ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    :: เพลงใบไม้ ::

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ห้า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 115
      0
      3 ธ.ค. 47

    บทที่05



        เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ที่วางอยู่หัวเตียงดังขึ้น ด้วยจังหวะเพลงเร็วที่เจ้าของตั้งเอาไว้สำหรับสายเรียกเข้าของคนในบริษัท  ชายหนุ่มเจ้าของโทรศัพท์บิดตัวอยู่บนเตียงนุ่มหนาขนาดใหญ่สมตัว ยกแขนบิดขี้เกียจก่อนจะรับสาย

        “ สวัสดีครับพี่ ...อ๋อตื่นแล้วครับ  ก็เมื่อวานถ่ายถึงดึกวันนี้เลยตื่นช้ากว่าปกติไปหน่อยน่ะครับ  ...ไม่...พี่ไม่เป็นไร ไม่ได้ปลุก ๆ ผมเพิ่งตื่นพอดีครับ ” รติพัทธ์ลุกขึ้นนั่งบนเตียง พลางดูนาฬิกาใกล้ ๆเห็นว่าสายกว่าเวลาตื่นปกติเล็กน้อยก่อนจะตอบ

        “ อืม จะโทรมาเตือนว่าอย่าลืมนัดวันนี้แล้วกัน  ที่เราต้องไปคุยที่บริษัทโฆษณาน่ะ หรือจะให้พี่ไปรับดี  เป็นอะไรรึเปล่าเมื่อวานก็เห็นเหม่อ ๆ ถ่าย ๆอยู่ก็ลุกขึ้นมามองอะไรก็ไม่รู้  ถ้าไม่สบายรีบบอกนะ ก่อนจะได้รักษาก่อนเป็นหนัก  ใกล้ช่วงโปรโมตแล้ว ” น้ำเสียงของปราถนามีแววห่วงใยจริงดังคำพูดทำให้ชายหนุ่มยิ้มรับน้ำใจนั้นน้อย ๆ

        “ ไม่เป็นไรจริง ๆครับพี่ แค่เพลีย ๆน่ะ ส่วนบ่ายนี้ผมไปเองสะดวกกว่าครับ แล้วคง... ” รติพัทธ์พูดต่ออีกเพียงไม่มากก่อนจะวางสาย นึกถึงคำพูดของผู้จัดการสาว เมื่อวานนี้ตอนถ่ายมิวสิควีดีโออยู่ในสวน อะไรบางอย่างเหมือนมาสะกิดเรียกเขา ใครสักคนจากบนรถไฟฟ้ากำลังร้องเรียกเขาอยู่ ลมเย็นช่วงค่ำพัดปลิวพาเสียงเรียกนั้นผ่านเข้าหู จนเขาอดผุดลุกขึ้นพลางมองตามเสียงสัญญาณนั้นไม่ได้ สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นในชั่วขณะเดียว ชายหนุ่มเหมือนไม่รู้สึกจนมีเสียงคัทของผู้กำกับดังขึ้น หลายคนแปลกใจแต่เขาก็แก้ตัวไปคร่าว ๆ หากแต่ใจยังเก็บเอามาคิดอยู่ตลอดเวลา



        บริเวณออฟฟิศของบริษัทโฆษณาเอ็นแอนด์ซี ได้จัดแบ่งพื้นที่การทำงานด้วยการออกแบบของสถาปนิกและมัณฑนากรฝีมือดี ใช้ส่วนต่าง ๆดูโปร่งมีสไตล์และตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เก๋ ให้ผู้ที่ทำงานและที่มาติดต่องานมีความรู้สึกสบาย และดึงดูดความสนใจได้มาก  โต๊ะทำงานของวริตฐาเองก็จัดวางไว้ด้านหนึ่งอยู่กับพวกทีมงานคนอื่น ๆมีฉากใสลวยลายสวยกั้นแบ่งพื้นที่กับโต๊ะคนอื่น บนโต๊ะไม้ที่มีเครื่องตกแต่งพอประมาณ หญิงสาวได้วางมือดินสอกดแท่งโปรดลงช้า ๆ ก่อนเอื้อมไปหยิบกาแฟจากแก้วกระเบื้องใบโปรดมาดื่ม บ่ายนี้จะมีงานชิ้นใหม่เข้ามาทำให้เมื่อวานหญิงสาวต้องกุลีกุจอรีบเคลียร์งานเก่าจนหมด เช้านี้จึงว่างกว่าปกติ พอกะจะลุกไปที่โต๊ะทำงานของเพื่อน โทรศัพท์เครื่องที่ของตนก็สั่นเบา ๆตามระบบที่หญิงสาวตั้งไว้เวลาอยู่ในที่ทำงาน

        “ สวัสดีค่ะคุณแม่ มีอะไรรึเปล่าคะโทรหาปุยฝ้ายตอนเช้า ๆแบบนี้ ” หญิงสาวผมยาวเอนหลังคุยกับมารดาด้วยสรรพนามแทนตัวเหมือนสมัยเด็ก ๆ

        “ ไม่มีอะไรหรอกลูก  แม่แค่จะบอกว่าเดี๋ยวช่วงอาทิตย์หน้าแม่จะไปหาพ่อเค้าที่สวิส  เห็นว่ามีงานเลี้ยงสำคัญอยากให้แม่ไปด้วยแล้วจะมีช่วงพักสองสามวันให้แม่ไปเป็นเพื่อน  ไม่ได้ไปทางโน้นนานแล้ว ก่อนไปคงจะแวะไปหาหนูก่อน ” คุณพรรณรายพูดถึงอดีตสามีที่แม้ตอนนี้จะแยกกันอยู่ แต่หากทั้งสองยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตลอด บ่อยครั้งที่เธอจะแวะไปเยี่ยมเยียนฝ่ายหลังที่ต่างประเทศเวลาเขาต้องไปประจำอยู่เรื่อย ๆ  ในสมัยก่อนปุยฝ้ายเคยลุ้นอยากให้ทั้งสองคือดีกันแต่เมื่อนาน ๆไปการที่เป็นแบบนี้เธอก็ทำใจได้ บางเหตุผลของผู้ใหญ่พูดไปเธอคงไม่เข้าใจนัก

        “ อาทิตย์หน้าเหรอคะ  งั้นคุณแม่บอกปุยฝ้ายใกล้ ๆอีกทีนะคะ ปุยฝ้ายได้ไปรับ ”

        “ จ้ะ  เออเมื่อวานมีเรื่องแปลก  หนูจำน้าปรกบ้านข้าง ๆเราได้มั้ย  พอดีแกเพิ่งกลับจากไปอยู่บ้านลูกสาวมาครึ่งปี  แกบอกว่าเมื่อตอนก่อนแกไป คงพอดีกับช่วงที่แม่ไปหาคุณพ่อหนู มีคนมาแถวบ้านเรา ถามแม่กะปุยฝ้าย  พอไม่เจอก็เดินไป ๆมาๆซักพักแล้วกลับไป  ชื่ออะไรแกก็ไม่ทันได้ถาม เห็นว่าเป็นผู้ชายวัยราว ๆหนูตัวสูง ๆขาว ๆ  มีเพื่อนปุยฝ้ายแวะไปแถวนั้นรึเปล่าลูก  ”

        “ ไม่มีนี่คะ ถ้าไปปุยฝ้ายก็น่าจะรู้  ไม่รู้ว่าใคร... ” ระหว่างพูดต่อกับมารดา เมื่อนึกไปถึงสิ่งที่ได้รับฟังหัวใจของเธอก็กระตุกน้อย ๆ  หวังในใจไว้ว่าอาจจะเขาคนนั้น

        หลังจากวางสายวิรตฐาก็เดินหากุลวรินทร์ถึงที่โต๊ะ หญิงสาวผมสั้นกำลังขมวดคิ้วมุ่น ยุ่งอยู่กับงานตรงหน้า แว่นสายตากรอบดำที่นาน ๆจะหยิบมาใส่เวลาต้องเพ่งสายตามาก ๆ ขยับนิดหนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นทักเพื่อนสนิท

        “ มาเงียบเชียวปุยฝ้าย มีอะไรรึเปล่า ” กุลวรินทร์เอ่ยทักพลางวางมือจากงานตรงหน้า

        “ เปล่าหรอกกะจะมานั่งคุยด้วยซักหน่อย  แต่กุลยุ่งอยู่ไว้เดี๋ยวค่อยมาอีกรอบก็ได้ ”

        “ ไม่เป็นไรหรอก นั่งสิ ๆ  เดี๋ยวเราค่อยทำต่อก็ได้ กำลังอยากพักอยู่พอดีเลย ”

        “ อ้าว... ” วริตฐาเห็นเพื่อนปิดแฟ้มงานเอาปากกาคั้นไว้เอาดื้อ ๆ อดขำไม่ได้ความที่ชินแล้วจึงเลื่อนเก้าอี้ใกล้ ๆเข้ามานั่งคุยด้วย

        “ ได้ข่าวจะได้รับโปรเจคใหญ่นี่นา  เดี๋ยวนี้เพื่อนเราดังใหญ่แล้วแฮะ คุณกมลถึงเรียกเจาะจงมาเลย ” สาวผมสั้นถึงหัวหน้าของพวกเธอที่ค่อนข้างจะใจดีกับลูกน้องมาก ๆ และฝีมือการทำงานก็เป็นที่ยอมรับเขาทุกคน เขาสามารถจัดการกับปัญหาร้อยแปดพันเก้าที่มีเข้าในบริษัทอย่างชาญฉลาดเสมอ

        “ ไม่หรอกกุล แค่บังเอิญมากกว่าน่ะ  กลัวเหมือนกันนะเนี่ย ถ้าทำได้ไม่ดีละตายเลยคราวนี้ ” วริตฐาพูดพลางแสดงสีหน้าให้รู้ว่าเธอก็กังวลอยู่ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปพูดถึงเรื่องที่คุณพรรณรายเพิ่งบอกให้เพื่อนสนิทฟัง อีกฝ่ายอดแปลกใจไม่ได้จึงรีบถามกลับ

        “ คนที่ว่าอาจจะเป็นนายนทีอะไรของเธอใช่มั้ย  ที่ว่าเป็นอะไรน้ารักแรกใช่ปะ ” กุลวรินทร์ทำหน้าล้อ

        “ บ้าสิ รักร่งรักแรกอะไรกัน เด็กขนาดนั้น  เพื่อนเก่าย่ะ   ไม่รู้ว่าจะเป็นเค้ารึเปล่า  หายไปนานขนาดนี้  แถมยังผิดคำพูดอีก ถ้าเป็นจริง ๆ เราก็คงจำไม่ได้ด้วยแหละ ”

        “ ก็จริงนะ  ไม่เจอกันตั้งเป็นสิบปีนี่เนอะ... ”

        ทั้งสองคุยกันต่ออีกไม่นาน วริตฐาก็ขอตัวกลับไปที่โต๊ะเพื่อให้เพื่อนได้ทำงานต่อ หากแต่ในใจหญิงสาวยังติดอยู่กับคำพูดนั้น ถ้าชายคนนั้นเป็นนทีจริง เธอจะได้พบกับเขาอีกเมื่อไหร่กัน  และถ้าพบจะจำกันได้รึไม่ คิดไปคิดมาก็สรุปเองว่า จะต้องไปสนใจทำไมกับคนไม่รักษาสัญญาแบบนั้น ก่อนจะพยายามสลัดเรื่องนี้ออกจากหัวไป



        รติพัทธ์ นัดกับปราถนาและเจ้าหน้าจากค่ายเพลงและบริษัทสปอนเซอร์เรื่องโฆษณาไว้ตอนบ่ายที่บริษัทโฆษณา  ชายหนุ่มออกจากบ้านสบาย ๆตั้งแต่เที่ยง กะว่าไปถึงก่อนเวลาเล็กน้อย  หากแต่การจราจรในกรุงเทพที่ทุกคนเคยชินกลับคับคั่งกว่าทุกวัน ชายหนุ่มร้อนใจจึงปรับคลื่นวิทยุไปฟังรายงานการจราจร จึงรู้ว่าอุบัติเหตุรถชนกันหลายคันเกิดขึ้นบริเวณสี่แยกที่เขามุ่งหน้าไปอยู่  รติพัทธ์จึงเบนรถออกไปทางซอยทางลัดใกล้ ๆเพื่ออ้อมไปทางอื่น เมื่อเลี้ยวเข้าไปในซอยเขาก็เห็นรถเข็นขายน้ำมะพร้าวคันหนึ่งกำลังจอดขายให้ชาวบ้านแถวนั้นพอดี รติพัทธ์เหลือบดูนาฬิกาเห็นว่าเวลายังพอมีจึงตัดสินใจจอดรถใกล้ ๆบริเวณนั้นแวะลงไปซื้อน้ำมะพร้าวทาน

        ใกล้ ๆกันนั้นหญิงสาวร่างท้วมแต่งหน้าจัดถือกระเป๋าหนังใบย่อมเดินออกจากคอนโดใกล้ ๆ  หลงเสร็จกิจเดินเก็บค่าเช่าเธอกะว่าจะไปหาน้ำดื่มจากร้านใกล้ ๆเช่นกัน ขณะเดินมาทางที่รติพัทธ์ยืนอยู่ ชายร่างผอมเกร็งคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามากระแทกจากด้านหลังคว้ากระเป๋าเงินไปจากเธอ  หญิงเจ้าของคอนโดตกใจร้องเรียกให้คนช่วย รติพัทธ์ที่กำลังยืนรอน้ำมะพร้าวอยู่ได้ยิน หันไปเห็นคนร้ายกำลังวิ่งหนีไปทางซอยเล็กใกล้ ๆเขาจึงรีบตัดสินใจออกวิ่งตามไปทันที



        ประตูของห้องประชุมเล็ก เป็นไม้หนาบุผ้าเปิดออกช้า ๆ พนักงานต้อนรับสาวเดินนำแขกสี่คนเข้ามาในห้อง แต่ละคนแต่งตัวภูมิฐาน ชายวัยกลางคนสองคนมาจากบริษัทเครือข่ายมือถือยักษ์ใหญ่ ที่เหลือเป็นชายวัยสามสิบต้น ๆมากับหญิงสาวใส่แว่นตัวแทนจากบริษัทเพลงค่ายดัง  ทางผ่ายบริษัทโฆษณาได้แนะนำและทักทายกันพอสมควร ก่อนจะเชิญลูกค้าทั้งกลุ่มนั่งอีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะประชุม

        วริตฐานั่งตรงข้ามกับหญิงสาวสวมแว่นที่เดินตามมาหลังสุด แม้จะดูเรียบร้อยหมดจดตามแบบสาวทำงานแต่ดูเหมือนเธอจะกระวนกระวายใจอยู่ไม่น้อยจนสาวผมยาวฝั่งตรงข้ามสังเกตเห็น พอดูให้ชัดหญิงสาวก็จำได้ว่าเป็นคนที่เก็บกระเป๋าสตางค์ให้เธอเมื่อวานจึงยิ้มให้อย่างเป็นมิตร อีกฝ่ายเองก็ยิ้มตอบเพราะจำได้เช่นกัน

        เริ่มบททสนทนากันทำให้วริตฐาเพิ่งได้รู้สาเหตุอาการกระวนกระวายของคนตรงหน้าหลังจากปรารถนาแจ้งในที่ประชุมว่าศิลปินหน้าใหม่ที่จะใช้โปรโมตในโฆษณาชุดนี้ยังมาไม่ถึง กำลังรีบมามาและขอโทษที่ประชุมก่อนจะเริ่มการประชุมต่อ

        วริตฐานึกเหน็บในใจไม่ได้ นี่ขนาดเป็นศิลปินหน้าใหม่ ยังไม่ดังมากก็นิสัยเสียไม่มาตามนัดประชุมซะแล้ว แถมเธอยังต้องทำงานร่วมด้วยอีก  อยากเห็นหน้าซะจริงคนไม่รับผิดชอบแบบนี้หน้าตาเป็นยังไง.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×