ลำดับตอนที่ #16
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่16 จุดเดือด
Dahlia 16
กลิ่นของอาหารลอยคลุ้งอยู่ในอากาศทำให้สมองมึนงงและคลื่นเหียน ผมลืมตาขึ้นอย่างยากลำบากเมื่อรู้สึกเหมือนกระเพาะถูกบิดเป็นเกลียว ยังไม่ทันตั้งสติได้ ขาทั้งสองข้างก็พาตัวเองวิ่งเข้าห้องน้ำไปกอดโถส้วมโก่งคออ้วกรับอรุณ
ผมจำอะไรไม่ได้ จำไม่ได้ว่าดื่มไปมากแค่ไหน กลับมากี่โมงและกลับมายังไง จำอะไรไม่ได้กระทั่งวินาทีที่ลืมตาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน สิ่งที่ร่างกายพ่นพิษออกมาคือแอลกอฮอล์ที่ตกค้างในกระเพาะตั้งแต่เมื่อคืน ไม่มีเศษอาหาร น้ำล้วนๆ
“เฮ้ย ไหวไหม?”
เจ้าของเมนูชวนปวดหัวตั้งแต่ช่วงสายชะโงกหน้าผ่านประตูห้องน้ำเข้ามา ภูมินทร์สวมเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขาสั้น มีผ้ากันเปือนลายปัญญาอ่อนของพี่เมคล้องอยู่ ส่วนในมือยังพกหลักฐานว่าน่าจะเป็นไวท์ซอสของสปาเกตตี้ซึ่งเป็นกลิ่นที่ปลุกผมขึ้นมาอ้วกจะเป็นจะตายอยู่ตอนนี้ เจริญจริง เมื่อคืนกูแดกเหล้าแทนที่เช้าจะมีอะไรแก้คลื่นไส้เสือกทำเมนูเลี่ยนๆรับอีก ผมส่ายหัวโก่งคอไล่พิษตกค้างอีกครั้ง ภูมินทร์จึงเลิกยืนมองเฉยๆมานั่งลูบหลังข้างๆ
“แดกไปซะเยอะเลยดิ แล้วนี่ไปกับใครมา?”
“เมื่อคืนกูมาเคาะห้องมึงรอบนึงเห็นเงียบๆเมื่อเช้าเลยมาลองบิดๆกุญแจดู ไม่ได้ลอคไว้เลยเข้ามา เห็นศพหมีนอนตายอยู่บนเตียงเลยไปทำกับข้าวเตรียมไว้ให้ ไหวไหมเนี่ย ไอ้เหี้ย ไส้ติ่งมึงจะออกมาด้วยแล้วกันต์”
ผมพยักหน้าแล้วอ้วกอีกรอบ ลอบมองหน้าเหยเกของพระเอกหนุ่มแล้วขำในใจ ดูมันขยาดกับภาพตรงหน้าแต่ก็ไม่ลุกไปไหน จนผมต้องปัดๆมือไล่มันไป
“มึงไปเสียบกาน้ำร้อนให้กูที”
ภูมินทร์ดูลังเลที่จะลุกไป แต่สุดท้ายมันก็ยอมปล่อยผมอ้วกคนเดียวในห้องน้ำกระทั่งไส้ติ่งแทบหลุดออกมาตามคำให้การณ์ของเชฟมือหนึ่งถึงได้หยุด ผมพยุงตัวเองลุกมาคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำอีกรอบ หวังว่าน้ำเย็นๆจะช่วยไล่อาการมึนงงของซีกสมองที่ตีรวนให้กลับมาสมประกอบได้ ทว่าสิ่งที่เรียกสติผมได้ดีกลับเป็นภาพสะท้อนในกระจกหลังถอดเสื้อ ร่องรอยสีม่วงช้ำสองสามจุดบนแผ่นอกไม่ได้เด่นขึ้นชัด แต่แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติแน่ๆที่จะมาปรากฏขึ้นบนร่างกายหนุ่มโสดอย่างผม...
รอยดูด?
ผมพลิกตัวมองในกระจกอีกครั้งไม่พบร่องรอยอะไรเพิ่มเติมแต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้แววตาตัวเองระริก เสื้อผ้าที่ใส่อยู่แน่นอนว่าไม่ใช่ชุดเดียวกับที่ร้านเหล้า มันคือเสื้อบอลตัวใหญ่กับบอกเซอร์ ไม่มีชั้นใน ถ้าใครสักคนที่เป็นคนทำรอยระยำนี่ขึ้นมา คงเป็นใครคนนั้นที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมครบองค์อย่างนี้
“ไอ้มิน มึงเข้าห้องมาเมื่อเช้าใช่ไหม?”
คนทำครัวเงยหน้าขึ้นมองแล้วพยักหงึกหงัก ผมส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอแล้วคว้าโทรศัพท์กดเบอร์โทรออกล่าสุดทันที
“ไอ้เหี้ยใหญ่! เมื่อคืนมึงปล่อยกูกลับมากับใคร?”
“มึงบ้าเหรอไอ้กี้ กูจะนอน สัตว์..”
“มึงตื่นมาคุยกับกูให้รู้เรื่องก่อน ไม่งั้นกูไปยันหน้ามึงถึงบ้านแน่ มึงไม่ได้พากูกลับห้องหรือไง กูหิ้วใครไปไหนหรือเปล่า? ไอ้เหี้ย ชวนกูแดกเหล้าแล้วทำไมไม่ดูๆกูหน่อยวะ มึงก็รู้ว่ากูเมา”
พูดประโยคยืดยาวจนเหนื่อยหอบ แต่สิ่งที่ได้กลับมากลายเป็นเสียงหัวเราะหยัน ชายใหญ่ไม่สะทกสะท้าน ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรกับผมเลยสักนิดเล่นเอาผมโมโหแทบบ้า
“กูก็ส่งมึงถึงคอนโดนั่นแหละ...”
“หรือมึงจะบอกว่ามึงเป็นคนดูดนมกูจนเป็นจ้ำเลยงั้นเหรอ? ไอ้สัตว์ อมพระอาทิตย์มาพูดกูยังไม่เชื่อเลย ควาย! มึงรู้แน่ๆ บอกกูมาเกิดอะไรขึ้น”
“โอ๊ะ? มีรอยดูดด้วย ไม่ธรรมดาแฮะ...”
“ไอ้ใหญ่!!”
ท้ายที่สุดผมก็สืบอะไรไม่ได้จากเพื่อนปากแข็งเลยสักนิด ไอ้ใหญ่มันนิสัยส้นตีนแบบนี้ ชอบอมความลับไว้กับตัวต่อให้ไม่ใช่เรื่องที่น่าจะอมก็ตาม ถ้าไม่มีหลักฐานมายัดหน้ามันล่ะก็ฝันไปเถอะว่าชายใหญ่จะแงะปากพูด ผมเหวี่ยงโทรศัพท์ลงบนโซฟาด้วยอารมณ์หงุดหงิดแล้วทิ้งตัวลงตาม พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ความทรงจำสุดท้ายคือรู้สึกแย่มากๆที่ต้องมาทนรับรู้อีกครั้งว่าพี่เอิร์ธกลับมาเพื่อที่จะทิ้งผมไป จากนั้นก็ยกแก้วไม่ยั้ง
ภูมินทร์เดินออกมาจากห้องครัว มันเห็นผมหัวเสียก็ยิ้มแฉ่งฉอเลาะ ในมือถือน้ำร้อนมาให้ด้วยหนึ่งแก้วกาแฟ
“เอานี่หน่อย”
“ขอบใจ”
“เปลี่ยนเป็นหอมแก้มแทนจะดีมาก”
“อย่ามาเกย์นักได้ไหม?”
“อ้าว ก็กูเกย์” ไอ้หล่อหัวเราะเอิ๊กอ๊ากของมันคนเดียวก่อนเบียดตัวลงบนโซฟาตัวเดียวกันพลางยื่นจมูกมาหอมแก้มผมดังฟอด
“หอมจัง กูชอบกลิ่นสบู่.. “
“เข้าไปดมในห้องน้ำไป กูมีให้มึงดมเป็นขวดๆ”
“ไม่เอา ต้องปนๆกับกลิ่นของมึงด้วย อย่าให้พูดเลย เดี๋ยวของขึ้น”
ผมแจกนิ้วกลางให้ไอ้หื่นก่อนเป็นอันดับแรก ยกน้ำร้อนขึ้นจิบแล้วนวดขมับตัวเองเบาๆ พยายามรื้อความทรงจำแต่ทำยังไงก็นึกไม่ออก กระทั่งเสียงกดออดหน้าห้องดังขึ้นเลยเลิกล้มความพยายาม พอเปิดประตูแล้วเห็นหน้าคนหน้าห้องเท่านั้น หัวก็เริ่มตื้อขึ้นมาอีกครั้ง
“พี่เอิร์ธ ไม่ได้เข้าเวรวันนี้เหรอ?”
“สลับกับเพื่อนน่ะ เมื่อวานมันติดธุระเลยให้พี่แทนแล้วเปลี่ยนมาหยุดวันนี้ ขอโทษทีไม่ได้โทรหาเลย ยุ่งๆน่ะ กันต์นี่ปวดหัวไหม? เมื่อเช้าพี่ออกไปเคลียร์เรื่องที่โรงงานนิดหน่อยไม่คิดว่าจะตื่นเร็วเลยไม่ได้ทิ้งโน๊ตบอกไว้ ซื้อนี่มาฝากด้วย เจ้าอร่อยเลย”
ผมมองหน้าคนพูดเป็นไฟตาปริบ พี่เอิร์ธชูถุงโจ๊กในมือขึ้นโชว์ ยิ้มฟันขาวโชว์ลักยิ้ม
“พี่เอิร์ธอยู่กับกันต์เหรอเมื่อคืน?”
“อ้าว... ก็ใช่น่ะสิ จำอะไรไม่ได้เลยหรือไง?”
ผมส่ายหัวดิก คนตัวโตเลยยื่นมือมายีหัวผมแรงๆพลางหัวเราะในลำคอ “เจ้าบ้าเอ๊ย เกือบทำพี่หัวใจวายแล้วบอกว่าจำอะไรไม่ได้เนี่ยนะ”
ทำเหี้ยอะไรวะ?
“ก็ยังไงดีล่ะ ก็เจอหน้าพี่ที่ล็อบบี้ก็เข้ามาตีเลย ไอ้ใหญ่เพื่อนเราก็ไม่ห้าม ยืนโบกมือแล้วทิ้งไว้จนเราหมดแรงพี่ถึงพาขึ้นมาบนห้อง พอเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เราก็ขึ้นคร่อมพี่...”
ขึ้นคร่อม????
“นี่ถ้าพี่ไม่ใจแข็งพอ ป่านนี้ไม่ได้มายืนเอ๋อแบบนี้หรอกนะเราน่ะ... ทีหลังอย่าเมาแบบนี้ได้ไหม ถ้าเป็นคนอื่นจะทำยังไง ที่พูดนี่เป็นห่วงนะ”
เป็นอีกครั้งที่ผมยืนอ้าปากหวอ พี่เอิร์ธยิ้มละไมอยู่เบื้องหน้า พักเดียวก็ก้มตัวลงมากัดจมูกผมให้พอรู้สึกตัว รอยยิ้มสว่างจ้าของหมอยาทำให้ผมอึกอัก ผมมองลึกไปยังบริเวณเสื้อคอวีสีฟ้าอ่อนเห็นเป็นรอยเล็บโผล่มาก็ก้มลงมองมือตัวเอง ชัดเลย เล็บไม่ได้ตัดมาหลายวัน
“แล้วให้พี่เข้าห้องได้หรือยัง?”
“อะ...เอ่อ... ครับ เอ่อ... พี่เอิร์ธ มินอยู่นะ”
ผมพูดตะกุกตะกัก ดวงตาขี้เล่นของคนตรงหน้าเริ่มไม่ทอแสง พี่เอิร์ธนิ่งไป พร้อมกับรอยยิ้มสดใสทีค่อยๆเปลี่ยนเป็นเส้นตรง ที่จริงพี่เอิร์ธอาจจะโกรธ แหงล่ะ เป็นผม ผมก็โกรธ คดีวันก่อนยังไม่เคลียร์วันนี้ก็พาตัวการเข้าห้องอีกแล้ว พักเดียวพี่เอิร์ธก็ฝืนยิ้มแล้วยัดถุงโจ๊กใส่มือผม
“งั้นตามสบายเถอะ พี่คงไม่กวน...”
“พี่เอิร์ธ...อยู่กับกันต์ก่อน....นะ”
“ใจร้ายชะมัด...”
คนตัวสูงเสยผมไปด้านหลัง ผมก้มหน้าลง เม้มปากเข้าหากันแน่น รู้ว่าพี่เอิร์ธหมายถึงอะไร
“กันต์แค่...มีเรื่องอยากคุยด้วย”
“เป็นวันที่กันต์สะดวกไม่ดีกว่าเหรอ...” เจ้าของแว่นกรอบดำโปรยยิ้มเนือย “พี่ไม่ได้อยากจะทนเห็นกันต์อยู่กับคนอื่นหรอกนะ บอกตรงๆว่ะ พี่ก็เจ็บ... ยิ่งรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์หึงหวงกันต์ พี่ยิ่งเจ็บ”
“แต่ว่า....”
“วันไหนที่รำคาญพี่ก็บอกตรงๆแล้วกัน พี่จะไม่กวนใจกันต์อีก ถ้าเลือกมัน...”
“อย่าพูดเหมือนพร้อมจะทิ้งกันต์ไปตลอดเวลาได้ไหม”
ผมช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ เหมือนความไม่เข้าใจลอยละล่องระหว่างสองเราเต็มไปหมด หลายคำถามยังค้างคาโดยไม่มีแม้แต่โอกาสได้พูดคุย พี่เอิร์ธสบตาผม ในดวงตาใต้กรอบแว่นเจือไปด้วยความเสียใจไม่ต่างกัน
“พี่ไม่เคยอยากทิ้งกันต์ไปไหน”
“แล้วจะกลับไป ทั้งๆที่กันต์มีเรื่องอยากจะถามพี่เยอะแยะแบบนี้น่ะเหรอ เรื่องมินพี่เอิร์ธก็คาใจเหมือนกันไม่ใช่หรือไง พี่เอิร์ธเอาแต่หนีปัญหา เคยสู้เพื่อกันต์บ้างไหม กันต์เคยสำคัญบ้างไหม?”
สาบานเลยว่าคำพูดพวกนี้มันหลุดไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมเบือนหน้าหนีหลังจบประโยค ป่วยการที่จะรั้ง ทว่าพอพลิกตัวหันหลังกลับเข้าห้องกลับถูกอีกฝ่ายสวมกอดจากทางด้านหลังไว้แทน
“กันต์...”
จากนั้นเหลือเพียงความเงียบที่เข้าครอบงำความรู้สึกของเราสองคน ประตูห้องถูกเปิดให้กว้างออก คนที่นั่งดูการ์ตูนอยู่บนโซฟาหันมาจ้องผมเขม็ง แววตาคมระริกของมินแสดงถึงความไม่พอใจ เพียงครู่เดียวมันก็ปราดลุกมาฉุดแขนผมดึงออกจากพี่เอิร์ธ พลางกระโจนเข้าหาคนมาใหม่
“อย่ายุ่งกับกันต์!”
“นี่ไม่ใช่เรื่องของมึง...แยกแยะบ้างนะมิน” คำพูดเรียบๆของพี่เอิร์ธทำให้คนง้างหมัดนิ่งค้าง ผมดึงภูมินทร์ให้ถอยห่างออกมา ขณะที่หมอยาเพียงแค่จ้องอีกฝ่ายนิ่ง
”อย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่ามึงคิดจะทำอะไร” หนุ่มแว่นพูดเสียงต่ำ ภูมินทร์เริ่มกระโจนเข้าหารุ่นพี่อีกครั้งแต่ผมลอคคอเอาไว้ทันมันเลยได้แค่เตะต่อยอากาศรอบตัว
“ไปตายซะไอ้เหี้ย!”
แต่ทั้งๆที่ภูมินทร์โกรธจนหน้าแดงก่ำ ผมกลับเห็นหมอยาหัวเราะหยันในลำคอ สายตากดต่ำดูกวนประสาทแบบที่ผมไม่เคยเห็นพร้อมพูดเยาะ“เพราะเด็กแบบนี้ไง...”
“ไอ้เหี้ยเอิร์ธ!”
“พอแล้ว!” ผมตวาดเสียงดังแล้วดันไอ้ตัวขาวเข้าชิดกำแพง พี่เอิร์ธไม่ทำอะไรแค่กอดอกมองจากอีกมุม “มินพอแล้ว!”
“กูบอกไม่ให้มึงยุ่งกับมันไง!”
“กู...อื้อ...~”
วินาทีที่ชุลมุนผมถูกกระชากตัวพลิกกลับ ภูมินทร์กดจูบทั้งๆที่พี่เอิร์ธอยู่ด้วยไม่ห่าง แต่ไม่ทันที่แรงจากริมฝีปากจะกดแน่นกว่าเดิมพระเอกหนุ่มก็ถูกดึงไหล่ให้ถอยหลังทันที พี่เอิร์ธตัวใหญ่ที่สุดในเราสามคน แค่ออกแรงผลักนิดเดียวมินก็เซไปด้านหลังง่ายดาย ร่างสูงไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวแต่ผมรู้ว่ากำลังโกรธมาก ดวงตาตี่จ้องอีกฝ่ายเขม็ง
“กลับไปซะ! ก่อนที่กูจะโมโหไปมากกว่านี้”
เสียงทุ้มพูดตะคอกลั่น มินไม่ขยับจนผมเดินเลี่ยงออกมาจากหลังกว้าง มองน้องชายอดีตแฟนด้วยสายตาวอนขอให้มันถอยไปก่อน ภูมินทร์เม้มปากเข้าหากันจมูกตาแดงช้ำจนผมต้องขยับเข้าไปหา ทว่ามือใหญ่ของหนุ่มแว่นก็จับบ่ารั้งเอาไว้ไม่ยอมให้ผมเข้าไปใกล้
“มิน... กู....”
ภูมินทร์พลิกตัวกลับ ขณะที่ผมได้แต่มองแผ่นหลังของดาราหนุ่มห่างออกไปด้วยความรู้สึกผิด และทันทีที่ประตูห้องปิดลง พี่เอิร์ธก็เดินไปหยิบถุงโจ๊กที่ตกอยู่ข้างประตูเข้าไปในครัว พาลไม่มองหน้าผมอีกคน
“....หึ..”
เสียงหัวเราะที่ผมฟังแล้วไม่ชอบใจดังขึ้นมาอีกครั้ง ผมตามอาคันตุกะเข้าไปในห้องเดียวกันเห็นพี่เอิร์ธเทสปาเกตตี้คาโบนาร่าของมินทิ้งขยะแล้วได้แต่ยืนเงียบ อารมณ์กรุ่นๆของรุ่นพี่บีบคั้นให้ผมไม่กล้าพูดอะไร กระทั่งเสียงหมัดลุ่นกระแทกกับโต๊ะไม้ดังลั่น ผมจึงรีบไปคว้ามือใหญ่ก่อนก่อนอีกฝ่ายจะประทุษร้ายตัวเองอีกรอบ
“พี่เอิร์ธ...อื้อ....”
ชายหนุ่มไม่พูดพร่ำ พอผมเข้าไปอยู่ในระยะประชิดก็รวบเอวเข้าหา ดึงมือที่ถูกจับไว้ในทีแรกมาควบคุมสันคางให้ผมเงยขึ้นเมื่ออยู่ในระยะประชิด ปากบางกดเม้มลงมาดุเดือดราวกับจงใจทาบทับทุกสัมผัสให้หายไป ปลายลิ้นชื้นแทรกเข้าลงทัณฑ์อย่างจาบจ้วง เผ็ดร้อนและกรุ่นไปด้วยความเกรี้ยวกราด ผมครางประท้วงอยู่ในลำคอ ก่อนถูกช้อนให้ลอยขึ้นไปนั่งบนโต๊ะอาหาร ขณะที่ริมฝีปากยังไม่ยอมผละออกไปไหนสักวินาที
“พะ..พี่เอิร์ธ...”
ผมได้เพียงร้องประท้วงอีกฝ่ายเบาๆเมื่อริมฝีปากดุดันเริ่มลากไล้ผ่านข้างแก้มมายังกกหู เสียงจูบดังขึ้นชิด และจากนั้นจมูกคมก็ไล่ลงต่ำ ผมเจ็บแปลบที่ผิวเนื้อบริเวณแอ่งชีพจร หมอยาจงใจกัดคอผมให้เป็นรอยก่อนผละออกและหอบหายใจสั้นๆเมื่อผมจิกมือลงบนลาดไหล่กว้าง
“.....เลิกยุ่งกับมันสักทีจะได้ไหม พี่จะเป็นบ้าอยู่แล้วนะ”
เป็นอีกครั้งที่ผมเงียบ เหลือเพียงเสียงลมหายใจหนักของเราสองคนภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ พี่เอิร์ธจูบหน้าผากผมแล้วตามมาที่เปลือกตา จากนั้นก็จ้องหน้าผมอยู่นานราวกับรอให้ผมพูดอะไรออกไปบ้าง
“กันต์ขอโทษ...เมื่อวาน กันต์นึกว่าพี่เอิร์ธโกรธจนไม่อยากเจอกันต์อีกแล้ว”
“รู้ไหมพี่อยากจะทำแบบนั้นใจจะขาด...อยากจะโกรธกันต์ ไม่อยากมาหา ไม่อยากมาเจอ แต่พี่ก็ทำไม่ได้...”
คนพูดสบตาผมนิ่ง ไม่มีร่องรอยหวั่นไหว ไม่มีวี่แววว่าจะลังเล ผมเริ่มรู้สึกหายใจขัดอีกครั้งเมื่อพี่เอิร์ธพูดต่อ “แต่ตั้งแต่เราเจอกันอีกครั้ง พี่ก็เผลอสัญญากับตัวเองไปแล้วว่าพี่จะไม่ปล่อยกันต์ไปอีก.. จนกว่ากันต์จะบอกให้พี่ไป”
“กันต์....”
“ไม่ต้องเชื่อที่พี่พูดก็ได้ พี่แค่อยากบอกว่าพี่คิดยังไงกับกันต์”
ผมปล่อยให้ความเงียบครอบงำเราอีกอึดใจ ก่อนเอ่ยถามเอาความจากคนตรงหน้าถึงสิ่งที่วิ่งวนค้างคาตั้งแต่เย็นวาน
“เรื่องตอนนั้นกันต์ได้ยินมาว่า ..เพราะแม่.....”
เภสัชกรหนุ่มนิ่งไป ปากสีอ่อนเม้มเข้าหากันแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ใครเล่าให้ฟัง ใหญ่เหรอ?”
ผมไม่ตอบ แต่ก็เดาได้ไม่ยาก พี่เอิร์ธใช้ปลายนิ้วดันแว่นให้ขยับขึ้นเล็กน้อยก่อนตอบ
“ก็ใช่ ไม่มีพ่อแม่ใครยินดีหรอกถ้าลูกตัวเองจะเป็น’แบบนี้’ กันต์รู้ใช่ไหม? พี่เองก็ไม่ได้มีพฤติกรรมชอบผู้ชายมาก่อนเจอกันต์ พอเขารู้ก็รับไม่ได้ บางทีอาจเป็นเพราะเรายังเด็ก สังคมพาไป อะไรก็ไม่รู้ แต่พี่ก็ตอบเขาไม่ได้ว่ามันไม่ใช่เพียงเพราะพี่สับสนหรืออารมณ์ชั่ววูบ พอเข้ามหา’ลัยก็สบโอกาส พี่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นเกย์หรือเปล่าเลยลองกับผู้หญิงดู..”
"..........."
“ตอนนี้แม่เข้าใจแล้วว่าพี่เป็นเกย์... และมันเปลี่ยนอะไรไม่ได้นอกจากเขาจะยอมรับ หลังจากจิ๊บพี่ก็คบกับใครหลายคนที่เป็นผู้ชายจนแม่ปวดหัวเหมือนกัน เขายังพูดเลยว่ารู้งี้ให้คบกับเด็กคนนั้นตั้งแต่มัธยมก็ดี จะได้ไม่ต้องหาคนที่เหมือนกันต์บ่อยๆ.. ที่จริง พี่ก็อยากให้กันต์ไปเจอแม่นะ”
คนพูดมองหน้าผมจริงจัง กลายเป็นอีกครั้งที่ผมหลบสายตาลงก่อน
“....กันต์ยังระแวงพี่อยู่เหรอ?”
“ไม่รู้สิ...” ผมพูดเสียงอ่อย “มีอะไรตั้งเยอะแยะเกิดขึ้นระหว่างที่เราใช้ชีวิตของตัวเอง.. ขนาดกันต์ กันต์ยังไม่เหมือนเดิมเลย”
“พี่ก็ไม่ใช่คนดีอะไรหรอกกันต์” พี่เอิร์ธพูดเสียงทุ้มชิดหู สองมือโอบรอบเอวผมเข้าสวมกอดหลวมๆ “พี่อาจเป็นคนไม่ดีสำหรับใคร แต่กับกันต์แล้ว พี่ยังเป็นพี่เอิร์ธที่หวังดีกับกันต์เหมือนเดิม”
ผมยกมือขึ้นกอดพี่เอิร์ธตอบ ซบหน้าลงบนไหล่หนา นึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราที่เจือจางและถูกซ่อนเร้นไว้ส่วนลึกของจิตใจตลอดหกปีที่ผ่านมา
บางที ลึกๆผมอาจเชื่อพี่เอิร์ธตั้งแต่กลับมาเห็นหน้ากันอีกครั้งแล้วก็ได้
TBC
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น