ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    :: เพลงใบไม้ ::

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่สาม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 161
      0
      31 ต.ค. 47





                      “ นทีใจร้าย ขี้โกหก …  ” เสียงตะโกนสั่นเครือของร่างน้อย ก้องไปบนพื้นน้ำกว้างเบื้องหน้า  เด็กหญิงทรุดตัวลงนั่งข้างโคนต้นไม้ใหญ่  สถานที่แห่งคำสัญญาระหว่างเธอและเพื่อนที่สนิทที่สุด “ …ไหนสัญญาจะมาเล่นเพลงให้เราฟังทุกวันไง ” น้ำตาอุ่น ๆหยาดอกมาบนแก้มสุกปลั่ง มือน้อย ๆยกขึ้นปาดออกช้า ๆ



                       มือเรียวลูบที่แก้มบางอีกรอบตามรอยคราบน้ำตาสายน้อย ๆที่ไหลผ่าน ก่อนจะยกมือกุมขมับและเสยผมยาวสลวยที่ไม่เป็นทรงเมื่อตื่นนอนออกจากหน้าผาก  ฝันถึงวันเวลาในช่วงเยาว์วัยเวียนมาให้เห็นอีกรอบ  หญิงสาวคิดว่าอาจจะเป็นเพราะบทเพลงปริศนาที่ดูคุ้นเคยที่ผ่านหูจากคลื่นวิทยุเมื่อวาน เรียกเอาภาพวันเก่ากับเด็กหนุ่มในอดีตให้เวียนมาให้เธอพบเห็นอีกครั้ง  

                       แสงจาง ๆลอดผ่านม่านที่ปิดไม่สนิทดีทาบทาลงมาบนเตียงนุ่ม  วริตฐาเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาปลุกเรือนเล็กที่หัวเตียงขึ้นมาดู  เวลาเจ็ดนาฬิกา ออกจะดูเช้าเกินไปสำหรับการตื่นขึ้นในเช้าวันหยุดเช่นนี้สำหรับเธอ  หญิงสาวหาวหวอดเล็ก ๆก่อนจะยันกายขึ้นนั่งสายตาเหลือบมองกรอบรูปกรอบเดิม



                         ร่างระหงก้าวพ้นบานประตูกระจกใสในขอบไม้เข้ามาในร้าน เสียงกรุ๋งกริ๋งของโมบายขนาดเล็กบริเวณประตูดังพอจะให้ชายหนุ่มอายุราวสามสิบตอนกลางที่อยุ่หลังเคาท์เตอร์หันมามองพลางทักทาย

                      “ คุณปุยฝ้ายมาเช้าเชียวครับ  รับอย่างเดิมรึเปล่าครับ ” เจ้าของร้านกาแฟขนาดเล็กทักทายอย่างเป็นกันเอง  เป็นเวลานานพอดูแล้วที่เมื่อใดที่มีเวลาว่าง วริตฐาจะต้องมานั่งดื่มกาแฟที่ร้านประจำแห่งนี้  ร้านขนาดเล็กแต่ร่มรื่นกลางเมืองใหญ่ บริเวณรอบนอกร้านมีการปลูกต้นไม้ประดับให้ความรู้สึกสดชื่น ภายในจัดวางโต๊ะเก้าอี้เป็นชุด ๆเพียงไม่มากนัก พอให้ดูเป็นกันเอง แสงไฟสีเนื้อออกนวลให้ความรู้สึกอบอุ่น พร้อมผนังด้านหนึ่งยังเป็นชั้นหนังสือไม้ขนาดกลางที่รวบรวมเอาหนังสือหลากหลายประเภทตมรสนิยมเจ้าของไว้เต็มแน่น เพื่อบริการลูกค้า และสำหรับลูกค้าประจำให้หยิบยืมได้ง่าย  และนอกจากลูกค้าขาจรที่แวะมาที่ร้านและบอกต่อกันปากต่อปากถึงกาแฟและเบเกอรี่โฮมเมดที่หอมกรุ่น ก็มีลูกค้าขาประจำอยู่จำนวนหนึ่งที่แวะมาบ่อย ๆจนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี รวมไปถึงวริตฐาด้วย

                        “ พอดีวันนี้ตื่นเช้าน่ะค่ะ  แล้วไม่มีธุระอะไรเป็นพิเศษด้วยเลยกะจะมาทาน บราวนี่สูตรเฉพาะของที่นี่ด้วย ” หญิงสาวว่าพลางทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะประจำริมหน้าต่าง  ชั่วครู่เดียวกาแฟหอม ๆพร้อมบราวนี่ที่อบเสร็จใหม่ ๆก็ถูกยกมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ  หญิงสาวนิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจถามเจ้าของร้านอย่างไม่แน่ใจ

                        “ คุณกัณฑ์ได้ฟังใหม่ ๆบ้างมั้ยคะ  พวกเพลงไทยน่ะค่ะ  พอดีวันก่อนได้ฟังในวิทยุเปิดเพลงนึงน่าสนใจดี  มีการเอาเสียงเป่าใบไม้มาประกอบด้วย ”

                        “ อืม  ท่าทางจะยังไม่เคยล่ะครับ  ผมไม่ค่อยได้ตามกระสเพลงใหม่ ๆเท่าไหร่  แปลกนะครับปกติเห็นคุณสนใจแต่พวกเพลงคลาสสิก …ฟังดูแล้วก็น่าสนใจ  ถ้ามีโอกาสผมคงต้องลองหามาฟังด้วยเหมือนกัน ”

                          ลูกค้าอีกสองคนเดินเข้ามาในร้านทำให้การสนทนาจบแค่ตรงนั้น หลังเจ้าของร้านเดินไปรับแขกแล้ว หญิงสาวก็อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ว่าทำไมตนถึงต้องสนใจเพลง ๆหนึ่งขึ้นมาขนาดนั้น  อาจจะเป็นเพราะอะไรบางอย่างในบทเพลงเมื่อวานสะท้อนภาพของนทีให้เห็นในห้วงคำนึงของเธอ



                            ช่วงบ่ายของวัน วริตฐาก็ใช้เวลาไปกับการจับจ่ายซื้อของใช้จำเป็นที่จดรายการเตรียมเอาไว้ที่ห้างใหญ่ใกล้คอนโด พอได้ของครบตามรายการ ขาของเธอก็พาเจ้าของก้าวตรงไปยังร้านขายซีดีโดยไม่ได้ตั้งใจ  เมื่อไปถึงหญิงสาวก็ได้แต่เดินสำรวจไปเรื่อย ๆ เพราะเธอเองก็ไม่รู้ชื่อศิลปินคนนั้นหรือแม้แต่ชื่อเพลงที่ตามหา  หลังจากเดินผ่านไปผ่านมารอบ ๆแผงสินค้าออกใหม่และเพลงไทยสากลได้สักครู่ ๆ  เมื่อไม่มีแผ่นไหนสะดุดใจและยากจะควานหา หญิงสาวคงไม่ลงทุนขนาดไปร้องเพลงที่เพิ่งเคยได้ยินให้พนักงานร้านฟังแน่  วริตฐาจึงตัดสินเดินออกจากร้านมาอย่างแปลกใจตนเอง ขณะที่สวนออกมาจากร้านเด็กวัยรุ่นสองคนเดินไปถามพนักงานที่เคาท์เตอร์

                           “ พี่คะ ไม่ทราบว่าเพลงของ รติพัทธ์ ออกรึยังคะ ”

                           “ ยังเลยครับ  มีคนถามเข้ามาเยอะหมือนกัน  ทางเราเพิ่งจะมีแค่แผ่นซิงเกิ้ลที่ใช้โปรโมตเอง  แผ่นเต็มคงใกล้จะออกแล้วล่ะครับ ” พนักงานหนุ่มตอบได้ทันที เพราะไม่ใช่เพียงเด็กวัยรุ่นสองคนนี้เท่านั้น หากช่วงนี้มีลูกค้าจำนวนมากที่มาคอยถามถึงเพลงฮิต เพลงใหม่ที่ติดอันดับเกือบทุกคลื่น



                           ปรารถนา หญิงสาวอายุราวสามสิบห้า แต่การแต่งตัวดูจะทำให้แก่ไปอีกสองถึงสามปีด้วยชุดที่ดูภูมิฐาน และมาดที่รักษาไว้ตลอดเวลาเพื่อการทำงานที่ต้องติดต่อกับคนมากมายอยู่เสมอ ทำให้หญิงสาวไม่มีเวลาจะมาห่วงตัวเองมากนัก ผมยาวกรอมไหล่รวบตังมัดไว้หลังศีรษะ แว่นกรอบหนาบนสันจมูกเป็นหนึ่งในสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เธอดูมีอายุมากกว่าที่ควรจะเป็น   หญิงสาวเดินตรงตัดตัวบ้านทันสมัยไปอย่างคนคุ้นเคยกับสถานที่ ผ่านออกไปด้านหลังที่มีบริเวณไม่มากแต่ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ที่เจ้าของบรรจงปลูกไว้เป็นสวนหย่อมเล็ก ๆ

                          ใต้ร่มไม้ใหญ่สองต้นในสวนมีเปลผ้าขึงไว้ระหว่างกลาง ด้านข้างมีโต๊ะวางแก้วน้ำหวานที่เหลือน้ำและน้ำแข็งเพียงไม่มากตรงก้นแก้ว  เจ้าของแก้วนอนเอกเขนกอยู่บนเปลอ่านหนังสืออ่านเล่นอยู่  พอเห็นหญิงสาวเดินเข้ามาในบริเวณสวนก็ร้องทัก

                            “ สวัสดีครับพี่  มาถึงนี่เลย มีงานด่วนอะไรรึเปล่าครับ  ผมจำได้ว่าเรานัดกันไว้ตอนบ่ายนี่นา ” รติพัทธ์พูดพลางหมุนตัวลงมานั่งสบาย ๆที่เปล พลางรอหญิงสาวที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขา แต่เขาเคารพดั่งพี่สาวคนหนึ่งตอบ

                            “ พี่โทรหาเราแต่ไม่มีคนรับ นี่คงลืมมือถือไว้ข้างบนอีกล่ะสิ ” ปรารถนาพูดพลางดันแว่นขึ้น มองชายหนุ่มที่ยิ้มทะเล้นแบบเด็กตรงหน้าขำ ๆ ก่อนนั่งลงบริเวณชานบ้านทียื่นออกมา “ จริง ๆไม่มีอะไรด่วนมากหรอก  พอดีผู้ใหญ่เค้าจะเพิ่มการโปรโมตให้เรา  ให้ไปเล่นโฆษณาของสปอร์นเซอร์  เค้ากะจะให้ป์นโฆษณาแบบซีรีย์ต่อเนื่องกันหลาย ๆตอนให้คนจำเราได้  แล้วจะใช้เพลงของเราโปรโมตไปด้วย ทีนี้ผู้ใหญ่เค้าจะให้เราไปคุยกับบริษัทโฆษณาด้วยกันเลยจันทร์นี้  พี่กะโทรบอกเราก่อน  แต่พอดีเมื่อเช้าพี่มาธุระแถวนี้เลยแวะเข้ามาหาเนี่ย  ยังไงตอนบ่ายก็ต้องไปเจอกันอยู่แล้ว ได้ออกไปทีเดียวเลย  เราทานอะไรรึยังล่ะ ” หญิงสาวพูดเรื่องงานต่อด้วยถามไถ่ตามปกติ ในตอนแรกเมื่อได้รับมอบหมายให้มาดูแลศิลปินใหม่คนนี้ เธอก็เฉย ๆเหมือนกับทำงานกับคนอื่นทั่วไป หากพอได้รู้จักนิสัยกันจริง ๆ รติพัทธ์ก็ผิดจากศิลปินคนอื่น ๆที่เธอร่วมงานด้วย ชายหนุ่มไม่ถือตัว แถมยังทำราวกับเธอเป็นพี่สาวจริง ๆ ปรารถนาจึงเอาใจใส่เขามากกว่าศิลปินคนอื่น ด้วยความรู้สึกเหมือนพี่น้อง

        “ ยังเลยพี่  หิวจะแย่แล้วเนี่ย  ของในบ้านก็หมดแล้ว  เราออกไปหาอะไรกินกันแถวนี้ดีกว่า แล้วค่อยเลยไปออกรายการทีเดียวเลย   รอผมแป้บนะครับขอเวลาแต่งตัวเดี๋ยวเดียว ” พูดพลางเดินขึ้นไปห้องนอนด้านบนอย่างรวดเร็ว

        

        ในห้องนอนส่วนตัวของรติพัทธ์ ตกแต่งเรียบง่ายด้วยเครื่องเรือนรุ่นใหม่ที่เน้นดีไซน์สวยงามทันสมัย  ชายหนุ่มอาบน้ำเรียบร้อยแล้วแต่เช้าจึงทำแค่เปลี่ยนชุดและแต่งผมเล็กน้อย ก่อนจะมองไปทางกระจกบานใหญ่ดูความเรียบร้อย ที่ด้านบนของโต๊ะทำงานข้าง ๆกระจก มีตะขอแขวนสร้อยเอาไว้ เป็นสร้อยที่มีจี้รูปใบไม้ที่ทางต้นสังกัดเตรียมให้เพื่อให้การแต่งกายของชายหนุ่มเป็นไปตาม concept ที่วางเอาไว้  รติพัทธ์หยิบสร้อยเส้นนั้นขึ้นมาสวมทับลงไปที่คอ  หากใครไม่สังเกตคงเห็นเพียงสร้อยเส้นเดียวโดยที่จริง ๆแล้ว ชายหนุ่มสวมอีกเส้นที่ขนาดเล็กกว่าเอาไว้ก่อน ที่สร้อยเส้นนั้นมีเพียงแหวนเล็ก ๆวงหนึ่งถักทอจากดอกหญ้าผ่านเวลายาวนานแขวนไว้ มือขาวจับที่แหวนวงนั้นเบา ๆราวกับกลัวจะบุบสลาย พลางหลับตานึกภาพบางอย่างในอดีตที่กำลังผุดพรายขึ้นมาช้า ๆ ราวกับจะเรียกกำลังใจในการใช้ชีวิตในแต่ละวันจากแหวนวงนี้ จากความทรงจำถึงคนที่ผูกแหวนไว้ให้ในอดีต...



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×