ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่สี่
บทที่04
                  อากาศช่วงบ่ายแก่ ๆของต้นหน้าหนาว หอบพาลมเย็น ๆหลายสายพัดผ่านร่างบางที่กำลังเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะใหญ่กลางเมือง  วริตฐาเสยผมข้างที่ลมพัดมาระหน้าออก พลางเดินตรงไปทางริมน้ำที่มีม้านั่งเล็ก ๆวางอยู่  เมื่อวานหลังกลับจากซื้อของหัวหน้าของเธอก็โทรมาบอกให้รีบเคลียร์งานเก่า อยากให้เสร็จก่อนเวลาเพราะต้นอาทิตย์ที่จะถึงนี้ จะมีโปรเจคใหม่เข้ามาและต้องการให้เธอเข้าร่วมด้วย  กว่าจะกลับไปปั่นงานจนเรียบร้อยก็ปาเข้าไปถึงบ่ายวันอาทิตย์ แม้จะมีลูกประจบของหัวหน้าที่สนิทกับเธอว่าจะเพิ่มโบนัสปลายปีให้ หญิงสาวก็ยังอดหงุดหงิดไม่ได้อยู่ดีที่เวลาพักของเธอหดลงจนแทบไม่เหลือ
                    สวนสาธารณะแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ไปมาสะดวกยิ่งจากคอนโดที่หญิงสาวอาศัยอยู่แล้ว เพียงนั่งรถไฟฟ้ามาไม่กี่สถานีก็ถึงได้ง่าย ๆ แถมบริเวณหนึ่งของสวน ทำเป็นธารน้ำวนรอบพื้นที่ และปลูกต้นไม้ไว้อย่างร่มรื่น ชวนให้วริตฐานึกถึง สถานที่สำคัญของเธอที่ต่างจังหวัด จนเธอต้องมาเดินเล่นที่นี่ในยามเครียด ๆทุกครั้ง เพื่อจะให้ภาพเก่า ๆและบรรยากาศเดิม ๆมาผ่อนคลายจิตใจ
                    หญิงสาวผมยาวทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งสีขาวริมน้ำ ไกลออกไปไม่มากมีคนกำลังวิ่งออกกำลังกายยามเย็นกัน และมีเด็กเล็กสองสามคนวิ่งหยอกล้อกันเล่นอย่างสนุกสนาน  ภาพอดีตบางภาพแวบผ่านเข้ามาในสมองของเธอ เด็กหญิงปุยฝ้าย กับนายนที วิ่งหยอกเย้ากันเล่นริมน้ำต่อหน้าเธอ เด็กผู้ชายตัวน้อยหันมามองพลางแลบลิ้นหลอก ก่อนจะเลือนหายไป  วริตฐาฉุนขึ้นมาทันควันก้มลงหยิบก้อนหินใกล้ตัว เขวี้ยงไปยังสายน้ำเบื้องหน้า
                    “ คนบ้า ” หญิงสาวสบถกับตัวเอง แปลกใจน้อย ๆที่อดีตอันแสนนานกลับมาเต้นยั่วอารมณ์เธอติด ๆกันในเวลาไม่กี่วัน
หางตาหญิงสาวเหลือบไปเห็น กลุ่มคนกำลังยกของจัดแต่ง สวนบริเวณหนึ่งกันดูวุ่นวาย ไฟสปอร์ตไลท์ หลายตัวตั้งขึ้นตามองศาที่กำหนด เจ้าหน้าที่หลายคนวิ่งกันขวักไขว่  คงจะมีการถ่ายทำอะไรสักอย่างหญิงสาวคิดพร้อมเหม่อมองวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าอีกครู่ก่อนจะตัดสินใจกลับไปพักรอรับวันทำงานวันต่อไป กระเป๋าสตางค์ผ้าใบเล็กติดพวงกุญแจหล่นตุบลงบนพื้นหญ้าข้างกายโดยไม่ทันสังเกต
                      ชายหนุ่มในเสื้อป่านคอวีสีขาวนั่งเล่นอยู่ริมน้ำห่างจาก วริตฐามาพอควรหันไปเห็นจังหวะที่หญิงสาวเขวี้ยงก้อนหินลงน้ำพอดี  อะไรบางอย่างในภาพร่างนั้นสะกิดความสนใจของเขาขึ้นมา  ความคุ้นเคยอย่างประหลาดบังเกิดขึ้นช้า ๆ รติพัทธ์ลุกขึ้นปัดเศษหญ้าออกจากกางเกง หันไปดูว่ายังไม่มีใครจากกองเดินมาเรียกเขา ก่อนจะก้าวไปทางหญิงสาวคนนั้น หากออกเดินไปไม่ไกล เจ้าของร่างบางผมยาวสลวยก็หมุนตัวกลับเดินออกไปอีกทางหนึ่ง
                      งานถ่ายซ่อมภาพที่เสียไปของ มิวสิควีดีโอเพลงแรกของเขามีไม่มากนัก และยังพอมีเวลาเดินเล่นได้ชั่วครู่ก่อนจะเริ่มถ่ายทำต่อ ชายหนุ่มร่างสูงจึงตัดสินใจเดินไปทางเดียวกับที่วริตฐาเคยนั่งอยู่  และปลายเท้าของเขาก็สะดุดเข้ากับกระเป๋าเล็ก ๆใบหนึ่ง  รติพัทธ์ก้มลงเก็บขึ้นมาพลางหันไปจะเรียกเจ้าของ แต่ร่างเล็กนั้นได้ลับไปไกลแล้ว  ลมหนาวสายหนึ่งพัดลู่กับต้นไม้บริเวณสวนแรงขึ้น ใบไม้ลู่สีกันจนเหมือนจะกำเนิดเป็นเพลงใบไม้ขับขานขึ้น ชายหนุ่มกำลังจะเปิดดูชื่อและที่อยู่ของหญิงสาว แต่ทันที่สายตาเขาจะเห็นรูปเจ้าของในวัยเด็กที่ใส่ไว้ในช่องหน้า เสียงเรียกคุ้นเคยก็ดังขึ้นเบื้องหลัง
                      “ ได้เวลาถ่ายแล้ว  มาเดินซะไกลเลย พี่ก็งงว่าเราหายไปไหน ” ปราถนาพูดพลางดันแว่นที่ตกลงมาขึ้นไปบนจมูกคม สายตากวาดไปเห็นของในมือ ศิลปินของตนพอดี “ อ้าว แล้วกระเป๋านั่น? ”
                      “ เมื่อกี้มีคนทำตกไว้น่ะครับ เป็นผู้หญิงผมยาว ๆ  ผมว่าเดี๋ยวถ้าเค้ารู้ตัวคงจะเดินกลับมาเอา  ฝากพี่ไว้ให้เค้าด้วยนะครับ ”
                      “ จ้า ได้ ๆเดี๋ยวพี่ดูให้  เรารีบไปเถอะ จะได้เสร็จไม่ดึก  พรุ่งนี้มีงานแต่เช้าอีก  เดี๋ยวศิลปินหน้าใหม่หน้าโทรมไปทำงานละแย่เลยนะ ” หญิงสาวสวมแว่นพูดพลางอมยิ้ม ก่อนจะรับกระเป๋าสตางค์จากมือชายหนุ่มมาดูแลให้
                        วริตฐาเดินขึ้นบันไดเลื่อนของสถานีรถไฟฟ้าแล้วจึงขยับตัวหากระเป๋าสตางค์เพื่อหยิบบัตร หากเมื่อคลำหาไม่พบหญิงสาวก็ตกใจ ก่อนจะรีบหันไปดูตามทางที่เธอเดินมาเผื่อจะเห็นว่ามันตกอยู่ที่ใดบ้าง พลางนึกไปถึงตอนอยู่ในสวน แล้วจึงรีบลงบันไดอย่างร้อนใจ
                        ปรารถนาลงนั่งพักบริเวณเก้าอี้สีขาวแถวนั้น นอกจากเพราะรับปากรติพัทธ์ไว้แล้วว่าจะหาเจ้าของให้ หญิงสาวยังเชื่อใจว่าศิลปินในความดูแลของตน มีความรับผิดชอบมากพอไม่จำเป็นต้องเดินตามคุมตลอดเวลา จึงนั่งผ่อนคลายบริเวณนั้น ก่อนจะเปิดกระเป๋าดูเผื่อจะมีอะไรที่จะติดต่อเจ้าของได้ง่ายขึ้น
                        ภาพเด็กชายหญิงคู่หนึ่งยืนยิ้มอยู่หน้าเรือนใหญ่เนื้อตัวมอมแมม ดูคุ้นตาอย่างประหลาด เหมือนกับเค้าหน้าของเด็กผู้ชายในรูปไปคล้ายกันใครซักคนที่เธอรู้จัก รอยยิ้มทะเล้นตรงมุมปากที่ชวนให้ยิ้มตามคล้ายกับ...
                        เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ปรารถนาปิดกระเป๋าพลางรีบรับสาย  เจ้านายเธอโทรมาบอกกำหนดการคุยงานกับบริษัทโฆษณา ทำให้หญิงสาวต้องรีบคว้าแพลนเนอร์ส่วนตัวขึ้นมาจดโดยอาศัยแสงไฟจากริมทางของสวนสาธารณะช่วย
ไม่ทันจะวางสายดี หญิงสาวผมยาวหน้าตาดีคนหนึ่งก็ปรี่เข้ามาหาพลางถามถึงกระเป๋า
                        “ ขอโทษจริง ๆนะคะ  ไม่ทราบคุณเห็นกระเป๋าสตางค์ตกอยู่แถวนี้บ้างรึเปล่าคะ  ”
                        “ ค่ะ  ไม่ทราบเป็นกระเป๋าแบบไหนคะ ” หญิงสาวถามกลับ เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเจ้าของตัวจริงเสียก่อน หลังจากถามไถ่กันเล็กน้อย ปรารถนาก็ส่งคืนให้
                        “ ขอบคุณมากจริง ๆนะคะ  ถ้าไม่พบฝ้ายคงต้องวิ่งวุ่นแน่ ๆ  บัตรตั้งเยอะแยะ  ” หญิงสาวพูดพลางยกมือไว้ผู้สูงวัยกว่าประหลก ๆ
                        “ ไม่เป็นไรจริง ๆค่ะ  จริงๆคนเก็บได้เป็นรุ่นน้องน่ะค่ะ  พอดีเค้าติดทำงานอยู่ตรงโน้น เลยฝากมาหาเจ้าของ ” ปรารถนาพูดพลางชี้ไปทางมุมหนึ่งของสวนสาธารณะที่กำลังถ่ายทำมิวสิควีดีโอกันอยู่
                        “ ค่ะ งั้นฝ้ายฝากขอบคุณรุ่นน้องพี่ด้วยนะคะ ” หญิงสาวยิ้มให้อย่างจริงใจก่อนจะขอตัวกลับ ปรารถนายิ้มรับก่อนจะเดินไปทางกองถ่ายพลางในใจ ติดความรู้สึกเมื่อครู่ไม่หาย กับรูปเด็กผู้ชายที่คุ้นตารูปนั้น
                          วริตฐาเดินมาถึงทางขึ้นรถไฟฟ้า เด็กสาววัยรุ่นสามสี่คนเดินสองลงมาพลางพูดคุยกันอย่างเร่งรีบ
                          “ จริงรึเปล่าที่บอกว่าเห็นพี่รติพัทธ์ในสวนน่ะ ”
                          “ แน่ใจสิ รู้สึกกำลังถ่ายรายการอะไรกันอยู่ด้วย  ตัวจริงหล่อเป็นบ้าเลยล่ะ ” อีกเสียงนึงที่โทรตามเพื่อนให้มาดูดาราตอบ
                          “ ใช่คนที่ร้องเพลงใบไม้รึเปล่า  เคยเห็นออกทีวีแวบ ๆ ซีดียังไม่วางเลยนี่ ”
                          “ ใช่ ๆไปกันเร็ว เดี๋ยวจะได้ขอลายเซ็นไว้ก่อน  รับรองพวกที่ห้องต้องอิจฉากันแน่ ๆ ”  เด็กกลุ่มนั้นวิ่งผ่านวริตฐาลงไปด้านล่างจนเกือบไปชนคนที่กำลังเดินขึ้นมา
                          เพลงใบไม้...คำ ๆนี้ทำให้หญิงสาวนึกถึงเพลงที่ได้ฟังวันก่อนขึ้นมา  ใจหนึ่งก็อยากไปดูหน้าศิลปินคนที่เด็กกลุ่มนั้นพูดถึง แต่ด้วยความเพลีย จึงทำให้หญิงสาวตัดสินใจกลับคอนโด  ขณะที่รถไฟฟ้ากำลังเคลื่อนขบวนไปสู่สถานีถัดไป วริตฐาเอาหน้าแนบกระจกหน้าต่าง มองเฉไปยังสวนสาธารณะเบื้องล่าง เห็นกลุ่มคนกำลังถ่ายทำมิวสิควีดีโอกัน กลางกลุ่มคนนั้น ไฟสปอร์ตไลท์อาบจับหน้า ชายหนุ่มคนหนึ่ง นั่งอยู่เก้าอี้ยาวขยับคล้ายร้องเพลงให้กล้องฟัง ชั่วขณะหนึ่งเหมือนกับรับรู้ได้ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หน้ากล้องผุดลุกขึ้นมองกลับมาทางรถไฟฟ้าที่หญิงสาวมองอยู่ ราวกับเวลาหยุดลงชั่ววินาทีนั้น ความอบอุ่นประหลาดอาบร่างวริตฐา ความห่วงหาอาลัย คิดคำนึงตระหวดัเข้ามาในหัว ก่อนจะจางหายไปเมื่อขบวนรถแล่นเข้าสู่สถานีต่อมา...
                  อากาศช่วงบ่ายแก่ ๆของต้นหน้าหนาว หอบพาลมเย็น ๆหลายสายพัดผ่านร่างบางที่กำลังเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะใหญ่กลางเมือง  วริตฐาเสยผมข้างที่ลมพัดมาระหน้าออก พลางเดินตรงไปทางริมน้ำที่มีม้านั่งเล็ก ๆวางอยู่  เมื่อวานหลังกลับจากซื้อของหัวหน้าของเธอก็โทรมาบอกให้รีบเคลียร์งานเก่า อยากให้เสร็จก่อนเวลาเพราะต้นอาทิตย์ที่จะถึงนี้ จะมีโปรเจคใหม่เข้ามาและต้องการให้เธอเข้าร่วมด้วย  กว่าจะกลับไปปั่นงานจนเรียบร้อยก็ปาเข้าไปถึงบ่ายวันอาทิตย์ แม้จะมีลูกประจบของหัวหน้าที่สนิทกับเธอว่าจะเพิ่มโบนัสปลายปีให้ หญิงสาวก็ยังอดหงุดหงิดไม่ได้อยู่ดีที่เวลาพักของเธอหดลงจนแทบไม่เหลือ
                    สวนสาธารณะแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ไปมาสะดวกยิ่งจากคอนโดที่หญิงสาวอาศัยอยู่แล้ว เพียงนั่งรถไฟฟ้ามาไม่กี่สถานีก็ถึงได้ง่าย ๆ แถมบริเวณหนึ่งของสวน ทำเป็นธารน้ำวนรอบพื้นที่ และปลูกต้นไม้ไว้อย่างร่มรื่น ชวนให้วริตฐานึกถึง สถานที่สำคัญของเธอที่ต่างจังหวัด จนเธอต้องมาเดินเล่นที่นี่ในยามเครียด ๆทุกครั้ง เพื่อจะให้ภาพเก่า ๆและบรรยากาศเดิม ๆมาผ่อนคลายจิตใจ
                    หญิงสาวผมยาวทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งสีขาวริมน้ำ ไกลออกไปไม่มากมีคนกำลังวิ่งออกกำลังกายยามเย็นกัน และมีเด็กเล็กสองสามคนวิ่งหยอกล้อกันเล่นอย่างสนุกสนาน  ภาพอดีตบางภาพแวบผ่านเข้ามาในสมองของเธอ เด็กหญิงปุยฝ้าย กับนายนที วิ่งหยอกเย้ากันเล่นริมน้ำต่อหน้าเธอ เด็กผู้ชายตัวน้อยหันมามองพลางแลบลิ้นหลอก ก่อนจะเลือนหายไป  วริตฐาฉุนขึ้นมาทันควันก้มลงหยิบก้อนหินใกล้ตัว เขวี้ยงไปยังสายน้ำเบื้องหน้า
                    “ คนบ้า ” หญิงสาวสบถกับตัวเอง แปลกใจน้อย ๆที่อดีตอันแสนนานกลับมาเต้นยั่วอารมณ์เธอติด ๆกันในเวลาไม่กี่วัน
หางตาหญิงสาวเหลือบไปเห็น กลุ่มคนกำลังยกของจัดแต่ง สวนบริเวณหนึ่งกันดูวุ่นวาย ไฟสปอร์ตไลท์ หลายตัวตั้งขึ้นตามองศาที่กำหนด เจ้าหน้าที่หลายคนวิ่งกันขวักไขว่  คงจะมีการถ่ายทำอะไรสักอย่างหญิงสาวคิดพร้อมเหม่อมองวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าอีกครู่ก่อนจะตัดสินใจกลับไปพักรอรับวันทำงานวันต่อไป กระเป๋าสตางค์ผ้าใบเล็กติดพวงกุญแจหล่นตุบลงบนพื้นหญ้าข้างกายโดยไม่ทันสังเกต
                      ชายหนุ่มในเสื้อป่านคอวีสีขาวนั่งเล่นอยู่ริมน้ำห่างจาก วริตฐามาพอควรหันไปเห็นจังหวะที่หญิงสาวเขวี้ยงก้อนหินลงน้ำพอดี  อะไรบางอย่างในภาพร่างนั้นสะกิดความสนใจของเขาขึ้นมา  ความคุ้นเคยอย่างประหลาดบังเกิดขึ้นช้า ๆ รติพัทธ์ลุกขึ้นปัดเศษหญ้าออกจากกางเกง หันไปดูว่ายังไม่มีใครจากกองเดินมาเรียกเขา ก่อนจะก้าวไปทางหญิงสาวคนนั้น หากออกเดินไปไม่ไกล เจ้าของร่างบางผมยาวสลวยก็หมุนตัวกลับเดินออกไปอีกทางหนึ่ง
                      งานถ่ายซ่อมภาพที่เสียไปของ มิวสิควีดีโอเพลงแรกของเขามีไม่มากนัก และยังพอมีเวลาเดินเล่นได้ชั่วครู่ก่อนจะเริ่มถ่ายทำต่อ ชายหนุ่มร่างสูงจึงตัดสินใจเดินไปทางเดียวกับที่วริตฐาเคยนั่งอยู่  และปลายเท้าของเขาก็สะดุดเข้ากับกระเป๋าเล็ก ๆใบหนึ่ง  รติพัทธ์ก้มลงเก็บขึ้นมาพลางหันไปจะเรียกเจ้าของ แต่ร่างเล็กนั้นได้ลับไปไกลแล้ว  ลมหนาวสายหนึ่งพัดลู่กับต้นไม้บริเวณสวนแรงขึ้น ใบไม้ลู่สีกันจนเหมือนจะกำเนิดเป็นเพลงใบไม้ขับขานขึ้น ชายหนุ่มกำลังจะเปิดดูชื่อและที่อยู่ของหญิงสาว แต่ทันที่สายตาเขาจะเห็นรูปเจ้าของในวัยเด็กที่ใส่ไว้ในช่องหน้า เสียงเรียกคุ้นเคยก็ดังขึ้นเบื้องหลัง
                      “ ได้เวลาถ่ายแล้ว  มาเดินซะไกลเลย พี่ก็งงว่าเราหายไปไหน ” ปราถนาพูดพลางดันแว่นที่ตกลงมาขึ้นไปบนจมูกคม สายตากวาดไปเห็นของในมือ ศิลปินของตนพอดี “ อ้าว แล้วกระเป๋านั่น? ”
                      “ เมื่อกี้มีคนทำตกไว้น่ะครับ เป็นผู้หญิงผมยาว ๆ  ผมว่าเดี๋ยวถ้าเค้ารู้ตัวคงจะเดินกลับมาเอา  ฝากพี่ไว้ให้เค้าด้วยนะครับ ”
                      “ จ้า ได้ ๆเดี๋ยวพี่ดูให้  เรารีบไปเถอะ จะได้เสร็จไม่ดึก  พรุ่งนี้มีงานแต่เช้าอีก  เดี๋ยวศิลปินหน้าใหม่หน้าโทรมไปทำงานละแย่เลยนะ ” หญิงสาวสวมแว่นพูดพลางอมยิ้ม ก่อนจะรับกระเป๋าสตางค์จากมือชายหนุ่มมาดูแลให้
                        วริตฐาเดินขึ้นบันไดเลื่อนของสถานีรถไฟฟ้าแล้วจึงขยับตัวหากระเป๋าสตางค์เพื่อหยิบบัตร หากเมื่อคลำหาไม่พบหญิงสาวก็ตกใจ ก่อนจะรีบหันไปดูตามทางที่เธอเดินมาเผื่อจะเห็นว่ามันตกอยู่ที่ใดบ้าง พลางนึกไปถึงตอนอยู่ในสวน แล้วจึงรีบลงบันไดอย่างร้อนใจ
                        ปรารถนาลงนั่งพักบริเวณเก้าอี้สีขาวแถวนั้น นอกจากเพราะรับปากรติพัทธ์ไว้แล้วว่าจะหาเจ้าของให้ หญิงสาวยังเชื่อใจว่าศิลปินในความดูแลของตน มีความรับผิดชอบมากพอไม่จำเป็นต้องเดินตามคุมตลอดเวลา จึงนั่งผ่อนคลายบริเวณนั้น ก่อนจะเปิดกระเป๋าดูเผื่อจะมีอะไรที่จะติดต่อเจ้าของได้ง่ายขึ้น
                        ภาพเด็กชายหญิงคู่หนึ่งยืนยิ้มอยู่หน้าเรือนใหญ่เนื้อตัวมอมแมม ดูคุ้นตาอย่างประหลาด เหมือนกับเค้าหน้าของเด็กผู้ชายในรูปไปคล้ายกันใครซักคนที่เธอรู้จัก รอยยิ้มทะเล้นตรงมุมปากที่ชวนให้ยิ้มตามคล้ายกับ...
                        เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ปรารถนาปิดกระเป๋าพลางรีบรับสาย  เจ้านายเธอโทรมาบอกกำหนดการคุยงานกับบริษัทโฆษณา ทำให้หญิงสาวต้องรีบคว้าแพลนเนอร์ส่วนตัวขึ้นมาจดโดยอาศัยแสงไฟจากริมทางของสวนสาธารณะช่วย
ไม่ทันจะวางสายดี หญิงสาวผมยาวหน้าตาดีคนหนึ่งก็ปรี่เข้ามาหาพลางถามถึงกระเป๋า
                        “ ขอโทษจริง ๆนะคะ  ไม่ทราบคุณเห็นกระเป๋าสตางค์ตกอยู่แถวนี้บ้างรึเปล่าคะ  ”
                        “ ค่ะ  ไม่ทราบเป็นกระเป๋าแบบไหนคะ ” หญิงสาวถามกลับ เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเจ้าของตัวจริงเสียก่อน หลังจากถามไถ่กันเล็กน้อย ปรารถนาก็ส่งคืนให้
                        “ ขอบคุณมากจริง ๆนะคะ  ถ้าไม่พบฝ้ายคงต้องวิ่งวุ่นแน่ ๆ  บัตรตั้งเยอะแยะ  ” หญิงสาวพูดพลางยกมือไว้ผู้สูงวัยกว่าประหลก ๆ
                        “ ไม่เป็นไรจริง ๆค่ะ  จริงๆคนเก็บได้เป็นรุ่นน้องน่ะค่ะ  พอดีเค้าติดทำงานอยู่ตรงโน้น เลยฝากมาหาเจ้าของ ” ปรารถนาพูดพลางชี้ไปทางมุมหนึ่งของสวนสาธารณะที่กำลังถ่ายทำมิวสิควีดีโอกันอยู่
                        “ ค่ะ งั้นฝ้ายฝากขอบคุณรุ่นน้องพี่ด้วยนะคะ ” หญิงสาวยิ้มให้อย่างจริงใจก่อนจะขอตัวกลับ ปรารถนายิ้มรับก่อนจะเดินไปทางกองถ่ายพลางในใจ ติดความรู้สึกเมื่อครู่ไม่หาย กับรูปเด็กผู้ชายที่คุ้นตารูปนั้น
                          วริตฐาเดินมาถึงทางขึ้นรถไฟฟ้า เด็กสาววัยรุ่นสามสี่คนเดินสองลงมาพลางพูดคุยกันอย่างเร่งรีบ
                          “ จริงรึเปล่าที่บอกว่าเห็นพี่รติพัทธ์ในสวนน่ะ ”
                          “ แน่ใจสิ รู้สึกกำลังถ่ายรายการอะไรกันอยู่ด้วย  ตัวจริงหล่อเป็นบ้าเลยล่ะ ” อีกเสียงนึงที่โทรตามเพื่อนให้มาดูดาราตอบ
                          “ ใช่คนที่ร้องเพลงใบไม้รึเปล่า  เคยเห็นออกทีวีแวบ ๆ ซีดียังไม่วางเลยนี่ ”
                          “ ใช่ ๆไปกันเร็ว เดี๋ยวจะได้ขอลายเซ็นไว้ก่อน  รับรองพวกที่ห้องต้องอิจฉากันแน่ ๆ ”  เด็กกลุ่มนั้นวิ่งผ่านวริตฐาลงไปด้านล่างจนเกือบไปชนคนที่กำลังเดินขึ้นมา
                          เพลงใบไม้...คำ ๆนี้ทำให้หญิงสาวนึกถึงเพลงที่ได้ฟังวันก่อนขึ้นมา  ใจหนึ่งก็อยากไปดูหน้าศิลปินคนที่เด็กกลุ่มนั้นพูดถึง แต่ด้วยความเพลีย จึงทำให้หญิงสาวตัดสินใจกลับคอนโด  ขณะที่รถไฟฟ้ากำลังเคลื่อนขบวนไปสู่สถานีถัดไป วริตฐาเอาหน้าแนบกระจกหน้าต่าง มองเฉไปยังสวนสาธารณะเบื้องล่าง เห็นกลุ่มคนกำลังถ่ายทำมิวสิควีดีโอกัน กลางกลุ่มคนนั้น ไฟสปอร์ตไลท์อาบจับหน้า ชายหนุ่มคนหนึ่ง นั่งอยู่เก้าอี้ยาวขยับคล้ายร้องเพลงให้กล้องฟัง ชั่วขณะหนึ่งเหมือนกับรับรู้ได้ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หน้ากล้องผุดลุกขึ้นมองกลับมาทางรถไฟฟ้าที่หญิงสาวมองอยู่ ราวกับเวลาหยุดลงชั่ววินาทีนั้น ความอบอุ่นประหลาดอาบร่างวริตฐา ความห่วงหาอาลัย คิดคำนึงตระหวดัเข้ามาในหัว ก่อนจะจางหายไปเมื่อขบวนรถแล่นเข้าสู่สถานีต่อมา...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น