ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Violet Evergarden (แปลไทย)

    ลำดับตอนที่ #19 : Benedict Blue

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.35K
      51
      27 ม.ค. 65

    SNAP













    /

    Benedict Blue

     



     

         เราจับมือกันในความมืด สิ่งเดียวที่พิสูจน์ว่าเรายังมีชีวิตอยู่นั้นคืออุณหภูมิร่างกายของเรา เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอบอกว่าเธอกลัว เขาก็จะตอบเธอว่า ไม่เป็นไรนะ” “พี่ชายของเธอจะหาทางทำอะไรสักอย่างเอง เขาจะบอกเธอแบบนั้น

             คนที่ช่วยยืนยันการมีตัวตนอยู่ของเขาคือนางสาวของเขา และการถูกพึ่งพิงนั่นก็เป็นสิ่งเดียวที่ช่วยเรียกความกล้าหาญของเขา เขาเป็นพี่ชายของเธอ ถ้าเธอไม่มีเขาอยู่ด้วยเธอก็จะทำอะไรไม่เป็นเลย เพราะแบบนั้นเขาจึงต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป

             แต่เขาจำอะไรไม่ได้สักอย่าง และเขาก็ไม่รู้ว่าทำไม

             มีใครสักคนทำร้ายเขาหรือ? หรือว่าเขาทำร้ายตัวเองกัน? เขาไม่รู้เลย

             แต่ถึงอย่างนั้น เขามั่นใจว่าเธอยังคงมีชีวิตอยู่ ถ้าหากสักวันหนึ่งเขาได้พบเธอ เขาต้องมั่นใจว่าเขาจำเธอได้แน่ ถึงแม้เขาจะลืมเธอ ถึงแม้ว่าเขาจะจำเธอไม่ได้เลยก็ตาม แต่เขาจะต้องจำเธอได้แน่ถ้าหากเขาได้เจอเธอ และเขาก็หวังว่าเธอจะจำเขาได้เช่นกัน

             ความรู้สึกนั้นอยู่ในตัวเขา ลุกโชติช่วงราวกับกองไฟ

     




     

                ไม่ว่าทวีปที่กระจายอยู่บนโลกนี้จะเล็กหรือใหญ่เพียงใด แต่คนที่อาศัยอยู่ในทวีปเหล่านั้นก็ไม่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะที่ไหนต่างก็มีมนุษย์อยู่อาศัยทั้งสิ้น พวกเขาถูกสร้างขึ้นมาและเติบโตขึ้น พวกเขากำเนิดและเติบโต ถูกสร้างและล้มเหลว หลบซ่อน โต้ตอบ ทำลาย อดอยาก จนกระทั่งสำเร็จ จากนั้นก็ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า หลั่งน้ำตา และบีบบังคับ เมื่อเปล่งประกายก็ทำตัวผิดศีลธรรม จากนั้นก็สำนึกผิด และปลีกตัวจากความชั่วร้ายหันไปนมัสการแทน ส่งเสียงโห่ร้อง สืบพันธุ์ อาลัยอาวรณ์ กลายเป็นคนเกียจคร้านและเริ่มรำลึกถึงความหลัง พวกเขารักกันและก็เข่นฆ่ากัน

                เขาเองก็เช่นกัน

     




     

    ย้อนไปกลับตอนที่ทวีปแห่งหนึ่งได้ยุติสงครามที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานาน หรือที่เรียกกันว่า สงครามทวีป ซึ่งการสู้รบเกิดขึ้นในแต่ละทวีปอย่างต่อเนื่องราวกับเป็นเรื่องปกติ ในส่วนของอาชีพที่มีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับสิ่งที่เรียกว่า สงครามนั้น นั่นก็คือทหารรับจ้าง

                ถึงแม้ทหารรับจ้างจะแบ่งเป็นหลายประเภทด้วยกัน แต่ทหารรับจ้างที่เร่ร่อนไปทั่วทวีปนั้นส่วนใหญ่เป็นทหารอิสระที่จะเข้าร่วมกลุ่มไหนขึ้นอยู่กับเงินที่ได้รับว่าจ้างมา พวกเขาอาจจะอยู่ทวีปทางตอนเหนือในวันนี้ และอาจอยู่ในทวีปตะวันตกในวันพรุ่งนี้ก็ได้ พวกเขาไม่เกี่ยงเลยว่าจะอยู่ฝ่ายไหน ยกตัวอย่างเช่น พวกเขาจะไม่สนใจเลยว่าหากทหารรับจ้างที่พวกเขาเคยดื่มด้วยกันหันเป็นศัตรูกัน จะเกิดอะไรขึ้นกับขุนนางคนไหนที่ว่าจ้างพวกเขา หรือผู้หญิงในหมู่บ้านคนไหนที่พวกเขานอนด้วย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงินเท่านั้น

                และในตอนนี้ ก็มีทหารรับจ้างคนหนึ่งที่กำลังเข้าใกล้สิ่งที่เรียกว่าความตายที่ทุกคนก็ต้องเจอ

                หนาวจัง

                ผมสีบลอนด์ทรายปลิวไสวไปกับลมที่มากับฝุ่น ชายคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาที่คงเสียเปล่าหากเขาตายที่นี่ ผิวสีงาช้างของเขาซึ่งขับให้ผมสีทองนั่นดูโดดเด่นถูกเปิดเผยอย่างไร้ความปราณีจากการถูกกระทำ ชายคนนั้นกำลังคร่ำครวญถึงความทรงจำที่ขุ่นมัวของเขา เอ่ยถามกับตนเองว่าเหตุใดทุกอย่างบนโลกถึงเป็นเช่นนี้

                ––สามวันก่อนเขาฆ่าคน สองวันก่อนก็เช่นกัน

                เขานึกไปถึงการต่อสู้มากมายที่เขาได้ใช้ร่างกายเข้าแลกอย่างไม่ทันตั้งตัว

                ––เมื่อวานใช่ เขากำลังดื่มอยู่ที่บาร์ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง และเต้นรำกับผู้หญิง

                ชายหนุ่มอาจเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่เข้าใจมันเลยสักนิดก็เป็นได้ เขาให้รางวัลปลอบใจตัวเองจากการที่ตัวเองรอดมาได้จากไฟสงครามด้วยการใช้จ่ายมือเติบเพื่อความพึงพอใจ และนอนกับผู้หญิงที่เห็นการใช้เงินที่แสนสุรุ่ยสุร่ายของเขาไปเรื่อย ที่พักและของมึนเมาต่าง ๆ นั้นก็ถูกหามาโดยผู้หญิงพวกนั้น และดูเหมือนพวกเธอจะใส่สิ่งเสพติดบางอย่างลงในเหล้าเบียร์เหล่านั้นด้วย

                ฉันรู้สึกเหมือนจะอ้วกเลย อุ้ก…”

                การที่เสื้อผ้าและข้าวของทั้งหมดที่เขาได้รับมันมาเพื่อเป็นต้นทุนในชีวิตของเขานั้นถูกขโมยไปจนหมด และถูกทิ้งไว้ในสถานที่ที่ไร้ซึ่งผู้คนเช่นนี้คงไม่มีอะไรสามารถอธิบายสถานการณ์นี้ไปได้นอกจากคำว่าโชคร้าย โชคดีที่ร่างของเขาไม่ได้ถูกมัดไว้ แต่ถึงแม้จะถูกมัดไว้เขาก็จะไม่ยอมขยับตัวไปไหนอยู่ดี ดูเหมือนกับว่าเขาไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นเองได้ด้วยซ้ำ

                ใคร…” เขาพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมพูดมันออกมา

                ––ถึงเขาจะร้องขอความช่วยเหลือจากใครสักคน ก็ไม่มีใครอยู่แถวนี้หรอก ใครจะมาช่วยเขาได้กันล่ะ?

                ชายหนุ่มไม่มีแม้แต่เพื่อนหรือครอบครัวที่จะช่วยเขาในสถานการณ์แบบนี้ได้เลย

                แต่นั่นอาจจะเป็นความพอใจของเขา เขาอยากให้กระเป๋าเบาที่สุดเพื่อที่จะเดินทางไปที่ไหนสักแห่งที่เขาว่าเหมาะสมที่จะอยู่ได้อย่างง่ายดาย หากเขามีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ มันอาจจะช่วยนำพาเขาไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีได้ การมีสิ่งที่ยึดเหยี่ยวจิตใจไว้อาจจะกลายเป็นอุปสรรคในชีวิตเขาได้ คนที่ไม่มีอะไรเลยอาจจะได้เห็นโลกที่กว้างไกลกว่าคนที่มีทุกอย่างพร้อม แต่การที่ไม่มีใครเสียใจให้กับวินาทีสุดท้ายในชีวิตของเขานั้นก็ชวนให้รู้สึกเหงาอยู่เหมือนกัน

                ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาในอกของเขา – ตรงจุดที่เรียกว่า หัวใจ

                “ไม่ ฉันจะตายไม่ได้

                ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมา แต่ชายหนุ่มไม่มีจิตวิญญาณของคนที่เชื่อในสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตาเลยแม้แต่น้อย เขากำหมัด พยายามฝืนร่างกายตนเองให้ลุกขึ้น

                อย่างกับฉันจะยอมตาย อย่างกับฉันจะยอมตายอย่างนั้นแหละ!”

                บางทีเสียงตะโกนนั่นอาจเป็นเรี่ยวแรงอย่างเดียวที่เขาเหลืออยู่ ชายหนุ่มล้มลงอีกครั้งหลังจากตะโกน เขาจึงสลบอยู่กลางทราย ในความเป็นจริงเขาคงจะได้ตายที่นั่นแล้ว แต่เทพแห่งโชคชะตาก็ได้ประทานพรให้แก่เขาเพราะมีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งกำลังผ่านมาบนเส้นทางที่ไร้ซึ่งถนนนั่น และพรของเทพแห่งโชคชะตานั่นจึงทำให้เขาได้พบกับคนที่มีจิตใจอันงดงามซึ่งได้บังเอิญผ่านมาพบเขาพอดี

     



     

     

                ชายหนุ่มลืมตาขึ้นอีกครั้งหลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง

                คุณ…เป็นใครกัน?อาจเพราะด้วยความประหลาดใจและกำลังลุกขึ้นนั่งนั้น เสียงที่ถามออกไปจึงแหบห้าว

                ฉันชื่อฮอดกินส์ เป็นทหารผ่านศึกที่กำลังอยู่ในระหว่างการเดินทาง และเป็นผู้มีพระคุณที่เก็บนายที่กำลังโป๊อยู่จากทะเลทรายยังไงล่ะ

                เขาดูเป็นคนมีฐานะ เป็นมิตรเข้ากับคนง่าย รักการคิดและวางกลอุบาย ซึ่งเขาก็ได้กำไรอย่างมหาศาลจากการพนันในสงคามและกำลังจะเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ เขาเป็นผู้ประกอบการที่กำลังอยู่ในช่วงก่อร่างสร้างธุรกิจของตนเอง และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับฮอดกินส์ ชายผู้ช่วยชีวิตเขา

     

     

     

                ทำไมคุณถึงช่วยผมล่ะตาแก่?!” เสียงแหบห้าวของเขาดังก้องไปทั่วร้าน

                พวกเขาสองคนอยู่ในร้านอาหารเปิดโล่งที่อยู่ตรงชั้นหนึ่งของโรงแรมที่ซึ่งชายหนุ่มถูกพามา มันช้าไปสำหรับมื้อเช้า แต่ก็ยังเร็วไปสำหรับมื้อกลางวัน ชายหนุ่มโดดเด่นอย่างมากไม่ว่าจะมองยังไงก็ตาม เขาสวมเสื้อตัวหลวมโคร่ง ซึ่งเป็นเสื้อเชิ้ตและกางเกงที่เขายืมมา

                อ่า ขอโทษด้วยนะครับ เด็กคนนี้มารยาทไม่ค่อยดีนิดหน่อย ครับ เขาจะเงียบแน่นอน หือ? เดี๋ยวนะ ตาแก่ เนี่ยนะ?! ฉันน่ะหรอ?ฮอดกินส์เบิกตากว้างและโน้มตัวเข้าหาชายหนุ่ม

                นั่นคือการตอบสนองของเขางั้นเหรอ?

                ชายหนุ่มและชายที่ร่าเริงเกินควรนั้นช่างเป็นสิ่งที่ไม่เข้ากันอย่างยิ่งในโรงแรมเลิศหรูเช่นนี้ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีสายตาของลูกค้าคนอื่น ๆ มองมา แต่เมื่อได้ยินเสียงโวยวาย เราไม่ใช่ของจัดแสดงนะโว้ย!” ของชายหนุ่ม ทุกคนก็หันไปมองอย่างอื่น

                ตาแก่ ฟังนะ

                ไม่ ไม่ เราควรจะเคลียร์ปัญหาเรื่องที่ว่าฉันดูเหมือนหรือไม่เหมือนตาแก่ดีกว่าไหม? ถึงฉันจะผ่านเลขสองมาแล้ว แต่ฉันก็ยังดูหนุ่มกว่าคนในวัยเดียวกันกับฉันที่แต่งงานไปแล้วนะ ฉันยังไม่มีพุงยื่นออกมาเลยด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็หน้าตาดีไม่ใช่หรือไง? ฉันดูเหมือนตาแก่จริง ๆ น่ะเหรอ? ไม่ใช่พี่ชายหรอกเหรอ? นายลองคิดดูใหม่ดีไหม? เอ้าเริ่ม––

                “ตา แก่!”

                ราวกับถูกแทงด้วยคำพูดของเขา ฮอดกินส์กำหน้าอกและครวญคราง มีอะไรครับพ่อหนุ่ม? แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็ฟังดูเจ็บปวด

                ทำไมคุณถึงช่วยผม? แล้วยังเลี้ยงข้าวผมอีก คุณอยากได้อะไรจากผมกัน? ผมไม่มีเงินหรอกนะ

                มันเป็นเรื่องจริง หากชายหนุ่มถูกเรียกเงินค่าอาหารในตอนนี้ ชีวิตของเขาคงมาถึงจุดจบ

                ตรงกันข้าม ฮอดกินส์โบกมือปฏิเสธ ไม่อะ ฉันไม่ได้อยากได้อะไรจากนาย

                “งั้นอยากได้ร่างกายของผมเหรอ?

                นายนี่มั่นใจในตัวเองดีนะ ก็นะ ตอนแรกที่ฉันเห็นนาย ร่างของนายถูกทรายกลบอยู่ฉันก็เลยไม่เห็นอะไรนอกจากหน้าของนาย เพราะงั้นฉันก็เลยคิดว่านายเป็นผู้หญิงน่ารักที่สลบไปและกำลังโป๊อยู่หลังจากชำเลืองมองไปที่ชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว เขาก็หันหน้าไปอีกทางหนึ่งและมองไปที่อื่น แต่พอฉันอุ้มนายขึ้นมา ฉันก็สังเกตเห็นว่านายมีไอ้นั่นด้วยแต่นายยังมีชีวิตอยู่ ฉันก็เลยพานายมาโรงแรมกับฉันด้วย แล้วก็นวดตัวนายเพราะนายตัวเย็นมากพอรู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว แต่แค่มองนายฉันก็รู้แล้วว่านายไม่มีเงิน นายไม่มีอะไรติดตัวเลย

                ครั้งนี้คนที่รู้สึกปวดใจกลับเป็นชายหนุ่ม โทษทีละกัน ที่ผมไม่มีอะไรเลยน้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย บางทีอาจเป็นเพราะจุดที่ฮอดกินส์นวดนั้นทำให้รู้สึกปวดจี๊ดขึ้นมา

                หนุ่มน้อย ทำไมนายถึงไปนอนในที่แบบนั้นล่ะ?

                “คุณถามว่า ‘ทำไม งั้นหรอ?

                ถึงแม้ว่าเขาจะลังเลว่าจะพูดถึงเรื่องความโชคร้ายของเขาดีไหม แต่เขาก็เล่าให้ฟังถึงสถานการณ์ของเขาโดยสรุป ในตอนแรกฮอดกินส์ฟังมันอย่างจริงจัง แต่เมื่อมาถึงกลางเรื่อง เขาก็หันหน้าของเขาไปอีกทาง ไหล่ของเขาสั่นราวกับว่าเขาพยายามจะกลั้นเสียงหัวเราะไว้

                ถ้าคุณอยากหัวเราะก็หัวเราะออกมาซะสิ…!”

                เอ๋ ฉันหัวเราะได้ด้วยเหรอ? ฮ่า ๆๆๆๆ! นายอุตส่าห์ได้เงินมาแต่ก็เสียมันไปทั้งหมดเนี่ยนะ?! น่าสงสารชะมัด! ฉันเจ็บท้องเลยเนี่ย อ่า ใจเย็น ใจเย็นนะ หยุดยกเก้าอี้นั่นขึ้นมาก่อนนะดีไหม? ใจเย็นก่อนโอเค๊? มันแย่ใช่ไหมล่ะ? นายหิวด้วยใช่ไหม? กินก่อนเถอะ ๆ ว่าแต่ ฉันยังไม่ได้ถามชื่อนายเลยนะ หนุ่มน้อย นายชื่ออะไร?

                เงียบกริบ

                เฮ้ นี่ ถึงนายจะทำตัวแย่แค่ไหนแต่อย่างน้อยก็น่าจะบอกชื่อกันหน่อยสิ

                ชายหนุ่มเอ่ยพึมพำห้วน ๆ และทำหน้าบูด ไม่มีดวงตาสีฟ้าน่ามองที่ดูหม่นหมองของเขานั้นเหมือนทำมาจากสีของท้องฟ้าในฤดูร้อนและถูกอัดลงในลูกตาไม่มีผิด เขาพูดอีกครั้ง วางแขนกับพนักเก้าอี้และยกเท้าวางบนโต๊ะ ผมไม่มีชื่อ อาจจะเคยมีครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมไม่มีสักชื่อ คุณจะเรียกอะไรก็เรื่องของคุณ ชื่อที่ผมได้มาตอนเป็นทหารรับจ้างคือ บลูเพราะผมไม่รู้ชื่อของผมผมก็เลยถูกตั้งชื่อตามสีตา

                ฮอดกินส์แสดงความสับสนเป็นครั้งแรกต่อหน้าชายหนุ่มซึ่งกำลังไม่พอใจ “’ไม่มีสักชื่อ’… นายหมายความว่ายังไงกัน?

                ความจำเสื่อม ผมไม่มีความทรงจำอยู่เลย เพิ่งจะมีก็เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ผมไม่รู้ว่าผมอยู่ที่ไหน ผมกำลังทำอะไรอยู่ ผมมาจากที่ไหนหรือว่าผมเป็นใครก่อนหน้านี้ ตอนที่ผมรู้สึกตัวผมกำลังนอนอยู่บนฝั่งแม่น้ำที่ชายแดนของทวีปนี้ ตอนนั้นผมสวมเสื้อเกราะและก็เสื้อคลุมอยู่ ถ้าผู้หญิงยิปซีคนหนึ่งไม่เก็บผมมาด้วย ผมก็คงตายไปแล้ว

                ในที่สุดฮอดกินส์ก็เพิ่งจะรู้ว่าคำพูดของเขานั้นดูผิดแผกไป

                นายจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ? ไม่ได้สักอย่างเดียวเลยเหรอ?

                เงียบกริบ

                มีอะไรที่นายพอจำได้หรือเปล่า?

                สิ่งนั้นอาจจะสำคัญสำหรับชายหนุ่มมากเสียจนเขาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ จนไม่สามารถเรียบเรียงเป็นประโยคได้ หลังจากที่เขาแสดงสีหน้าลังเลใจ เขาก็ยอมพูดมันออกมา ผมอาจจะมีน้องสาวท่าทางของเขาราวกับคนที่กำลังสารภาพบาปไม่มีผิด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จำเธอไม่ได้อยู่ดี ผมแค่มีความทรงจำว่าเธอมีตัวตนอยู่ แต่ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นคนแบบไหน แต่ผมจำได้ว่าเธอมีตัวตนอยู่แน่ ๆ

                อยู่ดี ๆ ฮอดกินส์ก็ยกมือขึ้นจับเสื้อของเขาบริเวณหน้าอก

                ผมเดินทางไปกับยิปซีระยะหนึ่ง เรียนรู้วิธีการร้องเพลง การเต้นรำ และก็หลาย ๆ สิ่งจากพวกเธอ จากนั้นผมก็เปลี่ยนมาเป็นทหารรับจ้างเพราะมันดูเข้ากับตัวตนที่แท้จริงของผมมากกว่า ไอ้บ้าที่หิวโหยการต่อสู้ นั่นล่ะชื่อเล่นผม ผมดังมากในหมู่ทหารรับจ้างด้วยกันชายหนุ่มยักไหล่เมื่อพูดอย่างนั้น แต่มันก็ไม่ใช่ชื่อของผมจริง ๆ ล่ะนะ…”

                ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร แต่ว่าสำหรับเขามันดูเป็นเรื่องน่าหนักใจไหมนะ? ถึงแม้ชายหนุ่มจะมีบุคลิกที่ดูไม่น่ายกย่องเชื่อถือสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ดูเหมือนจะไม่มีชื่อจริง ๆ

                อืม งั้นเหรอ? งั้นนายก็เป็นทหารรับจ้างสินะ?

                “ใช่ มันดูแย่หรอ?

                “ฉันยังไม่ได้พูดว่ามันแย่เลยสักคำ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ นายไม่มีเงิน ไม่มีชื่อ หรือไม่มีอะไรสักอย่างเลยเหรอ?

                ไม่มี ไม่มี ไม่มีความโกรธที่มีต่อชีวิตของเขานั้นถูกแสดงออกมาผ่านคำว่า ไม่มีนั่น

                คุณอยากโดนฆ่าหรือไงฮะตาแก่? ผมน่ะไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอะไรหรอกนะ เพราะงั้นถ้าผมไม่ชอบใครเข้าผมก็จะอัดพวกมันให้เละเลย

                “ช่าย นายดูท่าจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ แหละ ไม่มีคำว่า ขอบคุณ เลยสักคำ แต่ฉันก็ไม่ได้เกลียดคนไม่จริงใจแบบนายหรอกนะ

                “หมายความว่าไง?

                “ก็นะ ฉันเองก็รู้จักผู้หญิงคนหนึ่งที่คล้ายกับนายเหมือนกัน ถึงฉันจะเป็นผู้ปกครองตามกฎหมายของเธอ แต่ฉันก็ทิ้งเธอไว้กับคนอื่นและออกเดินทางเพื่อเป็นข้ออ้างในการวิ่งหนีมัน ฉันมีความรู้สึกว่าฉันทิ้งเธอไว้แบบนั้นคนเดียวไม่ได้น่ะ

                ––คนที่คล้ายกับเขางั้นเหรอ?

                มีคนแบบนั้นอยู่บนโลกนี้ด้วยเหรอ?

                เธอเป็นคนแบบไหน?

                เขาไม่ตอบคำถามของชายหนุ่ม ฮอดกินส์ให้เศษขนมปังกับนกพิราบที่กำลังรอเศษอาหารหล่นลงมาที่เท้าของเขา ไม่ว่าเขาจะคิดอะไรอยู่ก็ตาม เขานั่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะอยู่ดี ๆ ลุกขึ้นจากที่นั่งและไล่จับนกพิราบเหล่านั้น นกพิราบเหล่านั้นไม่อาจทนต่อการกระทำของเขาจึงกระพือปีกใส่และบินหนีไป

                เฮ้ย เธอเป็นคนแบบไหนกัน!?เสียงตะโกนด้วยความโกรธของเขาดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ฟังดูใสซื่อของฮอดกินส์และเสียงกระพือปีกของนก

                เมื่อเห็นนกพิราบบินไปยังตัวเมืองที่อยู่ด้านหลังของเขาแล้ว ฮอดกินส์ก็หันหลังกลับ สายตาของเขาดูเหมือนกำลังมองไปที่ชายหนุ่มแต่ไม่ใช่เลย

                คนที่แข็งแกร่งและอ่อนแอที่สุดในโลกอย่างที่คาดไว้ ฮอดกินส์ยิ้มออกมา แต่สายตาของเขากลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย ไม่ว่าคน ๆ นั้นที่เขาพูดถึงจะเป็นคนดีหรือไม่ดีก็ตาม แต่บรรยากาศรอบตัวเขาสื่อให้เห็นว่าเธอคงเป็นคนที่สำคัญมาก

                ชายหนุ่มขมวดคิ้ว

                ––พูดเรื่องอะไรกันน่ะ? ปริศนาธรรมหรือไง?

                กลายเป็นว่าเขาไม่เข้าใจผู้มีพระคุณที่อยู่ตรงหน้าเขาเลย

                ฉันต้องไปหาเธอและก็เผชิญหน้ากับเธอได้แล้วฮอดกินส์ที่อยู่วัยสามสิบกำลังพูด แต่ในตอนที่เขาเอ่ยถึง คนที่แข็งแกร่งและอ่อนแอที่สุดในโลกเขากลับดูแก่กว่านั้นมาก ฉันบอกเธอไม่ได้ มันยากสำหรับฉันที่ต้องมองหน้าเธอในตอนที่เธอกำลังเศร้า

                ชายหนุ่มคิดพร้อมกับย่นตาลง

                ––หมอนี่เขาพยายามจะทำตัวเป็นคนที่น่านับถือ แต่มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา

                เขารู้สึกได้ถึงความบิดเบี้ยวในเสียงหัวเราะของผู้ชายอีกคน ในตอนแรกเขาพูดเยอะมาก แต่ดูเหมือนว่าอยากจะระบายมากกว่าสนทนาเสียอีก เขากำลังแบกรับภาระที่หนักหนาอยู่หรือ? ภาระที่เขาทำอะไรกับมันไม่ได้

                แต่มันลงตัวแล้วล่ะฮอดกินส์ชี้นิ้วไปที่ชายหนุ่มและขยิบตาข้างหนึ่ง ถ้านายไม่มีอะไรเลย นายอยากไปกับฉันไหมล่ะ?

                “หมายความว่า คุณจะจ้างผมหรือ?

                “ใช่แล้ว เพราะนายไม่มีอะไรติดตัวเลย มาที่บริษัทของฉันและหาเงินซะสิ นายต้องมีเงินเพื่อตามหาน้องสาวนายและแก้แค้นคนที่ทิ้งนายไว้ในทะเลทรายใช่ไหมล่ะ? เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ให้ฉันยืมชีวิตของนายสักหน่อยได้ไหม?

                “หา?

                “ตอนนี้นายมีแค่ชีวิตของนายไม่ใช่หรือไง? ฉันจะซื้อมันเองแหละ

                เมื่อได้ยินคำพูดนั้น หัวใจของชายหนุ่มก็ดังตึกตัก เขาเคยชินกับการซื้อชีวิตด้วยเงิน แต่เมื่อถูกถามต่อหน้า ลมหายใจของเขากลับหยุดชะงัก

                เท่าไหร่ล่ะ?

                เมื่อถูกถามเช่นนั้น ชายหนุ่มก็ไร้ซึ่งคำตอบใด ๆ

     



     

     

                หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็ได้รับชื่อ

                เบเนดิกต์ บลู

                นอกจากนั้นเขายังมีอาชีพและที่ให้หลับนอนอีกด้วย

                บริษัทไปรษณีย์ซีเอช

                เขามีผู้ช่วยชีวิตที่ดีกับเขา

                คลอเดีย ฮอดกินส์

                เขามีเพื่อนด้วยเช่นกัน

                ถึงแม้อารัมภบทชีวิตของเขาจะถูกเหยียบย่ำ แต่นั่นล่ะคือเรื่องราวของเขา

     



     

     

                ฉันจะอธิบายคร่าว ๆ ตรงนี้ ลูกค้าที่ส่งคำขอมาต้องการให้จดหมายของเขาถูกส่งไปอย่างแน่นอน ไวโอเล็ตตัวน้อยจะเป็นคนเขียน ส่วนเบเนดิกต์จะเป็นคนส่ง มันเป็นการว่าจ้างที่กะทันหันไปหน่อย แต่ดีแล้วล่ะที่พวกเธอทั้งสองคนจะได้ไปทำงานที่เดียวกัน ฉันจะได้ฝากให้เบเนดิกต์เป็นคนดูแลเรื่องจุดนัดพบตอนไวโอเล็ตตัวน้อยกลับมาด้วย ฉันจะให้เวลาพวกเธอพักสองสามวันหลังจากทำงานเสร็จ เพราะงั้นทำงานให้เต็มที่ล่ะ เป็นไง? โอเคไหม?

                เบเนดิกต์มองไปที่หญิงสาวผมทองที่ตอบกลับทันที ค่ะ ด้วยดวงตาสีฟ้าคล้าย ๆ กับของเธอ พวกเขานั่งอยู่ติดกันบนโซฟาในห้องของฮอดกินส์ มันเป็นตอนเช้ามืด และงานก็จะเริ่มในวันนั้นด้วยเช่นกัน

                อากาศ บรรยากาศ และอาหารของไลเดนชาฟต์ลิชที่เบเนดิกต์เคยไม่คุ้นชินเนื่องจากมาจากทวีปอื่นนั้น ในตอนนี้ร่างกายของเขาปรับสภาพให้เข้ากับสิ่งเหล่านั้นได้แล้ว

                โอเค

                เขาไม่มีเหตุผลและไม่อยู่ในฐานะที่จะปฏิเสธได้อยู่แล้ว คนที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นผู้ช่วยชีวิตและหัวหน้าของเขา เขาไม่ได้แสดงความเคารพต่อฮอดกินส์ แต่ให้ความรู้สึกที่เหมือนจะยอมรับมากกว่า

                วี อย่าจัดกระเป๋าหนักไปล่ะ มันจะทำให้ลูกรักของฉันวิ่งช้าลงนะ

                หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างเบเนดิกต์ผู้ความจำเสื่อมนั้นคือคนที่เพิ่งเข้ามาในชีวิตอันแสนสั้นของเขา ตั้งแต่แรกที่พวกเขาเจอกันนั้น สำหรับเบเนดิกต์แล้ว เธอเป็นคนประเภทที่เขาจัดให้ว่าเป็น คนที่ใช้ชีวิตด้วยตัวเองไม่ได้เธอเป็นออโต้เมมโมรี่ดอลล์ที่สวยจนน่าทึ่ง แต่ในอีกด้านหนึ่งนั้น เธอเป็นเด็กที่ไม่รู้จักวิธีการเข้าสังคมด้วยซ้ำ ในตอนแรกเขาสงสัยว่าทำไมคนที่ดูเหมือนเครื่องจักรที่มาจากกองทัพเช่นนี้จะทำงานในธุรกิจการให้บริการได้ยังไงกัน แต่ในตอนนี้เธอกลับกลายเป็นคนที่โด่งดังที่สุดในบริษัทไปรษณีย์ซีเอช

                ค่ะ ฉันจะลดจำนวนอาวุธของฉันลงให้น้อยที่สุดนะคะ ร่างกายของฉันเองก็หนักอยู่แล้วเพราะมีแขนเทียม เพราะงั้นมันอาจจะเพิ่มภาระให้กับมอเตอร์ไซค์ของเบเนดิกต์มากเกินไปค่ะ

                รูปร่างหน้าตาที่สะสวยของเธอนั้นสามารถดึงดูดสายตาจากทุกคนที่มองไปที่เธอได้เลยล่ะ แต่เมื่อไม่นานมานี้ เขารู้สึกว่าเสน่ห์ของเธอจะเพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว ราวกับมันโดดเด่น และกำเนิดขึ้นมาความงามที่แสนเย็นชาของเธอ

                ถึงจะไม่มีอาวุธ แต่ถ้าฉันอยู่กับเบเนดิกต์ ฉันคงไม่ต้องทำอะไรมากถ้าหากมีเหตุฉุกเฉินขึ้นมาค่ะ

                เธอเริ่มจะเผยรอยยิ้มบาง ๆ บ้างในบางครั้ง

                เบเนดิกต์นึกถึงเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พวกเขาเพิ่งประสบเมื่อไม่นานมานี้ – นั่นก็คือการจี้บนรถไฟข้ามทวีป และในตอนนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งที่มีผ้าคาดตาซึ่งปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับกอดไวโอเล็ตไว้เพราะเธอเสียแขนของเธอไป จากนั้นเขาก็ขอตัวไปเสียก่อน

                เขาไม่รู้เรื่องในอดีตระหว่างพวกเขาทั้งสองคน แต่ฮอดกินส์ได้เล่าให้เขาฟังหลังจากนั้น พวกเขารักกัน และไม่มีใครสามารถมาคั่นกลางความรักของพวกเขาได้ เพื่อนร่วมงานของพวกเขา แคทลียา บอกว่าดูเหมือนพวกเขาทั้งสองคนเองเริ่มจะออกมาเจอกันบ้างในวันหยุด ฉันดีใจจังเลยแคทลียาพูดและหัวเราะ

                แต่เบเนดิกต์คิดว่าไม่ดีเลย

                นั่นอาจเป็นเหตุผลที่เมื่อไม่นานมานี้เวลาที่เขามองไปที่ไวโอเล็ตจะรู้สึกว่าไม่พอใจนัก เพราะเขาสงสัยว่าเธออาจจะถูกหลอกโดยชายผู้ซึ่งอายุเยอะกว่าเธอมากซึ่งได้หายตัวไปอย่างสบายใจเฉิบก่อนหน้านี้และกลับมาหาเธออีกครั้ง

                หากพูดอย่างจริงจังแล้วล่ะก็ เขารู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก

                เบเนดิกต์ดีดนิ้วลงบนหน้าผากของไวโอเล็ตผู้ซึ่งไม่รู้ว่าความรู้สึกของเขาเลยดังเปรี้ยะ ไม่หรอก เธอตัวเบาจะตาย ก็แค่กระเป๋าเธอหนักไปเท่านั้นแหละ ตาแก่ คุณเคยถือกระเป๋าของวีหรือเปล่า? ยัยนั่นเหวี่ยงมันไปมาเหมือนกับถืออาวุธทื่อ ๆ ไว้เลย และยังมีมีอาวุธอยู่ใต้เสื้อของเธอเยอะแยะเต็มไปหมดอีก

                ฮอดกินส์ทำสีหน้าหนักใจ ไวโอเล็ตตัวน้อย เธอซื้อปืนด้วยเงินเดือนเธอใช่ไหม?

                พวกเขาเคยให้มาตอนเราอยู่ในกองทัพค่ะ แต่ตอนนี้ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากซื้อมันด้วยเงินของฉันเอง ฉันจะนำเวทย์มนตร์ไปด้วยได้ก็ต่อเมื่อท่านประธานฮอดกินส์อนุญาตเท่านั้น แต่ว่าฉันเพิ่งจะซื้อปืนลูกซองยิงระยะไกลมาค่ะ ถึงจริง ๆ มือของฉันจะถนัดกับขวานที่มีจุดเหวี่ยงได้ระยะกว้างมากกว่าก็ตาม แต่ว่า…” บางทีอาจเป็นเพราะเธอปรารถนาที่จะได้ใช้อาวุธใหญ่ ๆ ไวโอเล็ตจึงเริ่มขยับตัวราวกับกำลังควงของจริงอยู่ สายตาของเธอจับจ้องไปที่อาวุธในจินตนาการ

                ไม่ได้ ๆ กว่าฉันจะทำให้เธอน่ารักได้อย่างนี้ฉันต้องเจออุปสรรคมาเยอะแยะเลยนะ เพราะงั้นอย่านำของแบบนั้นไปด้วยเป็นอันขาดนอกจากมีกรณีฉุกเฉินเท่านั้น

                หยุด หยุดเลยนะ ถ้าเธอเอาไปด้วยคงได้หนักกว่าเดิมแน่

                เมื่อถูกห้ามโดยชายทั้งสองคน ไวโอเล็ตจึงมีสีหน้าผิดหวังราวกับรู้สึกน้อยใจ ฉันอุตส่าห์เตรียมตัวมาเพื่ออธิบายข้อดีของขวานเลยนะคะ…”

                เมื่อไม่ปล่อยให้ไวโอเล็ตได้มีโอกาสอธิบาย พวกเขาทั้งสองคนจึงเร่งรุดออกเดินทางในทันทีโดยมีฮอดกินส์ยืนส่งพวกเขา และลักซ์ที่กำลังคุยโทรศัพท์โบกมือให้เบเนดิกซ์และไวโอเล็ตที่กำลังออกจากบริษัท

                คู่หูผมบลอนด์ซ้อนมอเตอร์ไซค์มุ่งหน้าไปยังที่หมายของพวกเขา

                ฤดูใบไม้ร่วงจบลงแล้ว และกำลังเปลี่ยนผ่านไปยังฤดูหนาว ถึงแม้ไลเดนชาฟต์ลิชจะไม่ค่อยได้เห็นหิมะตกนัก แต่กระนั้นก็ยังสัมผัสได้ถึงลมหนาว ถุงมือ ผ้าพันคอ เสื้อฮู้ดกันหนาว – ถึงแม้เครื่องป้องกันเหล่านั้นจะช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกายได้ แต่ก็ยังรู้สึกหนาวอยู่ดี เบเนดิกต์ที่เป็นคนขับจึงต้องทนต่อลมเย็นยะเยือกที่ปะทะเข้ากับใบหน้าอย่างไม่มีทางเลือก แขนเทียมของไวโอเล็ตที่โอบรอบลำตัวของเขาไว้ก็เย็นจัดเช่นกัน ความอบอุ่นเดียวที่ได้รับคือความร้อนจากร่างกายของเธอที่แนบชิดกับแผ่นหลังของเขาเท่านั้น เขารู้สึกว่าในตอนหน้าร้อนเธอเกาะเขาแน่นกว่าในตอนนี้ มันเป็นเพราะแขนของเธอเย็นหรือเพราะเธอเชื่อใจเขากันนะ?

                เบเนดิกต์รู้สึกคัดจมูกจึงจามออกมา ฮัดชิ่ว!” ในขณะที่กำลังเร่งความเร็วของมอเตอร์ไซค์ที่กำลังวิ่งอยู่บนดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาล และเขาก็เริ่มบทสนทนาขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล หนาวชะมัด!”

                ค่ะ

                วี แขนเทียมเธอโอเคหรือเปล่า? มันคงไม่ส่งผลอะไรใช่ไหมถ้ามันเย็นเกินไปน่ะ?

                “มันจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะถ้าตรงข้อต่อแข็งตัวขึ้นมา แต่ตราบใดที่อากาศไม่หนาวเกินไปมันก็จะไม่เป็นไรค่ะ

                 “อ๋ออ

                “ช่วงสงครามทวีปส่วนใหญ่พวกเราได้เดินทางไปยังดินแดนทางตอนเหนือค่ะ เพราะแบบนั้นฉันก็เลยมีความรู้ในการป้องกันอากาศหนาวน่ะค่ะ

                ก็นะ ที่ที่เรากำลังไปก็คือ – ลอนทาโน่ – เป็นเมืองที่อยู่ในไลเดนชาฟต์ลิช โชคดีที่ที่นั่นไม่มีหิมะตกในช่วงนี้พอดี ถ้าสภาพอากาศไม่มีอะไรผิดปกติก็ไม่มีอะไรมาขัดขวางการส่งของฉันได้แล้วล่ะ

                “ค่ะ ช่วยให้อุ่นใจขึ้นเยอะเลย

                “เฮ้ย อย่าพูดแบบนั้นสิ

                ทำไมล่ะคะ? สภาพอากาศก็ราบรื่นดีนี่ค่ะ คนที่พูดว่าถ้าสภาพอากาศปกติดีก็ไม่มีอะไรมาขัดขวางการทำงานของคุณก็คือคุณไม่ใช่หรือคะ เบเนดิกต์

                ไม่ใช่แบบนั้น มันเป็นเพราะว่าเธออยู่กับฉันต่างหาก เวลาเธอพูดอะไรแบบนั้นทีไรรู้สึกเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้นทุกที

                “ถ้าอย่างนั้นสภาพอากาศจะผิดปกติเพราะสิ่งที่ฉันพูดหรือคะ?

                เบเนดิกต์รู้ว่าไวโอเล็ตกำลังขมวดคิ้วอยู่แน่นอนถึงแม้ว่าจะไม่ได้หันไปมองก็ตาม เขาหัวเราะเสียงดัง ยัย~เบื๊อก เธอเข้าใจผิดแล้ว ที่ฉันหมายถึงคือมันช่วยให้อะไร ๆ ง่ายขึ้นถ้าเกิดมีปัญหาเกิดขึ้นในตอนที่เธออยู่กับฉันต่างหากล่ะ ถ้าเธอจัดกระเป๋าเบาลง อย่างน้อยถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็คงช่วยลดสิ่งกีดขวางได้มากขึ้น แต่ ลอนทาโน่เป็นเมืองที่ค่อนข้างใหญ่เลยล่ะ เพราะงั้นเลยมีพวกอันธพาลอยู่เยอะ เมืองที่พลุกพล่านแบบนี้ก็ย่อมมีเรื่องไม่ดีอยู่เยอะแหละนะ

                “เช่นอะไรบางหรือคะ…”

                “ก็เช่นถ้าเธอถูกพวกคนแปลก ๆ จับตัวไป หรือถูกทำร้ายโดยพวกโจรก็คงมีการต่อสู้เกิดขึ้นแน่นอน หรือว่ามอเตอร์ไซค์เกิดพังกลางคันและเราติดอยู่กลางทุ่งที่ไหนสักแห่ง แล้วก็อะไรอีกล่ะ? เอาเถอะ แค่เธอก่อปัญหานิดเดียวก็มีเรื่องตามมาไม่รู้จบอยู่ดีนั่นล่ะ

                ไวโอเล็ตเถียงกลับด้วยการโบ้ยความผิด ฉันไม่เห็นด้วยหรอกนะคะเบเนดิกต์ ที่คุณชอบหาเรื่องคนอื่นก็เป็นปัญหาเหมือนกันนั่นแหละค่ะ

                “งั้นหรอ? งั้นการที่ฉันถูกจัดทีมอยู่กับเธอก็อาจเป็นเรื่องที่ไม่ดีสินะ

                หลังจากเงียบไปชั่วอึดใจ ไวโอเล็ตก็แย้งอีกครั้ง – ในส่วนที่ถ้าอยู่ทีมเดียวกับเบเนดิกต์ก็อาจเป็นเรื่องที่ ไม่ดี” “เรื่องนี้ฉันก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกันค่ะก็จริงค่ะที่ว่าอาจมีอะไรสักอย่างในพวกเราที่ไปจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาได้ แต่ว่าเราก็สามารถจัดการได้อยู่แล้วค่ะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมาอีกครั้ง พวกเราสองคนสามารถจัดการมันได้แน่นอนค่ะ

                มันเป็นเรื่องยากที่จะรู้ในสิ่งที่เธอกำลังคิด บางทีเธออาจจะแค่ต้องการแย้งในเรื่องชื่อเสียงที่ไม่ดีของความสามารถของเธอก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่าเบเนดิกต์ได้ยินเรื่องอื่นนอกเหนือจากเรื่องนั้น

                ฮึ ๆเสียงหัวเราะเล็ดรอดออกมาจากปากของเขา

                ไวโอเล็ตกล่าวเสริมราวกับเพิ่งนึกออก ลมหายใจของเธอที่ออกมากลายเป็นไอสีขาว แต่ทีมของเราจะดีก็ต่อเมื่ออยู่ในสงครามเท่านั้นแหละค่ะ ไม่ใช่เวลาที่สงบสุข แต่ถ้าแคทลียาอยู่ด้วย ศัตรูของเราก็คงน้อยลงเยอะเลยค่ะเธอกระซิบต่อ และเบเนดิกต์ก็ยิ้มออกมา

                ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็คงไม่มีใครกล้าสู้กับเราแล้วล่ะเขาหัวเราะเบา ๆ

                จากจุดที่พวกเขาอยู่นี้ ดูเหมือนจะต้องใช้เวลาสองสามชั่วโมงเลยทีเดียวกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง

                ที่ที่ออโต้เมมโมรี่ดอลล์และบุรุษไปรษณีย์แห่งบริษัทไปรษณีย์ซีเอชกำลังมุ่งหน้าไปนั้นคือเมืองลอนทาโน่ หากเทียบกับเมืองไลเดนที่เป็นเมืองหลวงอาจเล็กกว่าก็จริง แต่เมื่อเทียบกับเมืองอื่น ๆ แล้วมันเป็นเมืองที่เจริญมากที่สุด แผนผังอาคารบ้านเรือนถูกสร้างให้เป็นวงกลมล้อมรอบปราสาทเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ยกสูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยโดยประมาณหนึ่งร้อยเมตร และมีแม่น้ำที่มีชื่อเดียวกับประเทศไหลผ่านอยู่ข้าง ๆ

                ปราสาทเก่าแก่อันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีบรรยากาศอึมครึมนั้นเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากของเมือง ตระกูลที่มีสิทธิ์ถือครองและเป็นเจ้าของปราสาทหลังนั้นได้ส่งมอบมันให้เทศบาลนครเป็นคนจัดการดูแลทั้งหมด และเทศบาลนครก็ยังอนุญาตให้คนที่เข้าไปเยี่ยมชมนั้นไม่ต้องเสียค่าเข้าแต่อย่างใด ปราสาทเก่าแก่ได้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากสำหรับผู้ออกแบบ ซึ่งผู้ออกแบบเองก็เป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียง

                เมื่อมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีคุณค่าทางวัฒนธรรม มันจึงกลายเป็นเมืองที่ให้แรงบันดาลใจสำหรับศิลปินหน้าใหม่ เมืองนี้ไม่ได้มีแค่ปราสาทเท่านั้น ลอนทาโน่ยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะและประวัติศาสตร์ โรงละคร และตลาดหนังสือโบราณ ซึ่งทำให้พื้นที่ในเมืองกลายเป็นสถานที่ที่ผู้ที่ชื่นชอบในสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเดินผ่านไปเฉย ๆ ได้ พวกเขาสามารถได้ยินเสียงเพลงที่คนหนุ่มสาวเล่นเครื่องดนตรีอยู่บนถนนจากด้านนอกประตูเมืองได้เลยทีเดียว และถ้าหากเดินเข้ามาในอีกเมืองแค่นิดเดียวก็จะเจอร้านหนังสือมากมาย ส่วนบริเวณรูปปั้นและน้ำพุก็มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังร่างภาพวาดอยู่ มันเป็นเมืองที่มีรูปแบบโครงสร้างที่สวยเจริญตาอย่างมาก แต่ถ้าหากหลงเข้าไปในตรอกก็อาจทำให้รู้สึกหดหู่และหลงทางได้ง่ายเช่นกัน แต่กระนั้นก็มีย่านโคมแดง ที่ถึงแม้จะเป็นย่านเล็ก ๆ แต่ก็เป็นย่านที่มีชื่อเสียงมากในหมู่ของคนที่ไม่มีความสนใจในศิลปะ

                ทีนี้…”

                เบเนดิกต์ส่งไวโอเล็ตที่หน้าทางเข้าเมือง ไวโอเล็ตจะรีบมุ่งหน้าไปหาลูกค้าที่อาศัยอยู่ในเมืองและเขียนจดหมายให้พวกเขา ส่วนเบเนดิกต์ก็มีของมากมายที่ต้องไปส่งรอบเมือง เมื่องานของพวกเขาเสร็จเรียบร้อยก็จะกลับเมืองไลเดนเพื่อไปรายงานและส่งจดหมายที่เหลือทันที นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฮอดกินส์ออกคำสั่งให้พวกเขาสองคนไปที่เมืองนี้พร้อมกันเพราะมันคงดีกว่าที่จะให้ไวโอเล็ตใช้การขนส่งสาธารณะที่อาจมีปัญหาตามมาได้ และยังไม่มีค่าโดยสาร แถมประหยัดเวลาด้วย

                ในตอนนี้เป็นเวลาก่อนเที่ยงพอดี เหล่านักท่องเที่ยวกำลังรวมตัวกันคับคั่ง

                เจอ กัน ตรง ไหน ดี นะ?

                ดวงตาสีฟ้าของเบเนดิกต์สอดส่องหาที่ที่พวกเขาจะนัดเจอกัน มีธนาคาร ร้านเบเกอรี่ ร้านขายของที่ระลึก และรูปปั้นผู้หญิงเปลือยที่กำลังอุ้มเด็กอยู่ ดูเหมือนข้างในร้านเบเกอรี่จะมีร้านกาแฟอยู่ด้วย และผู้คนในร้านก็ดูจะเพลิดเพลินกับการตกแต่งของร้านที่ให้ความอบอุ่นและขนมปังที่เพิ่งอบมาสด ๆ ใหม่ ๆ ผ่านหน้าต่างกระจกของร้าน

                ได้ละ วี เจอกันที่ร้านขนมปังนะ ใครมาถึงก่อนก็เข้าไปรอข้างในแล้วกัน

                ไวโอเล็ตผงกศีรษะ คุณอยากทานขนมปังใช่ไหมคะ?

                ใช่ ขนมปังร้านนั้นดูน่าอร่อยดี ถึงฉันจะไม่เคยเข้าไปกินก็เถอะ แต่มันคงอร่อยน่าดูถึงทำให้พวกบุรุษไปรษณีย์ที่มาส่งที่ลอนทาโน่ซื้อมันกลับไปทุกครั้ง ดูชิ้นที่มีชีสเยิ้ม ๆ นั่นสิ ซื้อมันกลับไปฝากตาแก่กันเถอะ

                เมื่อได้ยินเบเนดิกต์พูดว่าจะซื้อเป็นของฝาก ไวโอเล็ตก็กะพริบตา ฉันเห็นด้วยค่ะ แต่เบเนดิกต์คะ มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าคะ? สิ่งที่เธอถามออกมานั้นราวกับเธอคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว

                เธอถามฉันได้หยาบคายมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินเลยนะรู้ไหม?

                ขอโทษด้วยค่ะ แล้ว มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าคะ? การที่เบเนดิกต์จะซื้อของฝากให้ฮอดกินส์ด้วยความเต็มใจนั้นดูเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากสำหรับไวโอเล็ต เพราะแบบนั้นเธอจึงถามเขาด้วยความกังวลว่าเกิดสิ่งผิดปกติในร่างกายหรือจิตใจของเขาหรือเปล่า

                เบเนดิกต์เคาะที่กลางหัวของเธอด้วยการทำมือเหมือนมีดด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ! เธอก็แค่ไม่รู้เท่านั้น แต่ฉันน่ะบางครั้งก็ซื้อของฝากไปให้ตาแก่เหมือนกันนะ! แม้แต่ออโต้เมมโมรี่ดอลล์เองก็ซื้อของฝากกลับไปให้บริษัทของพวกเธอเวลาพวกเธอไปที่ที่แปลกใหม่เหมือนกันใช่ไหมล่ะ? ฉันก็เหมือนกันนั่นแหละ ก่อนเงินเดือนออก ตาแก่นั่นก็เคยเลี้ยงข้าวและก็ซื้อของให้ฉันเหมือนกัน เลี้ยงข้าวกลางวันอะไรแบบนั้น ก็บ่อยอยู่เหมือนกันนะ…”

                ท่านประธานฮอดกินส์ดูเหมือนจะดูแลเบเนดิกต์เป็นพิเศษเลยนะคะ

                ––ไม่อยากได้ยินมันจากปากเธอที่เขาดูแลเหมือนลูกสาวคนหนึ่งเลยสักกะนิด เบเนดิกต์คิดแบบนั้น

                เขาหันหน้าไปอีกทางและเอ่ย ก็นะ เขาถึงขนาดพาคนที่ความจำเสื่อมอย่างฉันมาด้วยและก็ตั้งชื่อให้เลยนี่นะ เขาอาจจะเป็นคนที่พิเศษมากสำหรับฉัน สำหรับเขาเองก็เหมือนกัน

                เขาเผลอพูดมันออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

                อย่างนั้นหรือคะ?ไวโอเล็ตตอบรับเหมือนปกติ และเบเนดิกต์ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

                ไม่ใช่ว่าเขาตั้งใจจะปิดบังเรื่องที่เขาความจำเสื่อมหรือเรื่องที่ว่าฮอดกินส์เป็นคนตั้งชื่อ เบเนดิกต์ ให้เขาหรอก แต่เขาไม่เคยพูดถึงมันกับเพื่อนร่วมงานเขาเลยต่างหาก นั่นเป็นเพราะว่าเขาไม่เคยได้ลองอธิบายถึงอาการความจำเสื่อมของเขากับคนที่มีปฏิกิริยาตอบรับอย่างสุภาพเช่นนี้ เขาเองก็เคยได้รับทั้งสีหน้าที่ดูหยาบคายหรือคำพูดที่แสดงความสงสาร แต่ไม่ว่าจะแบบไหนสุดท้ายเบเนดิกต์ก็รู้สึกหงุดหงิดอีกฝ่ายอยู่ดี

                ในตอนนี้เขามีทั้งชื่อและตำแหน่งทางสังคมแล้ว ไม่มีคนชื่อ “บลูที่ตัวเปล่าอีกแล้ว เขาไม่ได้รู้สึกละอายใจกับชีวิตก่อนหน้านี้ที่เคยใช้ชื่อตามสีตาของตัวเองก็จริง

                ––เขาสงสัย

                แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกภูมิใจด้วยเช่นกัน

                ––เขาสงสัยว่าเธอจะรู้สึกยังไง

                เธอคงจะไม่ไปสร้างเรื่องอื้อฉาวอะไรแบบนั้น แต่อาจจะพูดอะไรสักอย่างที่ทำให้รู้สึกหดหู่ใจชอบกล เบเนดิกต์รอฟังปฏิกิริยาของเธอพร้อมกับความรู้สึกที่ไม่สบายใจนัก

                อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะรอนานแค่ไหน ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใด ๆ หลังจากนั้น

                ดวงตาสีฟ้าของพวกเขาจับจ้องกันและกัน เกิดความเงียบที่แสนยาวนานระหว่างพวกเขา

                และในที่สุด ไวโอเล็ตก็เอียงศีรษะเล็กน้อยราวกับต้องการจะถาม มีอะไรหรือเปล่าคะ?

                เบเนดิกต์จึงเอ่ยถามตรง ๆ โดยไม่ทันได้คิด นี่ เรื่องที่ฉันความจำเสื่อม เธอไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรอ?

                แพขนตาสีทองของไวโอเล็ตกระพือขึ้นลง “’พูดอะไร หรือคะ?

                “มีใช่ไหมล่ะ? เรื่องที่ฉันพูดว่าตัวเองความจำเสื่อมน่ะ แปลกใช่ไหมล่ะ?การที่พูดเรื่องนี้ด้วยตัวเองนั้นทำให้เขารู้สึกอับอายและสมเพชตัวเองอยู่ไม่น้อย

                นั่นก็หมายความว่าเธอไม่สนใจอดีตของเขาไม่ใช่เหรอ? เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

                นั่นไม่จริงเลยนะคะ

                ประโยคที่เขาได้ยินประโยคถัดมานั้นเปลี่ยนความรู้สึกของเขา

                มันเป็นเรื่องที่ไม่ปกติก็จริง แต่ในความเห็นส่วนตัวของฉัน มันไม่แปลกเลยค่ะไวโอเล็ตกระซิบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูมีความสุข ฉันเองก็ไม่มีความทรงจำของเมื่อก่อนเลยเหมือนกันค่ะ และฉันไม่รู้วิธีการพูดด้วยเช่นกัน ผู้พันเป็นคนตั้งชื่อให้ฉันด้วยชื่อของเทพธิดาดอกไม้ค่ะ เบเนดิกต์ ชื่อของคุณหมายความว่าอะไรหรือคะ?

                ––ใช่แล้ว

                ดูเหมือนการที่เบเนดิกต์ความจำเสื่อมนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับไวโอเล็ตเลย

                ––ใช่แล้ว

                หญิงสาวที่มีนามว่าไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดน ในตอนที่เธอไม่มีชื่อนั้น เธอเคยเป็นสิ่งที่ไม่ใช่คนด้วยซ้ำ แต่เป็นอาวุธ และเธอก็พูดถึงมันโดยไม่มีการอวดอ้างแต่อย่างใด เธอไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอับอายเลย

                เรากำลังพูดถึงท่านประธานฮอดกินส์เลยนะคะ เพราะอย่างนั้นเขาต้องตั้งชื่อที่มีความหมายอะไรสักอย่างให้คุณแน่ เราสองคนโชคดีมากเลยนะคะ ว่าไหม? ถ้าฉันถูกใช้โดยคนอื่นที่ไม่ใช่ผู้พันแล้วล่ะก็ ฉันไม่รู้เลยค่ะว่าตอนนี้ตัวฉันจะเป็นยังไง

                เธอแค่คิดว่าชีวิตที่ผ่านมาของเธอนั้นเกิดขึ้นเพื่อให้เธอได้พบกับคนที่เธอรักมากที่สุดเท่านั้น

                โอ้

                ไวโอเล็ตผู้ซึ่งไร้เดียงสาและขาดบางสิ่งไปอยู่นั้นคงแค่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจแต่ก็มีค่า

                แล้วชื่อของคุณหมายความว่าอะไรหรือคะ?

                “ฉันลืม!”

                งั้นไปถามท่านประธานฮอดกินส์ตอนเรากลับแล้วกันค่ะ ฉันก็อยากรู้ด้วย

                “ไม่ ไม่ ไม่! อย่าถามนะ! งั้นฉันไปส่งของก่อนล่ะ เธอก็ไปหาลูกค้าของเธอด้วย! ไว้เจอกัน!” เบเนดิกต์ขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์อีกครั้งและโบกมือให้ไวโอเล็ต

                เข้าใจแล้วค่ะ แต่ฉันก็จะยังถามเรื่องชื่อทีหลังอยู่ดีนะคะ

                เธอนี่ดื้อด้านชะมัด

                จากนั้นพวกเขาก็ไปทำงาน มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่แตกต่างของแต่ละคน

                การส่งของของเบเนดิกต์ใช้เวลาไม่นานนัก บ้านหลังหนึ่งได้รับพัสดุที่มีการแบ่งประเภทจากแม่ที่อาศัยอยู่ในไลเดนที่ต้องการส่งของให้ลูกชายที่ทำงานอยู่ในลอนทาโน่ มีสามอาคารที่ได้รับเอกสารที่มีการแลกเปลี่ยนระหว่างบริษัท ที่พักอาศัยอีกห้าแห่งได้รับจดหมาย ในกรณีที่ไม่มีคนอยู่บ้าน เขาอาจจะได้รับภาระเพิ่มเติมด้วยการนำกลับไปด้วยหรือถามคนแถวระแวกบ้านว่าพวกเขาไปไหน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ทำงานเสร็จเร็วกว่าที่เขาคาดคิดไว้โดยที่ไม่จำเป็นต้องนำพัสดุกลับหรือสอบถามคนแถวนั้นเลยแม้แต่น้อย

                เขาจึงไปที่ร้านเบเกอรี่ที่เป็นจุดนัดพบอย่างรวดเร็ว เลือกที่นั่งที่เขาสามารถมองเห็นสถานการณ์ข้างนอกร้านได้ผ่านกระจกและดื่มกาแฟ ดูเหมือนว่างานเขียนจดหมายของไวโอเล็ตนั้นต้องใช้เวลาอีกสักพัก

                ––งั้นเขาคงต้องไปเลือกของฝากก่อนล่ะนะ

                เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าไวโอเล็ตจะเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อของฝากยังไง ดังนั้นการที่เขาเลือกด้วยตัวเองนั้นน่าจะเหมาะสมกว่า เมื่อคิดเช่นนั้น เบเนดิกต์จึงเลือกขนมปังสองสามชิ้นที่เขาเห็นว่าน่าอร่อยจากสิ่งที่เขาเคยกิน และขอให้คนขายช่วยห่อขนมปังส่วนที่เป็นของฮอดกินส์ให้

                แค่นั้นใช่ไหมครับ?

                เบเนดิกต์เอียงคอเล็กน้อย รู้สึกว่าสีสันของขนมปังที่เขาเลือกนั้นธรรมดาเกินไป อืม~ คุณมีอะไรแนะนำไหมครับ?

                “งั้นเป็นพายหรือทาร์ตดีไหมครับ? แล้วก็ ถึงมันจะไม่ใช่ขนมปัง แต่ผมคิดว่าคุกกี้ก็ดีเหมือนกันนะครับ มีคนที่มาที่นี่แค่เพื่อซื้อมันกลับไปทานด้วยนะครับ

                อ่า~…”

                “มันเป็นที่นิยมในหมู่สาว ๆ มากครับ ริบบิ้นก็น่ารักด้วย

                มีใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏขึ้นในหัวของเบเนดิกต์

                ผมคิดว่ามีคน ๆ หนึ่งที่น่าจะชอบมัน แต่ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ที่ไกลมากเลย งั้นเอาพายนี่แล้วกันครับ

                ท้ายที่สุดเขาก็ได้พายมาเพิ่ม เขาจึงกลับไปยังที่นั่งของเขาและดื่มด่ำกับรสชาติของกาแฟอย่างสงบสุข

                ในขณะที่มองไปที่ห่อขนมปังที่เขาขอให้ช่วยห่อให้นั้น เขาก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าคนที่ได้รับมันนั้นจะชอบมันหรือไม่ เขาจินตนาการได้เลยว่าฮอดกินส์คงจะฉีกยิ้มกว้างและรับของฝากไปจากมือของเขาที่ยื่นให้อย่างรีบ ๆ เขานึกภาพในหัวถึงใครอีกคนว่าคงจะแปลกใจเล็กน้อย และจากนั้นก็จะค่อย ๆ ยิ้มออกมาเมื่อเขาบอกว่ามันคืออะไร และคงจะพูดว่า ขอบคุณนะ เบเนดิกต์ และเขาก็จะหันหน้าไปอีกทางพร้อมพูดว่า มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกเขาคงจะยินดีด้วยซ้ำที่ได้นำเงินออกมาจากกระเป๋าตังที่แบนลีบของเขาเพื่อซื้อคุกกี้ ถ้าเกิดว่ามีใครรับมันไปน่ะนะ แต่ถึงอย่างนั้น

                ––ตอนนี้เธออยู่ในที่ที่แสนไกลเลยน่ะสิ

                คนที่ปรากฏตัวในใจของเขานั้นคือหญิงสาวที่มีผมสีดำและดวงตาสีม่วง นั่นก็คือแคทลียา โบเดอแลร์ เหมือนกับเบเนดิกต์ เธอเป็นเพื่อนร่วมงานที่ร่วมกันก่อตั้งบริษัทไปรษณีย์ซีเอชด้วยกัน เธอชอบของหวาน จัดการกับเรื่องยุ่งยากไม่เก่ง ขี้กลัวถึงแม้จะมีภาพลักษณ์ที่ดูไม่เกรงกลัวอะไรก็ตาม และมีด้านเหมือนเด็ก ๆ ซึ่งตรงข้ามกับรูปร่างหน้าตาอย่างสิ้นเชิง

                ––ก็นะ เธอคงจะไม่ดีใจนักหรอกถ้าได้มันมาจากเขาน่ะ

                พวกเขามักจะทะเลาะกันทันทีที่เจอกัน และมันก็บ่อยเสียจนกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับบริษัทไปรษณีย์ซีเอช แต่ทุกคนก็ดูออกว่าพวกเขาไม่ได้ทะเลาะกันเพราะเกลียดกันจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้น

                ––เขาก็สงสัยว่าเธอเกลียดเขาหรือเปล่า

                 สำหรับพวกเขาแล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้น ถึงแม้พวกเขาจะอยู่บริษัทเดียวกัน แต่ก็ทำงานที่แตกต่างกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ พวกเขาสามารถทะเลาะกันได้ทั้งคืนทั้งวันเลยล่ะ และพวกเขาก็จะลืมว่าก่อนหน้านี้พวกเขาเคยทะเลาะกันและก็เริ่มทะเลาะกันอีกครั้ง ถึงแม้ว่าสุดท้ายพวกเขาจะต้องคุยกันแบบคนปกติโดยไม่สามารถเมินเฉยต่อกันได้ก็ตาม และเพราะแบบนั้นเขาจึงคิดว่าจะทำให้เธอรู้สึกพอใจด้วยอะไรสักอย่าง

                 ––แต่เขาก็ไม่ได้เกลียดเธอหรอกนะ

                สำหรับเบเนดิกต์แล้ว ความรู้สึกที่มีต่อระยะห่างระหว่างเขาและเธอที่สมควรถูกพิจารณาว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับมนุษยชาตินั้น มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน

                ––ระหว่างเรามันไม่ค่อยราบลื่นเท่าไหร่ เขาปฏิบัติกับเธอเหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ไม่ได้

                นั่นก็เพราะว่าเขาไม่เคยมีประสบการณ์ความรักดี ๆ เลยสักครั้ง เขาจึงไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง

                หลังจากที่คิดอะไรหลาย ๆ อย่าง เขาก็หาวออกมาหวอดใหญ่ เขาเหยียดแขนทั้งสองข้างขึ้นไป เกร็งตัวและโน้มตัวเล็กน้อยเหมือนกับแมว จากนั้นก็ผ่อนคลายอีกครั้งพลางคิดว่าจะพักผ่อนจากงานที่ทำให้รู้สึกเครียดและร่างกายที่หย่อนยานสักเล็กน้อย

                ––เขานอนสักหน่อยดีกว่า

                เนื่องจากเขาต้องทำงานตั้งแต่เช้าตรู่และงานแต่ละวันของเขาก็มักจะกินเวลาเลิกงาน ความรู้สึกอิ่มท้องและความอบอุ่นจากในร้านทำให้หนังตาของเขาเริ่มหย่อน ร่างกายของเขาถูกอาการง่วงนอนค่อย ๆ หยุดการทำงานอย่างช้า ๆ และจากนั้นเขาก็ไม่สามารถลืมตาได้อีกเลย กลิ่นหอมจากข้างในร้าน, บทสนทนาของผู้คนที่ฟังดูสนุกสนาน บรรยากาศเหล่านั้นทำให้เบเนดิกต์ลดความระมัดระวังตัวลง

                ––ถึงวีกำลังจะมาก็เถอะ

                หญิงสาวที่มีผมทองปรากฏขึ้นในหัวเบเนดิกต์

                ––ถ้าเป็นเธอก็คงหาเขาเจอในทันทีนั่นแหละ

                ถึงแม้คนในร้านกาแฟจะแน่นเอี๊ยด แต่เบเนดิกต์ก็เชื่ออย่างนั้นเพราะว่าเป็นเธอ เธอคงจะมาที่นี่ด้วยความรวดเร็วแน่นอน

                ––เธอจะ…มองหาเขาเองแหละ

                หลังจากที่เขาความจำเสื่อมนั้น ไม่ว่าเขาจะถามใครก็ตาม ก็ไม่มีใครรู้จักเขาสักคน

                ––ถ้าเขาหลับคงไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม?

                ไม่มีใครมองหาเขา

                ––ไม่เป็นไรใช่ไหม?

                แต่ถึงอย่างนั้น ไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดนจะต้องมองหาเขาอย่างแน่นอน เมื่อคิดเช่นนั้น เบเนดิกต์ก็หลับตาลง เขาอ้าปากกว้างและหาวออกมา จากนั้นก็หลับไปทันทีราวกับว่าเขาตายไปแล้ว จิตสำนึกล่องลอยออกไป ความคิดของเขาล่องลอยอยู่ในอากาศ เขาลืมไปเสียแล้วว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน

                การเรียกมันว่า ความฝันนั้นอาจจะผิดไปเสียหน่อย ในกรณีของเขานั้น มันเป็นการฉายภาพชิ้นส่วนของความทรงจำที่เขาลืมมันไปมากกว่า เมื่อหลุดออกมาจากโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ความทรงจำในอดีตก็จะเริ่มไล่ตามเขาและแตะเบา ๆ ที่แผ่นหลังของเขา

                หนังม้วนนั้นให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนเก่าที่กลับมาจากที่ที่ไกลแสนไกลในจิตใจของเขา ยินดีต้อนรับนะ เพื่อนของฉันที่จำชื่อตัวเองไม่ได้แล้ว มันพูดอย่างนั้น หนังม้วนนั้นกรอซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในหัวของเบเนดิกต์

                เขาได้เจอกับเพื่อนของเขาที่มีชื่อว่าอดีตอีกครั้ง ซึ่งเริ่มต้นความฝันด้วยท้องฟ้ายามค่ำคืน

                มันเป็นเวลากลางคืนที่แสนงดงามซึ่งมีดวงจันทร์เต็มดวงปรากฏตัวอยู่บนท้องฟ้า เป็นเพราะภาพความทรงจำของเขานั้นคืบคลานออกมาจากจุดที่มืดมิดที่สุด มันจึงทำให้เขาตกใจแทบจะทันทีเมื่อเห็นแสงสว่างจากดวงจันทร์ และเริ่มตัวสั่น

             ใต้เท้าของเขานั้นเป็นหาดทราย เขาเดินย่ำอยู่บนหาดทรายนั่นด้วยรองเท้าที่เปื้อนไปด้วยโคลนและคราบเลือด ความเจ็บปวดที่ทำให้ชาไปทั้งร่างทำให้เขารู้สึกทรมาน เขาอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ถึงอย่านั้นขาของเขาก็ยังขยับต่อไปโดยไม่สนความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย

             มือของเขากำลังจับอะไรสักอย่างไว้อยู่ อะไรสักอย่างที่เรียบลื่นและเล็กจ้อยและมีอุณหภูมิร่างกาย

             เขาหันกลับไปมอง ปรากฏเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านหลัง เด็กหญิงมีผมสีบลอนด์เหมือนเบเนดิกต์ แต่มีเฉดสีที่ต่างออกไปเล็กน้อย ผมของเธอถูกผูกด้วยริบบิ้นกำมะหยี่สีดำ

             เมื่อตาของพวกเขาสบกัน เธอก็พยักหน้าราวกับจะบอกว่า หนูไม่เป็นไรเมื่อได้ยินเช่นนั้น เบเนดิกต์ก็วิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม เขาเชื่อในตัวเด็กผู้หญิงที่กำลังวิ่งตามเขา

             ในที่สุดเขาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เรือลำหนึ่งกำลังลอยตัวอยู่บนผิวน้ำของน้ำทะเล

             ––นั่นไง เราหนีไปด้วยเรือลำนั้นได้ เขาคิดเช่นนั้น

             เขาไม่รู้ว่าตัวเขากำลังวิ่งหนีอะไร แต่มันคงเป็นอะไรสักอย่างที่ทำให้เขากลัวมาก มันอาจจะเป็นใครสักคนที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวหรือกลุ่มคนจำนวนมากที่พร้อมจะรุมคนที่มีจำนวนน้อยกว่า ไม่ว่าสถานการณ์ไหนก็ล้วนแต่ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องหนีเท่านั้น แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น

             เบเนดิกต์หันกลับไปมองและเอ่ย เราจะหนีไปด้วยสิ่งนั้นกันนะ …”

             ราวกับความทรงจำของเขาถูกลบออกไป เขาไม่ได้ยินชื่อของเธอเลย

             “…. พี่จะไปด้วยใช่ไหม?

             เขาเองก็ไม่ได้ยินชื่อของเขาจากปากเธอเหมือนกัน

             ใช่ พี่จะไม่ทิ้งเธอ สุดท้ายแล้วเราอาจจะ ––– เพราะว่า ––– มันทำงานแบบนั้น แต่ถ้าไม่มียานั่น เธอก็จะ –––

             สีผม ตา และปากของเธอ – เขาเห็นสิ่งเหล่านั้นแตกเป็นชิ้น ๆ

             แต่ แต่ถึงเธอจะ ––– ถึงพี่จะจำไม่ได้ว่าเธอเป็นน้องสาวพี่ ถึงเธอจะจำไม่ได้ว่าพี่เป็นพี่ของเธอ มันก็ไม่เป็นไร ยังไงเราก็ยังเป็นพี่น้องกันอยู่ดี

             เขาบอกไม่ได้ว่าหน้าตาเธอเป็นเช่นไร สีของริบบิ้นและสีตาของเธอนั้นถูกแยกออกเป็นชิ้น ๆ

             พี่พูดถูกใช่ไหม? ถ้าเรายังอยู่ด้วยกัน ต่อให้เราลืม ยังไงเราก็จะหาทางจำกันได้เองเมื่อไหร่ก็ได้อยู่ดีนั่นล่ะ ถ้าเธอเจอผู้ชายที่เธอชอบหรืออะไรแบบนั้น เธอจะลืมพี่ไปเลยก็ได้ แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้น…”

             เฉดสีผมของเธอ และน้ำเสียงของเธอ – เขาบอกรายละเอียดสิ่งเหล่านั้นได้เป็นส่วน ๆ เท่านั้น

             “…อย่าปล่อยมือนี้เด็ดขาด ถ้าเธอทำแบบนั้น เราก็จะลืมไปหมดทุกอย่างเบเนดิกต์ในอดีตเอ่ยแบบนั้นราวกับกำลังข่มขู่เธอ

             หนูเข้าใจแล้ว ….”

                ทั้งสองก้าวขึ้นเรือและเริ่มพายออกไปสู่ทะเลอันกว้างใหญ่

                และในที่สุดความฝันก็จะจบลงด้วยการที่เขากำลังมองเรือจากก้นทะเล และเมื่อเห็นเช่นนั้นเขาก็คิดในใจ อ่า เรือพวกเขาล่มสินะ

                เบเนดิกต์สะดุ้งตื่น ม้วนหนังที่กรอซ้ำนั้นไม่ได้ฉายนานไปมากกว่าสองสามนาที แต่เบเนดิกต์ก็ยังตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกเหนื่อยล้าราวกับว่าเขาเพิ่งผ่านการเดินทางที่แสนยาวนานมาไม่ปาน

                เขามองไปรอบร้านด้วยตาที่เปิดขึ้นมาครึ่งเดียวแต่ก็ไม่พบไวโอเล็ต เขามองไปที่นาฬิกาของร้าน นับตั้งแต่เขาเริ่มดื่มกาแฟพึ่งจะผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีเสียด้วยซ้ำ

                เขาลุกขึ้นนั่งทรงตัวอย่างใจเย็น และจิบกาแฟเย็นชืดเข้าไปเล็กน้อย แต่เมื่อดื่มเข้าไปอึกหนึ่งแล้ว เขาก็ไม่สามารถจิบทีละนิดได้อีก สุดท้ายเขาก็กระดกมันเข้าไปจนหมดเหมือนกับมันเป็นน้ำเปล่า

                ขออีกแก้วหนึ่งเขาขอกาแฟอีกแก้วด้วยการยกมือขอกับบริกรของร้าน เขาต้องการความขมปร่าของความเป็นจริงสักเล็กน้อยเพื่อให้เขาไม่สามารถหลับได้อีก

                ––เขาเห็นความฝันนี่มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่เขาก็ยังกลัวมันอยู่งั้นหรือ?

                ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเธอยังไม่จำเป็นต้องมาตอนนี้ก็ได้ แต่ตอนนี้เขาอยากจะเจอผู้หญิงขวานผ่าซากคนนั้นมากเหลือเกิน

                ––ไม่เป็นไร

                ถึงเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการไม่เป็นไรจริง ๆ มันเป็นยังไง แต่เขาก็บอกกับตัวเองแบบนั้น

                ––ไม่เป็นไร

                เพราะเขาต้องการให้ตัวเองเป็นแบบนั้น

                ––เขาไม่เป็นไรหรอก ใช่ไหม?

                ตัวเขาไม่มีคำตอบให้กับคำถามนั่นเลย

                อยู่ดี ๆ เบเนดิกต์ก็เหยีดยยิ้มเย้ยหยันออกมา เขาไม่เคยรู้สึกกระวนกระวายใจแบบนี้มาก่อนเลย แม้แต่ตอนที่เขายังทำงานเป็นทหารรับจ้างอยู่ก็ไม่เคยเป็นเช่นนี้

                เขากวาดตามองไปรอบร้านอีกครั้ง ไม่มีใครเป็นต้นเหตุแห่งความหวาดหวั่นนี้ อันที่จริงในตอนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ มันไม่ได้เหมือนกับตอนที่เขาเข้าสู่สนามรบเพื่อหาเงิน หรือการที่เขาถูกทิ้งไว้กลางทะเลทรายโดยไร้เสื้อผ้าแบบนั้น ต่อให้ไม่เคยผ่านเรื่องแบบนั้นมาเขาก็รู้ ว่าเขานั้นกำลังเป็นสุขและไม่มีอะไรต้องหวาดกลัว ทุกอย่างสงบสุขดี สงบสุขเกินไปเสียด้วยซ้ำ

                แต่กระนั้น เบเนดิกต์ก็ไม่รู้เลยว่า ยิ่งเขามีช่วงเวลาที่สงบสุขมากเท่าไหร่ ความเจ็บปวดจากรอยแผลเป็นก็จะยิ่งปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ

                ––ไม่ใช่ว่าเขายิ่งอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ตั้งแต่ที่ตาแก่นั่นพาเขามาด้วยหรือ?

                การที่มีบาดแผลที่ไม่มีวันหาย ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลจากสภาพจิตใจหรือร่างกายก็ตาม แค่นั้นก็แปลกมากพอแล้ว ถ้าหากมันเป็นบาดแผลที่มองเห็นได้ก็คงจะรักษาได้อยู่หรอก แต่ถึงแม้รอยแผลบนผิวหนังจะหายไปแล้ว แต่ถ้ามีบรรยากาศหรือผู้คนที่ทำให้หวนนึกถึงรอยแผลนั่นขึ้นมา ความจริงที่ว่า เคยได้รับบาดเจ็บนั้นก็จะหวนกลับมาอีก รอยแผลเป็นเหล่านั้นจะวิ่งไล่ตามเราตลอดไปเหมือนกับดวงจันทร์ที่ลอยอยู่ท้องฟ้าที่ไล่ตามเราอยู่เสมอ และมันก็จะเจ็บขึ้นมาอีก

                ถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บจะเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ แต่ความจริงที่คน ๆ นั้นได้รับบาดเจ็บจะคงอยู่ตลอดกาล

                ––เมื่อไหร่เขาถึงจะจำได้ทุกอย่างกันนะ?

                รอยแผลเป็นจากการที่ลืมใครคนหนึ่งที่เขาไม่สมควรลืมนั้นทำให้ใจของเบเนดิกต์ปวดร้าวอย่างไม่รู้ตัว ถ้าหากความทรงจำของเขาได้เล่นไปแล้วพันครั้งล่ะก็ เบเนดิกต์ก็ได้ทำร้ายตัวเองไปพันครั้งแล้วเช่นกัน

                โดยที่ไม่รู้เลยว่าทำไมเขาถึงรู้สึกสับสนเช่นนี้ เขาจึงพยายามย้อนความฝันของเขาอีกครั้ง มันมีส่วนที่ซ้ำกับความฝันก่อนหน้านี้ แต่ถ้ามองจากมุมมองภายนอกนั้น ใครก็ตามที่รู้สถานการณ์ของเขาก็คงจะเข้าใจมันในทันที

                บริกรนำกาแฟแก้วใหม่มาเสิร์ฟ แต่เขาไม่รู้สึกอยากจะดื่มมันในที่ที่มีบรรยากาศอบอุ่นเช่นนี้เท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าเบเนดิกต์จะเป็นคนนัดหมายว่าให้เจอกันในร้าน แต่เขาก็ตัดสินใจรออยู่ข้างนอกร้าน และรอบนมอเตอร์ไซค์ของเขาแทน เมื่อได้สูดอากาศที่เย็นยะเยือก เขาก็รู้สึกใจเย็นลงเล็กน้อย อากาศที่เย็นสบายช่วยให้หัวของเขาเย็นลง ถึงแม้ว่าร่างกายกำลังสั่น แต่มันก็เป็นเพราะความเย็นเท่านั้น

                อยู่ดี ๆ เบเนดิกต์ก็หันไปมองด้านข้าง เพราะเขารู้สึกว่าอยากจะมองไปด้วยสาเหตุอะไรสักอย่าง

                มีผู้หญิงผมบลอนด์สั้นยืนอยู่ตรงนั้น แต่ผมบลอนด์ของเธอเป็นเฉดสีที่ไม่เป็นธรรมชาติ มันจึงดูเหมือนวิกมากกว่า เธอสวมเดรสผ้าซาตินสีขาวขุ่นคล้ายกับสีผิวของเธอที่อยู่ใต้เทรนช์โค้ท*สีดำ เธอเหมือนกับผู้หญิงที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปินและมีผู้ชายรายล้อมอยู่เสมอ เธอปล่อยควันบุหรี่ที่คาบอยู่ระหว่างนิ้วออกมาจากริมฝีปากสีแดงสดของเธอ ถ้าเธออยู่ในบาร์ที่ห้อมล้อมไปด้วยผู้ชายและส่งเสียงหัวเราะที่ฟังดูสง่าผ่าเผยคงจะเหมาะสมกับเธอมากกว่าการยืนอยู่หน้าร้านเบเกอรี่แบบนี้

                นะ นาย––ผู้หญิงคนนั้นเผลอพูดออกมาเมื่อเห็นเบเนดิกต์โดยไม่ได้ตั้งใจ เสียงของเธอแหบแห้ง

                เบเนดิกต์มองเธอกลับ ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่านะ สัมผัสที่หกของเขากระซิบบอก

                ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ เขาเลื่อนสายตาขึ้นไปมองผมของเธอ ถ้าน้องสาวของเขาโตขึ้นมาเป็นแบบนี้จริง แต่ผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาแบบนี้จะไม่แก่เกินไปที่จะเป็นเธอไปหน่อยหรือ? แต่ผู้หญิงจะอายุแบบไหนก็อาจขึ้นอยู่กับการแต่งตัวหรือการแต่งหน้าของเธอก็ได้นี่นา เบเนดิกต์รู้เรื่องนั้นดีจากการที่ใช้ชีวิตอยู่กับผู้หญิงทั้งวันทั้งคืน เขาไม่ควรจะทิ้งความเป็นไปได้ที่เธออาจเป็นน้องสาวของเขาไปใช่ไหม?

                บางทีอาจเป็นเพราะแววตาของเบเนดิกต์เข้มขึ้น ผู้หญิงคนนั้นจึงก้าวถอยหลังและทิ้งบุหรี่ไปก่อนจะเดินหนีจากตรงนั้น ในตอนแรกเธอเดินอย่างช้า ๆ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นวิ่งเหยาะ ๆ แทน

                นี่เมื่อเบเนดิกต์รู้ตัว เขาก็กระโดดขึ้นบนมอเตอร์ไซค์และเรียกเธอ นี่ เดี๋ยวสิ

                เขาขับตามผู้หญิงคนนั้นไป และคว้าแขนเธออย่างแรง ผู้หญิงคนนั้นพยายามบิดแขนให้หลุดจากการพันธนาการของเขา แต่เบเนดิกต์ก็หมุนแขนของเธอบิดมาไว้ด้านหลังเสียก่อน เขารู้สึกหายใจแทบไม่ออกเมื่อได้กลิ่นหวานของน้ำหอมที่ชวนให้เวียนหัว

                ปล่อยฉันนะ!”

                เธอรู้จักฉันใช่ไหม?!”

                “ฉันไม่รู้!”

                “เธอรู้ใช่ไหม?! ไม่สิ ฉัน ฉัน…!”

                ––เขารู้สึกเหมือนว่าเขารู้จักเธอ

                เธอ เธอเป็น…”

                สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเอ่ยถามออกไป ถ้าหากเป็นเรื่องเข้าใจผิดเขาก็โอเคกับมัน แต่หากไม่ใช่แบบนั้น เขาก็ไม่อยากจะปล่อยผ่านไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

                เธอเป็นน้องสาวของฉันหรือเปล่า?

                เมื่อถูกถามเช่นนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็ปิดปากด้วยมือทั้งสองข้างของเธอ

     

     



                ขากลับวันนั้นเป็นการเดินทางที่เงียบสงบเป็นอย่างมาก

                เมื่อเขียนจดหมายให้ลูกค้าของเธอเสร็จ ไวโอเล็ตก็เรียกเบเนดิกต์ที่กำลังยืนถอนหายใจอยู่นอกร้าน ใช้เวลาอยู่สองสามวินาทีเลยทีเดียวกว่าเขาจะตอบกลับ และสีหน้าของเขาก็ดูเหมือนเพิ่งเห็นผีมาไม่ปาน เธอสังเกตว่าเขาไม่ถืออะไรไว้ในมือเลยถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาซื้อของฝากให้ฮอดกินส์แล้วก็ตาม แต่เมื่อพวกเขากลับเข้าไปในร้านก็เห็นบริกรของร้านเป็นคนเก็บมันไว้ให้ เมื่อเบเนดิกต์ไม่ยอมพูดอะไร ไวโอเล็ตจึงเป็นคนกล่าวขอบคุณแทน

                ถึงแม้ว่าเธอจะบอกเขาในตอนที่ขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์แล้วว่า งั้น กลับกันเถอะค่ะ เขาก็ไม่ยอมสตาร์ทรถ และถึงแม้ท้ายที่สุดเขาจะยอมขับออกไปแต่ไม่ถึงนาทีเขาก็หยุดขับ

                วี โทษที ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฉันอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุและก็ทำให้เธอเจ็บตัวได้

                ไวโอเล็ตไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของเขาเธอก็สลับที่นั่งด้วยความจำเป็น งั้นฉันจะขับเองค่ะเธอเคยเรียนวิธีการขี่ม้าและขับยานพาหนะมาก่อนในสมัยที่เธอเคยเป็นทหาร ถึงแม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่เธอก็มั่นใจว่าเธอสามารถขับมันได้

                เบเนดิกต์ ถ้าคุณจับแค่นี้คุณอาจจะตกก็ได้นะคะ เพราะฉะนั้นช่วยเกาะฉันไว้แน่น ๆ ด้วยค่ะ

                โทษที…”

                ไม่หรอกค่ะ ถ้าคุณรู้สึกไม่ค่อยสบายเพราะเวียนหัว ฉันจะหยุดขับเองค่ะ เพราะงั้นช่วยบอกฉันด้วยนะคะ

                “อ่า ฉันรู้สึกปวดหัวมากเลย ฉันขอหลับตาสักประเดี๋ยวได้ไหม?

                “ได้ค่ะ

                เมื่อพูดเสร็จ ไวโอเล็ตก็เงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า เมื่อใกล้ค่ำ เมฆก็ก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้า แต่ไม่ได้ดูเหมือนว่าฝนหรือหิมะจะตก หรือสภาพอากาศจะผิดปกติแต่อย่างใด

                มันเป็นเรื่องหายากที่จะเห็นเบเนดิกต์รับไมตรีจากใครหรือขอโทษพวกเขาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ถึงแม้เขาจะรู้สึกไม่สบาย แต่เขาก็ยังมีสติในการตัดสินใจให้เธอเปลี่ยนที่คนขับกับเขา อย่างไรก็ตาม หากมีพนักงานของบริษัทไปรษณีย์ซีเอชเห็นเบเนดิกต์ที่ปกติไม่ชอบพึ่งพาใครนั้นเงียบตลอดการเดินทาง นั่งอยู่ด้านหลังของมอเตอร์ไซค์และเกาะหญิงสาวที่อายุน้อยกว่าเขาเช่นนี้คงเห็นเป็นเรื่องใหญ่มาก

                แน่นอนว่าไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดนก็เห็นเป็นเรื่องใหญ่เช่นกัน

                ไม่ว่าจะเหนื่อยหรือง่วงนอนมากแค่ไหน ชายคนนี้ก็จะไม่มีทางปล่อยให้ใครขับมอเตอร์ไซค์ที่เป็นลูกรักของเขาเป็นอันขาด มันเป็นยานพาหนะที่ฮอดกินส์มอบให้เขาหลังจากที่เริ่มทำธุรกิจใหม่ ๆ

                ไวโอเล็ตพูดกับเขาอย่างใจเย็น เบเนดิกต์ ก่อนหน้าที่ฉันจะมาคุณได้พูดกับใครหรือเปล่าคะ?

                “อือ

                “หูฉันดีนะคะ

                “อือ เธอเหมือนกับสัตว์ป่าเลย

                “’ฉันอยากหนีไปจากที่นี่’ ‘ฉันอยากให้คุณช่วยซื้อเวลาให้ฉันหน่อย’ ‘ฉันอยากให้คุณช่วยฉัน – อะไรแบบนั้นหรือเปล่าคะ?

                ไม่ใช่แค่พูดไม่เก่ง แต่ไวโอเล็ตไม่เก่งเรื่องการพูดคุยเหมือนกับคนทั่วไปเท่าไหร่นัก ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าในเวลาแบบนี้เธอควรจะพูดกับเขายังไงให้เหมาะสม

                มันไม่เกี่ยวกับเธอหรอก เบเนดิกต์ตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างเย็นชาราวกับเขาไม่ต้องการให้เธอเข้ามามีส่วนร่วม

                เมื่อการสนทนาสิ้นสุดลง ความเงียบก็เข้ามาปกคลุมพวกเขาอีกครั้ง

                ไวโอเล็ตจมอยู่ในความคิด เธอแทบไม่เคยใช้ความพยายามในการสนทนากับใครเลย ถ้าเธอถูกบอกไม่ให้พูด เธอก็จะไม่พูด ถ้าหากมีคนถามคำถาม เธอก็จะตอบ เธอจะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าจำเป็นเท่านั้น นั่นคือบทสนทนาที่ควรจะเป็น อย่างน้อยก็สำหรับเธอ

                อย่างไรก็ตาม ไวโอเล็ตที่เติบโตขึ้นแล้วในตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วว่าบางอย่างก็ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป

                เธอพูดกับเบเนดิกต์อีกครั้ง ผู้หญิงคนนั้นเรียกคุณว่าพี่ชาย แต่เบเนดิกต์คะ คุณความจำเสื่อมไม่ใช่หรือคะ? คน ๆ นั้นเป็นน้องสาวของคุณหรือคะ? แล้วก็คุณมีน้องสาวจริง ๆ หรือคะ?

                “เธอไปได้ยินมาจากไหน?

                “ฉันเฝ้าดูอยู่ใกล้ ๆ ตอนที่คุณกักแขนของผู้หญิงคนนั้นไว้จากด้านหลังน่ะค่ะ ฉันได้เรียนรู้มาจากท่านประธานฮอดกินส์ว่าไม่ควรมีใครเข้าไปก้าวก่ายความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง เพราะแบบนั้นฉันถึงยืนรออยู่ตรงนั้นและจับตาดูคุณ และก็รอเข้าไปไกล่เกลี่ยหากว่าเกิดการทะเลาะเบาะแว้งขึ้นมาน่ะค่ะ

                ตาแก่นั่นสอนอะไรวะเนี่ย? และก็นะ นั่นน่ะเขาเรียกว่า แอบฟัง ต่างหาก

                คน ๆ นั้นเป็นน้องสาวของคุณหรือคะ? แต่รูปร่างหน้าตาของพวกคุณตอนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันนั้นสำหรับฉันดูไม่เหมือน…”

                มอเตอร์ไซค์วิ่งข้ามก้อนหินในขณะที่เธอพูดจึงทำให้ตัวยานพาหนะโคลงเคลงไปมาอย่างฉับพลัน มันหยุดชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะออกวิ่งได้อีกครั้ง

                สำหรับฉันเธอดูไม่เหมือนน้องสาวคุณเลยค่ะ ถึงมันจะเป็นเพียงข้อสันนิษฐานของฉันเท่านั้น แต่ฉันคิดว่าเธอแก่กว่าคุณแน่นอนค่ะ แล้วคุณเองก็เป็นโรคความจำเสื่อมด้วย ถึงคุณจะมีน้องสาวที่แยกจากจากคุณจริง ๆ คุณยิ่งไม่จำเป็นต้องสืบค้นเพิ่มเติมหรือคะเพราะว่าคุณจำเธอไม่ได้น่ะค่ะ?ไวโอเล็ตดูเฉยชามากเกินไป เธอกล่าวสรุปของเธอเองโดยไม่มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจหรือข้อสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเบเนดิกต์เลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าข้อสันนิษฐานนั่นจะจี้เบเนดิกต์ผิดจุดก็ตาม

                หุบปากซะ! เธอไม่รู้เรื่องนั้นสักหน่อย! หล่อนอาจจะเป็นน้องสาวฉันก็ได้นี่!” เบเนดิกต์ทุบหลังไวโอเล็ตด้วยกำปั้นของเขา ฉันมีน้องสาว! ฉันมีความทรงจำเรื่องของเธอ! มันเป็นเรื่องเดียวที่ฉันมั่นใจ มั่นใจ มั่นใจ มั่นใจ มั่นใจ มั่นใจว่ามีแน่ ๆ!”

                ได้ยังไงกันคะ? คุณไม่มีความทรงจำนี่คะ

                ฉันรู้แล้วกัน!”

                “ได้ยังไงคะ?

                เมื่อถูกถามเช่นนั้น เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากพูดมันออกมาด้วยความรู้สึกหวั่นไหว

                เพราะฉันรู้สึกรักเธอ!”

                ไวโอเล็ตกลืนคำพูดของเธอกลับลงไปทันทีเมื่อได้ยินคำว่า รัก

                ความรู้สึกนั่นมันอยู่กับฉัน! ถึงฉันจะไม่มีความทรงจำอยู่เลย แต่ฉันก็รู้สึกได้!”

                มันช่างเป็นเรื่องน่าอับอายและแสนโง่เขลา

                มันเป็นสิ่งเดียวที่ไม่มีทาง ไม่มีทางเป็นเรื่องโกหกแน่!”

                โดยปกติเขาไม่เคยพูดถึงเรื่องความรักเลยสักนิด แต่เขากลับต้องพึ่งพามันอย่างไม่มีทางเลือกเช่นนี้

                ––เพราะว่า เราจับมือกันในความมืด สิ่งเดียวที่พิสูจน์ว่าเรายังมีชีวิตอยู่นั้นคืออุณหภูมิร่างกายของเรา เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอบอกว่าเธอกลัว เขาก็จะตอบเธอว่า ไม่เป็นไรนะ” “พี่ชายของเธอจะหาทางทำอะไรสักอย่างเอง เขาจะบอกเธอแบบนั้น

                ฉันมีน้องสาว ฉันไม่เข้าใจมันเลยสักนิด แต่ฉันกำลังปกป้องเธออยู่! ฉันคิดแต่เรื่องจะปกป้องเธอให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม ต้องปกป้องให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม…! ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้…! ความทรงจำ––! ฉันไม่มีความทรงจำอยู่เลย!”

                ––เขาจำอะไรไม่ได้

                ปกป้องเธอจากอะไรคะ?

                ––เขาไม่รู้อะไรเลย มีใครสักคนทำร้ายเขาหรือ? หรือว่าเขาทำร้ายตัวเองกัน?

                ฉันไม่รู้! อาจจะเป็นอะไรก็ได้ ที่–– ที่ไม่สำคัญสำหรับฉัน! ฉันไม่สนว่าเมื่อก่อนฉันจะใช้ชีวิตเหมือนเด็กเหลือขอยังไง แต่ฉันควรจะมีน้องสาว และการที่เธอไม่อยู่ที่นี่มันกลายเป็นปัญหาสำหรับฉัน! ฉันความจำเสื่อม และพอฉันตื่นขึ้นมา น้องสาวของฉันก็ไม่อยู่ข้าง ๆ ฉัน ฉันกลายเป็นไอ้งั่งที่ไม่รู้เรื่องของตัวเองหรือน้องสาวเลยสักอย่าง! ฉันไม่มีอะไรเลย! แต่…!”

                ––เขาไม่รู้อะไรเลย แต่

                แต่ฉันมีน้องสาวแน่ ๆ

                ––เขามั่นใจว่าเธอยังคงมีชีวิตอยู่ ถ้าหากสักวันหนึ่งเขาได้พบเธอ เขาต้องมั่นใจว่าเขาจำเธอได้แน่ ถึงแม้เขาจะลืมเธอ ถึงแม้ว่าเขาจะจำเธอไม่ได้เลยก็ตาม แต่เขาจะต้องจำเธอได้แน่ถ้าหากเขาได้เจอเธอ และเขาก็หวังว่าเธอจะจำเขาได้เช่นกัน

                เพราะเขาคิดแบบนั้นมาตลอด เขาจึงใช้ชีวิตราวกับกำลังสวดภาวนา

                ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเธอรู้จักฉัน ฉันเองก็–– ฉันเองก็รู้สึกเหมือนเคยเห็นเธอมาก่อน ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นน้องสาวฉันหรือเปล่า แต่ถ้าเธอไม่ใช่ ถ้าเวลานั้นมาถึง ฉันก็ไม่อยากเสียใจอีก!”

                หลังจากพูดเสร็จ ใบหน้าของเบเนดิกต์ก็กระแทกเข้ากับแผ่นหลังของไวโอเล็ต นั่นอาจเป็นเพราะอยู่ดี ๆ มอเตอร์ไซค์ก็หยุดกะทันหัน จมูกของเบเนดิกต์ที่ไม่โด่งหรือแบนเกินไปจึงกระแทกเข้ากับแผ่นหลัง และเขาก็รู้สึกปวดขึ้นมาเล็กน้อย

                ไวโอเล็ตผู้ซึ่งเป็นคนที่ทำให้เขารู้สึกปวดจมูกนั้นหันกลับมามองเขาและยื่นมือออกไปหาเบเนดิกต์ ใบหน้าของพวกเขาใกล้กันมากเสียจนทำให้เส้นผมสีทองของเธอที่ถูกท้องฟ้าสีแดงเข้มอาบอยู่นั้นปัดผ่านปลายจมูกของเขา ไวโอเล็ตจับไหล่ของเบเนดิกต์ราวกับต้องการจะบอกเขาว่า อย่าหนีไปไหนนะคะ

                เบเนดิกต์

                ดวงตาของเธอ – ที่เป็นสีฟ้าใส – จับจ้องมาที่เขาและทิ่มแทงราวกับดาบ

                โปรดฟังก่อนนะคะ ฉันเคยบอกคุณว่าฉันเองก็เป็นเด็กกำพร้า ถูกรับไปเลี้ยง และก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของตัวเองเป็นใครใช่ไหมคะ? จากประสบการณ์ของฉัน คนที่ ‘เชื่อในความทรงจำของตัวเองมากเกินไป จะเจอกับหัวขโมยที่พยายามจะฉวยโอกาสค่ะ มีคนที่พยายามชวนฉันให้เข้าสู่ด้านมืดด้วยการอ้างว่ารู้จักฉันและเสนอว่าอยากจะพูดคุยในรายละเอียดต่าง ๆ อยู่ไม่น้อยเลยล่ะค่ะ

                การที่ไวโอเล็ตพยายามถ่ายทอดคำพูดของเธอให้กับผู้อื่นนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ปกติอย่างยิ่ง เหมือนกับการที่เบเนดิกต์มอบความรับผิดชอบในการขับมอเตอร์ไซค์ลูกรักของเขานั้นให้คนอื่น

                ตอนที่ฉันเป็นทหาร ผู้พันมักจะเป็นคนที่แบกรับปัญหาที่หนักหนาเหล่านั้นและปกป้องฉันเสมอเลยค่ะ

                เธอพูดรัวเร็วเสียจนเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเบเนดิกต์ถึงไม่สามารถปิดปากของเธอด้วยการใช้คำพูดที่รุนแรง

                หลังจากที่ฉันโตขึ้น ฉันก็เกือบถูกฆ่าโดยลัทธิหนึ่งที่บอกว่าฉันไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นมนุษย์กึ่งเทพค่ะ ฉันไม่รู้เรื่องในอดีตของฉันเลย เพราะแบบนั้นตอนที่ฉันถูกบอกแบบนั้น ฉันก็คิดว่ามันอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ค่ะ เบเนดิกต์ ถ้ามองจากมุมนี้คุณกับฉันก็เหมือนกันเลยไม่ใช่หรือคะ? คงมีผู้หญิงอยู่มากมายเลยที่รู้จักคุณ ผู้หญิงที่คุณเคยคบ ผู้หญิงที่คุณเคยหลับนอนด้วยจนถึงตอนนี้ – คุณจำพวกเธอทุกคนได้หรือคะ? คุณกับท่านประธานฮอดกินส์ก็เหมือนกันแหละค่ะ เมื่อก่อนท่านประธานฮอดกินส์เองก็เคยมาหาฉันที่โรงพยาบาลตอนที่ฉันรักษาตัวอยู่ เขาเมาเพื่อลืมเรื่องเศร้า ๆ ของเขาแล้วก็พูดไม่หยุดเลยค่ะ คุณไม่เคยทำอะไรแบบนี้บ้างหรือคะ? ถึงคุณจะทิ้งความเป็นไปได้ที่คุณอาจจะถูกหลอกโดยคน ๆ นั้น แต่ถ้าคุณยังคิดจะทำอะไรสักอย่าง…”

                คำพูดของไวโอเล็ตไม่อ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย

                เบเนดิกต์

                แต่ว่าเธอก็พยายามคิด คิด และคิดเท่าที่เธอจะสามารถทำได้

                เบเนดิกต์ คุณต้องการคนช่วยหนุนหลังไหมคะ?              

                ณ ตอนนี้ เธอพยายามจะทำทุกอย่างเท่าที่เธอทำได้

                ฉันไม่รู้ว่าฉันเป็นเพื่อนของคุณหรือเปล่า ลักซ์ก็ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนของฉัน แคทลียาก็เรียกฉันว่าเพื่อนเหมือนกันค่ะ เบเนดิกต์ ฉันไม่รู้เรื่องของคุณเลย เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันเยอะก็จริง แต่กระทั่งตอนนี้ ฉันก็ไม่มั่นใจว่าฉันควรให้คำจำกัดความกับคนอื่นว่ายังไงดี สำหรับฉัน คนที่บอกฉันว่าเป็นเพื่อนของพวกเขา พวกเขาก็เป็นเพื่อนของฉันเหมือนกันค่ะ

                สิ่งที่คั่นกลางระหว่างพวกเขาทั้งสองคนนั้นคือเวลาที่พวกเขาใช้มันร่วมกันเท่านั้น นับตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาเจอกันจนถึงตอนนี้ พวกเขาได้สร้างความสัมพันธ์ขึ้นมาจากความไว้เนื้อเชื่อใจ

                นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า สำหรับฉัน ถึงคุณจะไม่ใช่เพื่อนของฉัน แต่ถ้ามีอะไรทำให้คุณไม่สบายใจ…”

                เฉกเช่นเดียวกับความเอาใจใส่ระหว่างเบเนดิกต์และน้องสาวของเขาที่ถูกลืมไป มันเป็นอะไรสักอย่างที่แสนมีค่า

                ไม่สิ ไม่ว่านิยามความสัมพันธ์ของเราคืออะไร ฉัน ฉัน ถ้าหากมีอะไรที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้ และถ้าหาก เป็นศัตรูที่ฉันควรต่อสู้ด้วย…”

                ถึงเขาจะไม่มีอดีต แต่เขาก็มีปัจจุบัน

                “…ฉันก็จะสู้ด้วยทุกอย่างที่ฉันมีค่ะ

                เขามีเพื่อนที่มีชื่อว่าไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดน

                ภายใต้ท้องฟ้าที่มืดสลัว คู่หูหนุ่มสาวได้เปิดเผยความรู้สึกของกันและกันและได้ทำการตัดสินใจ

     

     



     

                ฮูก ฮูก ฮูก เสียงร้องต่ำ ๆ ของนกที่ร้องอยู่ที่ไหนสักแห่งชวนให้รู้สึกขนลุก

                ราตรีของลอนทาโน่นั้นเหมือนกับเมืองที่ไร้ซึ่งกลางคืนไม่มีผิด แม้จะดึกสงัด แต่แสงไฟในบาร์ก็ไม่ยอมดับลงแม้แต่ดวงเดียว มันเป็นบาร์ที่ช่างสุกสกาวซึ่งดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้อย่างง่ายดาย ยังไม่รวมไปถึงเครื่องดื่มคุณภาพดีเยี่ยม และเหล่าหญิงงามที่ถึงแม้ผู้ชายที่เข้ามาใช้บริการจะนอนหลับไปแล้วแต่พวกหล่อนก็ไม่สามารถหลับได้

                มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากบาร์ที่ยังคงเปิดไฟสว่างไปทั่วทั้งร้าน เธอสวมเสื้อเทรนช์โค้ทสีดำที่แทบจะกลืนไปกับความมืด เธอเป็นสาวผมบลอนด์ที่สวยและมีเสน่ห์ชวนมองมากทีเดียว

                เธอจะไปไหน?ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าทางเข้าบาร์และมีหน้าตาดุดันเอ่ยถามเธอ

                หญิงสาวโชว์กล่องบุหรี่ที่ว่างเปล่าซึ่งเป็นของลูกค้าประจำของบาร์ให้ดู สูบบุหรี่

                ผู้หญิงทุกคนที่ทำงานในบาร์จะต้องรายงานทุกอย่างที่พวกเธอทำ ร่างกายของพวกเธอเป็นสินค้าของพวกเขา แต่เป็นสินค้าที่สามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบไม่เหมือนกับสินค้าอื่น ๆ ทั่วไป

                หากพวกเธอหายตัวไป ก็จะไม่มีการพูดคุยดี ๆ กันอีก

                ฉันถูกสั่งให้ไปซื้อบุหรี่มาเพิ่ม และร้านลินดาก็ยังเปิดอยู่ ถ้าคุณไม่รีบปล่อยฉัน คุณจะถูกดุเอาได้นะ

                เธอตั้งใจที่จะไม่แสดงอาการลุกลี้ลุกลน แต่ตัวของเธอกำลังสั่นอยู่ใต้เสื้อเทรนช์โค้ช ชายคนนั้นมองมาที่เธอตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่วางตา

                มันมืดแล้ว เธอจะเดินไปไหนมาไหนเหมือนตอนกลางวันไม่ได้หรอก ฉันจะไปด้วย

                ฉันอยากสูบบุหรี่ข้างนอกอีกสักหน่อยก่อน

                “นี่เธอไม่ได้วางแผนจะหนีไปไหนอีกใช่ไหม? ครั้งที่แล้วเธอก็เกือบถูกฆ่าเลยไม่ใช่หรือไง? ถ้าเธอยังไม่สำนึกก็คงโง่น่าดู จนกว่าเธอจะจ่ายหนี้ที่เหลือทั้งหมด เธอก็จะยังเป็นปศุสัตว์ของเราอยู่

                ริมฝีปากของเธอสั่นระริกเมื่อถูกเรียกว่า ปศุสัตว์” “มันไม่ใช่หนี้ของฉัน

                ของคนรักเธอใช่ไหมล่ะ? คนที่ขายผู้หญิงที่มาจากทวีปที่ตัวเองไม่เคยย่างกรายเข้าไปเลยด้วยซ้ำนี่คงชั่วสุด ๆ เลย

                “ฉันไม่สนใจหมอนั่นอีกแล้ว

                “ถึงเขาไม่มาหาเธออีกแล้ว เธอก็จะหาเรื่องใส่ตัวตัวเองอยู่ดีนั่นล่ะ ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้หนี้เท่านั้น เลิกคิดทำอะไรโง่ ๆ ซะพวกเราก็ไม่อยากจะตบตีผู้หญิงหรอกนะ

                หญิงสาวยื่นกล่องบุหรี่ที่ว่างเปล่าให้เขาราวกับต้องการยกให้ ฉันถูกสั่งให้ไปซื้อบุหรี่จริง ๆ ถ้าคุณคิดว่าฉันโกหกก็เข้าไปถามด้านในได้เลย แต่ถ้าคุณเชื่อฉัน คุณจะมากับฉันก็ได้ หลังจากนั้นฉันจะสูดอากาศข้างนอกอีกสักหน่อยแล้วค่อยเข้าไป คุณไม่ต้องกังวลว่าฉันจะหนีไปไหนหรอก เราตกลงกันแล้วนี่ ไม่ใช่หรือไง?

                ชายคนนั้นเดาะลิ้นเมื่อได้ยินเมื่อได้ยินคำพูดวัดใจนั่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมทำตามแต่โดยดี เขาขอให้พนักงานอีกคนหนึ่งทำหน้าที่แทนเขาและทำข้อตกลงกัน

                ถ้าคุณไปนานเกินไปล่ะก็…”

                หญิงสาวรอให้ผู้ชายสองคนคุยกันด้วยความตึงเครียดเล็กน้อย เมื่อคุยเสร็จพวกเขาก็เดินไปตามถนนที่ปูด้วยหินซึ่งส่องสว่างด้วยแสงไฟจากถนน

                หญิงสาวแอบมองชายหนุ่ม เธอทำงานที่นี่ก็เพราะถูกขายโดยผู้ชายคนหนึ่งที่เธอเคยรักมาก แต่เธอเองก็สงสัยว่าผู้ชายคนนี้อาจจะทำงานที่นี่ด้วยเหตุผลบางอย่างเหมือนกัน แต่เธออาจจะคิดผิดก็เป็นได้

                แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่เธอก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมาเห็นใจใครได้ ถ้าเธอต้องการเป็นอิสระจากสถานะที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็อย่างที่เขาพูด เธอคงต้องยอมเปิดเผยเรื่องที่ตัวเธอเคยทำไว้

                หนาวจังนะ คุณไม่หนาวหรือไง?

                และเธอต้องทำด้วยตัวเธอเอง ถึงแม้ว่าเธอจะถูกคาดหวังจากคนที่เคยให้ความช่วยเหลือเธอก็ตาม แต่เพราะเธอเป็นคนคิดแผนด้วยตัวเอง เธอจึงมีสิทธิ์ขาดในเรื่องนั้น

                ไฟจากร้านขายบุหรี่ยังเปิดอยู่ เดินอีกแค่นิดเดียวพวกเขาก็จะถึงแล้ว

                ––พระเจ้า ได้โปรด ได้โปรด ได้โปรดช่วยเธอที

                เธอสูบบุหรี่ได้แค่มวนเดียวเท่านั้น แล้วเราจะกลับไปทันทีที่เธอสูบเสร็จ

                ––ช่วยเธอ ช่วยเธอ ช่วยเธอที!

                เหตุผลที่หญิงสาวหลับตาแน่นก็เพราะเธออยากจะส่งความปรารถนาของเธอไปให้พระเจ้าที่อยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่ถึงแม้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้น เธอก็จะหลับตาลงอยู่ดี

                นั่นเป็นเพราะว่ามีใครคนหนึ่งที่วิ่งมาจากในตรอกแทบจะทันทีและกระซิบ โย่ จุดนัดพบของเราคือตรงนี้ใช่ไหม?

                เพราะว่าคนที่พูดนั้นเตี้ยกว่าชายคนนั้นจึงทำให้ลูกเตะของเขาโดนเข้าที่ส่วนล่างของร่างกาย จากนั้นคน ๆ นั้นก็ใช้มือปิดปากของชายคนนั้นทันที และเมื่อเธอรู้ว่าคน ๆ นั้นใช้กำลังปิดปากไม่ให้ชายคนนั้นส่งเสียงร้องออกมาสักแอะเดียว เธอก็เอ่ย ดะ ได้โปรด! เขาไม่ใช่คนไม่ดีหรอกนะ!”

                ก่อนหน้านี้เธอยังไม่มีความรู้สึกเห็นใจใครอยู่เลย แต่พอเห็นสิ่งที่น่ากลัวเกิดขึ้นกับเขา ความรู้สึกนั่นก็ออกมาจากส่วนลึกในจิตใจ อาจเป็นเพราะเขาได้ยินคำขอร้องของเธอ ชายหนุ่มที่กระทำการอย่างรุนแรงคนนั้นก็จับมือของเธอและหายเข้าไปในตรอกที่เขาปรากฎตัวออกมาอย่างรวดเร็ว

                ผมสีทองของชายที่วิ่งอยู่หน้าเธอนั้นยังคงส่องสว่างระยิบระยับถึงแม้จะเป็นเวลากลางคืนที่ซึ่งไม่มีแสงไฟในตรอกเลยแม้แต่น้อย ไม่เหมือนกับวิกของเธอ มันเป็นผมสีบลอนด์ทรายของจริง

                พะ พี่ชายหญิงสาวเรียกชายที่วิ่งอยู่ตรงหน้าเธอด้วยน้ำเสียงที่ปลื้มปิติ

                แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับมานั้นเหมือนถูกยิงด้วยกระสุนไม่มีผิด พอเถอะ มันน่าขยะแขยงในขณะที่วิ่งอยู่นั้น – เบเนดิกต์ บลู – ก็จิ๊ปาก เมื่อเห็นหญิงสาววิ่งช้าลง เขาก็ดึงเธอให้วิ่งตามมาอย่างกระโชกโฮกฮาก

                รองเท้าส้นสูงหลุดออกจากเท้าของหญิงสาว เธอสวมมันก็เพราะมันทำให้เรียวขาของเธอนั้นดูยั่วยวนและเอาใจผู้ชายง่ายกว่า มันไม่เหมาะกับการวิ่งเลยสักนิด

                รองเท้าฉันหลุด!”

                เอาอีกข้างออกด้วยสิ!”

                เมื่อถูกตะโกนใส่ หญิงสาวจึงถอดอีกข้างออกตามที่บอกและร้องไห้ มันเป็นรองเท้าสีเงินแวววาวที่เธอชอบ แต่ในตอนนี้ เธอไม่ต้องการความสวยงามอีกแล้ว เธอเริ่มออกวิ่งอีกครั้งด้วยแรงที่เธอมี

                นะ นี่ ทะ ทำไมพี่ถึงเย็นชานักล่ะ? พี่จะช่วยฉันไม่ใช่หรอ? ฉันเป็นน้องสาวพี่นะ

                เมื่อได้ยินคำถามที่ต้องการเหนี่ยวรั้งสถานะไว้นั่นออกมา เบเนดิกต์ก็เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงผิดหวัง อ่า เรื่องนั้น ฉันเข้าใจผิดเองแหละ

                เมื่อถอดรองเท้าออกแล้วเธอก็วิ่งเร็วขึ้น จนกระทั่งเร็วเทียบเท่ากับคนที่ดึงแขนเธอ เอ๋?เสียงของเธอกลับไปเป็นเสียงเดิมแทนที่จะเป็นเสียงที่เธอปลอมมันขึ้นมา

                ฉันคิดว่าฉันเคยเห็นเธอที่ไหนมาก่อน แต่เพื่อนร่วมงานของฉันให้ฉันลองนึกย้อนความทรงจำของฉันดู และพอฉันพยายามทำแบบนั้นฉันก็เลยจำเธอได้ ฉันรู้จักเธอ แต่เธอไม่ใช่น้องสาวของฉัน

                เงียบกริบ

                เธอคือคนที่ถอดเสื้อผ้าและก็ของทุกอย่างบนตัวฉันและก็ทิ้งฉันไว้ในทะเลทรายอินการ์รูซีใช่ไหม?

                ยังคงเงียบกริบ

                ฉันจำได้แค่ว่าฉันนอนอยู่กับผู้หญิงหน้าตาสวย ๆ คนหนึ่ง แต่ฉันจำหน้าเธอไม่ได้ แต่ฉันจำได้ว่าผมสีบลอนด์ที่ดูปลอมนี่ตอนที่ฉันลูบมันมันพันนิ้วฉันใหญ่เลย มันเป็นสิ่งเดียวที่ฉันจำได้ ตอนนั้นฉันเมาหนักเลยใช่ไหม? ฉันจำได้ว่าฉันได้เงินรางวัลมาก้อนใหญ่เลยล่ะ ฉันเดาว่าฉันคงเอาไปอวดทุกคนหมดเลยสินะ

                หญิงสาวพยายามจะหยุดวิ่ง แต่เบเนดิกต์ก็ดึงให้เธอวิ่งตามมาด้วยการใช้กำลัง

                อย่าหยุดสิ! วิ่ง!”

                “ฉันไม่อยากนี่! อย่าบอกนะว่านายจะให้ฉันเป็นเมียนายน่ะ!? ฉันไม่อยากเป็นของใครอีกแล้ว! ฉันเกลียดผู้ชาย! ฉันไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการถูกหลอกใช้โดยใครอีก! ฉันอยากกลับบ้านเกิดของฉัน!”          ดวงตาของหญิงสาวเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา แต่เบเนดิกต์ไม่ใช่ผู้ชายที่จะหลงไปกับสิ่งนั้น เขาจับที่คอเสื้อของเดรสของหญิงสาว และหลังจากที่เขาหันหัวกลับมาด้านหลัง เขาก็ใช้หัวโขกเข้าที่หัวของเธอทันที

                ทั้งสองโอดโอยด้วยความเจ็บปวด

                เพราะแบบนั้นฉันถึงบอกไงว่าฉันจะพาเธอกลับไปด้วย! ใครจะอยากได้คนแบบเธอกันฮะยัยบ้า!? ฉันไม่ได้ให้อภัยเธอหรอกนะจะบอกให้! ถ้าฉันไม่ถูกคนดี ๆ พาไปด้วยฉันคงจะฆ่าเธอไปตั้งนานแล้ว!”

                ถ้านายรู้แล้วว่าฉันโกหกแล้วทำไม…!?ฉันแกล้งเป็นน้องสาวนายและขอให้นายช่วยให้ฉันเป็นอิสระเลยนะ!?

                ฉันเพิ่งบอกไปไม่ใช่หรือไง!? เพราะว่าเธอทิ้งฉันไว้ในทะเลทราย ฉันก็เลยกลายเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกไปเลย! ถ้าฉันไม่เจอคน ๆ นั้น ตอนนี้ฉันก็คงยังไม่มีชื่อและก็คงจะนอนอยู่กับผู้หญิงที่ไหนสักที่แล้วก็ตื่นขึ้นมาตัวเปล่าแบบนั้นอีก! มันเป็นเพราะว่าฉันมีโชคมากพอที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่จากจุดที่ถูกยัยคนเจ้าเล่ห์แบบเธอทิ้งไง! มันเกือบจะเป็นแบบเดิมเพราะเธอเกือบหลอกฉันสำเร็จ แต่ฉันก็รู้สึกว่าต้องช่วยเธอให้ได้อยู่ดี! โอเคไหม?! ฉันเกลียดเธอ เพราะงั้นจำใส่หัวไว้ซะ! เมื่อฉันช่วยเธอสำเร็จแล้ว อยู่บนถนนตอนกลางคืนแบบนี้ก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน!”

                เมื่อพูดคำหยาบคายด้วยคำว่า ยัยบ้าเบเนดิกต์ก็บังคับให้หญิงสาววิ่ง หญิงสาวไม่สามารถเชื่อคำพูดเหล่านั้นได้เลยแม้กระทั่งตอนนี้ เธอเล่าเรื่องส่วนตัวของเธอให้คนที่นอนกับเธอมากมายและพยายามขอความช่วยเหลือจากพวกเขา แต่ก็ไม่มีใครช่วยเธอเลย

                สายตาเธอบอกว่าเธอกำลังย่ำแย่น่ะ ฉันเองก็เหมือนกัน

                ไม่มีใครช่วยเธอเลย

                ฉันความจำเสื่อม ฉันเคยมีน้องสาวแต่ว่าฉันจำเธอไม่ได้แล้ว

                ไม่มีใครช่วยเธอเลย

                นี่ ผมเธอทำให้ฉันนึกถึงน้องสาวของฉันเลยนะ ขอฉันลูบหน่อยได้ไหม?

                ไม่มีใครช่วยเธอเลย

                ถ้าเธออยู่จนถึงพรุ่งนี้เช้าฉันจะจ่ายให้มากกว่าเดิม เพราะงั้นอยู่ต่อเถอะ ผ่านมานานแล้วเหมือนกันนะที่ฉันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวน่ะ

                ไม่มีใครช่วยเธอเลย เพราะแบบนั้นเธอจึงคิดว่าคงไม่เป็นไรถ้าเธอจะหลอกใช้ใครสักคน

                น้ำตาของเธอไหลออกมาไม่หยุด มันไหลออกมาราวกับต้องการปิดปากและจมูกของเธอ เธอหายใจแทบไม่ออก แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ต้องพูดมันออกมา

                ฉันขอโทษ!” หญิงสาวขอโทษเบเนดิกต์ในขณะที่สะอึกสะอื้น

                หา!?

                “ฉันขอโทษที่โกหกนาย! ฉันขอโทษที่หลอกนายตั้งสองครั้ง!”

                หุบปาก! ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าฉันจะไม่มีวันให้อภัยเธอน่ะ!? ทั้งสองครั้งนั่นแหละ! ฉันจะไม่ให้อภัยเธอตลอดทั้งชีวิตฉันเลย!”

                “แต่––แต่ ฉันขอโทษ! ขอโทษที่แกล้งเป็นน้องสาวนาย!”

                ระหว่างที่กำลังวิ่งผ่านตรอกนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนลั่นดังขึ้นมาจากด้านหลัง คนที่คอยจับตาดูเธอ – ซึ่งเป็นสินค้าของเขา – คงกำลังไล่ตามพวกเขาทั้งสองคนอยู่ เบเนดิกต์เหลือบมองไปด้านหลังแต่ก็ยังไม่ยอมหยุดวิ่งแม้แต่น้อย

                พวกเขามาตามล่าเรา!”

                เบเนดิกต์ตอบหญิงสาวด้วยการตะโกนว่า หุบปาก!” อย่างง่ายดายเหมือนกับการหายใจก็ไม่ปาน

                กระสุนผ่านเท้าและด้านของพวกเขา แต่การยิงที่แสนรุนแรงนั่นก็ค่อย ๆ ลดลงเมื่อพวกเขาวิ่งผ่านตรอก เบเนดิกต์ยิงผ่านไหล่ของเขาเป็นการโต้กลับ แต่ไม่ได้ตั้งใจให้โดนคนอื่นแต่อย่างใด

                เมื่อพวกเขาวิ่งมาถึงสุดดรอก เบเนดิกต์เตะฝาตะแกรงที่เปิดไว้ครึ่งหนึ่งออก ทีนี้ ลงไปซะ!” เขาเตะหญิงสาวลงไปในนั้น เขาไม่ได้ยินเสียงเธอร้อง แต่ได้ยินเสียงตะกุยตะกาย เขาจึงรู้ว่าทางข้างล่างคงไม่ลึกนัก ก่อนที่เขาจะกระโดดลงไปเขาก็มองไปที่อีกทางหนึ่ง วี…”

                สิ่งที่อยู่นอกสายตาของเขาคือเพื่อนของเขาที่ซึ่งสัญญากับเขาว่าจะโจมตีศัตรูของเขาทุกคนด้วยพลังทั้งหมดที่เธอมีในฐานะตัวล่อ

     

     



     

                เธออยู่บนยอดต้นไม้ที่อยู่ห่างไกลจากตำแหน่งที่เบเนดิกต์และผู้หญิงคนนั้นอยู่ ไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดนซึ่งกำลังซุ่มยิงกลุ่มที่ไล่ตามพวกเขาอยู่นั้นเล็งเป้าทันทีเมื่อเธอยืนยันได้แล้วว่าเสียงปืนมาจากคนกลุ่มนั้น เธอเล็งไปที่ปืนในมือของพวกเขาและเหนี่ยวไก วิถีโค้งของลูกกระสุนที่แสนสมบูรณ์แบบแล่นผ่านด้านข้างเบเนดิกต์และผู้หญิงคนนั้นเพื่อขัดขวางคนเหล่านั้น

                เมื่อเขาเพิ่งตระหนักได้ว่าปืนของเขาถูกยิงกระเด็นออกไปด้วยใครสักคนหนึ่ง ชายคนนั้นที่เพิ่งยิงปืนนัดแรกออกไปนั้นจึงร้องออกมาด้วยความตกใจ ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย!?

                ในตอนที่เขากำลังตกใจอยู่นั้น สไนเปอร์ที่พรางตัวอยู่นั้นก็เริ่มยิงต่อ คนในกลุ่มนั้นพยายามเล็งและยิงไปที่หลังของหญิงสาวที่เพิ่งร่วงลงไป แต่อาวุธของเขาก็ถูกทำลายเสียก่อนที่เขาจะได้ยิงเสียอีก แต่ถึงแม้ว่าเขาจะถูกโจมตี เขาก็สามารถป้องกันตัวเองได้อย่างง่ายดาย

                อย่ายิงพร่ำเพื่อสิวะ! เราถูกเล็งอยู่นะโว้ย!” มีใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา ในคืนที่มืดสนิทในตรอกแบบนี้ ความตื่นตระหนกจากการที่มีใครสักคนกำลังลอบยิงอาวุธของพวกเขาอย่างแม่นยำแบบนี้ทำให้เหล่าชายฉกรรจ์เริ่มตื่นกลัว

                ไปให้พ้นนะโว้ยยยย!”

                ผู้ที่เป็นตำนานของสนามรบซึ่งไม่ได้เป็นที่รู้จักสำหรับคนที่อาศัยอยู่ในเมืองที่ปฏิบัติกับผู้หญิงราวกับอาหารนั้นทำให้พวกเขาแทบบ้า พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและยิงออกไปมั่ว ๆ มีกระสุนแล่นผ่านมาทางไวโอเล็ตเช่นกัน แต่มันไม่โดนตัวเธอเท่าไหร่นัก

                ปืนมีสิ่งที่เรียกว่า ระยะที่สามารถยิงได้อยู่ ซึ่งปืนที่พวกเหล่าชายฉกรรจ์ใช้นั้นไม่เหมาะกับการยิงระยะไกล และมันก็ยังขึ้นอยู่กับทักษะในการใช้ปืนของแต่ละคนอีกด้วย ดังนั้นความแตกต่างของระยะทางในการยิงก็เกิดขึ้นได้ถึงแม้จะใช้ปืนแบบเดียวกันก็ตาม

                ไวโอเล็ตเล็งเป้าหมายด้วยปืนไรเฟิลยิงระยะไกลที่เธอเรียนมาจากกองทัพจากบนต้นไม้ที่ซึ่งผู้ชายเหล่านั้นไม่มีทางมองเห็น ล็อคเป้า ยิง

                เสียงของปืนดังขึ้น

                จากที่ที่ห่างไกล เธอสามารถมองเห็นปืนของคน ๆ หนึ่งร่วงลงจากมือของเขา ยิงเธอขยับตัวด้วยความเร็วและเงียบเชียบราวกับกำลังทำงานที่แสนง่ายดาย ล็อคเป้า, ยิง

                มันก็คงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่หากใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดเพราะผลกระทบจากแรงยิง

                ยิง

                แต่ใบหน้าของไวโอเล็ตกลับไร้ซึ่งอารมณ์แต่อย่างใด

                ยิง

                ท้ายที่สุดเมื่อทุกอย่างเงียบลง ในขณะที่พยายามหายใจเข้าลึก ๆ นั้น ไวโอเล็ตก็หยุดยิงและกระโดดลงมาที่รากของต้นไม้ ดูเหมือนว่าปืนยิงระยะไกลที่เธอนำมาด้วยซึ่งเป็นปืนที่เธอเพิ่งซื้อมาด้วยเงินเดือนของเธอเมื่อเร็ว ๆ นี้จะทำงานได้อย่างน่าพึงพอใจสำหรับเธอมาก

                เมื่อเธอทำหน้าที่ คนหนุนหลังสำเร็จลุล่วง เธอก็ออกมาจากจุดนั้นทันที

     

     



     

                การยิงปะทะที่เกิดขึ้นในเมืองลอนทาโน่ในชั่วข้ามคืนนั้นได้กลายเป็นเหตุการณ์ที่ใหญ่กว่าที่เบเนดิกต์และอีกคนคิดไว้มาก และใหญ่เสียจนที่สารวัตรทหารถูกส่งมาเลยทีเดียว ถึงขนาดที่ว่าคนอื่น ๆ นอกเหนือจากหญิงสาวที่อยู่เบื้องหลังข่าวอื้อฉาวนั่นเกิดความสับสนอลเวงอย่างยิ่งและแอบหลบหนีไปจากเมือง แต่เบเนดิกต์กับไวโอเล็ตไม่ได้รู้เรื่องนั้นแต่อย่างใด

                ผ่านไปแล้วสองสามชั่วโมงนับตั้งแต่การหลบหนีที่แสนยากลำบากนั่นสำเร็จลุล่วง

                โอ๊ย!”

                เงียบซะ! รีบ ๆ ใส่สักทีสิ!” ในตอนที่รุ่งอรุณกำลังโผล่พ้นขึ้นมานั้น เบเนดิกต์โยนรองเท้าที่เขาสวมอยู่นั้นใส่หน้าของหญิงสาว

                หญิงสาวสวมรองเท้าในขณะที่กำลังบ่นเขาที่เหวี่ยงรองเท้าใส่เธอ เธอวิ่งตลอดทั้งคืนและพยายามจะสลัดคนที่ไล่ตามเธอกับเบเนดิกต์จึงทำให้เท้าของเธอได้รับบาดเจ็บและชุ่มไปด้วยเลือด เธอรู้สึกเจ็บ แต่ความรู้สึกดีใจที่เธอสามารถหลบหนีออกมาได้นั้นทำให้เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอเลยสักนิด และยิ่งไปกว่านั้น ในตอนที่เธอสวมรองเท้าของเบเนดิกต์ ถึงแม้ว่ามันจะใหญ่เกินไปแต่มันก็เดินได้ง่ายกว่ามากเมื่อเทียบกับตอนที่เธอไม่ได้สวมอะไรเลย

                เบเนดิกต์กลายเป็นคนเท้าเปลือยเสียแทน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล เสื้อผ้าของเขาถูกฉีกจนขาดรุ่งริ่งไปหมด

                นี่ ทำไมหรอ?

                “เงียบน่า เลิกถามสักที

                “แต่ฉันก็แค่ สงสัยเท่านั้นเองว่าทำไมนี่นา เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีใครยอมช่วยฉันออกมาเลยสักคน มันเลยเป็นเรื่องที่แปลกสำหรับฉันมากเลยนะ

                เมื่อได้ยินคำพูดนั่น ใบหน้าของคลอเดีย ฮอดกินส์ก็ปรากฏขึ้นในใจของเบเนดิกต์ เขาผู้ซึ่งเป็นนายจ้างและผู้มีพระคุณที่แสนดีของเขา เขาคนนั้นเองก็ให้เสื้อผ้าและรองเท้ากับเขาตอนที่เขาเปลือยอยู่เหมือนกัน

                ––ตอนนั้นเขาเองก็คงเอาแต่ถามว่าทำไมเหมือนกันสินะ

                คนที่ไม่เคยได้รับการปฏิบัติที่ดีคงจะคิดว่าความรักแบบไม่มีเงื่อนไขนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรสักอย่างที่น่ากลัว พวกเขาต่างก็เชื่อว่าทุกอย่างที่คนเหล่านั้นนำมาให้พวกเขานั้นมีแต่คำสบประมาทและการดูถูกเหยียดหยามเท่านั้น

                ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่หรือไง? มันเป็นเพราะว่าฉันถูกคนที่ดีมาก ๆ พาไปด้วย เพราะแบบนั้นนั่นแหละเขาเหยียดยิ้มเล็ก ๆ

                เบเนดิกต์

                ชื่อของเขาถูกเรียกจากด้านหลัง เบเนดิกต์จึงหันหลังไปมอง

                ไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เด็นผู้ซึ่งร่วมสมคบคิดแผนกับเขาในวันนั้นถือตั๋วไว้ในมือสำหรับตั๋วรถไฟเที่ยวแรกของตอนเช้าที่กำลังจะออกเดินทางโดยที่ยังมีใบไม้ติดอยู่ตรงศีรษะเธออยู่ รับตั๋วนี้ไปด้วยนะคะพร้อมกับตั๋วนั้น เธอได้ให้ถุงที่เต็มไปด้วยขนมปังอบสดใหม่ที่เธอน่าจะซื้อมาจากร้านแถวนั้นด้วย

                หญิงสาวมองขนมปังสลับกับไวโอเล็ต พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มเอ่อในดวงตาของเธอ ขอบคุณนะ

                “ไม่มีปัญหาค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ…”

                เธอแทบไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยแท้ ๆ…. ขอบคุณมากจริงๆนะ

                ไม่หรอกค่ะ ที่จริงมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเลย ฉันเป็นแค่ คนหนุนหลัง เขาเท่านั้นแหละค่ะ

                เมื่อได้ยินเช่นนั้น เบเนดิกต์ก็หัวเราะดังลั่น ในตอนที่เธอพูดเรื่องคนหนุนหลังเขา เขาเข้าใจว่าความหมายแฝงของมันคือการยื่นมือเข้ามาช่วยเท่านั้น เขาไม่คิดจริง ๆ ว่าเธอจะเอาไปใช้ในสถานการณ์จริงด้วย

                เพราะไวโอเล็ตและเบเนดิกต์เป็นคนเดียวที่รู้ความหมายของคำนั้น หญิงสาวจึงเอียงคอเล็กน้อย เบเนดิกต์ นายก็ด้วยเหมือนกันนะ

                เรียกว่า คุณ สิ

                คุณเบเนดิกต์ คุณด้วย ขอบคุณมากนะ…!”

                ย้ำอีกครั้ง อยู่บนถนนตอนกลางคืนก็ระวังตัวด้วยล่ะเบเนดิกต์บอกพร้อมกับทำเสียงขู่ด้วย

                อะ อะแฮ่ม! คุณเบเนดิกต์บางทีอาจเป็นเพราะเธอมีบางสิ่งที่อยากจะพูด เมื่อเบเนดิกต์หันกลับมามอง เธอก็ยิ้ม ผมสีบลอนด์ของเธอพัดไปตามลมในยามเช้า ฉันเองก็มีพี่ชายเหมือนกัน ฉันไม่ได้เจอเขามาหลายปีแล้ว เพราะงั้นฉันก็เลยจำเขาไม่ได้ แต่ตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันเองก็เคยเรียกเขาว่า พี่ชายเหมือนกัน แต่ตอนที่ฉันเรียกคุณฉันไม่มีความรู้สึกพวกนั้นอยู่หรอกนะ

                แล้วไง?

                “ถ้าฉันเป็นน้องสาวคุณ ฉันจะตามหาคนทั้งโลกเพื่อตามหาพี่ชายแบบคุณให้เจอให้ได้!”

                แต่เธอไม่ใช่หล่อนสักหน่อย

                ฉันไม่ใช่หรอก! แต่สักวันหนึ่ง สักวันหนึ่งแน่ ๆ––!”

                วันหนึ่ง คุณจะหาเธอเจอ หญิงสาวยิ้มบาง ๆ

                ในตอนนั้น ดวงตาสีฟ้าใสของเบเนดิกต์เบิกกว้าง ความรู้สึกแปลกๆที่อธิบายไม่ได้แล่นผ่านไปทั่วทั้งร่างของเขา บางทีสิ่งที่เรียกว่าความทรงจำนั้นอาจส่งผ่านไม่ใช่แค่จิตใจของพวกเขา แต่ยังเป็นร่างกายของพวกเขาด้วย และเมื่อพวกเขาจำอะไรบางอย่างที่กระตุ้นสิ่งที่ถูกลืมไปได้แม้เพียงเล็กน้อย ความทรงจำเหล่านั้นก็อาจส่งผ่านมาทางความรู้สึกที่ชวนให้เสียวปลาบเหมือนกับกระแสไฟฟ้า

                หญิงสาวโบกมือ และยังคงยิ้มอยู่ แต่เขาบอกให้เธอเงียบไม่ได้เลย

                ยัย~โง่เสียงของเขาสั่น จากนั้นเบเนดิกต์จึงหมุนตัวและเริ่มเดิน

                ไวโอเล็ตเดินตามหลังเขามา

                ––อ่า เขา

                ทัศนียภาพของเขากำลังสั่น

                ––ทำไม? ทำไมเขาถึงคิดว่าเธอเป็นน้องสาวของเขาล่ะ?

                เขาคงบอกไม่ได้ละเอียดนัก แต่เธอไม่ใช่น้องสาวของเขาอย่างแน่นอน อย่างแรก ถึงแม้ว่าผมของพวกเธอทั้งคู่จะเป็นสีบลอนด์ แต่เฉดสีผมนั่นต่างกันอย่างสิ้นเชิง และถึงแม้ว่าน้องสาวของเขาจะมีหน้าตาสะสวยเหมือนกัน แต่เธอกับผู้หญิงคนนั้นก็มีนิสัยที่ต่างกันเกินไป

                เบเนดิกต์

                ใช่ น้องสาวของเขาไม่ได้สวยและดูยั่วยวนแบบนั้น แต่เธอมีลักษณะที่ดูโลเลเอาแน่เอานอนไม่ได้มากกว่า เธอมีน้ำเสียงและท่าทางที่สุภาพ และไม่ชอบแทนตัวคนอื่นว่า คุณ

                “เบเนดิกต์ รอเดี๋ยวค่ะ

                อันที่จริง เธอแทบไม่เคยเรียกเขาว่า พี่ชายและส่วนใหญ่มักจะเรียกเขาด้วยชื่อของเขามากกว่า เขาจำชื่อเขาไม่ได้หรอก แต่เขาจำได้ว่าเธอชอบเรียกมัน

                เบเนดิกต์ ถ้าคุณเดินแบบนั้นคุณจะสะดุดล้มเอาได้นะคะ

                ––อ่า นอกจากเรื่องทั้งหมดนอกจากเรื่องทั้งหมดนั่น

                เบเนดิกต์ คุณร้องไห้ทำไมคะ?

                นอกจากเรื่องทั้งหมดนั่น เขาเพิ่งจะจำน้องสาวของเขาได้เพราะรอยยิ้มของผู้หญิงที่มีอะไรกับเขาและส่งเขาลงนรก

     



     

     

                ตายจริง ยินดีต้อนรับกลับมานะ เพื่อนของฉันที่จำชื่อของตัวเองไม่ได้แล้ว

     



     

     

                ––เธอเป็นเด็กขี้แยและก็ขี้กลัว เธอมักจะหลบอยู่หลังเขาและเดินเตาะแตะตามเขาเสมอ เขาชอบมากที่สุดในตอนที่เธอเห็นเขาและก็จะวิ่งมาหาเขาในทันที นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาจงใจทำให้เธอมองมาที่เขาในบางครั้ง ในตอนที่พวกเราอยู่ด้วยกันนั้นเป็นช่วงเวลาที่แสนมีความสุข นอกนั้นก็เหมือนอยู่ในนรกไม่มีผิด

             เขามีน้องสาว เธออยู่ตรงนั้นเสมอ นั่นเป็นเรื่องจริงแน่นอน

             ในความทรงจำที่ลึกที่สุดของเขา เธออยู่ข้าง ๆ เขา ในตอนที่เราตื่นขึ้นมานั้นอากาศหนาวมาก เราอยู่ในที่ที่เหมือนกับหอคอยหิน เธออยู่ใกล้ตัวเขามากที่สุด และกำลังตัวสั่นเช่นกัน พวกผู้ใหญ่ไม่ยอมให้ผ้าห่มเราสักผืน เพราะแบบนั้นเขาถึงเรียกให้เธอมาอยู่ใกล้ ๆ และกอดกัน ในตอนที่เขาถาม เธอคือใครนะ?ใบหน้าของเธอเหมือนคนที่กำลังจะร้องไห้ไม่มีผิด เธอเอ่ยตอบ อย่าลืมหนูสิ

             หลังจากนั้นเขาถูกบอกว่าเธอเป็นน้องสาวของเขา เพราะแบบนั้นเขาจึงคิดว่า นั่นสินะเธอบอกว่าเขามีอาการที่ไม่ค่อยดีนัก เขาเกือบตายเพราะอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ และเขาก็อยากตายเร็ว ๆ เพราะตัวตนของเขาสูญสิ้น และเขาจะถูกกำจัดหากเขาเกิดบ้าขึ้นมาอีกครั้ง เพราะแบบนั้นเธอจึงร้องไห้ และขอร้องให้เขามีสติ

             น้องสาวของเขาจำได้มากกว่าเขา ที่จริงเราไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่และมีครอบครัว แต่ผู้คนจะเริ่มลืมเรื่องต่าง ๆ ทีละนิดถ้าพวกเขายังอยู่ที่นั่น เมื่อเขาถามเธอว่าเธอมั่นใจหรือว่าเขาเป็นพี่ชายของเธอ เธอก็ตอบว่าเธอมั่นใจ เมื่อเขาถามย้ำว่า งั้นเธอรู้ได้ยังไงกันล่ะ?เธอร้องไห้ยิ่งกว่าเดิม หนูรู้สึกถึงความรักที่ยังคงหลงเหลือในตัวหนู เพราะงั้นหนูถึงรู้ว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันไงเธอมีนิสัยแปลก ๆ แต่เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาจึงคิดว่าเขาต้องปกป้องน้องสาวเขาให้ได้

             พวกผู้ใหญ่เรียกหอคอยว่า บ้านใน บ้าน หลังนี้ เด็กตัวเล็ก ๆ จะได้ไปทำงานของผู้ใหญ่ มันมีงานทุกประเภทเลยล่ะ ไม่ว่าจะส่งของหรือซ่อมแซมก็ตาม มันเป็นงานที่ทำให้คนตายได้ คนที่ทำงานเก่งก็จะได้สั่งงานต่าง ๆ ได้โดยตรง เขารู้สึกแทบบ้าในตอนที่เห็นงานเหล่านั้นกองพะเนินอยู่ ถ้าคุณทำงานไม่สำเร็จ น้องชาย น้องสาว พี่ชาย หรือพี่สาวของคุณ – สมาชิกครอบครัวของเรา – จะถูกฆ่า เพราะคนที่เรารู้จักและรักเราถูกจับเป็นตัวประกัน นั่นจึงทำให้ผู้คนเริ่มกลายเป็นบ้า

             บ้านหลังนี้ดูเหมือนหน่วยทหารเล็ก ๆ ไม่มีผิด เรามักจะย้ายไปที่ต่าง ๆ เสมอ จากที่พวกผู้ใหญ่พูด บ้านเป็นแค่ที่ทำมาหากินชั่วคราวเท่านั้น ตั้งแต่แรก พวกเขากำลังเตรียมสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่สามารถทนการต่อสู้ได้ทุกรูปแบบ มาลองคิดดูดี ๆ แล้ว พวกเขาเองก็ให้ยาและเครื่องหอมเพื่อทำให้เขาไม่ต้องหยุดพักด้วยเหตุผลบางอย่างเหมือนกัน

             น้องสาวของเขา, เขา และคนอื่น ๆ ซึ่งได้ลืมอะไรหลายอย่างไป ดูเหมือนจะเป็นตัวทดลองของทรัพยากรมนุษย์เหล่านั้น จากที่น้องสาวของเขาบอก ดูเหมือนในกลุ่มเด็ก ๆ เหล่านั้นเขาดูจะเป็นคนที่เหมาะกับงานมากที่สุด และดูเหมือนจะเป็นคนที่ได้รับยาเยอะที่สุดด้วย เพราะแบบนั้นอาการหลงลืมของเขาจึงค่อนข้างหนักกว่าคนอื่น

             หรือตั้งแต่เริ่มมนุษย์จะถูกสร้างขึ้นมาด้วยการหลงลืมทุกสิ่งนะ? แล้วพวกเขาจะกลายเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดได้หรือเปล่า? คำตอบอาจจะเป็นทั้ง ได้และ ไม่ได้ก็ได้

             แค่หยุดคิดเพียงครั้งเดียวพวกเราก็อาจกลายเป็นบ้าได้ และอาจจบลงด้วยการฆ่าตัวตายอย่างรวดเร็ว ทหารที่ไม่สามารถใช้งานได้นานก็จะกลายเป็นทหารที่ไร้ค่า เขาอาจจะเป็นบ้าไปแล้วก็ได้ แต่เขาต้องแกล้งทำตัวเป็นปกติเพื่อน้องสาวของเขา

             พวกผู้ใหญ่พูดว่าพวกเขาจะจ้างเราเมื่อพวกเราโตขึ้น จนกว่าจะถึงตอนนั้น พวกเราจะเป็นเพียงแค่ปศุสัตว์เท่านั้น

             ดูเหมือนเมื่อก่อนพวกผู้ใหญ่ที่คอยดูเราอยู่นั้นจะเคยเป็นเหมือนพวกเรา ที่นี่ไม่ได้มีแต่คนโง่เหรอ?เขาคิดแบบนั้น หลังจากที่โดนเรื่องโหดร้ายแบบนั้นพวกเขาไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยหรือไงกัน

             เขาตัดสินใจแล้ว หากพวกเรากลายเป็นผู้ใหญ่ที่ชั่วร้ายแบบนั้น เราน่าจะวิ่งหนีไปเสียดีกว่า น้องสาวของเขาร้องไห้ ถ้าเราพยายามจะหนี พวกผู้ใหญ่ต้องตามมาฆ่าเราอย่างแน่นอน

             ความรู้สึกที่อยากตายเกิดขึ้นในตัวเขาเสมอ ถ้าสุดท้ายเขาจะต้องตาย เขาก็อยากจะตายเพื่อน้องสาวของเขา ใครก็ตามที่ทำให้เธอไม่ต้องการจะทำแบบนั้น เขาอยากจะฆ่าพวกมันทั้งหมด

             เธอเป็นสิ่ง ๆ เดียวที่งดงามที่สุดในโลกที่แสนน่าสมเพชนี่ เขาไม่รู้หรอกว่าเธอเป็นน้องสาวของเขาจริง ๆ ไหม แต่ถึงแม้เราจะแค่มีสีผมและสีตาเหมือนกัน เธอก็เป็นทุก ๆ อย่างสำหรับเขา เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่เขาอยากจะปกป้องมากที่สุดในโลก ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นสิ่งเดียวที่เขามีอยู่ก็ตาม

             พี่ชายของเธอจะปกป้องเธอเอง …. โอเคไหม?

                ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นสิ่งเดียวที่เขามีอยู่แต่เขาคงจะล้มเหลวที่ไม่สามารถปล่อยให้เธอเป็นอิสระ

                น้ำตาไหลลงมาจากดวงตาของเบเนดิกต์

                เชี่ย…”

                น้ำตาที่ไหลออกมานั้นไหลออกมาไม่หยุด และท้ายที่สุดมันก็ร่วงหล่นลงสู่ผืนดินและหายไปโดยที่ไม่ได้บรรลุจุดประสงค์ใด ๆ มันไม่มีทางจะไหลย้อนกลับมา ไม่มีทางจะไหลย้อนกลับเข้าไปในตาที่ผลิตพวกมันออกมา เช่นเดียวกับคนสำคัญที่ซึ่งหายไปจากชีวิตของเบเนดิกต์ก็ไม่มีทางกลับมา

                ––ชีวิต แม่งเหี้ย

                ในความทรงจำของเขาที่เขาจับมือเธอท่ามกลางความมืดมิดและวิ่งหนี และท้ายที่สุดได้มองเรือจากก้นมหาสมุทรนั้น ถ้าหากน้องสาวของเขาอยู่บนเรือ แล้วเธอจะมีชีวิตรอดอยู่ได้ยังไงกัน? เรือนั่นได้พาเธอลอยไปเรื่อย ๆ จนเจอกับคนใจดีและพาเธอไปด้วยหรือเปล่า? น้องสาวของเขาจะมีชีวิตรอดหลังจากที่ลืมเขาและตัวเธอเองได้หรือเปล่า? เธอจะมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งภายใต้ท้องฟ้าเดียวกันถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเจอกันได้อีกหรือเปล่า?

                นั่นเป็นเพียงแค่ความเพ้อฝันเท่านั้น

                โลกใบนี้ดูเหมือนจะถูกเติบเต็มไปด้วยเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความสุข แต่แท้จริงมันมีอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้น เรื่องราวและชีวิตจริง ๆ นั้น

                ––เขาไม่ต้องการชีวิตแบบนั้น

                อย่างน้อยเบเนดิกต์ก็ได้ลิ้มรสชาติของน้ำทะเล มันเค็มเกินไปและก็ดื่มไม่ได้ มันยังคงเป็นเช่นนั้นแม้กระทั่งตอนนี้ หยดน้ำตาที่ร่วงหล่นลงมาบนแก้ม ไหลผ่านไปยังริมฝีปากของเขาและหยดลงบนคางนั้นมีรสชาติเหมือนน้ำทะเลไม่มีผิด อดีตของเบเนดิกต์ได้ไล่ตามเขาและบีบคอของเขาราวกับต้องการฆ่าเขาจากความเศร้า เขาอยากกรีดร้องและร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศก เขาเอ่ยถามออกมาว่า ทำไมล่ะ?

                ––จบมันตรงนี้เลยเสียเถอะ พระเจ้า ทำไมท่านถึงทำแบบนี้? จบมันตรงนี้เลย พระผู้เป็นเจ้า มันไม่มีทางรอดเหลืออยู่สำหรับเขาอีกแล้ว ได้โปรดช่วยเขาที จบมันตรงนี้เสียเลย พระเจ้า เขาหายใจไม่ออกเพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในอกของเขาเพราะความเศร้า เร็วเถอะ ตอนนี้เลย โปรดนำพาชีวิตนี้

                อย่าเป็นบ้าเลยนะ อย่าตายนะ เธอขอร้องกับเขา

                ––สู่ความตาย…!

                และเขาก็ได้เลือกความตาย และแน่นอนว่าน้องสายของเขาก็ได้ตายไปนานแล้ว

                เขาได้พยายามหลีกหนีจากความเป็นจริงนี้มาตลอด เขาแค่ลืมมันไปเท่านั้น การที่เขาขอให้ตนเองไม่ตายในทะเลทรายและคิดถึงเรื่องการกินขนมปังกับใครสักคนนั้นช่วยปิดกั้นตัวเขาจากจินตนาการ เขาเป็นแค่คนหลอกลวงที่แกล้งทำเป็นคนที่มีสติสมบูรณ์และรอดชีวิตมาได้เท่านั้น ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในอดีต ตัวตนที่แท้จริงของเขาก็ปรารถนาที่จะตายตั้งนานแล้ว มันเป็นความผิดของเขาที่ยังมีชีวิตอยู่และต้องการตอบแทนใครบางคน เขาตั้งใจจะลืมในสิ่งที่ไม่ควรลืมเพราะว่าการทำแบบนั้นมันง่ายกว่าที่จะจำ

                ความเจ็บปวดกับความง่ายดาย หากแยกสองสิ่งนี้ออกจากกันนั้น แน่นอนว่าเขาย่อมเลือกความง่ายดาย เพราะมันไม่ผิดอะไรที่เขาอยากจะลืมทุกสิ่งและใช้ชีวิตอย่างอิสระ

                แต่เขาถูกสาป

                สนุกไหม?ถ้าหากเขาถูกถามแบบนั้น เขาก็คงตอบว่ามันสนุกดี

                ––ใช่ ทุกอย่างมันสนุกมาก

                ด้วยชีวิตใหม่ของเขาหลังจากที่พบชายคนนั้น ความชื้นและอุณหภูมิของทวีปที่เขาถูกพาไปนั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง และทุกอย่างก็ใหม่เอี่ยม รถมอเตอร์ไซค์ที่เขาได้รับมาแทนการถือปืนหรือดาบทำให้เขาได้เห็นโลกมากมาย

                เขาทำหน้าที่แค่ส่งของเท่านั้น ในตอนแรกเขาคิดว่ามันแค่นั้น แต่เมื่อได้เห็นมันจริง ๆ แล้ว การเป็นบุรุษไปรษณีย์เป็นเรื่องที่ยากมาก ทุก ๆ วันเขารู้สึกพ่ายแพ้จากการถูกลูกค้าตะคอกหรือการได้รับความกรุณาที่มากเกินไป มันเป็นเรื่องที่แปลกสำหรับคนแบบเขาที่ไม่เคยได้รับจดหมายหรือส่งมันมาก่อน

                ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ในตอนที่เขาเห็นรอยยิ้มของผู้คนที่ได้รับจดหมาย เขารู้สึกราวกับว่าตนเองได้ทำบางสิ่งที่เยี่ยมยอดมาก ๆ เขาพบว่ามันเป็นเรื่องที่แปลกดีที่บริษัทไปรษณีย์ถูกเลือกเป็นสิ่งเริ่มต้นสำหรับการทำธุรกิจ และไม่เคยชินกับมันเสียที แต่ท้ายที่สุดเขาก็ได้เข้าใจแล้วว่าทำไมงานแบบนี้ถึงถูกนับเข้าไปเป็นแรงงานได้

                หน้าที่ของบุรุษไปรษณีย์ก็แค่การส่งจดหมายเท่านั้น จะเดินหรือขี่มอเตอร์ไซค์ก็ได้ จะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก หรือคนแก่ก็ได้ – ใคร ๆ ก็ทำได้ทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นเขาก็ได้ มันไม่ใช่งานที่มีแค่เขาที่ทำได้เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็คิดว่าแค่การส่งจดหมายนี่ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ เขาคิดว่ามันสนุกดี การส่งจดหมายที่ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกพึงพอใจกับมันนั้นเป็นเรื่องที่สนุกอย่างยิ่ง

                ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม สิ่งที่เขามองเห็นนั้นแตกต่างตอนที่เขาเป็นทหารรับจ้างโดยสิ้นเชิง การค้นพบเล็ก ๆ ที่เขาพบระหว่างส่งของนั้น – ไม่ว่าจะเป็นร้านเบเกอรี่ที่น่าอร่อยหรือการเจอทางลัดที่ไปได้ไวกว่า – ทุกอย่างนั่นสนุกดี แต่สิ่งที่น่าสนุกกว่าสิ่งเหล่านั้นคือเขามีที่ที่เขากลับไปได้ ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนบนโลกนี้ก็ตาม ถึงแม้ว่าเขาจะกลับมาด้วยสภาพที่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง เมื่อเขาเปิดประตูสำนักงานก็จะมีใครคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า อ่า ยินดีต้อนรับกลับมานะเบเนดิกต์ ทำงานได้ดีมาก อยู่เสมอ

                ในโลกที่เขาเริ่มออกเดินราวกับเขาเพิ่งเกิดมานั้น นับตั้งแต่ที่เขาได้เจอกับผู้ชายคนนั้น ใช่ มันอาจจะดูโง่เง่า แต่เขารู้สึกราวกับโลกของเขาถูกแต่งแต้มด้วยสีสันเหมือนกับการที่เขาได้เจอเนื้อคู่ก็ไม่ปาน

                ––มันสนุก มันสนุก มันสนุก มันสนุก มันสนุก เขาไม่ควรจะสนุกก็จริง แต่เขาก็รู้สึกสนุกมากเหลือเกิน นายไปทำอะไรมา? ทำไมนายถึงสนุกกับมันนัก? นายไม่อยู่ในสถานะที่จะรู้สึกแบบนั้นเสียหน่อย นายเป็นคนที่สมควรจะตายโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ความสนุกมันเป็นยังไง จบมันซะ จบมันซะ จบมันซะ จบมันซะ ทุกอย่างควรจบลงได้แล้ว จบตัวเขาเวอร์ชั่นนี้ลงเสียตอนนี้เถอะ มันคงจะดีกับทุกคนไม่ใช่หรือ? คนอื่นจะได้ไม่รับอันตรายไงถ้าเหลือคนแบบเขาในโลกนี้น้อยลงน่ะ คนที่ไม่มีครอบครัวหรือคนรักแบบเขา เขาสนุกมากพอแล้วล่ะ คนที่จะเสียใจให้เขานั้นอาจมีแค่หยิบมือเดียวแต่เท่านี้ก็พอแล้วล่ะ เขาจะลบตัวตนของตนเองออกไปและทำให้โลกที่แสนสกปรกโสมมนี่สะอาดในที่สุด นายไม่สมควรสนุก สิ่งที่นายควรทำมีแค่อย่างเดียวคือไปหาน้องสาวนายที่ยิ้มให้นายอยู่ในหัวของนายซะ

                นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เบเนดิกต์เริ่มหาปืนของเขาอย่างหุนหันพลันแล่นด้วยมือข้างเดียว

                แน่นอน คนเราย่อมตายแบบนั้น ความโศกเศร้าจะอุดคอหอยของพวกเขาและทำให้พวกเขาตายเพราะหายใจไม่ได้ พวกเขาตายเพราะมีช่วงเวลาที่โศกเศร้ามากกว่าช่วงเวลาที่มีความสุข

                เขารู้สึกว่าตนเองไม่สมควรมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้วถึงแม้จะอีกแค่วินาทีเดียวก็ตาม ไม่ใช่ว่าเขาอยากที่จะตาย แต่เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาสมควรตาย

                มีสิ่งมีชีวิตไหนไหมที่อยากตายทันทีที่เกิดมาน่ะ? พวกมันส่วนใหญ่คงอยากจะมีชีวิตอยู่มากกว่า ใช่แล้ว พวกมันอยากมีชีวิตอยู่ และใช้ชีวิตอย่างยอดเยี่ยม มีชีวิตที่ทำให้รู้สึกคุ้มค่าที่เกิดมา

                แต่ถึงอย่างนั้น มันก็คงไม่เป็นไปอย่างราบลื่นตลอดเวลา ชีวิตไม่ใช่สิ่งที่ใครคนหนึ่งสามารถตระเตรียมไว้ได้ล่วงหน้า

                อึก อึกก…”

                ผลลัพธ์จากการเลือกอะไรสักอย่างนั้น ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่รู้จบตามมา มีเวลาที่ซึ่งความเศร้าโศกเกิดขึ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เวลาแบบนั้นก็อย่างเช่น รู้สึกเสียใจที่ตนเองเกิดมา

                ความยากลำบากเหมือนฝนเย็น ๆ ที่พระเจ้าเทลงมาใส่ใครก็ตาม มันคงจะดีไม่น้อยหากมีสถานที่ที่สามารถหลบภัยหรือร่มสักคันอะไรแบบนั้น แต่มันย่อมมีช่วงเวลาที่ไม่มีใครสามารถหาสิ่งเหล่านั้นเจอ ฝนที่ตกลงมาอย่างยาวนานนั้นจะทำให้ร่างกายของใครคนหนึ่งเริ่มหนาวเหน็บและทำให้ฟันของพวกเขาสั่น สำหรับผู้คนมันเป็นสิ่งที่ยากที่จะทนไหว เมื่อมันกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะทนไหว ผู้คนก็จะ

                หยุ

                อยากตาย

                ยุด…”

                เมื่อชีวิตเริ่มยากเย็น พวกเขาก็เริ่มมองหาสิ่งที่ง่ายกว่า มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร วิ่งหนีมันผิดตรงไหนกัน? ความเจ็บปวดเล็ก ๆ และความทุกข์ทรมานสั้น ๆ ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว

                จุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ เป็นสิ่งที่พวกมันตัดสินใจด้วยตนเอง

                หยุ

                แต่ถึงอย่างนั้น ใช่แล้ว

                หยุด

                มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกันในตอนที่เขาอยู่ในทะเลทราย

                หยุด ทำไมล่ะคะ?

                คนจำนวนหนึ่งที่เป็นที่รักยิ่งของเทพธิดาแห่งโชคชะตาคงถูกกรองด้วยสถานการณ์แบบนั้น หากมีใครสักคน ลองค้นดูดี ๆ ก็จะพบว่ามันเป็นแค่ผลลัพธ์จากคนที่ถูกกองพะเนินไว้เท่านั้น

                งานของเทพธิดาเกิดขึ้นอย่างแจ่มแจ้งแบบนั้น หากมีใครเอ่ยถามว่าที่จริงแล้วมันเป็นยังไงกันแน่ก็คงเป็น

                วี…”

                การที่ใครสักคนปรากฏตัวขึ้นมาและจับมือใครสักคนที่พยายามจะตายกระมัง

                ที่ปลายเหวของชีวิตเขา คนที่เป็นคนหนุนหลังเขาก็ปรากฏตัวขึ้น

                สิ่งที่เทพธิดาเสกให้แต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป สำหรับเบเนดิกต์ บลูนั้น ในตอนนั้นเอง

                เบเนดิกต์

                …คือไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดน

     



     




     

     

                ––ทำไมเธอถึงเลือกที่จะจับมือเขาแทนที่จะทำอย่างอื่นล่ะ?

                ไวโอเล็ตจับมือของเบเนดิกต์ไว้ เหมือนกับพี่ชายที่จับมือของน้องสาวของเขาในความมืด เมื่อบีบมันหนึ่งครั้ง เธอก็เปลี่ยนไปเป็นเกี่ยวนิ้วแทนและพาเขาเดิน เบเนดิกต์ กลับบ้านกันเถอะค่ะ

                ถึงแม้ว่าเขาจะแทบเดินไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว แต่แล้วเขาก็เริ่มเดินตาม

                ไม่ดีเลยนะคะ

                เขาหยิบปืนของเขาในตอนที่เธอจับมือเขาไว้ไม่ได้

                ถ้าคุณร้องไห้ คุณจะไม่เห็นทางตรงหน้านะคะ

                ถึงแม้ว่าเขาอยากจะยิงหัวตัวเองก็ตาม แต่เขาทำไม่ได้

                ให้ฉันจูงมือคุณดีไหมคะ?

                เมื่อได้ยินหญิงสาวที่ซึ่งคล้ายกับน้องสาวของเขานั้นบอกว่ากลับบ้าน

                กลับบ้านกันเถอะค่ะ

                …เขาก็คิดว่า อ่า เขาต้องอยู่

                วี…”

                เหตุผลที่เขาไม่สามารถปล่อยให้เธออยู่ตามลำพังหรือครั้งแรกที่เขาเห็นเธอแล้วรู้สึกว่ารูปร่างหน้าตาของพวกเขาคล้ายกัน ทั้งผมสีทองและตาสีฟ้า และอะไรบางอย่างที่ชวนให้รู้สึกอ้างว้าง เขารู้สึกว่าเขามักจะทำเหมือนเธอเป็นน้องสาวของเขาเสมอ

                วี ฉัน…”

                เขาไม่สามารถละสายตาจากเธอได้และเริ่มเรียกเธอด้วยชื่อเล่น

                ฉันอาจจะฆ่าน้องสาวของฉันไปแล้ว ฉันจำมันได้…”

                ถึงแม้ว่าเขาจะลืมน้องสาวของเขาไปแล้ว แต่ส่วนหนึ่งในตัวเขาก็คิดว่า ถ้าหากเธอยังมีชีวิตอยู่ เธอคงจะโตมาเป็นแบบนี้ น้ำตาของเขาไหลออกมาไม่หยุดเพราะความโง่เขลาของเขา เขาคิดว่า ทำไมอดีตของฉันล้มเหลวแบบนั้นล่ะถ้าเธอสำคัญมากสำหรับฉันจริง ๆ

                เราปล่อยมือจากกันตอนถึงครึ่งทาง และฉันก็ถูกแยกจากจากเธออะ อึกมันมันเหมือนว่าฉันฆ่าเธอเลย…”

                ไวโอเล็ตจับมือเขาแน่นขึ้น แต่คุณยังไม่รู้ใช่ไหมคะ?เธอเหมือนกับพี่สาวมากกว่าน้องสาวเสียอีก เหมือนกับที่คน ๆ นั้นพูดแหละค่ะ คุณจะได้เจอเธอแน่สักวันหนึ่งเธอกระซิบราวกับต้องการเตือนสติเขา และปลอบประโลมเขา

                เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้หรอก ฉันเป็นคนเดียว เป็นคนเดียวที่รอดแน่ ๆ ฉัน ฉัน…” เขาร้องไห้ออกมามากเกินไป คำพูดของเขาหยุดชะงักเพราะน้ำตาของเขา มันทำให้เขาหายใจไม่ออก เขาอยากให้มันหยุดลงเสียที

                เบเนดิกต์ ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกนะคะ ผู้พันของฉันยังมีชีวิตอยู่เลยค่ะ ใครกันจะสามารถบอกได้ว่าน้องสาวของคุณตายแล้ว แน่ ๆคะ?

                มือที่เธอเกี่ยวนิ้วของเธอไว้นั้นสั่น แต่หากไม่ใช่เพราะความเจ็บปวด เธอก็รู้สึกเหมือนกับว่าเขาพร้อมที่จะปล่อยมือและฆ่าตัวตายทันที

                แต่ แต่…”

                “วันนี้เรายังจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้ตั้งเยอะเลยนะคะ นับจากนี้เราก็สามารถจัดการได้เหมือนกันค่ะ ไม่ใช่หรือคะ?

                ฉันฉัน ตายซะดีกว่า…!”

                ร้องไห้เหมือนกับเด็ก ๆ เช่นนั้นดูเหมือนคนโง่ซะไม่มี เบเนดิกต์คิดแบบนั้น ไม่มีทางหันกลับไปแก้ไขได้อีกแล้ว

                ฉันตายซะดีกว่า!”

                ถึงแม้ว่าเขาจะร้องไห้ เขาก็ได้เสียเธอไปแล้ว และเขาก็ไม่รู้ว่าจะไปหาเธอได้ที่ไหนในโลกนี้เช่นกัน หากปล่อยมือจากกัน หากอีกคนไม่ได้อยู่แถวนี้ มือของพวกเขาก็ไม่มีทางประสานกันได้อีก

                เบเนดิกต์

                ไวโอเล็ตหยุดเดินในที่สุด เบเนดิกต์ที่กำลังร้องไห้เหมือนกับเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ สำหรับเธออย่างนั้นหรือ? เธอขยับเข้ามาใกล้ จับศีรษะของเขาซบลงที่ไหล่ของเธอ กลับกันเถอะค่ะ เบเนดิกต์

                กลับไปไหน?

                “กลับไปบริษัทค่ะ คุณกับฉันมีแค่ที่เดียวที่ให้กลับไปเท่านั้นแหละค่ะ

                เงียบกริบ

                มันเป็นเรื่องจริง พวกเขาไม่มีที่ไหนให้กลับไปอีกแล้ว คนที่รอให้พวกเขากลับไปและยึดมั่นอยู่ที่เดิมโดยไม่เป็นบ้าไปเสียก่อนไม่มีที่ไหนอีกแล้วนอกจากที่นั่น

                ––แต่จะไม่เป็นไรจริง ๆ หรือถ้าเขาจะกลับไป?

                เมื่อก่อนฉัน ทำเรื่องแย่ ๆ หลายอย่าง เพราะไม่มีใครรู้ว่าฉัน ตอนที่ฉันเป็นทหารรับจ้าง…”

                “ค่ะ

                ฉันทำเรื่องงี่เง่าหลายอย่าง ถึงฉันจะเป็นเด็กแต่มันก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย

                ค่ะ

                “ฉัน แต่…”

                ใบหน้าของคลอเดีย ฮอดกินส์ปรากฏขึ้นในใจเขา

                ––เขาไม่ควร กลับไป

                ความรู้สึกดีใจในตอนที่เขาเดินในรองเท้าหลวม ๆ ที่ชายคนนั้นมอบให้เขาเป็นครั้งแรก มุกตลกที่ใครอีกคนจะพูดมันออกมาในขณะที่เขากำลังบ่นอยู่ในตอนที่ออกไปเที่ยวเล่นด้วยกัน เสียงหัวเราะและเสียงเอะอะโวยวายที่พวกเขาทำตอนที่พวกเขาดื่ม

                ––แต่

                คิ้วของเขาที่ย่นลงเวลามีปัญหา หลังงอ ๆ ของเขาเวลาที่ลักซ์โกรธ เสียงนุ่ม ๆ ที่เขาใช้มันเฉพาะกับผู้หญิงเท่านั้น ความแข็งแรงที่เขาแสดงมันให้เขาดู เขาเป็นอัธยาศัยดีคนเดียวในโลกที่ตัวติดกับชายที่ความจำเสื่อมและตัวเปล่า

                ––เขาอยากกลับไป

                เขาอยากกลับไปหาคนอัธยาศัยดีคนนั้นมาก มากเสียจนทำให้เขามีน้ำตา

                แต่ถึงแบบนั้น คุณก็จะอยู่ใช่ไหมคะ?

                เบเนดิกต์ไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ คำพูดนั่นราวกับกระสุนที่ทะลุผ่านหน้าอกเขาเข้ามาก็ไม่ปาน เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมากที่ตนเองไม่พูดอะไรออกมา โดยปกติแล้วเธอมักจะเป็นคนที่เงียบขรึมและไม่ใช้คำพูดที่ประดิษฐ์ประดอย แต่ในบางครั้งเธอก็ได้นำความจริงที่เป็นเหมือนกับแสงสว่างมาให้

                คุณจะมีชีวิตอยู่ใช่ไหมคะ?เสียงของไวโอเล็ตเจือด้วยความอ้อนวอนเล็กน้อย

                มือที่ไวโอเล็ตผสานกับเขานั้น นิ้วเทียมของเธอนั้น

                เริ่มนับสิ่งที่คุณทำและสิ่งที่คุณจะทำหลังจากนี้กันเถอะค่ะ คุณจะได้ไม่ลืมมัน

                มันเป็นสิ่งที่พิสูจน์สิ่งที่เธอสูญเสียและสิ่งที่เธอทำมันแตกสลาย และเป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นฟูด้วยเช่นกัน นิ้วมือนั่นได้จูงมือของเขาอย่างทะนุถนอม

                จนกว่าจะถึงวันที่คุณตาย

                หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขายอมรับความเจ็บปวดได้เร็วกว่าเขามาก โดยที่ไม่เคยวิ่งหนีหรือละสายตาจากมันด้วยซ้ำ เธอแค่อยู่ตรงนั้นท่ามกลางความโศกเศร้านั่น

                แต่วันนี้ สำหรับวันนี้ กลับบ้านกันเถอะค่ะ

                นั่นคือไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดน

                ทีนี้ เดินกันเถอะค่ะ คุณจำได้หรือเปล่าคะว่าเวลางานของพวกเราอยู่ถึงแค่ตอนเช้าเท่านั้น และเราจะเลิกงานตอนเที่ยงน่ะค่ะ?เธอยังคงจูงมือของเขาและนำทางเบเนดิกต์ เมื่อวาน เรากลับไปที่ลอนทาโน่โดยที่ยังไม่ได้รายงานให้เสร็จเรียบร้อยดี เราสัญญากับลักซ์แล้วว่าเราจะส่งให้ในวันนี้โดยที่ห้ามทำพลาดเด็ดขาด และเสื้อผ้าของเราก็ขาดรุ่งริ่งเกินกว่าที่จะไปทำงานโดยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้ด้วย ถ้าเรากลับไปทำงานด้วยสภาพแบบนี้คงมีข่าวลือหนาหูแน่นอนเลยใช่ไหมคะ?

                เมื่อเบเนดิกต์ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของคนเหล่านั้นก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา – แคทลียา เพื่อนที่ทะเลาะกับเขาตั้งแต่วันก่อตั้งบริษัท ลักซ์ซึ่งถูกพามาด้วยจากเกาะที่โดดเดี่ยว เพื่อนร่วมงานจากบริษัทไปรษณีย์ซีเอช เมืองไลเดนชาฟต์ลิช อดีตของเขา อาชีพปัจจุบันของเขา ชื่อใหม่ของเขา และชายคนนั้นที่มอบมันให้กับเขา

                ตาแก่จะโกรธหรือเปล่านะ…”

                คลอเดีย ฮอดกินส์ ชายที่มอบทุกอย่างที่เขามีในตอนนี้ เขาอยากจะเจอคน ๆ นั้นมากเหลือเกิน เมื่อเขานึกถึงเสียงและใบหน้าของอีกคน หน้าอกของเขาก็รู้สึกราวกับจะระเบิดออกมา

                คุณจะได้พบท่านประธานฮอดกินส์แน่นอนค่ะเพราะคุณยังมีชีวิตอยู่ คุณจะได้ตามหาน้องสาวของคุณด้วยเหมือนกัน แน่นอนว่า คนแบบเราคงไม่มีอะไรเลยถ้าไม่เชื่ออะไรแบบนั้นสินะคะ เบเนดิกต์

                เขามีพลังมากที่จะมีชีวิตอยู่ได้ด้วยตนเองแล้ว ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม

                วันนี้เหนื่อยน่าดูเลยนะคะว่าไหม? กลับบ้านกันเถอะค่ะ

                อย่างไรก็ตาม ความอบอุ่นจากการที่มีผู้คุ้มครองได้เปลี่ยนเบเนดิกต์ผู้ซึ่งเคยเกลียดความผูกพันไปโดยสิ้นเชิง บริษัทไปรษณีย์ซีเอช สถานที่ที่ไวโอเล็ตบอกให้กลับไปนั้น ได้กลายเป็นสถานที่ที่เขาจะกลับไป

                เบเนดิกต์มองไปบนท้องฟ้า พระอาทิตย์กำลังขึ้น ที่ด้านหลังของเขา เงาที่กลางคืนได้กลืนกินนั้นในตอนนี้เริ่มสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน ถนนตรงหน้าสว่างไสว เฉกเช่นเดียวกับอดีตและปัจจุบัน

                นี่ วีเมื่อไวโอเล็ตเอ่ยถามว่ามีอะไร เขาก็พึมพำพร้อมกับเช็ดน้ำตาของเขาด้วยแขนเสื้อเชิ้ต เรื่องที่ฉันร้องไห้เป็นความลับระหว่างเราสองคนนะ

                คนสองคนที่เดินไปพร้อมกับจับมือนั้นเหมือนกับพี่น้องที่รักใคร่กันดีมากไม่มีผิด

     

     



     

    ตอนนี้นายมีแค่ชีวิตของนายไม่ใช่หรือไง? ฉันจะซื้อมันเองแหละ

             เมื่อได้ยินคำพูดนั้น หัวใจของชายหนุ่มก็ดังตึกตัก เขาเคยชินกับการซื้อชีวิตด้วยเงิน แต่เมื่อถูกถามต่อหน้า ลมหายใจของเขากลับหยุดชะงัก

             เท่าไหร่ล่ะ?

             เมื่อโดนถามเช่นนั้น ชายหนุ่มก็ไม่รู้จะตอบอะไร ไม่รู้

             เมื่อได้ยินเขาเอ่ยตอบอย่างจริงจัง ฮอดกินส์ก็หัวเราะ โง่ซะจริง ตั้งราคาสูง ๆ สิ

             ทำไมล่ะ?

             “นายก็ตั้งราคาที่ฉันจ่ายให้ไม่ได้ ฉันจะได้จ้างนายได้ตลอดทั้งชีวิตไง

             ชั่วขณะหนึ่งเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกคนพูดเลยสักนิด แต่แล้วเขาก็เอ่ยตอบแทบจะทันที ไม่อยากโว้ย! พูดอะไรวะน่ะ!?

             ก็นายไม่มีอะไรเลยไม่ใช่เหรอ?

             “เลิกพูดว่า ไม่มีอะไรเลย สักที!”

             เราจะเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันเลยนะถ้าเราอยู่ด้วยกัน ถึงเราจะไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดเลยก็เถอะ แค่ตั้งราคาที่ฉันจ่ายให้ไม่ได้ก็พอแล้ว

             หา?

             อย่างที่ฉันพูดแหละ เราจะเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันเลยไง งั้นก็แล้วแต่แล้วกัน ที่สำคัญกว่านั้น ชื่อของนาย

             ไม่ ไม่ นี่ คุณนี่มันโคตรแปลกเลย

             ขึ้นอยู่กับฉันสินะ!”

             “ตาแก่! คุณไม่ฟังสิ่งที่ผมพูดเลยใช่ไหมฮะ!?

             โอเค๊ ฟังให้~ดี ๆ น้า

             คุณนั่นแหละฟังให้ดี!”

             ฮอดกินส์เอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและเขินอายเล็กน้อย มันอาจจะดูเป็นการอวดอ้างนิดหน่อยล่ะนะ ฉันเข้าใจความรู้สึกของเขาแล้วล่ะตอนนี้ อ่า ช่างเถอะ มันเป็นความรู้สึกของฉันต่างหาก จะพูดอย่างนั้นก็ได้ ฉันพยายามใส่มันลงไปในคำขอของฉันที่อยากให้หนุ่มน้อยอย่างนายเติบโตขึ้นมาเป็นแบบนี้

             ณ วินาทีนั้น คนเดียวในโลกที่ได้เห็นแสงเปล่งประกายในดวงตาสีฟ้านั่นคือคลอเดีย ฮอดกินส์

             มันหมายถึง การได้รับพร ยังไงล่ะ เบเนดิกต์ เป็นไง?

             เขารู้ได้ในตอนนั้นทันทีว่าความสุขของการมีชีวิตอยู่ของเขาเกิดจากการได้รับพรจากใครบางคน

             รับมันไปซะเพราะมันเป็นชื่อที่พระเจ้าได้ให้การปกป้องยังไงล่ะ ให้ บลูเป็นนามสกุลของนายเถอะ ชื่อที่นายตั้งให้ตัวเองกับของฉัน เบเนดิกต์ กลายเป็น เบเนดิกต์ บลู ยังไงล่ะ เป็นชื่อที่ดีนะเนี่ย ยินดีที่ได้รู้จักนะเบเนดิกต์

             ถึงแม้เขาจะรู้สึกเจ็บปวดเมื่อไหร่ก็ตามที่เขากรอเทปความทรงจำของเขา แต่เขาจะได้รับพรทุกครั้งเมื่อใครสักคนเรียกชื่อเขา

             โง่~จริง

     

     



     

                เขาจะไม่ละทิ้งพรนั่นอีกต่อไปแล้ว

    อ่า เบเนดิกต์และไวโอเล็ตตัวน้อย ยินดีต้อน เฮ้ย เป็นอะไรหรือเปล่า! เกิดอะไรขึ้น…!? พวกเธอสองคนมาตรงนี้เลย! ลักซ์ตัวน้อย กล่องปฐมพยาบาล!”

    ถึงแม้ว่าจะยาวไปหน่อย แต่นั่นก็คือเรื่องราวของเบเนดิกต์ บลู

          

     

     




























    /



    *เทรนช์โค้ท


    ทุกคนคิดว่าไวโอเล็ตเป็นน้องสาวของเบเนดิกต์มั้ยคะ









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×