ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Violet Evergarden (แปลไทย)

    ลำดับตอนที่ #22 : The Postal Company and the Auto-Memories Doll (end.)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.14K
      47
      23 ม.ค. 65




    Pin on Violet Evergarden



    /

    The Postal Company and the Auto-Memories Doll





    ณ ช่วงเวลานี้เรียกได้ว่าเป็นยุคที่ธุรกิจไปรษณีย์กำลังเฟื่องฟู

                ภายในทวีปที่เกิดจากการรวมตัวของประเทศเล็ก นั้น ผู้คนที่ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมจดหมายต่างแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันอย่างไร้ความปราณี พูดง่าย ก็คือสถานการณ์ของบริษัทไปรษณีย์ในทวีปที่กำลังแข่งขันกันอยู่นั้นคือการแข่งกันแย่งลูกค้านั่นเอง

                ลูกค้าจะเป็นคนเลือกบริษัทไปรษณีย์ที่ให้บริการใช้งานและส่งจดหมายให้ด้วยตัวเอง เหตุผลในการเลือกก็จะเป็นค่าธรรมเนียม พื้นที่ที่ให้บริการส่งจดหมาย และแน่นอนว่ามารยาทของบุรุษไปรษณีย์ก็อยู่ในการพิจารณา จากนั้นก็เลือกบริษัทไปรษณีย์จากที่ไหนสักแห่ง

                แต่ในปัจจุบัน โครงสร้างการบริหารของบริษัทไปรษณีย์ได้ทุ่มเทไปให้กับธุรกิจรับจ้างเขียนจดหมาย ออโต้เมมโมรี่ดอลล์ที่เป็นธุรกิจย่อยมากกว่าการส่งทางไปรษณีย์เสียอีก เพราะพวกเขาคงจะอยู่ในตลาดการแข่งขันไม่ได้หากทำแค่ธุรกิจส่งไปรษณีย์อย่างเดียว ยิ่งการแข่งขันสูงมากเท่าไร การให้บริการยิ่งแตกต่างกันไปเท่านั้น ฝ่ายไหนเก่งกว่าและด้อยกว่าก็จะเห็นได้ชัดมากขึ้น ซึ่งฝ่ายที่แพ้ก็ต้องปิดบริษัทไปอย่างช่วยไม่ได้

                ภายใต้การแข่งขันที่รุนแรงเช่นนี้ ประเทศหนึ่งที่มีชื่อว่าไลเดนชาฟต์ลิช ซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตอนใต้ของทวีปก็มีบริษัทไปรษณีย์ที่เรียกว่าบริษัทไปรษณีย์ซีเอชที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับวงการนี้เช่นกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นบริษัทใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่กี่ปีมานี้นับตั้งแต่ก่อตั้ง แต่ชื่อเสียงของบริษัทกลับแสนโด่งดัง ระดับความพึงพอใจของลูกค้าอยู่ในระดับสูง และมีผู้มาใช้บริการซ้ำจำนวนมาก

                จากมุมมองทั่วไปก็คงมีอยู่สองแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังผลลัพธ์ดี ๆ นี้

                แรงจูงใจแรกคือบริษัทไปรษณีย์ซีเอชไม่ได้กำหนดพื้นที่ให้บริการส่งของ ถ้าหากลูกค้าปรารถนาให้ไปส่งที่ใด ก็สามารถไปส่งที่ไหนก็ได้ในโลกใบนี้ แน่นอนว่ามีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับที่ที่อยู่ห่างไกล แต่ก็ถือเป็นการพยายามครั้งแรกในอุตสาหกรรมจนดึงความสำเร็จมาได้ เพราะแม้แต่บริษัทไปรษณีย์เดิมที่มีอยู่ที่ยังเป็นที่น่ากังขาว่าเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมนี้ก็ยังกำหนดพื้นที่จัดส่ง บริษัทไปรษณีย์ซีเอชไปส่งแม้กระทั่งพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง ซึ่งถือเป็นการให้ความช่วยเหลือที่ดีมากสำหรับลูกค้าที่ครอบครัวหรือคนรักอยู่ในสนามรบ ดังนั้นการที่จำนวนลูกค้าจะเพิ่มขึ้นก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม การทำสิ่งนั้นสำเร็จราวกับเป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่งก็ยังเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับบริษัทธรรมดาทั่วไป การที่บริษัทไปรษณีย์ซีเอชสามารถไปที่ไหนก็ได้ตามแต่ที่ลูกค้าปรารถนานั้นเป็นเพราะบริษัทได้รวบรวมบุคลากร และระบบการจัดการที่ทำให้มันเป็นไปได้ – เพราะแบบนั้นบริษัทจึงประสบความสำเร็จ

                เหตุผลอย่างที่สองก็คือบริษัทไปรษณีย์ซีเอชมีดาราเด่นซึ่งเข้ามาเป็นออโต้เมมโมรี่ดอลล์ที่เปล่งประกายราวกับดาวหาง การที่ได้เห็นเธอเดินไปรอบ ๆ เมืองถึงกับทำให้ผู้คนถึงต้องเหลียวหลังหันมาดูเธออีกรอบ และการที่ได้ยินเสียงของเธอนั้นก็ทำให้พวกเขาถึงกับแก้มแดงด้วยความหลงใหล เธองดงามมากเสียจนราวกับหลุดออกมาจากเรื่องเล่าในตำนานก็ไม่ปาน และเมื่อไม่นานมานี้ ออสการ์นักเขียนบทละครที่มีชื่อเสียงก็ได้ออกมาบอกว่าตัวละครของเขาอิงมาจากตัวเธอและได้รับความนิยมอย่างมาก จึงทำให้เธอมีชื่อเสียงในวงการอื่น ๆ ด้วยราวกับได้ทำงานร่วมวงการกัน

                หลายคนอาจพอนึกภาพออกได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบไหน แต่ส่วนใหญ่ความคาดหวังของพวกเขาจะผิดคาดไปจากที่คิดแต่ยังเป็นด้านที่ดีอยู่ เธอเป็นผู้หญิงที่อยู่เหนือกว่าจินตนาการไปเสียอีก

                ชื่อของเธอคือไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดน

                แหล่งการค้าที่ใหญ่ที่สุดของทวีปคือท่าเรือที่ทำหน้าที่เป็นประตูที่เปิดกว้างสู่ทะเล มันเป็นผลประโยชน์ระดับชาติของไลเดนชาฟต์ลิชเลยทีเดียว และเป็นจุดชนวนของสงครามด้วย มีประเทศอีกมากมายนับไม่ถ้วนที่พยายามจะบุกรุกเข้ามาเพื่อแสวงหาทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์และสถานที่ที่ได้รับอภิสิทธิ์

                ถึงแม้ว่าเมืองจะได้รับความสะดวกสบายทางด้านการเงินเพราะความรุ่งเรืองของเศรษฐกิจที่ช่วยอำนวย แต่ร่องรอยของสงครามก็ยังคงหลงเหลืออยู่ในบางที่ สัญลักษณ์ของทหารที่มีมาอย่างยาวนานไม่ได้ถูกสลักไว้บนกำแพงป้องกันหรือถนนที่ปูด้วยหินเท่านั้น อาจเรียกได้ว่าแม้แต่น้ำพุที่ถูกสร้างขึ้นในเมืองหลวงไลเดนในช่วงการเฉลิมฉลองครบรอบร้อยปีของไลเดนชาฟต์ลิชเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด

                น้ำพุประกอบด้วยรูปปั้นเทพธิดาทั้งเก้าที่ถือโถน้ำไว้บนไหล่ทำให้น้ำจากใต้ดินไหลออกมาจากตรงนั้น ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอัญมณีที่ทำโดยศิลปินระดับประเทศ แต่หัวของเหล่าเทพธิดากลับโดนสับและยังถูกปล่อยไว้อย่างนั้นเพื่อไม่ให้ใครลืมความอัปยศอดสูของไลเดนชาฟต์ลิชที่อนุญาตให้ประเทศอื่นบุกเข้ามา

                ถึงแม้จะเป็นประเทศทางการค้าหลัก แต่ก็เป็นรัฐของทหารด้วย มีทหารติดอาวุธอยู่ในเมืองที่มีทัศนียภาพที่มีชีวิตชีวาด้วยถึงแม้จะอยู่ในช่วงสงบก็ตาม

                 บุคลากรของบริษัทไปรษณีย์ซีเอชให้ประเทศแห่งนี้เป็นบ้านของพวกเขา

                โอ๊ะ มาทำอะไรกันน่ะ?

                ตายจริง

                “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ

                ภายใต้ท้องฟ้าในฤดูใบไม้ร่วงที่แสนงดงามมีคนกลุ่มหนึ่งที่เกิดจากการรวมตัวที่ยากจะได้พบยืนอยู่ตรงหน้าน้ำพุเทพธิดาหัวขาด ซึ่งเป็นผู้หญิงสองคน และผู้ชายหนึ่งคน

                นี่ไม่ใช่แคทลียากับวีหรอกเหรอ พวกเธอออกมาต้อนรับฉันงั้นหรอ ทนรอให้ฉันกลับไปไม่ไหวเลยสินะเนี่ย?

                ชายที่ทิ้งมอเตอร์ไซค์จอดไว้ที่ริมถนนและกำลังกินไก่ย่างอย่างเต็มที่อยู่นั้นเป็นบุรุษไปรษณีย์ที่สวมเสื้อเชิ้ตสีเขียวใส รองเท้าบูทที่มีส้นไขว้ให้ความรู้สึกถึงแรงดึงดูดทางเพศที่ดูซับซ้อน สิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ผมสีบลอนด์ทรายของเขาคือดวงตาสีฟ้าใสที่น่าเย้ายวนใจ แต่ใบหน้าอันแสนนุ่มนวลและดูไม่ค่อยเหมือนผู้ชายนั้นไม่อ่อนโยนเลยสักนิด ชายคนนั้นก็คือเบเนดิกต์ บลูที่ทำงานให้กับบริษัทไปรษณีย์ซีเอช

                พูดอะไรของนาย? ฉันจะถามอีกครั้งนะ พูดบ้าอะไรของนาย? มะ ไม่มีทางที่ฉันจะมารับนายถึงนี่หรอก! ฉันแค่ออกไปซื้อของเป็นธุระให้ท่านประธานที่รักของฉันเฉยๆหรอก ไวโอเล็ตพูดอะไรกับตาผู้ชายส้นตึกนี่หน่อยสิ ไม่มีใครเขาถามหานายหรอกนะ

                คนที่พูดออกมาราวกับเธอตั้งใจเป็นแบบนั้นจริง ๆ ด้วยน้ำเสียงเจ้าอารมณ์คือหญิงสาวหน้าตาสะสวยที่มีผมสีเข้มเป็นลอนเงางาม เธอมีดวงตาสีอะทีมิสและหุ่นทรงนาฬิกาทรายที่มีเสน่ห์เย้ายวนมากเสียจนทำให้เพศตรงข้ามยอมตกเป็นทาส ร่างกายของเธอห่อหุ้มด้วยเดรทโค้ทสีแดงเลือดนกที่มีริบบิ้นคาดเอว แต่ถึงแม้จะปกปิดเอาไว้ก็ราวกับมันจะระเบิดออกมา เธอคือแคทลียา โบลเดอแลร์ซึ่งทำงานให้กับบริษัทไปรษณีย์ซีเอช

                ทั้งสองคนคะ บนถนนแบบนี้พวกคุณเสียงดังเกินไปแล้วนะคะ

                คนที่ตำหนิคู่หูด้วยน้ำเสียงเพราะพริ้งเป็นหญิงสาวที่แสนงดงามที่แต่งตัวเหมือนกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ หญิงสาวมีที่คาดผมที่ทำจากลูกไม้ปักอยู่บนกลุ่มผมของเธอและระบายออกมาราวกับคลื่น และสวมชุดกระโปรงที่มีลูกไม้จำนวนมากเย็บติดกับตัวชุด พร้อมกับเสื้อโค้ทผ้าชีฟอง

                “วี

                “ไวโอเล็ต

                เธอคือไวโอเล็ต เอเวอร์การเดน ออโต้เมมโมรี่ดอลล์คนดังของบริษัทไปรษณีย์ซีเอช ซึ่งมีดวงตาสีฟ้าที่ทำให้ใครก็ตามที่ได้มองมาหลงใหลได้อย่างง่ายดาย เช่นเดียวกับเข็มกลัดมรกตสีเขียวที่อยู่บนหน้าอกเธอ

                เบเนดิกต์และแคทลียาหันไปทางไวโอเล็ต และเปลี่ยนความสนใจไปที่เธอทันทีอย่างพร้อมเพียงกัน

                อะไรของเธอน่ะ?

                ไวโอเล็ต จริง ๆ นะ เธอน่ารักมากเลย เธอปล่อยผมเธอด้วย? เธอมีเดทหรอ?

                เพราะได้รับแรงกดดันจากทั้งคู่ ไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดน ออโต้เมมโมรี่ดอลล์ที่บริษัทไปรษณีย์ซีเอชภูมิใจนั้นก้มลงไปมองที่พื้น เลดี้ทิฟฟานี่คนที่บ้านของฉันเป็นคนจัดการให้ทุกอย่างเลยน่ะค่ะ แต่มันแปลกหรือเปล่าคะ?น้ำเสียงของเธอฟังดูเขินอายเล็กน้อย

                แคทลียามองไปที่ไวโอเล็ตด้วยแววตาอ่อนโยน มันไม่แปลกเลย เธอน่ารักไม่แพ้ฉันเลยล่ะ เธอจะไปเจอผู้พันหรอ?

                ค่ะ แต่ว่ามันยังไม่ถึงเวลานัด ฉันก็เลยจะไปซื้อหนังสือเพื่อเอาไปด้วยค่ะ

                ดีจัง เธอตั้งหน้าตั้งตารอด้วยสินะเนี่ย! นี่ เธอไม่แปลกเลยใช่ไหมเบเนดิกต์?แคทลียาแสดงความดีใจจนออกนอกหน้า

                ชิเบเนดิกต์จิ๊ปาก

                มันผ่านมานานทีเดียวตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาทั้งสามคนอยู่ด้วยกัน แต่มันก็ถือเป็นเรื่องปกติ ที่บริษัทไปรษณีย์ซีเอช ทุกคนจะทำงานอย่างขะมักเขม้นทุกวัน มีอยู่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่พวกเขาจะได้มารวมตัวกันตามหน้าที่ แต่จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาจัดตารางงานได้เท่านั้น ให้อธิบายก็คือพวกเขาเป็นเพื่อนที่ได้รับการว่าจ้างจากประธานของพวกเขาในเวลาเดียวกันนั่นเอง

                เบเนดิกต์โยนกระดูกไก่ที่เพิ่งกินไปลงบนถนน ชำเลืองมองใบหน้าของไวโอเล็ตขณะที่เลียน้ำมันที่เลอะมือของเขา อืมม ก็ใช้ได้นะ? ทำได้ดีมาก

                ถึงแม้ว่าใบหน้าของพวกเขาจะอยู่ใกล้กัน แต่ไวโอเล็ตก็มองไปที่เขาด้วยดวงตาคู่โตของเธอโดยไม่คิดจะเลี่ยงสายตา

                เบเนดิกต์กดปลายนิ้วลงบนหน้าผากระหว่างดวงตาคู่โตทั้งสองข้างของเธอ แต่คนที่จะพาเธอไปเดินเล่นคือฉันต่างหาก ในฐานะพี่ชาย ฉันไม่ยอมรับที่น้องสาวของฉันจะถูกตาแก่คนหนึ่งแทะโลมหรอกนะ ฉันดีกว่าตั้งเยอะ เพราะฉันยังหนุ่มและเท่มาก

                อาจพูดได้ว่าคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมากจนพูดอะไรแบบนี้ก็ถือว่าหาได้ยากมากในหมู่มนุษยชาติ

                แคทลียาพูดขัดด้วยความขุ่นเคือง คนอื่นคงจะพูดแบบนั้น แต่คุณกิลเบิร์ตเป็นคนที่สุดยอดมาก เขาเป็นผู้ใหญ่ และฉันรู้ว่าไวโอเล็ตตกหลุมรักเขาหัวปักหัวปำ เพราะงั้นนายต่างหากที่ไม่เป็นที่ต้องการน่ะ!”

                “’หัวปักหัวปำ’ หมายความว่าอะไรหรือคะ?ไวโอเล็ตเอ่ยถามทันทีเมื่อได้ยินคำที่ไม่คุ้นหู

                มันเหมือนหลงใหลคลั่งไคล้นั่นแหละ ก็เธอเองไม่ใช่เหรอที่บอกว่าผู้พันเป็นคนๆนั้นคนเดียวสำหรับเธอน่ะ?

                ค่ะ ฉันพูดแบบนั้นคิ้วของเธอขมวดเข้าหากันราวกับเธอกำลังมีปัญหา ดวงตาสีฟ้าของเธอมีน้ำตาเอ่อคลอเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าเธอกำลัง อายมากกว่า บางทีอาจเป็นเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ไวโอเล็ตจึงหันหน้าไปอีกทาง

                ความรู้สึกรักใคร่ที่มีต่อหญิงสาวท่าทางเคอะเขิน ความอิจฉาในความสุขของเธอ และความรู้สึกที่แสนซับซ้อนที่เพื่อนของพวกเขากำลังจะถูกชายคนหนึ่งพรากไปปรากฎขึ้นในใจของเบเนดิกต์และแคทลียา ดังนั้นเพื่อกำจัดมันออกไป ทั้งสองจึงเลือกที่จะกำหมัดเงียบๆ ผลัก และเตะไวโอเล็ตไปทางซ้ายและขวา

                ให้ตาย อย่าทำตัวน่ารักสิวะ เธอก็เป็นแค่ยัยบ้าในสนามรบเท่านั้นแหละ

                “เธอทำฉันหงุดหงิดจริง ๆ นะ เธอแกร่งอย่างกับหมี! แต่เธอน่ารักชะมัดเลย

                บางทีอาจเป็นเพราะเธอไม่รู้สึกเจ็บ หรือบางทีเธออาจพยายามหาทางจัดการกับสถานการณ์นี้ เธอจึงยอมอยู่เงียบๆและยอมรับความรุนแรงที่ไม่มีเหตุผลนี่ ถ้ามองจากด้านข้างก็คงดูเหมือนว่าเธอกำลังถูกรังแก แต่ไวโอเล็ตเป็นคนที่มีฝีมือการต่อสู้สูงที่สุดในหมู่พวกเขา เมื่อความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสามคนมารวมตัวกัน การเตะต่อยเช่นนี้ก็ถือเป็นเรื่องไร้สาระไปเลย

                ฟังนะ อย่าปล่อยให้เขาจับเธอสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะเข้าใจไหม? ถึงเธอจะน่าทึ่งก็เถอะ เธอเหมือนน้องหมาขนปุยเลย แคทลียาเธอลองจับดูสิ

                นี่ อย่าจับเธอสุ่มสี่สุ่มห้าด้วยมือนั่นเหมือนกันสิยะ! จะเอามือที่เลอะน้ำมันมาจับผมของหญิงสาวไม่ได้นะ! หยุดเดี๋ยวนี้!”

                มันไม่เป็นไรหรอกใช่ไหมล่ะ? ใช่ว่าฉันจะเพิ่งออกมาจากห้องน้ำซะหน่อย

                “เอ๊ะ หมายความว่านายไม่เคยล้างมือเลยหรอ!? ใช่ไหม? เป็นแบบนั้นใช่ไหม? บ้าไปแล้วว! ไวโอเล็ต นี่ มานี่นะ เบเนดิกต์ อย่ามาใกล้พวกเราอีกนะยะ! จากตรงนี้คือเขตของฉัน! ถ้านายกล้าล้ำเส้นฉันจะอัดนายให้กระเด็นเลย!”

                แคทลียาลากขาของเธอที่สวมใส่รองเท้าบูทหนังกลับเป็นเส้นบนพื้น เบเนดิกต์ก็ตอบกลับแบบเด็ก ๆ อย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน เขาหยิบซากกิ่งไม้จากรากของต้นไม้ริมถนนมาและทำเหมือนเขา หา~? งั้นฉันจะทำให้ทุกอย่างจากตรงนี้เป็นเขตของฉัน! แต่ว่าทางไปสำนักงานใหญ่ของท่านประธานที่รักของเธอก็อยู่ข้างหลังฉันเองนะ งั้นเธอก็อย่ากลับไปแล้วกัน!”

                อ๊ะ~ ไม่ยุติธรรมเลย! มัน ไม่ ยุ ติ ธรรม!”

                ยุติธรรมออก~! เธอเป็นคนเริ่มเองน้า~”

                มันเป็นพฤติกรรมแบบเด็ก ๆ สำหรับคนที่เป็นคนของสังคมแล้ว ไวโอเล็ตที่เป็นคนที่อายุน้อยที่สุดมองไปที่พวกเขาด้วยความสนใจราวกับเธอกำลังดูการโต้เถียงกันของสัตว์สายพันธุ์ใหม่

                นั่นเป็นช่วงเวลาที่สงบสุขก่อนที่ความโกลาหลจะเริ่มขึ้น

     


     

                ในช่วงเวลาเดียวกัน ประเทศเดียวกัน และเมืองเดียวกันนั้น เวลาได้หลั่งไหลเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของบริษัทไปรษณีย์ซีเอชอย่างสงบสุข ไม่มีใครตระหนักถึงฝันร้ายที่กำลังจะมาเยือนพวกเขาในอีกไม่กี่นาทีหลังจากนี้

                บริษัทตั้งอยู่ในตรอกที่อยู่ห่างจากถนนสายหลัก สร้างภาพลักษณ์ให้เหมือนกับเป็นร้านค้าเล็ก ๆ  มันมีปลายยอดแหลมสีเขียวอ่อน หลังคาทรงโดม และกังหันอยู่ด้านบน หลังคาสีเขียวเข้มยื่นออกไปราวกับจะล้อมรอบยอดแหลม ๆ นั่น และกำแพงด้านนอกทำมาจากอิฐสีแดงที่ถูกแดดแผดเผาจนกลายเป็นสีที่มีรสนิยม แผ่นเหล็กตรงประตูที่เป็นทรงโค้งทำให้ทราบถึงชื่อของบริษัทพร้อมกับตัวอักษรที่ถูกสลักสีทอง

                ไม่ว่าใครก็ตามที่เปิดประตูเข้าไป เสียงใส ๆ ของกระดิ่งจะเป็นตัวบอกถึงการมาเยือนของลูกค้า เมื่อเข้ามาก็จะพบกับเคาน์เตอร์ซึ่งเป็นฝ่ายต้อนรับ ตึกของบริษัทมีทั้งหมดสามชั้นด้วยกัน ซึ่งชั้นแรกเป็นแผนกต้อนรับ ชั้นสองจะเป็นสำนักงาน และยอดแหลมตรงชั้นที่สามจะเป็นที่อยู่ของประธานบริษัท

                ถึงแม้จะอยู่ห่างจากถนนเส้นหลักมาไกล แต่ราคาก็ยังค่อนข้างแพงอยู่ดี เจ้าของ – เพียงคนเดียวของตึกที่ถูกเรียกโดยเหล่าพนักงานของบริษัทไปรษณีย์ซีเอชว่า ท่านประธานและ ตาแก่นั้นกำลังดื่มชาดำและบรั่นดีที่ระเบียงซึ่งมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองได้อย่างไม่ขาดสาย

                มันน่ากลัวจนรู้สึกเยี่ยมเลยนะเนี่ย

                เขามีหน้าตาหล่อเหลามากเสียจนทำให้สาว ๆ ตายได้เลย และหล่อมากเสียจนเขาสามารถแสดงพฤติกรรมเอาแต่ใจตัวเองได้ อายุอานามของเขาอยู่ที่ประมาณสามสิบ เขามีดวงตาสีฟ้าหม่นและหางตาตก ผมสีแดงยาวเล็กน้อย รูปร่างบึกบึน และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่หนุ่มน้อยแล้ว แต่ใบหน้าอ่อนโยนของเขาก็ให้ความรู้สึกที่ดูออกง่ายแต่ก็ซับซ้อนไปในตัว ด้วยรูปลักษณ์หน้าตาของเขาคงจะทำให้เขาได้รับความอิจฉาริษยาจากผู้ชายรุ่นเดียวกัน รองเท้าบู๊ตหนังของเขาเปล่งประกายแวววาวโดยไม่มีรอยเปื้อนแม้แต่จุดเดียว ซึ่งอาจเป็นเพราะเขาขัดมันด้วยความหลงใหล

                ท่านประธานฮอดกินส์คะ!”

                คนที่ตะโกนขึ้นมาในห้องนั้นเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาใสซื่อ เธอมีผมสีม่วงเทาที่นุ่มลื่นดุจกำมะหยี่และยาวประบ่า พร้อมด้วยดวงตากลมโต ศีรษะเล็กจุ๋มจิ๋ม และตัวเล็กกะทัดรัด ถึงแม้จะมีร่างกายที่ยังเหมือนเด็ก แต่ดวงตาที่มีสีต่างกันที่อยู่หลังแว่นที่เธอสวมใส่นั้นช่างดูน่าทึ่งและลึกลับพอ ๆ กัน เธอเป็นผู้หญิงที่เหมาะกับคำว่า น่ารักเป็นที่สุด

                ช่วยพูดแบบนั้นตอนที่ทำงานเสร็จแล้วสิคะ!”

                อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมที่เธอแสดงออก ณ ตอนนี้ก็คือพฤติกรรมของคนเป็นเลขาของประธานที่แสนเอาแต่ใจตัวเองเท่านั้น

                ฮอดกินส์ตอบกลับอย่างอ่อนโยน ลักซ์ตัวน้อย สิ่งที่ฉันต้องการตอนนี้ไม่ใช่การทำงานที่แสนโหดร้ายทารุณแต่เป็นเวลาพักผ่อนที่ดื่มด่ำกับอากาศในฤดูใบไม้ร่วงที่แสนอ่อนโยนและจิบชาต่างหาก

                “ถึงคุณจะพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็นแบบนั้น แต่ก็ดูเหมือนคุณกำลังปลอบใจตัวเองด้วยการวิ่งหนีจากความเป็นจริงเท่านั้นแหละค่ะ! ได้โปรดเถอะค่ะ ถ้าอย่างน้อยคุณประทับตราสักนิด ฉันจะไปเอาชามาให้คุณเท่าที่คุณต้องการเลยค่ะ! พรุ่งนี้เดดไลน์แล้วนะคะ! เราต้องจัดการเอกสารส่วนใหญ่ให้หมดในวันนี้และส่งให้อีกหลายๆฝ่ายที่เกี่ยวข้องในวันพรุ่งนี้ค่ะ! มันถึงวันงานจดหมายโบนบินอีกแล้วนะคะ!”

                เธอกลายเป็นเลขาของฉันเต็มตัวแล้วนะเนี่ย ฉันดีใจจัง ตอนที่เธอมาที่นี่ครั้งแรกเธอดูเหมือนกระต่ายตัวน้อย ๆ ที่กำลังตื่นกลัวเลย แต่ตอนนี้เธอเป็นสาววัยทำงานแล้วสินะ? ความรู้สึกที่ฉันเป็นคนเลี้ยงดูเธอมายอดเยี่ยมจริง ๆ เลยนะว่าไหม?

                ท่านประธานฮอดกินส์! ขอร้องล่ะค่ะ! ประทับตราเถอะ! ถ้าคุณจับมันไว้ฉันจะได้เลื่อนไปให้คุณประทับ ฉันอ่านเอกสารให้คุณแล้วด้วย…”

                งั้นลักซ์ตัวน้อย ถ้าเธอเป็นคนประทับซะเองก็ไม่น่าต่างกันมากไม่ใช่เหรอ?

                ถ้าฉันทำได้ฉันก็จะทำเองค่ะ! ทั้งหมดที่เหลือนั่นคือส่วนที่ต้องการการยืนยันจากประธานค่ะ เพราะงั้นทำสักทีเถอะค่ะ!”

                น้ำเสียงในการออกคำสั่งด้วยการใช้คำพูดที่สุภาพจากเด็กสาวทำเอาฉันขนลุกจนทนไม่ไหวเลยนะเนี่ยหืม นี่ ลักซ์ตัวน้อย เธอก็ไม่ได้ดูแย่ที่ใส่เสื้อเชิ้ตกับกระโปรงบานยาวหรอกนะ แต่ทำไมเธอไม่ลองเปลี่ยนดูล่ะ? ฉันว่าฉันจะแนะนำชุดผ้ากันเปื้อนสีดำทับกับเสื้อเชิ้ตแขนพอง กางเกงรัดรูปสีดำ และรองเท้าเคลือบสีแดงอยู่แล้วเชียว

                ได้โปรดฟังที่ฉันพูดด้วยค่ะ!” หญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่เคารพบูชาในฐานะมนุษย์กึ่งเทพที่ลัทธิทางศาสนาไม่มีอยู่อีกแล้ว ลักซ์ ซิบบิล – ในตอนนี้ได้กลายเป็นลูกน้องที่พยายามโน้มน้าวหัวหน้าที่ไร้ประโยชน์ของเธอด้วยท่าทางที่ราวกับกำลังจะร้องไห้

                ลักซ์ทำงานอย่างจริงจังและไม่ย่อท้อนับตั้งแต่ไวโอเล็ตพามาและถูกจ้างให้เข้าไปทำงานในบริษัทไปรษณีย์ซีเอช อาจเป็นเพราะเธอมีนิสัยเจ้าระเบียบจึงทำให้ตอนนี้ได้รับมอบหมายเป็นเลขาของประธาน แต่เธอก็มักจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการพูดอย่างสบาย ๆ กับประธานของเธอเสมอ

                ความสามารถทางธุรกิจของชายที่มีชื่อว่าฮอดกินส์นั้นไม่มีข้อกังขาแต่อย่างใด แต่ความไม่จริงจังของเขาสุดโต่งมาก และเขาจะไม่ยอมหยุดเล่นไปเรื่อย ๆ โดยง่าย ๆ ถึงแม้ว่าจะมีงานล้นเป็นกองก็ตาม การที่ต้องทำให้เขาอยู่กับที่ในแต่ละวันเป็นหน้าที่ของลักซ์ มีครั้งหนึ่งที่เลวร้ายมากเพราะเธอต้องไปตามหาเขาและพาเขากลับมาจากซ่องในย่านโสเภณี

                ถ้าคุณไม่ประทับตรา คนที่ตายจะไม่ใช่คุณ แต่เป็นฉันนะคะ

                ลักซ์เหนื่อยมากเหลือเกิน

                ไม่หรอกน่า ฉันจะประทับตรา ฉันจะประทับ ประทับมันเดี๋ยวนี้ อย่าทำหน้าซึมแบบนั้นสิ ลักซ์ตัวน้อย เธอมองโลกในแง่ร้ายไปนะ แล้วก็นะ เธอใส่ทุกอย่างตรงตามคำพูดฉันเกินไป ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่า 80% ของคำพูดฉันมาจากการพูดมั่ว ๆ น่ะ? ทำให้ตัวเองสบายใจขึ้น แล้วมาสนุกกับทุกอย่างบ้าง แม้แต่กับเรื่องยุ่งยากก็เถอะ

                ท่านประธานคุณดูเหมือนเป็นคนที่จะสามารถพูดแบบนี้ได้ทั้ง ๆ ที่คุณมีรูอยู่ในท้องเลยค่ะฉันอิจฉาเลย

                ขอบใจนะ ฉันเป็นคนที่เติบโตมาด้วยคำชมน่ะ

                เธออยากจะบอกว่าที่เธอต้องการจะสื่อมันไม่ใช่คำชม แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ลักซ์ก็หันเหความสนใจไปที่อย่างอื่น ดวงตาสีทองและแดงของเธอเห็นสิ่งแปลกประหลาดบนท้องฟ้าที่ดูขัดกับทิวทัศน์อันสวยงามที่มองเห็นจากระเบียง

                ท่านประธานฮอดกินส์คะตรงนั้น มันกำลัง…”

                ในขณะเดียวกันกับที่เธอจะพูด ฮอดกินส์ก็ดึงร่างของลักซ์ อุ้มเธอ และกระโดดไปที่ปลายห้อง ลักซ์จับที่หน้าอกของฮอดกินส์แน่น ไม่แม้แต่จะกรีดร้องหรือส่งเสียงออกมาด้วยความสับสน

                ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น เสียงของระเบิดก็ดังขึ้น

     

     


                พวกคุณได้ยินเสียงอึกทึกอะไรไหมคะ?ไวโอเล็ตพูดขึ้นมาท่ามกลางเบเนดิกต์และแคทลียาที่กำลังทะเลาะกันอยู่ ดวงตาสีฟ้าของเธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้า จับจ้องไปที่วัตถุสีดำที่พุ่งผ่านไปชั่วพริบตา

                และมันก็ตกลงไปตรงตึกอันสวยงามท่ามกลางทิวทัศน์ของเมืองไลเดน

                สำนักงานใหญ่ถูกโจมตีค่ะ!” หลังจากเธอพูดไปไม่กี่อึดใจ ไวโอเล็ตก็วิ่งออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว เธอวิ่งผ่านผู้คนที่ยืนจังงังพร้อมกับอ้าปากค้าง ความสนใจของพวกเขาถูกหันเหไปที่เสียงระเบิดที่ดังกึกก้องในช่วงบ่ายที่แสนสงบสุข

                บ้าน่า เป็นไปไม่ได้! เอ๋?! แล้วท่านประธานล่ะ!?

                ขึ้นมาเร็วยัยโง่

                เบเนดิกต์ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ของเขาก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากกระซิบเสียงเบา เขาก็เหวี่ยงมืออ้อมไปด้านหลังแคทลียา อุ้มเธอขึ้นมาอย่างง่ายดาย และจัดให้เธอนั่งตรงเข่าของเขา จากนั้นก็บิดเครื่องยนต์และทะยานออกไป

                ดะ––! ทำแบบนั้นพร้อม ๆ กันมันน่ากลัวนะ! มันน่ากลัวน้าาา!” แคทลียาตะโกน คล้องแขนไปที่คอของเบเนดิกต์

                ถอย! ถอย! พวกคุณกำลังขวางทางนะ!”

                หญิงสาวคนหนึ่งที่ขายช่อดอกไม้บนรถม้าล้มลงทำให้ม้าที่ลากรถของเธอส่งเสียงร้องลั่น เบเนดิกต์ขับไล่ตามไวโอเล็ตโดยไม่สนใจการจราจรบนถนน เขาค่อยๆขับเข้าไปใกล้ร่างของเธอซึ่งก่อนหน้านี้ไกลจนแทบมองไม่เห็น

                เบเนดิกต์ยื่นมือออกไป วี!”

                ไวโอเล็ตวิ่งไปด้วยความเร็วที่น่าตกใจ แต่เมื่อเธอได้ยินเสียงเบเนดิกต์ เธอก็กระโดดขึ้นไปบนมอเตอร์ไซค์ของเขาอย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งสองคนที่ซึ่งมีความเข้าใจกันดีโดยที่ไม่ต้องพูดคำว่า ขึ้นมาคุยกันโดยไม่สนใจเสียงโหวกเหวกของแคทลียา

                เสียงนั้นเป็นเสียงปืนใหญ่ของไลเดนชาฟต์ลิชค่ะ

                เธอเห็นตำแหน่งยิงลูกปืนหรือเปล่า?

                มันมาจากฝั่งตะวันตกของเมืองไม่ผิดแน่ค่ะ ดูสิคะ ควันลอยขึ้นมาจากตรงสำนักงานชั้นสาม ถ้าเราคิดว่ามันถูกยิงมาจากที่ไหนสักแห่งที่สูง ๆ เราก็จะพอระบุตำแหน่งได้ใช่ไหมล่ะคะ?

                “มันลงตรงอพาร์ทเมนต์ของตาแก่พอดีเลย มีผู้ต้องสงสัยมากเกินไปนะเนี่ย

                พวกเธอยังใจเย็นกันอยู่ได้ยังไงน่ะ!? ท่านประธานอาจจะตายแล้วก็ได้นะ!” แคทลียาจ้องเขม็งไปที่เบเนดิกต์และไวโอเล็ต แต่เมื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองที่แตกต่างไปจากปกติ เธอจึงเงียบเสียงลงโดยไม่ต้องฉุกคิด

                ไม่มีทางที่พวกเราจะไม่กังวลหรอกใช่ไหม…!? เบเนดิกต์พูดในส่วนของไวโอเล็ตด้วย

                มอเตอร์ไซค์ที่พวกเขาทั้งสามคนขี่ส่งเสียงคำรามขณะที่ขึ้นไปบนทางลาด

     


     

                ฮอดกินส์ใช้มือคร่อมร่างของลักซ์ไว้ใต้ชั้นหนังสือเพื่อไม่ให้มันหล่นทับเธอ ลักซ์มองไปที่เขาด้วยความตกตะลึง

                ลักซ์ตัวน้อย เธอ ค่อย ๆ ขยับก็ได้ แต่ออกไปจากใต้ตัวฉันเถอะ

                กระจกแตกเป็นเสี่ยงๆกระจัดกระจายไปทั่วห้อง โต๊ะทำงานของประธานซึ่งเป็นโต๊ะสั่งทำและออกแบบโดนช่างฝีมือชั้นเยี่ยมถูกทำลายจนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พรมกลายเป็นเถ้าถ่าน และห้องก็เริ่มลุกเป็นไฟ

                ท่านประธานฮอดกินส์ขะ ขอโทษค่ะ!” ลักซ์คลานออกมา พยายามดันชั้นด้วยแขนอันปวกเปียกของเธอแต่มันก็ไม่ขยับเลยสักนิด

                ฉันไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร ให้ตาย~ ช่วงนี้ฉันไม่ได้วิดพื้นเลยมันก็เลยส่งผลเสียกับฉันสินะเนี่ยฮึบ

                ทันทีที่เขาฮึดด้วยแรงทั้งหมดและยกชั้นหนังสือขึ้นในครั้งเดียวเขาก็กลิ้งออกมาจากการโดนทับ เขาเป็นคนที่มีกล้ามเนื้อแข็งแกร่งมาก

                ฮอดกินส์ลุกขึ้นและมองไปรอบห้อง สายตาของเขาไม่เหมือนกับประธานบริษัทที่แสนขี้เกียจก่อนหน้านี้แล้ว

                โทษทีนะ เธอเป็นอะไรไหม?มีเพียงแค่เสียงทุ้มนุ่มของเขาที่ยังคงเหมือนเดิมเช่นเคย

                ทำไมคุณถึงขอโทษล่ะคะท่านประธาน?

                เพราะไม่ว่าจะคิดยังไง ฉันว่าฉันเป็นเป้าการโจมตีนี้น่ะสิ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอฉันคงหาข้อแก้ตัวกับพ่อแม่เธอไม่ได้แล้วล่ะ

                ฉันไม่มีพ่อแม่ค่ะ

                นั่นสินะ งั้นฉันคงหาข้อแก้ตัวให้เธอไม่ได้แล้ว ทีนี้ เราไปดูกันเถอะว่าพนักงานคนอื่นเป็นอะไรหรือเปล่า…”

                ยังไงก็ตามแต่เถอะค่ะ เราลงไปข้างล่างกันเถอะ ถ้าเรายังอยู่แบบนี้เราคงโดนเผาจนตายแน่ค่ะ!” ลักซ์วิ่งไปที่บันไดเพื่อลงไปชั้นล่างทันทีหลังจากที่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

                ฮอดกินส์เรียกเธอสุดเสียงเพราะเขาตั้งใจจะลงไปข้างล่างด้วยบันไดฉุกเฉินรอเดี๋ยว! ลักซ์ตัวน้อย!”

                อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ลักซ์จะเปิดประตูออกไป มันก็เปิดออกเสียก่อน ฮอดกินส์เห็นแขนที่ยื่นออกมาไวๆต่อหน้าต่อตาและจับลักซ์ไว้ เธอถูกลากเข้าไปในความมืดและหายวับไป

                ลักซ์ตัวน้อย?

                ไม่นานนักลักซ์ก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าฮอดกินส์ที่เม้มริมฝีปากอยู่อีกครั้ง ปากกระบอกปืนจ่ออยู่ที่ขมับของเธออยู่ คนที่ผลักเธอไปข้างหน้าในขณะที่จับไหล่ของเธอไว้เป็นชายที่สวมชุดสูทสีดำสนิท พร้อมกับชายอีกหกคนที่แต่งตัวเหมือนกันตามมาด้านหลัง สายตาของฮอดกินส์เริ่มน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ

                เป็นอย่างไรบ้าง คลอเดีย ฮอดกินส์?ชายคนนั้นเรียกชื่อของฮอดกินส์ด้วยชื่อที่เขาไม่ยอมเรียกตัวเองแบบนั้น มันเป็นชื่อที่พ่อแม่ของเขาตั้งให้เพราะคิดว่าเขาจะเกิดมาเป็นผู้หญิง

                ฮอดกินส์เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มที่ดูบิดเบี้ยว คุณนี่มันไอ้หน้าโง่ของแท้เลยนะ ซัลวาโต้ ริดาวโด้

                ซัลวาโต้ยิ้มด้วยความแดกดันเช่นกัน ผมของเขาถูกเซ็ตด้วยน้ำมันจนไม่มีผมที่กระดกขึ้นมาสักเส้นเดียว เขามีดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่หางตาตก ริมฝีปากหนา และผิวซีดราวกับไข

                แล้วการที่คุณยิงปืนใหญ่เข้ามาในห้องทำงานผม และจ่อปืนไปที่หัวของเลขาผม คุณคิดจะทำอะไรล่ะ?

                โอ้ เก่งจริงนะที่เดาออกด้วยว่าเป็นฝีมือพวกเรา

                ผมมีความคิดคร่าว ๆ อยู่บ้าง แต่คุณบอกผมเองไม่ได้เหรอท่านประธานแห่งบริษัทไปรษณีย์ซัลวาโต้? ที่ผมจำได้ก็แค่ว่าวุฒิการศึกษาในโรงเรียนทหารบกของผมต่ำกว่าของคุณก็เท่านั้นเอง

                ถ่อมตัวเสียเหลือเกินนะนายน่ะเป็นถึงผู้ประกอบการหน้าใหม่ในวงการไปรษณีย์ที่ทุกวันนี้ใคร ๆ ต่างก็รู้จักชื่อเลยไม่ใช่เหรอ? เห็นได้ชัดเลยไม่ใช่เหรอว่าฉันต้องการอะไรน่ะ? บริษัทไปรษณีย์ซัลวาโต้และบริษัทไปรษณีย์ซีเอช สองบริษัทแข่งกันเพื่อเป็นที่ต้องการของไลเดนชาฟต์ลิช การที่มีคู่แข่งก็น่าจะทำให้นายรู้สึกรำคาญใจบ้างเหมือนกันสินะ แต่ฉันอยู่ในวงการนี้มานานที่สุด ฉันจึงไม่สามารถเก็บความหงุดหงิดนี้ไว้ในใจได้ วิธีการของนายในการทำสิ่งต่าง ๆ มันยังไงก็แล้วแต่ ฉันอยากให้นายตามเรามาด้วยความว่าง่าย ฉันอยากคุยกับนายในที่เงียบ ๆ สักหน่อย ถ้านายยอมทำตาม เราจะยอมกลับไปโดยไม่ทำให้หญิงสาวน่ารักๆคนนี้และพนักงานที่เหลือบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย

                สำหรับคนที่ทำงานในวงการไปรษณีย์ เขาเป็นคน ๆ หนึ่งที่น่ารำคาญมาก การเรียกเขาว่ามาเฟียใต้ดินคงจะเหมาะกว่าเสียอีก ชายในชุดดำที่เป็นลูกน้องของเขาก็ดูเหมือนจะเป็นคนที่ไม่น่าให้ความเคารพนับถือเช่นกัน

                คุณคิดจะไปหาที่สงบ ๆ หลังจากที่ทำเรื่องแบบนี้ไปเนี่ยนะ? พวกสารวัตรทหารคงกำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้แล้วล่ะ

                ดูเหมือนนายเองก็ติดต่อกับกองทัพเหมือนกันสินะ แต่ฉันก็มีเส้นสายที่แน่นหนาเหมือนกันนั่นแหละ สารวัตรทหารที่คอยตรวจพื้นที่นี้จะไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว ฉันทำให้พวกเขาทำข้อตกลงว่าพวกเขาจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นตลอดทั้งวันนี้ ไม่ว่าเราจะทำเสียงดังแค่ไหนก็ตาม คลอเดียโทษทีนะ ฉันเรียกชื่อต้นนายได้ไหม?

                ฮอดกินส์กัดฟันแน่นเสียจนได้ยินเสียงมันเสียดสีกัน ตามสบายเลยครับ มันเป็นชื่อที่พ่อแม่อันเป็นที่รักผมตั้งให้

                “งั้น คลอเดีย ถ้าเรายังคุยกันสบายๆแบบนี้อยู่ เราคงจะโดนเผาจนไหม้เกรียมแน่ ๆ ฉันอยากให้นายมากับเราด้วยตัวของนายเอง

                เข้าใจแล้ว ผมจะไป แต่คุณต้องทิ้งเลขาผมไว้ที่นี่

                เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ซัลวาโต้ก็นิ่งไป เขามองไปที่ลักซ์ – ที่คงกำลังกลัวมาก – จนมีน้ำตาเอ่อคลอ แล้วเขาก็ยิ้มออกมาราวกับกำลังให้ความเมตตาแก่ศัตรู

                จากนั้นเขาก็ชกไปที่แก้มของเธอ

                ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ท่าทางของฮอดกินส์บ่งบอกถึงความโมโหถึงขีดสุด แก…! แกกล้าแตะต้องผู้หญิง!”

                ชายคนหนึ่งจากด้านหลังเข้ามาพยุงเธอไว้เมื่อเห็นเธอกำลังจะล้มลง

                เขามองไปที่ด้านข้างของฮอดกินส์ที่ตะโกนออกมาด้วยความกราดเกรี้ยว ซัลวาโต้เช็ดเลือดที่กำปั้นของเขาบนแขนเสื้อของลูกน้องคนหนึ่ง ฉันเกลียดผู้หญิงที่คิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามความต้องการของพวกเธอถ้าพวกเธอร้องไห้น่ะ ขอโทษที

                น้ำเสียงของเขาราวกับไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีสักนิดเดียว

                ในตอนที่ทั้งสามคนมาถึง ผู้คนจากร้านข้าง ๆ ก็มาช่วยกันดับไฟพร้อมกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิง

                เมื่อเห็นเช่นนั้น ไวโอเล็ตจึงกระซิบเสียงเบา อย่างกับว่าพวกเขารู้ว่าจะมีเหตุไฟไหม้เลยนะคะ ว่าไหม?

                อย่างที่เธอพูด การปฏิบัติงานของหน่วยดับเพลิงทำได้ดีเกินไป เพราะแบบนั้นจึงทำให้มีแค่ชั้นสามของบริษัทไปรษณีย์ซีเอชเท่านั้นที่ได้รับความเสียหาย

                พวกเธอสามคน! ทางนี้!”

                เมื่อได้ยินเสียงเรียก พวกเขาจึงหันไป พวกเขาเจอกับพนักงานในชุดเครื่องแบบของบริษัทไปรษณีย์ซีเอชยืนอยู่ด้านนอกโดยมีรอยไหม้และอยู่ในสภาพที่น่าหวาดหวั่น ชายวัยกลางคนซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนที่แก่ที่สุดในกลุ่มโบกมือ

                แอนโธนี่ ทุกคน เป็นอะไรหรือเปล่า? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

                แอนโธนี่ ผู้จัดการของแผนกต้อนรับบริษัทไปรษณีย์ซีเอชมีใบหน้าที่อ่อนโยน เขาพูดด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่เหมาะกับใบหน้าของเขามาก พนักงานทุกคนที่มาทำงานวันนี้ปลอดภัยดี แต่ว่าท่านประธานกับลักซ์เลขาของเขาถูกจับตัวไป

                ไม่จริง!” แคทลียาร้องไห้ออกมาคล้ายกับกำลังกรีดร้อง

                เบเนดิกต์มองไปที่ไวโอเล็ต เธอกะพริบตาหลายครั้ง ขนตายาวของเธอกระเพื่อมแสดงให้เห็นถึงอาการ ตกใจท่ามกลางอารมณ์ที่เธอแทบไม่แสดงออกมา

                มือของเธอยื่นมาตรงเข็มกลัดและจับมันไว้แน่น คนร้ายเป็นใครและอยู่ที่ไหนคะ? เธอถามเสียงต่ำ ยังคงจับเข็มกลัดไว้และไม่ยอมปล่อย ใครและ อยู่ที่ไหนคะ?

                น้ำเสียงของเธอเย็นเยียบจนถึงขีดสุด

                มันต่ำและเยือกเย็นมากจนทำให้ใครก็ตามที่ได้ยินรู้สึกไปเองว่าอุณหภูมิรอบตัวของเขาต่ำลงไปชั่วขณะ บรรยากาศรอบตัวเธอนั้นช่างแปลกประหลาด และยิ่งแปลกประหลาดมากขึ้นเพราะลักษณะที่เหมือนกับหุ่นยนต์ของเธอ

                มีเพียงคนเดียวที่ขยับตัวได้ท่ามกลางบรรยากาศที่เย็นยะเยือกเช่นนี้ วีและเรียกเธอด้วยชื่อเล่นที่เต็มไปด้วยความรักซึ่งเบเนดิกต์เป็นคนเดียวที่เรียกมัน

                ไวโอเล็ตหันไปมองด้านข้าง

                ไม่เป็นไรน้ำเสียงนั่นนุ่มนวลเสียจนไม่น่าเชื่อว่าออกมาจากปากของเบเนดิกต์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็จะจัดการมันเอง

                คำพูดนั้นราวกับเป็นคำพูดที่เหมือนกับพี่ชายกำลังบอกกับน้องสาวของเขาจริงๆ

                ขนตาของไวโอเล็ตกะพรืออีกครั้ง ฉันจะจัดการเองค่ะ

                ไม่ได้ ถ้าเราจะทำอะไรสักอย่าง เราต้องทำด้วยกัน แล้วนัดนั่นจะไม่เป็นไรหรอ?

                นัดไม่เป็นไรค่ะ ผู้พันจะต้องเข้าใจ อีกอย่าง ผู้พันเองก็คงจะสั่งให้ฉันช่วยท่านประธานฮอดกินส์กับลักซ์แน่นอนค่ะ

                อาจเป็นเพราะเขาไม่ชอบใจกับการแสดงความเชื่อใจของไวโอเล็ตที่ไร้ซึ่งความผันแปรนั่น เบเนดิกต์จึงยีหัวเธอลวก ๆ อ่า งั้นหรอกเหรอ?

                ผมเป็นลอนที่ราวกับขนนกของเธอยุ่งกว่าเดิมไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ ไวโอเล็ตจึงท้วงว่า หยุดเถอะค่ะด้วยน้ำเสียงปกติของเธอ อารมณ์ที่ไม่มั่นคงที่เผยให้เห็นถึงตัวตนในอดีตของเธอในฐานะทหารหญิงถูกซ่อนไว้อีกครั้ง และทำให้ทุกคนที่อยู่รอบตัวถอนหายใจอย่างโล่งอก

                นี่ พอได้แล้ว ฉันจะได้ถามเรื่องที่เหลือต่อ แอนโธนี่มีปัญหาไม่ใช่เหรอ?

                หลังจากถูกเตะที่หน้าแข็ง ในที่สุดไวโอเล็ตก็พยักหน้า

                แอนโธนี่จึงพูดต่อ คนที่ก่อเรื่องนี้คือบริษัทไปรษณีย์ซัลวาโต้ เป็นตัวประธานบริษัทที่เหมือนกับแวมไพร์และลูกน้องใส่ชุดดำของเขาที่ทำแบบนี้กับบริษัทฉันพยายามแจ้งรายงานสถานการณ์กับสารวัตรทหารแต่พวกเขาไม่ฟังเลย ดูเหมือนซัลวาโต้จะมีคนให้การสนับสนุนเพียบเลยล่ะ ฉันคิดเรื่องอื่นไม่ออกเลยนอกจากเรื่องการโกงข้อมูลน่ะ

                นั่นก็หมายถึงไม่มีใครรู้เลยว่าฮอดกินส์และลักซ์อยู่ที่ไหน ดูเหมือนพนักงานที่ถูกทิ้งไว้จะเป็นคนแรกและคนที่สำคัญที่สุดในการพยายามแยกแยะสถานการณ์

                ตอนที่พวกเขาโดนจับไป ท่านประธานฮอดกินส์บอกพวกเราว่า ฉันฝากที่เหลือไว้กับพวกเธอ’”

                ฉันดีใจจัง! ตอนนี้พวกเขาคงยังปลอดภัยสินะ!” แคทลียาตบเบา ๆ ที่อกของเธอพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า

                ซัลวาโต้คือบริษัทที่ให้บุรุษไปรษณีย์ใส่เครื่องแบบสีดำใช่ไหม? ถ้าฉันจำไม่ผิด สำนักงานของพวกเขาก็อยู่ในไลเดนใช่ไหม? พวกนี้เคยอ้างเรื่องเขตในการส่งจดหมายด้วย ฉันก็เลยอัดพวกมันซะเละเลย มันเป็นความผิดฉันหรือเปล่านะ?

                เอ๋ อะไรน่ะ? ชื่อมันออกเสียงยาก ฟังแค่ครั้งเดียวฉันจำไม่ได้หรอก ซัลวาซัลซัลฟา…”

                “’ซัลวาโต้ ค่ะ แคทลียา

                แคทลียาพูดออกมาเลียนแบบไวโอเล็ตที่สะกดอย่างช้า ๆ “’ซัลวาโต้’ ‘ซัลวาโต้’… โอเค พูดถูกสักที เพราะพวกเขาจะเป็นคนที่เราส่งไปลงนรกยังไงล่ะ งั้น งานเทศกาลละเลงเลือดจะเริ่มตอนไหนล่ะ? เราต้องล้างแค้นหน่อยใช่ไหม? เราจะไปช่วยท่านประธานกับลักซ์ใช่ไหม?

                ถึงจะเป็นคำพูดที่ดูโหดร้าย แต่ทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของแคทลียาโดยไม่คิดจะแย้งใด ๆ

                ได้โปรด เตะพวกเขาให้กระจุยเลยนะ

                เบเนดิกต์ยิ้มร้ายเมื่อได้ยินคำขอของแอนโธนี่ โอ้ เราจะทำแน่นอน ตาแก่คงจะไม่เป็นไรหรอก แต่เราต้องไปช่วยยัยแคระนั่นเบเนดิกต์ทุบหน้าอกตัวเองด้วยกำปั้นอย่างแรง

                แอนโธนี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดนั่น งั้นพวกเราควรทำอะไรดีล่ะทั้งสามคน? เราควรเรียกพนักงานคนอื่น ๆ มาไหม? บริษัทไปรษณีย์ซัลวาโต้มีสาขาเยอะแยะเต็มไปหมดทั่วประเทศเลยนะ ในต่างประเทศอีก คนแค่นี้โอเคแล้วเหรอ?

                ไวโอเล็ตพูดหลังจากยกมือขึ้น เราจะจับพวกเขาทั้งหมดในคราวเดียวกันค่ะ ในสำนักงานระหว่างประเทศน่าจะมีจุดริมหน้าต่างที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากโต๊ะประชาสัมพันธ์อยู่ค่ะ เราสามคนจะเข้าไปยึดที่ตรงนั้นแต่อย่างแรกต้องโจมตีเข้าที่สำนักงานใหญ่ก่อน เราต้องสมมุติว่าที่ที่ทั้งสองคนถูกจับตัวไปเป็นที่ที่หัวหน้าของพวกเขาอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าที่นั่นมีฝ่ายตอบโต้หรือเปล่า ได้โปรดแจ้งพวกเขาด้วยนะคะว่าเราจะบุกยึดบริษัทของพวกเขา ส่งสารให้ฝ่ายตอบโต้เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด เราจะมอบหมายหน้าที่ในการส่งข้อมูลนี้ ให้คุณค่ะแอนโธนี่

                รับทราบครับไวโอเล็ต

                เธอเป็นที่คาดหวังของอดีตนักรบ เพราะแบบนั้นการออกบังคับบัญชาของเธอจึงชัดเจน

                เบเนดิกต์ถามและมองไปที่ไวโอเล็ตวี นี่เธอกลับไปเป็นทหารแล้วหรือเปล่าเนี่ย?

                ไวโอเล็ตยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเช่นเคย แต่คำพูดของเธอกลับดูงกเงิ่น

                ฉันเปล่าค่ะ แม้แต่การเดินทางก็ยังได้รับอนุญาตให้โต้กลับได้ค่ะหากมีเหตุจูงใจมากพอ เราก็แค่จะแก้ปัญหาการวิวาทระหว่างไปรษณีย์อื่น ๆ เท่านั้นแหละค่ะ ชั้นสามเป็นชั้นเดียวที่ไฟไหม้ใช่ไหมคะ?

                ไวโอเล็ตมีเหตุผลในการถามคำถามนั่น

     

     

                สามสหายยืนอยู่ตรงหน้าประตูเหล็กหนาทึบที่แทรกอยู่อย่างไม่เป็นธรรมชาติในกำแพงอิฐสีแดงด้านหลังตึก เบเนดิกต์นั่งยองลงไปและขุดดินขึ้นมา กล่องเล็ก ๆ ที่เขรอะไปด้วยดินก็ปรากฏขึ้นมาหลังจากขุดไปไม่นานนัก ข้างในกล่องเป็นกุญแจสำริด เมื่อเขานำกุญแจเสียบเข้าไปในรูกุญแจด้วยความระมัดระวัง ประตูก็เปิดออกให้ผู้ที่มาเยี่ยมเยียมพร้อมกับส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด พวกเขาหยิบโคมไฟและลงบันไดไปท่ามกลางความมืดสลัว ๆ ไม่นานพวกเขาก็มาถึงจุดหมาย

                ห้องใต้ดินที่สว่างไสวด้วยแสงไฟจางๆเป็นที่เก็บอุปกรณ์ที่ไม่น่าจะอยู่ในบริษัทธรรมดาๆเช่นนี้ได้ มันมีปืน ดาบ หอก ขวาน ธนู โล่ และอาวุธทุกรูปแบบ ถึงมันจะเป็นงานอดิเรกของประธานบริษัท แต่มันก็ไม่ใช่อาวุธสำหรับมือสมัครเล่นเสียเท่าไหร่

                เขารู้ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็เลยเตรียมพร้อมมาตลอดเลยสินะ เขารู้ตัวจริง ๆ ด้วยนะเนี่ยว่ามีคนไม่ชอบเขาเยอะน่ะเบเนดิกต์พูดราวกับกำลังชื่นชม

                อ๊า~! ท่านประธานมีทอนฟาที่ฉันอยากได้ด้วย! แส้อีก!”

                เธอใช้แค่กำปั้นเธออย่างเดียวก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง? อย่าเอาอาวุธอันตราย ๆ ไปมากกว่านั้นเลย วี เธอจะเลือกอะไรน่ะ? เราได้โอกาสนี้ทั้งทีเพราะงั้นฉันจะเลือกสิ่งที่ฉันไม่เคยใช้แล้วกัน

                ฉัน…” เมื่อมองไปรอบ ๆ อาวุธต้องห้ามของบริษัทไปรษณีย์ซีเอชแล้ว ไวโอเล็ตก็ยื่นมือออกไปเอาสิ่งที่ถูกห่อด้วยผ้าขาดรุ่งริ่งที่วางพิงกำแพงอยู่ไกลที่สุด ฉันจะเลือกสิ่งนี้เป็นอาวุธค่ะ เบเนดิกต์ แคทลียาไวโอเล็ตยกวัตถุที่สูงพอ ๆ กับเธอด้วยการเคลื่อนไหวของมือที่ทำไม่ให้ใครล่วงรู้ถึงน้ำหนักของมัน เราไปกันด้วยท่าทีที่สุขุมกันเถอะค่ะ

                ทั้งสามคนมองหน้ากันและกันในความเงียบอยู่ชั่วครู่

                มันเป็นไปไม่ได้ไม่ใช่หรือไง? ฉันหงุดหงิดนะ

                ถ้ารวมกลุ่มแบบนี้น่ะมันเป็นไปไม่ได้เลยไม่ใช่หรอ?

                “จริงด้วยสินะคะ

                หลังจากได้มติ พวกเขาก็ได้ข้อสรุปว่าการทิ้งให้ศัตรูอยู่ในสภาพร่อแร่โดยไม่ฆ่าใครเลยนั้นถือเป็นเรื่องเดียวที่ยอมรับได้

     

     


     

                ซัลวาโต้ ริดาวโดมองต่ำไปที่คลอเดีย ฮอดกินส์ คนที่เขาแสนเกลียดชังซึ่งอยู่ในสภาพอ่อนแอและข้อมือถูกมัดไว้ และกำลังนอนอยู่บนพรมหนังหมีนำเข้าที่เขาเป็นคนเลือกเอง

                พวกเขาอยู่ในห้องที่ล้อมรอบด้วยเฟอร์นิเจอร์สีดำ ห้องนี้ตกแต่งเหมือนกับลักษณะของเจ้าของห้องไม่มีผิด ในห้องมีภาพเหมือนตัวเขา และชั้นหนังสือที่มีประตูกระจกสองชั้นซึ่งดูเหมือนจะถูกเปิดไม่บ่อยนัก นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างจำลองผีเสื้อ และแจกันที่มีดอกไม้สดสีขาวปักอยู่ เพลงบรรเลงไวโอลินเบาๆกำลังเล่นจากแผ่นเสียง แต่ไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศที่ชวนกระสับกระส่ายเช่นนี้ผ่อนคลายลงเลยสักนิด ลักซ์ ซิบบิลที่ถูกชกที่แก้มจนบวมนั่งอยู่บนเก้าอี้ แต่มีลูกน้องคนหนึ่งของซัลวาโต้จ่อปืนที่หัวเธออยู่

                ลักซ์มองไปข้างนอกด้วยความกังวลตลอดเวลา จากระเบียงเธอสามารถเห็นสำนักงานของฮอดกินส์ที่สูง ๆ พอกับที่นี่ในระยะที่ไกลออกไปได้ มีควันสีดำพวยพุ่งขึ้นมาจากสำนักงาน โครงสร้างสำนักงานของบริษัทไปรษณีย์ซีเอชคลับคล้ายคลับคลากับสำนักงานนี้มาก

                อีกสิ่งหนึ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับระเบียงนั่นก็คือ มีปืนใหญ่แบบโบราณที่ไม่ควรจะวางไว้ตรงนั้นด้วย

                ฉันควรบอกนายไหมว่าทำไมฉันถึงเกลียดขี้หน้านาย?เขายื่นแขนออกมาราวกับจะกอดลักซ์ เขาลูบไล้เธอซึ่งแก้มขวากำลังบวมเป่งนั้นราวกับกำลังลูบแมวอยู่

                เพราะแก้มของเธอยังปวดตุบ ๆ ลักซ์จึงตัวสั่นด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกสัมผัส

                มันก็เป็นเพราะตัวนายทั้งนั้นนั่นแหละ นายเกิดมาในตระกูลพ่อค้าที่มีฐานะดีและเคยอยู่ในกองทัพแห่งไลเดนชาฟต์ลิช ถึงนายจะถูกเลื่อนยศจนได้ตำแหน่งพันตรี แต่นายก็ออกจากการเป็นทหารทันทีที่สงครามครั้งใหญ่จบและก่อตั้งบริษัทไปรษณีย์ และประสบความสำเร็จอย่างงดงาม คนแบบนั้นมีอยู่จริง ๆ งั้นเหรอ? คนที่สามารถทำทุกอย่างได้อย่างไร้ที่ติไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม คนที่เป็นแบบนั้นส่วนใหญ่ก็มักจะประสบความสำเร็จด้วยการเหยียบย่ำความพยายามของคนอื่นด้วยใบหน้าเฉยชาทั้งนั้นแหละ และถึงฉันจะมีทั้งหมดที่ว่ามานั่น แต่ฉันก็เป็นหนึ่งในคนที่ต้องเผชิญความยากลำบากมาก่อน เพราะงั้นฉันถึงไม่ชอบคนแบบนายยังไงล่ะ

                ถ้าการที่ผมเหนือกว่าเป็นสิ่งที่ผิด งั้นก็ไปบ่นกับพระเจ้าซะสิ

                เหตุผลอย่างที่สองที่ฉันเกลียดนายก็คือขัดต่อหลักการและกฎที่คนรุ่นก่อนๆเป็นผู้สร้างขึ้น บริษัทไปรษณีย์ซีเอชส่งถึงที่ใดก็ได้ งั้นเหรอ? ฉันอยากจะอ้วก

                ฮอดกินส์มองไปที่มือของซัลวาโต้ด้วยสายตาที่น่ากลัว คุณภาพสูงแต่ราคาถูกเพื่อคุณลูกค้าเรื่องแบบนั้นก็เป็นพื้นฐานของการทำธุรกิจไม่ใช่เหรอ?

                ไม่ใช่ว่าที่นายทำให้เป็นแบบนี้ก็เพราะตั้งใจบดขยี้คนที่ไม่สามารถทำแบบเดียวกับนายหรือ?

                คุณล้มเหลวก็เพราะคุณอยู่เฉย ๆ ไม่ยอมทำอะไรเองต่างหาก ผมเพิ่งนึกได้ว่าตอนผมเป็นทหารอยู่แล้วก็คิดว่าถ้ามีที่ทำการไปรษณีย์ที่ไหนทำแบบนี้ได้คงจะดี และผมก็แค่ทำให้มันเป็นจริงก็เท่านั้นเอง จดหมายที่สามารถส่งไปถึงสนามรบไหนก็ได้ บุรุษไปรษณีย์ที่สามารถไปส่งถึงที่ได้ ออโต้เมมโมรี่ดอลล์ที่จะมาหาคุณถ้าคุณต้องการถึงคุณจะอยู่ใจกลางทะเลหรือป่าไม้ก็ตาม มันผิดตรงไหนกันที่ผมทำอะไรแบบนี้ด้วยเงินของผมเองน่ะ?

                “มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผิดตึกนั่นมันอะไรกัน? อย่างกับนายต้องการจะบอกว่านายจะมาแทนที่บริษัทไปรษณีย์ซัลวาโต้เลยไม่ใช่เหรอ? ที่จริง แค่การที่ตึกของฉันไม่ใช่ตึกเดียวที่สูงที่สุดก็หน้าหงุดหงิดมากพอแล้ว

                มือของซัลวาโต้เลื่อนจากแก้มของเธอไปยังเส้นผมสีเงินของเธอที่ส่องประกายแวววาว

                อย่าแตะต้องเลขาของผมนะใช่ ถูกแล้ว ผมตั้งใจประกาศสงครามกับคุณ ผมรู้จักคุณมานานก่อนที่จะเข้ามาในวงการนี้เสียอีก คุณอยู่ในทุกประเทศที่ผมออกไปปกป้อง ทำในสิ่งที่ไม่น่าชอบใจเท่าไหร่นัก

                เช่นอะไรล่ะ?

                ผมช่อหนึ่งที่ถูกสางด้วยนิ้วของซัลวาโต้ส่งเสียงที่ฟังดูลื่นและนุ่มนวล

                เรื่องที่คุณขายอาวุธอยู่เบื้องหลังบริษัทไปรษณีย์ยังไงล่ะคุณขายอาวุธข้ามชาติเลยไม่ใช่หรือ?

                เราเป็นบริษัทไปรษณีย์ที่มีจุดขายคือความอ่อนโยนและสุภาพ เพราะงั้นเราจึงส่งทุกอย่างที่ผู้คนร้องขอมา แต่ฉันไม่เห็นจะจำได้ว่าเคยส่งอะไรไปให้ทวีปทางเหนือนะ

                นั่นไม่ใช่ประเด็น ถึงคุณจะไม่ได้ขายอะไรให้พวกเขาตอนที่สงครามกำลังดำเนินอยู่ แต่มันก็ต้องใช้เวลาสักชั่วครู่ในการคิดว่าทำไมของพวกนี้ถึงถูกส่งไปทั่วใช่ไหม? มันประหลาดสุด ๆ ไปเลยล่ะพวกศัตรูมีอาวุธที่ผลิตในไลเดนชาฟต์ลิชได้ยังไง? ลูกน้องของฉันถูกยิงโดยพวกศัตรูที่ใช้อาวุธพวกนั้นแล้วตายได้ยังไงกัน? สุดท้ายฉันก็ต้องมาสืบหาเรื่องลึกลับนั่นหลังจากจบสงคราม

                ผมของลักซ์ถูกกระชากจนคอเอนไปด้านหลัง ผ้าพันคอของเธอถูกถอดออก เผยให้เห็นไหปลาร้าที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อของเธอ

                ซัลวาโต้เอาปืนมาจากลูกน้องของเขาและเล็งไปที่หน้าอกเธอ ถ้านายรู้มากขนาดนี้ นายก็ต้องรู้ว่าคดีของฉันตกเป็นของศาลทหารสิใช่ไหม? มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการคนเดียวหรอกนะ บางคนในประเทศนายที่นายอุทิศชีวิตให้ก็ต้องการเพิ่มค่าบำนาญนิดหน่อยด้วยเหมือนกัน มันไม่ใช่เรื่องปกติหรอกเหรอ? ช่วยเลิกทำตัวมีศีลธรรมได้ไหม? มันน่ารังเกียจสิ้นดี

                ผมไม่ได้ทำตัวมีศีลธรรม–– นี่ ต้องให้ผมบอกอีกกี่ครั้งว่าอย่าแตะต้อง…”

                “คลอเดีย นายเองก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติเหมือนกันใช่ไหม? นายเดิมพันสงครามด้วยโชคทั้งหมดของนายและได้รับเงินก้อนใหญ่เลยใช่ไหมล่ะ? เงินทุนที่ได้มาจากการพนันเป็นแหล่งของพวกองค์กรใต้ดินกับตลาดมืดนี่นา พวกเขาขายอาวุธ ยา ผู้หญิง และเด็กที่ถูกทำร้ายด้วยเงินทุนเหล่านี้นี่ ถึงนายจะทำไปโดยไม่คิดอะไรมาก แต่ทันทีที่นายวางเดิมพัน นายก็มีส่วนร่วม และกลายเป็นคนชั่วช้าของใครสักคนไปแล้ว

                เพราะแบบนั้นผมถึงบอกว่าผมไม่ได้มีศีลธรรมยังไงล่ะ! ผมทำไปก็เพราะผมอยากทำเอง ทั้งผมและคุณต่างก็มีหัวใจที่ดำมืดเหมือนกันนั่นแหละ แต่เลขาของผมที่อยู่ตรงนั้นเป็นผู้หญิงที่น่านับถือนะ คุณไม่ได้ยินที่ผมบอกว่าอย่าแตะต้องเธอเลยหรือไง?! ถ้าคุณรู้สึกอยู่ไม่สุขจนต้องจับอะไรสักอย่างก็มาเตะผมหรือทำอะไรสักอย่างแทนสิ!”

                บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดนั่นสื่อไปแบบผิด ๆ ซัลวาโต้จึงทำในสิ่งที่ฮอดกินส์ต้องการ เขาเดินออกมาจากลักซ์และใช้คางของเขากระแทกไปที่ใบหน้าของฮอดกินส์ ผมสีแดงเข้มพลิ้วไสว ฮอดกินส์ล้มลงไปที่พื้น

                ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่เขาก็ยังยิ้ม ขอบใจ ผมควรถอดเสื้อออกตอนที่เรากำลังทำแบบนี้กันไหม? ผมทำให้คุณตื่นเต้นใช่ไหมล่ะ?

                ซัลวาโต้จับที่คอเสื้อของฮอดกินส์ด้วยความโกรธ สกปรก บริษัทของแกก็เหมือนกับตัวตนที่แท้จริงของแกนั่นแหละ ฉันเป็นเหยื่อ ฉันต้องการให้แกคืนลูกค้า เส้นทางธุรกิจ และทุกอย่างที่แกขโมยไปจากฉัน ฉันคิดว่าการเป็นทหารเหมาะกับแกมากกว่าเป็นนักธุรกิจนะ นอนบนพื้นอยู่อย่างนี้เหมาะกับแกดี ทำไมน่ะเหรอฉันจะให้แกเขียนชื่อของแกลงบนเอกสาร เป็นข้อตกลงว่าจะไม่ล่วงล้ำเส้นทางของฉันมันยากนะที่จะทำอะไรหลายอย่างในตอนที่แกเดินเตร่ไปทั่วแบบนี้ อะไรหลาย ๆ อย่างที่แกก็รู้ดีเขาปล่อยออกจากปกเสื้อทันที จึงทำให้ฮอดกินส์ล้มหน้าคะมำไปกับพื้น

                ท่านประธาน!” เสียงสะอื้นของลักซ์หลุดออกมา

                ฮอดกินส์ผงกหัวขึ้นมาทันทีและยิ้มให้ลักซ์ และถึงขนาดขยิบตาให้เธอ

                ซัลวาโต้พูดด้วยน้ำเสียงที่รุนแรงกับลูกน้องของเขาว่าให้เรียกนักเขียนหนังสือมาเป็นพยานในข้อตกลงของพวกเขา ดูเหมือนเขาตั้งใจจะบดขยี้สำนักงานของฮอดกินส์ด้วยเอกสารที่มีเนื้อหาที่ไม่ทัดเทียมกันนี้

                โง่- ไอ้โง่ฮอดกินส์เลียเลือดที่หยดลงมาจากมุมปากของเขา เทียบกับตอนอยู่ในสนามรบ แกนี่มันน่าเบื่อชะมัด…” ในตอนที่เขาไอโครก ๆ และแหบแห้งออกมา เสียงของเขาก็ดังไปถึงหูซัลวาโต้ บริษัทฉันไม่ใช่ของฉันคนเดียวสักหน่อยฮอดกินส์มองไปนอกหน้าต่าง เขาตรวจดูให้แน่ใจว่าจะมีอะไรมาหรือไม่และเฝ้ารอมัน

     


     

     

                บริษัทไปรษณีย์ซัลวาโต้อยู่ตรงหน้าค่ะไวโอเล็ตกระซิบ

                เบเนดิกต์กำลังขับมอเตอร์ไซค์ของเขาโดยมีแคทลียาซ้อนหลังอยู่ ส่วนไวโอเล็ตยืนอยู่ตรงขอบที่นั่งของผู้โดยสารและจับไหล่ของแคทลียาไว้ มอเตอร์ไซค์ที่วิ่งผ่านเมืองในยามบ่ายไม่ได้ขนแค่คนสามคนเท่านั้น แต่ยังมีสรรพาวุธที่ถูกคลุมไว้ด้วย

                นี่~ มีปืนใหญ่ที่ดูไร้เทียมทานอยู่ตรงระเบียงด้วยล่ะ~”

                “โอ~เค ฉันคิดจะขับไปทางหน้าประตูแต่เปลี่ยนใจแล้ว วี ยิงไปที่ระเบียงนั้นเลยเบเนดิกต์พูดด้วยความเบิกบานใจเหมือนกับกำลังชวนใครออกไปช้อปปิ้งอย่างไรอย่างนั้น

                รับทราบค่ะ แคทลียา สนับสนุนฉันด้วยนะคะไวโอเล็ตหยิบวัตถุทรงกระบอกยาวหนาซึ่งวางไว้บนที่ใส่กระเป๋าของมอเตอร์ไซค์ขึ้นมา มันเป็นอาวุธที่เรียกได้ว่าเป็นทั้งไรเฟิลและเครื่องยิงจรวดได้เลยล่ะ เธอวางลงบนไหล่ของเธอในขณะที่รถกำลังวิ่งและเล็งเป้า

                เมื่อแคทลียาเกาะขาของเธอไว้ให้ทรงตัวได้ ไวโอเล็ตก็ยิงออกไปอย่างไร้ความปราณี เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วเมืองไลเดนเป็นครั้งที่สองของวันนั้น

                ยืนยันผลกระทบค่ะ

                นกพิราบบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ชาวเมืองต่างพากันมองหาที่มาของเสียงดังนั่น ในขณะเดียวกัน มอเตอร์ไซค์ที่แบกทั้งสามคนอยู่นั้นก็ค่อยๆเข้าไปใกล้สำนักงานใหญ่ของซัลวาโต้

     


    image



     

                น่า~กลัวจัง! แต่น่าตื่น~เต้นชะมัด! ฉันก็อยากยิงบ้างเหมือนกันน้~!” แคทลียาตะโกนด้วยความสุขเมื่อเห็นระเบียงถูกทำลาย

                ฉันไม่มีทางปล่อยให้เธอทำแน่นอน ไม่ว่ายังไงก็ตาม

                “คุณทำไม่ได้หรอกนะคะ ไม่ว่ายังไงก็ตาม

                เบเนดิกต์และไวโอเล็ตส่ายหัวพร้อมกัน ทั้งสองคนเข้าใจตรงกันทันทีว่าถ้าปล่อยให้ผู้หญิงไร้เดียงสาถือปืนเช่นนี้คงเป็นอันตรายแน่

                อะไรอ่ะ~?! ฉันเองก็อยากบ้าระห่ำบ้างเหมือนกันนะ~! มันไม่โอเคหรอ?!”

                “งั้นให้แคทลียาเข้าไปคนแรกแล้วกันค่ะ หวังว่าจะพอใจนะคะ

                เธอตัดสินใจอะไรของเธอเองฮะ? คนแรกของทุกเรื่องต้องเป็นฉันสิ

                นายน่ะตามหลังฉันมา เพราะคนที่จะช่วยท่านประธานที่เป็นเจ้าหญิงที่ถูกจองจำของเราต้องเป็นฉัน อ๊~าย รอฉันก่อนนะคะท่านประธาน! คุณอยู่ที่ไหนน่ะ!?

                เธอนี่อย่างกับไอ้โง่ตัวยักษ์นั่นจะเป็นเจ้าหญิงได้งั้นแหละ เจ้าหญิงประเภทไหนกันน่ะ?

                “ถ้านายสูงเท่าท่านประธาน นายก็ไม่จำเป็นต้องสวมรองเท้าส้นสูงนั่นใช่ไหมล่ะ

                เธอเข้าใจผิดแล้ว! ฉันไม่ได้ใส่เพราะแบบนั้น! เป็นเพราะมันเท่ต่างหาก! เธอนี่นะฉันจะทำให้เธอร้องไห้ทีหลังเอง! วันนี้ฉันจะแวะค้างที่บ้านเธอ เพราะงั้นเตรียมใจไว้ด้วยล่ะ!”

                “อะอะ-อะไอ้บ้า! พูดอะไรแบบนั้นต่อหน้าไวโอเล็ตยะ?!”

                ไวโอเล็ตที่กำลังฟังทั้งสองคนคุยกันเงียบ ๆ นั้นค่อย ๆ หยิบกระเป๋าที่ใส่อาวุธที่ยื่นออกมาจากผ้าขาดรุ่งริ่ง งั้นฉันจะถือโอกาสนี้ไปก่อนแล้วกันนะคะ

                พวกเขาไม่รู้เลยว่าเธอใช้โอกาสอะไร แต่ไวโอเล็ตก็กระโดดขึ้นกลางอากาศโดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นสักคำ ในตอนที่เธอลงพื้นพอดีนั้น มอเตอร์ไซค์ก็หยุดตรงหน้าสำนักงานใหญ่พอดีหลังจากวิ่งมาอย่างใหญ่โต

                ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ ผู้พัน

     


               

                สิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นในดวงตาสีฟ้าของไวโอเล็ตคือบริษัทไปรษณีย์ซัลวาโต้ – รูปทรงของตึกเหมือนกับบริษัทไปรษณีย์ซีเอชไม่มีผิด ถึงแม้จะเป็นวันธรรมดา แต่บริษัทกลับแขวนป้ายว่า ปิดตรงประตู และมีบุรุษไปรษณีย์ห้าคนสวมเสื้อโค้ทขนสั้นยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงหน้าทางเข้า

                ผู้หญิงที่สวยจนน่าตะลึง ผู้ชายที่คร่อมมอเตอร์ไซค์อยู่พร้อมกับหญิงงามที่ซ้อนอยู่ด้านหลังปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา แต่แล้วขี้เถ้าก็ร่วงลงมาแทนความประหลาดใจที่พวกเขามีต่อคนทั้งสามคนที่แสนลึกลับ

                พะ-พวกคุณเป็นใคร?!”

                ในขณะที่พวกเขาอึ้งเพราะใบหน้าที่แสนเย็นชาและผมสีสว่างราวกับแสงจันทร์ของเธออยู่นั้น ไวโอเล็ตก็รีบฉีกผ้าที่ขาดรุ่งริ่งที่ห่ออาวุธในมือของเธออยู่ออก เผยให้เห็นขวานต่อสู้ที่ไม่เหมาะกับการแกว่งเล่นเดินไปเดินมาบนถนนเลยสักนิด

                ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันเป็นออโต้เมมโมรี่ดอลล์จากบริษัทไปรษณีย์ซีเอช ไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดนค่ะ

                ชื่อของขวานต่อสู้ที่แกว่งโดยหญิงสาวที่มีความงดงามแต่ดูร้ายกาจราวกับแม่มดมีชื่อว่าเวทย์มนตร์ มันมีใบมีดเงิน และรอยประปรายสีแดงที่ย้อมใบมีดอยู่นั้นเกิดจากจำนวนผู้คนที่ถูกเข่นฆ่า แสดงให้เห็นถึงความร้ายกาจของตัวตนของมัน

                ขออภัยด้วยนะคะถ้าหากพวกคุณกำลังอยู่ในเวลางาน แต่อนุญาตให้พวกเราขึ้นไปข้างบนได้ไหมคะ? เพราะตั้งแต่ที่ประธานบริษัทของพวกเราและเลขาของเขาหายตัวไปกับบริษัทของพวกคุณ เราก็ไม่ทราบอีกเลยค่ะว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน

                ในตอนที่เธอถือขวานเล่มนั้นไว้ซึ่งถูกส่องประกายด้วยแสงพระอาทิตย์ในยามบ่าย ใบหน้าของเธอก็ให้ความรู้สึกที่ว่าเธอเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางอย่างไรอย่างนั้น

                ถ้าหากพวกคุณไม่ฟังคำขอของพวกเรา เราก็จะใช้กำลังตามกฎของบริษัทเราค่ะ

                แต่ในตอนที่เธอแกว่งมันนั้น ถึงแม้รูปร่างของเธอจะพอเหมาะกับมัน แต่กลับให้ความรู้สึกที่ไม่เหมาะกันเลยสักนิด

                ไวโอเล็ตยกขวานยักษ์ขึ้นสบาย ๆ และใช้ใบมีดชี้ไปที่เหล่าชายฉกรรจ์ แทนที่พวกเขาจะเอ่ยปากตอบ พวกเขากลับเลือกที่จะหยิบปืนออกมาจากเสื้อโค้ทและกางเกงและเล็งไปที่ไวโอเล็ต

                คนจากบริษัทไปรษณีย์ซีเอชอยู่ที่นี่! อย่าให้พวกมันผ่านไปเด็ดขาด!”

                ไวโอเล็ต!” เสียงร้องของแคทลียาดังสะท้อนก้องไปทั้งถนน

                อย่างไรก็ตาม ออโต้เมมโมรี่ดอลล์ที่แสนงดงามก็เคลื่อนไหวพร้อม ๆ กับตอนที่ฝ่ายตรงข้ามเพิ่งจะเตรียมรับมือ และเข้าโจมตีก่อนในชั่วพริบตา การเจรจาล้มเหลว

                การโจมตีครั้งเดียวจากขวานต่อสู้ทำให้เหล่าบุรุษไปรษณีย์ปลิวกระจาย มันเป็นการโจมตีที่ไม่ได้ตัดพวกเขาเป็นชิ้น ๆ แต่ใช้แค่แรงโจมตีที่เป็นจุดแข็งของอาวุธเท่านั้น แต่แรงนั่นก็ถึงกับทำให้ชายสามคนหัวโขกเข้ากับกำแพงบริษัทและสลบไป

                ชายสองคนที่สามารถหลบการเขวี้ยงไปมาของขวานได้เล็งปืนไปที่ไวโอเล็ตอย่างตาลีตาเหลือก และเหนี่ยวไก ไวโอเล็ตหมุนขวานต่อสู้ไปรอบ ๆ และใช้ใบมีดปัดกระสุนจนกระเด็นโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด เธอเปลี่ยนมือ และหันปลายด้ามของขวานไปที่ศัตรู ทำให้เกิดเสียงดังกังวานขึ้น

                โปรดอภัยให้กับความหยาบคายของฉันด้วยนะคะ

                ดอกตูมที่ประดับตรงปลายด้ามขวานถูกปล่อยออกมาพร้อมกับสายโซ่ยาว มันทำให้ปืนพกของชายทั้งสองกระเด็นหลุดจากมือ เธอไม่ปล่อยให้พวกเขาที่จับมือตัวเองที่เกิดจากแรงกระแทกเมื่อครู่ได้ตั้งหลักอีกครั้ง ครั้งนี้ไวโอเล็ตกระแทกปลายขวานเข้ากับผนังตึกและยึดมันไว้ ในขณะที่กำลังยืดโซ่และหมุนขวานอยู่กลางอากาศนั้น เธอก็เตะไปที่ใบหน้าของคนหนึ่งในนั้น และใช้ลูกเตะวงกว้างเตะไปที่ชายอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ โดยไร้ซึ่งความลังเลหรือความเมตตาเลยแม้แต่น้อย

                ตะ แต่จริง ๆ ฉันต้องเป็นคนแรกสิ!”

                “ฉันต่างหากโว้ย!”

                แคทลียาหยิบกระสอบที่ใส่อาวุธของเธอด้วยความขุ่นเคืองใจ หลังจากที่คิดว่าจะเลือกอะไรดีระหว่างทอนฟา แส้ และอาวุธอื่น ๆ นั้น เธอก็เลือกสนับมือแทน

                ก่อนที่ใครจะสังเกตเห็น เบเนดิกต์ก็ถือปืนพกสองกระบอกไว้ในมือเรียบร้อยแล้ว เขากดเครื่องห้ามไกปืนออกด้วยการเคลื่อนไหวของมือที่ฝึกมาอย่างดี วี! อย่าจริงจังเกินไปสิ! ถ้าเธอกำลังโกรธ เดี๋ยวฉันจะเป็นคนโกรธให้เธอเอง!”

                ราวกับผู้คนในบริษัทไปรษณีย์ซัลวาโต้คาดการณ์ไว้แล้วว่าจะมีคนมาจู่โจม บุรุษไปรษณีย์โผล่ออกมาจากทางหน้าต่างด้านบนพร้อมกับไรเฟิล กระสุนจากปืนของเบเนดิกต์ทะลุแขนของพวกเขาในตอนที่เขากำลังพูดทำให้เกิดฝนเลือดสาดกระจายลงมา

                ถ้าอารมณ์นี้เรียกว่าความโกรธแค้น ฉันก็อยากจะรีบกำจัดมันไปโดยเร็วค่ะ แคทลียาไวโอเล็ตใช้นิ้วชี้ไปที่เครื่องยิงจรวดซึ่งไม่มีระเบิดเหลืออยู่ไปที่แคทลียาซึ่งกำลังสวมสนับมืออยู่

                แคทลียาจับที่ตัวด้ามอย่างคล่องแคล่วด้วยมือข้างเดียว และเหวี่ยงมันขึ้นสูงด้วยความเร็วหลังจากที่ดึงมันกลับมาด้วยพลังมหาศาล หนึ่ง สอง ซั่~!”

                เธอเหวี่ยงออกไปด้วยเสียงตะโกนที่แสนน่ารัก เครื่องยิงจรวจไปกระแทกเข้ากับบุรุษไปรษณีย์ที่ยืนอยู่บนชั้นบนจนทะลุกระจกหน้าต่าง พลังในการทำลายล้างของมันพอๆกับกระสุนปืนเลยล่ะ

                หญิงสาวที่เหวี่ยงมันขึ้นไปนั้นกระโดดขึ้น ๆ ลง ๆ ด้วยความดีใจ กรี๊ด~! ฉันเหวี่ยงโดนด้วยล่ะ~!”

                แม้แต่คนธรรมดาก็คงทำไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับหญิงสาวที่จะทำอะไรแบบนี้ได้ เธอเป็นผู้หญิงที่มีแขนแข็งแกร่งและกำลังมหาศาล

                สมกับเป็นยัยงี่เง่าเลยนะ – หรือว่าเป็นยัยงี่เง่าที่โคตรแกร่งดีล่ะ

                “หุบปากไปเลยนะยะตาส้นตึก

                นี่เธอหาเรื่องหรอ?

                “นายนั่นแหละหาเรื่องหรือเปล่า?

                เสียงโซ่จากขวานต่อสู้เวทย์มนตร์ของไวโอเล็ตกลบเสียงการทะเลาะกันเล็กน้อยของทั้งคู่ หนึ่งในชายฉกรรจ์เหล่านั้นกรีดร้องและโยนตัวเองออกจากหน้าต่างและตกลงไปในสวนหย่อมหน้าบริษัท

                เบเนดิกต์ แคทลียา ดูเหมือนว่าท่านประธานและลักซ์จะอยู่ข้างในไม่ผิดแน่ค่ะ ท่านประธานฮอดกินส์เคยบอกฉันว่าเขาเลียนแบบตึกจากสำนักงานของบริษัทซัลวาโต้ตอนที่บริษัทของเรากำลังก่อสร้างอยู่ค่ะ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ตำแหน่งสูงสุดของตึกนี้ก็คงเป็นชั้นบนสุด – ซึ่งก็คือชั้นสามค่ะ ฉันหวังว่าพวกคุณจะปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้องนะคะ

                ทั้งสองพยักหน้าเป็นคำตอบให้กับไวโอเล็ต

                ไปเตะก้นพวกนั้นให้กระจุยทีเดียวและกลับไปฉลองกันเถอะ

                “เรารบกวนเพื่อนบ้านมาไม่มากไม่น้อยด้วยแหละนะ

                ทั้งเมืองตกอยู่ในความเงียบโดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด

                 บริษัทไปรษณีย์ซัลวาโต้ตั้งอยู่บนถนนย่านช็อปปิ้งในเมืองไลเดน แต่ผู้คนที่มักสัญจรไปมากลับหลบหนีไปในไม่กี่นาที และเจ้าของร้านค้าในตึกใกล้เคียงก็ปิดหน้าต่างร้าน – ที่เป็นกระจกโชว์ – และดึงบานประตูหน้าต่างที่เป็นเหล็กลง

                ที่พวกเขาดำเนินการอย่างรวดเร็วเป็นเพราะว่าพวกเขาเข้าใจว่าเมืองกำลังตกอยู่ในการต่อสู้ที่รุนแรง มันเป็นความพิเศษของประชาชนที่มาจากประเทศที่ปิดกั้นตัวเองจากผู้รุกรานมานานนับตั้งแต่ประเทศถูกก่อตั้ง ผู้คนจะเฝ้ารออย่างเงียบ ๆ เพื่อให้ความขัดแย้งจบลง

                ถ้าอย่างนั้นเข้าไปกันเถอะค่ะลักษณะท่าทางของไวโอเล็ตในตอนที่เธอออกคำสั่งด้วยเสียงที่ฟังชัดเจนนั้นดูต่างจากปกติโดยสิ้นเชิง

     


     

               

                ภายในห้องทำงานของประธานบริษัทซึ่งอยู่บนชั้นสูงสุดของบริษัทไปรษณีย์ซัลวาโต้นั้นสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่ชัดเจนจากระเบียง – ซึ่งเป็นท้องฟ้าในฤดูใบไม้ร่วงที่เมฆเซอร์โรคิวมูลัสลอยสูงลิ่วและเมืองไลเดนที่อยู่เบื้องล่าง – ราวกับรูปภาพที่ถูกอัดใส่กรอบรูป แต่ทิวทัศน์ที่งดงามนั่นเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว ในตอนนี้ปืนใหญ่โบราณที่เคยวางอยู่ตรงระเบียงได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวงจากระเบิดที่โจมตีเข้ามาอย่างกะทันหันและมีควันพวยพุ่งออกมา

                ระเบียงที่เคยตกแต่งด้วยรูปแกะสลักที่แสนละเมียดละไม ราวของระเบียงแตกละเอียด และตัวพื้นระเบียงอยู่ในสภาพที่หากใครวางเท้าลงบนพื้นก็อาจทำให้มันร่วงหล่นลงสู่พื้นได้เลยทีเดียว หากปืนใหญ่นั้นถูกบรรจุด้วยกระสุนไว้ ก็คงไม่ได้มีเพียงแค่ตัวมันที่ถูกทำลาย

                 ในสถานการณ์ที่กำลังสับสนวุ่นวาย ใบหน้าซีดเผือดของซัลวาโต้ ริดาวโด้กลับซีดยิ่งกว่าเดิม และอ้าปากค้างอย่างไร้สติ ในขณะที่คลอเดีย ฮอดกินส์กำลังตัวสั่น และกัดกระพุ้งแก้มเพื่อห้ามไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมา

                พวกมันทำอะไรลงไป?

                ฮ่ะ–– ฮ่า ๆๆๆๆ! อ่า ฉันกลั้นไม่ไหวแล้ว! กลั้นไม่ไหวแล้ว! สุดยอดไปเลย!” ฮอดกินส์หัวเราะจนตัวสั่นในตอนที่มองไปที่ใบหน้าของซัลวาโต้ คุณตกใจเรื่องอะไรกันล่ะซัลวาโต้? คุณก็ทำแบบนี้กับเราไม่ใช่หรือไงกัน? ก็นะคุณคงไม่คิดว่าเราจะทำแบบเดียวกันกับคุณล่ะสิ! ก็ช่วยไม่ได้แหละนะ! ฮ่า ๆๆๆ!”

                แม้แต่ลักซ์ที่เคยตัวสั่นด้วยใบหน้าที่สิ้นหวังก็เริ่มเห็นความหวังและหัวเราะเล็กน้อย

                คนจากบริษัทของนายเป็นคนทำงั้นหรอ?

                “จะใครซะอีกล่ะ? ก็ปรัชญาของบริษัทเราคือ ตาต่อตา ฟันต่อฟันนี่นาฮอดกินส์อารมณ์ดีมากเสียจนราวกับเขากำลังจะร้องเพลงออกมายังไงยังงั้น

                ลูกน้องสองสามคนของซัลวาโต้วิ่งลงไปด้านล่าง เสียงรัวปืนและเสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง เสียงร้องของลูกน้องซัลวาโต้ยิ่งทำให้เขากังวลและร้อนรนยิ่งกว่าเดิม

                พวกเขากล้าที่จะทำแบบนั้นทั้งๆที่นายอาจจะโดนลูกหลงไปด้วยนายฝึกพวกเขามาแบบไหนกัน?

                โดยหลักการก็คงเป็นเรื่องเสรีภาพล่ะมั้ง พนักงานที่ผมหามาตอนที่ผมก่อตั้งบริษัทส่วนใหญ่ก็เป็นใครมาจากที่ไหนไม่รู้ที่ผมพยายามหว่านล้อมและพามาด้วยไม่รู้ว่าความชอบของผมมีความลำเอียงหรือเปล่า แต่กลายเป็นว่าพวกเขาหลายคนแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อเลย คนที่อยู่ที่นี่ตอนนี้ต้องเป็นออโต้เมมโมรี่ดอลล์สองคนนั้นที่ไม่มีงานวันนี้แน่นอน และคงจะเป็นบุรุษไปรษณีย์ที่ตามตารางต้องกลับเข้าเมืองในวันนี้ ในหมู่พวกเราพวกเขาถือเป็นหัวกะทิเลยด้วยซ้ำ แต่ว่านะซัลวาโต้ คุณเองก็น่าจะสืบพวกเรามาอย่างละเอียดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?

                พนักงานของบริษัทนายเคยเป็นทหารเก่าและทหารรับจ้างใช่ไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง บุรุษไปรษณีย์ของพวกเราก็…”

                “พวกเขาไม่ใช่แค่ทหารเก่าและทหารรับจ้าง เบเนดิกต์เป็นทหารรับจ้างเก่าในทวีปอื่นที่เคยมีฉายาว่า คนบ้ากระหายสงคราม แคทลียาเป็นนักมวย เธอมีแขนที่แข็งแรงมากจนไม่มีใครสามารถเอาชนะเธอด้วยการใช้กำลังได้ และสาวสวยอีกคนที่แค่พูดชื่อใครๆก็รู้จักในวงการออโต้เมมโมรี่ดอลล์ไวโอเล็ตตัวน้อยที่แสนน่ารักของผม เคยเป็นทหารหญิงที่เก่งกาจที่สุดของไลเดนชาฟต์ลิช ถึงมันจะกลายเป็นอดีตไปแล้วก็เถอะฮอดกินส์ยิ้มให้ลักซ์ แล้วเลขาผมก็เคยเป็นมนุษย์กึ่งเทพด้วย

                “’ทหารหญิงที่เก่งกาจที่สุดของไลเดนชาฟต์ลิชงั้นหรอ?

                ผู้อุปถัมภ์คุณไม่ได้บอกอะไรคุณเลยหรือไง? แต่ก็นะ เธอถูกเลี้ยงมาแบบลับๆ เพราะงั้นพลเรือนทั่วไปจะไม่รู้เรื่องเธอก็คงเป็นไปได้ กองทัพถึงขนาดสร้างกองกำลังเพื่อเธอโดยเฉพาะและให้เธอทำงานให้พวกเขาเลยเชียวนะ แต่พวกเขาก็ไม่เคยเชิดชูหรือให้ตำแหน่งกับเธอเลย ตอนนั้นเธอยังไม่มีนามสกุลเลยด้วย และดูเหมือนคนทั่วไปก็เรียกเธอแค่ว่า ไวโอเล็ตเพื่อนของผมเจอเธอและเลี้ยงเธอมาเธอเป็นผู้นำของมหาสงครามที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดมาตลอด

                ซัลวาโต้นึกถึงรูปลูกจ้างของฮอดกินส์ที่เขาให้ลูกน้องไปสืบมา มีรูปหนึ่งที่ตราตรึงอยู่ในจิตใจของเขาอย่างแรงกล้าคือรูปของสาวสวยคนหนึ่ง เธอเป็นผู้หญิงที่งามหยดย้อย และใบหน้าที่ละมุนละไม ถ้าหากมีใครบอกว่าเธอเคยเป็นทหารหญิงที่แข็งแกร่งที่สุดก็คงไม่มีใครเชื่อ

                นายทำให้ผู้หญิงคนนั้นมาเป็นของนายได้ยังไง?!”

                “เธอไม่ใช่ของผมฮอดกินส์แสยะยิ้มอย่างท้าทาย และเธอก็ไม่ได้เป็นของกองทัพอีกแล้วเช่นกัน ตั้งแต่แรก เธอหยุดพูดแค่นี้ดีกว่า บอกคุณไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไรหรอก

                เสียงของการต่อสู้ ๆ ค่อยเข้ามาใกล้ชั้นบนสุด ความวุ่นวายนั่นบานปลายถึงขนาดมีเสียงตะโกนด้วยความกราดเกี้ยวดังตามมา ดูเหมือนเจ้าของเสียงนั่นจะเป็นเสียงของหญิงสาว ถึงแม้จะอยู่ท่ามกลางเสียงรัวปืน แต่บทสนทนาระหว่างสองคนนั้นก็ไม่หยุดลงเลย

                ฮอดกินส์ยิ้มเยาะ ใบหน้าของซัลวาโต้เริ่มน่ากลัว

                พวกแก เมื่อพวกมันเข้ามาก็ให้การทักทายกันอย่างสุภาพล่ะ

                ลูกน้องของซัลวาโต้ชักปืนออกมาเตรียมรับมือโดยพร้อมเพรียงกัน ความตึงเครียดพุ่งถึงขีดสุด ทุกคนในห้องต่างจับจ้องไปที่ประตู และแล้วก็ถึงเวลา

                ลักซ์ โปรดหลับตาลงด้วยนะคะเสียงไพเราะที่ไม่เหมาะกับสถานที่นี้เลยแม้แต่น้อยซึ่งได้พลิกสนามรบให้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงดังขึ้นด้านหลังของเหล่าพนักงาน

                ก้อนสีดำก้อนหนึ่งกระโดดลงมาจากตรงระเบียง ในตอนแรกมันเหมือนกับสัตว์ประหลาด สัตว์ประหลาดที่น่าตะลึงและน่ากลัวที่ขยับแขนขาได้อย่างสง่างามและเหยียบย่ำเหล่าศัตรูจนราบคาบ

                ไม่ว่าเหล่านักล่าจะสังเกตเห็นสัตว์ประหลาดและสาดปืนใส่มันมากแค่ไหนก็ตาม แต่เท้าของมันก็ไม่หยุดเคลื่อนไหวเลยแม้แต่นิดเดียวในตอนที่มันกำลังแยกเขี้ยว มันกวาดมองไปทั่วทั้งสนามรบอยู่ตลอดเวลาถึงแม้ว่ามันกำลังเต้นระบำอยู่กลางอากาศก็ตาม มันกวัดแกว่งอาวุธได้แม่นยำจนน่าพิศวงและเหยียบย่ำทุกคนจนร่วงหล่นลงสู่พื้น

                อะ-อ้าาา!!”

                อาวุธที่ปล่อยออกมาจากขวานต่อสู้แทงทะลุไหล่ของชายที่จ่อปืนไปที่ศีรษะของลักซ์ สัตว์ร้ายเหวี่ยงขวานต่อสู้และไปยืนอยู่ตรงหน้าฮอดกินส์และลักซ์ให้หลบอยู่หลังมัน

                ซัลวาโต้ถอยหลังไปสองก้าว และมีลูกน้องยืนประกบซ้ายขวา

                ผู้พันฮอดกินส์ ขออภัยที่ให้รอนะคะ

                “ฉันบอกเธออยู่ตลอดเลยไม่ใช่เหรอว่าให้เรียกว่า ท่านประธานน่ะไวโอเล็ตตัวน้อย?

                สัตว์ประหลาด – ที่กลับกลายเป็นหญิงสาว – มองอย่างเย็นชาไปที่คนที่เธอมองว่าเป็นศัตรู

                เธอ––เธอเป็นตัวอะไรกันแน่?ซัลวาโต้เผลอหลุดความกังวลของเขาใส่ผู้บุกรุกที่ถือขวานต่อสู้สีแดงโดยไม่รู้ตัว

                เธอมีผิวขาวและดูอ่อนนุ่มราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ ดวงตาสีฟ้าของเธอใสแจ๋วราวกับลูกแก้ว ผมสีทองที่ดูเหมือนจะพลิ้วไสวด้วยกลิ่นหอมหวาน เธอเป็นผู้หญิงที่มีความสวยที่ยากจะพบเจอ แต่รูปลักษณ์ของเธอไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้ใครสักคนมองเธอด้วยความตกตะลึง

                สิ่งมีชีวิตในตำนานที่ซัลวาโต้ไม่รู้จักยืนอยู่ตรงหน้าเขา

                ไวโอเล็ตค่ะ

                ความน่ารักที่เขาเคยเห็นในรูปภาพถูกปกคลุมด้วยเงามืด และบรรยากาศปั่นป่วนอันบ้าคลังรอบตัวเธอ มันทำให้กลยุทธ์ของพวกเขาที่คิดว่าจะขยับตัวให้ได้ก่อนนั้นเฉื่อยชา แต่ไม่นานนักความเฉื่อยชานั่นก็มลายหายไป

                ท่านประธาน–––! ลักซ์–––!”

                ตาแก่!”

                มีเสียงเรียกที่ดังขึ้นพร้อมกันจากข้างนอกห้อง จากนั้นประตูขนาดใหญ่ก็พังลงราวกับเป็นแค่กระดาษแผ่นบาง ๆ คนที่ก้าวเข้ามาในห้องในตอนที่ประตูล้มลงไปพร้อมแรงสั่นเสือนในขณะที่จับคอเสื้อของศัตรูที่เธอเอานะด้วยสนับมือเหล็กเงินของเธอคือแคทลียา

                อ๊า~! ทั้งสองคน~! เจอออสักกกที!” เธอโยนเหยื่อที่เธอเกือบฆ่าเขาไปทางซัลวาโต้และลูกน้อง ความสามารถในการเหวี่ยงมนุษย์ราวกับพวกเขาเป็นเพียงแค่สิ่งของนั้นแสดงให้เห็นว่าแขนของเธอแข็งแกร่งราวกับอาวุธ

                สิ่งที่ตามหลังเธอมานั้นคือกระบอกปืน และตามมาด้วยเสียงกระสุน เบเนดิกต์ปรากฏตัวขึ้น มันเป็นการยิงเพื่อปิดเกมรุกของแคทลียา

                เบเนดิกต์จิ๊ปากในตอนที่มองบรรยากาศที่สยดสยองภายในห้อง และยิงไปที่ขาของชายทุกคนในชุดดำยกเว้นซัลวาโต้ อะไรกันเนี่ย? ไม่ใช่ว่าวีจัดการหมดทุกคนแล้วหรอ? เขาโยนปืนทิ้งไปและควักอันใหม่ออกมาพร้อมกับถอนหายใจ ตาแก่~ เราเหลือไอ้แก่ที่น่าจะเป็นตัวการนี่ไว้ให้แล้วกันนะ~”

                ลักซ์! ไวโอเล็ตกำลังปกป้องเธอใช่ไหม? ท่านประธาน! คุณถูกมัดนี่!” แคทลียาวิ่งไปหาฮอดกินส์ที่นอนอยู่บนพื้น เธอฉีกเชือกที่มัดเขาไว้ด้วยสนับมือเหล็กโดยไม่ต้องตัดมันออกด้วยมีดเลยสักนิด และสวมกอดเขาอย่างแรง

                ฮอดกินส์ตบหลังเธอเล็กน้อยและกอดเธอเบา ๆ โทษทีนะแคทลียา หญิงสาวที่แสนน่ารักของฉันบาดเจ็บหรือเปล่า?

                “ไม่เลยค่ะ!”

                สมกับเป็นเธอเลยนะฮอดกินส์จูบลงที่หน้าผากของแคทลียาจนเกิดเสียงดังจ๊วบ

                แก้มของแคทลียาแดงระเรื่อและหันหลังให้เขาด้วยความเขินอาย จากนั้นก็กระทืบเท้าด้วยความสุข

                เบเนดิกต์ดึงแคทลียาออกจากฮอดกินส์และยืนอยู่ระหว่างพวกเขา เขาตีอย่างหนักมือไปที่หน้าและลำตัวของฮอดกินส์โดยไร้ซึ่งความโกรธแต่อย่างใดเพื่อให้แน่ใจว่าเขายังมีชีวิตอยู่

                โอ๊ย โอ๊ย อะไรกันนี่? วิธีการแสดงความรักแบบใหม่เหรอ?

                คุณปกติดีสินะ เจ้าหญิงบนหอคอย?

                นายเป็นห่วงฉันใช่ไหมล่ะที่รัก?ฮอดกินส์ที่ตอบหยอกๆคำล้อเลียนของเบเนดิกต์ดูมีความสุข

                เบเนดิกต์กัดปากเล็กน้อยและก้มหน้า ฮอดกินส์รู้สึกว่าตาของเบเนดิกต์ที่มองมาที่เขาก่อนจะก้มหน้ากำลังเอ่อคลอด้วยน้ำตาทำให้เขาประหลาดใจอย่างยิ่ง

                ––หืม แสดงว่าเขาเป็นห่วงจริง ๆ สินะเนี่ย?

                นี่ ที่รัก เบเนดิกต์

                เบเนดิกต์ขยี้ผมสีทรายของเขาจนยุ่งเพื่อต้องการต่อต้านความรู้สึกนั้นราวกับพูดออกมาว่า เงียบซะไม่มีสิ่งใดในตาของเขาที่เหมือนกับน้ำตาอีกต่อไปแล้ว

                ใครเป็น ที่รัก ของคุณกันฮะตาแก่?!”

                นายเป็นห่วงฉันจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย?

                เขาคิดว่าเบเนดิกต์จะปฏิเสธ

                เป็นห่วงสิ อย่าบังคับให้ผมต้องพูดสิวะแต่ดวงตาสีฟ้าของเบเนดิกต์กลับมองไปที่เขาและพูดว่า ผมโคตรเป็นห่วงเลย อย่าทำให้ผมต้องเป็นห่วงอีกเด็ดขาดล่ะ!”

                เพราะมันเป็นคำพูดที่ห้วนเกินไป หลังจากที่ฮอดกินส์ผงะ ใบหน้าของเขาจึงค่อยๆแดงขึ้น เขาเดาไว้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะมาช่วย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ว่าเขาเป็นที่รักใคร่ของทุกคนมากขนาดนั้น

                อ่างั้นหรอ? ขะ-ขอโทษด้วยแล้วกันนะโอเค๊?

                ให้ตายอย่าโดนลักพาตัวไปง่าย ๆ แบบนี้ทั้งๆที่ตัวคุณโคตรใหญ่สิ! เจ้าหญิงบนหอคอยเบอร์สองโอเคไหม?

                “หนักพอตัวเหมือนกัน ลักซ์ตัวน้อยต้องการการปฐมพยาบาล…!”

                 ไวโอเล็ตแก้เชือกที่มัดลักซ์ไว้ออก ร่างกายของลักซ์ที่กำลังสั่นด้วยความกลัว และเสียงหัวใจที่เต้นแรงและดังขึ้นเรื่อย ๆ นั้นเริ่มสงบลง

                ขอบคุณนะไวโอเล็ตลักซ์พยายามยิ้มฝืนความเจ็บปวดที่แก้มให้เพื่อนของเธอที่มาช่วยเธอไว้ ฉันนึกว่าเธอเป็นเจ้าชายผู้สูงศักดิ์จากที่ไหนเสียอีก

                ไวโอเล็ตขมวดคิ้วราวกับกำลังมีปัญหา จากนั้นจึงจับมือลักซ์และพยุงเธอขึ้นมาทั้งที่ยังรู้สึกโกรธอยู่ ขออภัยด้วยนะคะที่ปกป้องคุณไว้ไม่ได้ แต่ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณเจอเรื่องน่ากลัวแบบนี้อีกแล้วค่ะเธอให้ลักซ์ถอยไปยืนข้างหลังเธอราวกับอัศวินที่ปกป้องเจ้าหญิง

                ถึงแม้ว่าเขาจะยังถือปืนอยู่ แต่ซัลวาโต้ไม่สามารถยิงไปที่ทั้งสามคนที่เข้ามายึดบริษัทของเขาได้เลยแม้แต่นัดเดียว เมื่อเขามองไปยังอีกฟาก เขาก็เห็นลูกน้องของเขาล้มพับอยู่และส่งเสียงครวญครางตรงระเบียงที่เปิดกว้าง มีตั้ง… 50 คนเลยไม่ใช่หรือไง ในตอนที่เขาเอ่ยออกมานั้น เสียงเขาก็สั่น

                อ๋อ? ลูกน้องของนาย? ถึงจะมีคนเยอะยังไง ถ้าฝีมือห่วยก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ แต่ว่ามันมีเยอะถึงขนาดนั้นเลยหรอ? ฉันขอนับก่อน แต่ยัยผู้หญิงงี่เง่า เธอเอาชนะไปกี่คน?

                “เจ้าเซ่อเบเนดิกต์! เอ่อสิบ คงจะสิบคนแหละมั้ง

                “ฉันจัดการไปยี่สิบ ที่เหลือคงเป็นวีสินะ

                “ฉันแค่ปีนขึ้นมาข้างบนจากนอกกำแพงเท่านั้นค่ะ เพราะงั้นคนที่เหลือก็คงจะ…”

                “ไม่ใช่ว่าพวกเขาหนีไปแล้วหรอ? ตัวเลขมันไม่ลงตัวนี่นา

                พวกเขาพูดคุยกันสบายๆ แต่เรื่องที่พวกเขาคุยกันนั้นกลับเป็นเรื่องของจำนวนคนที่พวกเขาจัดการไป นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความต่างของพลังในการต่อสู้ที่ต่างกันอย่างมากอีกด้วย เพราะพวกเขาไม่ได้รับอันตรายใด ๆ เลย และเสื้อผ้าพวกเขาก็ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต่างในอำนาจขององค์กร

                ซัลวาโต้กัดริมฝีปากด้วยความหงุดหงิดและตะโกนใส่ฮอดกินส์ พวกเขามาช้า และนั่นจึงทำให้แกแพ้ยังไงล่ะ! ฉันให้แกเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว! คนร่างหนังสือจะเอาสัญญาไปให้หน่วยงานรัฐเพื่อทำให้เป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการ และตอนนี้มันอาจจะเสร็จไปเรียบร้อยแล้วก็ได้เชิญออกไปจากที่นี่ได้ตามสบาย แต่ฉันจะเรียกค่าเสียหายที่ลูกน้องของแกทำและอาการบาดเจ็บของลูกน้องฉันแน่!”

                ซัลวาโต้ตั้งใจที่จะสร้างความเจ็บปวดทั้งทางกายและทางจิตใจกับฮอดกินส์สักหน่อย ค่อยๆสร้างความกลัวในใจของเขาและทำให้เขายอมแพ้ที่จะสู้กลับ แต่ตอนนี้เขาล้มเลิกความคิดนั้นไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือ – สัญญาที่ไม่เท่าเทียมกัน – ซึ่งเป็นผลประโยชน์ทางกฎหมาย ตราบใดที่เขายังมีมัน ไม่ว่าใครจะพูดยังไงก็ตาม แต่เรื่องที่ซัลวาโต้มีข้อได้เปรียบกว่านั้นก็จะไม่เปลี่ยนแปลง

                ซัลวาโต้ ริดาวโด้ คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ?อย่างไรก็ตาม สีหน้าของฮอดกินส์กลับกำลังมองมาที่เขาราวกับเขากำลังสับสน

                อย่างที่ฉันพูด บริษัทของแกไม่สามารถมาขวางเส้นทาง…”

                “แล้วยังไง?

                “ไม่ว่าเราจะใช้กำลังรุนแรงยังไง มันก็ไม่ปรากฏลงบนหน้าเอกสารที่ผ่านการตรวจสอบแล้วยังไงล่ะ!”

                “อ่าฮะแล้วยังไง? เอกสารถูกยื่นไปแล้วจริง และดูเหมือนจะผ่านเรียบร้อยก่อนที่พวกเขาจะมาถึง แต่แล้วยังไง?คลอเดีย ฮอดกินส์ ประธานบริษัทไปรษณีย์ซีเอช และอดีตพันตรีแห่งกองทัพไลเดนชาฟต์ลิชซึ่งมักจะมีบุคลิกง่าย ๆ สบาย ๆ เช่นเดียวกับนิสัยร่าเริงและเหยาะแหยะของเขา แต่ในตอนนี้เขากลับมองไปที่ซัลวาโต้โดยไม่ยิ้มเลยแม้แต่น้อย และในดวงตามีประกายคมกริบ ไม่ใช่ว่าเรื่องนั้นจะแก้ไขได้ถ้าเราทำลายบริษัทของคุณเหรอ?เขาพับแขนเสื้อขึ้นและถอดนาฬิกาข้อมือที่ใครๆก็รู้ว่ามีคุณภาพสูง จากนั้นเขาก็พันสายรัดนาฬิกากับนิ้วจึงทำให้ตัวเรือนนาฬิกาอยู่บนข้อนิ้วเขา

                ใครก็ตามที่เคยต่อสู้มาก่อนย่อมรู้ดี ถ้าหากจะสู้กับใครโดยที่ไม่มีอาวุธติดตัว สิ่งที่เรียกว่านาฬิกาข้อมือถือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง

                ซัลวาโต้ ถ้าแกไม่ต่อยลักซ์ ฉันคงจะไม่โกรธขนาดนี้หรอกนะ

                ซัลวาโต้ยิงไปที่ฮอดกินส์ในตอนที่เขาเหวี่ยงมือขึ้น แต่มันกลับไม่เฉียดเขาเลยสักนิด กระสุนนั้นพลาดที่จะฆ่าคนและยิงไปที่กลางหน้าผากของรูปเหมือนซัลวาโต้ที่อยู่กลางห้องแทน

                ยะ-หยุ…” เสียงสั่น ๆ ของซัลวาโต้เป็นคำพูดสุดท้ายของเขา

                กำปั้นที่เหวี่ยงออกไปโดยชายที่สูง 194 เซนติเมตร และน้ำหนัก 85 กิโลกรัมนั้นกระแทกเข้ากับหน้าของซัลวาโต้พร้อมกับเสียงลมกระชาก จมูกของเขาหักโดยไร้ซึ่งความปราณี และทำให้ซัลวาโต้กระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ฟันสองสามซี่ของเขาร่วงลงสู่พรมคุณภาพดีเช่นเดียวกัน เขาชักไปชั่วอึดใจและในที่สุดก็แน่นิ่ง

                คุณฆ่าเขาหรือเปล่า?

                เมื่อได้ยินคำถามของเบเนดิกต์ ฮอดกินส์ก็ก้มลงเงี่ยหูฟังตรงหน้าอกของซัลวาโต้ และส่ายหัวหลังจากเช็คเสียงหัวใจเต้นของอีกฝ่ายแล้ว เขายังมีชีวิตอยู่ ให้เขาอยู่อย่างนี้แหละทันทีที่เขาหันหลังกลับ ฮอดกินส์ก็กลับมาเป็นตัวเขาคนเดิม ทุกคนทำได้ดีมาก ฉันมีความสุขมากเลย พนักงานของฉันเยี่ยมที่สุด และฉันก็เยี่ยมยอดเหมือนกันที่เป็นคนเลือกพวกเธอมา!” ฮอดกินส์พูดชมเชยและแสดงท่าทางโอ้อวดที่เกินจริงไปมาก และสวมกอดพนักงานทุกคนที่มาช่วยเขาในคราวเดียว จากนั้นเขาก็เข้าไปใกล้ๆลักซ์ และจูบลงตรงแก้มที่ไม่ถูกชก ฉันทำให้เธอต้องลำบากน่าดูเลย ฉันขอโทษจริง ๆ นะลักซ์ตัวน้อย

                “ไม่หรอกค่ะ ฉันเป็นเลขาของท่านประธานนี่คะ

                เธอดูไม่เขินอายเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนการจูบนั่นจะไม่ใช่การกระทำที่ทำไม่บ่อยนักเสียเท่าไหร่ แต่แล้วเมื่อความตึงเครียดหายไป ลักซ์ก็หลุดร้องไห้ออกมาเสียยกใหญ่ ฮอดกินส์จึงขอโทษอีกครั้งด้วยความตาลีตาเหลือก

                มันไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกค่ะฉันหงุดหงิดมันคงจะดีกว่านี้ถ้าฉันเป็นเหมือนคนอื่น ๆ และแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องท่านประธาน ถ้าฉันไม่ถูกจับเป็นตัวประกัน เรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้…”

                แคทลียาลูบหลังที่โก่งลงของลักซ์อย่างแผ่วเบาเพราะเธอไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้เลย เธอพูดอะไรของเธอน่ะ? ลักซ์ เธอทำได้ดีแล้ว เพราะเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาที่แสนบอบบางยังไงล่ะ อ๊ะ แต่ไม่ใช่ว่าฉันไม่ปกตินะ ฉันแข็งแกร่งและสวย แต่ฉันก็เป็นผู้หญิงที่ธรรมดามาก ๆ…”

                “แคทลียาคะ สิ่งที่คุณพูดมันขัดแย้งกันมากเลยค่ะไวโอเล็ตยื่นผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมให้ลักซ์

                บางทีอาจเป็นเพราะส่วนสูงของพวกเธอเท่า ๆ กัน ถึงแม้ว่าหน้าตาจะไม่คล้ายกัน และรูปร่างต่างกันโดยสิ้นเชิงก็ตาม แต่การที่พวกเธอทั้งสามคนยืนแนบชิดใกล้ๆกันนั้นทำให้พวกเธอดูเหมือนพี่สาวน้องสาว

                การได้เห็นสาว ๆ รวมกลุ่มใกล้ชิดกันเยี่ยมไปเลยเนอะว่าไหมเบเนดิกต์

                “ตาแก่ รีบทำอะไรสักอย่างกับที่นี่สักทีเถอะ

                “เราควรจะอยู่ใกล้ ๆ กันแบบนั้นบ้างไหม? ดีไหม?

                “เลิกไร้สาระและออกคำสั่งสักทีสิ!”

                ในตอนที่เบเนดิกต์ใช้ขาเตะไปที่ก้นของเขาแรง ๆ ฮอดกินส์ก็หยุดล้อเล่น เอ๋~ งั้นพวกเธอไปได้เลย…! นั่นแหละที่ฉันอยากจะทำ แต่ฉันมีคำขอ ใครที่ไม่มีแผนอะไรหลังจากนี้ช่วยฉันทำลายบริษัทของซัลวาโต้ที!”

                “นี่~ ตาแก่

                “อะไรหรือครับคุณเบเนดิกต์?

                คุณยังไม่ได้ทำการตรวจสอบเพราะงั้นคุณคงยังไม่รู้เรื่อง แต่เรายกเรื่องสำนักงานระหว่างประเทศให้กับฝ่ายตอบโต้ที่เหลือแล้ว คนที่อยู่ในสำนักงานใหญ่ติดต่อพวกเขาเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าเป็นพวกเดียวกับคนพวกนี้ พวกเขาจะจัดการเอาพวกเขาออกเองโดยที่เราไม่ต้องกังวล

                “เยี่ยมไปเลย! แต่เราไม่มีฝ่ายตอบโต้เสียหน่อย! ฉันไม่ได้จ้างนายมาเพราะแบบนั้น! ถึงจะมีคนที่สามารถเข้าไปในสนามรบได้ แต่ฉันไม่ได้มีความตั้งใจแบบนั้น แต่…”

                มันเป็นจุดประสงค์ของเราตั้งแต่แรกแล้วค่ะ ท่านประธานฮอดกินส์ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เราคิดว่าการทำลายทุกอย่างให้ราบคาบเป็นแผนการที่ดีค่ะ

                น่ากลัว น่ากลัวจัง สีหน้าเธอก็น่ากลัวเหมือนกันไวโอเล็ตตัวน้อย ยิ้มสิ! มันทำให้ใบหน้าน่ารัก ๆ ของเธอเสียหมด!”

                ท่านประธานขา~ หลังจากเรื่องนี้เสร็จฉันอยากให้คุณซื้อโชคเกอร์ให้หน่อยสิคะ ดูสิ~! ไข่มุกบนโชคเกอร์หลุดออกหมดเลยมันเป็นอันโปรดของฉันด้วย

                “โอเคแคทลียา จะโชคเกอร์ เสื้อผ้า หรืออะไรก็ตาม ลุงคนนี้จะซื้อให้เธอเอง!”

                เอ่อท่านประธานคะ ฉันควรทำยังไงดีคะ?ลักซ์ที่ไม่ใช่ฝ่ายตอบโต้จับกระโปรงของเธอแน่น และดูกังวล

                ลักซ์ตัวน้อย กลับไปที่สำนักงานใหญ่เถอะ ฉันจะให้เธอรักษาที่นั่นด้วย ไม่เป็นไร ทุกคนในสำนักงานใหญ่คงจะติดต่อพนักงานคนอื่น ๆ แล้ว เพราะงั้นคงจะมีคนไปรวมตัวกันที่นั่นแล้วล่ะ มันคงปลอดภัยกว่าการที่เธอมากับพวกเรา เบเนดิกต์ พาลักซ์กลับไปที่สำนักงานใหญ่แล้วค่อยกลับมารวมตัวกัน

                รับทราบ เหลือที่ให้ผมกลับมาจัดการด้วยล่ะ

                “เราไม่ได้แบ่งเค้กกันเสียหน่อยทีนี้ ไวโอเล็ตตัวน้อยและแคทลียาจะไปทำลายสาขาอื่น ๆ เหมือนกับที่นี่ แต่มาทำข้อตกลงก่อน อย่าทำร้ายผู้หญิง แต่ถ้าเป็นไอ้เวรสักคนก็ไม่เป็นไร

                “รับทราบค่ะ

                “~

                สมาชิกของบริษัทไปรษณีย์ซีเอชยังคงประชุมกลยุทธ์ของพวกเขาโดยไม่ได้สนใจคนที่พวกเขาจัดการไปและกำลังนอนอยู่บนพื้นเลยแม้แต่น้อย เมื่อประชุมเสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็เดินออกจากตึกในขณะที่ทำให้แน่ใจว่าบุรุษไปรษณีย์ของซัลวาโต้จะไม่ลุกขึ้นมาได้อีกและไม่สามารถฟื้นตัวได้

                ฮอดกินส์จุดบุหรี่และเดินต่อไป พร้อมด้วยทุกคนที่เดิมตามหลังเขามา

                ในวันนั้น ในประเทศไลเดนชาฟต์ลิช เสียงปืนดังก้องไปทั่วหลายพื้นที่ของเมืองหลวงไลเดน แต่ก็ไม่มีใครพยายามเข้ามาควบคุมสถานการณ์ ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าสารวัตรตำรวจก็ไม่ยอมขยับตัวเลยแม้แต่น้อยถึงแม้ว่าจะได้รับรายงานมามากขนาดไหนก็ตาม

     


     

     

                ความมืดในยามค่ำคืนนั้นยิ่งมืดขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเข้าสู่กลางดึก

                ไฟในบาร์แห่งหนึ่งที่อยู่ตรงหัวมุมของย่านการค้าส่องสว่าง มีกระดาษที่เขียนด้วยตัวอักษรที่ดูงกเงิ่นว่า วันนี้จองเต็มแล้วตรึงไว้ตรงกระดานเมนูหน้าร้าน พร้อมกับรูปของนักเต้นผู้หญิงที่ถูกวาดอยู่บนกระดานนั่น ดูเหมือนว่ามันคงจะเป็นสถานที่ที่ผู้คนมาเพลิดเพลินกับการแสดงพร้อมกับรับประทานอาหารไปด้วย

                เสียงหัวเราะอิ่มเอมของผู้คน และเสียงดนตรีที่มีชีวิตชีวาดังออกมาจากภายในบาร์ ดูเหมือนจะมีงานเลี้ยงของบริษัทสักแห่ง มีทั้งผู้หญิง และผู้ชายอยู่ในบาร์พอ ๆ กัน คละอายุกันไป และทุกคนก็มีสีผิว สีผม และสีตาที่แตกต่างกัน

                แต่ในหมู่พวกเขานั้น ก็มีแค่ไม่กี่คนที่เป็นที่น่าจับตามอง

                ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังแสดงลีลาการเต้นที่งดงามอยู่บนโต๊ะด้วยรองเท้าบู้ตส้นสูงที่ดูเหมือนรองเท้าของผู้หญิง นักเต้นพลิ้วไหวร่างกายไปพร้อมกับเขา และเต้นอย่างเต็มที่

                อีกโต๊ะหนึ่ง หญิงสาวแสนสวยคนหนึ่งกำลังยิ้มขณะงัดข้อกับผู้ชายที่มีหน้าเหี้ยม และเต็มไปด้วยมัดกล้ามคนหนึ่ง ใครที่เห็นเธอบิดแขนของเขาภายในไม่กี่วินาทีก็อาจเข้าใจว่าเขาปล่อยให้เธอชนะ แต่อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นกลับกำลังถูแขนที่ดูน่าจะเจ็บมากของเขา และทำสีหน้าไม่อยากเชื่อ

                เด็กสาวผมสีเงินที่มีผ้าก๊อซขนาดใหญ่บนแก้มของเธอกำลังเล่นไพ่กับคนผมบลอนด์ที่ใส่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง และสิ่งที่เธอเล่นคงจะเป็นโป๊กเกอร์ ดูเหมือนเธอกำลังประสบปัญหาอย่างหนักที่ไม่สามารถอ่านสีหน้าของอีกฝ่ายได้ ในขณะที่ทุกคนมีขวดแอลกอฮอล์ที่ว่างเปล่า มีเพียงแค่พวกเธอสองคนนั้นที่ดื่มชาในงานเลี้ยงยามค่ำคืนของบริษัท แต่ละคนต่างก็ยึดติดกับชัยชนะของตนเอง และตั้งใจเล่นอย่างเต็มที่

                อ๊า~! ฉันชนะล่ะ~! ฉันมีเงินพอไปซื้อรองเท้าดี ๆ สักคู่แล้ว! อ๊ะ ลักซ์ นี่ไม่ใช่ไพ่ไม้เด็ดหรอกเหรอ?

                “ผู้หญิงที่เต้นรำเป็นนี่เยี่ยมยอดเสมอเลยนะ วี เธอห่วยเรื่องเล่นเกมแบบนี้ใช่ไหมเนี่ย?

                เบเนดิกต์ที่เต้นรำพอแล้ว และแคทลียาที่เหนื่อยจะงัดข้อแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะ และทำลายความเงียบสงบของโต๊ะ

                ลักซ์วางไพ่ที่เธอซ่อนไว้ และชูขึ้นจนเหนือริมฝีปากวางบนโต๊ะ อยากเลิกเล่นโป๊กเกอร์ไหมไวโอเล็ต?

                “ได้ค่ะ เพราะไพ่ของพวกเราเองก็ถูกคนอื่นจับได้แล้วด้วย

                พวกเธอไม่ได้มีเจตนาที่จะโกรธแต่อย่างใด อย่างน้อยมันก็ทำให้ลักซ์มีความสุขอย่างมากที่ได้กลับไปใช้ชีวิตประจำวันที่น่าเบื่อหน่ายอย่างมากกับเพื่อนของเธอจนทำให้เธอหัวเราะออกมา และอาจเป็นเพราะตอนเธอหัวเราะนั้นมันกระทบกับจุดที่เธอถูกชกมาจึงทำให้เธอยืดหลังขึ้นและร้อง โอ๊ยๆๆๆ

                “เธอโอเคหรือเปล่า? ไม่ใช่ว่าเธอควรพักแล้วหรอกเหรอ?

                อื้~ม แต่ฉันคิดว่าวันนี้ถ้าอยู่กับทุกคนคงจะปลอดภัยกว่าท่านประธานฮอดกินส์เองก็อยู่ที่นี่ด้วย ฉันก็เลยกลับไม่ได้น่ะ

                แคทลียามองตรงไปที่ลักซ์ และตอบสนองอย่างรวดเร็วเธอหมายความว่าไง?

                “เราตัดสินใจว่าวันนี้ฉันจะอยู่กับท่านประธานน่ะ เพราะว่าบ้านของท่านประธานอยู่บนชั้นสูงสุดของบริษัท เราก็เลยไม่มีที่ให้หลับนอนใช่ไหมล่ะ? แล้วฉันก็มีปมเรื่องลักพาตัวด้วยเขาเป็นห่วงน่ะ ก็เลยหาห้องพักโรงแรมในเมืองให้ฉัน ดูเหมือนท่านประธานฮอดกินส์ก็จะพักอยู่ด้วยสักพักจนกว่าเรื่องวุ่นวายนี่จะจบลงน่ะ ฉันเองก็จะทำงานจากที่นั่นด้วย วันนี้เราจะไปด้วยกัน ฉันก็เลยต้องรอเขาน่ะ

                ในขณะที่ไวโอเล็ตเอ่ยตอบอย่างเห็นด้วยว่า เท่านี้ก็วางใจแล้วค่ะหน้าของแคทลียากลับแดงแจ๋ แค่ดูจากสีหน้าเธอก็รู้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่ เธอจับแขนของลักซ์ และเขย่าอย่างแรง เธอ! เธอรู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมาน่ะ?

                เอะ เอ๋? แต่เราแยกห้องกันนะเธอรู้ใช่ไหม?

                แคทลียา ลักซ์กำลังบาดเจ็บนะคะ

                ไม่มีทางหรอก ไม่รู้หรอกว่าจะทนได้อีกนานแค่ไหน แต่เขาไม่ไร้ยางอายขนาดนั้นหรอก

                “นี่! อย่าเข้ามาแจ๋นในตอนสาว ๆ เขาคุยกันสิยะ!”

                “โอ๊ะ เธอพูดแล้วนะ งั้นไม่ว่ายังไงก็อย่าเข้ามายุ่งตอนฉันคุยกับตาแก่แล้วกัน

                เนื่องจากการต่อสู้เริ่มขึ้นมาอีกครั้ง และเป็นการต่อสู้ที่พวกเธอคุ้นเคยดี ไวโอเล็ต และลักซ์จึงปล่อยทั้งสองคนเอาไว้ และเริ่มคุยกันใหม่อีกครั้ง

                ว่าแต่ไวโอเล็ต เธอโอเคหรือเปล่า? วันนี้เธอแต่งตัวน่ารักเชียวหรือว่าเธอจะไปเจอกับคน ๆ นั้นกับคุณผู้พันน่ะเหรอ?

                ในตอนที่เธอได้รับคำถามนั้น ก็เป็นตอนเดียวกับที่สายตาของไวโอเล็ตกำลังจับจ้องไปที่ทางเข้าของบาร์ ฉันไม่เป็นไรค่ะ

                ใครบางคนกำลังตรงมาที่เธอ

                บางทีอาจเป็นเพราะความรีบร้อน คน ๆ นั้นจึงมาด้วยสภาพกระหืดกระหอบ หน้าผากที่ชื้นเหงื่อบนหน้าผากของเขาเป็นเครื่องพิสูจน์ความพยายามของเขาในการมาถึงที่นี่ เขาถูกขัดจังหวะโดยฮอดกินส์จนต้องหยุดเดิน แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็มุ่งเป้า และตรงมาหาเธอด้วยความรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

                คน ๆ นั้นสังเกตเห็นไวโอเล็ตตั้งแต่ทางเข้าบาร์ และไวโอเล็ตเองก็หยุดชะงักไปในทันทีที่เห็นเขามาถึงเช่นกัน ราวกับว่าแรงโน้มถ่วงระหว่างพวกเขาถูกดึงดูดให้เข้ามาหากัน

                ไวโอเล็ตยืนขึ้นโดยสัญชาติญาณ และเร่งรุดไปหาเขา

                ––อ่า ไวโอเล็ต

                ลักซ์บอกได้เลย

                ––เธอเข้าใจแล้ว อย่างนั้นเองสินะ

                ใครก็ตามที่อยู่ใกล้ ๆ ต่างก็บอกได้ทั้งนั้น

                ––พวกเธอสองคนไปถึงขั้นนั้นแล้วสินะ

                หลังจากนั้น ราวกับว่าบรรยากาศรอบตัวเธอเปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น

                ผู้การ

                คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือพันเอกกิลเบิร์ต โบเกนวิลเลียจากกองทัพไลเดนชาฟต์ลิช บางทีอาจเป็นเพราะวันนี้เขาได้หยุดพัก เขาจึงสวมแค่แจ็คเก็ตที่ถูกตัดเย็บอย่างดี และเสื้อเชิ้ต สายตาสอดรู้สอดเห็นจากผู้คนที่ส่งเสียงอึกทักจับจ้องมาที่เขาโดยพร้อมเพียงกัน

                ไวโอเล็ต

                นั่นก็เพราะว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีข่าวลือในบริษัทว่าเขาถึงกับเคลื่อนกำลังพลมาช่วยปกป้องไวโอเล็ต ตัวตนของเขาเป็นที่รู้จักในช่วงเหตุการณ์จี้รถไฟข้ามทวีปหลังจากผ่านไปหนึ่งปีไม่นานนัก แน่นอนว่าเรื่องเล่านั้นถูกบอกเล่าแค่ภายในบริษัทเท่านั้น และฮอดกินส์ก็ได้รับการยกย่องต่อสาธาณชนว่าเป็นผู้นำของกลยุทธ์ดังกล่าว

                สมาชิกของบริษัทไปรษณีย์ที่มารวมตัวกันเพื่อช่วยชีวิตเธอนั้นได้เห็นชายคนนี้ตัวเป็น ๆ ในตอนที่เขาวิ่งมาพร้อมกับอุ้มเธอในท่าเจ้าหญิง ในตอนนั้นพวกเขาได้เห็นเบเนดิกต์ได้รับการไว้วางใจให้ดูแลไวโอเล็ตพร้อมกับอ้าปากค้างราวกับเขาเป็นตาแก่ที่คิดอะไรไม่ทันแล้ว

                ผู้การ ขออภัยด้วยค่ะฉันทำนัดของเราล่มจนได้

                ผมเป็นลอนของเธอยุ่งเหยิง เครื่องแต่งกายที่ถูกเลือกมาเพื่อเธอให้เธอสวมใส่นั้นกลายเป็นเพียงแค่เสื้อขาด ๆ ทุกอย่างที่เธอเตรียมมาเพื่อเขาวันนี้กลับกลายเป็นความทุกข์ใจ

                แต่อย่างไรก็ตาม การที่ได้เห็นเธอแต่งตัวทำให้หัวใจของกิลเบิร์ตเต้นดังขึ้น

                เธอ…”

                “เธอสวยมากนั่นคือสิ่งที่เขาเพิ่งเริ่มจะพูด แต่เมื่อเห็นสายตาที่จับจ้องมาด้วยความกดดันจนถึงขั้นดุดันจากด้านข้างจึงทำให้เขาหยุดพูด

                เบเนดิกต์ดูเหมือนจะไม่พอใจอย่างยิ่ง เขาเดาะลิ้นในตอนที่ทั้งสองหันมาสบตากัน

                มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ…?”

                “ก็ไม่เชิง ไม่มีกฎหมายข้อไหนที่ห้ามไม่ให้ฉันมองไอ้ทุเรศคนหนึ่งที่นาน ๆ ทีจะโผล่มาแจ๋นแถวโวโอเล็ตตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นเหมือนกับสิ่งแปลกปลอมนี่ใช่ไหม?

                ตอนนั้นคุณช่วยผมอุ้มไวโอเล็ต ผมรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากและผมไม่ทราบว่ามีกฎหมายเรื่องแบบนั้นด้วย แต่หากพูดเรื่องการจ้องจับผิดล่ะก็ ผมเป็นตัวเก็งเลยล่ะ

                ราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านระหว่างพวกเขาทั้งสองคน จนถึงตอนนี้เบเนดิกต์ยังคงไม่ลดความไว้วางใจของเขาที่มีต่อกิลเบิร์ตได้เลย และรู้สึกเหมือนถูกชายคนนี้ทำให้รำคาญใจราวกับเป็นคู่แข่งเรื่องความรักสำหรับคนสำคัญของเบเนิกต์ได้เลยหากพวกเขาทำงานอยู่ในที่เดียวกัน

                เปิดม่านการต่อสู้อันแสนอลหม่าน ณ บัดนี้!” ในตอนที่ทั้งสองกำลังจะพูดอีกครั้ง ฮอดกินส์ก็ตัดบทด้วยการบรรยายที่ฟังดูไร้สาระ

                เงียบกริบ ทั้งสองมองไปที่ฮอดกินส์ราวกับมองบางสิ่งที่น่าเวทนา

                ฮอดกินส์แยกกิลเบิร์ต กับเบเนดิกต์ออกจากกันด้วยการมายืนคั่นกลาง และโอบพวกเขาไว้ก่อนจะหัวเราะฝืน ๆ อย่าทะเลาะกันเพราะฉันสิ! เพื่อน~ ฉันอยากลองพูดสักครั้งนี่นา

                หุบปากเลยตาแก่!”

                “ถอยไปห่าง ๆ นะฮอดกินส์ ตัวนายมีแต่กลิ่นเหล้า

                มันช่างเป็นบทสนทนาที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกอย่างแรงกล้า มองเผิน ๆ กิลเบิร์ต และเบเนดิกต์ดูเหมือนจะเข้ากันไม่ได้เลยสักนิด แต่ทัศนคติของพวกเขาที่มีต่อฮอดกินส์กลับเหมือนกันไม่มีผิด

                ตาแก่ ถ้าคุณดื่มมากไปพรุ่งนี้จะแย่เอานะ คุณอายุตั้งขนาดนั้นแล้วไม่ใช่หรือไง?

                “ที่รักนายพูดแบบนั้นเพราะนายเป็นห่วงฉันใช่ไหมล่ะ?

                “เฮ้ หยุด หยุดเลย ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะ

                ในตอนที่เบเนิกต์ถอยห่างออกมาจากฮอดกินส์ที่พยายามจะจูบเขา ในที่สุดกิลเบิร์ต และไวโอเล็ตก็ได้มองตากันและกันอีกครั้ง ใบหน้าของไวโอเล็ตแสดงให้เห็นเลยว่าเธอผ่านช่วงเวลาที่โหดร้ายมา

                บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?

                “มีเล็กน้อยที่เดียวค่ะ เล็กเท่ารอยขีดเท่านั้นค่ะ

                “ดีแล้ว…” เขาพูดจากใจจริง แต่เมื่อเห็นแคทลียา และลักซ์แอบสังเกตพวกเขาสองคนอย่างใจจดใจจ่อ กิลเบิร์ตก็ถามต่อ พวกคุณสองคนล่ะ บาดเจ็บตรงไหนไหม? โอ้คุณต้องพบหมอนะครับ

                “ไม่ค่ะ ไม่ ฉันไม่เป็นไรค่ะ

                ลักซ์ได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนว่าพรุ่งนี้แผลของเธอก็อาจจะเปิดอีก

                บางทีอาจเป็นเพราะเขาพกติดตัวอยู่แล้ว กิลเบิร์ตจึงหยิบปากกาคอแร้ง และสมุดโน้ตเล็ก ๆ จากกระเป๋าในเสื้อแจ็คเก็ตของเขา ยื่นแผ่นกระดาษที่จดที่อยู่แห่งหนึ่งในเมืองไลเดนให้ นี่เป็นคลีนิคที่แพทย์ประจำตระกูลผมอยู่ครับ ถ้าคุณบอกชื่อผมกับเขาคุณก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายอะไรเลยครับ เพราะงั้นไปที่นั่นวันถัดไปนะครับ คุณอาจต้องการยาแก้ปวดมาใช้สักระยะ ถึงคุณจะอยู่โรงแรม ก็โปรดแจ้งชื่อผมกับพนักงานโรงแรมนะครับหากคุณต้องการอะไร พวกเราเป็นมิตรกันน่ะครับ เพราะงั้นเขาจะดูแลคุณอย่างดีแน่นอน

                ลักซ์แสดงท่าทีอย่างไม่แน่ใจนักเมื่อได้รับแผ่นกระดาษนั้นมา อ่า ขอบคุณมากนะคะ คุณใจกว้างมาก ๆ ค่ะหรือว่าคนที่จองโรงแรมนั่นคุณโบเวนกิลเลีย เอ่อพันเอกโบเกนวิลเลียเป็นคนจองให้เหรอคะ?

                หลังจากมองไปที่ฮอดกินส์ที่กำลังวุ่นวายอยู่กับเบเนดิกต์ กิลเบิร์ตก็พยักหน้า หมอนั่นขอให้ผมช่วยน่ะครับ ผมคงพูดไม่ได้มาก แต่ผมเป็นคนกำจัดเอกสารที่ส่งไปสำนักงานรัฐในนามของบริษัทของพวกคุณด้วย เมื่อไหร่ที่ผมใช้อิทธิพลของผมในสถานที่ที่อยู่นอกเขตอำนาจของผมผมก็จะเสียไพ่ที่ผมไว้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินอื่นไปด้วย แต่…” บางทีอาจเป็นเพราะเขาเพิ่งจำบางสิ่งได้ เขาจึงขมวดคิ้วเล็กน้อยและหัวเราะเบา ๆ ฮอดกินส์ดูแลไวโอเล็ต และผมก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อพวกคุณทุกคนหากมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม หากมีปัญหากังวลใจก็บอกผ่านไวโอเล็ตได้นะครับ แต่โปรดบอกผมเถอะ

                -ค่ะ

                แคทลียา และลักซ์ต่างก็แก้มเป็นสีชมพูระเรื่อ จะมีผู้หญิงคนไหนไม่ใจเต้นให้กับกิลเบิร์ตที่ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ในแบบที่ต่างจากฮอดกินส์บ้างล่ะ?

                ผู้การคะ คุณเท่มากค่ะ

                ผู้การคะ คุณวิเศษที่สุดเลยค่ะ

                ไม่ ไม่ใช่แค่นั้น

                ไม่ว่าเป็นเพราะอะไรก็ตาม ทั้งสองคนสอดประสานนิ้วตรงหน้าอกของพวกเธอและทำท่าทางเหมือนกันไม่มีผิด

                กิลเบิร์ตตอบเสียงเรียบ พวกคุณไม่ใช่ลูกน้องของผม เพราะงั้นไม่ต้องเรียกผมตามยศก็ได้ครับ

                ไวโอเล็ตดึงชายเสื้อของกิลเบิร์ตเบา ๆ ท่านผู้การ เอ่ออยากนั่งไหมคะ? คุณคงเหนื่อยมากเลย

                “อ่า ไม่ล่ะ ผมขอโทษด้วยแต่ผมต้องไปแล้ว เธอด้วยไวโอเล็ต ทั้งสองคนรอเราอยู่ที่บ้านตระกูลโบเกนวิลเลียแล้ว และเราก็ทำให้พวกเขาเป็นกังวลด้วย ฉันบอกพวกเขาเรียบร้อยแล้วด้วยว่าฉันจะพาเธอกลับไปด้วย มาด้วยกันเถอะ ที่ที่เราต้องแวะไปอาจจะไกลหน่อย แต่ฉันเตรียมรถม้าไว้แล้ว เพราะงั้นเดินไปที่นั่นกัน คุณลักซ์ คุณวันนี้อยู่กับฮอดกินส์ใช่ไหมครับ? แล้วคุณล่ะครับคุณแคทลียา? หากจำเป็นเราไปส่งคุณที่บ้านได้นะครับ

                คะ คุณรู้ชื่อฉันด้วยเหรอคะ?! ชื่อฉัน?!”

                “แน่นอนครับ ผมได้ยินมาจากไวโอเล็ต แล้วคุณตัดสินใจยังไงครับ?

                อาจเป็นเพราะเธอมีความสุขอย่างสุดขีด แคทลียาจึงตบไปที่หลังของไวโอเล็ตค่อนข้างแรงนับครั้งไม่ถ้วนด้วยความกระตือรือร้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ! ฉันจะอยู่กับทุกคนที่นี่จนถึงรุ่งเช้าค่ะ!”

                “คงจะดีกว่าแหละครับถ้าอยู่กับคนเยอะ ๆ งั้น ผมขออภัยด้วยที่ต้องไปแล้วทั้ง ๆ ที่เรากำลังคุยอย่างสนุกสนานกันอยู่ แต่ผมจะพาเธอไปด้วย ขอบคุณที่คอยอยู่ใกล้ชิดไวโอเล็ตเสมอมานะครับ ไว้เจอกันที่อื่นทีหลังนะครับ อย่างน้อยให้ผมได้เลี้ยงอาหารพวกคุณสักมื้อกิลเบิร์ตถอดแจ็คเก็ตของเขาออกอย่างเป็นธรรมชาติและคลุมบนไหล่ของไวโอเล็ต และเขาก็พาเธอออกไปทั้งแบบนั้น

                อ๊า! ไอ้เวรเอ๊ย! เดี๋ยวก่อน! วีเป็นน้องสาวของฉันนะ!”

                ทุกคน ราตรีสวัสดิ์นะคะ เบเนดิกต์ด้วยนะคะ

                “เดี๋ยว! วี~! เฮ้–– ตาแก่!”

                ฮอดกินส์รัดแขนของเบเนดิกต์ไว้ด้านหลัง ก่อนจะขยิบตาให้ไวโอเล็ต ก็จริงที่ว่าเขากำลังเมาอยู่ แต่กลยุทธ์ของเขาก็อาจมีไว้เพื่อกันเบเนดิกต์ออกห่างจากกิลเบิร์ต อาจเป็นเพราะว่าเขาต้องการชดใช้บาปที่ทำให้ทั้งสองคนพลาดช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันไปเพราะการถูกลักพาตัวของเขา

                ฮอดกินส์ และกิลเบิร์ตบอกลากันสั้น ๆ ด้วยการ ฉันจะโทรหาและ ไว้เจอกัน เท่านั้น

                ตาแก่!”

                พ่อหนุ่ม เขาเป็นคู่แข่งของนายแต่ก็ไม่ใช่เหมือนกัน

                หญิงสาวทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างหลังพูดคุยกันขณะที่จับจ้องไปที่ทางเข้าของบาร์

                บอกตามตรงนะ ท่านประธานเล่าเรื่องอดีตของไวโอเล็ตให้ฉันฟังเยอะเลยหลังจากเหตุการณ์นั่น และฉันก็ไม่เคยรู้สึกไม่แปลกใจเลยว่าคนแบบเขาเหมาะสมสำหรับเธอหรือเปล่าแต่ พอเธอเจอเขา เธอรู้ใช่ไหม…”

                อ่าฮะ พอเธอเจอเขามันก็ต่างจากที่คิดเลยใช่ไหม?

                “มันเป็นเพราะว่าเขาทะนุถนอมเธอจริง ๆ จากสิ่งที่เขาเคยทำผิดพลาดมาหลายอย่าง เขาทำอย่างเต็มที่ที่สุดเพื่อทดแทนหลาย ๆ อย่าง และตอนนี้พวกเขาก็เป็นแบบนี้เสียแล้ว ลักซ์กระซิบ จมสู่ห้วงความคิด

     


     

                เดินย่ำผ่านค่ำคืนในฤดูใบไม้ร่วงที่ซึ่งลมกลางคืนอันแสนหนาวเหน็บพรากความร้อนเล็กน้อยไปจากร่างกายของพวกเขาทั้งสองคนที่เพิ่งจะได้รับความอบอุ่นจากภายในบาร์ ไวโอเล็ตที่มีเสื้อแจ็คเก็ตของกิลเบิร์ตคลุมไว้อยู่มองไปที่เขาซึ่งเหลือเพียงแค่เสื้อเชิ้ตตัวเดียวราวกับต้องการถามอะไรสักอย่าง

                และไม่นานนักเขาก็สังเกตเห็นสายตาของเธอที่มองมา และเมื่อพวกเขาสบตากัน เขาก็ยิ้มให้เธอ เธอหนาวหรือเปล่า?

                แค่คำถามง่าย ๆ ที่เขาถามเธอ ไวโอเล็ตก็ยังไม่ชินอยู่ดี หัวใจของเธอเต้นระรัว ไม่ค่ะ ผู้พัน คุณล่ะคะ?

                จำนวนครั้งที่พวกเขาสองคนพบกันนั้นน้อยจนสามารถนับได้ด้วยมือเดียว และในช่วงเวลานั้น ความหักห้ามใจที่เกิดจากการห่างหายไปนานของเขาก็แสดงออกมาในรูปแบบของความปั่นป่วน แต่หากมองจากมุมมองของคนอื่นก็อาจจะสังเกตได้ยากเพราะสีหน้าของเธอช่างไร้อารมณ์

                ฉันไม่เป็นไร วันนี้ฉันยุ่งอยู่กับการจัดการหลายเรื่อยก็เลยเหงื่อออกเยอะน่ะ ฉันก็เลยยังตัวอุ่นอยู่

                “ขออภัยด้วยค่ะผู้การ

                เดินช้าลงหน่อยเถอะ ถ้าเราขึ้นรถม้าเมื่อไหร่คงถึงบ้านแค่พริบตาเดียวเท่านั้นแหละ

                “แบบนั้นไม่ดีเหรอคะ?

                คนที่เป็นคนขอคือกิลเบิร์ต ส่วนคำพูดของไวโอเล็ตที่เธอตั้งใจจะพูดนั้นก็มลายหายไปทันทีก่อนที่จะเป็นเรื่องเป็นราวเสียด้วยซ้ำ นั่นก็เพราะเขาเอ่ยต่อเธอด้วยถ้อยคำอ่อนหวาน ฉันไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับเธอเลย

                “ค่ะผู้พัน

                ดวงตาของเธอสื่อสารออกมาชัดเจนมากกว่าสีหน้าที่ไร้อารมณ์ของเธอเสียอีก ดวงตาสีฟ้าของไวโอเล็ตเชื่อมกับดวงตาสีมรกตของกิลเบิร์ต

                ฉันอยากพูดคุยนิดหน่อยด้วย ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่า กับชายหนุ่มที่ชื่อเบเนดิกต์คนนั้นน่ะ?

                “เรื่องนั้น คุณหมายความว่าอย่างไรคะ?

                เขาดูชอบเธอนะ

                เขามีผู้หญิงคนอื่นที่เขาชอบพออยู่แล้วค่ะ ดูเหมือนพวกเขาน่าจะคบกันอยู่ และพวกเขาก็ปกปิดความสัมพันธ์นั้นไว้ค่ะ แต่ทุกคนรอบตัวพวกเขาก็รู้กันหมดแล้วค่ะ

                งั้นเหรอ?

                ค่ะ เขาเป็นเหมือนพี่ชายสำหรับฉันน่ะค่ะ เขาบอกฉันแบบนั้น

                “บอกเธอ? ชายคนนั้นน่ะหรือ?

                สีตากับสีผมของพวกเขาคล้ายกันอย่างมาก และเขาก็มีความงดงามแบบทั้งผู้ชายและผู้หญิงอยู่ในตัว แต่การพูด และพฤติกรรมของเขานั้นต่างจากไวโอเล็ตมากเหลือเกิน

                เขาเองก็พูดแบบนั้นเช่นกันค่ะ

                อ่า เขาเรียกเธอว่า น้องสาว จริงด้วยนี่นะฉันควรตีความว่าเขากำลังแสดงความรักต่อเธองั้นเหรอ? แต่ดูเหมือนพวกเราจะเข้ากันไม่ได้สักเท่าไหร่นะ

                “อย่างนั้นหรือคะ?

                “คงจะยากน่าดูเลยล่ะ

                ในตอนที่ไวโอเล็ตได้ยินเรื่องราวในอดีตของฮอดกินส์ และกิลเบิร์ต เธอคาดการณ์ไว้ว่าข้อสันนิษฐานนั่นคงจะถูกหักล้างเป็นแน่ เพราะขนาดกิลเบิร์ต และฮอดกินส์ยังเป็นคู่หูกันได้แม้จะไม่มีใครคิดว่าพวกเขาเข้ากันก็ตาม

                ดูเหมือนเวลาฉันอยู่กับเธอ เขาจะชอบเข้ามาขวางน่ะ

                เนื่องจากกิลเบิร์ตทำสีหน้าราวกับเขากลืนแมลงที่มีรสชาติขมฝาดเข้าไป จึงทำให้ท้ายที่สุดไวโอเล็ตไม่ได้แสดงความคิดเห็นออกไป ผู้พันคะ

                “อะไรหรือ?เมื่อไวโอเล็ตเรียกเขา รอยย่นระหว่างคิ้วของเขาก็คลายลงทันที

                ถ้าวันนี้คุณสามารถมาพบฉันได้ตามที่นัดกันไว้ คุณตั้งใจจะไปที่ไหนหรือคะ?

                อ่า ฉันนัดหมายไว้ให้เราได้ไปขี่ม้าน่ะ

                ม้า

                เธอขี่ม้าของกองทัพเป็น และฉันก็คิดว่าขี่ม้าระยะไกลก็ไม่เลวกับอากาศดี ๆ ในฤดูใบไม้ผลิเช่นนี้เธอไม่ชอบเหรอ?

                ผู้การ ไม่มีอะไรที่ฉันไม่ชอบทั้งนั้นแหละค่ะถ้าฉันไปกับคุณ

                คำตอบนั่นทำให้ฉันมีความสุขก็จริง แต่ฉันก็คิดว่าฉันอยากเรียนรู้รสนิยมของเธอทีละนิดบ้างเหมือนกันนะ ฮึ ๆ

                ทันใดนั้นกิลเบิร์ตก็หัวเราะออกมา ไวโอเล็ตจึงเอียงคอ มีอะไรหรือเปล่าคะ?

                “เธออาจจะไม่ได้สังเกตเลยสินะ แต่เวลาเธอเรียกฉันเธอเรียกสลับ ผู้พันกับ ผู้การตลอดเลย

                เนื่องจากเขาได้เลื่อนยศจากพันตรีไปพันโท และพันโทไปพันเอกเรียบร้อย ดังนั้นการที่เรียกกิลเบิร์ตด้วยยศที่ต่ำกว่าจึงถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

                ไวโอเล็ตแก้คำพูดของเธอ และขอโทษอีกครั้ง ฉันขออภัยค่ะ ความผิดของฉันเองค่ะผู้การ

                ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น ฉันไม่ได้โกรธตั้งแต่เด็กเธอก็เคยเรียกฉันแบบนั้น คำแรกที่ฉันได้ยินจากปากเธอก็คือคำนี้เช่นกัน ฉันจะพูดว่าถ้าเธอไม่ชิน ฉันก็ไม่ว่าอะไรนะถ้าจะเรียกว่า ผู้พันน่ะ

                “’ผู้การ’… ผู้การ ฉันจะไม่เรียกผิดอีกแล้วค่ะ

                ท่าทางของเธอในตอนที่เธอพยายามจะจดจำมันเพื่อไม่ให้ลืมนั้นช่างเป็นความดื้อรั้นที่น่ารักเสียเหลือเกิน กิลเบิร์ตรู้สึกเหมือนเห็นเสี้ยวหนึ่งของตัวตนเธอในอดีตที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะคนนั้น

                ในตอนแรกนั้น พวกเขาสองคนมีการสนทนาที่ช่างเซ่อซ่าราวกับเด็กที่พยายามบอกชื่อกันและกัน

             “ผู้ พัน

             “เธอเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดไหมไวโอเล็ต?

             “ผู้พัน

                หลังจากที่ได้เรียนรู้คำศัพท์ และรู้จักเรื่องระเบียบวินัย เธอก็ได้กลายเป็นอาวุธของเขา

             “ถ้านั่นเป็นคำสั่งของผู้พัน…”

             “มันไม่ใช่คำสั่งหรอกนะ…”

             “ถ้า เป็นความปรารถนาของคุณ…”

                สุดท้ายเขาก็รักหญิงสาวที่เป็นดั่งอาวุธนั่น

             “ดวงตาของผู้พันอยู่ที่นี่ค่ะ

             “ฉันสงสัยมาตลอดเลยว่ามันเรียกว่าอะไร

                มันเป็นรักข้างเดียว

             “ฉันจะกลายเป็น ‘โล่และ เกราะ’ ของคุณ

             “ฉันจะปกป้องคุณ

             “ได้โปรดอย่าสงสัยในเรื่องนี้เลยค่ะ ฉันเป็น ทรัพย์สินของคุณ

                ถึงอย่างนั้น เขาก็รักเธอ

             “ฉันรักเธอ!”

             “ฉันไม่อยากให้เธอตาย! ไวโอเล็ต!”

             “ฉันรักเธอ ไวโอเล็ต

                หญิงสาวที่เป็นดั่งอาวุธร้องไห้เพราะเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอได้รับมา

                “‘รักคืออะไรคะ?

                ไม่มีใครสอนเธอเรื่องนั้น

                “’รัก’… คืออะไรคะ? รัก’… คืออะไรคะ? รักคืออะไรคะ?

                เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงพูดกับเธอเช่นนั้นด้วย

                อะไรคือ… ‘รัก คะ?

                เธอออกค้นหาความหมายของคำพูดนั้น และเขาที่หายตัวไป และท้ายที่สุดก็ได้กลับมาพบกันโดยบังเอิญ

                และดังนั้น พวกเขาจึงมาอยู่ ณ ห้วงเวลานี้

                ไวโอเล็ตกิลเบิร์ตจับปลายนิ้วเทียมของเธอในขณะที่เธอยืนอยู่นิ่ง ๆ

                นิ้วโป้งของเธอส่งเสียงบาดหู

                เรามาถึงขั้นนี้แล้ว เธอจะไม่เรียกฉันด้วยชื่อหน่อยเหรอ?เขาจับนิ้วของเธอชี้มาที่ตัวเอง

                ปลายนิ้วที่เคยอ่อนนุ่ม และมีอุณหภูมิของร่างกายในอดีตนั้นไม่มีอีกแล้ว เช่นเดียวกับแขนของกิลเบิร์ต

                ฉันคือกิลเบิร์ต กิลเบิร์ต โบเกนวิลเลียเขาชี้ที่ไวโอเล็ตเป็นคนถัดไป เธอคือไวโอเล็ต ไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดนเขาสลับนิ้วชี้ไปมา กิลเบิร์ต ไวโอเล็ตกิลเบิร์ต ไวโอเล็ต

                ทั้งสองคนที่ลงเอยมีร่างกายที่มีชิ้นส่วนของเครื่องจักรได้เติบโต และเปลี่ยนไปแล้ว พวกเขาไม่ใช่ผู้ปกครอง และเด็กตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่ใช่พี่น้องด้วยเช่นกัน และพวกเขาก็เลิกเป็นผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว

                ลอร์ดกิลเบิร์ต

                กิลเบิร์ตยิ้มเจื่อนให้กับคำตอบของไวโอเล็ตที่เขาคาดเดาไว้อยู่แล้ว “’ลอร์ดน่ะ ไม่จำเป็นหรอกนะ

                เขาพูดอย่างนุ่มนวล แต่ไวโอเล็ตก็ยังคงแสดงท่าทีอึกอัก ขออภัยด้วยค่ะคุณจะเกลียดฉันหรือเปล่าคะ?

                ไม่เลย ฉันไม่รู้เลยว่าต้องรู้สึกยังไงนอกจากความรักที่มีต่อเธอน่ะดูเหมือนว่า…” ในขณะที่เขาคิดว่าคำพูดนั่นก็เป็นเหตุเป็นผลสำหรับเขา กิลเบิร์ตจึงเอ่ย อืมเธอคงจะรู้สึกไม่ค่อยมั่นคงกับเรื่องนี้ทุกขณะเลยสินะ แต่ฉันจะไม่มีวันเกลียดเธอหรอก

                “อย่างไรคะ?ไวโอเล็ตถาม

                 จะดีสักแค่ไหนกันเชียวถ้าเขาสามารถแสดงสิ่งที่อยู่ในใจของเขาให้เธอได้? ด้วยการนำเสนอในรูปแบบที่ว่า นี่คือความรักคงจะง่ายมากทีเดียว แต่นั่นก็เพราะพวกเขาไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ ผู้คนเลยใช้คำพูดเป็นสิ่งที่สื่อถึงความรักของพวกเขาเสียแทน

                เพราะฉันรักเธอมากที่สุดยังไงล่ะ

                ไวโอเล็ตเริ่มค้นหาคำเหล่านั้นในมหาสมุทรแห่งคำศัพท์ที่อยู่ภายในหัวเธอ “’รักมากที่สุด’…” ในขณะที่เอ่ยคำพูดที่ฟังดูทั้งน่าตกใจ แต่ก็น่าหลงใหลเหล่านั้นหลั่งไหลออกมาจากปากของเธอ

                ไม่มีประโยคไหนที่เข้ากับกิลเบิร์ต โบเกนวิลเลียเลย

                รักฉันมากที่สุดหรือคะ?

                ฉันมีตามองแค่เธอ เธอเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ฉันหลงรัก

                “นั่นคือการรักมากที่สุดหรือคะ?

                ฉันจะโอบกอดเธอไว้ชั่วนิรันดร์ และจะรักเธออยู่เรื่อยไป

                เธอไม่ได้ถาม นั่นคือการรักมากที่สุดหรือคะ?เป็นครั้งที่สอง แก้มของไวโอเล็ตแต้มด้วยสีชมพูกุหลาบ หัวใจของเธอเริ่มสั่นระรัวจนเจ็บ และวิสัยทัศน์ของเธอก็พร่ามัวไปหมดจนเธอไม่สามารถมองหน้าของกิลเบิร์ตได้ เธอก้มหัวลงไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่เขาก็ยังมองไปที่หน้าเธอ ระยะห่างระหว่างใบหน้าของพวกเขาใกล้มากเสียจนพวกเขาจะจุมพิตกันได้เลย

                มันเป็นเวลากลางคืน และพวกเขาก็อยู่กันแค่สองคนในสถานที่นั้น ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรก็ไม่มีใครมองดูพวกเขาอยู่ บางทีพวกเขาอาจจะสามารถเก็บความลับไว้จากพระเจ้าได้เสียด้วยซ้ำ

                ฉันเคยมีช่วงที่ฉันชอบเธอแล้วฉันก็ตกหลุมรักเธอ และตอนนี้ก็กลายเป็นฉันรักเธอมากที่สุด เธอเข้าใจมันหรือเปล่า?

                “มันไม่เคยลดน้อยลงเลยหรือคะ?

                “ความเสน่หาน่ะหรือ?

                ความรักค่ะ

                ฉันเองก็สงสัยเหมือนกัน แต่ฉันไม่อยากให้มันเกิดขึ้น และฉันคงจะยืนยันอีกครั้งว่าฉันรักเธออีกหลาย ๆ ครั้งเลยล่ะ ดังนั้นมันคงมีแต่จะทวีความรุนแรงขึ้น และไม่ลดลง เธอเติมเต็มฉันด้วยสิ่งนั้น

                “ด้วยรักหรือคะ?

                “ใช่ เหตุผลที่ฉันคิดว่าฉันรักเธอเป็นเพราะเธอมอบความรู้สึกนั้นให้กับฉัน

                ไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดน ผู้ซึ่งเรียนรู้ และเลียนแบบจากเขา – จากผู้คน – สามารถเข้าใจความหมายของคำเหล่านั้นแล้ว

                ฉันทำแบบนั้นกับคุณหรือคะ ผู้พัน?

                อีกครั้ง คำพูดที่เธอใช้เรียกเขาเปลี่ยนไป และกิลเบิร์ตก็คิดว่าไม่เป็นไรเช่นกัน

                เธอทำแบบนั้นกับฉันกิลเบิร์ตบรรจงจูบอย่างเงียบ ๆ ไม่ใช่บนแก้ม หรือริมฝีปากของไวโอเล็ต แต่บนปลายนิ้วที่เขาจับไว้อยู่



    image




                เงียบกริบ

                มันเป็นนิ้วเทียม เธอจึงไม่สามารถรู้สึกอะไรได้จากสิ่งนั้น แขนของเธอจากไปแล้ว และจะไม่มีวันได้คืนกลับมาอีก

                การจูบลงบนจุดนั้นไม่สามารถส่งผ่านอะไรได้เลย

                แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็จงใจที่จะจูบมันด้วยความรักใคร่ ไม่ว่าด้วยอะไรก็ตาม การกระทำนั่น – ความรู้สึกของกิลเบิร์ต – ทำให้ตาของไวโอเล็ตร้อนผ่าวราวกับโดนแผดเผา และเริ่มมีน้ำตา

                ไวโอเล็ตพยายามจะหยุดร้อง มันเป็นน้ำตาที่เธอไม่อาจเข้าใจได้เลย ทำไมมันถึงไหลลงมาในตอนนั้นล่ะ? มันต้องสร้างปัญหาให้กับชายตรงหน้าเธอเป็นแน่

                อย่างไรก็ตาม น้ำตานั่นก็เอ่อล้นในดวงตาที่เปียกชุ่มของเธอจนท้ายที่สุด น้ำตาหยดหนึ่งก็ไหลลงมา ซึ่งแน่นอนว่าหยดน้ำตาที่ไหลลงมาจากตาข้างหนึ่งของเธอนั้นทำให้กิลเบิร์ตว้าวุ่นใจ

                ไวโอเล็ตเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ เขาก็ปล่อยนิ้วของเธอทันที ฉันขอโทษเขาก้าวถอยหลัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อให้เธอเข้าใจว่าเขาจะไม่ทำอะไรอีก ฉันขอโทษจริง ๆ

                ไวโอเล็ตไม่ได้เอ่ยตอบ เธอมองไปที่กิลเบิร์ตโดยที่ไม่เช็ดน้ำตาออกเลยราวกับไม่รู้ตัว ท่าทีของเธอไม่ได้ดูโกรธเคือง และก็ไม่ได้ดูเศร้าโศกเช่นกัน เขาไม่รู้เลยว่าเธอคิดอะไรอยู่ แววตาของเธอราวกับแววตาของคนที่กำลังฝันอยู่

                พวกเขาสองคนใช้ชีวิตแยกกันมาตลอด และเขาก็คิดว่าการแสดงสีหน้าของเธอดูดีขึ้นมากนับตั้งแต่พวกเขากลับมาพบกัน แต่เมื่อเธอเงียบขึ้นมา เขาก็อ่านสีหน้าเธอไม่ออกเลย การที่เธอไม่สามารถแสดงสีหน้าออกมาได้ และมีรูปลักษณ์ และลักษณะเหมือนตุ๊กตาทำให้กิลเบิร์ตไม่สามารถเรียนรู้อารมณ์ของเธอได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เขาเข้าใจได้ก็คือการกระทำของเขาในตอนนี้ช่างโง่เขลานัก

                ––เขากำลังทำอะไรอยู่?

                 เขาบอกกับเธอว่าไม่ว่านานเท่าไหร่เขาก็จะรอ จุมพิตบนนิ้วของเธอคงจะเป็นการละเมิดสัญญานั่น เขาควรจะเป็นสุภาพบุรุษที่ดีที่สุดสำหรับเธอ แต่เขาอาจจะเสียสิทธินั่นไป

                ในตอนที่เธออยู่เคียงข้างเขานั้น เธอจึงเป็นความรักที่เกินจะอดกลั้นสำหรับเขา ความรักที่มีต่อเธอนั้นสว่างขึ้นในอกของเขาและเริ่มล้นปรี่

                ฉันสาบานว่าฉันจะไม่ทำอีกแล้ว…”

                พันเอกแห่งกองทัพไลเดนชาฟต์ลิชเสียหน้าต่อหญิงสาวที่เขาหลงใหล

                ไวโอเล็ต…”

                ตอนนี้เขากำลังทำสีหน้าอะไรอยู่? เธอคิดยังไงกัน?

                ผู้พันคะ ฉัน…” ไวโอเล็ตเรียกเขาด้วยเสียงอันเพราะพริ้งของเธอ เธอจับนิ้วของกิลเบิร์ต และเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ระยะห่างระหว่างพวกเขาสั้นลงอีกครั้ง และจากนั้นเธอก็เดินเข้าไปอีกก้าว

                เธอใกล้เขามากพอที่จะถูกกิลเบิร์ตกอดได้เลยล่ะ

                ไวโอเล็ต…”

                “ผู้พันคะได้โปรด ไวโอเล็ตมองเข้าไปในดวงตาของกิลเบิร์ต

                ดวงตาสีเขียวมรกตยังคงงดงาม อ่อนโยน และโดดเดี่ยวเล็กน้อยไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนับตั้งแต่พวกเขาพบกันครั้งแรกอยู่ตรงนั้น และสิ่งที่สะท้อนอยู่ในนั้นก็คือไวโอเล็ต

                ไวโอเล็ตอยู่ภายในโลกของเขา

                อย่าสาบานแบบนั้นเลยค่ะ

                เปลือกตาของกิลเบิร์ตกะพริบตามคำพูดที่ตรงไปตรงมาของเธอ

                ได้โปรด อย่าสาบานว่าคุณจะไม่ทำอีกเลยค่ะ

                เมื่อเห็นน้ำตาในดวงตาของไวโอเล็ตอีกครั้ง กิลเบิร์ตก็เอื้อมมือไปหาเธออย่างหุนหันพลันแล่น เขาลูบไล้ผมสีทองของเธอราวกับกำลังปลอบประโลมเธอ และตั้งใจฟังสิ่งที่เธอพยายามจะบอกเขา

                ผู้พัน คุณอธิบายกับฉันใช่ไหมคะ? ว่ารักคือการที่อยากปกป้องใครสักคนมากที่สุด

                เขาเช็ดน้ำตาเธอด้วยปลายนิ้ว

                ไวโอเล็ตวางแก้มของเธอลงบนมือของเขา และหลั่งน้ำตามากกว่าเดิม คำพูดนี้ใช้ได้กับฉันนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเลยค่ะ

                เธอพยายามจะเติมเต็มชีวิตที่ขาดหายไปของเธอ แต่ความจริงก็คือพวกเขาทั้งสองคนได้ทำแบบนั้นไปนับตั้งแต่พวกเขาได้เจอกันแล้ว ราวกับว่าพวกเขาถูกสร้างมาเพื่อเติมเต็มความไร้ความสามารถของกันและกัน แต่พวกเขาต่างก็พลาดกันไปนับครั้งไม่ถ้วน และไม่เชื่อมต่อกันเลยเช่นกัน

                ในอกของไวโอเล็ต ณ ตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นที่เธอเพิ่งเคยรู้สึกเป็นครั้งแรก

                มันใช้ได้กับฉันมานานแล้ว และเสมอ เสมอมาเลยค่ะ ฉันแค่ไม่รู้เลยเท่านั้นเอง…”

                ––เสียงดังตึกตักที่เต้นอยู่ในอกของฉัน ความปลื้มปิตินี้ ความจริงที่ว่าสุดท้ายแล้วฉันก็โอนเอนไปกับทุกการกระทำของคุณ

                “ฉัน…”

                ––เหตุผลที่ฉันร้องไห้ก็เป็นเพราะฉันอยากอยู่เคียงข้างคุณ และขอให้คุณไม่จากฉันไปไหนอีกแล้วค่ะ

                ผู้พันคะฉัน…”

                ––เหตุผลฉันกำลังร้องไห้อยู่ในตอนนี้

                ฉัน ในตอนนี้…”

                ––เป็นเพราะ เมื่อ ‘ความชอบและ ความรักร่วงหล่นลงมา และกองพะเนินจนเป็นเหมือนหิมะ และฉันไม่สามารถละลายมันลงได้ ฉันอยากให้คุณรู้ว่าฉันหวังให้ความรู้สึกนี้ใช้มันได้กับความรู้สึกของคุณค่ะ

                “…มีความรู้สึกว่าฉัน…”

                ผู้คนคงจะป่าวประกาศออกมาราวกับกำลังอ้อนวอน

                “…เข้าใจมันมากกว่าเดิมแล้วค่ะ

                “ฉันรักคุณแค่เพียงเท่านั้นแหละ













    /

    มาถึงตอนจบของเล่ม gaiden แล้วนะคะ

    เล่ม ever after มีคนมาแปลต่อให้แล้ว ถ้าสนใจลองค้นหาในเด็กดีได้เลยค่ะ

    ส่วน booklets ถ้าไม่มีคนแปลจะมาแปลต่อให้นะคะ

    ขอบคุณที่คอยติดตามมาตลอดด้วยนะคะ ;-;



    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×