(SF)Tell Me…Can I go on love you? [SHINee] - (SF)Tell Me…Can I go on love you? [SHINee] นิยาย (SF)Tell Me…Can I go on love you? [SHINee] : Dek-D.com - Writer

    (SF)Tell Me…Can I go on love you? [SHINee]

    เป็นอันที่สองในซีรีย์ tell meลองอ่านกันดูนะเเละติชมกันบ้างนะครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,078

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    1.07K

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 ก.พ. 53 / 15:59 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    เรื่องนี้เป็นหนึ่งในซีรีย์รื่อง Tell mE นะครับ
    ตอนนี้ออกมาทั้งหมด3อันเเล้ว 
    เพื่ออรรถรสที่เมามันส์ผมจึงไม่เรียงลำกับว่าอันไหนคือตอน1 2 หรือสามจะอ่านอันไหนก่อน
    ก็ได้ฟรีสไตล์ครับ

    งั้นก็...
    Let's Go!!!!


    Tell Me : Can I Go on love you??
    http://writer.dek-d.com/shirotaemin/writer/view.php?id=581780
    Tell Me : May you choose me as substitution??
    http://writer.dek-d.com/shirotaemin/writer/view.php?id=587437
    Tell Me : Did I love or hate you??
    http://writer.dek-d.com/shirotaemin/writer/view.php?id=580901
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      คำเตือน ฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องราวสมมุติขึ้นของผู้แต่งเท่านั้น อย่างถือโทษโกรธคนแต่งนะครับ...หากอ่านแล้วไม่พอใจคนแต่ง...ย้ำครับ สมมุติครับ สมมุติ...แฮะๆ อ่านเอาความบันเทิง?นะครับ 
      __________________________________________
      “ความรัก คือ การให้ ให้ทุกอย่าง ให้ได้ทุกสิ่ง จนสุดท้ายแล้ว จะเหลือเพียงแค่การเฝ้ามอง”

      ผมเคยได้ยินใครหลายๆคนบอกว่าความรักคือการให้ แต่ผมมักจะคิดว่า จะเป็นไปได้เหรอ มันไม่ยากไปหน่อยเหรอ ยากเกินไปไหมที่เราจะสามารถให้ใครคนหนึ่งได้ทุกสิ่ง และถ้าหาก เขาให้เขาไปจนหมดสิ้นแล้ว หมด หมดจนไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถมอบให้ได้อีก แล้วเราก็จะกลายเป็นเพียงแค่ผู้เฝ้ามองอย่างนั้นหรือ..

      แต่สำหรับคนที่เห็นแก่ตัวแบบผมแล้ว ผมคงไม่สามารถให้เขาได้ถึงเพียงนั้นหรอก...

      ....อย่างน้อย ก็ขอเพียงที่จะมีลมหายใจ....





      ...แต่ถ้าหาก ผมมีลมหายใจอยู่ แต่ผมไร้ซึ่งเขาคนนั้น....


      ....มันจะมีประโยชน์อะไร...

      ความคิดเช่นนี้หรือเปล่า ที่ทำให้ผมเข้าใจแล้วว่า...


      ท้ายที่สุดแล้ว ผมก็ขอเป็นเพียง ผู้เฝ้ามอง มองคนที่ผมรัก เพียงแค่มองเท่านั้น....





      -------------------------------------------------------------------------




      ท้องฟ้ายามค่ำคืน ในคืนนี้ท้องฟ้าก็ยังคงมืดดำ มีพียงแสงจันทร์นวลอ่อนส่องประกายอยู่ไกลลิบ มีผืนฟ้ามีดวงจันทร์ แต่ดูอย่างไรก็ไม่รู้สึกสงบ นั่นอาจเป็นเพราะ แผ่นผืนสีเทาหม่นของกลุ่มเมฆฝนขนาดมหึมาระบายขยายตัวปกคลุมแผ่แผดแทบทั่วพื้นที่ของแ
      ผ่นฟ้า ท้องฟ้ายามค่ำที่ฉ่ำด้วยเมฆฝนในช่วงปลายฤดูหนาวก่อนย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ....

      มวลอากาศที่วิ่งแล่นหรือสายลมอุ่นๆที่หอบกลิ่นไอชื้นของเมฆฝน พัดผ่านปะทะใบหน้าของกลุ่มคนมากมายเบื้องล่าง ฝูงชนกลุ่มใหญ่ที่ยืนเกาะกลุ่มกันเนืองแน่นบนผืนหญ้าของสนามกีฬาแห่งหนึ่ง ไม่มีท่าทว่าพวกเขาจะแกล้งกลัวต่อสายฝนที่อีกไม่นานนักคงจะเริ่มโรยตัว โปรยเม็ดน้ำฟ้า ร่ำร้องเป็นบทเพลงแห่งความชื้นแฉะ ปล่อยเสียงแข่งประชันแข่งขันกับศิลปินมากมาย หลายค่าย หลายสังกัด ที่ต่อคิวทยอยกันขึ้นขับขานบทเพลงบนเวทแห่งนี้ ....รวมถึงSHINeeก็จะรวมขึ้นแสดงบนเวทีคอนเสิร์ตแห่งนี้เพื่อตอนรับฤดูใบไม้ผลิที่กำ
      ลังจะมาถึงด้วย




      “ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ” ห้าเสียงประสานร้องผ่านไมโครโฟน ร้องบอกคนดู ผู้ชมเบื้องล่าง พร้อมกับประสานมือกับสมาชิกในวง จับมือกันแล้วโค้งคำนับให้ผู้ชมมากมายที่ส่งเสียงปรบมือแสดงความชื่นชอบ ชื่นชมที่มีต่อการแสดงที่เพิ่งจะจบไป จากนั้นพวกเขาจึงทยอยเดินลงเวที เดินตรงไปที่รถครอบครัวเจ็ดที่นั่งที่จอดรออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก เพื่อดินทางกลับบ้าน เพื่อกลับไปผักผ่อน




      --------------------------------




      แผ่นหลังเล็กเอนกายแนบอิงพนักพิงของโซฟา ปล่อยให้หัวทุยๆสัมผัสกับหมอนอิงที่รองท้ายทอยไว้ตรงขอบโซฟา ยกท่อนแขนเรียวเล็กข้างหนึ่ง ยกขึ้นมาก่ายหน้าผาก ปล่อยให้เปลือกตาเลื่อนต่ำลงเพื่อปิดกั้นดวงตากลมโต แผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลงช้าๆ สูดลมหายใจลึกเข้าไปให้เต็มปอด หวังเพียงแค่อยากหัวใจดวงน้อยๆดวงนี้ค่อยๆทำงาน ให้มันได้พักผ่อนบ้าง ให้มันได้สงบลงบ้าง

      ความหนักอึ้งภายในหัวใจที่มีอยู่ไม่ได้ถูกระบายออกไปหรือถูกทำให้ผ่อนคลายลงเลย แม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะ ยามที่เขาหลับตา เขามักจะเห็น เห็นภาพของร่างบางหรือน้องสุดท้องของวงที่ดูตั้งอกตั้งใจทำงาน ทุ่มเทส่งเสียงร้องบทเพลงขับกล่อมผู้ชม เต็มที่กับการขยับเขยื้อนร่างกายให้พลิ้วไหวไปตามเสียงเพลง สร้างความบันเทิงและทำให้หลายๆคนเพลิดเพลินไปกับการแสดงจนมักจะมีใครๆส่งเสียงเชียร์
      คลอตามไปด้วย

      แต่ครานี้ การแสดงคอนเสิร์ตในวันนี้ น้องนุชคนสุดท้อง กลับดูอ่อนล้าอ่อนแรง ไม่เข้มแข็งและดูไม่กระฉับกระเฉงเฉกเช่นทุกครั้ง และยิ่งไปกว่านั้น รอยยิ้มบนใบหน้าที่มักจะปรากฏให้เห็นบนใบหน้าเนียนใสเสมอๆนั้น ดูเหมือนว่ารอยยิ้มนั้น ในวันนี้ มันอาจจะเหนื่อยที่จะออกมาทักทายใครหลายๆคน

      และเหนือสิ่งอื่นใดที่มันทำให้เขารู้สึกเหนื่อยอย่างถึงที่สุดก็คือ แทมินไม่หันและพยายามที่จะไม่หันมาสบตากับเขาเลย...

      ทั้งที่รูปแบบการเต้นของ SHINee ถูกดีไซด์ออกมาให้มีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเปลี่ยนตำแหน่ง หรือจุดยืนกันอยู่เสมอ ราวกับต้องการให้เกิดการทักทายขึ้นในกลุ่มสมาชิก เกิดขึ้นในขณะเต้นอยู่ เกิดการทักทายในรูปแบบที่ไม่ต้องสื่อผ่านเส้นเสียง เป็นการทักทายที่เรียบง่ายที่สุด คือกับส่งยิ้ม หรือสบตา



      ความคิดฟุ้งซ่านที่วิ่งชนกันไปมาจนน่าปวดหัว ทำให้แผ่นอกเล็กกระเพื่อมถี่ เร็วขึ้น ราวกับเป็นผลกระทบที่เกิดจากภาวะจิตใจ...




      “คีย์...เป็นอะไรรึเปล่า” น้ำเสียงอ่อนโยน ฝ่ามือสัมผัสที่วางลงเบาๆบนไหลเล็กด้านซ้าย บีบกระตุ้นแผ่วเบาหมาย ออกแรงน้อยๆเพียงเพื่อจะเรียกสติของร่างเล็กที่เอนหลังพิงพนักโซฟาเงยหน้าเอามือกายห
      น้าผากอยู่ให้รู้สึกตัว

      “เปล่าครับ...”คีย์ตอบสั้นๆ เปิดปรือเปลือกตาหันมามองทางเจ้าของเสียง แล้วยิ้ม ยิ้มบางๆส่งให้เจ้าของน้ำเสียงอ่อนโยนที่นั่งอยู่ข้างๆกัน

      ใบหน้ากลมกับเรือนผมสีน้ำตาลอ่อน ดวงตากลมเล็ก ริมฝีปากอิ่ม คีย์จ้องมองใบหน้าของคนข้างกาย คนข้างกายที่มักจะมีริมฝีปากเปื้อนยิ้มตลอดเวลา คนที่มักจะสร้างเสียงหัวเราะให้เกิดขึ้นกับทุกคนรอบข้าง คนที่ราวกับจะทอประกายแสงแห่งความอบอุ่นออกมาเรื่อๆอยู่ตลอดเวลา คนที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าวง พี่อนยู

      คีย์ยิ้มบางๆให้อีกที ยิ้มที่ดูเหมือนจะฝืนใจเต็มที่ ยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยๆมันเป็นรอยยิ้มที่ไม่สมควรจะได้รับรอยยิ้มสดใส หรือแววตาที่อ่อนโยนแสดงความห่วงใย หากคนตรงหน้านี้ไม่ใช่อนยู คีย์คนนี้ก็คงจะไม่ได้รับความอบอุ่นเช่นนั้นตอบกลับคืน...อนยูมักจะยิ้มให้อย่างอบอุ
      ่นและอ่อนโยน และรอยยิ้มแบบนี้ของอนยูก็มักจะเกิดขึ้นกับคีย์



      “มีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจ...ก็บอกพี่ได้นะ” อนยูพูดและสบตามองคีย์มองอย่างมีความหมาย เขาตั้งใจที่จะให้บุคคลเบื้องหน้ารับรู้และเข้าใจว่า เขากำลังจะสื่อความหมายบางอย่างกับคนๆนี้อยู่

      “................” คีย์ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยิ้ม ยิ้มฝืนๆแล้วจึงละสายตาจากอนยูหันไปทางทีวีเบื้องหน้าที่เปิดฉายภาพทิ้งไว้อยู่

      อนยูมองตามสายตาของคีย์ มองใบหน้าของคีย์ที่ละสายตาจากเขาแล้วหันมาจ้องมองภาพจากจอสี่เหลี่ยม คีย์มองตรงไปที่มัน แต่สายตาของคีย์กลับเลื่อนลอย ราวกับภาพเบื้องหน้า.....ไม่ใช่จุดหมายแห่งการปรายตามอง

      อนยูกับคีย์มานั่งอยู่ด้วยกันอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น นั่งอยู่ด้วยกันสองคน นั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่กลับมาจากการแสดงคอนเสิร์ต และก็มีเพียงแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่อยู่ตรงนี้ ที่เหลืออีสามคน ต่างแยกย้ายกันไป ต่างคนต่างมุ่งตรงสู่ห้องนอน ห้องนอนของแต่ละคน

      สายตาที่ว่างเปล่าของคีย์ยังคงมองตรงไป การเปลี่ยนแปลงของภาพในหน้าจอทีวีสี่เหลี่ยมไม่ได้อยู่ในการรับรู้ของดวงตากลมโตที่ย
      ามนี้ดูเลื่อนลอยและว่างเปล่า...คีย์เห็น เห็นภาพเหล่านั้น แต่เพียงแค่มันไม่ได้มีอิทธิพลมากพอที่จะดึงดูดให้เขาไปสนใจมัน



      ความว่างเปล่าที่น่าอึดอัดนี้หรือเปล่าที่ทำให้ผืนฟ้าภายนอกทนไม่ได้จนต้องปล่อยเม็ด
      ฝนเย็นๆทยอยลงมา ปล่อยให้สายน้ำแห่งฟากฟ้า กระทบบานกระจกเบาๆเพื่อระบายความเงียบงัน


      การลุกพรวดขึ้นมาของคีย์นั้นมันทำให้ใครอีกคนที่นั่งอยู่ข้างกาย คนที่กำลังนั่งมองพฤติกรรมของคีย์อยู่สะดุ้งตกใจเล็กน้อย ตกใจที่อยู่ๆสองขาเรียวก็เดินย่างก้าว เดินตรงไปที่บันไดไม้ บันไดที่เป็นทางเชื่อมขึ้นไปชั้นสองของบ้านหลังนี้ คีย์เดินตรงไปทางนั้นโดยไม่พูดไม่จา เดินขึ้นไปบนชั้นสองซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่ใช่ห้องนอนของเขา เป็นบริเวณที่เขาแทบจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขึ้นไป หากเขาไม่ต้องการจะไปหาใครคนหนึ่ง ใครคนที่อนยูเดาได้ไม่ยากเลย
      ....อนยูรู้ว่าคีย์กำลังจะไปหาใคร......








      ดวงตากลมเล็กมองตามแผ่นหลังคีย์ไป มองไปจนกระทั่งคีย์ลับหายไปชั้นบน เขาค่อยๆปิดเปลือกตาลง ปล่อยให้ศีรษะเอนลงบนพนักพิงของโซฟา แล้วนึกถึงภาพใบหน้าของใครคนหนึ่ง...

      ใบหน้าเรียวหวาน สวย ผิวแก้มขาวใส ริมฝีปากอิ่ม ดวงตากลมโตเป็นประกาย ใบหน้าหวานของคนที่ได้ชื่อว่าเป็น “ออมม่า” ของวง ภาพเช่นนี้มักปรากฏให้เขาได้เห็น ทุกครั้งแม้ยามลืมตาตื่นหรือหลับฝัน ราวกับว่าภาพเหล่านั้นมีอภิสิทธิ์ สิทธิ์ที่จะรุกล้ำเข้ามาให้หัวใจ บุกรุกเข้ามาโดยพลการ และมาทำให้เขาคนนี้ มาทำให้อนยูคนนี้ต้องเพ้อคิดถึง

      ริมฝีปากอิ่มที่เปื้อนยิ้มที่ระบายอยู่บนใบหน้าของอนยูมันเจือนลง เจือนลงช้าๆพร้อมๆกับที่ความคิดบางอย่างแทรกเข้ามาในความคิดอนยู ภาพของร่างเล็กของคีย์ค่อยๆเดินหายไปทางชั้นสอง ทุกๆวัน มันเป็นพฤติกรรมที่เขามักจะเห็นคีย์ทำแบบนั้น คีย์มักจะทำเช่นนั้น คีย์มักจะไปหาแทมินทุกครั้งก่อนที่แทมินจะเข้านอน

      นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่อนยูปล่อยให้ตัวเองจมกับความคิด จมอยู่กับภาพของคีย์ที่เดินจากเขาไปเพื่อไปหาแทมิน ภาพนั้นมันเล่นวนซ้ำ ราวกับเครื่องเล่นซีดีที่กำลังฉายภาพซ้ำไปซ้ำมา แต่จู่ๆเขาก็ต้องลืมตาตื่น เพราะเขา สัมผัสได้ถึงการยุบตัวลงเล็กน้อยของเบาะนั่งข้างกาย

      คีย์เดินกลับมา เดินกลับนั่งข้างๆอนยู พูดไม่จา นั่งอยู่ข้างๆเงียบๆปล่อยสายตาเหม่อลอย มองเหม่อปยังเบื้องหน้า



      “คีย์” เสียงนุ่มๆของอนยูเอ่ยเรียกร่างเล็กเบาๆ พร้อมวางมือใหญ่ทาบบนฝ่ามือเล็ก อนยูจับมือของคีย์ที่วางอยู่ที่ขอบโซฟา

      ราวกับหัวใจของอนยูถูกบีบคั้น เขารู้สึกราวกับบีบอัดที่หัวใจ เพียงแค่เขาเห็นหน้าคีย์ เพียงแค่คีย์หันมามอง กลีบปากอิ่มเม้มสวยสนิทติดกันเพื่อกักกั้นความรู้สึกภายใน แววตาสวยใส ถูกกั้นขวางด้วยม่านน้ำตาที่เอ่อคลอริมปริมอยู่ที่ขอบตา มันสั่น มันวูบไหวราวกับม่านน้ำตานั้นสามารถพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ

      อนยู บีบมือคีย์เบาๆ มันแผ่ว มันเบามาก เบาเหมือนคนกำลังจะหมดแรง หมดพลัง เหนื่อยท้อ กับการที่ต้องเห็นคนที่เราห่วงใย...สั่น สั่นระทมด้วยความทุกข์

      “ผม...ไปหา...แทมิน...มา” คีย์พูดช้าๆราวกับพยายามสะกดกั้นความรู้สึก ราวกับกำลังเหนื่อยอ่อน

      “ผม.....”น้ำเสียงขาดหายเพราะมันถูกกลบทับด้วยความหน่วงหนึบที่อกข้างซ้าย

      “ผม...บอกเขา....ว่า”





      “....ผมรักแทมิน….แต่...” คีย์พูดไม่จบ เขาไม่สามารถพูดต่อไปได้ใบหน้าหวานก้มต่ำลง มือเล็กสองข้างปิดทาบบนใบหน้า มันพยายามอย่างที่สุดที่จะปิดกั้นน้ำตาที่กำลังไหลรินออกมาเป็นสาย ม่านน้ำตาพังทลายลงแล้ว มันทลายลงมาพร้อมกับบางสิ่งที่กดดัน ความกดดันที่กำเนิดเกิดจากภาพความรู้สึกภายในใจ

      ภาพร่างบางของคนคุ้นเคยรับฟังคำรักของคีย์อย่างอึดอัด ภาพของคนตัวเล็กที่ราวกับทรมานเมื่อได้ยินคำว่า “เขารักแทมิน คีย์รักแทมิน” ภาพของแผ่นหลังเล็กที่หันตัวหลบเบือนหน้าหนีเหมือนจะปฏิเสธสิ่งที่คีย์หยิบยื่นให้ ปฏิเสธความรักที่คีย์มอบให้ ปฏิเสธคำรักที่เขาพร่ำบอก ปฏิเสธความพยายามที่เหมือนจะสูญเปล่า

      อนยูทนไม่ไหวอีกแล้ว หัวใจที่ปวดหนึบเหมือนกับมันถูกบีบ เค้น กำแน่น ทุกครั้งที่เขาเห็นหยาดน้ำตา หาดน้ำตาใสๆของคนเบื้องหน้า น้ำตาของคีย์

      สองแขนแกร่งรวบร่างสั่นเทาของคีย์เข้าสู่อ้อมกอด สองแขนโอบกระชับถ่ายทอดความอบอุ่น ให้คลายความเหน็บหนาวบอบช้ำที่เก็บซ่อนอยู่ภายในจิตใจของคีย์

      ในช่วงเวลานี้คีย์ไม่อยากคิดอะไรอีกแล้วเขาตอบรับสัมผัสที่อนยูมอบให้ กอดตอบอนยูด้วยร่างกายอันสั่นเทา ซบใบหน้าลงกับบ่ากว้างของร่างหนา ปล่อยสายน้ำตาไหลรินอาบแก้ม ให้มันไหลเรื่อยลงไป

      “ร้องไห้ออกมาเลยคีย์” อนยูหลับตาเมื่อสัมผัสได้ถึงความอุ่นชื้นที่ไหล่ด้านซ้ายของตัวเอง เขาต้องการให้ร่างเล็กระบายความอัดอั้น ระบายมันออกมาผ่านสายน้ำตา ระบายออกมาให้หมด แล้วเขาคนนี้เองที่ใช้บ่านี้แบกรับทุกหยาดน้ำตา อนยูคนนี้จะแบกรับความทรมานของคีย์เอง

      ความโศกเศร้าเสียใจ ความผิดหวัง ความรู้สึกที่ไม่น่าภิรมย์พิสมัยทั้งหมดทั้งมวล มันกำลังโอบล้อมทั้งคู่ไว้ มันสร้างกำแพงแห่งความทรามที่มองไม่เห็น ห้อมล้อมราวกับทำให้รู้สึกว่า...ณ ตอนนี้ ในที่แห่งนี้ มีเพียงแค่ใครสองคนที่กำลังจมอยู่ในท้องน้ำแห่งความทุกข์ โดยที่ไม่ได้รับรู้เลยว่า มีสายตาของร่างสูงโปร่งของใครอีกคนกำลังสบมอง มองมาที่พวกเขาด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา มองนิ่งๆอยู่ชั่วครู่แล้วเดินจากไป มินโฮที่เดินออกมาจากห้องนอนของตัวเองที่อยู่ชั้นล่าง เขาหันมองคีย์กับอนยู มองเพียงชั่วครู่ แล้วเดินขึ้นบันไดไป


      ---------------------------





      .....กึก..... บานประตูกระแทกกับขอบประตู มันไม่เสียงบนประตูของใครอื่นไกล มันเป็นเสียงประตูของห้องข้างๆ เสียงประตูห้องของแทมิน

      ร่างสันทัดใบหน้าคมของใครบางคนที่กำลังนั่งเอนหลังกับพนักพิงของเก้าอี้ นั่งอ่านข้อความต่างต่างนานาที่ปรากฏฉายอยู่บนหน้าจอสี่เหลี่ยมเล็ก บนหน้าจอคอมพิวเตอ์โน้ตบุค สายตาคมกำลังจดจ่อกับมัน แต่ก็ถูกขัดจังหวะรบกวนเพราะเสียงเมือครู่ที่ดังขึ้น เสียงนั้นแม้ว่ามันจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่มันก็ฉุดดึงเรียกความสนใจได้มันน้อย นั่นอาจจะเป็นเพราะมันเกิดขึ้นใกล้ตัว หรือเพราะมันดังมาจากห้องของแทมิน แทมินที่เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำแล้ว

      ไฟเพดานที่เปิดทิ้งไว้ตั้งแต่ตอนหัวค่ำ ฉายแสงส่องสว่างไสว ฉายแสงในห้องนอน ห้องนอนของร่างสันทัด ใบหน้าคม ดวงตาสวยเฉี่ยว จมูกโด่งเป็นสัน กลีบปากบางสวย กับผิวที่แทน น้องนอนของจงฮยอน

      วันนี้จงฮยอนก็เป็นเหมือนสมาชิกร่วมวงอีกสองคนที่ขอปลีกตัวเข้านอนแต่หัวค่ำ แม้ว่าเขาจะรู้สึกหน่อยอ่อนมากพียงใด แต่เขาก็ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ เขาจึงตัดสินใจเปิดคอมพิวเตอร์เครื่องเล็กนั่งอ่านอะไรไปเรื่อยเปื่อย เขานั่งอยู่กับมันอย่างเลื่อนลอย

      ดวงตาที่ว่างเปล่ามองภาพข้อความมากมายที่ปรากฏใน บ็อค เว็บไซด์ของ SHINee ที่ไหลเลื่อนลง เลื่อนลงทุกครั้งที่เลื่อนเม้าส์ลงมา ข้อความมากมาย ผ่านไป ผ่านไป เขามองมันผ่านๆ จนกระทั่งสายตาคมเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับกลีบปากบางที่ขยับเคลื่อนไหวเปล่งเสี
      ยงเบาๆออกมาว่า...

      “SHINee ทำงานหนักเกินไปรึเปล่าคะ วันนี้ทุกคนตอนที่ขึ้นแสดงคอนเสิร์ตเมื่อหัวค่ำ ดูเนือยๆกันนะคะ....ถ้ายังไงก็หาเวลาพักผ่อนกันบ้างนะคะ หนูนาหลายคนเป็นห่วงนะคะ” เขาไล่อ่านข้อความนั้นจบ ความรู้สึกอบอุ่นหวามวาบทอแสงประกายในหัวใจ เขารู้สึกขอบคุณ ขอบคุณจริงๆที่มีแฟนเพลงที่น่ารักทั้งคอยให้การสนับสนุนและคอยให้กำลังใจพวกเขาอย่าง
      เสมอมา

      จงฮยอนไล่สายตาอ่านข้อความนั้นวนซ้ำไปซ้ำมา แต่ทุกครั้งเมื่อเขาอ่านถึงคำว่าเหนื่อย จิตใจของเขามันรู้สึกหนักหน่วงอย่างบอกไม่ถูก

      เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้าวเท้าดินออกไปทางระเบียงหน้าห้อง เดินออกไปยืนรับสายลมเย็นๆและความชื้นหลังฝนตกที่อัดแน่นในอากาศ...

      ฝ่ามือใหญ่วางทาบสัมผัสราวระเบียงเหล็กที่เยียบเย็น ดวงตาคมหลับลง สูดลมหายใจลึกๆ รับกลิ่นลม กลิ่นฝน กลิ่นของฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า ยืนรับความอ่อนโยนจากธรรมชาติ ปล่อยให้มันค่อยๆแทรกซึมเข้าสู่จิตใจ..........ใบหน้าคมเงยรับสายลมเย็น ปล่อยให้สายลมนั้นปะทะผิวหน้า

      ...เขาจ่อจมอยู่กับบรรยากาศภายนอกเนินนาน...




      เข็มนาฬิกาเคลื่อนวนเดินไปเรื่อยๆ เดินไล่ตามการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา...




      จงฮยอนเดินกลับเข้ามาในห้อง เดินมาสบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ผนังห้อง ที่บอกเวลาว่าตีสองกว่า...


      เขาเดินผ่านเตียงนุ่ม เดินผ่านโต๊ะเขียนหนังสือ เปิดประตู เดินออกไปจากห้องนอนของตัวเองไป ขายาวๆก้าวเดินมาเรื่อยมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องของใครคนหนึ่ง ที่บานประตูไม้นั้นมีตัวการ์ตูนน่ารักติดประดับอยู่บนป้ายไม้แขวนชื่อหน้าห้อง แล้วมันก็อ่านได้ว่า

      ...แทมิน...


      จงฮยอนค่อยๆเปิดแง้มออกอย่างเบามือ แล้วปิดมันลงเมื่อแทรกกายตัวเองเข้ามาให้ห้องแล้ว ขายาวก้าวย่างเบาๆเดินตรงไปที่ข้างเตียงของร่างเล็กที่หลับสนิทอยู่ เขาหย่อนกายนั่งลงข้างๆร่างเล็ก

      “แทมิน” ริมปากบางเผยอเผยคำพูดออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นหยดน้ำใสริมขอบตากระทบกับแสงจันทร์ที่ลอดผ่านเข้ามาในห้อง หยดน้ำตานั้นส่องประกายใส มันเป็นเพียงหยดน้ำตากลมมนเล็กๆ แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวกับถูกบางอย่างที่แหลมคมกรีดลึกที่หัวใจ

      ประกายน้ำตานั้นสั่นไหวทุกครั้งที่ร่างเล็กหายใจเข้าออก มันสั่นอยู่ริมขอบตาสวยที่ยามนี้ดูบวมช้ำ...

      ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปโดยอัตโนมัติ มันเป็นไม่โดยที่เขาก็ไม่ได้รู้ตัว กลีบปากบางจูบซับหยาดน้ำตาที่ทอประกายนั้น ...จงฮยอนจูบเบาๆที่หางตาของทิน

      นิ้วเรียวยาค่อยๆเกลี่ยเช็ดคราบน้ำตาจางๆบนแก้มเนียนใส ค่อยๆบรรจงเช็ดมันออกอย่างเบามือ สายตาคมจับจ้องมองใบหน้าเรียวหวานน่ารัก จ้องมองอย่างสื่อความหมาย

      ความอบอุ่น ความห่วงใย ของจงฮยอนที่มีต่อแทมิน ถูกส่งผ่าน ถ่ายทอดออกมาจากแววตาคมนั้นและสัมผัสจากฝ่ามือใหญ่ที่ลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างแผ่วเบา...


      ...ช่างน่าเสียดายนักที่แทมินไม่ได้รับรู้มัน....


      -----------------END 
      ฝากบ๊อคหน่อยครับ
      http://shirotaemin.exteen.com/20100101/open

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×