุแยงสร้างเรื่องให้สองตระกูลผิดใจกันในเรื่องนี้และบอกเลยว่านางเอกในเรื่องนี้แสบๆ คันๆ นะคะ
นางจะมาปั่นป่วนหัวใจพี่ริษฐ์มาดูกันว่าคนจิตแข็งแบบคุณพี่จะพ่ายแพ้ให้น้องหรือเปล่าว่าด้วยเรื่องการอัพ จะเริ่มอัพเนื้อหาเร็วๆ นี้น่าจะไม่เกินสิ้นเดือน
- โปรดกดติดตามเอาไว้นะจ๊ะ -
ปล. ลงเนื้อหาให้อ่าน 50% นะคะเนื่องจากเรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ไลต์ ออฟ เลิฟ เลยไม่สามารถลงจนจบได้
(ทำอีบุ๊คก็ลงจบไม่ได้ เพราะเคยลงแล้ว ไม่มีคนตามไปซื้อเลย 5555555555 กินแกลบไปตามระเบียบ)
-//////////////////////////////////-
วริษฐ์ จีระสกุล
รองประธาน จีอาร์กรุ๊ปหนุ่มมาดนิ่งจอมดุ พูดน้อยแต่ทำจริง
ไป่ ถิงถิง
สถาปนิกสาวจอมแสบ ทะเล้น สดใส มีชีวิตชีวาและขี้แกล้ง
ด้วยบุคลิกที่แตกต่างกันของเธอกับเขา ทำให้ถิงถิงชอบแกล้งคนมาดดุอยู่บ่อยๆแต่มันไม่ง่ายที่จะได้ครอบครองหัวใจที่แสนเย็นชา ในขณะที่เธอมีเป้าหมายเพื่อทำลายเขา
***
******
*********
******
***
สามารถติดตามได้ที่นี่
คลิกไปที่ชื่อเรื่องเลยจ้า
v
v
v
* ศัตรูแพ้ทางรัก *
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

467 ความคิดเห็น
-
#436 MMMstar (จากตอนที่ 20)วันที่ 26 มกราคม 2564 / 10:32มีอีบุ๊คมั้ยคะไรต์#4360
-
#435 Jreye (จากตอนที่ 20)วันที่ 26 มกราคม 2564 / 06:3255555รอๆๆๆนะไรท์#4350
-
#28 Gift11y (จากตอนที่ 20)วันที่ 13 กันยายน 2563 / 08:25รู้แล้วนะเสี่ย#280
-
#27 ฮันนาห์ (จากตอนที่ 20)วันที่ 13 กันยายน 2563 / 08:14เสี่ยค่ะเสี่ยเสียอาการเพราะเด็กมันนะคะ#270